ตอนที่ 11 {ผมชอบเสือครับ} นานแล้วที่ไม่ได้ตื่นมารับอากาศเย็นสบายและความวุ่นวายยามเช้า
สัปดาห์หน้าก็จะสิ้นปีแล้ว งานที่กำลังจะจบดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี ผมไม่ได้รับโทรศัพท์จากกวินซักครั้ง นั่นก็เป็นเครื่องการันตีแล้วว่าเจ้าตัวมีความสามารถมากพอที่จะทำทุกอย่างแทนผมได้
ถามว่าผมโกรธมั้ย โกรธนะ โกรธมากๆ เลยด้วย โกรธที่มันดูถูกความสามารถของตัวเองด้วยการใช้วิธีสกปรกกำจัดผม
ถึงผมจะรู้จักมันไม่ดีพอแต่เท่าที่ได้ทำงานร่วมกันผมสัมผัสได้ว่ากวินไม่ใช่คนเลวโดยสันดาน เพราะฉะนั้นต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ
แล้วคนนั้นคือใครกันล่ะ
นี่แหละคือโจทย์ที่ผมต้องหาคำตอบให้ได้
“พี่เสือ มาด้วยเหรอคะ”
น้องดาวเป็นคนแรกที่เข้ามาทักทายเมื่อผมเดินตรงไปยังรถบัสที่จอดรออยู่หน้าตึก
“แน่นอนสิ เดี๋ยวปีหน้าพี่ก็กลับมาทำงานละ”
“ดีใจจังเลยค่ะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏชัดอย่างที่บอกได้เลยว่าเธอรู้สึกดีมากแค่ไหน
ผมเพียงยิ้มตอบจังหวะเดียวกับที่ไอ้ผู้จัดการในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดเดินเข้ามาหา ยื่นมือข้างหนึ่งมาตรงหน้าเพื่อขอกระเป๋า
ผมเบะปากใส่ นี่เสือครับ แมนๆ ไม่ต้องเทคแคร์ กูดูแลตัวเองได้
ไอ้เอิ้นไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระในตอนที่ผมเดินผ่านมันไปยังประตูรถที่เปิดอยู่ มันไม่ได้ตื๊ออย่างที่คาดทำเพียงเดินตามขึ้นมาบนรถเงียบๆ
ผมตกใจเลยเมื่อเพียงก้าวเข้าไปบนรถเสียงความครึกครื้นก็ดังขึ้น ทุกคนหันมาทักทายต้อนรับผมอย่างเป็นกันเอง
ซึ้งเลย ปลื้มปริ่มจนน้ำตาจะไหล
ผมหันไปทักทายพี่ปัทก่อนแล้วจึงค่อยทักทายคนอื่นๆ ไปตลอดทางเดินสู่เบาะนั่ง การกระทำเยี่ยงส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้ง ถ้ามีพวงมาลัยคล้องคอนี่ใช่ยิ่งกว่าใช่ซะอีก
“กูนั่งนี่ได้มั้ย” ถามไปอย่างนั้นแล้วอาศัยช่วงที่ไอ้กวินตกใจทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
ไอ้เอิ้นยืนอยู่ข้างเบาะไม่ยอมเดินไปไหน ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองมันไม่พูดอะไรแต่อ่านจากสีหน้ามันคงกำลังบอกว่า ‘แล้วเอิ้นล่ะเสือไม่นั่งกับเอิ้นเหรอ’ อะไรประมาณนั้น
“ยืนทำไมไปหาที่นั่งดิ”
ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปชวนอดีตน้องรักคุย ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบมันสักหน่อยถึงแม้ว่าตอนนี้หน้ามันจะเหมือนคนอมทุกข์ก็ตาม
“หมอนั่นชมมึงตลอดเลย” ผมแทนชื่อไอเอิ้นด้วยการมองแผ่นผลังที่กำลังห่างออกไป
“ไม่ยักรู้แต่ก็คงไม่ถูกชมเท่าพี่เสือ”
“แน่นอนอยู่แล้วแต่พี่จะบอกอะไรให้นะวินการแข่งขันที่ส่งผลดีต่อตัวเองที่สุดคือการแข่งกับจิตใจตัวเอง”
“ครับ” ตอบผมสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็ชิ่งหลับไปเลย
ไม่เนียน ยิ่งเห็นแบบนี้ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าหากกวินเป็นคนทำเรื่องนี้จริงมันไม่ได้ทำคนเดียวได้แน่ๆ
รถบัสวิ่งไปเรื่อยๆ บนโทลเวย์ที่พาเราออกนอกเมือง เสียงเพลงฟังสบายๆ ขับกล่อมให้ความอ่อนเพลียแผลงฤทธิ์หนังตาเริ่มหน่วงๆ แล้วสุดท้ายมันก็ปิดลง
“พี่เสือ” ยังไม่ทันหลับสนิทเสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นให้สะดุ้งตื่น
ใบหน้าสวยหวานของน้องดาวอยู่ใกล้ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรผมก็ถูกลากออกไปยืนข้างหน้าซะแล้ว
เสียงปรบมือทำให้ผมตื่นเต็มตา
“อะไรกัน” ผมลูบท้ายทอยแก้เก้อเมื่อเดาสถานการณ์ไม่ถูก
“พวกเราทุกคนคิดถึงพี่เสือนะคะ” เสียงหวานดึงความสนใจให้ผมหันไปสบกับดวงตากลมโตของคนข้างๆ
“อย่างน้อยก็น่าจะมีพี่ปิ่นที่คงสบายใจเมื่อไม่มีผม”
“คุณเสือใจร้ายทำไมพูดกับพี่อย่างนั้นล่ะคะ” พี่ประชาสัมพันธ์ที่ถูกผมกล่าวถึงกระโดดลุกจากเบาะราวกับที่นั่งนั้นร้อนจัด เธอถามเสียงดังน้ำเสียงไม่ได้โกรธเคืองแต่ออกแนวตัดพ้อซะมากกว่า
“ไม่มีผมก็ไม่มีใครมาสาย พี่ปิ่นก็ไม่ต้องเก็บรายชื่อคนมาสายแล้ว และพอไม่มีผมก็ไม่มีสาวๆ ซื้อกาแฟมาฝากขยะก็ลดลง ความวุ่นวายก็ไม่มีให้ปวดหัว สบายจะตาย”
“สบายอะไรกันคะ พอคุณเสือไม่อยู่คุณอัคคีก็ฮอตขึ้นมาทันทีเลยค่ะ สาวๆ แวะเวียนเอาขนมมาฝากมากกว่าคุณเสืออีกค่ะ”
เสียงหัวเราะครืนๆ ราวกับปืนกลที่กำลังรัวใส่ร่างผมจนพรุน
เสียหน้าชะมัด และเมื่อมองไปยังไอ้คนฮอตกว่าที่มองผมอยู่ก่อนแล้วก็ได้แต่ตั้งคำถามว่ามันมีอะไรดีกว่าผมวะ
หน้าตาก็งั้นๆ รูปร่างก็…ทบทวนดูแล้วก็ใช้ได้นิดนึง หน้าท้องแน่น ขายาว ผิวขาว ยิ่งสาธยายก็ยิ่งเหมือนชมมันเลยว่ะ ฐานะเหรอไม่รู้ว่ะ อย่างน้อยๆ ด้วยตำแหน่งงานแล้วเงินเดือนที่ได้รับก็น่าจะมากกว่าผมหลายบาท
รวมๆ แล้วกูด้อยกว่าเห็นๆ
“อย่าหายไปไหนอีกนะคะ ฮอตประมาณคุณเสือกำลังดีค่ะ พี่รับมือไหวแต่ระดับคุณอัคคีนี่ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ”
เกือบจะดีแล้วเชียวถ้าไม่ย้ำว่าไอ้เอิ้นฮอตกว่าผมอะนะ
สาวๆ ตึกนี้แม่ง เสือหายหน้าไปไม่กี่เดือนนารีเป็นอื่นซะแล้ว
“มึงกลับมาก็ดีแล้วช่วงนี่ชีวิตกูขาดหนัง” พอคุณปิ่นนั่งลงไอ้วิทแผนกไอทีก็โพล่งขึ้นมาและหนังที่มันว่าก็หมายถึงหนังอย่างว่านั่นแหละ
“มึงเป็นไอทีไม่มีปัญญาโหลดเองรึไงไอ้ห่า”
“ไม่มีเพื่อนแดกเบียร์”
“กูเห็นมึงเช็คอินร้านเหล้าไม่ก็ลานเบียร์ทุกวันศุกร์อย่าตอแหล”
“ไม่มีใครแบ่งขนมกูเลย”
“ก้มดูพุงตัวเองก่อน ล้ำหน้ายิ่งกว่านมน้องมาอิแล้วครับ หุบปากเหอะไอ้ไอทีขี้กาก”
“ไม่มีใครกล้าด่ากูเหมือนพี่เสือ มามะมากอดที”
ผมเดินตรงไปยังเบาะยาวด้านหลังแล้วทิ้งตัวลงบนพุงของไอ้วิท เด้งดึ๋งอย่างกับพุดดิ้งแน่ะ
ผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองสำคัญกับคนอื่นมากแค่ไหน กระทั่งตอนนี้ หากถามอีกครั้งว่าข้อดีของการถูกพักงานคืออะไร นอกจากนอนได้เต็มอิ่มแล้วยังทำให้คนอื่นคิดถึงผมมากๆ ด้วย
นั่งทะเลาะกับพวกเบาะยาวกระทั่งหลับไป นี่ล่ะมั้งที่มาของสุภาษิตที่ว่าพูดจนลิงหลับ เปล่าผมไม่ใช่ลิง ผมเสือเว้ยเป็นเสือต้องหลับทีหลังคนอื่นอยู่แล้ว
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนรถแวะปั๊มน้ำมันให้เข้าห้องน้ำ
นั่งรถนานมาก ว่าแล้วก็นึกได้ว่าลืมถามไอ้คุณอัคคีว่าเราจะไปเอาท์ติ้งที่ไหนกัน
“ไหวมั้ย” ผมละสายตาจากกระจกตรงหน้าห้องน้ำมองหน้าคนข้างๆ ที่กำลังล้างมือ
“เราจะไปไหนกันวะ”
“คนอื่นไปทะเลแต่เอิ้นจะพาเสือไปสวรรค์”
“แล้วมึงจะได้เห็นนรก” ว่าแล้วก็สะบัดมือที่มีหยดน้ำเกาะพราวใส่หน้ามันด้วยความหมั่นไส้
ไอ้เอิ้นหัวเราะ จับมือผมแล้วใช้เสื้อยืดราคาแพงเช็ดให้
ถามว่าซึ้งมั้ย – นิดนึงมั้ง
“เสือกินอะไรมั้ย”
“ฟรี?”
หัวเราะเฉยเลย ถามก็ตอบสิวะถ้าไม่ตอบผมจะติ๊ต่างว่ามันเลี้ยงแล้วนะ
“โอเคมึงเลี้ยงถ้างั้นซื้ออะไรอร่อยๆ มากระแทกปากหน่อย”
“เอาแบบที่นุ่มๆ หวานๆ ดีมั้ย”
“อะไรวะ” ผมถามไม่ได้ต้องการคำตอบแล้วจึงว่าต่อ “อะไรก็ช่างเถอะแค่กูไม่ต้องเสียตังค์ก็พอแล้ว”
“ไปซื้อด้วยกันสิ”
“ไม่เอา ขี้เกียจ”
ปฏิเสธแล้วชิ่งแม่ง ป้องกันการเหนี่ยวรั้งที่อาจจะทำให้ผมถูกมองว่าใจร้าย
จำได้ว่าไอ้เอิ้นนั่งแถวหลังๆ ลองกวาดสายตามองแล้วเห็นเสื้อคลุมมันวางอยู่จึงเดินตรงไป แต่สายตากลับสะดุดเข้ากับอดีตน้องรักของผมที่กำลังนั่งกดมือถืออย่างจริงจัง
“ไม่ลงไปเข้าห้องน้ำเหรอมึง”
“เรียบร้อยแล้วพี่” มันตอบสั้นๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วคว่ำหน้าจอมือถือลงคล้ายกับบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่าเสือก
สงสัยผมคงจะติดนิสัยขี้เสือกมาจากไอ้เอิ้นตอนที่จูบกับมันล่ะมั้ง
แล้วทำไมต้องคิดถึงวะ
“มีแฟนเหรอวะ”
“ห๊ะ!!” มันเงยหน้ามองผมพลางอ้าปากเด๋อๆ แล้วก้มหน้ามองมือถืออีกครั้ง “เปล่าพี่ ฟงแฟนอะไร”
“ท่าทางมีพิรุธนะมึงอะ” ผมแสร้งมองด้วยสายตาจับผิดยื่นมือไปทำเหมือนจะฉกมือถือมาให้ไอ้วินรีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
“พี่เสือ!!” ครั้งแรกเลยมั้งที่มันกล้าชึ้นเสียงกับผม
ท่าทางของกวินทำให้มั่นใจเลยว่าโทรศัพท์มือถือนั้นคือกุญแจสำคัญในการไขข้อข้องใจนี้
“พี่ล้อเล่นน่ามึงก็รู้ว่าพี่ไม่ขี้เสือกขนาดนั้น”
ตบไหล่ไอ้กวินปุๆ ยกยิ้มเหมือนพี่ชายใจดีก่อนจะกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะคู่ที่ไอ้เอิ้นเคยนั่งคนเดียว
หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมยังไม่จบไอ้คนไปช๊อปของกินก็โผล่หัวมาพร้อมกับของพะรุงพะรังให้ต้องเอ่ยถาม
“ซื้อมาทำไมเยอะแยะวะ”
“แบ่งคนอื่นๆ ด้วยไง”
“พ่อพระ” แซวมันแล้วจึงช่วยมันแจกขนมพอแจกเสร็จรถออกเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง
“เข้าไปสิ”
“หืม” ไอ้เอิ้นทำหน้างงเหมือนหมาหลงทางตอนที่ผมพยักเพยิดให้มันเข้าไปนั่งติดหน้าต่าง
“ถ้ามึงไม่ได้นั่งข้างหน้าต่างมึงจะเมารถไม่ใช่เหรอ”
“จำได้ด้วย” พอได้คำตอบก็ฉีกยิ้มจนหน้าบานแทบจะรับสัญญาณจากนอกโลกได้เชียว
“กูจำได้ทุกเรื่องที่มึงดูไม่เท่”
“ไม่เป็นไรแค่เสือจำได้เอิ้นก็ดีใจแล้ว”
ถึงผมจะพูดไม่ดีรอยยิ้มบนใบหน้าของมันก็ยังไม่หายไปอยู่ดี
“หรือมึงจะยืน”
“นั่งครับนั่ง แต่ไม่นั่งติดหน้าต่างก็ได้เอิ้นไม่เมารถแล้ว”
“แล้วแต่” ผมว่าก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเบาะติดหน้าต่าง “ถ้าคิดว่าที่ทำเนี่ยมันดูเท่ล่ะก็บอกไว้ก่อนว่ามึงคิดผิด”
“ยังไม่ได้คิดเลยเสือแหละคิดว่าเอิ้นเท่มากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ”
ยัดเยียดความคิดให้ผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“แล้วอย่าอ้วกใส่กูล่ะ”
“ถ้าอ้วกก็ไม่เท่สิ” ว่าแล้วก็ไหวไหล่ เท่ตายล่ะไอ้ขี้เก๊ก พอมีสาวๆ เอาขนมมาให้ที่ออฟฟิศหน่อยทำเป็นทำตัวเหนือชั้น โธ่ ผมนี่ 5 ปีซ้อนยังไม่โม้เลย
“มึงคิดว่าสาวๆ ชั้นไหนสวยสุดวะ”
“อะไร” ไอ้เอิ้นสายตาจากถุงร้านสะดวกซื้อ “สาวๆ อะไร”
ถามจบก็ก้มหน้าแกะซองอะไรสักอย่างเสียงดังก๊อกแก๊ก
“ก็ที่ซื้อขนมมาฝากไง”
“ไม่มีนะ” แกะซองพลาสติกสำเร็จพอดี
“ไม่มีอะไรพี่ประชาสัมพันธ์ก็บอกอยู่ว่ามี”
“เอิ้นหมายถึงไม่มีใครสวยเท่าเสืออีกแล้ว”
แก้มที่ร้อนผ่าวถูกความเย็นจากผ้าเย็นในมือไอ้เอิ้นสัมผัสแผ่วเบา
“ตาก็สวย”
ดวงตาคู่คมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายพิเศษจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผมซึ่งมั่นใจมากกว่ามันกำลังสั่นไหว
บ้าเนอะ
“จมูกก็สวย”
ผ้าชื้นๆ แตะที่ปลายจมูก
“ปาก…” คราวนี้อวัยวะบนใบหน้าที่ถูกกล่าวถึงถูกจับจ้อง ไอ้เอิ้นเลียริมฝีปากตนเอง ให้ผมรู้สึกว่าลำคอตัวเองแห้งผาก “ก็น่าจูบ”
“ห่า”
ด่ามันสั้นๆ ก่อนจะถูกสัมผัสด้วยนิ้วโป้งของอีกฝ่าย ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องคลี่ผ้าเย็นในมือออกแล้วใช้มันปิดหน้าตัวเองไว้
ฉิบหายละหัวใจหน้าร้อนเป็นไฟ
“เออ แล้วไหนขนมกู” พอสงบจิตสงบใจด้วยผ้าเย็นได้แล้วก็นึกได้ว่ามันบอกจะซื้อของกินมาเผื่อผม
เงียบเชียวนะมึง ไม่ใช่ว่าแจกคนอื่นไปหมดแล้วหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะบีบคอมันแล้วจับหัวกระแทกกระจกรถแม่งเลย
“ไอ้ที่นุ่มๆ หวานๆ อะนะ” ปั้นหน้าไม่น่าไว้ใจอีกแล้วถึงกระนั้นผมก็พยักหน้า
“จะนุ่มๆ หวานๆ หรือกรอบๆ เค็มๆ แข็งๆ ก็เอามาเถอะ”
“ถ้าจะเอาทั้งหมดนั่นเอิ้นไม่มีหรอกนะ”
“มึงนี่ลีลาชะมัดแจกคนอื่นไปหมดแล้วก็บอกไม่ต้องมาเฉไฉ”
“อันนี้ให้คนอื่นไม่ได้หรอกมันเป็นของเสือ”
“ของกูงั้นก็เอามาสิ” ผมพลิกตัวเพื่อหันไปทะเลาะกับมันจริงจังถ้าลีลาอีกคราวนี้จะฟาดหน้าด้วยหลังแหวนจริงๆ ด้วย
นั่นไงมองหน้าผมด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกหวิวๆ ในช่องอกอีกแล้วและก็เพิ่งสังเกตว่าไอ้เอิ้นแม่งชอบเลียริมฝีปากฉิบหาย
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ อีกสิ”
กระดิกนิ้วเรียกขณะกดสายตาลงมองริมฝีปากผม
อ๋อเข้าใจแล้ว เสือไม่โง่ไง ไอ้ที่มันบอกว่านุ่มๆ หวานๆ นั่นทั้งยังบอกอีกว่าให้คนอื่นไม่ได้เพราะเป็นของผมคนเดียวน่าจะหมายถึงปากมันแน่ๆ เลยว่ะ
โหยไอ้คนหมกมุ่นในกามารมย์
“มึงก็ขยับเข้ามาเองสิ”
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้อย่างไม่ลังเล ผมเองก็ยื่นมือไปวางลงบนท้ายทอยของมัน ลูบไล้เมื่อความห่างค่อยๆ ขยับเข้ามาชิดจนได้กลิ่นยาสีฟันจากลมหายใจจางๆ
“รู้เหรอว่าของหวานที่เอิ้นว่ามันคืออะไร”
ผมพยักหน้า
“กินตรงนี้ไม่ได้หรอกนะ” เกลียดเสียงพร่าๆ ของแม่งฉิบหาย
“กูก็ไม่ได้จะกินซักหน่อย”
ผมคว้าหมับเข้าที่เส้นผมตรงท้ายทอย กระชากแรงๆ ให้ไอ้เอิ้นร้องเสียงดัง
“เสือ!! เอิ้นเจ็บ”
“ถูกแล้วไงกูตั้งใจทำให้มึงเจ็บ”
“เสือ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เสียงพี่ปัทร้องห้ามดังจากที่ไหนสักแห่งให้มือที่ทึ้งหัวให้เอิ้นหยุดชะงักลง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาทุกคู่จับจ้องที่เราหากมองแบบเสือโลกสวยก็คงมองตั้งแต่ไอ้เอิ้นเริ่มร้องแรกแหกกระเชิงล่ะมั้ง
ใช่แหละต้องใช่ตอนนั้นแน่ๆ
ผมยิ้มแห้งๆ มองพี่ปัทแล้วจึงค่อยๆ ปล่อยมือ ถึงปากพี่ปัทจะไม่ได้เอิ้นเอ่ยคำหยาบคายแต่สายตาพี่แกฆ่าผมได้เลยล่ะ
“พี่เสือกับคุณอัคคีนี่สนิทกันจังเลยนะคะ”
ผมมองคนพูดที่มองหน้าพวกเราสลับกันด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ
“ไม่ได้สนิท”
“ถ้าแบบนี้เรียกไม่สนิทแบบพวกเราคงเรียกว่าคนไม่รู้จักแล้วล่ะค่ะ”
กูจะเกลียดอีน้องดาวก็วันนี้
“เสือไม่ค่อยอยากสนิทกับผมเท่าไหร่หรอกครับแต่ผมอยากสนิทกับเสือนะ”
“ปกติพี่เสือสนิทกับคนง่ายจะตายค่ะ” ทำเป็นรู้จักผมดีอีก ในสายตาคนอื่นผมดูเข้ากับคนง่ายขนาดนั้นเชียวหรือวะ
“งั้นเหรอครับ”
“บางทีพี่เสือก็ชอบหว่านเสน่ห์ค่ะ ใครๆ ก็ชอบพี่เสือ ตอนที่หนูเจอพี่เสือครั้งแรกยังแอบหลงเลย ติดที่มีแฟนแล้วก็เลยไม่จีบ”
“ดีแล้วที่ไม่จีบเพราะพี่ไม่อยากหักอกน้องดาว”
ผมพูดแทรกให้คนที่เพิ่งสารภาพความรู้สึกกับผมหันมาค้อนใส่
“เสือไม่หว่านเสน่ห์ผมก็ชอบเสือนะ”
ตายซะเถอะกู เล่นสารภาพว่าชอบกันท่ามกลางมวลมหาประชาชนแบบนี้เอาปืนมายิงกูเลย ยิงกูให้ตายไปเล้ย
▲▼▲▼▲▼
เห็นทีผมคงได้ไปสวรรค์กับไอ้เอิ้นจริงๆ แล้วล่ะ
“เตียงนุ่มจัง” มัดมือชกคว้ากระเป๋าของผมเข้ามาในห้องพักแล้วก็ทิ้งตัวนอนแผ่สามสลึงลงบนเตียงนอนแบบเดี่ยว
อยากจะกระโดดตามขึ้นไปกระทืบแม่งให้ไส้แตก
“แล้วมีแพลนทำอะไรกันบ้างวะ”
“พักผ่อนไง” ผงกศีรษะขึ้นมาตอบแล้วขยิบตา เท่ตายล่ะ
ผมเบะปากใส่แล้วตั้งใจเดินผ่านมันไปที่ระเบียงมองจากตรงนี้ยังเห็นทะเลลิบๆ
ที่พักของเราครั้งนี้เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ความสูง 3 ชั้นแต่หรูมากทีเดียว พวกเราทุกคนพักที่ชั้น 3 บริเวณชั้น 2 มีสระว่ายน้ำ ที่แน่นอนว่าเมื่อมองออกไปจะเห็นทะเลอันกว้างใหญ่
ก็ดีนะกำลังอยากว่ายน้ำพอดี
ผมกลับเข้ามาในห้องรื้อกระเป๋าหากางเกงว่ายน้ำแต่…
ไม่มี!! กางเกงว่ายน้ำผมไปไหนวะ
“มีอะไรหรือเปล่า”
คงเห็นผมทำหน้ายุ่งรื้อข้าวของกระจุยกระจายไอ้เอิ้นจึงลุกขึ้นเดินเข้ามาถาม
“ไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำมาว่ะ”
“ยืมของเอิ้นมั้ย” ว่าแล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางมาเปิดไม่ต้องรื้อให้ยุ่งยากก็ได้กางเกงว่ายน้ำมาส่งให้ผมคลี่ดู
“ตัวเล็กจังวะ” ผมว่าแล้วกดตาลงให้ตรงกับตำแหน่งกลางลำตัว “ลืมไปว่าของมึงเล็ก”
“เล็กหรือเปล่าไม่รู้แต่ที่รู้ๆ…” ไอ้เอิ้นโน้มลำตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงแผ่ว “ของเอิ้นก็เคยทำให้เสือมีความความสุขมาแล้ว”
“กูไม่ได้มีความสุข” ผมผลักอกมันแรงๆ แต่แทนที่จะโกรธแต่แม่งกลับหัวเราะชอบใจ
“แต่เสียงเสือคืนนั้นมันบอกเอิ้นว่าเสือมีความสุข”
หน้าร้อนไปหมดแล้วห่าเสือ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเถียงด้วย คืนนั้นกูเมาไงแล้วอีกอย่างช่วงนั้นงานยุ่งจนเวลาจะนอนยังไม่มีก็เลย ไม่มีเวลายุ่งกับส่วนนั้นเลยด้วย ผู้ชายอะพอไม่ได้ทำนานๆ มันก็อึดอัดป่ะวะแล้วพอมีคนมาปรนเปรอให้มันก็ยากที่จะห้ามใจ
ร้อนฉิบหาย ร้อนไปทั้งตัวทั้งหน้า ร้อนแบบนี่ต้องไปว่ายน้ำ
คิดได้ดังนั้นผมจึงพรวดพราดลุกขึ้นถอดเสื้อยืดออกจากตัว กำลังจะปลดกางเกงแต่เสียงหยอกเอินของไอ้เอิ้นก็เรียกใให้ผมหยุดทุกการกระทำ
“นี่เสือจะยั่วเอิ้นรึเปล่า”
“ยั่วห่าไรกูจะเปลี่ยนชุด”
“ตรงนี้อะนะ”
“แล้วมึงจะทำไม”
“อยากพิสูจน์ให้เสือเห็นว่าของเอิ้นไม่เล็ก”
“ไม่ต้องพิสูจน์หรอกดูกางเกงว่ายน้ำก็รู้แล้วว่ามึงน่ะเล็ก”
“ขี้ยั่วแล้วยังท้าทายอีกนะเราอะ”
ที่จริงผมเกิดก่อนไอ้เอิ้นนะถึงจะแค่วันเดียวแต่ผมก็อายุมากกว่าป่ะแล้วมันยังมีหน้ามาพูดเหมือนเอ็นดูผม
นี่พี่เสือครับอยากให้จำใส่ใจเอาไว้สักนิด
ผมเลือกที่จะไม่สนใจมันแล้วหันหลังปลดกางเกงถึงจะบอกว่ากางเกงว่ายน้ำมันเล็กแต่ผมดันใส่ได้พอดี
ผมไม่เล็กนะโว้ยกางเกงมันยืดได้ต่างหาก
“ใส่ได้ด้วย งั้นของเสือก็เล็กเหมือนกันน่ะสิ” เป็นไอ้คนพูดที่เดินอ้อมมาจ้องของผมตาเป็นมันลูบคาง ประหนึ่งกำลังพิจารณาสินค้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้ม
“ไม่เล็กโว้ย” ผมตะโกนใส่หน้าแม่งแล้วจึงคว้าเสื้อคลุมมาสวม
แอร์เสียรึเปล่าวะร้อนฉิบหาย
“ที่จริงของเสือก็ไม่เล็กหรอกแต่น่ารักมากๆ เลย”
สายตาวิบวับที่กดต่ำลงไปจ้องลูกชายผมทำให้ตัวผมร้อนเป็นไฟถึงแม้ว่าจะมีทั้งกางเกงว่ายน้ำและชุดคลุมปิดเอาไว้แต่ไอ้เอิ้นแม่งจ้องอย่างกับผมกำลังแก้ผ้าแน่ะ
โว้ย!! ร้อนร่างกายต้องการน้ำ
▲▼▲▼▲▼
คิดว่ามีแต่ผมที่ร่างกายต้องการน้ำ เมื่อลงมาถึงสระกลับพบกับสาวๆ ที่นั่งถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินที่ริมสระ
“พี่เสือถ่ายรูปกันค่ะ” ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา
ยืนนิ่งๆ เก๊กหล่อเมื่อเข้าร่วมเฟรม
“ถอดเสือคลุมออกด้วยสิคะ”
“ไม่ล่ะ โป๊”
“โป๊อะไรกันคะ ไม่โป๊หรอก ถอดเถอะค่ะ ถอดนะ” ตอนแรกก็มีแต่น้องดาวครับที่คะยั้นคะยอแต่ท้ายๆ ประโยคนี่มาทั้งกลุ่ม งุ้งงิ้งอย่างกับเสียงยุง
“แฟร์ๆ นะพี่ถอดพวกเราก็ถอด”
“พี่เสือทะลึ่ง ถอดอะไรกัน โป๊”
“อ้าว เมื่อกี้ยังบอกพี่เลยว่าไม่โป๊”
“มันไม่เหมือนกันนี่คะ พวกหนูมีหน้าอกแต่พี่เสือไม่มี”
“ผู้ชายก็มีหน้าอกครับเพียงแค่มันไม่นูนเด่นออกมาเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละค่ะมันแบนไงถึงบอกว่าไม่โป๊”
“งั้นเหรอครับถ้าน้องดาวถอดก็คงไม่โป๊หรอกมั้งเนอะ”
ผมยักคิ้วกวนให้เจ้าของชื่อแล้วรีบถอดเสื้อคลุมชิ่งลงสระก่อนเจ้าตัวจะคิดได้
ไม่นานเลยที่เสียงก่นด่าจะดังตามมา
บางทีผมก็คิดนะว่าน้องดาวควรจะยอมรับความจริงได้แล้วแบนก็ยอมรับว่าแบนดิวะ
▲▼▲▼▲▼
ผมดำผุดดำว่ายในสระน้ำที่ปราศจากผู้คน
ฟินเฟร่อ
น้ำเย็นๆ ในสระนี้นอกจากทำให้ร่างกายรู้สึกดีแล้วมันยังทำให้ใจผมเย็นลงมาก ความรู้สึกคล้ายกับตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งกับน้ำแหวกว่ายเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ
ผมไม่สนใจสิ่งรอบตัวด้วยซ้ำไม่รู้ด้วยว่าน้องดาวหยุดผรุสวาทคำร้ายกาจไปตั้งแต่เมื่อไหร่
กระทั่ง…
“คุณเอิ้น” ชื่อนั้นทำให้ผมหยุดแล้วหันมองชั่ววินาทีแต่ก็ยังบังเอิญสบตาราวกับคนที่เพิ่งมาใหม่จับจ้องผมอยู่ตลอดเวลา
เบื่อว่ะ มองอยู่ได้ รู้หรอกว่ามันหลงผมมากแต่หักห้ามใจบ้างก็ดี
“คุณเอิ้นถ่ายรูปกันค่ะ”
ไม่ต้องทำเป็นยิ้มละไม สาวๆ พวกนั้นก็ชวนทุกคนแหละมึงไม่ได้พิเศษ
“ไม่ดีกว่าครับผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูป”
“แหมมาเที่ยวทั้งที” เสียงสาวๆ บ่นอย่างแสนเสียดาย “หรือว่ากลัวใครเข้าใจผิดคะ” อีน้องดาว
“ไม่มีใครเข้าใจผิดหรอกครับ ใช่มั้ยเสือ”
เกี่ยวอะไรกับผม ร้องถามผมทำไม แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมหยุดว่ายน้ำแล้วมองดูการสนทนาริมสระ
“คุณเอิ้นกับพี่เสือนี่สนิทกันจังนะคะ”
ไอ้เอิ้นละสายตาจากผมที่ไม่ยอมตอบคำถามมันหันไปมองน้องดาวที่ย้ำจังว่าเราสองคนสนิทกัน บอกว่าไม่สนิทไงต้องให้บอกอีกซักกี่ครั้งว่ากูไม่สนิท
“ผมชอบเสือครับ”
กรี๊ด!
แล้วสาวๆ ครับพวกคุณจะกรี๊ดทำหอกอะไร มดกัดซอกขาหนีบเหรอ
ห่าตัวแช่อยู่ในน้ำแต่ทำไมหน้ากูร้อน ดำน้ำแม่ง
เชี่ย! ผีจับหัว
ดำน้ำอยู่ดีๆ ก็มีมือใครสักคนมาจับที่ศีรษะ ผมเตะขาป่ายมือไปทั่วพยายามพาร่างขึ้นเหนือน้ำ
จะตายในสระว่ายน้ำความลึก 1.5 เมตรไม่ได้นะ เสียชื่อเสือหมด
ฮึบ!
ผมพุ่งขึ้นเหนือน้ำ ผละห่างออกไปกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด
แม่ง! ไอ้เอิ้น
“มึงจะฆ่ากูรึไง”
“แค่จับหัวเอง”
“แค่จับหัวอะไรก็เห็นๆ อยู่ว่ามึงจับกูกดน้ำ”
“เอิ้นชอบเสือขนาดนี้เอิ้นจะทำแบบนั้นทำไม”
“มึงโกรธที่กูไม่ชอบมึงตอบไง”
“แน่ใจเหรอว่าไม่ชอบ”
“เออ” ตอบมันห้วนๆ แล้วว่ายน้ำห่างออกมาแต่ไอ้คนขี้ตื๊อก็ว่ายตาม
อยากแข่งใช่มั้ย ได้อยู่แล้ว อยู่บนบกผมเป็นเสือแต่รู้มั้ยว่าเมื่อลงน้ำผมแปลงร่างเป็นฉลามได้นะ
หมับ!
ฉลามถูกขี่หลังว่ะและตัวไอ้เอิ้นก็ไม่ใช่เบาๆ ริมฝีปากของผมเริ่มจมลงไปในน้ำต้องพยายามฝืนตัวเองไว้แล้วพยายามสะบัดมันให้หลุด
“มึงจะเอาไง จะจับกูกดน้ำให้ได้เลยใช่มั้ย”
“เอิ้นอยากผายปอด” กูจะจมน้ำตายเพราะฝีมือมึงอยู่แล้วยังมีหน้ามาตอบหน้าระรื่น
ลองถูกจับกดน้ำบ้างมั้ย
ผายปงผายปอดอะไรไม่ต่อยให้ก็บุญหัวมึงละ
“ขำมากมั้ยแต่กูไม่ขำ ลงไป”
ผมสะบัดแต่มันยิ่งเกาะผมแน่นแล้วก้มลงมากระซิบที่หู
“ที่จริงเอิ้นอยากจับเสือกดลงบนเตียงมากกว่าอีก” แค่พูดจาลวนลามก็โกรธแล้วนะ ขบเม้มใบหูด้วยนี่คิดว่าจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้มั้ย
บอกเลยว่าได้แต่ต้องถูกเสือตีก่อน
อาจเพราะความโมโหที่กำลังพุ่งปรี้ดผมจึงสามารถสะบัดให้เอิ้นออกจากหลังได้ง่ายๆ
ตู้ม!
เสียงวัตถุน้ำหนักราว 60 กว่าๆ กระแทกกับผิวน้ำ ผมไม่ให้โอกาสมันตั้งตัวรีบกระโจนเข้าไปคว้าคอแลัวจับแม่งกดน้ำซะ
ให้มันรู้ซึ้งถึงความทรมานที่ผมได้รับก่อนหน้านี้ซะบ้าง
“เสือ เอิ้นหายไม่ออก”
“ดี”
“จะตายแล้ว”
“ตายไปเลย”
“แล้วจะไม่เสียใจเหรอ”
เสียใจเหรอ ถ้ากูเสียใจก็คงไม่จับมึงกดน้ำหรอก
ผมมองหน้าไอ้เอิ้นตอนที่ดึงมันขึ้นจากผิวน้ำ ยิ้มเหี้ยมแบบเสือร้ายแล้วกดมันให้ดำดิ่งลงใต้ผิวน้ำอีกครั้ง
จังหวะที่กำลังวุ่นวายเสียงสาวๆ ที่จับกลุ่มกันรัวชัตเตอร์แบบมาราธอนก็ดังเข้าหู
“พี่เสือกับคุณเอิ้นเขาสนิทกันจังเลยเนอะ”
อีน้องดาวครับจะฆ่ากันตายอยู่แล้วยังมองว่าพวกกูสนิทกันอีกเหรอต้องโลกสวยขนาดไหน
‘ดาวไม่เข้าใจเสือ กูไม่สนิทกันโว้ย ไม่สนิท เข้าใจไหมดาว’
[- T B C -]ทศกัณฐ์หยอดขนมครก บางคนอาจจะบอกว่าไม่เหมาะสม
แต่คุณเอิ้นหยอดคุณเสือมันดีต่อใจจริงๆ ค่ะ มีใครเลี่ยนแล้วหรือยังคะ
อย่าเพิ่งเลี่ยนค่ะ หวานกันยาวๆ ไป เพราะตอนหน้าจะพากวินมาแล้ว
มาคอยดูกันว่าเรื่องกวินที่จริงแล้วจะใช่เขาหรือเปล่าที่เป็นคนใส่ร้ายพี่เสือ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ เราอ่านนะ อ่านทั้งหมดเลย
ฝากติดตามกันต่อไปด้วย
รัก
แจ๊ส