เด็กมีปัญหาสุดซ่ากับพระราชาของผม
ตอนที่ 1
เวลาผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์แล้วกลายเป็นเดือน คิงมาอยู่กับมายได้เดือนกว่า ห้องที่เคยอยู่คนเดียวก็สว่างไสวขึ้น แต่ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบของมาย และเป็นช่วงเวลาที่คิงต้องหาที่เรียนต่อ
จนวันสอบเสร็จ จึงได้พักกันหลังจากที่โหมอ่านหนังสือกันยาวนาน ห้องสภาก็ไม่ค่อยมีใครเข้า
"มาย ถามอะไรนิดได้ป่ะ" คิงถามคนที่นั่งดูทีวีบนโซฟาตัวยาว
"ถามสิ"
"ถ้าผมไปเรียนที่ไกลๆมายจะทำไง" มายมองคนนอนหนุนตักอย่างแปลกใจว่าคิงจะไปเรียนที่ไหน ถึงได้ถามเสียงสั่นขนาดนั้น
"ไกลขนาดไหนหรอ"
"อเมริกา" คิงตอบไม่กล้าสบตา
"งั้นต้องรีบหมั้นไว้ก่อน พอคิงเรียนจบ ค่อยแต่ง" มายพูดเหมือนทีเล่นทีจริงจนคิงต้องถอนหายใจ
"ไม่ล้อเล่นนะ อีก2เดือน ผมจะไปเรียนต่อที่เมกา"
"มายก็ไม่ได้ล้อเล่น มายขอหมั้นคิงไว้ก่อน แต่ถึงไกลเราก็คุยกันเห็นหน้ากันได้ แค่ไม่ได้เจอกัน พอคิงเรียนจบ หรือว่าถ้านานถึงทำงานที่นู่น พออะไรๆข้าที่เข้าทาง คิงก็กลับมาหามายสิ ตอนนั้นมายก็รงเรียนจบมีงานทำ แล้วเราก็มาสร้างครอบครัวกัน ดีมั้ย" คิงถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่ามายจะคิดข้ามไปถึงอนาคต ได้แต่มองมายที่กำลังยิ้มให้ปล่อยให้มายเกลี่ยหยดน้ำใสที่ไหลออกมาโดนไม่รู้ตัว
"ดีใจหรือเสียใจเนี่ยคิง"
"ตื้นตัน ผมกังวลมากเลยนะ"
"มายรักคิง คิดแค่นี้ก็พอ ต่อให้คิงไปอยู่ที่ไหน มายก็จะรอคิงกลับมา"
คนที่รักกันต่อให้ไกลกันสักแค่ไหนก็จะกลับมาพบกันอยู่ดี มายเชื่อสิ่งนั้น แล้วก็ไม่อยากให้คิงทิ้งโอกาสของตัวเอง อนาคตที่เหมือนการวางเดิมพัน จะเป็นยังไงต้องลองทุ่มดูสักตั้ง
๐๐๐----๐๐๐
วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี สิ่งที่ผูกพันกันอาจจะชัดเจนขึ้นหรือสั่นครอนก็ขึ้นอยู่กับว่าความมั่นคงจะมีมากหรือน้อยก็เท่านั้น
“มาย เดือนหน้าผมจะกลับไปแล้วนะ”
“ดีจัง แล้วจะกลับมาถาวรเลยมั้ย”
“คงถาวรแล้ว ที่นี่ลงตัวดีแล้ว ผมอยากย้ายไปอยู่เมืองไทย”
“เดือนเดียวจะทันหรอคิง”
“ผมเตรียมไว้ตั้งปีแล้วต่างหาก ผมคิดถึงมาย อยากไปหาตอนนี้เลย” เสียงอ้อนตามสายทำให้มายอดขำไม่ได้ คนตัวโต ท่าทีนิ่งๆเย็นชาต่อหน้าใครๆ กลับอ้อนได้น่ารักขนาดนั้น คงไม่มีใครคาดคิด
“เดือนเดียวเอง อดทนหน่อยนะ”
ถึงมายและคิงจะไม่เจอกันเลยตั้งแต่คิงไปเรียนต่อจนกระทั่งทำงาน เวลาเกือบ 7 ปีจะบอกว่าเร็วก็แสนเร็ว แต่ถ้าจะบอกว่านานก็นานจนทรมารได้เลย หลังจากเรียนจบ คิงก็รับช่วงงานตอจากทางบ้านทำให้แทบไม่มีเวลาได้พักหายใจกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาหลายปี แต่ก็นับว่าเร็วมาสำหรับเด็กใหม่ในตอนนั้น ส่วนมายก็ทำงานที่แม้จะโดนคิงทักท้วงไปแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดอะไร ถึงจะตกใจไปบ้างตอนที่มายบอกในครั้งแรก
'นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของกิจการโรงแรมชื่อดัง ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยถาวร เพื่อเข้าพิธีกับคู่หมั้นคนสวย หักอกสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งประเทศ' ข่าวพาดหัวตัวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ที่คนอ่านอมยิ้มให้กับข่าวที่อ่าน
“น้องคะทีมงานกับช่างภาพพร้อมแล้วค่ะ”
“โอเคเริ่มงานกันเลย” มือเรียวแต้มลายดอกไม้สีสวยเข้ากันกับชุดสีหวานวางหนังสือพิมพ์ที่อ่านไว้บนโต๊ะก่อนตามออกไป
งานถ่ายแบบแฟชั่น เสื้อผ้าดัง ๆ อาจทำให้นางแบบแจ้งเกิด แต่คงไม่ใช่กับ มายะ นางแบบสาวที่ได้รับความนิยมเป็นพรุแตก จนพูดง่ายๆว่ามายะทำให้แบรนด์แจ้งเกิด ต่อให้เป็นยี่ห้อโนเนม ก็สามารถติดตลาดได้อย่างรวดเร็วหากมีมายะเป็นนางแบบให้ ทั้งที่ผลงานไม่ได้รับงานมากมายก็ตาม
มายะ นางแบบสาวนัยตาสีน้ำเงินเข้ม เธอเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นแต่ใส่คอนแทคเลนส์เปลี่ยนสีตาซึ่งเป็นเอกลักษณ์คือสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เส้นผมสีดำสนิขับใบหน้าหวานให้เด่นชัด แก้มใสแทบไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งใดลงไป มายะสามารถถ่ายแบบได้แทบทุกแนวและไม่ว่าจะเป็นแมวหวานๆ เปรี้ยว ทันสมัย เท่ห์ หรือแม้แต่กันโทนสีดำที่ดูอันตราย จึงไม่แปลกที่จะสามารถดึงดูดงานเข้ามามากมาย แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจปริมาณงานแค่เลือกทำงานที่ถูกใจเท่านั้น และมักจะเป็นคนขอจากบรรดาแบรนด์ที่ไม่ค่อยดังหรือดังไม่มากเท่านั้น
“มายะ จริงหรือเปล่าที่จะลาวงการ” ช่างภาพที่ถ่ายแบบให้เธอเป็นประจำจนเรียกว่าสนิทกันไปแล้วเอ่ยถาม
“ไปเอามาจากไหนว่ามายะจะลาวงการ” ถึงจะคุยกันไปในขณะถ่ายแบบแต่สำหรับมืออาชีพผลงานก็ยังเพอร์เฟก
“ก็หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าคู่หมั้นเราจะกลับมาถาวรแล้วนี่นา” ข่าวพาดหัวที่เธออ่านเมื่อครู่นั่นเอง
“ปกติงานมายะก็ไม่ได้เยอะสักหน่อย”
“ไม่รู้สิ”
“คงต้องถามคิงดูเองหล่ะว่าจะให้มายะลาวงการหรือเปล่า พรุ่งนี้ก็จะมาแล้ว นักข่าวคงเต็มสนามบิน” มายะพูดยิ้มๆ ช่างภาพมืออาชีพก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพไว้ในจังหวะเหมาะๆ
นักข่าวแทบทุกสำนักมารวมตัวกันเพื่อทำข่าวใครบางคนที่ใกล้จะเดินทางมาถึง ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบเป็นข่าวแต่ก็ทำไงได้ หลังจากที่วางแผนมาเป็นเวลาพอสมควร ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างที่อยากให้เป็น คิงก็ตัดสินใจที่จะกลับแผ่นดินเกิด เพื่อนสานต่อในสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่แรก ถึงรู้ว่าการเดินทางกลับแผ่นดินเกิดครั้งนี้ต้องมีปัญหาที่จะทำให้ปวดหัวและยุ่งยากแบบสุด ๆ ก็ตามที
ทันทีที่เจ้าของรูปร่างสมส่วนในชุดสูทสีเทา ปรากฎตัวจากขาออก นักข่าวก็กรูเข้าไปหาเพื่อสัมภาษณ์ข่าวที่ตนต้องการ การ์ดนับสิบทำงานอย่างมีประสิทธิ์ภาพ ไม่มีนักข่าวคนใดเข้าถึงตัวได้แม้แต่คนเดียว อีกทั้งยังแหวกบรรดานักข่าวเพื่อให้ผู้เป็นนายผ่านไปได้โดยสะดวก
ดวงตาภายใต้แว่นสีเข้มทันเห็นใครบางคนอยู่นอกกลุ่มนักข่าว ร่างบางคุ้นตาในชุดเสื้อเชิสสีสะอาดกางเกงขายาวสีน้ำเงินเข้มที่โบกมือให้น้อย ๆ ก่อนเดินจากไป มุมปากได้รู้ยกยิ้มอย่างพอใจ แล้วจึงฝ่าฝูงชนออกจากสนามบินโดยไม่ให้สัมภาพษณ์หรือตอบคำถาม แต่จะให้ถูกคือไม่พูดอะไรสักคำ
คราวน์ โรงแรมหรูใจกลางเมือง ที่ประกอบด้วยโรงแรมลูกอีกนับไม่ถ้วน ห้องรับรองที่สามารถจุคนได้มากมายเต็มไปด้วยนักข่าว ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของงานทิ้งตัวลงบนโซฟาสีเข้มในห้องชั้นบนสุดของโรงแรม
“เหนื่อยสุดๆ ไม่คิดว่านักข่าวจะไปที่สนามบินขนาดนั้น” คิงถึงกับโอดเบา ๆ
“ทำไมนายไม่มาเครื่องส่วนตัวแล้วมาลงที่ดาดฟ้าหล่ะครับ”
“ถ้าทำแบบนั้นใครบางคนก็ไม่ได้มารับผมสิ ถ้าทำแบบนั้นคงมีคนงอนที่ไม่ได้ไปรับ”
“ผมเห็นแต่นักข่าว”
“แค่ผมเห็นก็พอ ว่าแต่ข้างล่างเรียบร้อยแล้วนะ”
“ครับ”
เหลือภาระกิจอีกอย่างที่ต้องจัดการให้เสร็จ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าจะถูกตั้งคำถามอะไรบ้าง ถึงจะน่าเบื่อและรำคาญ แต่ถ้าไม่ไปปรากฎตัวก็คงวุ่นวายไม่เลิก
เมื่อบุรุษณ์รูปร่างสมส่วนนัยตาคมที่ไม่ถูกบดบังปรากฎตัวแสงแฟรชวูบวาบเต็มไปหมด คิงนั่งลงในตำแหน่งที่จัดไว้
“ก่อนอื่นผมขอพูดอะไรนิดหน่อย แล้วกรุณาทำตามด้วยนะครับ นั่นก็คือ นักข่าวท่านใดที่ต้องการข่าวเพียงธุรกิจของผมกรุณาออกไปก่อน ทางการ์ดจะนำท่านไปรอที่ห้องรับรองอีกห้อง เชิญครับ”
คิงผายมือไปทางประตูด้านข้างที่มีการ์ดรออยู่ นักข่าวทั้งหลายต่างงุนงง เสียงจอแจของแต่ละคนดังอยูสักพัก แต่แทบทุกคนยังอยู่กับที่ มีเพียงนักข่าวหญิงคนนึ่งที่เดินตามการ์ดออกไป
“ขอบคุณครับ คราวนี้ก็คงจะเหลือเพียงต้องการข่าวส่วนตัวของผม ก่อนที่จะตั้งคำถามผมขอพูดอะไรเล็กน้อยนะครับ จากที่ผมได้ทราบมาเกี่ยวกับเรื่องของผม ผมขอบอกว่า เป็นความจริงที่ผมจะมาอยู่ประเทศไทยเป็นการถาวร และเป็นความจริงที่ มายะ เป็นคู่หมั้นของผม ส่วนเรื่องที่ผมจะแต่งงานหรือไม่ผมจะเป็นฝ่ายแจ้งอีกครั้ง แล้วที่สงสัยว่า มายะจะออกจากวงการหรือไม่ ผมขอบอกว่า เป็นสิทธิของมายะเอง ซึ่งผมจะไม่ก้าวก่ายในส่วนนั้น ต่อไปมีอะไรจะถามเชิญครับ”
เมื่อสิ่งที่อย่างรู้เจ้าตัวได้ไขจนกระจ่างก็ถึงกับไม่มีคำถามใดจากปากนักข่าวทั้งหลาย คิงจึงเตรียมตัวที่จะลุกขึ้น
“จริงหรือเปล่าที่คุณคิงมีคนรักมาก่อน ก่อนที่จะหมั้นกับมายะ”
นักข่าวคนใดคนหนึ่งโพล่งคำถามที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนสร้างเสียงฮือฮาให้พอสมควร
“เป็นความจริง แล้วคนนั้นเป็นโอเนอร์ของเทียร่า ซึ่งผมแนะนำว่าอย่าไปหาข่าวจากเขา เพราะคุณจะได้รับอันตรายนะครับ และผมก็ไม่ต้องการให้พวกคุณไปวุ่นวายกับมายะนอกจากเรื่องงาน เพราะผมหวง”
คำตอบจากปากคิงสร้างเสียงฮือฮายิ่งกว่าคำถามเสียอีก คิงอมยิ้มขำ ๆ ก่อนจะขอตัวออกไป ปล่อยให้บรรดานักข่าวตกใจและสงสัย หลังจากนั้นไม่นานบรรดานักข่าวจึงสลายตัว
๐๐๐----๐๐๐
คลับเทียร่า คลับหรูใช้ระบบสมาชิก มีเพียงผู้ถือบัตรสมาชิกเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าได้ ค่าสมัครสมาชิก VIPที่แพงหูฉี่ จึงมีเพียงนักธุรกิจ นักการเมืองและผู้มีอันจะกินมากๆเท่านั้นที่ได้สัมผัส นอกจากนี้ยังมีสมาชิกระดับแพตตินัม ที่ราคาเบาลงมาแต่เป็นเพียงแค่บัตรสมาชิกชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา จึงทำให้คลับเทียร่า สามารถรองรับผู้มาเยือนได้แทบทุกระดับ (ที่มีเงินนะ) ถึงแม้ว่าจะมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มชั้นดีไว้ให้บริการแต่แขกผู้มาเยือนส่วนใหญ่จะพอใจที่ได้พบโอเนอร์คนสวยแห่งเทียร่ามากกว่า ถึงแม้จะสวย น่ารัก อัธยาศัยดี และถ้าโมโหหรือใครมาขวางหูขวางตาเมื่อไหร่ อาจลงนรกได้โดยไม่ทันรู้ตัว
คิงมาเยือนคลัเทียร่าตามคำเชิญของโอนเนอร์ เพียงแค่ก้าวเข้ามา บรรยากาศหรูหราดั่งหลุดเข้ามายังห้องจัดเลี้ยงในปราสาทที่ไหนสักแห่ง โคมระย้าคริสตันสีนวล ไม่ได้ทำให้ภายในคลับสว่างเกินไป โทนสี น้ำตาล ดำ แดง และทอง ถูกตกแต่งได้บรรยากาศ เสียงเชื้อเชิญให้ไปปยังห้องรับรองพิเศษ ทั้งที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยถาม แต่ร่างสมส่วนก็เดินตามไปอย่างไม่ลังเล ห้องรับรองโทนสีน้ำเงินเข้ม แต่ดูอบอุ่น ดูยังไงก็ไม่น่าใช่ห้องสำหรับรับรองแขก เหมือนเป็นห้องพักมากกว่า
“คุณคิงรอโอนเนอร์ที่ห้องนี้นะครับ” คิงเพียงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะถูกทิ้งไว้ในห้องเพียงลำพัง สักพักก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูเบา ร่างบางคุ้นตาที่เคยเห็นที่สนามบิน ถือถาดใส่เครื่องดื่ม 2 แก้ว ก่อนที่จะวางเครื่องดื่มสีชมพูใสลงตรงหน้า
“ลองชิมสิค๊อกเทลพิเศษของโอเนอร์คลับนี้เลยนะ” ร่างบางนั่งลงตรงหน้าก่อนเชื้อเชิญให้ชิมเครื่องดื่มสีสวย
“สีสวยนะ”
“สำหรับคิงโดยเฉพาะ ค๊อกเทลที่มีชื่อว่า ควีนเทียร่า”
“มงกุฏราชินี? คิงแปลว่าพระราชาต่างหาก” น้ำเสียงไม่ได้ทักท้วงจริงจังนัก
“แต่คิงคนนี้เหมาะกับเทียร่าที่สุดนี่ครับ” พอสบตากับดวงตากลมโตใบหน้าคมกลับขับสีออกมาจนเจ้าตัวต้องดื่มน้ำสีสวยในมือแก้เขิน
“อร่อยจัง”
“เขินหรอ คิดว่าเลิกเขินไปแล้วซะอีก”
“ก็มายชอบมองยังกับหมาป่าจะจับผมกินนี่นา”
“ก็ผมอยากจับคิงกินจริงๆนี่นา ปล่อยให้หมาป่าหิวโซตั้งนาน จริงมั้ย”
“ก็รีบกลับมาให้กินแล้วนี่ไง” ถึงจะเป็นเสียงงุมงัมแต่ก็ทำให้มายได้ยิน หน้าหวานยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ
มือเรียวเชยคางคนพูด สัมผัสริมฝีปากได้รูป ใบหน้าคมเผลอเลียริมฝีปากเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคาดหวังสิ่งใดริมฝีปากบางไม่รอช้าที่จะเติมเต็มความคาดหวังนั้น ริมฝีปากได้รูปตอบรับลิ้นซุกซนเข้ามาสำรวจภายในโพลงปากแสนหวาน อาจเป็นเพราะไมพบกันนาน คิงที่ถูกรุกรานด้วยจูบที่เรียกร้องถึงกับลืมแม้กระทั่งจังหวะหายใจ มายจึงยอมปล่อยให้คิงได้หอบหายใจแต่เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะตักตวงความหวานจากคิงต่อไป
คิงไม่ได้คิดต่อต้านแรงของมายเลย รู้สึกตัวอีกทีหลังก็สัมผัสกับโซฟาเสียแล้ว โซฟาที่ดูไม่่เล็กแต่ถ้าจะให้นอนบนโซฟาก็ยังดูว่าเล็กอยู่ดี คิงจึงต่อต้าน
“มายไม่ทำคิงตกโซฟาหรอกนะ”
ร่างบางดึงพนักเข้าหาเล็กน้อยก่อนดันจนสุดจากโซฟาตัวโตก็กลายเป็นที่นอนขนาดย่อมๆเลยที่เดียว ใบหน้าหวานยิ้มให้อีกคนที่ดูอึ้งๆ
“ตอนนี้ได้แล้วใช่มั้ยที่รัก”
“อื้ม”
คราวนี้จึงเป็นคิงที่เป็นฝ่ายจูบมายเสียเองแทนคำอนุญาตให้มายเดินหน้าในสิ่งที่เริ่มเอาไว้
มีหรือที่ลูกแกะจะรอดเมื่อหมาป่าหน้าหวานรอเวลากินลูกแกะอยู่แล้ว มือบางลูบบั้นเอวแล้วลากขึ้นตามแนวลำตัวในขณะที่ปากและลิ้มยังคนชิมรสหวานจากอีกฝ่ายไม่ห่าง ตุ่มไตสีเข้มทั้งสองข้างถูกบี้คลึงภายใต้เนื้อผ้าสีสะอาด เหมือนแกล้งกันเมื่อคนดานบนขบเม้มปุ่มสีสวยผ่านเนื้อผ้าด้านนอก สัมผัสที่เปียกชื้นจากปลายลิ้นตวัดผ่านเนื้อผ้าถึงแม้วว่าจะรู้สึกดีแต่ก็แอบขัดใจ ที่ไม่ได้สัมผัสโดยตรง ลูกแกะตาคมจึงเอื้อมมือมาปลดสิ่งขวางกันออก แต่กลับโดนหมาป่าเจ้าเล่ห์รั้งมือไว้ก่อน
“ใจร้อนจังเลยนะครับ”
หมาป่าหนุ่มแกล้งเย้าเจ้าลูกแกะที่อยากโดนกินจะแย่
“มาย ได้โปรด”
เจ้าลูกแกะเว้าวอนหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่แกล้งชิมไปทั่วแต่ไม่ยอมกินสักที
ใช่ว่าเป็นการรังแกลูกแกะฝ่ายเดียวหมาป่าเจ้าเล่ห์ก็ทรมารไม่แพ้กัน ทั้งที่อยากลืนกินให้หนำใจด้วยความกระหาย แต่ก็อยากลิ้มลูกแกะตรงหน้าอย่างเต็มที่และไม่ต้องการที่จะทำให้บาดเจ็บเพราะรู้ดีว่าเวลาที่ไม่ได้สัมผัสกันนั้น จะทำให้ลูกแกะที่รักไม่ชินเหมือนก่อน
“มายไม่แกล้งคิงแล้วนะ แต่มายไม่อยากให้คิงบาดเจ็บ”
ริมฝีปากบางและริมฝีปากได้รูปสัมผัสกันอีกครั้ง และอีกครั้ง ส่งผ่านความคิดถึงให้อีกฝ่ายโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด มือเรียวปลดเปลื้องการเกง ส่วนเจ้าลูกแกะก็ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรีบร้อน เพียงไม่นานลูกแกะก็ไม่เหลือสิ่งใดมาปกปิดรูปร่างสมส่วนจากสายตาหมาป่าจอมหื่นอีกแล้ว ดวงตาเป็นประกายที่จ้องมองมาราวกันกลืนกินทำให้เขินจนต้องยกมือขึ้นมาปิดป้องร่างกายของตนทั้งที่ก็ไม่ได้ทำให้พ้นจากสายตาของหมาป่าหิวโซได้เลย
“ให้มายเห็นคิงนะ”
เพียงเอ่ยออกมาลูกแกะก็ยินยอมให้หมาป่าได้เห็นทุกอย่างตามขอ
“มาย...”
เสียงเอ่ยชื่อเพียวแผ่วเบาหมาป่าหนุ่มก็รู้แล้วแกะน้อยของตนต้องการสิ่งใด มือเรียวปลดกระดุมเสื้อของตนออกโยนไปด้านข้างอย่างไม่ใยดี แผงอกที่ไม่ได้ดูบอบบางเช่นก่อนเผยให้เห็นตรงหน้า กางเกงผ้าชั้นดีถูกทิ้งไว้เช่นเดียวกันเสื้อ
“ชอบมั้ย”
“อืม”
หมาป่าหนุ่มยอมให้แกะน้อยสำรวจร่างกายตนเพียงครู่ก่อนที่จะสานต่อสิ่งที่ค้างไว้ มือเรียวสำรวจแทบทุกส่วนจุดไฟปรารถนาให้ลุกโชนแต่ก็ยังไม่วายแกล้งไม่แตะต้องในส่วนสำคัญ ลูกแกะน้อยได้แต่ พยายามบดเบียดความปรารถนาของตน เพราะหมาป่าเจ้าเล่ห์ยึดมือทั้งสองข้างไว้
“มาย อื้ม อย่าแกล้ง ได้โปรด”
เพียงแค่โดนดวงตาคมๆ ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอ้อนวอน หมาป่าหนุ่มก็เผลอคลายมือทั้งสองที่พันธนาการไว้ เจ้าแกะน้อยได้โอกาสพลิกเกมกลายเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนแทน โดยไม่รอช้าเจ้าลูกแกะเร่งรีบชิมรสหมาป่าเจ้าเลห์อย่าตะกละตะกราม
“อื้ม คิง ใจเย็นๆ”
“มาย ผมอยากได้มายตอนนี้ นะครับ” สายตาเว้าวอนมีหรือที่หมาป่าหนุ่มจะปฎิเสธเพราะตนแทบจะกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว
มายพยักหน้าตอบรับคิงก็ไม่รอช้าที่จะนำพามายเข้ามาในร่างกายของตนเองแม้จะคับแน่นจนแทบจะล้มเลิกความตั้งใจแต่ความพยายามก็ปรสบความสำเร็จเมื่อคิงสามารถกลืนกินอีกฝ่ายจนหมด คิงนิ่งไปสักพักเพื่อปรับตัวกับความอึดอัดที่ได้รับ ก่อนนะนำพากันไปถึงจุดหมาย ไฟปรารถนาที่เร่าร้อนไม่จบลงง่ายๆ เมื่อต่างฝ่ายต่างชดเชยในส่วยที่ห่างหายกันไป
ห้องรับรองพิเศษกลายเป็นเขตห้ามผ่านของพนักงานในร้าน ใช่ว่าจะไม่รู้สาเหตุแต่ไม่มีใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นก็เท่านั้น
กว่าไฟปรารถนาของแกะน้อยผู้หิวโหยจะมอดดับหมาป่าเจ้าเลห์ก็อิ่มเอมสมใจ มายมองร่างสมส่วนในอ้อมแขน คิงยังตัวสูงกว่าเขา ยังคงเป็นคิงเจ้าชายน้ำแข็งต่อหน้าใครๆ แต่ก็เป็นคิงที่อ่อนไหวของเขาอยู่ดี มือบางอดไม่ได้ที่จะสัมผัสร่องรอยที่ตนเผลอทิ้งเอาไว้มากมาย ก็ใครจะไปอดใจไหวเมื่อแกะน้อยของเขาเร่าร้อนขนาดนั้้น