เมฆินยั้งปากไว้ เกือบจะสำเร็จแล้ว ทว่าไม่วายตะโกนลับหลัง
ใช่ "ไล่หลัง" ดีกว่าน้า
---------
หวั่นไหวแร้ว เวลาแก้แค้นของชนินทร์ก็อีกไม่นานแล้วดิ 555
แก้แล้ว ต้องขอขอบคุณพี่มากๆนะครับ
บทที่ 8
ชนินทร์หายดีจากไข้ เพราะมีคนเฝ้าคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ…
กลับไปทำงานใหม่ ร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวเข้ากับงานหนักๆ เชลยหนุ่มตั้งใจทำงาน บ่งบอกถึงคนที่รับผิดชอบและรู้จักคิด
แต่คนฉลาด…ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีเสมอไป
เมฆินสลัดความเข้าอกเข้าใจในตัวเชลยหนุ่มออกจากหัว สัญญากับตัวเอง…ต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องการแก้แค้น
เขาจะไม่ยอมปล่อยฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวของเขาหลุดลอยไปแน่!
บ่ายคล้อย ชนินทร์นั่งพักใต้ร่มไม้
อากาศร้อนระอุ ชายหนุ่มหยิบกระติกน้ำขึ้นมาดื่ม เขานั่งอยู่ตามลำพัง เนื่องด้วยไม่มีใครต้อนรับเขา ไม่รู้ว่าเพราะคำสั่งของนายใหญ่รายนั้นหรือเปล่า?...
“ผมนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ?”
ใบหน้าขาวหันไปตามเสียง ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคนงาน กำลังทำท่าจะนั่งลง
“คะ…ครับ”
ชนินทร์มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นเงา…
“คุยกับผมแบบนี้ ไม่เท่ากับขัดคำสั่งนายคุณหรือ?”
หนุ่มผิวเข้ม หน้าตาดูดีไม่เหมือนคนไร่…ส่งยิ้มกว้างให้
ท่าทางของเขาดูซื่อๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ นายเข้าเมือง อีกนานกว่าจะกลับ”
ชนินทร์นั่งเฉยๆ ในขณะที่ผู้มาเยือนแบ่งห่อข้าวให้
“ข้าวครับ ผมเห็นคุณไม่เข้าไปในโรงอาหาร”
“ผมไม่หิว ขอบคุณนะ”
ชนินทร์ไม่ต้องการทำให้นายคนนี้เดือดร้อน อย่างน้อยเขาก็คงโดนหักเงินเดือน มากสุดก็ไล่ออก
“เอ่อ…อย่าว่าผมเลยนะ แต่อย่าพูดกับผม…ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน กลับไปซะเถอะ”
หนุ่มผิวเข้มหน้าเสียเล็กน้อย
“…ผมขอโทษครับ”
ทำท่าจะลุก แต่แล้วชนินทร์ก็เปลี่ยนใจ
ช่างนายนั่นเถอะ อย่างน้อย…เขาก็ขอมีเพื่อนไว้คุยแก้เครียดสักคน
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ นั่งลงเถอะ อยู่คุยกันก่อน”
นั่นลงตามเดิม ส่งยิ้มซื่อๆให้
“ว่าแต่ ทำไมนายถึงสั่งไม่ให้ใครคุยกับคุณล่ะครับ?”
กล่าวราวกับชนินทร์เป็นคนสำคัญ…
เปล่าเลยต่างหาก
“ไม่รู้ซิ…”
“คุณมาทำงานให้กับนาย…คุณเป็นเลขาฯคนใหม่ของนายหรือครับ?”
ชนินทร์เหม่อลอย ส่ายศีรษะเล็กน้อย
“เปล่าหรอก ผมก็เป็นคนงานเหมือน…ทุกๆคนนั่นแหละ”
“คุณ…คุณชื่ออะไรหรือครับ?”
ชนินทร์มองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ไม่รู้ทำไม…รอยยิ้มกว้างนั่นทำให้เขาวางใจ
ว่าต้องเป็นคนดี
แต่เปลือกนอกของมนุษย์…ย่อมปกปิดสิ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผย
“…นายบอกก่อนซิ”
“ผมชื่อไอ้ดำครับ ใครๆก็เรียกไอ้ดำๆ”
‘ดำ’ กล่าวซื่อๆ
“ผม…ผมชื่อชนินทร์”
ดำยิ้มแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
“อืม ว่าแต่ คุณชนินทร์พักอยู่ที่ไหนหรือ? หรือว่ามาทำงานเช้าแล้วกลับเย็น”
ร่างบางพยักหน้า
“บ้านคุณอยู่หมู่ไหนล่ะครับ?”
ชนินทร์อึกอัก เพราะเขาเพิ่งจะโกหกคำโตออกไป
“…”
“บ้านผมอยู่หนองใส ไม่ไกลจากที่นี่หรอกครับ ผมอยู่กับแม่สองคนเท่านั้น คุณล่ะครับอยู่กับใคร?”
“ผม…อยู่คนเดียว”
“คนในโรงอาหารเขาลือกันว่า ตอนนี้นายมีผู้หญิง…จริงหรือเปล่า”
ชนินทร์รีบหันไปสบตาดำ…ซึ่งส่งยิ้มล้อเลียนเจ้านายมา
“เคยเห็นหรือเปล่าครับ? คงสวยหยาดเยิ้มเชียวล่ะ”
ชนินทร์ขนลุกซู่…
นับแต่นั้นมา ชนินทร์มีนายดำคอยเป็นเพื่อนคุย เป็นที่ๆสามารถระบายเรื่องเครียดๆในชีวิตของเขาได้
อย่างน้อย ก็ยังดีที่มีคนให้โต้ตอบ นอกเหนือจากคำพูดด่าทอและการกระทำหยาบช้าเหล่านั้น…
ทุกอย่างถูกจับจ้องภายใต้สายตาของเจ้านายหนุ่ม
เมฆินไม่พอใจ
“คุณไปสนิทสนมกับคนงานใหม่นั่นตั้งแต่เมื่อไร?”
ร่างสูงยืนกอดอกอยู่หน้าประตู คืนหนึ่งที่จู่ๆเมฆินก็เข้ามาหาเรื่อง ท่าทางหัวเสียมาก่อน
“อะไรนะ?”
ชนินทร์กำลังจะเข้านอน เหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับพายุร้ายอีกหน
“ผมถามว่าคุณไปสนิทสนมกับนายดำตั้งแต่เมื่อไร?”
ชนินทร์หน้าซีดเผือด ตอบอะไรไม่ถูก
“บอกแล้วใช่มั้ย…ว่าอย่าได้ไปพูดคุยกับใคร ถ้าผมไม่สั่ง”
ใบหน้าคมดุดัน เหี้ยมเกรียม ย่างกรายเข้ามาด้วยอารมณ์โมโห
“ผม…ผมขอโทษ”
แต่ชายหนุ่มไม่รับฟัง
“คิดหนีหรือ คุณยังกล้าคิดหนีไปจากที่นี่อีกหรือ?”
ร่างสูงใหญ่จับข้อมือบาง บีบแน่น ชนินทร์ร้องโอ๊ย แต่ยังไม่หลุดออกจากการเกาะกุม
“รู้ใช่มั้ยว่าครั้งสุดท้ายที่คุณคิดหนีเรื่องมันเป็นอย่างไร…หรือว่าผมละเลยคุณนานไปหน่อย หึ ทีหลังก็บอกซี ผมพร้อมจะเป็นผัวคุณได้ทุกเมื่อเลยล่ะ”
พูดจบ เมฆินโถมร่างหนาหนักลงใส่ร่างบางทันที ฉีกทึ้งเสื้อผ้าอีกฝ่ายจนขาดรุ่ย…มีเพียงเสียงร้องไห้และลมหายใจหอบหนักของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นที่ดังขึ้น
ชนินทร์ไม่เคยขัดขืนเขาได้…
แพ้ราบคาบตลอดกาล
“คนกักขฬะ! หยาบโลน คุณมันชั่วร้าย!”
เมฆินยิ่งบีบข้อมือ ขึงตา กางแขนทั้งสองข้างของชนินทร์ราบกับเตียง
“อ้อ งั้นเหรอ?”
บดจูบรุนแรงลงมา ชนินทร์รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย สะบัดมือแล้วยกขึ้นตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง
เมฆินหน้าหัน ก่อนจะยกมือขึ้นตอบโต้อย่างที่โดนกระทำ ทว่าแรงกว่าหลายเท่า
“อย่าได้บังอาจ…ตบหน้าผมอีก!”
เมฆินลดนิ้วที่ชี้หน้าอีกฝ่ายลง…ขมวดคิ้ว…คงเพราะชนินทร์ไม่ร่ำร้อง ไม่มีเสียงร้องไห้แม้แต่นิดเดียว
มีเพียงแววตารวดร้าว…จ้องมองมา
โดนขึงผืดอยู่ ร่างกายนั้นร้าวราวแตกเป็นเสี่ยงๆ
“…”
ชนินทร์กัดริมฝีปากแน่น พูดอะไรไม่ออก ไม่มีการต่อว่าให้เขาแม้แต่คำเดียว!
“ดี! จำไว้…คุณเป็นของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น!”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ลูกชายกูตกน้ำ!”
เสียงร้องโวยวายของคนงานผู้หญิง ทำให้ใครหลายคนรีบหันไปสนใจ ชนินทร์ที่กำลังประคองพวงองุ่นลงจากเครืออยู่ใกล้ที่สุด
“อะไรนะครับป้า?”
“คุณ…คุณช่วยลูกชายป้าด้วย…ลูกชายป้าจมน้ำ”
ชนินทร์เป็นคนแรกที่ออกวิ่งตามหญิงคนนั้น ถึงบ่อน้ำที่กักน้ำไว้ใช้ในไร่ เด็กคนหนึ่งกำลังพยายามตะเกียกตะกายตัวเอาชีวิตรอดอยู่ในน้ำ
ชนินทร์ไม่รอช้า พุ่งตัวลงไปในน้ำทันที
ความวุ่นวายเกิดตามมาเมื่อคนงานอื่นๆมุงดู มารดาเด็กที่จมน้ำได้แต่ยืนดูน้ำตานองหน้า ครู่เดียวที่ชนินทร์สามารถลากร่างไร้สติกลับเข้าฝั่ง เขาเป็นคนว่ายน้ำแข็ง เนื่องจากว่ายอยู่ที่สระภายในบ้านเป็นประจำ
“ทุกคนถอยออกไปก่อนครับ”
ชายหนุ่มอุ้มร่างเล็กขึ้นมาวาง แล้วเริ่มทำกายผายปอด…ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ และแล้วเด็กก็สำลักน้ำ เริ่มหายใจอีกครั้ง
มารดาถลาเข้ามาโอบกอดไว้ สีหน้าคนงานหลายคนโล่งใจและชื่นชมในตัวชนินทร์…คนงานใหม่คนนี้นอกจากหน้าตาท่าทางจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้ดี ยังมีจิตใจงดงาม ไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย
มิน่า…ถึงได้เป็นคนสำคัญของนาย…
เที่ยงนั้น ชนินทร์กลายเป็นขวัญใจในหมู่คนงาน ในที่สุดเขาก็ได้รับการต้อนรับจากทุกๆคน โดยเฉพาะ ‘ป้าไผ่’ คนครัวที่นับว่าอาวุโสที่สุด
มารดาของเด็กแทบจะก้มลงกราบ แต่ชนินทร์ไม่ยอมเพราะตนอายุน้อยกว่า เด็กที่จมน้ำเดินเข้ามาพนมมือไหว้…ชนินทร์มองหน้าแล้วโล่งใจ ที่อย่างน้อยเขาก็ช่วยให้ชีวิตใครคนหนึ่งได้อยู่ต่อบนโลกใบนี้
เขาเสียอีก…ที่อยากลาลับ
…นั่งกินข้าวอยู่กับดำ คนงานหลายคนเดินเวียนเข้ามาถามไถ่ ไม่นานก็รู้จักกันหมด ดำกล่าวยิ้มๆตอนอยู่กันตามลำพัง
“คุณชนินทร์ชนะใจทุกคนแล้วนะครับ ดูซิ ไม่มีใครทำตามคำสั่งนายแล้ว ทั้งที่นายดุออกขนาดนั้น”
ชนินทร์ยิ้มเจื่อนลง เขาไม่อยากพูดถึงคนๆนั้น
ป้าไผ่เดินขโยกเขยกเอากล้วยบวชชีมาให้ด้วยตนเอง ก่อนจะนั่งลงร่วมวง
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อคุณ ไม่ต้องเกรงใจ กินเยอะๆเลย”
ชนินทร์ยกมือไหว้น้อบน้อม สร้างความประทับใจให้ป้าไผ่มากขึ้น
“ว่าแต่ พ่อหนุ่มมาทำงานกับนายนานหรือยัง? ป้าเห็นว่าเพิ่งมาได้ไม่นานนี่”
“ครับ”
“แล้วบ้านช่องอยู่ไหน ทำไมไม่ค่อยเห็นหน้า”
ชนินทร์หลบสายตา ตอบเรียบๆ
“อยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอกครับป้า”
ป้าไผ่ยิ้ม
“เหรอ แต่ท่าทางพ่อหนุ่มคงจะทำงานดีน่าดู นายถึงรับไปเป็นเลขาฯส่วนตัว”
ป้าไผ่พินิจดูชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยประสบการณ์…คนแก่อย่างนางดูรู้ว่าชนินทร์ไม่ใช่เพียงคนงานธรรมดา เพราะหน้าตา ผิวพรรณ ท่าทางกิริยานั้นถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี
ระหว่างนายกับคนงานใหม่รายนี้ ต้องมีตื้นลึกหนาบางเป็นแน่
“มีอยู่ช่วงหนึ่ง…นายสั่งไม่ให้พวกเราแม้แต่คนเดียวคุยกับพ่อหนุ่ม ไม่รู้เพราะอะไรนะ…”
ชนินทร์ก้มหน้าไม่ตอบ ป้าไผ่ก็ปล่อยเลยตามเลย
“งั้นป้าไปก่อนนะ ต้องรีบไปส่งสำรับให้คุณผู้หญิง พ่อหนุ่มก็กินให้สบายเลยนะ บ่ายนี้พ่อหนุ่มนอนพักสักวันก็แล้วกัน ปล่อยให้คนงานคนอื่นมันทำไปเถอะ”
ร่างท้วมของนางหายลับไปด้านหลังโรงครัว ชนินทร์ค่อยๆเอ่ยถามขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน
“ดำ…คุณผุ้หญิงนี่คือภรรยาของนายน่ะหรือ?”
ดำเงยหน้าขึ้นมองงงๆ ก่อนจะตอบว่า
“อ้าว คุณไม่รู้เหรอครับ ว่านายอาศัยอยู่กับแม่”
ดำตักข้าวใส่ปากต่อ ปล่อยให้ชนินทร์ครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง
แม่…?