บทที่ 29
จุดสิ้นสุด
“ตอนเย็นไปพร้อมกันเลยป่ะวะ”ไอ้เหมาเอ่ยถาม เพราะเย็นนี้พวกเราต้องไปบ้านคุณแว่น เนื่องจากคุณแม่ของคุณแว่นมาจากภูเก็ต ซึ่งจริงๆ น่าจะอยากมาดูตัวลูกสะใภ้นั่นแหละครับ ผมอยากจะเลี่ยงไม่ไปเหมือนทุกครั้ง แต่คุณแม่ดันเป็นคนโทรมาชวนผมเอง เลยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เรียกว่านี่เป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างผมกับคุณแว่นในรอบหลายเดือนก็ว่าได้
จากวันที่บังเอิญเจอกันตั้งแต่ครั้งนั้น ผมก็พยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเค้ามาโดยตลอด ดีที่ไอ้เหมาเองก็ไม่ค่อยว่างนัดสังสรรเหมือนแต่ก่อน ส่วนคุณแว่นเองก็คงไปกับน้องปลาเสียส่วนใหญ่ และทุกครั้งที่มีการนัดกันเกิดขึ้น ผมก็มักจะใช้อรรถเป็นข้ออ้างในการปลีกตัวเสมอ แม้ความสัมพันธ์ของผมกับอรรถจะยังไม่ได้ขยับสถานะ ขึ้นมาเป็นแฟน แต่ตอนนี้ก็เรียกว่าเค้าคืออีกคนที่ผมสนิทมาก พูดคุยได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องคุณแว่น ที่หลังจากรู้รายละเอียดไปแล้วในวันนั้น เค้าก็ขอผมว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างผมกับคุณแว่นให้เค้าฟังอีก
“เดี๋ยวกูไปพร้อมอรรถแล้วกัน”อรรถเป็นอีกคนที่แม่ของคุณแว่นอยากเจอ เพราะทุกคนก็ยังเข้าใจว่าผมกับอรรถเป็นแฟนกันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้อรรถเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร จริงๆ ผมก็เคยคุยกับเค้านะว่าให้ผมบอกความจริงกับทุกคนก็ได้ว่าสถานะระหว่างเราคืออะไร แค่เค้าเองกลับให้ผมปล่อยไว้แบบนี้ ให้คนอื่นๆ เข้าใจว่าเราคือแฟนกัน
“โอเค ไว้เจอกันที่บ้านไอ้แว่นเลยแล้วกัน”ไอ้เหมาบอกก่อนเราจะแยกย้ายกันกลับไปทำงาน พอเลิกงานปุป ผมก็มุงตรงกลับบ้าน เพื่อนเอารถไปเก็บ พร้อมเตรียมตัวรอให้อีกคนมารับ
“พร้อมนะ”ผมเอ่ยถามอีกคนที่มาด้วยกัน ตอนนี้ทั้งผมและอรรถ ถึงบ้านคุณแว่นแล้ว จากรถที่จอดอยู่ทำให้อนุมานได้ว่า ไอ้เหมากับแพทคงมาแล้ว พวกผมสองคนก็คงเป็นสองคนสุดท้าย เพราะคนที่มาวันนี้ก็มีแค่ผม อรรถ ไอ้เหมา แพท แล้วก็น้องปลา
“อรรถน่าจะเป็นคนต้องถามตี้มากกว่านะ”เค้าถามผมยิ้มๆ กลับมา ก่อนเราจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน
ผมทั้งสองคนเข้าบ้านมาในจังหวะที่ คนอื่นๆ กำลังช่วยกันยกอาหารออกมาวางที่โต๊ะกินข้าว ผมและอรรถยกมือไหว้แม่ของคุณแว่น ก่อนจะทักทายคนอื่นๆ ไอ้เหมาออกปากแซวว่าผมมาถูกเวลาเหลือเกิน มาถึงก็จะได้กินเลย
“เห็นมีคู่กันทุกคนแบบนี้แม่ก็ดีใจ”คุณแม่พูดอย่างมีความสุข พร้อมกับมองพวกผมทุกคน ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้คุณแม่ ผมพยายามเลี่ยงที่จะไม่หันมอง อีกคนที่ตอนนี้นั่งตรงข้ามผมพอดี
“ได้ข่าวว่าเหมากับแพท เห็นว่าคุยเรื่องแต่งงานกันแล้วใช่ไหมลูก”การทานอาหารดำเนินไปพร้อมเรื่องสรรพเพเหระที่ ยกมาพูดคุยกัน แต่หลักๆ เหมือนคุณแม่จะเน้นมาที่เรื่องความรักของพวกเราแต่ละคน
“ก็คุยๆ ไว้แต่คงอีกพักใหญ่แหละครับ”ไอ้เหมากับแพทหันมองหน้ายิ้มให้กันก่อนไอ้เหมาจะเป็นคนตอบคำถาม เห็นแบบนี้ผมก็อดจะอมยิ้มไปด้วยไม่ได้ เห็นทั้งสองคบกันมานาน ผมเองก็อยากเห็นทั้งคู่มีความสุขแหละครับ งานแต่งก็คงเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงแทบทุกคนอยู่แล้วรวมถึงตัวแพทเอง แต่มันก็คงไม่เฉพาะผู้หญิง ขนาดคุณแว่นเองยังมีความฝันที่อยากจะแต่งงานสร้างครอบครัว
“จริงๆ ที่แม่ชวนทุกคนมาทานข้าวที่บ้านวันนี้ ก็เพราะคิดว่าทุกๆ คนก็เป็นเพื่อนที่สนิทกับชาร์ปเค้า เลยอยากให้มาฟังข่าวดีพร้อมๆ กัน”ข่าวดีงั้นเหรอคุณแม่เป็นคนพูดขนาดนี้คิดว่าคงเดาไม่ยากว่าข่าวดีที่ว่ามันคืออะไร ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้จะอยากรู้สึกแบบนี้เลย แต่มันก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ควรจะรู้สึกยินดี แต่ในใจผมกลับหวัง หวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้
“คือเราสองคน กำลังจะหมั้นกัน”มือของคนที่นั่งข้างๆ ผมเอื้อมมาจับมือผม มือที่อาจจะเย็นไปหมดแล้ว อรรถบีบมือผมเบาเบา ผมหันมองหน้าเค้าพร้อมกับยิ้มให้ เพื่อให้รู้ว่าผมไม่เป็นอะไร ผมพยายามปรับสีหน้า อารมณ์ให้รู้สึกเหมือนคนยินดี แม้ข้างในผมจะยังรู้สึกขัดแย้ง แต่ผมว่าการแสดงออกของผม น่าจะแนบเนียนพอให้ทุกคนไม่รู้สึกผิดสังเกตุ
ทั้งไอ้เหมา แพท อรรถและผม ต่างก็กล่าวแสดงความยินดีกับทั้งคู่ ผมเฝ้าบอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่าผมต้องยินดีกับทั้งคู่ เค้าดูเหมาะสมกันแล้ว ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือทุกคนดูมีความสุข ไอ้เหมากับแพทดูยินดีจากใจจริงกับทั้งคู่ คุณแม่ที่ดูจะปลื้มจนหุบยิ้มไม่ได้ แน่นอนคนเป็นพ่อแม่ก็คงอยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา น้องปลาก็ดูมีความสุขกับความรักครั้งนี้ คุณแว่นก็เช่นกัน แม้ทั้งคู่จะคบหาดูใจในฐานะแฟนได้ไม่นาน แต่การที่ทั้งคู่รู้จักกันมานาน คงไม่เป็นการยากที่จะตัดสินใจหมั้นกันไว้ก่อน
“นี่กูต้องรีบแต่งซะแล้วมั้ง เดี๋ยวโดนไอ้แว่นแซงตัดหน้า”คำพูดจากไอ้เหมาเรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคน ทุกคนต่างมีความสุข เพราะงั้นผมเองก็ควรจะมีความสุข ผมหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ความสุขของผมมันอาจจะไม่ต้องไปขวนขวายแสวงหาให้มันยุ่งยาก แค่ผมยอมรับในสิ่งที่อีกคนอยากจะมอบให้ ก็ได้แต่หวังว่าผมจะยอมรับสิ่งนี้ได้ในเร็ววัน
“ถ้าเหมาแต่ง เดี๋ยวแม่จัดแพคเกจฮันนีมูนให้เลย ภูเก็ตยินดีต้อนรับเสมอ”คุณแม่พูอย่างอารมณ์ดี จริงๆ ครอบครัวของคุณแว่นมีธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว นี่ถ้าเกิดเค้าแต่งงานแล้วอาจจะต้องกลับไปช่วยธุรกิจของครอบครัว นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่คุณแม่เค้าดีใจ เพราะคุณแว่นเองบอกกับที่บ้านว่าขอออกมาใช้ชีวิตก่อน ถ้าแต่งงานแล้วจะกลับไปอยู่ภูเก็ต แต่เหตุผลที่เค้าซื้อบ้านในกรุงเทพฯ ก็เพราะตอนที่คบกับชะเอม ชะเอมยืนยันว่าจะไม่ยอมไปใช้ชีวิตที่ภูเก็ตนั่นเอง
“ตี้ก็เหมือนกันนะลูก ว่างๆ แวะไปเที่ยวที่ภูเก็ตได้ บอกชาร์ปเค้าก็ได้แม่จะได้จัดเตรียมไว้ให้”คุณแม่หันมาบอกกับผม ก่อนพวกเราทุกคนจะร่ำลาคุณแม่และแยกย้ายกันกลับ ผมรู้สึกโล่งใจที่ออกจากตรงนั้นมาได้ เพราะไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันว่าจะคุมความรู้สึกไว้ได้นานแค่ไหน แม้จะไม่ใช่ความรู้สึกที่ชัดเจนมาก แต่ผมก็กลัวจะแสดงอะไรที่ผิดสังเกตุออกไป
“โอเคหรือเปล่า”คนที่ขับรถมาส่งผมถึงบ้าน เอ่ยถาม
“โอเคสิ เราสบายดี ไม่ต้องห่วงหรอก”ผมพยายามทำตัวร่าเริงไม่อยากให้เค้าต้องเป็นห่วง แต่จริงๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้สึกยังไง เสียใจไหม มันก็ไม่เชิง เพราะความรู้สึกข้างในมันยังขัดแย้งกันอยู่ ด้านนึงอาจจะรู้สึกเสียใจ แต่อีกด้านมันบอกให้รู้สึกยินดี
“นี่ละน้า บอกให้มาคบกันก็ไม่ตกลงสักที ไม่งั้นเราก็ แฮป...ปี้ กันแล้ว”เค้าพูดพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะหัวเราะออกมา ผมส่ายหน้าขำๆ กับสิ่งที่เค้าทำ พร้อมกับบอกขอบคุณเค้าที่มาส่ง ก่อนจะลงรถ เพื่อให้เค้าออกรถกลับบ้านจะได้ถึงบ้านไม่ดึกมาก
“ตี้”ผมหันหลังกลับไปมองตามเสียง เค้าลดกระจกรถลง เรียกผม
“ไม่สบายใจ หรืออยากระบายอะไรโทรหาอรรถได้ตลอดนะ”เค้าบอกก่อนยกมือขึ้นแตะคิ้วทำท่าตะเบ๊ะ ส่งมาให้ผม ผมส่งยิ้มกลับไปให้ ก่อนจะหยุด ยืนมองรถของเค้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจนลับตา ผมเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกโหวงๆ จากชั้นล่าง ขึ้นชั้นบน เข้าห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าทุกชุดที่ไม่ใช่ของผมออกมา
ผมหยุดยืนมองเสื้อผ้าที่ผมหยิบออกมาวางที่เตียง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ระหว่างผมกับเจ้าของเสื้อผ้านี้ ค่อยๆ ไหลเวียนเข้ามาในหัวผม ผมเผลอยิ้มกับเสื้อผ้าพวกนี้ แต่มันคงเป็นการยิ้มเยาะให้กับตัวผมเอง ผมปลดเสื้อผ้าทุกตัวออกจากไม้แขวน เพื่อพับและเก็บทุกตัวลงไปในถุงกระดาษใบใหญ่ แม้ไม่รู้จะมีโอกาสคืนให้กับเค้าตอนไหน แต่ผมก็คงไม่ปล่อยไว้ในตู้เสื้อผมอีกต่อไป ส่วนของๆ ผมที่ยังอยู่บ้านเค้าก็คงแล้วแต่เค้าจะจัดการยังไง ความคิดต่างๆ ของผมถูกขัดจังหวะจากเสียงโทรศัพท์ของผมเองที่ดังขึ้น
ผมจ้องมองเบอร์โทรศัพท์ที่ผมจำขึ้นใจ จริงๆ ผมควรกลับมาบันทึกชื่อเค้าแบบปกติแล้ว เพราะเราก็ไม่ได้มีอะไรกันแล้ว และไม่ได้กังวลว่าไอ้เหมาจะมาจับผิดอะไรเราสองคนอีกแล้ว ผมลังเลเล็กน้อยแต่ก็เลือกที่จะกดรับสาย
“ยังไม่นอนใช่ไหม”น้ำเสียงราบเรียบของเค้าทำให้ยากที่ผมจะคาดเดาว่า เค้ามีจุดประสงค์อะไรในการโทรหาผม วันนี้ที่บ้านของเค้า เราสองคนแทบจะเรียกได้ว่าไม่ได้คุยกันเลย
“มีธุระอะไรหรือเปล่า”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นกัน
“คือ...เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ก็อยากคุยด้วย อยากอธิบาย”อธิบายงั้นเหรอ มีเหตุผลอะไรที่เค้าต้องมาอธิบายให้ผมฟัง
“ไม่ต้องหรอกชาร์ป เราเข้าใจทุกอย่างดี แล้วก็ยินดีด้วยที่ชาร์ปจะได้มีจุดเริ่มต้นในการสร้างครอบครัว”ผมบอกออกไปตามตรง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เค้าต้องการจะสื่อ แต่ผมว่าควรจบบทสนทนากับเค้าให้ได้เร็วที่สุด
“แบบนี้มันดีแล้วจริงๆ ใช่ไหม”น้ำเสียงที่ดูหม่นลงเล็กน้อย ทำให้ผมสูดลมหายใจยาว เพราะความสับสนในใจผมมันเพิ่มขึ้นไปอีก นี่เค้ากำลังทำอะไร มาพูดเหมือนขอความเห็นหรือขอนุญาตผม ทั้งที่เค้าก็ตัดสินใจลงไปแล้ว
“ขอขึ้นไปเจอได้ไหม”คำพูดของเค้าทำเอาผมแปลกใจ จนต้องเดินมาแง้มผ้าม่านดู ภาพที่เห็นยิ่งสร้างความไม่เข้าใจให้ผม เค้าจะมาหาผมถึงที่นี่อีกทำไม ระหว่างเราถึงมันจะเคยมีความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้น แต่ในด้านความรู้สึกมันคงมีแค่ผมที่รู้สึกไปคนเดียว เค้าไม่ควรมาทำแบบนี้ให้ผมไขว้เขว เค้ากับผมควรที่จะต้องเว้นระยะห่างจากกันมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ
“รอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวเราลงไปหา”หรือการพูดคุยทำความเข้าใจให้ชัดเจนจะเป็นทางที่ดีกว่า มันถึงทำให้ผมตอบเค้าออกไปอย่างนั้นก่อนจะวางสาย ผมหยิบของที่เพิ่งเก็บเรียบร้อยไปเมื่อครู่ติดมือลงไปยังด้านล่างด้วย ผมเดินมาจนถึงประตู้รั้วบ้าน แต่ไม่ได้เปิดประตูให้เค้าแต่อย่างใด
“เราจะคุยกันผ่านประตูแบบนี้เหรอ”เค้าทำท่าจะใช้กุญแจ ที่ผมเคยให้ไว้ไขประตูเข้ามา แต่ผมทักท้วง และเอื้อมมือออกไปหยิบเอากุญแจนั้นมาถือไว้เอง
“กุญแจบ้านเรา เราขอคืนนะ ส่วนนี่กุญแจบ้านชาร์ปทั้งหมด เราคืนให้”ผมยื่นกุญแขนลอดผ่านประตูออกไป เพื่อส่งกุญแจให้เค้า
“ตี้โอเคใช่ไหม”เค้าจะถามแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าเค้าจับความรู้สึกผมได้ไหม ว่ามันเริ่มคิดเกินเลยกับเค้า แต่ต่อให้เค้ารู้หรือไม่รู้ การมาถามผมแบบนี้ เค้าต้องการให้ผมตอบว่ายังไง เพราะสำหรับผมไม่ว่าผมจะรู้สึกยังไง เค้าก็ตัดสินใจ ตามที่เค้าตั้งใจไว้อยู่แล้ว ตอนนี้ผมแค่ต้องการจบการเผชิญหน้ากับเค้าแบบนี้ให้เร็วที่สุด
“ทำไมเราจะไม่โอเคละ”ผมสูดลมหายใจสุดแรงก่อนจะพูดต่อ
“เราตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้ว ข้อตกลงเป็นยังไง เราเข้าใจดี ตอนนี้ข้อตกลงของเรามันแค่เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ชาร์ปก็ไปในเส้นทางของชาร์ป แต่งงานสร้างครอบครัวในแบบที่ชาร์ปเคยฝัน ส่วนเราก็แค่เริ่มต้นจริงจังกับอรรถเค้า เราสองคนก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่แค่การบอกกับเค้า แต่มันคือการย้ำกับตัวผมเองด้วยว่า จากนี้ไปผมควรเลือกเดินในเส้นทางที่ผมควรเลือก
“เราแค่รู้สึก...”ผมหยุดรอฟังสิ่งที่เค้าจะพูด แต่คำพูดของเค้าเงียบลงแค่นั้น
“ขอโทษ...ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน ว่าจะหมั้น”เค้าบอกพร้อมกับจ้องมาที่ผม
“หึ”ผมหัวเราะเบาเบาในลำคอกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน นี่เค้ากำลังทำอะไรอยู่ เค้ากำลังทำเหมือนการมาบอกเลิกผม เพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น แต่เค้าจะมาทำแบบนี้ทำไม ในเมื่อความสัมพันธ์ของเราสองคนมันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าคบกันเลยสักนิด
“ชาร์ป...ชาร์ปไม่จำเป็นต้องขอโทษ หรือทำแบบนี้เลย เราก็แค่เพื่อนชาร์ปคนนึง เพื่อนเหมือนกับไอ้เหมา เหมือนแพท ชาร์ปจะหมั้น จะแต่งงาน ไม่มีความจำเป็นจะต้องมาถามหรือบอกเราก่อนเลย”ผมพูดพร้อมยิ้มให้เค้า แม้ในใจผมจะสับสน แต่ผมก็ฝืนแสดงออกมาให้มันชัดเจนว่า ผมไม่เป็นไร ผมยังคงจะเป็นเพื่อนกับเค้าต่อไปได้
“เรา...”เหมือนจะพูดอะไร แต่เค้าก็เพียงจ้องมองหน้าผมนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ ผมยื่นถุงกระดาษที่หิ้วลงมาด้วยส่งให้กับเค้า แล้วก็ไม่รอให้เค้าสงสัย ผมรีบบอกว่ามันคือเสื้อผ้าของเค้า ผมเก็บมาให้หมดแล้ว
“ส่วนเสื้อผ้าเราที่บ้านชาร์ป เอาทิ้งไปเลยก็ได้นะ จะได้ไม่มีคนสงสัย”ผมบอกก่อนจะหันหลังกลับเพราะคิดว่าไม่มีอะไรต้องพูดกับเค้าอีก ผมว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปมันชัดเจนในตัวของมันทุกคำพูดแล้ว
“ตี้”ผมหยุดรอฟัง แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง ยังคงยืนหันหลังให้เค้า
“แบบนี้มันดีแล้วจริงๆ ใช่ไหม”เป็นคำถามที่ผมเองก็คงตอบไม่ได้ ว่าแบบไหนมันดีหรือไม่ดี แต่มันเป็นทางที่ผมเลือก ซึ่งเค้าคงไม่เลือกมาเดินในเส้นทางเดียวกับผม และแน่นอนว่าผมเองก็คงไปอยู่ในเส้นทางของเค้าไม่ได้ด้วยเช่นกัน
“อือ”ผมเลือกที่จะตอบรับสั้นๆ และก้าวเดินไปข้างหน้า ผมต้องรีบเดินให้เร็วขึ้นเมื่อรู้สึกว่าน้ำในตาผม มันเริ่มปริ่มขึ้นมาแล้ว
เขียนมาถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคนที่ร้ายที่สุดในเรื่องก็ไรท์เนี่ยแหละ
ทำร้ายทุกคนในเรื่องเลย
ยังไงก็ฝากติดตามกันนะคร๊าบบบ ขอบคุณทุกกำลังใจ
คงมาอัพอีกทีหลังวันหยุดเลย ใครหยุดหลายวันก็ขอให้แฮปปี้กับวันหยุดนะคร๊าบบบบ