Dear, My customer.
ตอนที่6 จังหวะวอลซ์ ฝนยังคงตกอย่างเอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นเคย แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นข้อดีของหน้าร้อน มีฝน มีแดด จึงมีดอกไม้บาน
วันรุ่งขึ้นกอร์ดอนไปที่บาร์อีก โดยปราศจากเงาของลอร์ดโทรว์บริด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถคุยกับแม่สาวแอนนาเบลได้อย่างราบรื่น แม้จะยังตะกุกตะกักอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ช่างตัดเสื้อหนุ่มอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา อย่างที่คนซึ่งตกอยู่ในห้วงความรักเป็นกัน เขาเขียนแบบเสื้อและกางเกงขึ้นมาใหม่อีกหลายชุด รวมไปถึงออกไปเลือกซื้อผ้าใหม่ๆ มาเพิ่มด้วย
ลอร์ดโทรว์บริดเงียบหายไปเลยหลังจากวันนั้น ซึ่งกอร์ดอนไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะฝ่ายนั้นเป็นถึงเอิร์ล เขาก็ควรมีเรื่องที่ต้องไปทำบ้าง ไม่ใช่มาเวียนเข้าออกร้านตัดเสื้อทุกวันอย่างที่เคยทำอยู่
งานที่ร้านก็ยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีงานไหนเร่งเป็นพิเศษ ว่าไปแล้วช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับกอร์ดอนเสียจริงๆ
แต่หลังจากหายไปหนึ่งสัปดาห์กับอีกสามวัน ลอร์ดโทรว์บริดก็มาปรากฏตัวที่ร้านเขาอีกครั้ง สวมหมวกฮอมเบิร์กสีดำใบเดิม เสื้อโค้ทตัวเดิม และดูชอบใจดอกกุหลาบสีชมพูในร้านที่กอร์ดอนเพิ่งซื้อมาเปลี่ยนใหม่เป็นพิเศษ
“ที่บ้านผมมีกุหลาบแฟร์เบียนกาหลายต้น เดี๋ยวผมจะให้คนตัดมาฝากคุณสักช่อ” ท่านเอิร์ลพูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนยิ้มให้เขา
“ขอบคุณครับ วันนี้คุณมาเสียบ่ายเลย มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
ลอร์ดโทรว์บริดยักไหล่ “มี ผมอยากได้ทักซิโดส์สำหรับใส่ไปงานเต้นรำ”
“ครับ”
“คุณพ่อบอกว่าเสื้อที่ผมเอามาจากอเมริกาใช้ไม่ได้สักตัว ตัวเก่าที่เคยใส่ก่อนไปที่โน่นก็ใส่ไม่ได้แล้ว” ท่านเอิร์ลบ่นพลางทำหน้าหงุดหงิด “แต่ผมเกลียดชุดทักซิโดส์ชะมัด”
“ทำไมล่ะครับ คุณใส่แล้วน่าจะดูดีออกนะ”
“ไม่รู้สิ ผมไม่ชอบ” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ยิ่งต้องถือไม้เท้า กับสวมหมวกทรงสูงนั่นอีกนะ โอ๊ย แค่นึกผมก็กลัวจะเห็นตัวเองในกระจกแทบตาย”
กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณจะเข้าไปดูมั้ยว่าจะใช้ผ้าอะไรดี”
“อื้อ” ลอร์ดโทรว์บริดพยักหน้า “ผมจะตัดเสื้อเชิ้ต กับเสื้อกั๊กใหม่ด้วย เอาให้ครบชุดไปเลย คุณพ่อจะได้เลิกบ่น”
------------------------------------
ลอร์ดโทรว์บริดอยากได้เสื้อหางยาวตัวนอกสีดำ แต่เสื้อกั๊กเป็นสีแดงเลือดหมู ส่วนกางเกงเป็นสีน้ำเงิน กอร์ดอนแย้งว่ามันดูไม่เหมาะสำหรับงานเต้นรำแบบเป็นทางการ ยิ่งเป็นงานใหญ่ๆ ที่เต็มไปด้วยแขกระดับสูงยิ่งไม่เหมาะ หลังจากเถียงกันนาน ลอร์ดโทรว์บริดก็ตกลงว่าจะตัดเป็นสีดำทั้งหมดหนึ่งชุด และตัดสีที่ตัวเองเลือกไว้ต่างหากอีกหนึ่งชุด กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีกับงานที่เพิ่มขึ้นมาดี
“แล้วคุณกับแม่สาวแอนนาเบลเป็นไงบ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดถามขึ้นหลังจากนั้น กอร์ดอนหันไปตอบเขา “ก็ดีครับ หลังจากวันนั้นผมยังได้เจอเธออีกตั้งสองสามครั้ง”
“ดีจัง” เอิร์ลหนุ่มว่า “งั้นคุณชวนเธอไปงานเต้นรำที่บ้านผมสิ”
“หา?”
“วันศุกร์หน้าที่บ้านผมจะมีงานเต้นรำ ผมตั้งใจจะเชิญเพื่อนๆ ไปเต้นเป็นเพื่อนพวกเลดี้ทั้งหลายที่คุณพ่อจะเชิญมา คุณเองก็ไปด้วยสิ ชวนแอนนาเบลไป”
กอร์ดอนมองหน้าเขาก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ได้หรอกครับ งานคุณมีแต่แขกผู้มีเกียรติ ผมจะชวนแอนนาเบลไปได้ยังไง ผมไม่มีศักดินา แล้วเธอก็ไม่ใช่เลดี้สักหน่อย อีกอย่างผมไม่อยากให้เธอรู้ว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจริงๆ”
“อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดทำเสียงหนักใจ “แต่วันนึงถ้าเธอแต่งงานกับคุณก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละน่า” เขาว่า กอร์ดอนยังคงยืนกรานปฏิเสธ “ไว้มันถึงขั้นนั้นแล้วค่อยว่ากันเถอะครับ ผมขอบคุณที่คุณให้เกียรติเชิญพวกเรา”
ลอร์ดโทรว์บริดยังคงมีสีหน้าคิดหนักเหมือนเดิม “แต่ถ้าขาดคุณไปหนึ่งคนมันก็ไม่ครบทีมน่ะสิ”
“ทีมอะไรครับ?”
“ทีมสโมสรแบล็กเบิร์ดไง” ลอร์ดหนุ่มว่า “พวกเราทุกคนตกลงจะไปงานทั้งหมดเลยนะ ขาดคุณไปได้ยังไง คุณโดดเข้าประชุมสโมสรมาตั้งหลายสัปดาห์แล้วด้วย”
ช่างตัดเสื้อหนุ่มทำหน้าเหวอ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเป็นสมาชิกสโมสรลับนั่น ลอร์ดโทรว์บริดหรี่ตามองเขา ก่อนจะตกลงเองเสร็จสรรพ
“ถ้าคุณไม่สะดวกชวนแอนนาเบลก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงคุณต้องไปงานเต้นรำที่บ้านผม”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “พ่อแม่ผมก็รู้จักคุณ เพื่อนผมก็เป็นเพื่อนคุณ คุณห้ามมีข้ออ้างอะไรอีก วันศุกร์หน้าผมจะให้โอลิเวอร์เอารถม้ามารับคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเอง” กอร์ดอนรีบพูดขึ้นต่อ เพราะไม่อยากรบกวนคนรับใช้หนุ่มให้ต้องเอารถม้ามารับช่างตัดเสื้ออย่างเขา ลอร์ดโทรว์บริดมองหน้าเขาซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ไม่โกหกผมนะ”
“ครับ ผมไปแน่”
“ดี” ฝ่ายนั้นพูดพลางยิ้ม “ชุดจะเสร็จวันไหน”
“น่าจะวันพฤหัสฯ” กอร์ดอนว่า “ช่วงนี้ผมไม่มีงานเร่ง แต่เฉพาะสีดำนะครับ กางเกงสีน้ำเงินกับกั๊กสีแดงด้านในน่าจะถัดไปอีกสองสัปดาห์”
“อ๋อ ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “แล้วผมต้องเข้ามาลองเสื้อวันไหน”
“วันอังคารครับ” กอร์ดอนตอบ “คุณไม่ต้องเข้ามาหรอก เดี๋ยวผมเอาเข้าไปให้ลองที่คฤหาสน์ดีกว่า”
“ไม่เอาล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ผมมานี่ดีกว่า คุณนัดเวลามาเลย ผมไม่ชอบอยู่ที่คฤหาสน์ คุณไปก็เสียเวลาเปล่า”
“แต่ผมไปก่อนมื้อเย็น ประมาณห้าโมงเองครับ” กอร์ดอนว่า “ก่อนเวลามื้อเย็นคุณยังจะไปไหนอีกหรือ?”
“มาที่นี่ไง” ลอร์ดโทรว์บริดพูดพลางยิ้ม “พอลองเสื้อเสร็จแล้วพวกเราก็ออกไปทานมื้อเย็นกัน”
-----------------------------------------------
แต่พอถึงวันอังคารที่นัดกันไว้ ลอร์ดโทรว์บริดกลับมาที่ร้านตั้งแต่ก่อนเที่ยง ด้วยสีหน้าแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด
“เย็นนี้มีงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ท่านดยุก คุณพ่อบังคับให้ผมไป” ลอร์ดโทรว์บริดบ่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยื่นกุหลาบแฟร์เบียนกาช่อใหญ่ให้กอร์ดอน “เอ้า ผมตัดมาฝากคุณ”
“ขอบคุณครับ” กอร์ดอนรับกุหลาบช่อนั้นไว้ ก่อนจะพูดตอบไป “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงเสื้อคุณก็พร้อมลองแล้ว คุณไปรอที่ห้องลองเลยครับ เดี๋ยวผมเอาเสื้อเข้าไปให้”
ลอร์ดโทรว์บริดเข้าไปรอในห้องลองเสื้อ กอร์ดอนจึงเรียกเดวิดให้เอาดอกกุหลาบช่อนั้นไปให้มิสซิสมาร์ธาจัดแจกัน
“ว้าว กุหลาบสวยมากเลย คุณโอเดนเบิร์ก ท่านเอิร์ลซื้อมาฝากคุณหรือ?” เดวิดถาม เมื่อเห็นกุหลาบช่อใหญ่ในมือของเจ้านาย
“เปล่า ของที่คฤหาสน์เขาน่ะ” กอร์ดอนตอบ เดวิดพยักหน้า แล้วรับดอกไม้ไปให้มิสซิสมาร์ธา เขาเลยเดินไปหยิบเสื้อและเรียกช่างอีกคนไปช่วยดูรายละเอียดในการลองชุด
“ขยายช่วงแขนออกไปอีก” ลอร์ดโทรว์บริดพูด หลังจากสวมเสื้อทั้งหมดแล้ว “มันทำให้ผมขยับไม่สะดวกเลย”
“แต่มันจะทำให้คุณดูดีมากนะครับ ถ้าเอาออกไปอีกผมเกรงว่ามันจะดูไม่สวยเอา”
“แต่ผมขยับลำบากนี่นา” เอิร์ลหนุ่มว่า “ผมต้องเต้นรำนะ”
“ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ คุณไม่ได้ใส่ออกไปเล่นโปโลสักหน่อย แขนเสื้อตัวนอกของทักซิโดส์มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
ลอร์ดโทรว์บริดทำหน้าไม่เชื่อถือ “ไม่เอา ผมว่าไม่สะดวกแน่ ไม่เชื่อคุณมายืนตรงนี้เลย เดี๋ยวผมเต้นให้ดู”
กอร์ดอนไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง เลยเดินไปตามที่ฝ่ายนั้นว่า ลอร์ดโทรว์บริดมองหน้าเขา “เอ้า จับบ่าผมสิ คุณยืนทื่อแบบนั้นจะรู้ได้ไงว่าผมขยับลำบาก”
กอร์ดอนนึกสงสัยว่ามันจำเป็นด้วยหรือ แต่เพราะฝ่ายนั้นทำหน้าตาจริงจัง เขาเลยต้องทำตาม โดยการเอามือจับลงไปบนหัวไหล่ของอีกฝ่าย
“ไม่ใช่แบบนั้น” เอิร์ลหนุ่มบ่น ก่อนจะจับมือเขาขยับไปวางบนไหล่ “คุณต้องวางลงไปแบบนี้ เบาๆ นี่อย่าบอกนะว่าเต้นรำไม่เป็น?”
“ก็ไม่เป็นน่ะสิครับ” ช่างตัดเสื้อหนุ่มตอบ “ผมพยายามจะบอกคุณแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องเชิญผมไปงานเต้นรำ เพราะผมเต้นไม่เป็น”
ได้ยินเสียงลอร์ดโทรว์บริดครางออกมา “เออ ผมลืมนึกไปเลย ขนาดคุณเห็นผู้หญิงยังพูดไม่ออก จะเต้นรำเป็นได้ไง”
“ถ้าคุณล้อผมแบบนี้อีกผมจะโกรธคุณจริงๆ ด้วย” กอร์ดอนว่า อีกฝ่ายจึงรีบขอโทษขอโพย “โทษทีๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมสอนเอง ยังไงพวกเราต้องไปกันให้ครบทีมอยู่แล้ว”
กอร์ดอนอ้าปากนึกอยากเถียง แต่ก็คิดได้ว่าคงไม่มีประโยชน์ ลองฝ่ายนั้นตกลงใจจะให้เขาทำอะไรสักอย่าง ก็คงหาวิธีมาเกลี้ยกล่อมให้เขาทำจนได้นั่นแหละ
“ตกลงครับ ผมจับไหล่คุณ แล้วไงอีกครับ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา”
ลอร์ดโทรว์บริดยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกมา “ทีนี้วางมือซ้ายของคุณไว้บนมือผม”
กอร์ดอนทำตาม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อฝ่ายนั้นใช้มืออีกข้างรวบเอวเขาเข้าไปแนบตัว
“เอ้า ขยับเท้าถอยหลังไปตามผมนะ” ลอร์ดหนุ่มสั่ง จากนั้นกอร์ดอนก็รู้สึกเหมือนโดนเหยียบเท้า
“โอ๊ย คุณเหยียบเท้าผม”
“ก็ผมบอกแล้วให้คุณถอย”
“ผมจะรู้ได้ไง”
“เดี๋ยวผมเหยียบคุณก็รู้เองนั่นแหละ”
“....”
หลังจากทนยอมให้ลอร์ดโทรว์บริดเหยียบเท้าอยู่หลายครั้ง ในที่สุดกอร์ดอนก็พูดออกมาอย่างทนไม่ไหว “ตกลงมันเกี่ยวกับแขนเสื้อตรงไหนครับเนี่ย?”
“กำลังจะเกี่ยวนี่แหละ” เอิร์ลหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วดึงมือเขาขึ้นไปชูเหนือศีรษะ “นี่ไง พอทำแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่ามันติด ชัดเลย”
กอร์ดอนย่นคอมองผ่านแขนตัวเองที่ถูกลอร์ดโทรว์บริดชูอยู่ไปยังแขนเสื้อฝ่ายตรงข้าม “แล้วไงครับ มันก็ยกได้แค่นี้นี่แหละ คุณจะให้ยกได้สุดแบบเสื้อเชิ้ตเลยหรือไง”
“ถ้าได้แบบนั้นก็เยี่ยมเลย” ท่านเอิร์ลว่า “ผมอยากได้เสื้อสูทกับเสื้อโค้ทที่ขยับได้เหมือนเสื้อเชิ้ตมานานแล้ว”
กอร์ดอนดึงมือลงแล้วพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าเสื้อสูทกับเสื้อโค้ทขยับได้แบบนั้น มันก็เป็นเสื้อเชิ้ตหมดแล้วสิ”
“สรุปว่าคุณทำไม่ได้?”
“ไม่ได้ครับ” กอร์ดอนตอบ “ในฐานะช่างตัดเสื้อ ผมขอยืนยันว่าเสื้อตัวนี้จะสวยที่สุด ถ้าคุณไม่พยายามแก้แขนเพื่อให้มันเหมือนกับเสื้อเชิ้ต แต่ถ้าคุณอยากแก้ ผมเรียนเชิญร้านอื่นครับ เพราะร้านผมไม่ทำให้เด็ดขาด เสียชื่อคุณปู่หมด”
“ก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดยอมลงให้ในที่สุด “ผมเชื่อคุณแล้วกัน”
ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะให้ฝ่ายนั้นถอดเสื้อที่ใช้ลองออกเพื่อเอาไปเย็บเก็บความเรียบร้อยต่อ หลังจากช่างที่เข้ามาช่วยดูนำเสื้อออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดก็หันมาพูดกับเขา
“พรุ่งนี้ตอนค่ำผมจะมารับคุณไปหัดเต้นรำ”
“หา?”
“ไม่ต้องทำหน้างง” เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “คุณต้องหัดเต้นรำ อย่างน้อยๆ ต่อไปคุณจะได้ชวนสาวๆ เต้นรำได้ เพราะงั้นพรุ่งนี้คุณเตรียมตัวไว้เลย”
---------------------------------------
วันพุธลอร์ดโทรว์บริดเอารถม้ามารับเขาหลังมื้อค่ำ แต่กอร์ดอนผู้น่าสงสารยังคงอยู่ในชุดที่ใช้ทำงานเมื่อตอนกลางวัน เขาเพิ่งกินมื้อคำเสร็จและยังไม่มีแม้แต่กระทั่งเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ขอร้องล่ะครับ ผมไม่ไปได้ไหม?” ช่างตัดเสื้อหนุ่มโอดครวญ เขาอยากจะนอนพักผ่อน ไม่ใช่ถูกลากออกไปหลังมื้อคำแบบนี้ “ผมสัญญาแล้วไงว่าจะไปงานเต้นรำของคุณ แต่ผมคงไม่จำเป็นต้องเต้นรำหรอก ยังไงผมก็ไม่กล้าขอใครอยู่แล้ว”
“แต่สักวันคุณต้องขอแอนนาเบลอยู่ดี” ลอร์ดโทรว์บริดว่า ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอ่อนลงนิดหน่อย “มากับผมเถอะ ถือว่าผมขอคุณแล้วกัน ไปหัดเต้นรำกับผมนะ”
ท้ายที่สุดกอร์ดอนก็ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่งรถม้าไปกับเอิร์ลหนุ่ม
รถม้าพาพวกเขาทั้งคู่มาหยุดหน้าอาคารซึ่งกอร์ดอนจำได้ว่าเป็นที่ตั้งของสโมสรแบล็กเบิร์ด เมื่อเข้าไปในห้องประชุม ก็พบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“สายัณห์สวัสดิ์จอห์นนี่ กอร์ดอนด้วย ในที่สุดพวกนายก็มากันซะที ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะออกไปเดินเล่นรอ” คนที่เอ่ยทักคือลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เขานั่งอยู่หลังแกรนด์เปียโนตัวใหญ่ ซึ่งกอร์ดอนแน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่ในห้องเมื่อคราวที่เขามาครั้งก่อน
“สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดจอร์จ แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ?” กอร์ดอนทักทายฝ่ายนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าเขา “อ้าว จอห์นนี่ไม่ได้บอกนายหรือ? วันนี้สโมสรหยุด พวกเราที่เหลือเตรียมตัวไปงานเต้นรำกัน ฉันมานี่เพราะจอห์นนี่ขอร้องให้มาช่วยสอนนายเต้นรำ”
“อ๋อ... ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน” กอร์ดอนก้มศีรษะให้ฝ่ายนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบโบกมือทันที “ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้รบกวนหรอก ที่จริงฉันก็หาโอกาสหนีจากมาร์กาเร็ตอยู่นานแล้วเหมือนกัน”
กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่ลอร์ดโทรว์บริดไม่ปล่อยให้เพื่อนของเขาอธิบายอะไรมากกว่านั้น เขาหันมาทางกอร์ดอน “ก่อนอื่นเลย คุณต้องเรียนรู้มารยาทเวลาจะขอใครเต้นรำก่อน”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขำพรวดออกมา “โอ้โห จอห์นนี่ ฉันไม่นึกไม่ฝันว่าวันนึงจะได้ยินนายสอนมารยาทคนอื่น”
ลอร์ดโทรว์บริดทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขายังคงพูดกับกอร์ดอนด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกผู้หญิงจะนั่งรออยู่ที่เก้าอี้” เขาชี้ไปที่เก้าอี้ที่วางอยู่ตรงผนังห้อง แล้วทำท่าบอกให้กอร์ดอนเดินไปนั่ง พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งเรียบร้อย เขาก็พูดต่อ “คุณเดินเข้าไปหาพวกเธอ ชำเลืองมองเล็กน้อย ยิ้มแล้วก็โค้งให้เธอสวยๆ จากนั้นก็พูดว่า ได้โปรดเต้นรำกับผมนะครับ”
ลอร์ดโทรว์บริดทำตามที่เขาพูด เขาเดินตรงมายังเก้าอี้ที่กอร์ดอนนั่งอยู่ ชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะโค้งให้แล้วพูด “เต้นรำกับผมนะครับ”
“นายจะไม่พูดคำว่า ‘ได้โปรด’ ก็ได้นะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่นั่งอยู่หลังเปียโนพูดแทรกขึ้น “ถ้านายเป็นถึงเอิร์ลที่เป็นว่าที่มาควิสอย่างจอห์นนี่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขาหรอก”
ลอร์ดโทรว์บริดยืดตัวขึ้น แล้วหันไปมองเพื่อน “จริงๆ ฉันว่าเราควรชวนมาร์กาเร็ตมาที่นี่ เธอคงเป็นคู่เต้นรำที่ดีของกอร์ดอนได้”
“โธ่... ฉันแค่เล่นมุกนิดหน่อยนายถึงกับต้องยกเรื่องมาร์กาเร็ตมาขู่ฉันเลยหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง กอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะรีบลากลอร์ดทั้งสองคนให้กลับมาพูดในประเด็นที่มันควรจะเป็น ก่อนทีมันจะกลายเป็นเรื่องอื่นไป
“จากนั้นแล้วไงต่อครับ พอเธอตอบตกลงแล้ว”
“เธอจะยื่นมือให้คุณ ยื่นออกมาสิ” ลอร์ดโทรว์บริดสั่ง กอร์ดอนยื่นมือออกมา ก่อนจะโดนบ่นอีก “ไม่ใช่ แบบนี้ต่างหาก” ฝ่ายนั้นทำท่าให้เขาดู ก่อนจะขยับมายืนฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง แล้วจับมือเขาเอาไว้ “คุณก็รับมือเธอ จากนั้นก็จูงมากลางฟลอร์”
กอร์ดอนเดินตามอีกฝ่ายไปกลางห้อง ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นมาอีก “ได้เวลาฉันออกโรงแล้วใช่มั้ย?”
“ยัง” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ฉันต้องสอนเขาเรื่องการจับมือก่อน”
“ว้า...”
ลอร์ดโทรว์บริดไม่สนใจเสียงครางของเพื่อน เขามองหน้ากอร์ดอน “ผมจะสอนคุณเต้นฝั่งผู้ชายนะ คราวก่อนผมให้คุณจับบ่าใช่มั้ย คราวนี้คุณต้องจับเอวผม ส่วนมืออีกข้างคุณต้องยื่นออกมาทำท่าประคองมือของผู้หญิงเอาไว้”
กอร์ดอนรู้สึกว่าเขาคงดูเงอะงะสิ้นดี เอวของลอร์ดโทรว์บริดใหญ่มาก และมือของฝ่ายนั้นก็ใหญ่พอๆ กัน
“คุณต้องสบตาคู่เต้นของคุณด้วยนะ ข้อนี้สำคัญเลย” ลอร์ดโทรว์บริดพูด กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเขา “แบบนี้หรือ?”
“ใช่” ฝ่ายนั้นพยักหน้าจริงจัง “การไม่สบตาคู่เต้นถือว่าเสียมารยาทมาก คุณต้องให้ความสำคัญกับเธอด้วยการมองเธอแค่คนเดียว”
“ครับ”
“จอร์จ ถึงเวลานายออกโรงแล้ว”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหมือนรอเวลานี้อยู่นานมาก เขาวางมือลงบนเปียโน “ฉันขอเสนอเพลงนี้ให้พวกนายสองคน “Waltzes Op.34 No.2 ของโชแปง”
จากนั้นเขาก็ไล่นิ้วลงไปบนเปียโน เสียงค้อนไม้ที่รองไว้ด้วยขนแกะกระทบกับสายลวดดังก้องออกมาจากแกรนด์เปียโนตัวนั้น
“เพลงนี้เป็นจังหวะวอลซ์” ลอร์ดโทรว์บริดพูด “คุณก้าวเท้าตามผมนะ เอ้า ข้างซ้าย... โอ๊ย!”
“ขอโทษครับ” กอร์ดอนรีบขอโทษขอโพยที่เหยียบเท้าฝ่ายนั้น ลอร์ดโทรว์บริดสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร เอาใหม่นะ”
“ครับ”
“เอาล่ะ ข้างซ้าย อย่างนี้แล้วหมุนตัว... คุณเหยียบเท้าผมอีกแล้ว”
“ขอโทษครับ”
หลังจากทนฟังเสียงบ่นจากลอร์ดโทรว์บริดอยู่อึดใจหนึ่ง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็หยุดเล่นเปียโน “จอห์นนี่ ฉันแนะนำว่านายควรจะเต้นให้เขาดูก่อนรอบนึง ขอร้องล่ะ สงสารกอร์ดอน เขาไม่เคยเต้นนำใคร เขาเต้นเลยไม่ได้หรอก นายต้องเต้นให้เขาดูก่อน”
ลอร์ดโทรว์บริดนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “ตกลง เอาแบบนั้นแล้วกัน”
เขาจับมือของกอร์ดอนไปวางไว้ที่บ่า แล้วรวบเอวฝ่ายนั้นมาไว้แนบตัว ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “เออ ค่อยดูเข้าท่าขึ้นมาหน่อย”
เปียโนเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดมองหน้าคู่เต้นของเขา “ขยับตามผมนะ ไม่ต้องเกร็งมาก เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เต้น”
พูดจบฝ่ายนั้นก็เริ่มขยับเท้ามาแตะปลายเท้าของเขา กอร์ดอนพยายามถอยตาม ลอร์ดโทรว์บริดใช้มือข้างที่โอบเอวของเขาอยู่ค่อยๆ ดันตัวเขาให้เคลื่อนไปตามทิศทางที่ต้องการ ไม่นานนักกอร์ดอนก็เริ่มเข้าใจว่าเขาควรจะก้าวเท้าหลบเท้าของอีกฝ่ายอย่างไร
“คุณเริ่มวางเท้าดีแล้ว” เอิร์ลหนุ่มพูดยิ้มๆ “คราวนี้เหลือแค่คุณเงยหน้ามองผม”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรตอบ ลอร์ดโทรว์บริดรั้งเอวของอีกฝ่ายให้เข้ามาแนบตัวมากขึ้น กอร์ดอนเลยจำต้องเงยหน้ามองเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ต้องจับแน่นขนาดนี้เลยหรือครับ?” ช่างตัดเสื้อถามอย่างไม่แน่ใจนัก เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “อือ คอร์เซ็ตของผู้หญิงแข็งจะตาย เธอไม่เจ็บหรอก”
“อ๋อ... จริงด้วย”
ทั้งคู่เต้นช้าๆ ไปตามจังหวะเพลง กอร์ดอนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของฝ่ายตรงข้าม และรู้สึกเหมือนถูกดวงตาสีเขียวคู่นั้นตรึงเอาไว้ ลอร์ดโทรว์บริดยิ้มบางๆ ให้เขา แล้วโน้มหน้าเข้ามา จนปลายจมูกแทบจะชิดกัน
“ต้องใกล้กันขนาดนี้เลยหรือ” กอร์ดอนถาม เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฝ่ายนั้นพยักหน้า
“อืม... ใกล้เท่าที่คุณพอใจนั่นแหละ แต่จำไว้อย่างนึงนะ”
“อะไรครับ?”
“ห้ามจูบคู่เต้นตอนที่กำลังเต้นอยู่เด็ดขาด แม้ว่าคุณจะอยากจูบเธอขนาดไหนก็ตาม มันเสียมารยาทน่ะ”
“ผมไม่กล้าหรอก” ช่างตัดเสื้อโพล่งออกมา รู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้า แต่ยังคงถูกบังคับให้จ้องหน้ากับลอร์ดโทรว์บริดต่อไป เขาเห็นดวงตาสีเขียวของฝ่ายนั้น แต่มองไม่เห็นริมฝีปาก เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป
“จอห์นนี่!” เสียงเรียกทำเอาคนถูกเรียกสะดุ้งโหยง พลอยทำให้คนที่ยืนอยู่ด้วยกันสะดุ้งไปด้วย พอหันไปก็เห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าแปลกๆ “นายควรลองให้กอร์ดอนเต้นฝั่งผู้ชายได้แล้ว”
“นั่นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดรีบพูดเหมือนเพิ่งนึกได้ เขารีบจับมือกอร์ดอนเปลี่ยนฝั่งทันที ช่างตัดเสื้อยังคงมองใบหน้าของท่านเอิร์ลด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกว่าฝ่ายนั้นเกือบจะจูบเขาแล้ว ถ้าเสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่ดังขึ้นเสียก่อน
เปียโนเริ่มบรรเลงอีกครั้ง คราวนี้กอร์ดอนทำได้ดีกว่าเก่า เขาสามารถพาลอร์ดโทรว์บริดเต้นตามจังหวะเพลงได้ แม้จะไม่คล่องเท่าตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดเป็นฝ่ายนำก็ตาม หลังจากลองเต้นกันไปสองรอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็สรุปขึ้นมา
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าใช้ได้แล้วสำหรับกอร์ดอน นายควรจะให้เขากลับไปพักผ่อน เพราะเขายังต้องตัดชุดให้นายอีก”
“นั่นสินะ” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งเขา”
“ไม่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นอีก “ฉันจะไปส่งกอร์ดอนเอง เพราะคฤหาสน์ฉันผ่านทางนั้นพอดี นายกลับไปก่อนเลย”
“แต่...”
“ฉันอยากจะไปดูหน้าร้านของกอร์ดอนเอาไว้บ้าง เผื่อวันไหนจะแวะเข้าไปตัดเสื้อ นายมีปัญหาหรือ?”
“เปล่า... เอาตามนั้นก็ได้ ขอบใจนะจอร์จ”
“อืม ราตรีสวัสดิ์จอห์นนี่ เจอกันวันศุกร์”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์”
ทั้งสามคนแยกย้ายกันหน้าอาคารสโมสร กอร์ดอนขึ้นรถม้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ตอนอยู่ในรถม้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถอนหายใจเสียงดัง
“มีอะไรหรือครับ?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่งกอร์ดอนที่หน้าร้าน เขาเหลือบมองป้าย ก่อนจะพยักหน้า “ไว้ว่างๆ ฉันจะแวะมา”
“ขอบคุณครับ” กอร์ดอนโค้งให้เขา “ราตรีสวัสดิ์ครับลอร์ดจอร์จ”
“ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน”
รถม้าแล่นออกมาจากถนนบรอมต์ตัน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจกับตัวเอง
“จอห์นนี่ที่น่าสงสาร พระเจ้าต้องเล่นตลกกับนายแน่ๆ เลยสร้างกอร์ดอนให้เกิดมาเป็นผู้ชาย”
------------------------------------
(จบตอน)
*** โอ๊ย บอกตรงๆ ค่ะ ดิฉันชอบตอนนี้มาก ชอบช็อตเต้นรำของคู่นี้ม๊ากมากกกก
บรรจงแปะวอลซ์ของโชแปงที่ใช้ประกอบเรื่องไว้ ณ จุดนี้เลย ฮ่าๆๆ
https://www.youtube.com/watch?v=PGdpRmL2XUcขอบคุณที่ติดตามค่า