คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 167761 ครั้ง)

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #210 เมื่อ25-06-2007 14:05:44 »


...........จะทนไปได้กซักแค่ไหนกัน.... :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #211 เมื่อ25-06-2007 19:53:32 »

อืม เคยได้ยินมาว่า คนที่เป็นเกย์ กะเทย หรือตุ๊ด นี่ ชาติที่แล้วเป็นผู้หญิง
แล้วอธิษฐานหรือขอให้เกิดชาติหน้าเกิดเป็นผู้ชาย  แต่บุญไม่ถึง
พอชาตินี้ถึงเกิดเป็นชายได้ แต่ก็เป็นเกย์ หรือกะเทยไป แล้วแต่บุญกรรมของเค้าง่ะ
อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อละนะ ได้ยินมาอีกที  :m13:


yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #212 เมื่อ26-06-2007 09:31:03 »

                         “ฮัลโหล ทายซิว่านัทอยู่ไหน” คราวนี้มาแปลก.......เริ่มต้นด้วยการเล่นยี่สิบคำถามแฮะ
                        “แล้วอยู่ไหนอ่ะ อย่าบอกนะว่าอยู่เชียงใหม่” ผมทายไปตามน้ำ เพื่อเอาใจเค้า..........อีกใจก็คอยลุ้นว่าเค้าอาจจะมาเชียงใหม่จริงๆก็ได้.........
                       “ไม่ใช่ ตอนนี้นัทอยู่อำเภอนาน้อย” เค้าเอ่ยชื่ออำเภอแห่งหนึ่งในท้องที่จังหวัดน่าน
                       “อ้าว......แล้วมาทำไมล่ะ” ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่นัทไม่ได้อยู่เชียงใหม่อย่างที่เดาเอาไว้แต่แรก........แล้วเค้าไปทำอะไรที่อำเภอนาน้อยล่ะ............ก็มันไม่ใช่อำเภอที่เค้าไปฝึกงานนี่นา
                      “ไปทำไมเหรอ” ผมซักต่อ.....ในใจก็นึกระแวงว่าเค้าอาจจะดอดไปหากิ๊กแถวๆนั้นหรือเปล่า…………
                      “อ๋อ.....พอดีมาเที่ยวกับพี่ๆที่โรงพยาบาล ตอนนี้เค้ากลับไปกันหมดแล้ว แต่นัทมานั่งรอรถเมล์อยู่ ว่าจะไปหาเพื่อนที่อีกอำเภอน่ะ”.............อ๋อ.....ที่แท้ก็นั่งรอรถอยู่คนเดียว และก็คงจะไม่มีใครให้คุยด้วยนั่นเอง..........จึงโทรศัพท์มาหาผมได้……
                     “เพื่อนที่ไหน มีเพื่อนอยู่แถวนั้นด้วยเหรอ”..........คนอย่างเค้านี่นะมีเพื่อน.........เฮอะ......ทีกับเพื่อนยังลงทุนถ่อสังขารไปหาเค้าได้.........แต่ทีกับผมแค่โทรศัพท์มาหายังยากเย็นแสนเข็ญ.........คิดแล้วก็ให้น่าน้อยใจนัก........
                     “ก็เพื่อนอ่ะ ถามเซ้าซี้อยู่นั่นแหล่ะ แค่นี้นะ รถมาแล้ว” เค้าสะบัดเสียงใส่ผมตามเคย......
                     “อย่าเพิ่ง เดี๋ยวก่อนสิ” ผมตะโกนห้าม.........แต่ไม่ทันซะแล้ว.........นัทวางสายไปแล้ว..........มอลลี่จ้องมองมาที่ผมตาค้าง...........ผมจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆพลางนึกปลอบใจตัวเอง............อย่างน้อยๆเค้าก็โทรมาล่ะวะ……………

                     
                     อาทิตย์หน้าก็จะเป็นงานรับปริญญาแล้ว...........ปีนี้เพื่อนสาวของผมซึ่งเพิ่งจะจบดอกเตอร์ไปจะกลับมารับปริญญาเสียด้วย............สมัยที่เธออยู่ที่เชียงใหม่ เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก........ไปไหนไปกัน........ตีแบด.........ชอปปิ้ง.........กินเหล้า..........เหมือนกับมีเพื่อนผู้ชายเลย.........ชีวิตของผมแทบจะไม่มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายเลย...........มีแต่เกย์และผู้หญิง.........ถ้าเป็นผู้หญิงผมจะชอบคบประเภทขาลุย แมนๆ.........อิอิ.........ผมคิดว่าจะเตรียมของขวัญให้เธอเป็นพิเศษสักหน่อย ให้สมกับการเป็นเพื่อนเลิฟสุดซี้ของเรา..................

                       “แก อาทิตย์หน้าลงไปรับปริญญา ฉันไปค้างที่ห้องแกได้มั้ย” เธอเอ่ยปากถามเมื่อเรามีโอกาสได้คุยโทรศัพท์เรื่องงานรับปริญญาที่ใกล้จะมาถึงนี้.............
                      “เอาสิ ถ้าแกมาถึงก็โทรมาแล้วกัน ฉันจะไปรับ” ผมรับคำ...........แต่อีกใจก็นึกกังวลว่าถ้านัทมาเชียงใหม่ในช่วงเวลาเดียวกัน ผมจะทำอย่างไร............แต่นัทเค้าก็มีห้องของตัวเองนี่นา.............ให้เค้านอนที่ห้องเค้าก็ได้............ถึงจะยังงั้นก็ตาม ถ้าเพื่อนสาวต้องมาค้างกับผมจริงๆ ผมคงไม่มีเวลาได้อยู่กับนัทสองคนเลย.............คิดแล้วกลุ้มใจจัง.........คนนึงก็เพื่อน อีกคนก็แฟน............ตัดสินใจไม่ถูกเลยจริงๆ..........อยากเจอนัทก็อยากเจอ...........อยากอยู่กับเค้าให้สมกับที่เราไม่ได้เจอกันมานาน...........แต่กับเพื่อนก็ไม่อยากจะบกพร่องต่อหน้าที่.............ถ้าปฏิเสธ เพื่อนคงจะเสียใจ........โธ่เว้ย................

                       “น้องพร ออกไปหาซื้อของขวัญกับพี่มั้ย” ผมโทรศัพท์ไปชวนน้องพรในอีกหลายวันถัดมา…………
                      “เอาสิพี่.......... น้องว่าจะไปอยู่พอดี ว่าแต่ว่าน้องพาแฟนไปด้วยได้มั้ย” น้องพรถามอ้อมแอ้ม ทำท่าเหมือนเกรงอกเกรงใจเสียเต็มประดา.............
                       “ได้สิ........เดี๋ยวพี่ไปรับที่ตึกแล้วกันนะ” ผมบอกเวลานัดหมายแล้วรีบเก็บข้าวของ........ในใจนั้นนึกอยากจะเห็นหน้าแฟนน้องพรเต็มแก่..........อยากจะรู้ว่าคนที่หล่อนอวดนักอวดหนาว่าแสนดีอย่างโน้นอย่างนี้จะมีหน้าตาเป็นยังไง.............

                        รถผมแล่นเข้ามาจอดใต้ต้นชมพู่เจ้าประจำ............น้องพรยังไม่ลงมา.........ผมเปิดประตูลงมายืนรอ พลางควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ...........ตั้งแต่ติดบุหรี่มานี่............รอนิดรอหน่อยเป็นต้องหยิบมาสูบ..........มันกลายเป็นเพื่อนฆ่าเวลาตัวร้ายของผมไปซะแล้ว...........นัทไม่เคยชอบใจนิสัยนี้ของผมเลย.............เค้าจะส่ายหน้าทุกครั้งที่เห็น............บ่อยเข้าก็คงขี้เกียจห้ามปราม จึงปล่อยเลยตามเลย.........
น้องพรเดินยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล............
                         “พี่กั้ง หวัดดีจ้ะ” ผมพยักหน้าเป็นเชิงแสดงอาการรับรู้.............พลางสอดส่ายสายตามองหาหนุ่มปริศนาคนนั้น..............คงเป็นคนที่เดินมาลิ่วๆแต่ไกลคนนั้นกระมัง.........ผมนึกเดาเมื่อเห็นเด็กผู้ชายร่างสูงเพรียวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาที่เราสองคน
                        “พี่กั้ง นี่น้องอาร์” น้องพรแนะนำหน้าระรื่น...........น้องอาร์ยกมือไหว้ผมท่าทางนอบน้อม..........ผมรีบใช้สายตาสำรวจประเมินในทันที...............หน้าตาไม่เลวทีเดียว.........ไม่ขาวแต่ผิวเข้มเนียนตา.......รูปร่างสูงโปร่งคงราวๆร้อยแปดสิบ........ท่าทางสุภาพอ่อนน้อม.......ถ้าไม่บอกคงไม่รู้ว่าเป็นเกย์..........แสดงว่าผ่านการฝึกฝนวิธีการซ่อนเร้นความเป็นสาวมาเป็นอย่างดี........
                         “ขึ้นรถกันเถอะ” ผมชวน........พยายามระงับสายตาให้อยู่ในอาการสำรวม ไม่แสดงท่าเชิญชวนจนออกนอกหน้า........ผมไม่ได้ชอบเค้าหรอก...........แต่ไม่รู้ทำไมถึงมีนิสัยชอบโปรยเสน่ห์ไปเรื่อยเปื่อย.........โดยเฉพาะกับแฟนเพื่อน...........มันเหมือนกึ่งหยอกกึ่งเอาจริง...........รู้สึกตื้นเต้นดี...............แต่ถ้ามาสอบประวัติผมย้อนหลังแล้ว จะรู้ว่า..........ผมยังไม่เคยแย่งเอาแฟนของคนใกล้ตัวมาครอบครองเลยแม้แต่ครั้งเดียว...........จะมีก็แค่เพียงกระเซ้าเล่นๆพอหอมปากหอมคอก็เท่านั้น..............

                        เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว น้องพรมีท่าทีออดอ้อนแฟนของหล่อนจนออกนอกหน้า..........อาจจะอยากโชว์ความหวานให้ผมดูประการหนึ่ง............หรืออาจจะอยากประกาศให้ผมรับรู้ว่านี่แฟนฉัน.........พี่ห้ามยุ่ง........ทำไมใครต่อใครต้องคอยมาระแวดระวัง ว่าผมจะเข้าไปแย่งชิงเอาแฟนของเค้ามาเป็นของตัวกันนัก........หรือท่าทางผมมันดูยั่วยวน เจ้ามารยา ไม่น่าไว้ใจมากขนาดนั้นจริงๆ................
                       “ชั้นเกลียดสิ่งที่แกทำเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชาย” เดียว....เพื่อนสาวของผมจีบปากจีบคอต่อว่า.......เมื่อเพื่อนชายของหล่อนคล้อยหลังไปแล้ว......
                      “ทำไมล่ะ ฉันไปทำอะไรให้แกนักหนา” ผมแกล้งทำมารยาไขสือ..........ด้วยรู้อยู่เต็มอกว่าตัวนั้นชอบแกล้งอ่อยแฟนของเพื่อน...........
                      “ก็แกรู้วิธีปรนนิบัติเอาใจเค้าสารพัด ฉันจะไปสู้ได้ที่ไหน ดูซิพอเอาเงาะมาวางแกก็ลงมือเจียนใส่จาน ฉันน่ะเหรอจะไปรู้อะไร มีแต่ปล่อยให้มันกินไปตามยถากรรม” หล่อนต่อว่าผมอีกยาวยืด...........เดียวเอ๋ย...........บอกว่าสู้เราไม่ได้ แต่ก็เห็นเธอเปลี่ยนคู่ควงแทบไม่ซ้ำ..............ในขณะที่คนเจ้ามารยาร้อยเล่ห์อย่างเราซะอีก ที่ขายไม่เคยออกกับเค้าเลยสักหน.............แล้วอย่างนี้ เธอยังอยากจะเป็นแบบฉันอยู่อีกหรือ........

                       เราสามคนเดินเที่ยวชมของที่ระลึกน่ารักๆ จากร้านนั้นเวียนเข้าร้านนี้ไปเรื่อยๆ..........เทศกาลรับปริญญาที่เชียงใหม่คึกคักทุกปี...............ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่สวยที่สุดของมหาวิทยาลัย........ดอกไม้ทั้งของจริงและตอแหลถูกนำมาจัดตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม............ของขวัญที่ระลึกทั้งหลายต่างก็ขายดีเป็นพิเศษ.........
อาร์ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกของขวัญชิ้นไหนดี.............โดยมีน้องพรเดินตามประกบมาติดๆ และผมตามมาห่างๆ...............
                     “ไม่รู้จะซื้ออะไรก็ซื้อขี้ขขขขขขขสิ” น้องพรพูดจาประชดประชัน..........อาร์หันมามองแล้วยิ้มน้อยๆ.......พฤติกรรมดังกล่าวถ้าจะมองให้ดูขำก็อาจจะได้........แต่ผมมองว่ามันดูไม่น่ารักเอาซะเลย............นี่หล่อนกล้าทำอย่างนี้ก็แฟนหล่อนได้ยังไง............คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก..............มันผิดกับการกระทำของผมเวลาอยู่กับนัทชนิดที่เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว.............ผมสังเกตดูว่าน้องพรจะชอบทำท่ากระเง้ากระงอดใส่อาร์จนดูน่าหมั่นไส้..............พลางในใจก็นึกวิตก ว่าถ้าขืนหล่อนทำแบบนี้เรื่อยๆมีหวังเค้าเผ่นหนีแทบไม่ทันแน่...........มีอย่างที่ไหน ตัวเป็นเกย์สาว...........แถมไม่สวย...........รวยหรือก็ไม่...........ยังจะมีหน้ามาทำท่าเอาแต่ใจใส่ผู้ชาย ซึ่งมันก็มีอยู่น้อยและขายดีจนเกย์สาวแทบจะตบแย่งกันวันละหลายหน.............คิดแล้วก็นึกเป็นห่วงแทนจริงๆ แต่ก็จนใจที่จะไปบอกกล่าว เพราะบางทีเค้าอาจจะชอบของเค้าแบบนี้ก็ได้...........ก็เค้าไม่เห็นว่าจะแสดงท่าทีรำคาญอะไรนี่นา.........

                        ผมไม่ได้ของขวัญเลยสักชิ้น เพราะยังไม่เจอที่ถูกใจ จึงเดินกลับมาที่รถมือเปล่า............อาร์มัวแต่ยุ่งคุยโทรศัพท์อยู่...........น้องพรจึงได้จังหวะเดินเข้ามากระซิบ.............
                       “น่าเบื่อเนาะพี่กั้ง.........จะเลือกอะไรก็ไม่เลือก......น้องล่ะรำคาญ อยากจะด่านัก” ผมยิ้มตอบ...........ไม่ว่ากระไร.............ทำเป็นปากดีไปเถอะ.............ทำแบบนี้โดนเค้าทิ้งมาแล้วจะรู้สึก...........
                      “พี่กั้งยังดีนะ ยังช่วยแนะนำให้มันเลือกอันนั้นอันนี้.......น้องซะอีกที่เอาแต่บ่นๆ” เอาละสิ.......หล่อนแขวะผมเข้าให้แล้ว.............อย่างว่าล่ะเนาะ ความรักมันไม่เข้าใครออกใคร.........ของๆใคร ใครก็ต้องหวงเป็นธรรมดา............
                     “พี่ก็ช่วยแนะนำไปตามเรื่องตามราวเท่านั้นแหล่ะ” ผมพูดปัดให้พ้นๆไป.........แต่ในใจนั้นรู้ดีว่าน้องพรกำลังพยายามจะบอกอะไรผมอยู่...........

                     “พี่กั้งไปตีเทนนิสด้วยกันสิครับ” อาร์เอ่ยปากชวนระหว่างที่เรากำลังนั่งรถกลับมหาวิทยาลัย..........
                     “จะดีเหรอ พี่ไม่ได้เล่นนานแล้ว ขืนไปก็รังจะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ” ผมทำเป็นแสร้งออกตัว........พยายามทอดน้ำเสียงให้ดูอ้อยสร้อย...........น่าสงสาร..........
                     “ไปสิพี่กั้ง ช่วงนี้นัทก็ไม่อยู่ ดีกว่าอยู่คนเดียว” น้องพรช่วยสำทับ...........เอาจริงเหรอ..........แต่ก็น่าสนุกดีนะ..........มีเรื่องให้ทำ...........ย่อมดีกว่าอยู่เปล่าๆ............
                     “ไว้หลังรับปริญญาแล้วกัน ตอนนี้พี่ยังไม่มีไม้เทนนิสเลย” ผมทำทีแบ่งรับแบ่งสู้...........แหม....ถ้าไปจริงๆ หล่อนอาจจะเคืองผมก็ได้............เอาเป็นว่าถ้าไม่มีอะไรทำ ก็ดอดไปป่วนชาวบ้านเล่นๆ คงจะพอหายเซ็งไปได้บ้าง..............หุหุ...........บอกไว้ก่อนนะว่าผมร้ายไม่จริงหรอก......ก็เพียงแต่คิดเล่นๆภายในใจอันแสนซื่อดวงนี้.......ก็เท่านั้นเอง...........


tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #213 เมื่อ26-06-2007 10:12:47 »

มาเขียนแต่เช้าเชียวน่ะวันนี้ :m14:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #214 เมื่อ26-06-2007 10:38:59 »

ไม่ใช่ซะหน่อย เขียนไว้ตั้งกะเมื่อวานตะหาก............แค่วันนี้มาทำงานเร็วเลยโพสแต่เช้าเฉยๆ.....อุอุ

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #215 เมื่อ26-06-2007 13:12:43 »

จะได้คุยกันแบบสวีทบ้างมั๊ยครับเนี่ย  เห็นคุยกันทีไรจบไม่เป็นท่า ทู๊กที     :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #216 เมื่อ26-06-2007 13:18:02 »


.............ขิงก็รา...ข่าก็แรงจิง... o16 o16

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #217 เมื่อ26-06-2007 14:49:54 »

ร้ายไม่จริง?

ขอเถียงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #218 เมื่อ26-06-2007 17:54:53 »

ร้ายไม่จริง?

ขอเถียงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง



เห็นด้วยครับ       
 :m12: :m12: :m12:   

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #219 เมื่อ26-06-2007 18:19:34 »

เข้าขากันเชียวนะ........รุมกันใหญ่เลย......ฝากไว้ก่อน.......อิอิ :m8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #219 เมื่อ: 26-06-2007 18:19:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #220 เมื่อ26-06-2007 18:53:40 »

บอกไว้ก่อนนะว่าผมร้ายไม่จริงหรอก......ก็เพียงแต่คิดเล่นๆภายในใจอันแสนซื่อดวงนี้.......ก็เท่านั้นเอง...........
ม่ายเชื่อ  :m14:   :m14:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #221 เมื่อ27-06-2007 08:47:03 »

ทำไมทุกคนถึงคิดว่าเราร้ายเนี่ยยยยยยยยยย..........แกล้งกันหรือป่าว

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #222 เมื่อ27-06-2007 09:12:31 »

                         “แก.....แกไปนอนที่บ้านพี่เติ้ลได้มั้ย พอดีแฟนฉันมันจะมาอ่ะ” .............ไม่อยากจะทำแบบนี้เลย..........แต่สุดท้ายผมก็เลือกแฟนก่อนเพื่อนจนได้...............เฮ้อ...........เวรกรรม
                         “ย่ะ......... ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกต้องเลือกแฟน” .........เพื่อนสาวผมบ่นกระปอดกระแปด.......แม้ว่าปากหล่อนจะบอกว่าเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี.............แต่ผมรู้ว่าเพื่อนคงจะน้อยใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากพอดู.......
                        “เอาเป็นว่าถ้าแกมาแล้ว ฉันจะรับแกไปส่งซ้อมรับปริญญานะ” ผมให้คำมั่นสัญญา..........คิดว่าอย่างน้อยๆเพื่อนก็คงจะหายเคืองไปได้บ้าง..............
                        “ย่ะ เอาไว้ฉันจะโทรไปก็แล้วกัน”.............รู้สึกแย่จัง..............รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนเป็นสิ่งที่แน่นอนกว่า..........ในขณะที่แฟนนั้นสามวันดีสี่วันไข้หวังพึ่งพาอะไรไม่ได้เอาซะเลย...............แต่ผมก็ยังเลือกแฟนอยู่ดี.........อานุภาพของความรักนี่ช่างมหาศาลจริงๆ............ทำให้เพื่อนทิ้งเพื่อนได้ลงคอ.........เศร้า.......

                          เช้าวันรุ่งขึ้นผมขับรถไปรับเพื่อนสาวจากบ้านพี่เติ้ล แล้วพาไปส่งที่หอประชุมเพื่อซ้อมรับปริญญา...........ตั้งแต่หล่อนมาถึงเชียงใหม่เราสองคนยังไม่ได้มีเวลามานั่งคุยกันเป็นกิจจะลักษณะเลย..............ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าบัณทิตใหม่นั้นมีเรื่องยุ่งๆต้องให้สะสางมากมายแค่ไหน.............หล่อนมาเชียงใหม่คราวนี้ไม่มีรถรามาใช้........ ในใจก็คงจะหวังพึ่งเพื่อนรักอย่างผมให้พาไปจัดการธุระนั่นนี่ตามสมควร............ในขณะที่ผมเองนั้นไม่สามารถจะแบ่งภาคได้ดังเจ้าแม่กาลีปางอวตารปราบมาร..........ความลำบากใจอย่างสุดแสนจึงคุกรุ่นอยู่ภายในใจเงียบๆ..........นัทก็ยังไม่โทรมาเลย..........เค้าเองก็คงมีแผนจะเดินสายไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่รหัส พี่ชมรม พี่เทค และพี่อะไรต่ออะไรอีกสารพัด..........แม้ว่าเค้าจะไม่ได้ยืนยันว่าจะโทรมาหา.........แต่ผมรู้ว่าเค้าจะต้องหาเวลามาเจอกับผมจนได้..............และเพื่อการนี้..........ผมถึงกับยอมลงทุนเขี่ยเพื่อนสาวให้ออกไปพักที่อื่น............เพื่อที่จะเคลียร์ห้องให้ว่างเอาไว้สำหรับนัทเสมอ...........ทั้งๆที่ไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่านัทจะมาค้างด้วยเหรอไม่..............มันเป็นเหมือนการทรยศต่อเพื่อนอย่างไม่น่าให้อภัย............ผมจึงทั้งรู้สึกเครียดและก็วุ่นวายใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้..........

                          “แก....บ่ายนี้ซ้อมเสร็จแล้ว แกพาฉันไปเดินหาซื้อเสื้อนักศึกษา และก็รองเท้าหน่อยสิ” เพื่อสาวปรารภ ระหว่างที่ผมพาหล่อนมาส่งที่หอประชุม.........แปลกแต่จริงจบตั้งปริญญาเอกแล้วยังจะให้แต่งตัวเป็นเด็กปีหนึ่ง.........ตลกดี
                         “ได้สิ เอาไว้แกซ้อมเสร็จแล้วโทรมาหาฉันละกัน” ผมรับปาก........ในใจนั้นนึกภาวนาขออย่าให้นัทโทรมาช่วงเวลานั้นเลย.............ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้นัทมาเจอผมหลังจากที่เราทั้งคู่เสร็จภารกิจในช่วงเย็นจะดีกว่า.........แต่ผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะผมไม่มีสิทธ์ไปกะเกณฑ์ให้เค้าทำนั่นนี่แต่อย่างใด.........สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการรอคอย..............ถ้าเค้าโทรมา.........ไปได้ก็ไป.........ไปไม่ได้ก็ไม่ไป...........แต่ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าผมจะเลือกเอาอย่างไหนระหว่างไปหรือไม่ไป.........

                          สุดท้ายโชคชะตาก็ไม่เข้าข้างผมจนได้...............เพราะพระเจ้ามักจะมีวิธีการกลั่นแกล้งมนุษย์ตาดำๆอย่างเราๆสารพัดรูปแบบนั่นแหล่ะ...........
                         “พี่กั้งอยู่ไหน” นัทโทรมาราวสิบเอ็ดโมง.............ในขณะที่ผมเพิ่งแยกจากเพื่อนสาว.........และกำลังจะบ่ายหน้าไปที่แลปพอดี........
                         “อยู่ในมหาลัย แล้วนัทอ่ะ อยู่ไหน” ผมถามต่อด้วยใจระทึก............ทั้งอยากเจอ..........และก็ไม่อยากให้มาเจอตอนนี้...........
                        “อยู่หอ มารับหน่อย หิวข้าว”.........ว่าแล้วเชียว............ทำไมซื้อหวยไม่แม่นขนาดนี้วะ......
                        “ได้ๆ รอแป๊บนะ” ผมรับปากอย่างร้อนรน...........เกลียดการวิ่งรอกเป็นที่สุดเลย.......

                        นัทยืนรอผมอยู่ใต้ต้นหูกวางที่หน้าหอพักอยู่ก่อนแล้ว..............ไม่เจอกันซะนานเลย..........ความจริงผมน่าจะรู้สึกเป็นสุขใจมากกว่านี้ ถ้าไม่ติดที่ว่าได้เอ่ยปากรับคำเพื่อนสาวเอาไว้แล้ว ว่าจะพาไปเดินซื้อของใช้จำเป็นในตอนบ่าย..............แค่ความผิดที่ไม่ยอมให้หล่อนมานอนค้างด้วยที่ห้องก็มากพออยู่แล้ว..........แล้วถ้ายังจะมาก่อความผิดซ้ำสองโดยการเบี้ยวนัดบ่ายนี้ เพื่อนคงไม่ให้อภัยผมเป็นแน่...........
                       “จะกินอะไรดี” ผมเอ่ยถาม............พลางใช้สายตาลอบสำรวจความเปลี่ยนแปลงของนัท..........ไม่ได้เจอกันนานเกือบสามสัปดาห์...........นัทดูซูบผอมไปเป็นกอง...............ใบหน้าเกรียมเพราะกรำลมและแดด......ผมเผ้าดูกะเร้อกะรัง.........
                      “ทำไมถึงได้ดูโทรมขนาดนี้ล่ะ” ผมเผลอรำพึงออกมาเบาๆ................น้ำตาพาลจะไหลเพราะความสงสารคนรักที่ต้องไปตกระกำลำบากในถิ่นทุรกันดาร............
                      “โทรมจริงๆเหรอ” นัทยกมือขึ้นลูบคลำใบหน้า.............ท่าทางเค้าดูขวยเขิน..........คงเป็นเพราะเราสองคนไม่ได้เจอกันนาน...........ปกตินัทจะไม่ออกฤทธิ์เดชเวลาอยู่ต่อหน้าผม.........ส่วนมากเค้ามักจะพูดอะไรแย่ๆเฉพาะตอนที่เราคุยโทรศัพท์กันมากกว่า..........ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...........อาจเป็นเพราะเค้าได้กลับไปเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่กระมัง.............

                     เราขับรถออกมาตามเส้นทางสายรอบเมือง...........ช่วงเวลาที่ผู้คนเนืองแน่นไปทุกมุมเมืองเช่นนี้.............การได้หลบออกมาในมุมที่ห่างไกลแหล่งชุมชน ค่อยทำให้รู้สึกหายใจโล่งคอขึ้นมาหน่อย........อีกทั้งผมไม่อยากจะให้นัทรู้สึกอึดอัดจากการที่ต้องคอยระแวดระวังว่าจะโดนจับตามองจากคนรู้จักซึ่งอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปตามจำนวนคนที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ..............
                    “พี่กั้งแวะซื้อโรตีหน่อยสิ นัทอยากกิน”..........เห็นของกินเป็นไม่ได้เชียว............เป็นอันต้องแวะทุกทีสิ..............ผมชะลอรถแวะเข้าไปจอดที่เพิงไม้เล็กๆตามคำเรียกร้อง.........แม่ค้ายืนยิ้มแป้นรอท่า..........ที่แผงไม้ไผ่เล็กๆมีโรตีสายไหมหลากสีสันวางเรียงรายน่ากิน..............ผมไม่เคยขัดใจนัทเลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...............

                      “อ่ะ กินมั้ย” นัทยื่นม้วนโรตีที่เค้าบรรจงพันด้วยตัวเองมาจ่อให้ที่ปาก..............แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย...............บางทีเค้าก็ทำอะไรหวานๆจนผมแทบจะตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน...........อาทิ ปิ้งขนมปังเอามาเสิร์ฟให้..........เอาน้ำมาป้อน...........หรือป้อนขนม อะไรพวกนี้............ถึงผมจะเป็นคนโรแมนติกอยู่บ้าง.....แต่การปฏิบัติต่อกันหวานๆแบบนี้ บางครั้งก็ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจพิกล..........
                      “อร่อยจัง” ผมเอ่ยปากชม........อยากจะถามคิวเย็นนี้ของเค้าจังเลย.........แต่ไม่กล้า...........เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราอยากจะให้มานอนค้างด้วยจนตัวสั่น...............เรื่องแบบนี้เค้าน่าจะเป็นคนบอกเองจะดีกว่า........
                     
                      “อยู่ที่โน่นทำอะไรมั่ง ลำบากมากหรือเปล่า” ผมถามไถ่ด้วยความห่วงใย..........ถ้าไม่ถามต่อหน้า เค้าคงไม่บอกผมแน่...........ปกติถ้าคุยโทรศัพท์กันทีไรเป็นอันต้องเอ็ดตะโรผมทุกที
                     “ก็ทำงานที่โรงพยาบาลและก็ออกชุมชุนไปเก็บข้อมูลบ้างแล้วแต่วัน” เวลาที่เราสองคนคุยกันมากที่สุดคือตอนที่อยู่บนรถ...........ถ้าอยากจะรู้อะไรจะต้องคอยตะล่อมถามเอาตอนนี้..........เพราะหากไปซอกแซกในเวลาอื่นเค้าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาซะเลย

                      นัทเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของเค้าระหว่างที่ไปฝึกงานให้ผมฟังไปเรื่อยๆ ตามแต่จะนึกออก.............ธรรมชาติของนัทเป็นคนช่างพูด..............เค้ามักจะเล่าอะไรต่ออะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเค้าให้ผมฟังเสมอๆโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากซักถามให้เหนื่อยแรง............ทั้งนี้เค้าจะต้องอยู่ในสภาวะที่ไร้ความกดดัน..........สภาวะที่เสมือนว่าในโลกนี้มีกันแค่เราสองคน............ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็นที่ห้องหรือไม่ก็ระหว่างการขับรถ...........
                     “เดี๋ยวเราแวะกินข้าวที่นี่กันนะ” ผมตัดสินใจเลือกร้านที่เห็นว่าเหมาะสมสำหรับการหลบมุมคุยกันของเราสองคน............

                       บรรยากาศของร้านรอบเมืองค่อนข้างเงียบเหงา.......ทั้งร้านมีลูกค้าเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น.........แต่กระนั้นก็ตาม...........นัทก็ยังคงมีท่าระแวดระวังจนน่าโมโห...........สุดท้ายเราจึงเลือกนั่งที่โต๊ะชั้นสอง ซึ่งมีลูกค้าบางตากว่า.............

                      หลังจากที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว...........นัทลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย............ผมมองดูนัทกินข้าวด้วยความเป็นสุขใจ...........ผมชอบให้เค้ากินมากๆ.........โดยเฉพาะเค้ากลับมาหาผมในสภาพร่างกายที่ผ่ายผอมแบบนี้..........ผมยิ่งอยากให้เค้าได้กินของอร่อยๆและมีความสุข..........อยู่ที่โน้นคงจะอดอยากน่าดู..........จะมีใครไปคอยดูแลเรื่องกินเรื่องอยู่ให้.........ลำพังตัวเค้าเองจะมีความรับผิดชอบอะไรกับชีวิตได้นักหนา...............

                     ระหว่างที่เราสองคนกำลังเพลิดเพลินกับการกิน......พลันก็แว่วเสียงโทรศัพท์ดังลอดออกมาจากกระเป๋า..........ผมเอื้อมมือไปล้วงออกมาดู...........ในใจภาวนาขอไม่ให้เป็นเพื่อนสาว........ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเนหล่อน.........ซวยแล้วหล่อนจริงๆนั่นแหล่ะ.............แสดงว่าตอนนี้ซ้อมเสร็จแล้วแน่ๆ.................
                      “ฮัลโหล.....เป็นไงจ้ะ” ผมพยายามทำใจดีสู้เสือเอาไว้ก่อน.............ลำบากใจจริงๆที่ต้องผิดคำพูด......
                      “เออ .....ฉันซ้อมเสร็จแล้ว ตอนนี้แกอยู่ไหน”............จะทำยังไงดีล่ะ.............จะผละไปแบบนี้นัทคงต้องโกรธแน่ๆ................แต่จะให้เพื่อนไปซื้อของเองก็คงจะลำบากน่าดู...............หล่อนไม่มีรถ...........ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทางมาเชียงใหม่รวมทั้งเหนื่อยจากพิธีซ้อม..............หากมีสารถีคอยพาไปนั่นมานี่ก็คงจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้อีกอักโข.....................แต่ผมดันมาหักลำทรยศกลางอากาศซะแบบนี้..........ไม่อยากจินตนาการความแค้นที่จะลุกโชนภายใจของเพื่อนสาวเลย........
                      “แกไปเองก่อนได้มั้ย ตอนนี้ชั้นอยู่ข้างนอก” ในที่สุดผมก็ทำใจดำตัดเยื่อใยเพื่อนรัก...........จะทำไงได้ล่ะ ก็ผมไปไม่ได้จริงๆนี่............
                      “เออ.........อยู่กับแฟนล่ะสิ............ชั้นไปเองก็ได้ แกไม่ต้องห่วงหรอก” เพื่อนสาวผมออกตัว..........ดูเอาเถิดน้ำใจเพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา............ขนาดว่าผมทรยศหล่อนอย่างไม่น่าให้อภัยขนาดนี้........หล่อนยังมีน้ำใจไม่ถือโทษโกรธเคือง.............แล้วผมจะดูดายเพื่อนได้อย่างไร...
                     “เดี๋ยวสักบ่ายๆ ฉันจะพาไปซื้อของมาทำกับข้าวงานปาร์ตี้แกนะ” ผมขันอาสาเพื่อกู้สถานการณ์..............คงต้องยอมสละนัทในเย็นนี้เสียแล้ว................หากขืนยังทำตัวบ้าผู้ชายต่อไปมีหวังได้ตัดเพื่อนกันพอดี...............แฟนเรายังจะได้เจอกันอีกนาน.............แต่เพื่อนนานๆมาเยี่ยมที...........จะไม่ดูดำดูดี ก็เห็นจะแล้งน้ำใจไปหน่อยกระมัง............

                       หลังจากรับประทานอาหารเสร็จผมจึงพานัทกลับไปแวะที่ห้อง..............นัทมีท่าทางเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด............
                       “นอนลงสิ เดี๋ยวพี่จะนวดให้” ผมเชิญชวนให้เค้ารับบริการนวดพิเศษ..........เผื่อว่าจะช่วยคลายเมื่อยล้าได้บ้าง
                       นัทนอนพังพาบไปกับที่นอน..........ผมขยับตัวขึ้นไปนั่งคร่อมบนหลัง............และลงมือนวดไปตามจุดสำคัญต่างๆ.............ขมับ........หัวไหล่ สะโพก.........น่อง........และก็ที่นั่น....อิอิ
                       “พี่กั้งนวดเก่งจัง เคยเรียนมาหรือเปล่า” นัทเอ่ยปากชม............หุหุ.........ไอ้เรื่องพวกนี้มันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว..........แค่นวดนี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ...............

                       เราสองคนนอนคุยเรื่องราวต่างๆเบาๆ.............จนเวลาล่วงเลยไปถึงบ่ายคล้อย..........ผมเริ่มกระสับกระส่าย.............
                       “เป็นอะไร” นัทถามเมื่อเห็นอาการผมไม่ปกติ..........ดูนาฬิกา.....ผุดลุกผุดนั่ง.............จึงได้จังหวะที่ผมจะต้องบอกในสิ่งที่ไม่อยากจะบอกเสียที.................
                      “พี่นัดกับเพื่อน ว่าจะพาเค้าไปซื้อของมาทำกับข้าวเลี้ยงงานรับปริญญา ไปด้วยกันมั้ย” ผมบอกความจำเป็นเพื่อขอความเห็นใจ.......ทั้งยังเอ่ยปากชวนเค้ามาร่วมด้วย..........ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าไม่มีทางจะมาด้วยแน่ๆ............
                      “ไม่ไปหรอก พี่กั้งไปเถอะ”........เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด..........แต่ทำไมเค้าไม่เห็นมีท่าทีว่าจะลุกเลยล่ะ.........จะแกล้งถ่วงเวลาไปถึงไหนกัน...........นี่ผมก็เลยเวลานัดมาพอสมควรแล้ว..........จะเร่งเค้าก็ไม่กล้า..........จึงได้แต่ทำท่าฟึดๆฟัดๆ ไปตามเรื่องตามราว
                      เหมือนเค้าจะสังเกตเห็นและคงรำคาญเต็มที.........จึงผลุดลุกขึ้นเดินไปเก็บของนำหน้าไปที่ประตู
                     “วันหลังจะไม่มาอีกแล้วนะ วันนี้อุตส่าห์ว่าจะมาอยู่ด้วย” เค้าบ่นน้ำเสียงน้อยใจ โดยที่ไม่หันมามองหน้าผมเลยสักนิด ก่อนจะเดินนำหน้าออกไปจากห้อง.........ผมเข่าแทบทรุดลงไปตรงนั้นเมื่อได้ฟัง.............ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าคุณจะว่างมาตอนไหน............ถามอะไรก็ไม่เคยบอกเคยกล่าว มีแต่เอ็ดๆๆ.............คิดวางแผนเอาเองอยู่ในใจโดยไม่ถามไถ่สักคำ.........คิดว่าคนอื่นเค้าจะมาว่างนั่งคอยตัวเองอยู่คนเดียวหรือไงกัน.............เค้าไม่รู้เลยเหรอว่าผมต้องยอมหักหลังเพื่อนเพื่อเค้าขนาดไหน.......กลายเป็นว่าเพื่อนก็เคือง........แฟนก็งอน...........เจริญล่ะ..........ไม่ได้ดีอะไรสักอย่างเดียว

                      หลังจากที่ส่งนัทกลับหอไปแล้ว............ผมขับรถมุ่งหน้าเพื่อไปรับเพื่อนสาวด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว............เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนอะไรนักหนาฮึกั้งงงงงงง...........

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #223 เมื่อ27-06-2007 09:51:04 »

อย่างนี้ผมก้อเคยเป็นอ่ะ  แต่ตอนนั้นผมเลือกเพื่อน  หลังจากนั้นก้อตามไปง้อแฟน ( หรือกิ๊ก ) ทีหลังอ่ะ  :try2:

พอดีเค้าเป็นคนใจอ่อน  เลยไม่เป็นไร  แต่กะนัท โผมม่ายยู้  ฮ่า ฮ่า ฮ่า   :laugh:

( พลาดอย่างแรง ผมกะว่าดึกๆน่าจะมีศึกวันธงชัย    :m10:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #224 เมื่อ27-06-2007 10:06:04 »

ลามก.....คิคิ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #225 เมื่อ27-06-2007 11:54:25 »

สงสารจัง











แต่...สมน้ำหน้ามากกว่า  อิอิ  :m14:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #226 เมื่อ27-06-2007 19:03:20 »

เพื่อนกับแฟน ระวังเสียทั้งสองอย่างพร้อมกันนา  :m14:  :m14:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #227 เมื่อ27-06-2007 19:04:03 »

อืมม  เป็นคราวซวย  เพื่อน VS แฟน (รึเปล่านะ 55)   :m12:

ช่วยสมน้ำหน้าอีกคนได้ปะ  อิอิ :m14:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #228 เมื่อ28-06-2007 09:21:56 »

แทนที่จะเห็นใจกันไม่มีหรอกนะ.........ใจร้ายจัง....คิคิ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #229 เมื่อ28-06-2007 09:32:53 »

                         ปาร์ตี้คงจะสนุกมากกว่านี้หลายเท่านัก..........หากผมไม่มีเรื่องให้ต้องคอยคิดกังวลอยู่ในใจ...........แต่จะมามัวนั่งทำหน้าอมทุกข์ให้คนอื่นต้องพลอยหมดสนุกไปด้วย ก็คงเห็นแก่ตัวมากไปสักหน่อย......ผมจึงพยายามทำตัวให้เนียนไปตามบรรยากาศอันครื้นเครงของงานปาร์ตี้อย่างเสียไม่ได้...............เบียร์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกยกกระดกผ่านลำคอราวกับน้ำเปล่า..............ได้เบียร์เย็นๆสมองค่อยปลอดโปร่งขึ้นมาหน่อย.............ยิ่งดึกใบหน้าผมก็ยิ่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มระรื่น โดยที่ไม่ต้องเสแสร้งให้เมื่อยเหมือนเมื่อหัวค่ำอีกต่อไป............

                         ตอนนี้ผมก็ยังเข้าหน้าเพื่อนสาวไม่ค่อยติดเท่าไหร่..............ไม่รู้ว่าหล่อนจะเคืองเรื่องเมื่อตอนกลางวันมากน้อยแค่ไหน.................ถึงอย่างไร โดยรวมหล่อนก็ยังดูปกติดี ไม่ได้มีวาจาท่าทีกระแทกกระทั้นให้ผมต้องรู้สึกสะท้อนสะท้านหัวใจ..........แต่ไอ้ความรู้สึกผิดที่ว่านั้น มันไม่จำเป็นต้องให้ใครมานั่งสาธยายว่ากล่าวให้เปลืองน้ำลายเปลืองแรง............หากแต่มันรู้สึกสำนึกได้เองภายในใจ.................ราวกับว่ามันแปะหราที่หน้าผาก คอยประจานตามติดไปกับเราทุกอิริยาบถกระนั้น........
                         “พรุ่งนี้แกจะไปแต่งหน้ากี่โมง” ผมกระแซะเข้าไปถามเพื่อนรักเมื่อสบโอกาส….
                        “ตีสาม.........แกไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวชั้นให้พี่แจงไปส่งให้ก็ได้” เพื่อนสาวออกตัว........เพราะรู้ว่า การตื่นตีสามในคืนที่มีอากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..........โดยเฉพาะกับคนที่ดื่มเบียร์จนตาหวานเยิ้มอย่างผมขณะนี้............
                        “เฮ่ย......ไม่เป็นไรหรอก............อากาศหนาวจะตาย จะปล่อยให้แกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์พี่แจงไปได้ยังไง..........อีกอย่างแต่งหน้าทำผมมาสวยๆ โดนลมตี เดี๋ยวก็ได้เป็นยายเพิ้งกันพอดี” ผมให้เหตุผลซึ่งเพื่อนก็มีท่าทีคล้อยตาม........แต่ที่ไม่อยากรบกวนคงเพราะว่ายังเคืองผมเรื่องเมื่อตอนกลางวันแน่ๆ (คิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย) ............ถึงยังไงผมก็จะไม่ยอมใจดำปล่อยเพื่อนซ้อนรถมอเตอร์ไซด์โต้ลมหนาวไปแต่งหน้าตอนตีสามแน่ๆ...........
                       “อืม........ถ้าแกตื่นไหวก็โอเค” ในที่สุดเพื่อนสาวก็หายโกรธยอมรับความช่วยเหลือจนได้
                       “อ้อ....มีอีกอย่าง พรุ่งนี้แกไปช่วยเทคแคร์ญาติให้ฉันหน่อยนะ..........ช่วงที่ฉันเข้าหอประชุมแกก็ช่วยพาเค้าไปกินข้าวกินปลาหน่อยก็แล้วกัน”...........ได้คืบจะเอาศอกเชียวนะแก.........อิอิ........
                      “ได้สิ....สบายอยู่แล้ว” ผมยิ้มรับ.........ผมรู้ว่าถ้าถึงคราวผมรับปริญญาบ้าง.........เพื่อนๆทุกคนจะต้องมาคอยตามพะนอ เติมแป้ง ซับเหงื่อ....ถ่ายภาพกันให้วุ่น........ที่ผมทำให้เพื่อนแค่นี้มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ..........หวังใจเหลือเกินว่าการทำความดีไถ่โทษคราวนี้คงจะทำให้เพื่อนหายเคืองไปได้บ้างนะ..........

                        ตกดึกอากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ...........กับแกล้มก็เริ่มหร่อยหรอลงไปตามขนาดของหน้าท้องของพวกเราที่เริ่มยื่นขยาย...........กลุ่มสนทนาเริ่มตีวงแคบเข้ามา กลายเป็นทอล์คโชว์ขนาดย่อม........นำทีมโดยน้องพรและพี่แจง.........ผมขยับเข้ามายืนใกล้ๆ คอยทำหน้าที่เป็นลูกคู่ให้ทั้งสองฝ่าย เพื่อการสร้างความครื้นเครง
                        “ทำไมแกไม่พาแฟนแกมาด้วยยยยยยย...... ฉันอยากจะขอบคุณเค๊า” พี่แจงเปิดประเด็นซักน้องพรลิ้นรัว เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์........หล่อนเป็นสาวก๋ากั๋น.........มักพูดจาตึงตังแต่เรียกเสียงฮาจากคนอื่นๆได้เสมอ............
                        “เค้ามาไม่ได้..........เค้าติดธุระ........เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องถึงจะพามาเปิดตัว” น้องพรลอยหน้าตอบโต้........ท่าทางสะบัดสะบิ้ง
                        “แล้วเจ๊จะไปขอบคุณเค้าเรื่องอะไร จะหลอกกินแฟนน้องล่ะสิไม่ว่า” ผมสอดขึ้นมา ทำท่าพยักเพยิดไปทางน้องพร.......เพื่อให้ทอล์คโชว์จำเป็นไหลลื่นไม่ติดขัด...........
                       “แกจะบ๊าเหรอนังกั๊งงงงงงง.......เจ๊แค่จะไปขอบคุณเค้า ที่ทำให้น้องเจ๊มีความสุขขขขข” เจ๊แจงยังไหลลื่นไปได้ ตามประสาคนแก่แต้ม.........
                       “ทำไมไม่ไปขอบคุณแฟนพี่กั้งบ้างล่ะ พี่กั้งก็มีแฟนนะ มีก่อนน้องอีก” น้องพรทำท่านินทาเสียงดัง ปากยื่นปากยาว..........ทุกคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว
                       “แฟนมีแฟนก็ต้องมา ถ้าแฟนไม่มา แปลว่าแฟนไม่มี อิอิ” ผมหยิบเอามุขเฉิ่มๆมาใช้ เพื่อเอาตัวรอด ก่อนจะแกล้งเดินเลี่ยงออกมา ทำทีไปเข้าห้องน้ำ..........นี่เรามีแฟนจริงๆหรือเปล่าเนี่ย.........ผมรำพึงในใจ พลางขยับเสื้อกันหนาวให้กระชับยิ่งขึ้น........หนาวจัง.........ทำไมมันหนาวอย่างนี้..........หนาวไปจนถึงขั้วหัวใจเลย............

                         กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง...............เสียงนาฬิกาปลุกผู้ซื่อตรงดังเร่งเร้ามาจากโต๊ะหัวเตียง กระชากผมให้ลุกจากผ้าห่มอันแสนอุ่น...............ตีสาม...............ผมเหลือบตามองนาฬิกา ทำไมถึงง่วงอย่างนี้วะ...........ผมงัวเงียลุกขึ้นหาเสื้อผ้ามาสวม.......ใส่อะไรก็ได้มั้ง ไม่ต้องล้างหน้าหรอก........นี่มันตั้งตีสามแล้วจะมีใครมาสนใจดูใคร.........ผมแต่งตัวลวกๆก่อนจะผลุนผลันออกไปจากห้อง…………

                         “กั้ง ฉันดูดีหรือยัง” เพื่อนสาวหันมาถามความเห็น.............เรื่องความสวยความงามไม่ว่าใครก็ใครต่างต้องพิถีพิถันด้วยกันทั้งนั้น...............
                         “เติมตาอีกหน่อยดีมั้ย” ผมให้ความเห็น............ผมรู้ดีว่าความเห็นของผมไม่ได้มีอิทธิพลอะไรต่อการแต่งหน้าของเพื่อนมากมาย...........แต่มันเป็นการใส่ใจต่อกัน.........ซึ่งทำให้ผู้ได้รับมีความรู้สึกอบอุ่นใจที่มีเพื่อนรักคอยดูแล แบ่งเบาเรื่องเล็กน้อยๆออกไปจากอกบ้าง
                        “ไหนขยับมาซิ ฉันจะช่วยสวมครุยให้” ผมเอ่ยปากช่วยเหลือเมื่อเห็นเพื่อนหยิบชุดครุยขึ้นมาสวม............น่าปลื้มใจแทนเพื่อนจริงๆ หลังจากที่ทนลำบากตรากตรำมาตลอดชีวิต....ในที่สุดที่ประสบความสำเร็จซะที..............
                       “อะ.....นี่เงินขวัญถุงนะ ขอให้รวยๆนะเพื่อน” ผมชูธนบัตรใบแดงให้เพื่อนดู ก่อนจะสอดลงไปที่ฮู้ด............เป็นธรรมเนียมเพื่อให้บัณฑิตรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและเงินทอง.........แต่จริงๆแล้วก็เอาไว้ให้หยิบใช้นั่นแหล่ะ......เพราะเข้าหอประชุมรับพระราชทานใบปริญญาบัตรนั้นเค้าห้ามพกอะไรติดตัวโดยเฉพาะพวกโลหะต่างๆ........เผื่อเพื่อนออกมาจากหอประชุมแล้ว เกิดคอแห้งอยากดื่มน้ำแก้กระหายขึ้นมาจะได้มีตังเอาไว้ไปแลกเค้ากินกันตาย...........
   
 
                           “ฉันส่งแกลงตรงนี้นะ เดี๋ยวสายๆจะพาแม่แกมารอที่หน้าหอประชุม ถ้าแกออกมาแล้วมาหาฉันที่ต้นลั่นทมตรงนั้นนะ” ผมซักซ้อมความเข้าใจกับเพื่อนเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด............นี่ยังตีห้าอยู่ นอนต่ออีกสักหน่อยค่อยออกมารับคุณแม่ก็แล้วกัน..........ผมผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเมื่อหัวถึงหมอน เพราะความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ..........

                            เลยเที่ยงมาได้สักหน่อยแล้ว............ประเดี๋ยวบัณฑิตรอบแรกคงจะถูกปล่อยตัวออกมาเพื่อให้รอบบ่ายได้เข้าไปแทนที่............ผมยืนชะเง้อคอยมองหาเพื่อนสาวอยู่กับญาติๆของหล่อน โชคดีที่มีพี่แจงคอยเทคแคร์เป็นตัวหลัก ผมจึงเบาแรงไปได้เยอะ............แค่ยืนยิ้มและคอยทำเสียงอือๆออๆเวลามีใครซักถามก็พอ..............
                           “โทรศัพท์แน่ะกั้ง...........พี่แจงสะกิดบอก ในขณะที่ผมกำลังนั่งหน้าตูมเพราะความร้อน” อากาศที่นี่ก็ช่างแปลกเหลือหลาย...........กลางคืนหนาวจนเข้ากระดูก............แต่กลางวันกลับร้อนยังกับทะเลทราย..........
                          “ฮัลโหล พี่กั้ง.....อยู่ไหนน่ะ” นัทส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามสาย...........วันนี้ไปอารมณ์ดีมาจากไหนนะ
                          “พี่อยู่หน้าหอประชุม รอเพื่อนอยู่” ผมบอก.....สงสัยจะมาเรียกไปกินข้าวแน่ๆ
                          “วันนี้นัทอยากเลี้ยงข้าวพี่กั้ง”...............เฮ้ย............วันนี้มาแปลกว่ะ..........อารมณ์ไหนเนี่ย จะเลี้ยงข้าวเลี้ยงปลา.........ปกติเห็นใช้เงินประหยัดจะตาย.........
                          “ถ้าพี่เสร็จธุระแล้วจะโทรหาละกัน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”...........ทำไงดีล่ะ..........จะทำท่าร้อนรน ตัดช่องน้อยชิ่งหนีไป คงจะดูไม่ดีแน่..........อย่างน้อยๆก็ควรต้องรอให้เค้าถ่ายรูปและสนทนาพาทีกันจนเป็นที่พอใจก่อน.........สบช่องเมื่อไหร่ค่อยขอตัวลา..........แบบนี้คงดูไม่น่าเกลียด..........
 
                         นั่นไงหล่อนมาโน่นแล้ว...............เพื่อนสาวของผมเดินยิ้มแต้นำหน้าคนอื่นๆมาลิ่วๆ...............ผมโบกมือเรียกหล่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นร้อนรนเหลือหลาย.........ผมไม่กล้าบอกหล่อนหรอกว่ามีนัดต่อ..........จึงคิดจะอดทนรอให้มีการสลายตัวไปกันเองแล้วค่อยชิ่งจะดีกว่า..............แล้วนัทจะรอจนโมโหหิวมั้ยเนี่ย.........
                        “เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปหน้าคณะเภสัชกันดีกว่า คนไม่เยอะดี” พี่แจงเสนอความเห็น.........ทุกคนคล้อยตามไม่มีปากเสียง.............คณะของเราจึงบ่ายหน้าไปในทิศของคณะเภสัชอย่างช้าๆ เนื่องจากระหว่างทางมีจุดให้แวะถ่ายรูปมากมาย............ผมเดินหลบมุมไปตามร่มไม้รายทาง ปล่อยให้คนอื่นๆถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน...........ในใจนั้นอยากจะฝืนเข้าไปร่วมวงให้เป็นที่ครื้นเครง.........ไม่อยากทำตัวเป็นคนขวางโลกแบบนี้..............แต่อากาศก็ช่างแสนร้อน............อีกทั้งผมเองก็ไม่ชอบการถ่ายรูปเอาซะเลย.............จึงจนใจที่จะฝืนความรู้สึกของตัวเองไปได้.........

                         หลังจากที่ทุกคนถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว...........เพื่อนสาวจึงหันมาเอยปากชวนให้ไปกินข้าวกันต่อกับครอบครัวของเธอ...........โดยมารยาทผมควรจะไป..........แต่...
                         “แก........ฉันขอตัวนะ พอดีแฟนฉันมันให้ไปรับน่ะ” ผมบอกเพื่อนเสียงอ่อย..........ในใจนั้นนึกภาวนาขอให้เพื่อนเห็นใจในความพยายามของผมบ้าง.............ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว..........ไม่ใช่ว่าไม่รักเพื่อน..........แต่นัทกับผมจะไม่ได้เจอกันอีกตั้งสองหรือสามสัปดาห์...........ผมไม่อยากพลาดโอกาสที่จะอยู่กับเค้า...........ผมมีความจำเป็นจริงๆนี่...........
                         “อืมไม่เป็นไร เอาไว้ฉันจะโทรหาล่ะกัน” ..........เสียงหล่อนดูสลดลงเล็กน้อย...........เมื่อก่อนเราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเงา..........จะทุกข์จะสุขก็มีเพื่อนอยู่คอยเคียงข้าง...........แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว.............ผมเปลี่ยนไป...........เพราะมีความรัก...............ความรักทำให้ผมเห็นแก่ตัว..........เห็นแก่ความรู้สึกของตัวเอง.............ไม่คิดถึงหัวอกเพื่อน............
                          “ขอโทษนะแก” ผมรำพึงในใจเบาๆ ก่อนจะเดินจากมา.........ถ้าเราได้เจอกันในภาวะที่ผมพร้อมมากกว่านี้.........เราสองคนคงได้มีโอกาสเรียกความรู้สึกดีๆของคืนวันเก่าๆกลับมาอีกครั้ง.......ไม่ว่าจะยังไงเพื่อนย่อมอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอ..........


                        “ทำไมมาช้าจัง” นัทบ่นกระปอดกระแปด
                         “เพิ่งแยกจากเพื่อนน่ะ รถติดน่าดูเลย” ผมหาข้ออ้าง...............เค้าจะรู้มั้ยนะว่าผมละทิ้งเพื่อนมาเพื่อเค้า...........จะรู้มั้ยว่าเค้าสำคัญกับผมมากแค่ไหน..........ถ้าเค้ารู้แล้วเค้าจะรักผมมากกว่านี้มั้ยนะ........
                       “ว่าแต่ว่าวันนี้นึกยังไงอยากจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะ” ผมแกล้งกระเซ้า...........ค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย..........นี่ล่ะหนาเขาถึงว่า พอได้เจอหน้าคนที่เรารัก ความทุกข์ในใจก็พลันมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง........
                        “ก็ไม่มีอะไร นัทแค่อยากเลี้ยงพี่กั้งเฉยๆ” เค้าบอกอายๆ.........นัทนี่ก็อายเป็นเหมือนกันนะ......ปกติเห็นชอบทำหน้าง้ำหน้างอเป็นจวัก............ถ้าเค้าทำตัวเป็นเด็กดีแบบนี้ตลอด ผมคงโชคดีมากที่ได้เค้ามาเป็นแฟน.......นัทไม่ใช่คนเจ้าชู้.........ไม่ชอบเที่ยว ไม่ดื่ม ไม่ทำเรื่องนอกลู่นอกทางให้ต้องหนักใจ.........เว้นแต่......เค้าไม่ยอมรับการใช้ชีวิตรักแบบเกย์.........ซึ่งผมยังคิดหาหนทางออกไม่เจอในตอนนี้ว่าจะเปลี่ยนทัศนะคติเค้าได้ยังไง................คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจที่ผมมีต่อเค้า........ถ้าไม่โชคร้ายจนเกินไป ผมอาจทำสำเร็จ..........ผมเดิมขอพันด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่ทุมเทเพื่อนัทมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันจนถึงปัจจุบัน............และอนาคตที่จะมาถึง.........ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวก็ตาม..............

                       “อยากกินอะไรล่ะ” ผมถามความเห็น...........ปกตินัทก็เป็นคนกำหนดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว........นานๆเค้าถึงจะตามใจผมสักที..............
                      “กินอาหารอินเดียแล้วกัน เดี๋ยวนัทจะบอกทางให้ ตอนนี้พี่กั้งขับรถไปแถวๆไนท์บาซาร์ก่อน” .........ผมพยักหน้าหงึกหงัก.............ผมไม่ชอบกินอาหารอินเดียเลย...........เผ็ดเครื่องเทศ........แต่ในเมื่อเค้าชอบ..............ผมก็จะกิน.........ขอให้เค้ามีความสุขและรักผมมากๆก็พอ...............

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #229 เมื่อ: 28-06-2007 09:32:53 »





ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #230 เมื่อ28-06-2007 09:56:51 »

 :เฮ้อ: หวังว่าคงกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขนะ

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #231 เมื่อ28-06-2007 11:55:02 »

แล้วก้อหวังว่าจะไม่แจ๊คพอต เจอเพื่อนๆพอดีนะ     :sad3: :sad3: :sad3:

noombanban

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #232 เมื่อ28-06-2007 18:40:05 »

ถ้าผมพยายามได้เพียงครึ่งของคุณ กั้ง ผมคงมีแฟนไปแล้วหลายคนเนอะ

แต่ผมมันนิสัยเสีย.....เลยต้องโสดดดดอีกต่อปายยย

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #233 เมื่อ28-06-2007 18:52:13 »

ก็รักเค้าไปแล้วนี่ครับ.........ก็ต้องทำให้ดีที่สุดอ่ะ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #234 เมื่อ29-06-2007 02:12:24 »

เคยเจอแบบเพื่อนคุณกั๊ง คือเพื่อนเค้าเลิกนัดเราเพื่ออยู่กะแฟน

ตอนแรกๆก็น้อยใจมาก พอมันเลิกกะแฟน   :laugh3:

มันก็กลับมาให้เราด่า  :laugh:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #235 เมื่อ29-06-2007 08:33:11 »

                          นัทสั่งอาหารสำหรับเราหลายอย่างจนดูน่าตกใจ...........วันนี้ใจป้ำจังเว้ย............ผมแอบคิดในใจ.........ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่มีนิสัยอยากได้ใคร่ดีในของของคนอื่น.........เรื่องที่จะให้แฟนมาเลี้ยงมาจ่ายให้ ผมไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอะไรนักหนา..............หากแต่ครั้งนี้ผมอดไม่ได้จริงๆที่จะรู้สึกภูมิใจ...........ก็มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ..........บางทีเค้าก็อาจจะดูแลผมได้เหมือนกันนะ............
                        “จะกลับน่านวันไหนอ่ะ” ...........ผมยิงคำถาม หลังจากที่เลื่อนจานไปรับอาหารที่นัทตักให้...........ปกติเค้าไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้หรอก...........มันแล้วแต่อารมณ์เค้าอ่ะ
                        “วันอาทิตย์ นัทว่าจะเอาคอมไปใช้ด้วย คราวที่แล้วไม่ได้เอาไป ทำงานไม่สะดวกเลย” .........น่านจากที่นี่ ถือได้ว่าไกลเอาเรื่องพอสมควร................แม้จะเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคเหนือเหมือนเชียงใหม่ แต่ก็ตั้งอยู่คนละขอบของภาคเหนือ..............รวมๆระยะเวลาขับรถส่วนตัวแล้วคงราวๆ ห้า ชั่วโมงได้.........
                        “แล้วจะไปยังไงล่ะ” ผมนึกเป็นห่วง เนื่องจากข้าวของพะรุงพะรัง คงเดินทางด้วยรถขนส่งมวลชนไม่สะดวก.............
                       “ก็ นั่งรถบัสไป”...............ว่าแล้วเชียว................แต่เค้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีเดือดร้อน.......คงจะนั่งบ่อยจนเคยชิน...........
                       “ให้พี่ไปส่งมั้ยล่ะ พอดีพี่ว่าจะไปเก็บตัวอย่างที่น่านอยู่เหมือนกัน”............ผมโกหกครึ่งหนึ่ง และพูดความจริงครึ่งหนึ่ง..................ความจริงคือผมต้องไปเก็บพืชบางชนิดที่จังหวัดน่านน่าน ซึ่งปีที่แล้วผมเคยไปเก็บมาหนหนึ่งแล้วจากดอยภูคา..........ตอนนั้นผมกับนัทยังไม่ทันได้รู้จักกัน............แต่โชคไม่เข้าข้างผมเท่าไหร่ เพราะผมไปเจอว่าดอกของมันร่วงโรยไปมากแล้ว.................ผมจึงได้ตัวอย่างมาแบบไม่ได้อย่างใจนัก...............จึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องไปเก็บใหม่อีกรอบที่สองให้จงได้.............เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุด..............
                          สิ่งที่โกหกก็คือ...............เดือนมกรานั้นค่อนข้างจะเร็วเกินไปสำหรับการออกไปเก็บดอกที่กำลังบานพอดี..................อย่างน้อยๆควรจะเป็นสักประมาณปลายกุมภาพันธ์ หรือมีนาคมถึงจะเหมาะสม........แต่ผมอยากไปส่งนัท.............ไม่อยากให้เค้าลำบากเดินทาง.................และผมก็อยากหาเรื่องไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายสมองบ้าง น่าจะเป็นการดี..................
                          “น่านตั้งไกล...........ค่าน้ำมันคงแพง...............เดี๋ยวนัทจะออกให้แล้วกัน” ............นัทแสดงท่าทีเกรงอกเกรงใจ จึงขันอาสาออกค่าน้ำมันรถให้เอง.................ปกติเค้าจะไม่ค่อยยอมรับความช่วยเหลือเรื่องเงินทองจากผม...............เว้นแต่ว่าจะยอมให้เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำบ้างเป็นครั้งคราว ตามประสาคนเป็นแฟนกันเท่านั้น.................
                           “ไม่เป็นไรหรอก........พี่เบิกค่าน้ำมันได้” ผมอ้างว่าเบิกค่าน้ำมันได้.............แต่จริงๆแล้วมันก็เบิกได้นั่นแหล่ะ.............แต่เป็นการเบิกที่ไม่ได้งาน..............เพราะในใจผมนั้นรู้ดีว่าผมคงเก็บดอกของเจ้าพืชต้นนั้นไม่ได้แน่ๆ..............

                          “ถ้างั้น นัทจะเป็นคนจ่ายค่าข้าวระหว่างเดินทางละกัน” นัทยังขันอาสาแสดงความรับผิดชอบต่อการเดินทางกำมะลอ.............ที่เค้าไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว ผมอุปโลกน์มันขึ้นเพื่อเค้าโดยเฉพาะ..............
                         “โอเค งั้นก็ตามนั้นแล้วกัน” .............ผมตกลงรับปาก..............แค่เค้าแสดงความรับผิดชอบอะไรออกมาบ้าง.........แค่นี้ผมก็ปลื้มใจมากพอแล้ว.............
                         “พี่กั้ง นัทต้องไปถึงที่น่านเที่ยงพอดีนะ เดี๋ยวอาจารย์จะมานิเทศน์อ่ะ” .............เอาล่ะสิ............เจอโจทย์ยากซะแล้ว...............ผมอุตส่าห์กะเอาไว้ว่า พอไปถึงน่านแล้วจะให้เค้าไปเดินป่าเป็นเพื่อนช่วยเก็บตัวอย่างบ้าง.............แต่ถ้าเราทำเวลาไม่ทัน............ผมก็ต้องไปเดินป่าเอง............แล้วมันจะดีตรงไหนเนี่ย..............
                         “นัทอยากไปเดินเที่ยวป่ากับพี่กั้งด้วย เราออกแต่เช้าๆก็น่าจะดีนะ”...........นัทแสดงท่าทางว่าอยากจะร่วมกิจกรรมเที่ยวป่ากับผมด้วย............แต่มันติดที่เงื่อนไขบ้าๆนั่น............แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ...........ออกจากเชียงใหม่ตั้งแต่หกทุ่มเลยหรือไง...........ไม่ไหวมั้ง...........
                         “เอางี้แล้วกัน ถ้าไปทัน นัทก็ไปเดินป่ากับพี่ แต่ถ้าไปไม่ทันพี่ก็ไปเดินเองก็ได้” ..................ทำไมต้องมีโจทย์ให้แก้ตลอดเลยวะ...........มันจะลงตัวแบบง่ายๆไม่ได้หรือยังไง


                            ผมกลับมานั่งวิตกที่ห้องแลปถึงเรื่องการเดินทางไปน่านในวันต่อมา.............จริงๆแล้วผมเคยขับรถทางไกลคนเดียวมาบ้างแล้ว................แต่ว่าทั้งนี้ควรจะต้องมีใครสักคน นั่งมาเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาระหว่างทางบ้าง........ตั้งห้าชั่วโมง ในตอนขากลับคงจะเป็นเวลาค่ำมืดพอดี.............ขับรถกลับมาคนเดียวตอนกลางคืนบนเขาคงไม่อุ่นใจเท่าไหร่..................แล้วใครจะเป็นเหยื่อของผมล่ะ................ใครๆเค้าก็ยุ่งเรื่องงานของตัวเองทั้งนั้น..............การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาตั้งวันหนึ่งเต็มๆ.....................ผมจะชวนใครดี...........


                          “มอลลี่วันจันทร์ไปเที่ยวน่านกับพี่มั้ย” ผมเจอเหยื่อรายแรก เมื่อมอลลี่เดินเข้ามานั่งที่ห้องแลป.............
                          “เอาสิ....พี่กั้งจะไปทำไมเหรอ” .............ทำไมมันง่ายอย่างนี้อ่ะ...............สวรรค์โปรดแท้ๆ...
                            “อ๋อ....พี่จะไปเก็บตัวอย่างน่ะ แล้วว่าจะเลยไปส่งนัทด้วย”............ผมจำเป็นต้องโกหกอีกแล้ว...............มอลลี่จะต้องสงสัยเมื่อเราไปถึงต้นไม้เจ้ากรรมนั่น แล้วพบว่ามันยังไม่ทันได้ออกดอก............แต่ผมหาทางออกเอาไว้แล้ว............ผมจะบอกเธอว่า
                           “พี่กะเวลาผิด”...........แค่นี้เธอก็คงจะไม่สงสัยแล้วล่ะ...............ก็ใครมันจะไปล่วงรู้ฟ้าดินว่าไอ้ต้นไม้นั่นมันจะออกดอกแน่ๆนอนๆเมื่อไหร่...............อย่างเก่งก็กะๆเดาๆก็เท่านั้นแหล่ะ...........


                       ผมไปรับนัทมานอนที่ห้องในตอนเย็น...............เค้าขนข้าวของมาพะรุงพะรังเต็มไปหมด...........พอรู้ว่าผมจะไปส่งก็ขนมาเต็มที่เชียวนะ.............
                      “พี่กั้งตื่นตีสามนะ” นัทกำชับกำหนดการณ์...............กลัวแต่จะไปไม่ทันอาจารย์มานิเทศน์อยู่นั่นแหล่ะ................ดูซิ....แทนที่จะไปแบบสบายๆ ก็ต้องมาสร้างเงื่อนไขให้ลำบากกันไปเป็นทิวแถว......
                      “รู้แล้วน่า...........นัทก็คอยปลุกพี่ดีๆก็แล้วกัน..........ถ้าพี่ตื่นสาย เราก็ได้ไปสายนะ” ผมแกล้งแหย่ให้เค้าวิตกเล่น..................การมีอำนาจต่อรองมันสนุกอย่างนี้นี่เอง...............โดยเฉพาะถ้าเรามีอำนาจเหนือกว่า................แต่ผมก็ทำเพราะเอ็นดูนั่นแหล่ะ............ไม่ได้คิดจะทำให้เค้ากังวลใจอะไรมากมาย…….

                       ผมนอนไม่ค่อยหลับเลย..........นัทก็มัวแต่ดูทีวี.............ก็แน่ล่ะสิ..........เค้าไม่ได้ต้องขับรถนี่..........พอขึ้นรถก็หลับปุ๋ยไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้ว...............แต่ผมน่ะสิ..............ถ้านอนไม่พอ............ผมจะไม่หลับในหรือยังไง............การที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นมันเป็นความหนักใจมากจริงๆ.....
                      “ปิดไฟนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีกนะ” ผมผงกหัวขึ้นร้องบอก..........เพราะนอนไม่หลับ.............การที่ต้องแชร์ชีวิตกับคนอื่น รวมไปถึงการแชร์ห้องนอน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับคนที่นอนคนเดียวมาตลอดชีวิตอย่างผม.............แค่เพียงเค้าขยับตัวนิดหน่อย........ผมก็ตื่นซะแล้ว............ไหนจะต้องมาคอยกังวลไม่ให้เราดูอุบาทว์ในเวลาหลับ (เพราะผมต้องดูดีตลอดต่อหน้าเค้า) ก็เหนื่อยยากพอแรงแล้ว..............
                          “พี่กั้งนอนไปเหอะ.....เดี๋ยวนัทก็นอนเองแหล่ะ”.............เค้าหันมาทำท่าดื้อใส่............ผมจึงพลิกตัวลงไปนอนอีกครั้ง.............เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ...........ถ้ามีคนคอยรับผิดชอบอะไรแทนเป็นอันต้องโยนภาระให้ตลอด ไม่รู้จักโตซะที...........เฮ้อ...........

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #236 เมื่อ29-06-2007 14:47:16 »


.............รักไป.....เหนื่อยไป........ o16 o16

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #237 เมื่อ29-06-2007 16:42:47 »

ทำเป็นมาบ่น

แต่ก็ชอบใช่ไหมหละ

อิอิ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #238 เมื่อ29-06-2007 23:04:15 »

 :เฮ้อ: เหนื่อยมั๊ยสิ่งที่เธอทำอยู่  :m2:  :m2:  :m2:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #239 เมื่อ02-07-2007 09:08:39 »

                         อากาศคืนนี้เย็นจังเลย..........ผมพลิกตัว กระชับผ้าห่มให้แนบชิดลำตัวมากยิ่งขึ้น อยากจะนอนสบายๆแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก...........ผมเหนื่อยสะสมมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่พิธีพระราชทานปริญญาบัตรได้เริ่มต้นขึ้น.........เหนื่อยทั้งกายและหนักทั้งใจ............ตอนนี้ผมสมควรจะได้พักผ่อนบ้าง.........

                         ผมยังคงนอนหลับตา ทั้งๆที่อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น.........ปล่อยใจหวนระลึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา.........เมื่อคืนนี้นัทนอนกอดผมด้วย.........ไม่น่าเชื่อ..........ไม่ว่าเค้าจะมีเจตนาที่จะกระทำแบบนั้นหรือไม่ก็ตาม แต่มันหมายถึงแนวโน้มที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน..........ถึงแม้เค้าอาจจะทำไปเพราะขาดสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ เนื่องจากมันเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ......แต่ก็ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน.............เริ่มต้นจากการต่างคนต่างนอนในระยะแรกของการคบกัน............การปฏิเสธไม่ยอมให้ผมกอด........ตามมาด้วยการยินยอมให้กอด.........และการเข้ามากอดผมด้วยตัวของเค้าเองในที่สุด.............แม้จะเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมาในขณะหลับไหล..........แต่ก็นับได้ว่า เค้าเริ่มลดการต่อต้านผมลงทีละน้อย............

                           ตั้งแต่เราคบหากันมา.....ผมคอยจับตาเฝ้าดูพฤติกรรมของนัทมาโดยตลอด.........แม้ผมจะเป็นคนที่มีความอดทนสูงในการรอคอยและทนรองรับพฤติกรรมแย่ๆต่างๆของเค้า...........แต่หากความรักของเราไม่มีพัฒนาการให้เห็นเป็นที่น่าพอใจเอาซะเลย ผมเชื่อแน่ว่า คนอย่างผมย่อมจะละทิ้งไปโดยไม่เหลียวแลได้ง่ายๆเช่นกัน..........แต่ตราบใดที่ยังมีพัฒนาการให้เห็นทีละน้อยนิดเรื่อยๆแบบนี้...........ผมก็จะยังคงอดทนรอคอย และเพียรพยายามต่อไป.........สิ่งที่ได้มาง่าย ย่อมสูญเสียไปได้ง่าย..............บางทีการพยายามในสิ่งที่ยากของผมอาจจะให้ผลคุ้มค่าในตอนท้ายก็ได้.......

                           เปลือกตาของผมสัมผัสถึงแสงสว่างจากหลอดไฟ............ในขณะที่หูสัมผัสถึงการเคลื่อนไหว.............เค้าคงจะตื่นและกำลังจัดการธุระส่วนตัวอยู่.............แต่ผมจะไม่ยอมตื่นง่ายๆหรอก............จะแกล้งทำเป็นนอนไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้แหล่ะ..........เปลี่ยนกันดื้อบ้างก็น่าจะยุติธรรมดี.........

                            “พี่กั้งตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะไปไม่ทันนะ” นัทปลุกผมเสียงเร่งเร้า..........ฮึ.........ผมแอบยิ้มในใจ..........ถ้าไม่ยอมตื่นจะมีอะไรมั้ย..........
                            “ตื่นเร็วๆ ตื่นๆ” นัทกระชากผ้าห่มออกไปจากตัวผม พลางเขย่าตัวแรงๆ..............โอย.....ตื่นก็ได้.........ทีอย่างนี้ล่ะรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบดีนัก.............ทีเรื่องของคนอื่นล่ะก็ ทำเป็นเพิกเฉยไม่นำพา...........จะหัดรู้จักนึกถึงจิตใจคนอื่นเค้าบ้างมั้ย................
                            “อ่ะๆ....ตื่นแล้วๆ........ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหนกันนักหนา” ผมบ่นอุบ............ก่อนจะเดินงัวเงียไปเข้าห้องน้ำ
                            “ก็นัทกลัวไปไม่ทันอาจารย์มานิเทศนี่” เสียงนัทบ่นไล่หลังมา ก่อนที่ผมจะปิดประตูห้องน้ำดังโครม..............

                             เรามาถึงที่บ้านมอลลี่ตามเวลานัด..............ผมยังอยู่ในสภาพงัวเงียอยู่เลย...........ก็คนวัยกำลังกินกำลังนอนนี่นะ ให้มาตื่นผิดเวลาแบบนี้ มันก็ต้องมีอืดอาดบ้างแหล่ะน่า..........
                             ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท.............โชคดีที่วันนี้หมอกลงไม่จัดนัก...............แม้จะง่วงนอนแต่ผมก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้โดยสารที่ผมรักทั้งสองคน..........คนหนึ่งเป็นน้องสาวที่รัก.............ส่วนอีกคนเป็นยอดดวงใจ.....อิอิ.....
                              มอลลี่หลับไปแล้วที่เบาะหลัง............แต่นัทยังไม่มีท่าทีจะยอมหลับง่ายๆ............เค้าพยายามหาเรื่องมาชวนคุยไปเรื่อยๆ คงเพราะกลัวผมหลับใน..........หึ.........กลัวตายเป็นเหมือนกันเหรอ.......
                              เราคุยเรื่องสัพเพเหระตามแต่จะนึกได้...........ผมรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่มาส่งนัทในวันนี้..........อย่างน้อยๆมันก็ทำให้เราได้เข้าถึงกันได้มากขึ้น............ใจคนไม่ใช่ก้อนหิน..........ถ้าผมรักและทำดีกับเค้า ทำไมเค้าจะสัมผัสถึงมันไม่ได้............นัทเริ่มเป็นฝ่ายเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟังบ้าง........แสดงว่าเค้าเริ่มที่จะไว้ใจในตัวผมมากขึ้นแล้ว.......

                            “พ่อนัทไปทำงานที่ต่างประเทศตั้งแต่นัทยังเด็ก นัทจึงไม่สนิทกับเค้าเลย” ว่าแล้วเชียว.........ตามตำราคนเป็นเกย์เปี๊ยบเลย.........ถ้าไม่โดนเลี้ยงให้เป็นเด็กผู้หญิง ก็ต้องห่างเหินจากพ่อ............ผมนิ่งเงียบตั้งใจฟังและหาจังหวะคอยซักถามบ้างเป็นระยะ............เค้าอาจจะอยากระบายอะไรบางอย่างออกมาก็ได้........
                            “ตอนเด็กๆ นัทโตมากับพี่เลี้ยง เค้าเลี้ยงนัทมาแบบเด็กผู้หญิง”..........อืมไม่แปลกหรอก............เพราะโดยมากเกย์มักจะห่างเหินกับพ่อมาตั้งแต่วัยเด็กหรือไม่ก็ถูกเลี้ยงแบบเด็กผู้หญิง..........ผมคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไรออกมา.............
                            “แล้วแม่นัทไปไหนล่ะ”.........ผมซักต่อ พยายามจะหว่านล้อมให้เค้าพูดในสิ่งที่อยากระบาย..........ผมอยากให้เค้าไว้ใจผม............และแบ่งปันเรื่องที่ไม่สบายใจให้ฟังในแบบของคนที่เป็นแฟนกันพึงกระทำ............ผมอยากจะแบ่งเบาปัญหาและความเศร้าในวัยเด็กของเค้า..........รับฟังและคอยปลอบประโลมให้เค้ารู้สึกมั่นใจและเข้มแข็ง.......
                            “แม่ไปหาพ่อบ่อยๆ คอยไปเยี่ยมและก็เอาของจากเมืองไทยไปขายที่โน่นด้วย” .......แล้วเค้าโตมายังไงกันนี่........ชีวิตคงลำบากน่าดู...........เด็กในวัยนั้นคงจะรู้สึกเคว้งคว้างไม่น้อยเลย........ที่คนในครอบครัวไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา..........ขนาดพ่อแม่ผมไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดสองสามวัน ผมยังแอบร้องไห้วันละตั้งหลายหน........
                            “แล้วพ่อนัททำงานอะไรที่นั่น” ผมคิดเอาไว้ในใจว่าคงไม่ใช่งานที่สบายนัก..........
                            “ก็ทำงานพวกก่อสร้าง.........แต่ว่าพ่อนัทเป็นหัวหน้าคนงานนะ เพราะว่าพ่อพูดภาษาจีนได้” นัทรีบออกตัว คงเพราะคิดว่าผมจะดูแคลนที่พ่อเค้าทำงานไม่หรูหรามีหน้ามีตาตามค่านิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคม..........ยอดดวงใจของพี่...........ต่อให้นายเป็นลูกของยาจกเข็ญใจพี่ก็ไม่ได้นึกรังเกียจแต่อย่างใด............ตรงกันข้าม.............หากนายเป็นลูกคนรวยมีเงินทองล้นเหลือ............พี่อาจจะไม่ชอบเธอก็ได้..........ผมไม่ชอบตีค่าคนที่เงินหรือชาติตระกูล...........การที่ได้พบคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองต่างหากที่ผมถวิลหา............ไม่ใช่คนร่ำรวย..........
                             “ตอนเด็กๆ ชีวิตนัทลำบากมาก นัทเคยเขียนเรียงความเกี่ยวกับครอบครัวและได้ออกไปอ่านที่หน้าชั้นเรียนด้วย”
                              นัทหยุดเล่าไปชั่วขณะ..........ก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองสองข้างทางที่มีแต่ความมืดในยามรัตติกาล............ผมเหลือบไปมองอย่างห่วงใย...........ใจนึกอยากจะหาคำพูดมาปลอบ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา...........ผมปล่อยให้เค้าล่องลอยไปสู่อดีตอันแสนเศร้า.............ไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะแต่อย่างใด..........แม้อดีตบางอย่างจะทำให้เราเจ็บปวด แต่เราไม่ควรที่จะหลีกหนีและทำเป็นลืมมันไป.........เพราะยิ่งเราทำเป็นลืมมันก็ยิ่งเด่นชัด จนยากที่จะเยียวยา...........เพราะฉะนั้นเราจึงควรที่จะหันกลับมาเผชิญหน้าและอยู่กับมันให้ได้อย่างสันติ.........

                               “ตอนนั้นนัทอ่านไปแล้วก็ร้องไห้ไป จนคุณครูร้องไห้ตาม”...........เสียงนัทดังแผ่วเบาเหมือนลอยมาจากที่ไกลแสนไกล...........ผมรู้สึกหนาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก............นัทหันกลับมามองผมด้วยสีหน้านัทเรียบเฉย..........เค้าดูแตกต่างจากนัทที่ผมรู้จัก.........ชีวิตคนเราต่างก็มีมุมที่เศร้าเหมือนกันทั้งนั้น...........แต่น้อยคนนักที่จะยอมเปิดเผยมันออกมาให้คนอื่นได้รับรู้..........ผมแอบลอบถอนหายใจ............ในวัยเด็กเค้าคงหว้าเหว่และก็ต้องการความรักมาก..........
                              “ตอนนี้พ่อกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว นัทไม่ค่อยได้คุยกับเค้าเท่าไหร่ รู้สึกไม่สนิทเหมือนแม่ แต่นัทก็ไม่อยากให้เค้ากลับไปทำงานที่โน่นอีกแล้ว นัทอยากให้เค้าอยู่บ้าน”  .........ผมคิดว่า ความจริงเค้าคงโหยหาความรักจากพ่อมาก...........แต่ไม่รู้วิธีที่จะแสดงความรัก...........แถมยังขาดความมั่นใจที่จะแสดงออกความรักออกมาด้วย...........จึงไม่แปลกเลยที่เค้าจะดูเป็นคนที่ดูแข็งกระด้าง..........เค้าต้องการความรักจากผม...........แต่เค้ากลับแสดงท่าต่อต้านการแสดงความรักของผมในทุกๆรูปแบบ.............ผมคิดว่าเค้ายังมีปมอะไรลึกๆอีกมากที่ผมยังสะสางไม่ออก..............การพยายามเข้าใจความเป็นตัวเค้ามันไม่ง่ายอย่างที่เคยคิดเอาไว้แต่แรกซะแล้ว.....

                             
                               แสงสีเหลืองทาบทาที่เส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก...........ในขณะที่พลังในกายผมกลับถดถอยลงเรื่อยๆเนื่องจากความเพลีย...........
                             “หนาวจัง” นัทบ่น ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบเอาผ้าห่มจากระเป๋าออกมา...........ผมเหลือบมองผ้าห่มสีตุ่นๆ.............นี่เค้าซักบ้างหรือเปล่าเนี่ย.............
                             “พี่ก็หนาวเหมือนกันนะ” ผมว่า พลางทำท่าตัวสั่นให้ดูสมจริง..........นัทมองค้อนแว่บหนึ่งแล้วแบ่งผ้าห่มมาทางผมบ้าง...............ผมค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มควานไปเรื่อยๆ..........ก่อนจะไปหยุดนิ่งและกุมที่ไอ้นั่นของเค้าเอาไว้..............อิอิ........
                             “เดี๋ยวพี่มอลลี่ก็เห็นหรอก” นัทเอ็ดเบาๆ.............แต่ผมไม่สนใจ............ซ้ำยังคลึงให้หนักมือมากขึ้นกว่าเดิม.............นัททำหน้าระอาแต่ก็ไม่ว่ากระไร
                            อันที่จริงผมไม่ใช่คนหมกหมุ่นในเรื่องโลกีย์อะไรนักหนา...........เพียงแต่ว่ายิ่งเค้าต่อต้านผมก็ยิ่งพยายามที่จะเอาชนะ..............ผมชอบเวลาที่เค้าแสดงท่าไม่พอใจในเวลาที่ผมคอยเกาะแกะ....มันเป็นความสนุกอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก..................ไม่ชอบให้ทำ แต่ไม่หนีไปไหน.........จะให้แปลว่าอะไรล่ะ..............ยอมรับซะทีเถอะ...............ว่าจริงๆแล้วชอบ.......

                        เรามาถึงตัวเมืองน่านเกือบสิบโมง..............คะเนตามเวลาแล้วนัทคงไม่ได้ไปเดินป่ากับผมแล้ว..............แต่ก็ช่างมันเถอะ.............ก็มันจำเป็นนี่นะ..........
                        “เราหาที่กินข้าวแถวนี้กันเถอะ” นัทเสนอ..........
                        “มอลลี่ตื่นได้แล้ว” ผมหันไปปลุก............ในใจนั้นนึกระแวงว่าเธอจะแอบได้ยินได้เห็นอะไรบ้างมั้ยนะ...........แต่ก็ช่างมันเถอะ..........เธอน่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ดีอยู่แล้ว...............

                       หลังจากที่ขับรถวนหาจนทั่วเมืองเราจึงมาหยุดที่ร้านเล็กๆร้านหนึ่ง
                      “เดี๋ยวนัทเลี้ยงเองนะมื้อนี้” นัทประกาศ...........ผมแอบลอบยิ้มให้มอลลี่........นัทไม่อยากให้เธอมองว่าผมเป็นคนคอยเลี้ยงคอยจ่าย..........ทั้งๆที่บางทีไม่มีตัง..........นัทก็ต้องออกเองเวลาที่เราไปกินข้าวด้วยกัน.........
                     “เดี๋ยวเค้าจะคิดว่านัทให้พี่กั้งเลี้ยง” ..........นัทแอบมากระซิบผมในภายหลัง.........กลัวเสียหน้า..........หึหึ

                     อาหารมื้อเที่ยงผ่านไปอย่างชื่นมื่น............มอลลี่เป็นคนสนิทของผมที่เข้ากับนัทได้ดีมากที่สุด.........นัทจะไม่ค่อยชอบเพื่อนเกย์คนอื่นๆของผมเลย...........คงเพราะเกย์มักมักมีพิษสงเยอะแยะ......คอยจิกกัด กระแนะกระแหนให้ต้องรำคาญใจกระมัง............ต่างจากมอลลี่ที่ดูเย็นตา สบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้.........อีกทั้งนัทยังมีปัญหาเรื่องไม่ยอมรับการเป็นเกย์ของตัวเอง..........แต่ผมก็ไม่เคยคาดหวังว่าเราต้องควงกันจี๋จ๋าให้ใครต่อใครอิจฉาเล่นหรืออะไรเทือกนั้น.............แค่เค้ายอมรับในตัวผม............เท่านั้นก็คงมากเกินพอแล้ว...........

                        หลังอาหารเที่ยงเราจึงขับรถบ่ายหน้าไปยังอำเภอที่นัทฝึกงาน.........ผมเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าคงต้องปล่อยเค้าไปตามทางเมื่อไปถึงจุดหมาย...........ในขณะที่ผมกับมอลลี่ก็คงต้องจากไปอีกทางหนึ่ง.............เมื่อถึงเวลาอะไรต่ออะไรก็คงต้องไปตามทางแบบนี้กระมัง...........เฮ้อ............กลุ้ม...........ไม่อยากจะคิดให้ปวดหัวเลย................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด