หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว  (อ่าน 66971 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เปรมจะรอดไหมอ่ะ สงสารคู่นี้จริง ต่อด่วน

ิิอินลักษณ์ คู่นี้น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



อวสาน




“เปรม...................!!!!!”

อสุเรนทร์ตะโกนสุดเสียง มือที่เตรียมไขว่คว้ากลายเป็นต้องประคองร่างของคนที่ตนรัก...เลือดสีแดงสดไหลซึมเปรอะเปื้อนเครื่องทรงนางก่อนจะขยายตัวเป็นวงกว้าง ฝ่ามือใหญ่สั่นระริกยกขึ้นประคองใบหน้าซีดเผือดด้วยหัวใจร้าวราน นัยเนตรแดงก่ำคล้ายรื้นด้วยน้ำตาอยู่ไม่น้อย ริมฝีปากขยับเอื้อเอ่ยแผ่วเบา...

ไม่จริง

เป็นไปไม่ได้...

ดวงตาหวานล้ำปิดลงสนิท พร้อมกับลมหายใจที่ขาดหายไปได้สักพักใหญ่ ทุกชีวิตตกอยู่ในวังวนแห่งความตื่นตะลึง นิ่งงัน ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ หรือสายลมรำเพยพัด

“เปรมจ๋า...น้องน้อยของพี่”

“...”

“ตื่นมาสิ ตื่นขึ้นมามองพี่ก่อน”

“...”

“ไหนบอกจะไม่ทิ้งพี่ น้องโกหกพี่หรือ” พญารากษสร่ำไห้โศกาแทบขาดใจ พญารากษสร่ำไห้โศกาแทบขาดใจ ฟันบนขบลงบนริมฝีปากล่างแตกจนเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

“น้องจะทิ้งพี่ไปอย่างนี้ไม่ได้นะ ตื่นขึ้นมาสิ พี่บอกให้ตื่นขึ้นมา!” เสียงสั่นเครือแผดร้องกึกก้องสะท้านทั่วอาณาบริเวณ ดุจเสียงโหยหวนแห่งวิญญาณในนรกภูมิที่ปวดร้าวทนทุกข์กับทัณฑ์ทรมาน

ราเมนทร์แทบไร้สติ ราวหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่หนึ่ง ขาแกร่งก้าวเดินอย่างอ่อนแรงก่อนทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าร่างไร้วิญญาณที่อยู่ในอ้อมกอดของอสุเรนทร์ แม้น้ำตาไม่ได้ไหลรินเช่นอีกคน หากแต่ใจก็เจ็บปวดทรมานมิต่างกัน

ไม่คิดเลยว่าเปรมจะกล้าตัดสินใจทำเช่นนี้

แต่คนร่างบางจะทำไปเพื่อสิ่งใด

“เปรมจ๋า ฮึกๆ อย่าทิ้งพี่ไป น้องจ๋า ลืมตาขึ้นมาก่อนได้ฤาไม่ พี่ใจจักขาดอยู่รอนๆแล้วหนา ฟื้นเถิดยอดรักของพี่”

“เปรมเขาไปแล้ว” ราเมนทร์สูดลมหายใจระงับน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอย่างยากเย็น หากแต่อสุเรนทร์ส่ายหน้าพัลวันอย่างไม่ต้องการยอมรับคำ ก้มหน้าลงหน้าผากแนบหน้าผาก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลกระทบพวงแก้มซีดขาว

“หาไม่ เปรมเขาแค่เหนื่อยแลเผลอหลับไป เขายังมิได้จากข้าไปไหน เจ้าอย่าคิดมาหลอกข้าเลยราเมนทร์”

“จงยอมรับมันเสียเถิดทศกัณฐ์ เปรมเขาจากพวกเราไปโดยแท้”

อสุเรนทร์ผินหน้าหาราเมนทร์ด้วยดวงหทัยตรอมตรม “ไม่...ข้ามิเชื่อเจ้าดอก เจ้ามันคนขี้โกหก ข้ามิเชื่อ!”

“พระบิดา!”

รณพักตร์ที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับศุภลักษณ์ ชินกฤตและพ่อแม่ของเปรมต่างปิดปากตะลึงค้าง ปลายกริชที่นอนนิ่งบนพื้นยังคงมีคราบเลือดติดอยู่เล็กน้อย ดวงดาวที่เห็นถึงกับทรุดลงอย่างหมดแรง คลานเข้าไปหาลูกชายด้วยใจที่ปวดร้าวแสนสาหัสราวกับจะปริแตกแยกจากกันในไม่ช้า

“เปรม ฮือ เปรมลูกแม่ ทำไมถึงกับแม่อย่างนี้ ฮึกๆฮือ...”

“ดาว”

“พี่แอ๊ด เปรม...ลูกของเรา”

“เขาไปสบายแล้ว เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว” กษิดิษโอบกอดผู้เป็นภรรยาอย่างต้องการปลอบประโลม หากแต่ใจเขาก็เจ็บปวดมีสภาพไม่ต่างจากคนหลายคนตรงนี้มากนัก

‘เปรม นั่นอะไรน่ะ คิดยังไงเอาของมีคมมาเล่นล่ะหือ...ระวังจะพลั้งแทงเข้าเนื้อตัวเองเสียหรอก คราวนี้พิการขึ้นมาพ่อไม่อยู่ดูแลนะ’

‘ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ถ้าเปรมไม่ตั้งใจแทงเสียอย่าง ก็ไม่มีทางทิ่มเข้าเนื้อตัวเองหรอกครับ’

‘พ่อมีลูกชายคนเดียว จะหยิบจะจับยังไงก็ระวังเอาไว้แล้วกัน เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม’

‘เข้าใจครับ’

‘แม้พ่อจะไม่ค่อยชอบพูดคำนี้สักเท่าไหร่ แต่...พ่อรักเปรมนะ ลูกชายที่ดีที่สุดสำหรับพ่อแอ๊ด’

‘ผมก็รักพ่อเหมือนกันครับ รักแม่ด้วย’


“ท่านพี่ทศ...” ชินกฤตครางเรียกเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ตระกองกอดร่างไร้ลมหายใจอยู่ในสภาวะเหมือนคนไร้สิ้นสติ อสุเรนทร์เบือนสายตามองคนเรียกอย่างเชื่องช้า

“พะ...พิเภกเจ้าช่วยเปรมหน่อยได้ฤาไม่ ช่วยให้น้องฟื้นขึ้นมาที”

“โชคชะตากำหนดไว้แล้ว เปรมเลือกทางเดินของเขาเอง ข้ามิอาจช่วยเหลือเขาได้”

“ต้องช่วยสิ ได้โปรดเถิด ช่วยเขา...ช่วยเขาที”

“ยอมรับเสียเถิดท่านพี่ เปรมมิได้อยู่กับเราแล้ว”

“ไม่...ไม่!”

อสุเรนทร์สูดลมหายใจ ร่ำไห้รำพันไม่เป็นภาษา ตระกองกอดร่างไร้ลมหายใจไว้แนบอก รณพักตร์แสนเศร้าสะเทือนใจ แต่ยังคงมานะเด็ดเดี่ยวกล่าวให้กำลังแก่ผู้เป็นทั้งพระบิดาและเจ้าชีวิต เป็นอีกครั้งที่หัวใจพญารากษสต้องเจ็บปวดเสมือนจะตายทั้งเป็น

“ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ด้วย”

“การเปลี่ยนภพชาติมิได้หมายถึงจุดสิ้นสุด มิได้หมายถึงทุกประการจักจบสิ้น พระบรมศาสดาตรัสไว้...ตัณหา และอุปาทาน  ความยึดมั่นถือมั่นคือปัจจัยให้เกิดวงล้อแห่งวัฏฏะ

จากศึกรบศึกรัก สัจจาอธิษฐานอันแรงกล้าของชายทั้งสองผู้ผูกนวลนางไว้ด้วยความรักสู่ภพภูมิปัจจุบัน ทำให้จิตวิญญาณของนางสีดาไปกำเนิดเป็นเปมทัต...

สัจจาอธิษฐานทำให้เปรมต้องมาพบกับทศกัณฐ์และพระรามที่ยอมใช้ชีวิตอยู่อย่างอมตะ เพื่อหวังที่จะได้เคียงคู่กับคนรักสักชาติหนึ่ง

และด้วยประการทั้งปวง มันคือการล่วงละเมิด ‘กฎ’ แห่งธรรมชาติ!

ดังนั้น หากกงล้อแห่งวัฏฏะความทะยานอยากยังต้องหมุนวนอยู่ชั่วนิรันดร ทั้งสามก็คงต้องว่ายวนอยู่ในห้วงกรรมต่อกันอย่างไม่จบสิ้น...

ราเมนทร์และอสุเรนทร์อาจมิรู้...

หากชินกฤตก็เพิ่งรู้แจ้งแก่ใจไม่นานนัก...มันคือเส้นทางที่คนร่างบางเลือกที่จะเดินและตัดมันให้ขาดสิ้นด้วยตนเอง...จุดจบโศกนาฏกกรมแห่งความรักสามเส้าที่ยืดเยื้อมานานนับพันปี!

“สีดา”

“เพคะ” หญิงสาวตอยอย่างเอียงอาย

“เมื่อใดที่ได้ยินเสียงนี้ จงอย่าลืมว่าพี่คือพี่รามที่รักเจ้าหมดหัวใจ”

“หากพี่มิได้เคียงกายเจ้า เผ่าพงศ์อื่นก็อย่าหวังจักได้เชยชมเจ้าเช่นกัน”




‘พี่ท่านคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับน้อง’

‘พี่รักเจ้าเหลือเกินสีดา’

‘น้องก็รักพี่รามเจ้าค่ะ รักสุดหัวใจ จนมิอาจรักใครได้อีก ไม่ว่าพี่ท่านอยู่แห่งหนใด โปรดพึงระลึกเสมอหัวใจของน้องเป็นของพี่ผู้เดียว’




‘พี่ให้เจ้าเพราะอยากให้’

‘น้องมีเครื่องประดับมากมาย แค่ที่ใส่อยู่ก็หนักหนานัก’

‘ถอดชิ้นอื่นแลใส่กำไลของพี่สิเจ้า พี่ปรารถนาให้ผู้คนได้รู้โดยทั่วกันน้องคือยอดหัวใจของพี่...สีดา’

‘น้องจักเก็บรักษามันอย่างดีจนกว่าชีวิตน้องจักหาไม่เพคะ’




‘ข้าไม่ได้ทำเพื่อแก้แค้นพระราม แต่ข้าทำเพื่อหัวใจตัวเอง’

‘...’

‘ข้าขอสาบาน ข้าจักรักแลดูแลสูเจ้าให้ดีกว่ามันผู้นั้น รักให้มากเสียยิ่งกว่ายิ่งชีวิตนิรันกาลของข้า แลหากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ตายด้วยน้ำมือเจ้าแต่เพียงผู้เดียว’





“ข้ารักเจ้า...รักเจ้ามากเหลือเกิน”

“พี่ท่านจักรักน้องนานเท่าใดเจ้าคะ”

“ตลอดชั่วกาล...”

“ทุกภพ...ทุกชาติหรือเจ้าคะ”

“ทุกภพทุกชาติไป!”




“ลมหายใจครึ่งหนึ่งของพี่ ฝากเจ้าดูแลด้วย”

“พี่ไม่มีวันทอดทิ้งน้องไปไหน เพราะหัวใจของพี่ ลมหายใจของพี่ กายของพี่ล้วนเป็นของน้องเพียงคนเดียว พี่รักเปรมนะ”

“เปรม...ก็มีบางอย่าง...บอกพี่เหมือนกัน”

“เปรมรักพี่ทศครับ”




“เปรมจ๋า...พี่รักเจ้า...รักเจ้าแทบขาดใจ” อสุเรนทร์หลับตา พรมจูบหน้าผากเย็นชืดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนแนบแก้มลงบนกลุ่มผมดำสลวย โยกตัวไปมาเบาๆราวต้องการกล่อมเด็กน้อยในอ้อมแขนให้เข้านิทราหลับใหล หัวใจพญารากษสกำลังแตกสลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในใจครุ่นคิดถึงวิธีการนำน้องน้อยคืนสู่ตน...แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวิธีไหนเลยที่สามารถช่วยได้จริง

จะเว้นเสียแต่...

“ท่านพี่ทศ” ชินกฤตส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย เมื่อทราบถึงความคิดของคนเป็นพี่ชาย “ขอร้องอย่าทำ อย่าเด็ดขาด”

“ทำอะไรหรือครับอากฤต”

“ท่านพี่ทศ”

“พิเภกเอ๋ย...” อสุเรนทร์เอื้อนเอ่ยผ่านริมฝีปากแผ่วปานสายลมกระซิบ” เจ้าน่าจักเข้าใจพี่ดี พี่หาอยู่ได้ไม่หากมิมีเปรมอยู่เคียงข้าง”

“แต่ลมหายใจนิรันดร์กาลใช่ไม่ได้อีกแล้ว!”

“ข้ารู้...”

“ท่านพี่รับปากกับข้าแล้วว่าจักมิกระทำการสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตอีก แต่ท่านก็ยังคิดจักทำมันอีก...ได้โปรดจงไต่ตรองให้สิ้น...ท่านยังมีข้า มีเจ้าอิน มีทุกคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างท่านเสมอ ท่านมิได้อยู่เดียวดาย”

“ขอบน้ำใจเจ้านัก แต่มันหาได้เหมือนกันไม่”

อสุเรนทร์กดหน้าลงต่ำไม่ยอมสบตากับผู้เป็นน้อง อนุชาแห่งกษัตริย์กรุงลงกาทรุดลงกับพื้น จับท่อนแขนแกร่งพยายามอ้อนวอนพร้อมน้ำตานองหน้า

“ได้โปรดเห็นแก่ข้าสักครั้งเถิด”

“...”

“ได้ไหมขอรับท่านพี่ทศ”

“เจ้าก็รู้ เมื่อพี่ตัดสินใจแล้วไซร้...สิ่งใดฤาผู้ใดก็มิอาจขวางทางได้” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของอสุเรนทร์ ก้านนิ้วหนาปาดคราบน้ำตาออกจากซีกแก้มอุ่นของผู้เป็นน้องชายแผ่วเบา “แม้นมิสามารถใช้ลมหายใจนิรันดร์กาลได้ หากแต่ตัวพี่ก็ยังมีอีกหนึ่งที่สามารถทดแทนและมอบมันให้กับเปรมได้เช่นกัน”

“แต่ท่านจักต้องตาย!”

“เดี๋ยวก่อนครับ พระบิดาท่านพูดอะไร อินไม่เข้าใจ...พระบิดาคิดจะทำอะไรครับอากฤต อาบอกผมบ้างสิ”

“พิเภก”

“ขอรับ”

“โกรธพี่ฤาไม่” คำถามแหบพร่า ขณะอีกฝ่ายสั่นศีรษะตอบ

“พี่มิมีอันใดจักมอบให้เจ้า นอกจากคำว่าขอบน้ำใจเจ้านักแลดีใจที่ได้เจ้ามาเป็นน้องชาย ชีวิตของพี่เหนื่อยมามากพอแล้ว จักอยู่ต่อไปมันก็คงไร้ประโยชน์”

“ท่าน ฮึกๆ พี่ทศ”

“เจ้าอิน มานี่”

อสุเรนทร์แหงนหน้าขึ้นมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ยกมือข้างนึ่งกวักเรียกอย่างอ่อนแรง รณพักตร์สะอึกสะอื้นคลานเข่าเข้ามาพร้อมก้มลงกราบอย่างสุดอาลัย

“พระบิดาขอรับ ฮึกๆ ฮือ...พระบิดา”

“อย่าร้องไห้ น้ำตามิเหมาะกับเจ้าสักนิด”

“จักไปจากลูกจริงแท้ฤา มิรักลูกแล้วฤา”

“พ่อรักเจ้าเสมอมาอินทรชิต แต่พ่อมิมีแรงจักอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป หลายภพหลายชาติที่ต้องอยู่มาด้วยความเจ็บปวด จักรักก็มิได้รัก จักครองคู่ก็ต้องพลัดพรากจากกันไกล มันทำให้พ่อเหนื่อยเหลือเกิน” เว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ “พ่อเคยคิดขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย หากยังมิได้เคียงคู่นางอันเป็นที่รัก พ่อจักขอยอมปลิดชีวิตอมตะของตนเสีย”

“ฮือๆ พระบิดา...”

“คนเราล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย แลเพลานี้ก็ถึงเวลาที่พ่อจักต้องกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมเสียที...พระราม” ฝ่ามือกดทับบ่ากว้างและบีบเบาๆ “ทุกสิ่งแลทุกอย่างที่พวกเรามีเวรกรรมต่อกัน ก็ขอให้หมดสิ้นเสียในเพลานี้ ข้าอโหสิกรรมให้เจ้า แลขอให้เจ้าอโหสิกรรมแก่ข้าด้วย”

“ข้าอโหสิกรรมให้เจ้า...ทศกัณฐ์” รอยชื้นฉายเงาขึ้นที่ดวงตาชั่วแวบเดียวก่อนสลายวับ เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเผ่าพงศ์รากษสที่เป็นปริปักษ์กันมาช้านาน

“คุณพ่อ คุณแม่” อสุเรนทร์หันหน้าหาสองสามีภรรยาที่นั่งร่ำไห้ไม่ไกลจากเขานัก “ขออภัยที่ทำให้ลูกของท่านมีจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะข้า เพราะข้ารักยึดติดในรักมากเกินไปจึงส่งผลให้เวรกรรมที่มีร่วมกันมิอาจคลี่คลายสูญสลายเสียที” ถ้อยคำอันแผ่วล้าดังขึ้น ทำให้ดวงดาวและกษิดิษหันมามองผู้กล่าวพร้อมน้ำตา

“ฮึก ฮือ...”

“ข้าผิดต่อเปรมนัก จึงจำต้องชดใช้ด้วยกายแลวิญญาณ” ผินหน้าไปสั่งเสียรณพักตร์ วิธีพูดเบาหากช้าชัด ราวต้องการเน้นย้ำให้คนฟังปฏิบัติตาม

“ฝากดูแล เขา ด้วยหนาเจ้าอิน”

“ขอรับ พระบิดา”

เมื่อไม่มีสิ่งใดต้องกังวลให้เป็นทุกข์อีก อสุเรนทร์จึงประทับจูบนุ่มนวลบนริมฝีปากคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหลับตารวบรวมจิตให้ตั้งมั่น ปลดเปลื้องความรักอันเป็นโลกีย์วิสัย และมอบชีวิตใหม่ให้แก่คนที่คู่ควร


ทั่วสรรพางค์กายพญารากษสเปล่งประกายสีทองเรืองรอง ปรากฏร่างสูงใหญ่ เนื้อกายสีเขียวมรกต เครื่องหน้าคมคายรับกับดวงเนตรคมเข้มและเขี้ยวยาวขาวเหลือบมุกที่โค้งขึ้นมาจากมุมริมฝีปากทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาขย้ำลงแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจ
น้องเคยช่วยพี่ไว้ในคราก่อน หากในครานี้พี่ก็จักขอตอบแทนน้องบ้าง...

ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ฝังแน่นอยู่ในอกตลอดเวลาพันปี บัดนี้กลับลอยเด่นอยู่ในอุ้งมือแห่งราชันย์ มันเต้นตุบตับแสดงถึงเวลาแห่งชีวิตที่ยังคงดำเนินเดินต่อไป หัวใจดวงใหญ่ค่อยๆเคลื่อนเข้าฝังเข้าไปบริเวณตำแหน่งหัวใจของร่างใหม่แทนที่ร่างเก่าอย่างเขา...วงกำไลทองที่สวมติดข้อมือขวาของร่างสูงส่องแวงวูบวาบเป็นสองครั้ง...ยาวนานนับนาทีก่อนจะดับแสง กำไลนวลนางแตกหัก แยกออกจากกันเป็นสองท่อน

อสุเรนทร์ยังคงจำคำกล่าวของพระฤๅษีโคบุตรได้ดี

‘ทศกัณฐ์เอ๋ย...จงเก็บรักษากล่องดวงใจนี้ให้ดี อย่าเก็บไว้ใกล้ตัวเพราะดวงใจจักแล่นคืนสู่ร่าง หากหัวใจกลับคืนสู่ร่างในคราใด เจ้าจักมิสามารถถอดออกมาได้อีกนอกจากสังเวยวิญญาณด้วยความตาย’

ริมฝีปากซีดเซียวขยับเอื้อนเอ่ย “เวลาแห่งชีวิตที่เหลือของบุรุษผู้มีนามทศกัณฐ์...จักขอมอบให้เพียงแค่เจ้า...พี่มิขอเอ่ยสัจจาสาบานต่อฟ้าดิน...หากแต่สวรรค์มีตา เห็นใจในความรักของเราสอง โปรดจงให้พวกเรากลับมาเจอและครองคู่กันอีก”
สองอาหลานก้มหน้ายอมรับการตัดสินใจของอสุเรนทร์ ก้มลงกราบลาผู้เป็นดั่งเจ้าชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย...เปลือกตาสีเข้มขยับและปิดลงอย่างช้า ๆ...


ริมฝีปากของอสุเรนทร์ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเบาบาง...พร้อมวงแขนแกร่งโอบกระชับร่างแน่งน้อยด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด

ลมหายใจแผ่วลง....แผ่วลงเรื่อย...



มิว่าสิ่งใดพี่ก็ให้เจ้าได้



แม้กระทั่ง...








และหยุดในที่สุด....







ทศกัณฐ์สิ้นชีพเคียงข้างคนที่รัก สิ้นสุดชะตากรรมของสงครามความรักระหว่างพญารากษสสิบเศียร พระนารายณ์อวตาร และนางสีดา

‘ฝากดูแลหัวใจของพี่ด้วย...เปมทัต’










-จบบริบูรณ์-











ซะเมื่อไหร่ 55555
อ่านต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



5 ปีต่อมา...




รถทรงยุโรปคันหรูเคลื่อนเข้าจอดสนิทใกล้ต้นไทรสูงใหญ่ภายในวัดมีชื่อแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดอยุธยา ชินกฤตและคริสก้าวลงจากรถส่วนตัวพร้อมสำรับอาหารคาวหวานที่เตรียมมาถวายหลวงพ่อเจ้าอาวาส ทั้งสองก้าวไปยังศาลาเบื้องหน้าเฉกผู้คุ้นเคยสถานที่ ขณะจะก้าวบันไดพลันต้องชะงักกึก เพราะมีเสียงใครมาบางคนดังขึ้น

“มาแล้วรึโยมกฤต โยมคริส”

“สวัสดีครับ หลวงพ่อ” ชินกฤตหันไปยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อมขณะมองเห็นภิกษุวัยชรายืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ “ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะครับ?”

ผู้ครองเพศบวชอมยิ้มอ่อนโยน ลอบมองชายหนุ่มต่างชาติต่างถิ่นที่เดี๋ยวนี้แวะมาเยี่ยมเยียนตนพร้อมกับบุคคลร่างสูงสันทัดเป็นประจำ

“รอพวกโยมอยู่น่ะสิ”

“รอพวกผมหรือครับ” คริส อู๋ที่ตอนนี้พูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ภาษาบ้านเกิดของตนเอง เกิดความสงสัยจึงเลือกที่จะเอ่ยถามหลวงพ่อไม่ได้

“ใช่น่ะสิ...อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะฉันเพล เข้าไปคุยกันในกุฏิหลวงพ่อก่อนดีกว่าไหม?”

“ได้ครับหลวงพ่อ” ผู้มาเยือนรีบตอบรับคำ ขณะผู้ทรงศีลหันกายกลับ สาวเท้าไปยังกุฏิที่พำนัก ซึ่งห่างจากจุดสนทนาในตอนนี้ไม่เท่าใดนัก

ชายหนุ่มทั้งสองก้าวตามภิกษุวัยชราด้วยศรัทธาแรงกล้า แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มากราบนมัสการ หากมากครั้งกว่าที่เคยมา นอกจากธรรมะลึกซึ้งที่ผ่านออกจากปากของท่านด้วยภาษาที่เรียบง่ายกับกระแสแห่งความเมตตาจิตที่แผ่ออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ หลวงพ่อผู้นี้ก็มิเคยแสดงอำนาจฤทธิ์ใดๆ ให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว

ส่วนใหญ่ที่หลวงพ่อมักจะกล่าวแก่ญาติโยมคือ ผลของกรรม ท่านมักเน้นย้ำเสมอว่า “กรรมดีทำยากแต่ก็ควรกระทำเป็นนิจ ส่วนความชั่ว หากตัดมันไปเสีย ชีวิตก็จะเป็นสุขหลายเท่า”

ชินกฤตกวาดสายตามองรอบๆตัว หลังจากเข้าไปข้างในกุฏิ ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นครั้งก่อนๆที่เห็นเคย ไม่มีสิ่งของเกินความจำเป็น และมากไปกว่าสถานที่ผู้ยึดมั่นในการปฏิบัติธรรมดี ปฏิบัติตน สู่มรรคผล...นิพพานตามรอบพระบาทของพระบรมศาสดา
“หลวงพ่อไม่ได้ใช้พัดลมหรือครับ?” คนเป็นลูกศิษย์เอ่ยถามเพราะจำได้ว่าครั้งก่อนที่มายังเห็นแขวนไว้อยู่บนเพดาน แต่ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งสิ่งของสิ่งนั้น

“เมื่อก่อนก็ใช้บ้าง ฉลองศรัทธาญาติโยมที่ซื้อมาถวาย” ผู้ตอบหัวเราะหึๆ ในลำคอ “แต่หลวงพ่อเพิ่งจะถวายให้พระลูกวัดไปเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนโยมมานี่เอง”

“อ้าว” คริสทำตาโต “แล้วหลวงพ่อไม่ร้อนแย่หรือครับ ขนาดผมเปิดเครื่องปรับอากาศนอนเล่นในบ้าน ยังร้อนอยู่เลย”

“ก็ช่างมันเสียสิ ร้อนกายนิดหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไร สู้อย่าร้อนใจเป็นพอ”

“แหะๆ นั่นสิครับ”

“วันนี้คนในครอบครัวโยมกฤตไม่มาทำบุญด้วยกันที่นี่หรอกหรือ”

“ก่อนหน้าราวครึ่งชั่วโมงผมโทรไปเห็นบอกเข้าสู่เขตจังหวัดอยุธยาแล้ว อีกไม่นานก็คงถึง” อดีตรากษสหนุ่มผู้เคยใช้ชีวิตเป็นดั่งอมตะมาหลายภพชาติ บัดนี้กลับละทิ้งจากสิ่งที่เป็น และหันมาใช้ชีวิตธรรมดาเฉกเช่นมนุษย์เดินดินทั่วไป ที่สามารถเกิด แก่ เจ็บและตายได้ตาม วัฏจักรของธรรมชาติ เจ้าตัวเว้นวรรคหายใจเล็กน้อยจึงกล่าวต่อ...

“หลวงพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ตัวหลวงพ่อน่ะไม่มี แต่พระหนุ่มอีกรูปเขาอยากเจอพวกโยม โดยเฉพาะคนที่ยังเดินทางมาไม่ถึง”

“นั่นสิครับ อย่าว่าแต่หลวงพี่เลย พวกผมเองก็อยากเจออยากพูดคุยกับหลวงพี่ท่านเหมือนกัน ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งหลายเดือน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าของกุฏิทอดสายตามองผู้มาเยือนทั้งสองด้วยสายตาอ่อนโยน ท่านเอ่ยวาจานุ่มนวลเสนาะหูยิ่งนัก

 “ไม่ต้องห่วง หลวงพี่ของโยมก็สบายดีตามภาษาผู้รู้แจ้งในธรรมนั่นล่ะ ถ้าพวกโยมสองคนอยากจะไปหาหลวงพี่ของโยมก่อนก็ไปนะ ไว้เจรจากันเสร็จค่อยมาคุยกับหลวงพ่อหลังจากฉันเพลต่อก็ได้”

“ได้หรือครับ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“งั้นหลวงพ่อพอทราบไหมครับว่าหลวงพี่ท่านอยู่ไหน”



แดดอ่อนยามสาย สาดส่องทะลุใบไม้ลงมาเป็นดวงพราวบนพื้นอิฐเทาและแดงสลับกันไป เสียงระฆังใบโพธิ์ตามชายคาวิหาร อุโบสถ และกุฏิส่งเสียงกรุ้งกริ้งตามสายลม

ร่างของพระภิกษุสงฆ์รูปงาม ผิวพรรณเรือนรองปรากฏอยู่ในสายตาของทั้งสอง ก่อนจะกลายเป็นสี่เมื่อคู่รักหวานแหววแห่งปีเดินเข้ามาสมทบ

“มานานหรือยังครับอากฤต” รณพักตร์เอ่ยกระซิบถามขณะเขย่งปลายเท้ามองพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งกำลังกวาดเศษใบไม้บนลานกว้างบริเวณพระอุโบสถ ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระประธานสีทองสุกใสสูงเด่นเป็นสง่า แม้จะมองจากทางด้านนอกก็ตามที “แล้วทำไมไม่เข้าไปคุยกับท่านล่ะครับ มายืนมองอะไรเงียบๆกันอยู่ตรงนี้”

“อาอยากจะรอให้คนมาครบก่อน”

“เอาจริงเหรอครับ แต่อีกนานไหมกว่าพวกเขาจะมา โทรไปถามไหม...คืออินไม่ได้รีบนะ แค่อินกับลักษณ์อยากจะเข้าไปเม้าท์มอยกับหลวงพี่ท่านเฉยๆ”

“ขนาดไม่รีบนะเจ้าอิน...คงอีกสักพักแหละกว่าพวกเขาจะมาถึง ถ้าเจ้ากับลักษณ์รอไม่ไหวก็รุดหน้าเข้าไปหาท่านก่อนเลย ไว้คนที่เหลือมาถึงเมื่อไหร่อาค่อยตามไปสมทบ...ว่าแต่กบินทร์อยู่ไหนเสียล่ะ ตามมาด้วยหรือเปล่า”

“ไม่ครับอากฤต ไอ้ลิงนั่นมันบินไปจีน ไม่ได้กลับมาอยู่ที่ไทยราวหกเดือนเห็นจะได้แล้ว” ศุภลักษณ์อมยิ้มกับคำพูดของรณพักตร์ “เห็นว่าจะไปหาใครสักคนเนี่ยแหละ”

“ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างเจ้านั่นมีคนรู้จักอยู่ที่จีนด้วย”

“หูย ที่จริงไม่ได้รู้จักอะไรกับใครเขาหรอก ที่มันไปจีนเพราะมันอยากได้แม่นักแสดงตากวางเป็นเมียต่างหาก”

“ดังไหมอิน...แล้วชื่ออะไร เผื่อผมจะรู้จัก”

“ก็ดังพอตัวว่ะคริส เป็นผู้หญิงหน้าสวย ตากลม ไอ้ฉันก็จำไม่ได้ว่าชื่อว่าอะไร รู้แค่ใช้นามสกุลละ...” ยังไม่ทันที่รณพักตร์จะเอ่ยจบประโยค เสียงทุ้มนุ่มลึกน่าฟังก็ดังแทรกบทสนทนาเข้ามาเสียก่อน ภิกษุหนุ่มพิงไม้กวาดกับผนังอุโบสถสีขาวพิสุทธิ์ และหันมองพวกเขาเต็มตา

“อ้าว มากันแล้วเหรอโยมลักษณ์ โยมอิน โยมกฤต โยมคริส...”

รณพักตร์อดีตรากษสผู้ชนะองค์อินใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคนตัวสูงกว่าเบาๆ “ไว้กลับบ้านฉันค่อยเอารูปไปให้นายดูก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ไปหาหลวงพี่กันก่อนเถอะ”



คนทั้งสี่ก้มลงกราบพระภิกษุเบื้องหน้าด้วยจิตเลื่อมใส ริมฝีปากผู้ทรงศีลยกยิ้มบางเบา ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นสุขไร้ซึ่งกิเลสและทุกข์ตรม...นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อนสิ้นสุดลง ราเมนทร์ก็ตัดสินใจ ขอละทิ้งจากทางโลก ละทิ้งความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง กิเลสตัณหาที่มนุษย์ส่วนใหญ่เพิ่งมี ปลดเปลื้องชีวิตนิรันดร์ออกบวชตามเสด็จพระบรมศาสดาตลอดช่วงชีวิตที่ยังคงเหลืออยู่ โดยใช้นามในทางพระพุทธศาสนาว่า ฉินฺนาลโย (ฉิน-นา-ละ-โย) ที่แปลว่า ผู้ตัดความอาลัยแล้ว

“มากันนานหรือยังล่ะพวกโยมทั้งหลาย”

“ก็สักพักล่ะครับหลวงพี่ราม” เป็นศุภลักษณ์ที่ตอบคำถามแทนทุกคน “พวกผมไม่ได้มาหาหลวงพี่หลายเดือน ไม่ทราบหลวงพี่ยังสบายดีหรือไม่”

“ช่วงนี้เราสบายดี”

“หมายความว่าช่วงก่อนหน้าไม่สบายดีรึ?”

“โยมกับพระมันก็คล้ายกันนั่นแหละ มีทั้งสุขให้สบายใจและทุกข์ให้ครุ่นคิดหนักเป็นเรื่องธรรมดา” พระภิกษุวัยหนุ่มกล่าวคำหลังจากทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้หินอ่อน ก่อนจะไล่สายตามองไปบริเวรรอบๆ “ทุกอย่างมันก็มาจากที่เดียวกันทั้งนั้นแหละ”

“แต่พระก็น่าจะดีกว่าคนธรรมดาอย่างพวกผมกระมังครับ มีทุกข์เข้ามาหาไม่เว้นวัน” รณพักตร์พูดปนยิ้มน้อยๆ หากอีกฝ่ายส่ายหน้าน้อย ๆ...

“ถ้าเป็นแค่สมมติสงฆ์  หรือบวชมาเพื่อห่มผ้าเหลืองทดแทนบุญพ่อแม่มันไม่กี่เดือน มันก็ไม่ต่างกันเท่าใดหรอกโยม” วิธีพูดเนิบนาบหากน้ำเสียงจริงจัง

“สำหรับตัวเราที่ชีวิตนี้ทั้งชีวิตขอหันหน้าพึ่งบารมีของพระพุทธเจ้า ก็เพิ่งจะรู้บางอย่าง...ยิ่งบวชเรียนมากเท่าไหร่ ทุกข์มันก็ยิ่งมากขึ้น”

“ยังไงหรือครับ อะไรที่ออกแนวปรัชญาชีวิต ธรรมะผมฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

“ทุกข์กับกิเลสมันมีหลายระดับ ถ้านักบวชยังก้าวไม่ถึงจุดที่จะต้องตัดอุปาทานขาดออกจากจิตได้ ก็ต้องเผชิญทุกข์ ปะกับเวทนาที่ปะปนมากับความคิดความปรุงแต่งที่ยังคงหลอกหลอนเราอยู่ตลอดนั่นแหละ” หลวงพี่หนุ่มหลับตา ถอนใจลึกเนิ่นนาน จึงเอ่ยคำเบา ๆ...

“แต่กระนั้นถึงเราจะออกบวชมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจพวกมันอีกมาก” หลับตาแล้วเบือนมองน้องชายของตน “เพราะเมื่อใดมนุษย์ไร้ซึ่งความรัก โลภ โกรธ หลง มนุษย์ก็จะมีแต่ความสุข ปลอดภัย”

งั้นถ้าผมไม่อยากเป็นทุกข์ ก็ต้องออกบวชตามหลวงพี่รามใช่ไหมครับ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับวงหน้างามแฉล้มเช่นอิสตรี มือทั้งสองข้างจับจูงเด็กน้อย หนึ่งหญิง หนึ่งชาย อายุอานามราวสามสี่ขวบเห็นจะได้ กำลังคลี่ยิ้มหวาน โบกมือหย็อยๆไปมาน่าเอ็นดู

“กฤต อิน! งื้อ...เรามาหา...มาแล้วนะ”

“จันทร์ก็มา...มาหาคุณพระตัวฉูง...”

เสียงแหลมเล็กของเด็กน้อยแว่วมาอย่างชัดเจนในโสตประสาทของบุคคลทั้งห้า  รณพักตร์เป็นคนแรกที่วิ่งตัวลอยเข้าไปหาเด็กทั้งสองคนที่มีโครงหน้าเหมือนกันราวกับแกละ ดวงตารีเรียวน้ำตาลทอเขียวอ่อนๆ จมูกเล็กจิ๋ว ริมฝีปากจิ้มลิ้มกำลังยกฉีกยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆทั้งสองข้างของตนเองอย่างน่ารักน่าชัง...เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วจะต่างก็ที่เพศชายและเพศหญิงเท่านั้น

“อิน...อินจ๋า...จันทร์คิดถึงจังเลย”

“ทิตด้วย ทิตก็คิดถึงอินเหมือนกัน”

“คิดถึงพี่อินจริงเหรอ ไหนพี่อินขอหอมแก้มชายอาทิตย์สุดหล่อกับคุณหนูจันทร์คนสวยให้ชื่นใจหน่อยสิ” เด็กฝาแฝดชายหญิงยื่นแก้มให้พี่ชายใหญ่อย่างรู้งาน รณพักตร์จัดการรวบร่างป้อมของทั้งคู่หอมแก้มซ้าย ของแก้มขวาไปมาจนเรียกเสียงหัวเราะกังวานใสดั่งระฆังแก้วให้ทุกคนที่ได้ยิน อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูและหลงรักเด็กน้อยผู้มีใบหน้างดงามราวเทวา นางอัปสรบนสรวงสรรค์เต็มหัวใจ

“แล้วไม่คิดถึงอากฤตบ้างเลยหรอ”

เด็กชายรังสิมันต์ส่ายหน้าพัลวันพลางยกมือเอื้อมแตะปลายคางของผู้เป็นอาทันทีที่อีกฝ่ายย่อตัวลงมาเพื่อให้ระดับสายตาตรงกัน “คิดถึงสิ อาทิตย์คิดถึงอากฤตเหมือนกัน”

“แล้วอาคริสล่ะครับ” เมื่อไม่เห็นหลานชายพูดถึงตนก็ทักท้วง

“อ้าวไหนอาคริสบอกอาทิตย์ว่า อาคริสกับอากฤตคือคนคนเดียวกัน ถ้าอาทิตย์คิดถึงใครก็หมายถึงอาทิตย์คิดถึงอีกคนด้วย”

“โอ้ มาย ลอร์ด...วาย ยู โซ สมาร์ทอย่างนี้ล่ะ กฤตจ๊ะว่างๆเรามาหาเวลาสร้างครอบครัวกันสองต่อเถอะ คริสอยากมีลูกแบบซันนี่อ่ะ ต้องมีให้หล่อให้ฉลาดพูดแบบนี้เลยนะ อยากได้...อยากได้สุดๆโอ้ย!” ฝ่ามือเล็กกว่าทว่าแรงดีแสนหนักหน่วงฟาดเข้าเต็มไหล่กว้าง เจ็บ...แสบไปถึงทรวงใน

“ที่รักตีผมอีกแล้วนะ”

“ก็มันน่าตีไหมล่ะ อยู่ในวัดใครเขาให้พูดจาน่าเกลียดแบบนี้”

“แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในวัด...อย่างอยู่ในห้องกันสองต่อก็พูดได้ใช่ปะ” ยื่นหน้ากระซิบแผ่วให้ได้ยินกันแค่สองคน ชินกฤตเม้มปากไม่ได้ลงมือตีเหมือนเมื่อครู่แต่ก็ไม่ได้ตอบรับคำ คริสยิ้มกริ่ม ตะโกนร้อง เยสๆๆๆ อยู่ในใจ

“สรุปคืนนี้เลยนะ”

“อย่ามาไอ้นกโรคจิต”

“ถึงผมจะขึ้นชื่อว่าเป็นนก แต่ผมไม่เคยนกกับคุณเลยนะ ได้เกือบทุกคืน... โอ้ย!” ถึงกับร้องเสียงดังลั่นอีกหนเมื่อหูทั้งสองข้างโดนบิดอย่างแรง “กฤตจ๋า คริสเจ็บนะ”

“บอกไม่นกใช่ไหม งั้นวันนี้คุณพญานกก็นอนนอกห้องแล้วกัน”

“เฮ้ย! ไม่....ไม่เอาดิที่รัก ได้โปรด...”

“อย่าให้รู้ว่าแอบย่องเข้ามานอนในห้องตอนดึกนะ ไม่งั้นจะไล่ให้ไปนอนที่ทำงานหนึ่งอาทิตย์ ห้ามโทรหา ห้ามกลับบ้าน ห้ามคุย ห้าม...”

“โอเค ยอมแล้วพ่อทูนหัวของไอ้บ่าวคริส” ได้แต่ร้องโฮอยู่ในใจเมื่อเมียรักทำกันได้ลงคอ

เอาน่า...มันต้องมีสักวันที่พระเจ้าเห็นใจ และประทานลูกน้อยแก่พวกเขาอย่างแน่นอน

ภิกษุหนุ่มหันไปหาผู้เป็นมารดาของเด็กชายรังสิมันต์และเด็กหญิงศศิธร แสงตะวันและดวงจันทราที่เกิดมาเพราะโชคชะตานำพา มันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่พวกเขาได้มีโอกาสเกิดมาบนโลกอีกครั้ง และยังเป็นบิดาและมารดาคนเดิมไม่แปรเปลี่ยน

“นมัสการครับหลวงพี่”

“ดีที่ได้เจอนะ โยมเปรม...”

“อะแฮ่ม! ถึงจะเป็นพระแต่ถ้าเมียงมองเมียกระผมหวานหยดย้อยเสียขนาดนี้ เป็นพระผมก็ไม่ละเว้นนะครับหลวงพี่” ฝ่ามือใหญ่กระหวัดโอบรักเอวของผู้เป็นภรรยาของลูกน้อยทั้งสองอย่างหวงแหน ภิกษุหนุ่มเพียงอมยิ้ม ไม่มีกระแสความคิดเป็นอื่น
ดวงตาของผู้ครองเพศบวชประกายกล้า เอ่ยคำกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

“เราวางความวุ่นวายจากทางโลก ก้าวสู่ความสงบมาเนิ่นนานแล้ว ไม่มีความจำเป็นใดที่เราจะต้องเลือกเดินเส้นทางนั้นอีก”
“พูดซะกระผมเป็นคนบาปหนาเลยนะครับหลวงพี่ราม” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หัวเราะในลำคอ และกล่าวต่อ “แต่อย่างไรกระผมก็ขอให้ท่านจงสำเร็จเข้าถึงนิพพานได้ในเร็ววัน”

“ขอบใจมาก”

ไม่ว่าเรื่องราวอดีตจะเป็นเช่นไร เคยเป็นมิตรหรือศัตรูกันมาก่อน ก็คงไม่สำคัญเท่ากับวันนี้เราได้ปล่อยวาง ยุติมันลงด้วยหลักธรรมแห่งการให้อภัย...

อสุเรนทร์




แสงนวลแห่งดวงแก้วรัตติกาลส่องสว่างมายังพื้นเบื้องล่าง เรือนไทยหลังกลาง ขนาดพอเหมาะสำหรับครอบครัวอันประกอบไปด้วยบิดา มารดาและลูกน้อยอันเป็นที่รัก คนร่างบางนั่งนิ่ง แหงนมองพระจันทร์ที่สีเหลืองนวลงามตาดวงใหญ่ที่ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า มือก็คอยลูบหัวให้เด็กฝาแฝดชายหญิงที่นอนหลับสนิท ส่งเสียงกรนออกมาเบาๆอย่างน่าเอ็นดู
เปรมปล่อยให้ความคิดล่องลอยกลับคืนสู่อดีตเมื่อห้าปีก่อนอย่างไม่รู้จบ เหตุการณ์ในวันนั้นที่เขาและคนรอบข้างได้ประจักษ์ มันยังคงติดตราตรึงอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม...

เมื่อลมหายใจแห่งพญารากษสทศกัณฐ์แผ่วเบา...และดับสิ้นราวเปลวเทียนสิ้นเชื้อสิ้นแสง ม่านไหมโรงละครใหญ่ก็ถูกเลื่อนปิดลงกึ่งช้ากึ่งเร็วเพราะไม่อยากให้ผู้ชมที่นั่งดูอยู่สงสัยไปมากกว่านี้ นอกม่านอาจจะได้เสียงปรบมือตอบรับล้มหลาน แม้จะยังมีอาการมึนงงกับเนื้อเรื่องตอนสุดท้ายในตามที แต่ทว่าหลังม่านนั้นกลับอลหม่าน วุ่นวาย ปู่เหนือ ครูจันทร์ พรั่งพร้อมด้วยนักแสดงเกือบสิบชีวิตต่างตกอยู่ในความตกใจกันทั่วถ้วน

หญิงวัยสามสิบกว่าผู้เป็นครูถึงกับปิดปาก กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปหลังเห็นใบหน้าของลูกศิษย์คนโปรดอย่างเปรมนั่งนิ่งราวหุ่นปั้นไร้ชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของอสุเรนทร์ที่ปราศจากการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเช่นกัน ชายชราที่ยังคงไว้ซึ่งสติมากกว่าคนหลายคนจึงออกปากเอ่ยถามในทันที

‘เกิดอะไรขึ้นคุณกฤต ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ ทำไมเจ้าเปรมถึงฆ่าตัวตายแล้วไอ้รูปร่างคล้ายหัวใจที่คุณทศชูขึ้นมาในตอนสุดท้ายอีกมันคืออะไรกันแน่ คุณกฤตโปรดอธิบายให้กระผมเข้าใจที’

‘ท่านครูจะเชื่อไหม หากผมบอกว่าพวกเราล้วนแล้วแต่เคยรู้จักกันในอดีตชาติ และมีเวรกรรมร่วมกันมาก่อน ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้’ ชี้ไปที่ราเมนทร์ ‘เขาคือพระนารายณ์ที่อวตารลงมาเป็นพระราม ท่านพี่อสุเรนทร์คือทศกัณฐ์ ทั้งสองคือผู้ที่เลือกใช้ชีวิตผิดกฎธรรมชาติ ไม่มีวันตายเพื่อรอคอยนางอันเป็นที่รัก ส่วนเปรมคือนางสีดาที่ชะตาต้องด้วยกริช ก่อนจะกลับมาเกิดในภพชาติใหม่’

‘เดี๋ยวนะครับ คุณกฤต กระผม...’

‘จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่สิ่งที่ผมเล่าล้วนเป็นความสัจจริง’

‘ละ...แล้วทำไมเจ้าเปรมมันต้องเอากริชแทงตัวเองตายเหมือนนางสีดาในชาติก่อนด้วยล่ะ’

ชินกฤตไม่ได้ตอบคำถามของชายชราในทันที ด้วยนิมิตภาพเพิ่งปรากฏเด่นชัดทางความคิด ร่างโปร่งแสงของนางสีดาขยับปากเอื้อนเอ่ยบอกเล่าความในใจให้ฟัง น้ำตาทำนบหน้าด้วยความเศร้าและความรู้สึกผิด...อดที่จะเคืองวิญญาณสาวไม่ได้ หากนางปรากฏตัวมาบอกเขาเร็วกว่านี้สักนิด เรื่องมันก็คงไม่จบลงอย่างน่าเศร้าสลดเช่นนี้

‘เปรมเขาไม่ได้เลือกครับ แต่เขาจำเป็นต้องทำ’ ชายหนุ่มละคำพูด สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ‘เคยใช้วิธีใดสร้างกรรมให้ตัวเอง ย่อมต้องแก้ไขด้วยวิธีนั้น’

‘แต่จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต’

‘เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้...มันมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะอธิบายท่านครูทั้งสองได้หมด เอาเป็นว่าถ้าเปรมไม่อาจหาญกระทำการเช่นนี้ เรื่องที่ยังเป็นปัญหาคาราคาซังก็คงไม่มีวันจบ ต่อให้แจ้งกระจ่างแล้วว่าคนกลางอย่างเปรมรักใคร แต่มันก็ไม่อาจเป็นตัวชี้ชัดว่าความรักสามเส้าของคนสามคนจะจบลงอย่างมีความสุข’

ในเมื่อต่างคนต่างรัก และยังยึดติดอยู่กับกิเลส ตัณหาความลุ่มหลง ความชิงชัง สุดท้ายถึงใครคนหนึ่งจะสมหวังกับรักที่ปรารถนา แต่มันจะเป็นรักที่มีความสุขแน่หรือ หากยังครุ่นคิด ติดอยู่กับหวาดระแวงเรื่อยไป

‘และสำหรับท่านพี่ทศ ทศกัณฐ์ที่ใครต่อใครมองว่าโหดเหี้ยมอำมหิต หลงใหลในกามราคะและอิสตรี หากในสายตาของคนที่อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลาเช่นผม...หัวใจรากษสผู้นี้ยิ่งใหญ่หาผู้ใดเสมอเหมือน ตลอดหนึ่งพันปีเขาที่ยึดมั่นในรักเดียวมาโดยตลอด ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขายอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อให้อีกคนได้อยู่’

‘ฮึกๆ ฮือ พระบิดาขอรับ กลับมาเถิดพระบิดาแห่งข้า...’

ชินกฤตแยงยลไปยังหลานชายที่นั่งก้มหน้าร้องไห้ตัวโยนด้วยความเจ็บปวด โดยมีศุภลักษณ์คอยลูบหลังปลอบใจไม่ห่าง ก่อนกระหวัดมองร่างนิ่งไร้ลมหายใจไปนานสองนานของพี่ชาย

หืม...

สองคิ้วยกขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกยินดี และโล่งใจที่ค่อยๆทะยานอัดแน่นเต็มอก

แม้จะแผ่วเบาหากเขากลับได้ยินมันชัดเจนจากแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจของทั้งคู่  ราวเส้นด้ายแห่งชีวิตพันผูกร้อยรัดเข้าด้วยกันจนแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียว

ตึก............ตึก..............

ตึกตึก......ตึกตึก

ด้วยอำนาจแห่งรักแท้ มีอำนาจเหนือเทวทัณฑ์ที่ต้องรับ เสียงกัมปนาทแห่งธาตุเคลื่อนไหวบังเกิดขึ้นอย่างเลือนลั่น

โซ่ตรวนแห่งกฎสวรรค์ขาดสะบั้นลง!

ความรักและเมตตาธรรมในดวงจิตแห่งพญารากษสผู้ครองกรุงลงกาช่วยค้ำจุนชะตาชีวิตของตนและคนที่รักปานฤทัย

ทุกอณูแห่งธาตุในอดีตจวบจนปัจจุบันคล้ายถอยวนกลับ...

จากร่างกายเปล่าไร้ซึ่งวิญญาณ สู่การกลับมาด้วยหัวใจหนึ่งเดียวกันตราบนานเท่านาน...





แม้ราตรีผ่านไปอย่างยาวนาน ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดก็คงยังนั่งอาบแสงจันทร์อยู่ตรงที่นั่งกว้างขวางนอกชานเรือน ไม่ขยับไปไหน คนรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตยิ้มน้อย เขายังจำมันได้แม่นมั่นแม้วันเวลาจะผันผ่านมาราวห้าปีแล้วก็ตาม

ณ เวลานั้น วินาทีนั้นที่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของผู้เป็นที่รักสุดหัวใจ หัวใจของพญารากษสพลันเต้นตึกตักอยู่ในอก ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวกับมีเจ้าของของมันคอยตระกองกอดไม่ห่างหาย และ ณ เวลานั้นอีกเช่นกันที่หยาดน้ำใสของตนเอ่อท้น...รายริน เป็นสุขมากกว่าเป็นทุกข์ เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าเอ่ยถ้อยคำหวานคลอเคลียข้างใบหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

และความทรงจำแห่งวันวานจะคงยังเล่นวนอยู่ในความคิด ถ้าเกิดไม่รู้สึกถึงแรงกอดกระทบเต็มแผ่นหลัง

“เปรมจ๋า...” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้นิรดาตื่นจากภวังค์ความคิด

“จ๋าพี่ทศ”

“มีใครบางคนฝากความคิดถึงมาถึงน้องด้วย” ประโยคพร้อมรอยยิ้มมาจากปากของอสุเรนทร์ พร้อมยื่นหน้าใช้ริมฝีปากประทับลงบนแก้มขาวเนียน

“ใครฝากมาครับเนี่ย”

“ทศกัณฐ์ฝากรอยจูบมาให้น้องน่ะ”

“แล้วคุณอสุเรนทร์ผู้นี้ไม่หึงหวงหรือครับ”

“หวงสิ แต่จะยอมอ่อนให้เจ้ายักษ์นั่นนิดหนึ่งก็ได้”

เปรมหัวเราะในลำคอ ประกายแห่งความสุขทอวูบในดวงตาหวาน ขณะวงแขนแข็งแรงกระชับกอดผู้เป็นภรรยาไว้แนบแน่น ใบหน้าซุกลงซอกคอหอมกรุ่ม จุดเดียวที่เคยปรากฏรอยปานกุหลาบสีแดง ทว่าบัดนี้กลับเลือนรางหายไปจนหมดสิ้น ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา อสุเรนทร์ก็ตระหนักได้ว่า...

ความรักที่เขาเคยมีต่อเปรมมันผิดแผกไป มิใช่ความรักที่หมายมั่น ยึดมั่น เช่นกาลก่อน...

หากเป็นสิ่งใหม่ที่เขาค้นพบ...และเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้

มันคือรักอันบริสุทธิ์...รักที่ไม่ได้เจือปนด้วยความอยากได้ อยากมี

เป็นรักที่ไม่หวังสิ่งใดเป็นการตอบแทน

อดีตพญายักษ์คลี่ยิ้มมีความสุขอันเปี่ยมล้นเต็มดวงหทัย มันไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงจุดๆนี้ จุดที่เรื่องราวทุกอย่าง ข้อพิพาทที่เคยยืดเยื้อคาราคาซังกันมายาวนานถูกทลายลงมิเหลือซาก

เหลือเพียงประกายแสงแห่งความสุขที่ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีวันลดทอนหรือหมดลง


ของคนสองคน...กับอีกหนึ่งหัวใจ



มโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์
แขนมอบพระทรงธรรม เทิดหล้า
ดวงใจมอบเมียขวัญ แลแม่
เกียรติศักดิ์รักของข้า มอบไว้แก่ตัว
[/i]


แม้นลมหนาวโชยพรมผ่านสะท้านกาย หากแต่ใจคนสองคนกลับอบอุ่นเสียเหลือเกิน...ในดวงเนตรดำสนิท มิได้ฉายภาพผู้ใด นอกจากผู้ที่เป็นรักเดียวและรักสุดท้ายของชีวิต

โศกนาฏกรรมระหว่างพระราม ทศกัณฐ์และนางสีดาหลงเหลือทิ้งไว้เป็นเพียงความทรงจำอันบางเบาราวม่านหมอกในยามเช้า
ไม่มีความแค้น ริษยา ไม่มีการยึดติด




มีเพียงหัวใจพิสุทธิ์อสุเรนทร์ที่มอบให้แด่เปมทัต...ชั่วนิจนิรันดร์







-จบบริบูรณ์-


จบจริงๆไม่ติงนังนะเออออออ




วู้วววว ในที่สุดก็มาถึงวันนี้
อยากจะขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเม้นมากๆเลย ขอบคุณจากหัวใจ
สิ่งที่คุณเขียนที่คุณบอกว่า มันทำให้เรายิ้มได้ตลอด
หลังจากนี้จะพยายามแต่งเรื่องต่อๆไปให้ดียิ่งขึ้น
วันนี้อยากให้หลายๆคนเข้ามาเม้นกันเยอะๆนะคะ อยากจะรู้ว่าทุกคนรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง
ไว้เจอกันใหม่กับเรื่องใหม่นะคะ

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตั้งแต่ต้นจ้าาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ เราชอบมากเลย แนวย้อนยุคแบบนี้  :pig4:  :กอด1:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
แม่เอ้ยยยย อิช้อยปาดน้ำตาแทบไม่ทัน ดีนะอีช้อยไม่ได้หอบไปอ่านนอกบ้าน ขายขี้หน้าชาวบ้านหมด!

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เสียน้ำตากับตอนพี่ทศตายตามมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :sad4: :hao5:
 ว่าแต่ยังไม่จบบริบูรณ์ไม่ได้เหรอ หรือไม่ก็ขอตอนพิเศษก็ได้ หรือจะเป็นภาค 2
เราอยากรู้ว่าอาทิตย์กับพระจันทร์มาเกิดยังไงแบบไหน :call: :call: :call: :call:
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ช๊อคไปหนึ่งรอบกับเปรมและพี่ทศตอนที่นึกว่า
น้ำตานี่ไหลรินแล้ว
พอเลื่อนลงมาเท่านั้นแหละ
กรี๊ดดังมากกก แม่เจ้าโว้ย
ดีใจ แฮปปี้เอนนดิ้ง ได้คู่อินกับลักษ์มาอีก
แล้วด้วยคริส อากฤต
ดีใจ เลิฟเลิฟเลย

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

แทบช็อค.....

ดีนะมีต่อด้านล่าง

รักบริสุทธิ์......

รักเลยขอรับ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ตกใจเลย ดีนะมีให้อ่านต่อด้านล่าง

จุดพลุ แฮปปี้เอนดิ้ง สนุกมาก ทั้งหวาน หน่วง เศร้า หื่น ครบรส ช

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยย ร้องไห้ตามพี่ทศหนักมากกกก ตาบวมหมดเลย มันเป็นตอนที่ทรมานสุดๆ เราหายใจไม่ออก แล้วก็เหมือนคนบ้าที่อยู่ดีๆก็ยิ้มออกมา 5555 หรือเราบ้าไปแล้วอะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน  จะรอเรื่องต่อไปค่ะ

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งือออ จบแล้ววว ในที่สุดก็ได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ้งมาก

มีตอนน้องเปรมอุ้มท้องไหมคะ แหะๆ ไม่อยากให้จบเลย

ตอนพิเศษๆๆๆๆๆ :call: :call:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
อยากบอกว่า ต้องมีต่อน่ะ พิเศษหลายๆๆตอนเลย
ในที่สุดก็ได้ครองคู่กัน ลุ้นว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ดีใจเลย

ออฟไลน์ fanta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
สนุกมากเลย นั่งลุ้นทุกตอนเลยเขียนดีจริงๆๆมีตอนพิเศษมั้ยคะอยากอ่านอีกยังไม่อยากให้จบเลย

ออฟไลน์ Slimtongs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้ใช่แฟนฟิค ไคฮุนใช่ไหมค่ะ เราเคยอ่านมาก่อนในเด็กดีพึ่งเห็นว่ามีมาลงในเล้าด้วย555

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ปาดน้ำตากันไปจ้า ก่อนจะยิ้มออกมาอย่าง happy อยากรู้ว่าน้องทิตย์กับน้องจันทร์เกิดมายังไง ช่วยเอามาลงตอนพิเศษหน่อยค่ะ มีความอยากรู้มากกกกกกก :mew1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น้ำตาท่วมจอ.  แต่รักอสุเรณท์เข้าเต็มเปา

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อ่านไปน้ำตานองหนัาไป ด่าคนเขียนไป แต่สุดท้ายสมหวังแล้วรักคนเขียนมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mitnai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยาวๆไป หยุดไม่ได้จริงๆ
ปั้มดาวววว
ขอบคุณค่า ♥

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o13 สุดยอดเลย ดีต่อใจมากๆ  :pig4: นิยายที่ทำให้เรามองในอีกมุมมองหนึ่ง ครบรสเลยที่เดียว  :L2:
รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปคะ สมัครเป็นแฟนคลับเลยคะ  :mew1:

ออฟไลน์ ดึงดาว

  • โตขึ้นหนูอยากเปนไร
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามจนจบ เย้ สนุกลุ้นระทึกตื่นเต้นทุกตอน จบได้ดีมากมายค่า ภาษาดีงามมากอ่านง่ายเข้าใจดี มีตอนพิเศษหน่อยไหม อยากอ่านอีก
thank you ขอบคุณนิยายดีๆ

ออฟไลน์ HiptysBEAR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไล่ตามอ่านจนจบเลยค่ะ ชอบมากๆอินกับเรื่องนี้มากๆ ชอบภาษาชอบกลอนชอบการดำเนินเรื่อง อินกับพี่ทศมากๆอ่านไปน้ำตาซึมไป อยากให้มีตอนพิเศษ คิดถึงทศเปรม

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ไอ้เราก็อยากหยุดอ่านนะเพราะดราม่าแต่หยุดไม่ได้จึงได้แต่รีบอ่านไป ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ จบได้สวย

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
โหยยยย แต่งดีมาก ภาษาสวยมากเลยค่ะ คือเราชอบเรื่องรามเกียรติ์มาก เรื่องนี้คือฉีกบทจากที่เคยอ่านไปเลย เอาจริงๆพออ่านเรื่องนี้แล้วถึงกลับไปสังเกตเรื้องจริงๆที่พระรามทำนางสีดาเสียใจหลายครั้ง ทั้งไม่เชื่อใจ ทั้งสั่งฆ่า แต่ในขณะเดียวกันทศกัณฐ์กลับรักนางสีดาสุดหัวใจ ยอมทุกอย่าง ฮือออ ชอบมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สนุกดีค่ะ
ชอบบทกลอนที่สอดแทรกในเรื่องตลอด
ติดนิดเดียวที่ตอนจบ เรื่องกระชับไปหน่อย
แต่ก็โอเคนะคะ
หวังว่าจะมีเรื่องต่อๆไปมาลงอีกนะคะ
จะรออ่านจ้า

ออฟไลน์ lovekimkina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ในที่สุดก็มีความสุขกันสักที
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ภาษาสวยๆนะคะ ชอบเนื้อเรื่องแบบนี้

อยากรู้อดีตของกฤตกับคริสจัง ติดใจปมคู่นี้

ออฟไลน์ apple32

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แต่งได้ดีมากเลยค่ะ เข้ามาอ่านทีเดียวจบ  :mew1:

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีงามมากมาย เค้าชอบนะ  :mew1: :mew1:

  o13   o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด