เสี่ยครับ [Yaoi]
8 – เสี่ยสายเปย์
“ไม่รู้เราคิดอะไรถึงเลือกมาเที่ยวสวนสัตว์ตอนนี้”
“เสี่ยบอกว่าชอบเสือมาก ที่ๆ จะเจอเสือได้ก็คือสวนสัตว์นี่แหละ”
ผู้ชายรูปร่างสูงดูโดดเด่นออกจากบรรดาคนรอบข้างออกปากบ่นออกมาทันที เมื่อหลบแดดเข้ามาอยู่ใต้เงาร่มไม้ ใหญ่ๆ ผมจึงอดไม่ได้ที่ยกคำพูดเขามาย้ำ คุณกันต์ธีร์เอื้อมมือมาบิดแก้มโดยไม่บอกกล่าว ถึงจะเจ็บหน่อยๆ แต่ก็ไม่อาจลบรอยยิ้มเย้ยออกไปจากใบหน้าผมได้
“ชอบเสือนี่หมายถึงหนูเสือไง แกล้งโง่ไปได้”
เขาพูดโดยไม่สนใจลูกเด็กเล็กแดงหรือบรรดาผู้คนที่เดินผ่านไปมา ผมฟังแล้วก็ยักไหล่ จะว่าชินแล้วก็ไม่เชิง ก่อนก้มลงดูแผ่นพับเพื่อดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
สวนสัตว์แห่งนี้มีพื้นที่ร้อยกว่าไร่ มีสัตว์อยู่ประมาณหนึ่งพันกว่าตัวแม้จะเป็นสวนสัตว์กลางกรุง ผมเองจำได้อย่างเลือนรางว่าครั้งล่าสุดที่มาสวนสัตว์คือตอนอายุประมาณสิบสองเห็นจะได้ โดยคนที่พามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นการทัศนศึกษากับโรงเรียนนี่เอง
เมื่อนึกถึงอดีตวัยเยาว์ รอยยิ้มของผมจึงจางลง จากรอยยิ้มย่ามใจกลายเป็นรอยยิ้มเบาบาง
ครั้งหนึ่งคนอย่างผมก็เคยเป็นคนธรรมดาสามัญ มีชีวิตไม่หวือหวานัก มองโลกอย่างสดใสและมีความสุขกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นเด็กชายพยัคฆ์ที่ตื่นเต้นกับการเห็นช้าง ม้า สิงโต ฮิปโปเตมัส แล้วยังตกใจแทบตาถลนเวลาเห็นว่ายีราฟตัวใหญ่ขนาดไหน แถมยังมีลิ้นสีน้ำเงินอีกต่างหาก
ทันใดนั้นความเย็นชื้นก็กระทบผิวต้นคอจนสะดุ้ง พอเหลียวกลับไปก็เห็นชเวปส์มะนาวโซดาสองกระป๋องในมือเสี่ยกันต์ธีร์
“เอาไปสิ”
ผมรับมาแล้วเปิดฝาดื่ม ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาแอบแวบไปซื้อมาตอนไหน “ขอบคุณครับ”
รสชาติซ่าและเปรี้ยวนิดๆ ช่วยให้สดชื่นขึ้นไม่น้อย ผมเอ่ยพอเป็นมารยาทต่อว่า
“ชอบดื่มชเวปส์เหรอครับ”
คุณกันต์ธีร์กลับส่ายศีรษะ ก่อนจะกระดกดื่มสองสามอึก “แต่รู้ว่าหนูเสือชอบ”
“ทำการบ้านมาดี” ผมยักคิ้วให้เขา ตาสีฟ้าอมเขียวดูพร่างพรายประหลาดในร่มเงาไม้ เขาคล้ายจะกลับมามีอารมณ์ดีอีกครั้ง แม้ว่าอากาศจะร้อนปานจะแผดเผาก็ตาม
ผมขอยืนยัน ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมคงเสร็จเขาไปนานแล้ว
“แต่ซื้อให้ผมแล้วเสี่ยเองก็ไม่เห็นต้องดื่มตามนี่ครับ”
“อยากลองอะไรใหม่ๆ รสชาติเองก็สดชื่นไม่เลว”
คุณกันต์ธีร์เสยผม มือข้างหนึ่งลดกระป๋องเครื่องดื่มลงจากริมฝีปาก หากพูดกันตรงๆ แล้วท่าทางและรูปร่างหน้าตาแบบเขาสามารถไปเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายโฆษณาได้ไม่ยาก สีหน้าและหยาดเหงื่อที่ไหลลงเองก็เพิ่มเสน่ห์และแรงดึงดูดประหลาดที่อยากจะละสายตา
“แล้วนี่คิดได้รึยังว่าอยากไปไหนต่อ”
“ไปดูสัตว์เลี้ยงด้วยนมไหมครับ ใกล้ๆ นี่เอง”
ผ่านซุ้มประตูที่เขียนว่าส่วนแสดงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเข้าไป เป็นทางเดินระแนงไม้วางตัวเป็นระเบียบทอดยาวไปเบื้องหน้า ก่อนจะยกพื้นสูงขึ้นเพื่อให้สามาชมสัตว์ที่ถูกเลี้ยงในส่วนต่างๆ บางส่วนก็เป็นพื้นระดับที่สามารชมสัตว์ผ่านกระจก
ด้วยชีวิตประจำวันและงาน ไม่ต้องพูดถึงว่าผมลืมความรู้สึกที่เดินเอ้อระเหยดูสัตว์ไปแล้วนานแค่ไหน
ส่วนตัวแล้ว ผมเองไม่รักไม่เกลียดการดูสัตว์เท่าไหร่ ส่วนประธานธุรกิจพันล้านและมีสมญาเสี่ยมาเฟียเช่นคุณกันต์ธีร์นี่ไม่ทราบ แต่เมื่อเหลือบไปมองแล้วเห็นว่าเขาเองก็มีท่าทีสนใจและไม่ได้เบื่อหน่ายหรือหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะร้อนอีก กลับทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย
สัตว์ที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าหน้าตาแปลกๆ อาจทั้งดูสวยแปลกตา หรือดูกวนประสาทจนถูกโฉลกก็มีอยู่หลายชนิด เช่น โคอาล่า ลีเมอร์ พวกลิงค่าง ลามะ เมียร์แคท เก้ง เลียงผา บางตัวก็อดเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปไม่ได้ โดยเฉพาะลิงแสมที่กำลังหาเหากันอยู่ ผมถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เดียวและพิมพ์ล้อไปว่าหน้าเหมือนกันไม่ผิด
“หือ แอบแชทกับชายอื่นตอนเดทอยู่เหรอ” เสี่ยกันต์ธีร์ที่เดินเคียงมาเงียบๆ เอ่ยขึ้นขณะชะโงกดูมือถือผม
“หรือเสี่ยจะให้ผมแชทกับผู้หญิง”
“ไม่ให้แชทกับใครเลยได้ไหมล่ะ”
“ถ้าอย่างงนั้น เสี่ยคงต้องยึดมือถือผมแล้วล่ะครับ” อีกฝ่ายทำหน้าประมาณว่าถ้ายึดได้ก็อยากยึด ก่อนเปรยด้วยน้ำเสียงสบายๆ จนผมเพิ่งตระหนักได้ว่า ผมลดการระวังตัวลงมากแค่ไหน
“เคยพาผู้หญิงมาเดทที่สวนสัตว์ไหม”
ผมแปลกใจเล็กน้อยที่เขาถามขึ้นมา แต่ถ้าพูดถึงท่าทีหึงหวงจากคุณกันต์ธีร์แล้วล่ะก็ ขนาดตอนฝันกลางวันผมยังไม่เคยฝัน เขาในตอนนี้คล้ายอยากจะรู้จักผมให้มากขึ้นกว่าเดิมมากกว่า
“ไม่เคยครับ ส่วนใหญ่ผมจะพาไปเดินห้าง นั่งชิลล์ที่บาร์ ภัตราคาร หรือไม่ก็โรงแรม”
“มีแฟนมาแล้วกี่คนล่ะเรา”
“ผมไม่เคยมีแฟน”
“หืม” เสี่ยกันต์ธีร์กะพริบตา โคลงศีรษะน้อยๆ ด้วยท่าทางครุ่นคิด “แน่ใจเหรอ อย่างเราเนี่ยนะไม่เคยมีแฟน”
“แน่ใจครับ” ผมระบายยิ้ม มองไปยังคู่สามีภรรยาด้านหน้าที่คนเป็นพ่ออุ้มลูกสาวตัวน้อยๆ ไว้ในอ้อมแขน “ผมไม่นับคู่ควงหรือเซ็กซ์เฟรนด์เป็นแฟน”
“ร้ายจริงๆ” คุณกันต์ธีร์หัวเราะเสียงนุ่ม แต่ฟังดูแล้วเหมือนจะพอใจอยู่ในที “แล้วผู้หญิงไม่เคยคิดเกินเลยกับเรารึไง”
“ก่อนที่จะติดต่อสานสัมพันธ์กัน ผมจะตกลงกันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นสถานะไหน อีกอย่าง ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจริงจังกับผู้จัดการบาร์กลางคืนอย่างผมหรอกครับ เพราะมันแน่อยู่แล้วว่าผมไม่ใช่คนรัก พ่อของลูกหรือสามีที่ดี อ้อ แล้วผมก็ไม่อยากเพิ่มประชากรไร้คุณภาพให้ประเทศด้วย”
ผมหัวเราะลงท้าย นี่อาจเป็นประโยคที่ยาวที่สุดนับแต่ได้คุยกับเสี่ยมา คำพูดและน้ำเสียงของผมมีลักษณะเป็นกึ่งล้อเล่น แต่ผมหมายความตามสิ่งที่ว่าจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจประชดประชันหรือตัดพ้อให้เสี่ยกันต์ธีร์รู้สึกสงสาร
ซึ่งเหมือนจะบอกคุณเสี่ยมาเฟียคนนี้กลายๆ ไปด้วย
ว่าผมเองไม่ใช่คนที่หลงใหลละเมอเพ้อพกไปกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’
คุณกันต์ธีร์พยักหน้าตาม เอ่ยเนิบๆ
“ถ้าเป็นเราตอนนี้ก็พอเข้าใจ แต่เมื่อก่อนล่ะ ตอนเด็กกว่านี้ ไม่มีป๊อบปี้เลิฟเลยรึไง”
“เผอิญว่าผมค่อนข้างจะแก่แดดและกร้านโลกแต่เด็กน่ะครับ”
“แต่ก็อาจจะมีผู้หญิงดีๆ มาชอบเราบ้าง หรือไม่เราก็ไปแอบชอบใครสักคน”
ผมรู้ว่าระดับเสี่ยกันต์ธีร์สามารถสืบข้อมูลประวัติของผมมาได้ไม่มากก็น้อย แต่เพราะท่าทางของเขาดูกระตือรือร้นที่จะถามถึงอดีตของผม คงเพราะว่าข้อมูลของในทะเบียนราษฏ์หรือในฐานข้อมูลของราชการนั้นธรรมดาเกินไป
หรือความสัมพันธ์ของผมกับใครหลายคน ก็มักจะเป็นแบบผลประโยชน์และความสัมพันธ์แบบผิวเผินเสียมาก คนที่พอรู้จักตัวตนจริงๆ ของผมคงมีแค่อาพจน์ที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เล็ก และนายตำรวจรายนั้นก็ระวังตัวแจเกินกว่าจะพูดเรื่องอะไรๆ ให้กับคนแปลกหน้า
จะว่าไปแล้ว ผมไม่ใช่บุคคลลึกลับอะไรเลยถ้าเทียบกับคุณกันต์ธีร์ แต่เรื่องส่วนตัวของผมไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากเปิดเผยนักมากกว่า
“ถ้ามีผู้หญิงดีๆ หรือผู้หญิงที่ดูแล้วจริงจังกับความรักมาชอบ ผมก็จะปฏิเสธแบบสุภาพครับ พอเวลาผ่านไปสักพัก พวกเธอก็มักจะนึกเสียดายว่าทำไมถึงเคยชอบผม... มาถึงโซนเสือแล้วครับ”
ผมชี้นิ้วให้ดูป้ายว่าเข้าสู่โซนเสือแล้ว
ส่วนจัดแสดงเป็นกรงขนาดใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับคนเดิน เห็นเป็นน้ำตกและป่าจำลองดูเป็นธรรมชาติ เสือชนิดแรกที่เจอคือ ‘เสือจากัวร์’ ที่มีลายสีดำอยู่บนขนสีน้ำตาลทอง
ในเวลานี้พวกเสือมักนอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านอยู่ตามเงาร่มไม้ คุณกันต์ธีร์อมยิ้มแล้วยกมือถือขึ้น
“ไปถ่ายคู่กับเสือหน่อยสิ ทุกตัวเลย จะได้เทียบว่าเราเป็นเสืออะไร”
...เล่นเป็นเด็ก
รอยยิ้มของเขาลดวัยลงสักสิบปีเห็นจะได้
ผมหัวเราะหึๆ แต่ก็เดินไปยืนหน้ากรงคู่กับเสือในมุมต่างๆ ที่เขาบอกให้เดินไป
“มีท่าทางหน่อยสิ” คนถ่ายรูปส่งเสียงมาขณะขมวดคิ้ว เมื่อผมทำหน้าเฉยๆ และไม่ออกท่าทางอะไร
“ท่าไหนล่ะครับ”
คุณกันต์ธีร์ทำท่าคิด ก่อนที่จะดีดนิ้วเปาะ “ทำหน้าเหมือนเสือตัวที่เราไปถ่ายด้วยไง”
“ไม่ล่ะครับ” ผมปฏิเสธทันควัน ชักสงสัยว่าตัวเองพาน้องชายวัยประถมมาเที่ยวสวนสัตว์อยู่รึเปล่า
“เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว”
“ไม่ใช่ว่าต้องเลี้ยงอยู่แล้วเหรอ”
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นจากการย้อนคำของผม “งั้นจะพาไปช้อปปิ้งด้วย”
บริเวณใกล้ที่ห้างสรรพสินค้าและย่านการค้าหรูอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าราคาสูงมากจนผมจะมาซื้อเฉพาะของที่ต้องสวมเพื่อออกงานสำคัญเท่านั้น
“จะซื้อของให้ผม?”
“แน่นอน ถ้าได้รูปที่ฉันพอใจนะ”
“ตอนนี้ผมกำลังเก็บเงินซื้อ Rolex รุ่น Oyster perpetual 34 อยู่” ผมระบายยิ้ม สบตาเขาหยั่งเชิง “บอกเฉยๆ นะครับคุณกันต์ธีร์”
นักธุรกิจผู้ติดอันดับระดับประเทศยกมือกอดอก ท่าทางเหมือนกำลังดีลงานไม่ผิดเพี้ยน
“งั้นถ้าได้รูปเด็ดๆ ฉันยินดีซื้อให้ฟรีๆ ว่าไงเรา”
“ไม่ถามราคาก่อนเลยเหรอครับ”
“ฉันรู้ว่าไม่แพงเกินเงินในกระเป๋า”
“หลักล้านเลยนะครับเรือนนั้น”
จู่ๆ คุณกันต์ธีร์ก็ก้าวเข้ามาใกล้ผม แล้วยื่นมือมาบีบปลายจมูกโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว พอเขาดึงมือออกไป รู้สึกได้เลยว่าต้องขึ้นสีแดง
“เด็กขี้โกหก ฉันรู้ว่ารุ่นนั้นราคาไม่ถึงสองแสน”
นอกจากเป็นเสี่ยมาเฟีย เหมือนเขายังมีงานอดิเรกเป็นการจำราคานาฬิกาอีกต่างหาก
“อูย” ผมแสร้งร้องเจ็บ ก่อนจะแลบลิ้น “ผมแค่จำผิดนิดหน่อยเอง”
ไม่ทราบว่าการแสร้งทำตัวแบ๊วๆ ใสๆ ที่ต่างจากผมในยามปกติไปทำให้เขาเอ็นดูมากขึ้นรึไงไม่ทราบ คุณกันต์ธีร์เลยเล่นบทใหญ่ใจป๋า ดึงบัตรออกมาแล้วโชว์ให้ผม
“วันนี้รูดได้เต็มที่ ถ้าเราได้ไปด้วยกันต่อ โอเค?”
“ผมไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้นนะครับเสี่ย”
“ไม่เห็นแก่เงิน” ร่างสูงกว่าจู่ๆ ก็ก้มลงมาชิดข้างหูผม “งั้นก็เห็นแก่เสี่ยหน่อย”
ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหู อากาศเองก็ร้อนอยู่แล้ว พอร่างกายของผู้ชายสองคนมาอยู่ใกล้กันจึงทวีอุณหภูมิ ตอนนี้ผมกับคุณกันต์ธีร์อยู่ในมุมลับตามุมหนึ่งและยังไม่มีใครเดินผ่านมา ดวงตาสีฟ้าอมเขียวตรงหน้าผมเหมือนเต้นเป็นระลอกคลื่น
เขาใช้ปลายจมูกแตะแก้มผม ขยับยิ้มแล้วเอ่ยทั้งๆ ที่ริมฝีปากสัมผัสผิวหน้า
“นะครับ”
เสียงนุ่มนวลอบอุ่นเหมือนเย้าหยอก แต่ก็แฝงด้วยความต้องการบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ เขาผละออกไปโดยที่ผมไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย แล้วขยิบตาให้และเอื้อมมือมาจูงผม
“ปะ ถ่ายรูปกันหนูเสือ”
ผมถอนใจ ยิ้มอ่อนจาง “ครับ ถ่ายก็ถ่าย”
บางที การมากับคุณเสี่ยเองก็สนุกแบบแปลกๆ เหมือนกัน
“ฮ่าๆๆ!”
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมเพิ่งรู้ว่าไม่ควรรับปากไหลตามน้ำไปเสียทุกอย่าง เมื่อผมบอกว่าจะทำท่าตามเสือชนิดต่างๆ โดยลืมไปว่าสัตว์พวกนี้แม่งก็เป็นแมวตัวใหญ่ธรรมดาในเวลากลางวัน
ระหว่างถ่ายรูปผมเห็นคุณกันต์ธีร์พยายามกลั้นขำด้วยหน้านิ่งๆ และบอกว่าโอเค เมื่อชมส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเสร็จ ผมและเสี่ยกันต์ธีร์ก็ได้ไปดูส่วนอื่นๆ คือสัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ตลอดจนชมการจัดแสดง
หลังจากนั้นผมกับเขาถึงได้มานั่งรับประทานอาหารกันในภัตราการกลางห้างหรูและหลุดพ้นความร้อนปานจะมอดไหม้ ระหว่างรออาหาร คุณกันต์ธีร์ก็เป็นคนเปิดรูปผมคู่กับเสือเหล่านั้นออกมาเลือก
เป็นภาพที่... ผมคิดว่ากำลังสงสัยว่าตัวเองทำไปได้ยังไง อากาศร้อนคงละลายสมองผมด้วยแน่ๆ
“หึๆ ดูภาพนี้สิ หนูเสือตาเหล่”
“ก็เสือมันทำตาเหล่นี่ครับ” ผมว่า “เสี่ยจะลบก็ได้นะ ถ้าไม่ถูกใจ”
“ใครจะลบ ตลกจะตาย”
ภาพที่ว่าเป็นภาพ ‘เสือปลา’ ที่เดินเข้ามาดูคนด้วยความสงสัย รูปร่างหน้าตาของเสือปลาคล้ายแมวบ้านแต่ตัวโตกว่า มีลายสีน้ำตาลแกมดำสั้นๆ เรียงเป็นแนวตามตัว ผมเห็นมันทำตาเหล่ เลยทำตาม ปรากฏว่าผมเองออกจะเล่นใหญ่เกินหน้าเกินตามันจนดูเหมือนคนปัญญาอ่อนไป
“ภาพนี่ก็ดี”
ภาพต่อไปเป็นภาพเสือโคร่งกำลังใช้เท้าเกาหน้า จะให้ผมเอาเท้าเกาก็คงไม่ได้ ผมเลยใช้มือเกาแก้มแทน แต่สีหน้าดูไม่ยินดียินร้ายกับอะไร
“แต่... ภาพนี้เหมาะที่สุด”
ภาพที่เสี่ยกันต์ธีร์ว่าเหมาะ คือภาพที่ผมอ้าปากหาวพร้อมๆ กับเสือโคร่งสีขาวที่อยู่ด้านหลัง แต่เป็นการหาวที่ไม่ได้แกล้งทำ เพราะจังหวะนั้นผมเกิดอยากหาวขึ้นมาพอดี ลักษณะการหาวก็อ้าปากหวอแล้วหลับตาขมวดคิ้ว ไม่รู้น่าประทับใจตรงไหน
“ทำไมถึงคิดว่าผมเหมือนเสือโคร่งขาวล่ะครับ”
“ดูดี เซ็กซี่ น่ารัก น่าเอ็นดู”
“หืม แต่เสือตัวอื่นก็น่ารักนะครับ”
“เดี๋ยวสิ ยังพูดไม่จบ” ก่อนที่เจ้ามือจะเอ่ยจบ พนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารออกมาเสิร์ฟ ภัตราคารแห่งนี้เป็นอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งผมเองทานไม่บ่อยนักเพราะราคาแพง แต่รู้สึกว่าส่วนใหญ่จะมีรสชาติถูกปากอยู่พอสมควร
สำหรับอาหารฝรั่งเศสในภัตราคารจะรับประทานเป็นลำดับ มี 6 คอร์สโดยเริ่มจาก aperitif หรือออร์เดิร์ฟ แล้วเป็น entré ซึ่งมักจะเป็นซุป ตามด้วยอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อสัตว์ ต่อด้วยสลัดแล้วตามด้วยเนยแข็งสารพัดชนิด ปิดท้ายด้วยของหวานหรือผลไม้พร้อมกับกาแฟ ส่วนขนมปัง ไวน์ และน้ำแร่จะมีเสิร์ฟตลอดเวลาที่กินอาหาร
“ที่สำคัญ คือไม่เหมือนใคร อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่ฉันคิดว่าจะหาได้จากการไปคลับบาร์”
คุณกันต์ธีร์ว่าด้วยเสียงแผ่วเบาคล้ายเอ่ยกับตนเอง แล้วจิบ Dry Martini ซึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องดื่มค็อกเทลใส ผสมจาก Gin และ Dry vermouth ถือเป็นเครื่องดื่มคลาสสิกที่บาร์เทนเดอร์ทุกคนควรรู้จัก
ท่วงท่าและน้ำเสียงที่กล่าว ทำให้ในหน้าอกของผมรู้สึกหวิวแปลกๆ แม้ยังไม่จิบแอลกอฮอล์ ก่อนที่พักหนึ่งความรู้สึกนั้นจะหายไป
“คุณกันต์ธีร์หมายถึง...?”
“อย่างน้อยก็ไม่มีใครเคยปฏิเสธฉัน แล้วยิ่งไม่มีใครปฏิเสธด้วยการบอกว่าตัวเองมีเชื้อเอชไอวี”
ขณะยกแก้วคนตรงหน้าก็ชี้นิ้วมายังผม หัวเราะหึๆ ในลำคอ สีหน้าราวกับรู้สึกขันๆ ทั้งเจ็บใจและถูกใจอยู่ในทีเดียวกันเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ผมเองก็ยิ้มบางขึ้นตาม ยก Vodka gimlet ที่เกิดผสมจากระหว่าง Vodka ผสมกับน้ำมะนาว ให้รสชาติสดชื่นและยังได้กลิ่นวอดก้าขึ้นชัดเจน
“ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันที่ตัวเองยังนั่งทานอาหารกับคุณอยู่ตอนนี้”
“ต่อไปจะได้ทานในที่ที่ดีกว่านี้อีก”
เขาขยับยิ้มกริ่มแพรวพราว ใช้ปลายรองเท้าสอดเข้ามาในขากางเกงของผมใต้โต๊ะ โชคร้ายที่มีผ้าปูโต๊ะผืนยาวสีน้ำเงินคลุมอยู่จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะหันมาเห็นเข้า
ผมหลุบตาลงเพียงชั่วแวบ ก่อนเงยหน้าขึ้นยื่นปลายเท้าไปถูกเข้ากับขาเขาเบาๆ ด้วยเช่นกัน
“สะกิดเท้าผมเเบบนี้มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ขยันยั่วนักนะ”
อีกฝ่ายแยกเขี้ยวก่อนจะหดเท้ากลับไป อาหารค่อยๆ ทยอยมาเสิร์ฟทีละคอร์ส ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขาคล้ายสังเกตการเคลื่อนไหวของผมทุกท่วงท่า หากเป็นคนที่ไม่เคยมาก่อนคงประหม่าเอามาก
“มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศสของเรานี่เนี้ยบจริงๆ เรียนมาจากไหน”
คุณกันต์ธีร์เอ่ยชม เมื่อก่อนที่พบจะไปดื่มน้ำได้ใช้ผ้าซับปากก่อน เพื่อไม่ให้ขอบแก้วเปื้อนเป็นคราบ
“ทำงานกับคนรวยก็ต้องฝึกสิครับ ผมเองเป็นเมเนเจอร์คลับ ถ้าทำไม่ดีลูกน้องคงเอาเป็นตัวอย่างไม่ได้”
ผมตอบเลี่ยงๆ ยิ้มๆ เห็นแวววูบไหวชวนประหลาดแวบหนึ่งในดวงตาคู่สวยนั้น
“ใครฝึกให้ล่ะ”
“ก่อนเป็นเมเนเจอร์ ผมเคยเป็นบาร์เทนเดอร์กับเด็กเสิร์ฟในภัตราคารมาก่อน...”
“ภัตราคารที่ไหน”
“คุยแต่เรื่องของผม คุณกันต์ธีร์ไม่เบื่อแย่เหรอครับ”
“ไม่เลย ยิ่งคุยยิ่งอยากรู้ ว่าอะไรทำให้เรากลายเป็นคนเซ็กซี่ได้ขนาดนี้”
เขายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไร้พิรุธ ผมหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนตอบอย่างสุภาพระคนมีอารมณ์ขัน
“ถ้าคุยกันแล้วเสี่ยไม่ทานเลยเนี่ย ผมกลัวว่าจะไม่ได้ไปซื้อนาฬิกาน่ะสิ”
“เข้าใจบ่ายเบี่ยงนะ”
อีกฝ่ายเอื้อมมือมาหยิกแก้มของผมอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงผมจะค่อนข้างโครงหน้าชัด มีสันกราม และไม่ค่อยมีแก้ม แต่เหตุใดไม่ทราบอีกฝ่ายถึงได้ชอบหยิกนัก และแน่นอนว่าแต่ละครั้งก็เจ็บต้องขมวดคิ้วและหดคอ
“แค่เห็นคุณไม่ได้ทานเสียที เดี๋ยวจะหิวเอา”
“ครับๆ หนูเสือ”
คนตัวใหญ่รับคำก่อนก้มหน้าก้มตาลงรับประทานอาหาร ผมมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ จู่ๆ คำพูดของอาพจน์ก็ดังขึ้นมาในความคิด
‘ฉลาด แล้วก็โหดเหี้ยมกว่าที่เห็น ถ้าเจอเขาแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นแค่เสี่ยโง่ๆ ที่ดูแล้วโคตรหล่อแสดงว่าแกยังอ่อนหัด’
อาพจน์ครับ ผมไม่เคยคิดว่าเขาโง่เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าจะเรื่องหล่อโคตรๆ และรวยโคตรๆ จะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ
หลังจากจ่ายบิลราคาที่ผมเห็นแล้วแอบเบิกตากว้างในใจไป ผมก็ได้ไปเดินห้างกับคุณกันต์ธีร์ต่อ และได้ไปลองนาฬิการาคาเจียดสองแสนนั้นกับข้อมือจริงๆ คงเป็นเพราะการแต่งตัวของผมต่างจากคุณกันต์ธีร์ชัดเจน พนักงานเลยไม่แปลกใจ คิดว่าคุณกันต์ธีร์คงพาน้องหรือหลานมาเลือกนาฬิกา
นาฬิการุ่นที่ผมบอกกับเสี่ยกันต์ธีร์ เป็นรุ่น Automatic movement ที่มีสายเป็นสแตนเลสสตีลสีเงิน ผมเลือกหน้าปัดเป็นสีน้ำเงินเข้ม ตัวเรือนดูเรียบหรูไม่จัดจ้านเกินไป
“สวย เหมาะดี แต่เรือนนี้จะเหมาะกว่ารึเปล่า”
คุณกันต์ธีร์เองก็เป็นคนชอบดูนาฬิกา ที่ข้อมือเขาอย่างต่ำก็หลักล้าน ดังนั้นแค่สองแสนคงขนหน้าแข้งไม่ร่วง ผมหันไปตามที่อีกฝ่ายว่า
รุ่นนี้มีลักษณะคล้ายๆ กับรุ่นที่ผมเลือก แต่ไม่มีตัวเลขที่หน้าปัด เปลี่ยนเป็นมาร์คเกอร์ชั่วโมงบอกเวลาเรียบๆ สายสีเงินทำจากสแตนเสสสตีลผสมกับทองคำ เป็นคุณสมบัติที่เรียกว่า Rolesor หรือสลับทอง เพิ่มความทนทานและยิ่งดูทรงภูมิ
หน้าปัดเป็นโรเดียมเข้มสีดำ มองแล้วคนที่ชอบนาฬิกาคงเกิดกิเลสได้ไม่ยาก แต่พอเหลือบไปมองราคาแล้ว ผมจึงอดมุ่นหัวคิ้วไม่ได้
“รุ่นนี้สวยก็จริง แต่แพงกว่ารุ่นที่ผมเลือกตั้งเกือบเท่าตัว”
“แค่สามแสนนิดๆ เอง ถ้าอยากได้จะซื้อให้”
‘แค่’?
ผมคงไม่ผิดใช่ไหมที่หมั่นไส้คนรวย
“ไม่ล่ะครับ ความจริงแค่อยากมาดูเฉยๆ ไม่อยากได้หรอกครับ”
ผมยักไหล่ คุณกันต์ธีร์อ้าปากน้อยๆ ก่อนที่จะบีบแก้มของผมไม่เบานัก
“โกหกว่าเก็บเงินซื้ออีกแล้วเรอะ!”
“โอ่ยๆ”
“ฮึ่ย เรานี่จริงๆ เลย”
พอเขาปล่อยมือ ผมเลยได้โอกาสแก้ตัวว่า “ผมเก็บเงินซื้ออยู่จริงๆ ครับ แต่ของที่เก็บเงินเองกับของที่ได้มาง่ายๆ มันมีคุณค่าทางจิตใจต่างกัน”
“หือ” เรียวคิ้วเข้มบนดวงหน้าสมบูรณ์แบบกดลง “จะบอกว่าของที่ฉันซื้อให้ไม่มีค่า?”
“เปล่าครับ” ผมกะพริบตาใส “อย่างเช่น ถ้าผมง่าย ไปกับใครก็ได้ คุณคงไม่ชอบใช่ไหม”
“เข้าใจย้อนคนอื่น” อีกฝ่ายค่อยเผยยิ้ม เอามือมาขยี้ผมของผมจนยุ่ง “ตกลงไม่เอา?”
“ไม่ล่ะครับ”
“แน่นะ”
ผมพยักหน้าหนักแน่น ส่งสายตาชัดว่าไม่ได้เล่นตัวเพื่อให้เขาเอ่ยเอาอกเอาใจ คุณกันต์ธีร์พยักหน้า ก่อนที่ผมกับเขาจะเดินออกจากร้าน
คงเป็นเพราะผมกับเขาไม่ได้มีจุดหมายอื่นนอกจากนาฬิกา เดินเที่ยวและพูดุคยเรื่อยเปื่อยสักพักก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรทำต่อ ประจวบเหมาะกับที่มือถือของคุณกันต์ธีร์ซึ่งนิ่งสนิทมาตลอดวันดังขึ้นมา
“อืม รู้แล้ว เดี๋ยวจะโทรไปทีหลัง”
เสียงที่กรอกลงยังมือถือเคร่งและดุไร้แววหยอกล้อต่างจากที่พูดคุยกับผมโดยสิ้นเชิง ดูท่าแล้วคงเป็นสายด่วน อีกฝ่ายวางสายแล้วเดินตรงมาหาผม ท่าทีผ่อนคลายลงมาก
“อยากไปที่ไหนอีกไหม”
ผมส่ายหน้า พวกเราต่างไม่มีของติดไม้ติดมือกลับไป ครั้งนี้เสี่ยกันต์ธีร์อาสาไปส่งโดยไม่ให้โอกาสผมได้ปฏิเสธ โดยเขาเป็นคนขับรถเองและมีผมนั่งอยู่ข้างๆ รถที่ใช้เป็นรถเบนซ์ราคาสูงแต่ไม่หรูหรามากนัก ทำให้ผมสังเกตได้ว่า เขาอยากให้การมากับผมครั้งนี้เป็นส่วนตัวมากที่สุด
“วันนี้สนุกไหม”
“สนุกครับ แล้วคุณกันต์ธีร์ล่ะ”
“ดี” เขาเอ่ย แล้วขยายความพร้อมหันมามองตาผม “ดีจนอยากเก็บเราไว้เล่นด้วยในบ้าน”
เขาหยอกกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่ความหมายก็ไม่วายเป็นเรื่องใต้สะดือ ได้ยินแล้วผมก็หัวเราะกึกๆ
“เล่นกันนอกบ้านก็ได้มั้งครับ”
“ชอบ Outdoor ก็ไม่บอก”
“ชอบครับ แต่ต้องเป็นส่วนตัวพอนะ คุณกันต์ธีร์ก็คงไม่ปลื้มถ้ากลายเป็นไลฟ์สดไป”
“รถฉันก็ส่วนตัวพอนะ เจลพร้อมถุงยางพร้อม” คนขับว่า ไม่วายชี้ไปที่ช่องเก็บของ แต่ผมไม่คิดจะเอื้อมมือไปตรวจสอบตามคำพูดเขา เลยยิ้มมุมปากแล้วก้มลงเล่นมือถือแทน
คุณกันต์ธีร์เปิดเพลงคลอเบาๆ เป็นเพลง ‘Stranger Things’ ของ Kygo ร่วมกับ OneRepublic
We turned our back on the ordinary from the start
We looked for stranger things
‘Cause that’s just who we are
Found me the edge of something beautiful and loud
Show me the sky falling down
เราหันหลังให้กับความธรรมดาตั้งแต่แรก
เรามองหาสิ่งแปลกประหลาด
เพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เราเป็น
พบฉันได้ในที่สักแห่งที่สวยงามและมีเสียงกังวาน
ให้ฉันได้ชมยามท้องฟ้ากำลังร่วงหล่นลงมา
“...”
ผมเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง เวลานี้เป็นยามเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ดูท่าคงจะมีฝนตกหนัก กันต์ธีร์เปรยขึ้นมา
เพลงนี้คล้ายว่าเหมาะกับผมและเขาอย่างประหลาด
ทันใดนั้นก็ได้คุณกันต์ธีร์เปรยขึ้นมาเหมือนอยู่กลางใจ “ครั้งหน้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่ไหนสักที่กัน”
“นี่เพลงบิ้วอารมณ์ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”
“ไม่ปฏิเสธแสดงว่าตกลง”
“ผมเคยปฏิเสธได้ด้วยเหรอ”
“ไม่” อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ เวลาผ่านไปไม่นาน ยานยนต์สีดำเงาก็วิ่งฝ่าความมืดมาถึงคอนโดผมทันก่อนที่จะฝนตก
“ขอบคุณที่พาเที่ยวแล้วก็จ่ายค่ามื้ออาหารให้นะครับ”
“แค่นี้?”
“?”
คุณกันต์ธีร์เลิกคิ้วกลับ ทั้งผมและเขาต้องจ้องหน้ากันนิ่งๆ พักหนึ่ง จนเมื่อเมื่อสังเกตเห็นเขาขยับริมฝีปากเล็กน้อย ผมจึงรู้ว่าเขาต้องการอะไร
ผมเหลือบสายตามองรอบๆ ก่อนจะก้มลงไปประทับจุมพิตเบาๆ ลงบนริมฝีปากเขา จังหวะแรกอุ่นนิ่งเหมือนแตะริมฝีปากกันเฉยๆ เขาเองก็ไม่ได้ขยับ แต่เมื่อผมจะผละออกอีกฝ่ายกลับเอื้อมมือมาจับหน้าแล้วใช้ลิ้นแทรกเข้ามา
กลิ่น Dry Martini เจือจางปนกับกลิ่นลมหายใจของผมที่เป็น Vodga gimlet
เขาจูบผมอย่างกระหาย โถมร่างรุกเข้ามาจนตัวผมติดกับประตูรถ ความร้อนทวีอย่างรวดเร็วจากเลือดที่สูบฉีดขึ้นยังใบหน้าและลำคอ
ครั้งนี้ผมเอาใจเขาด้วยการให้เขาจัดการแทรกลิ้นกระหวัดเกี่ยวตามใจ แต่เมื่อมือใหญ่ลูบหน้าอกและทำท่าจะปลดกระดุม ผมจึงส่งเสียงประท้วง คุณกันต์ธีร์โอ้โลมโต้ตอบกลับมา แต่แอลกอฮอล์แค่นี้ไม่อาจพรากสติของผม สุดท้ายเขาจึงถอนจูบออกไปอย่างติดจะเสียดาย
พวกเราหอบ เลือดเรื่อขึ้นบนผิวหน้า ในรถอ้าวขึ้นถนัด เขาไม่มีรอยยิ้ม เห็นเพียงดวงตาสีฟ้าอมเขียวที่โดดเด่นขึ้นมา
ผมยิ้มเผล่แล้วใช้มือแตะริมฝีปากเขาอย่างไว้เชิง
“ใจเย็นครับ เดี๋ยวฝนตกแล้วเสี่ยจะกลับลำบาก”
“ใครสน” อีกฝ่ายว่าเสียงพร่า เหมือนน็อตหลุดอยู่กลายๆ มือยังค้างอยู่ที่สะโพกและกระดุมเม็ดที่สามนับจากบนของผม
“วันนี้ร้อนมาก ถึงเหงื่อแห้งแล้วแต่ก็ยังเหนียวตัวอยู่ดี ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่”
คุณกันต์ธีร์ยังนิ่ง
“ผมเคยมีเซ็กซ์แต่กลับผู้หญิงตัวนิ่มๆ หอมๆ ครับด้วยความเคารพ”
“เฮ้อ”
สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมล่าถอยในที่สุดแล้วขยี้ศีรษะตัวเอง แต่ยังเอื้อมมือมาบีบแก้มผมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“ความจริงวันนี้ฉันก็ไม่ได้ตัวเหม็น”
“แต่ก็ไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไหร่ ผมหมายถึงตัวผมนะครับ” ผมยิ้มตาหยี คุณกันต์ธีร์พยักเพยิด
“รีบลงไปเถอะ ก่อนที่เสี่ยจะกินหนูเสือจริงๆ”
ผมไม่รอให้เขาเตือนซ้ำก็อัปเปหิตัวเองลงมา คุณกันต์ธีร์โบกมือลายิ้มๆ แต่ดูก็รู้ว่ายังมีความขัดใจเล็กน้อย “ไว้เจอกันใหม่ ฝันดีนะครับหนูเสือ”
“ครับ เสี่ยก็ฝันดี”
นับแต่วันนั้น เสี่ยกันต์ธีร์ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรผมมาอีก ผมเองก็ทำงานตามปกติ จนกระทั่งเช้าวันที่สาม ได้มีพัสดุมาส่งในส่วนรับของที่คอนโด จ่าหน้าผู้รับเป็นชื่อผม
เมื่อเปิดออก กลับพบนาฬิกาสลับทองราคาสามแสนกว่าเรือนนั้นที่คุณกันต์ธีร์บอกว่าเหมาะกับผม มีโน้ตเล็กๆ เขียนด้วยลายมือบรรจงไว้ว่า
‘รุ่นนี้ชื่อ Dayjust 41 มีความหมายว่างดงามและคงทนผ่านวันเวลา ถือว่าเป็นที่ระลึกการเดทแล้วกัน
’
13 หน้า!!!
หวังว่าจะอ่านกันจนตาแฉะนะคะ 5555 อาจมีคำผิดเยอะหน่อยเพราะยังไม่เช็ค
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันและคอยกระตุ้นเสี่ยวอ้ายค่ะ ฮา