Update นิยายรูปเล่มเรื่อง "ทัณฑ์กามเทพ"
ราคาเล่มละ 430 บาท
ติดต่อ
www.facebook.com/Aislin.Napoon หรือ Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)
หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ
www.mebmarket.com(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)
***************************************************
พงศธรมาหานภัทรที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มถามพยาบาลประจำวอร์ดก็ได้ความว่าอีกฝ่ายไม่มีเวรตรวจคนไข้และกำลังอยู่ในห้องทำงาน พงศธรเอ่ยขอบคุณพยาบาลสาวคนนั้นก่อนจะรีบเดินไปทางห้องทำงานของนภัทรทันที
เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นคุณหมอหนุ่มกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านฟิล์มเอ็กเรย์ของคนไข้อยู่ ดูท่าคงยังไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้ว พงศธรถอนหายใจแรงก่อนจะแกล้งกระแอมเสียงดังเป็นเชิงให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมาของตน
“อ้าว ว่าไงไอ้พงษ์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นภัทรเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ พงศธรมองนภัทรที่ทำหน้านิ่งอย่างลังเลแต่สุดท้ายก็เอ่ย
“ไอ้โอมเพิ่งโทรมาบอกฉันว่าไอ้วินจะไปเมืองนอกวันนี้” สีหน้าของนภัทรก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป คุณหมอหนุ่มตอบเรียบๆ
“ฉันรู้แล้ว เมื่อวานวินมาหาฉัน” นภัทรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆแต่เจ้าตัวก็พยายามควบคุมไว้ พงศธรได้เห็นความเศร้า ที่ฉายสะท้อนออกมาจากดวงตาสีดำสนิทราวถ่านของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ
“ไอ้กานต์...” ในตอนนี้พงศธรพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มมองนภัทรอย่างเข้าใจความรู้สึก เขารู้ว่าความรักเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนของตนกำลังเจ็บปวดเพียงใดกับการต้องมองดูวิศรุตเดินจากไปโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” คำตอบสั้นๆนั้นไม่ได้ทำให้พงศธรเชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นความจริง
ก่อนที่พงศธรจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้น ประตูห้องทำงานของนภัทรก็ถูกเคาะ คุณหมอหนุ่มรีบปรับสีหน้าก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาได้
คนที่ก้าวเข้ามาในห้องก็คือศรารัตน์ หญิงสาวสบตาสีถ่านคู่นั้นด้วยแววตาสงบเยือกเย็นก่อนจะเอ่ยขึ้นว่าตนมีธุระที่อยากจะคุยกับนภัทรตอนนี้
“ถ้าอย่านั้นเดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอกก็แล้วกัน เชิญตามสบายนะครับ” ประโยคท้ายหันไปพูดกับศรารัตน์ก่อนที่พงศธรจะขอตัวออกไปรอด้านนอก
เมื่อในห้องเหลือเพียงแค่สองคน ศรารัตน์จึงพูดธุระของเธอทันทีอย่างไม่ต้องการเสียเวลา หญิงสาวเปิดประเด็นด้วยคำถามที่นภัทรเองก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาหาเขาเพราะเรื่องนี้
“หมอทราบใช่ไหมคะว่าวินจะไปอังกฤษวันนี้” นภัทรพยักหน้าแล้วบอกว่าตนรู้อยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้นหมอก็คงจะตอบคำถามของฉันได้”
“คำถามอะไรครับ” นภัทรเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ศรารัตน์จึงเอ่ยสิ่งที่ตนอยากรู้ออกมาช้าๆทว่าชัดเจน
“ฉันมาเพื่อถามว่าในเมื่อตอนนี้วินก็ไม่อยู่แล้ว หมอสามารถเปลี่ยนใจหันมารักฉันได้หรือเปล่าคะ” คำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้กลับทำให้นภัทรอึ้งไป ชายหนุ่มจึงย้อนถามกลับไปบ้าง
“แล้วทำไมคุณศราถึงถามแบบนั้นล่ะครับ”
“เพราะถ้าหมอตอบว่าได้ อย่างนั้นก็แสดงว่าการเสียสละจากไปของวินก็ได้ผล” ศรารัตน์สบตาคู่นั้นด้วยประกายตาเปิดเผยจริงใจ “แต่ถ้าหมอตอบว่าไม่... อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่วินจะต้องไป” นภัทรอุทานเสียงแผ่ว
“คุณศรา…”
“ว่าไงยังล่ะคะ คำตอบของหมอคืออะไรกันแน่” เมื่อเห็นว่านภัทรกำลังอ้ำอึ้ง หญิงสาวจึงพูดย้ำ “ตอบมาเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเสียใจ ได้โปรดตอบตามความรู้สึกที่แท้จริงของคุณหมอ” ศรารัตน์มองหน้าอีกฝ่ายก็นึกรู้ในใจแล้วว่าคำตอบมันคืออะไร แต่เธอก็อยากจะได้ยินจากปากของนภัทรให้ชัดๆ ทว่าคำพูดที่หลุดออกจากปากของคนตรงหน้าก็คือ
“ผมขอโทษ” ศรารัตน์ฝืนยิ้มให้คุณหมอหนุ่มก่อนจะบอกว่าวันนี้เธอได้เข้าใจทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าวิศรุตจะอยู่หรือว่าไป ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ก็ไม่มีวันจะเปลี่ยนใจมารักเธอได้อยู่ดี หญิงสาวสูดลมหายใจลึกพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่
“หมอไปตามวินกลับมาเถอะค่ะ เค้าเพิ่งไปสนามบินไม่นาน ถ้าหมอรีบไปอาจจะยังทัน” นภัทรมองศรารัตน์ด้วยความสับสน ตอนแรกเธอยังกีดกันความสัมพันธ์ระหว่างเขาและวิศรุตอยู่ลย ตอนนี้ทำไมท่าทีของเธอถึงเปลี่ยนไป ทำไมศรารัตน์ถึงบอกให้ตนไปตามวิศรุตกลับมา “รีบไปเถอะค่ะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
“คุณศรา ทำไมถึง... แล้วเรื่องงานแต่งงาน...” คำว่างานแต่งงานทำให้หัวใจของศรารัตน์กระตุกวูบ หญิงสาวข่มความปวดร้าวในอกแล้วฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า
“ฉันอุตส่าห์พูดถึงขนาดนี้แล้ว คุณหมอน่าจะเข้าใจนะคะ” สีหน้าของนภัทรเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มยินดีเมื่อได้ยินคำตอบยืนยันความคิดของตัวเองจากปากของศรารัตน์ ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณหญิงสาวอยู่หลายครั้งก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานด้วยความดีใจ จุดหมายของนภัทรในตอนนี้ก็คือสนามบิน เขาจะต้องไปหยุดวิศรุตให้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะหนีเขาไปยังดินแดนที่ไกลแสนไกลแห่งนั้น เขาจะบอกข่าวดีนี้ให้วิศรุตได้รู้เป็นคนแรก วิศรุตคงจะต้องดีใจมากหากรู้ว่าศรารัตน์ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนแล้ว ถ้าเพียงแต่เขาไปสนามบินทันเวลาเท่านั้น...
พงศธรเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับศรารัตน์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
“คุณศรา... คุณร้องไห้?” ศรารัตน์เบือนหน้าหนีพงศธรที่กำลังจ้องเธออยู่ หญิงสาวใช้มือปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะหันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังอู้อี้
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่พงศธรก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ชายหนุ่มแตะต้นแขนศรารัตน์เบาๆเป็นเชิงว่าให้หญิงสาวนั่งพักที่โซฟาก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาแล้วส่งให้อีกฝ่ายที่รับไปซับน้ำตา “คุณคงได้ยินหมดแล้ว” พงศธรพยักหน้าช้าๆ
“ความรักเมื่อมีคนที่สมหวังก็ย่อมต้องมีคนที่ผิดหวังเป็นธรรมดา บางทีการที่เราผิดหวังมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายนักหากเราคิดในแง่ดีว่าเรากำลังจะช่วยให้อีกคนหนึ่งได้สมหวัง ตอนนี้คุณคงจะรู้สึกเจ็บปวดกับมันมาก แต่ผมเชื่อนะครับว่าเวลาจะทำให้คุณสามารถผ่านมันไปได้ด้วยความเข้มแข็ง และเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อในอนาคตคุณได้หวนกลับมาคิดถึง ผมเชื่อว่าคุณศราคงจะต้องสุขใจมากแน่ๆที่เลือกตัดสินใจไม่ผิดในวันนี้”
“คุณพงษ์...”
“การได้อยู่กับคนที่เรารักแต่เค้าไม่ได้รักเรามันก็เหมือนเป็นการทรมานทั้งสองฝ่าย ผมดีใจที่คุณศราเลือกที่จะไม่เอาชีวิตของคุณไปทรมาน และก็ดีใจ... ที่คุณได้ปลดปล่อยไอ้กานต์กับวินออกจากความทรมานในครั้งนี้ด้วย”
“ฉันนี่เหมือนนางมารร้ายเลยนะคะ สร้างความทรมานให้กับคนอื่นตลอด รวมถึงคุณด้วย” พงศธรหัวเราะน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวข้างตัวแล้วเอ่ยด้วยเสียงประหม่า
“ถ้าคุณเป็นนางมารร้าย ผมก็อาจจะเป็นผู้ชายซาดิสม์ที่ดันมาหลงรักนางมารร้ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น” คำสารภาพรักกลายๆนั้นทำให้ศรารัตน์หน้าอุ่นวาบ หญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความเขินที่อีกฝ่ายมาบอกรักในสถานการณ์แบบนี้ แต่ลึกลงไปแล้วศรารัตน์กลับยังคงไม่แน่ใจซึ่งพงศธรเองก็เข้าใจดี
“คุณพงษ์คะ คือฉันยังไม่พร้อมจะมีใคร”
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีครับ ผมจะไม่เร่งรัดให้คุณมาชอบผม จะไม่ขอร้องให้คุณลืมไอ้กานต์ แต่ผมแค่อยากจะดูแล คอยยืนอยู่ข้างๆเวลาที่คุณต้องการใครสักคน ถ้าหากว่าคุณจะให้โอกาส ผมก็อยากจะเป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น” พงศธรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนศรารัตน์อึ้งไป อันที่จริงหญิงสาวก็ดูออกมาตั้งนานแล้วว่าพงศธรรู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้ ชายหนุ่มจะกล้าพูดมันออกมาตรงๆ
พงศธรมองหน้าศรารัตน์ด้วยความลุ้นระทึกกับคำตอบของอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อศรารัตน์ตอบว่า
“ค่ะ ฉันจะให้โอกาสคุณ” ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่สามารถลบนภัทรออกไปจากใจได้หมดสิ้น แต่ว่าการที่เธอตัดสินใจเปิดโอกาสให้พงศธรก็นับว่าก้าวหน้ามากแล้ว ซึ่งหากเปรียบเหมือนกำแพงก็นับได้ว่าเป็นกำแพงสูง การค่อยๆเลาะอิฐออกมาทีละก้อนๆก็อาจจะทำให้กำแพงในหัวใจของเธอเตี้ยลงได้ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานก็ตาม แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้วพงศธรก็จะต้องทำสำเร็จ อีกไม่นานเธอก็จะลืมนภัทรได้ อีกไม่นาน...
นี่คือตอนจบที่มันสมควรจะเป็นต่างหาก... พี่ชาย
วิศรุตมองนาฬิกาข้อมือแล้วถอนหายใจ คงได้เวลาที่ต้องไปแล้วสินะ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเหลียวมองไปรอบตัว ในใจก็แอบหวังลึกๆว่าจะได้พบหน้านภัทรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะต้องจากกันไปไกล แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองคงหวังมากเกินไป นภัทรจะมาอยู่ที่สนามบินนี้ได้อย่างไรกัน
วิศรุตยิ้มขื่นให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะดึงหูกระเป๋าขึ้นมาแล้วลากไปตามพื้นทางเดินช้าๆ ชายหนุ่มนึกอยากให้ทางเดินนี้ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างน้อยก็หวังที่จะยืดเวลาออกไปให้นานกว่านี้ อยากจะให้ใครบางคนตามมา...
“รอฉันอยู่หรือเปล่า” เสียงหนึ่งที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลังทำให้วิศรุตถึงกับชะงัก ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าจะหันไปมองเพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกิน มือหนากำที่ลากกระเป๋าจนแน่น “ว่ายังไงล่ะวิน กำลังรอฉันอยู่ใช่ไหม” คนที่ถูกถามค่อยๆหันกลับไปมองผู้มาใหม่
“นาย... มาได้ยังไง” น้ำเสียงวิศรุตสั่น ดวงตาสีน้ำตาลมีแววไหวระริกในขณะที่นภัทรส่งยิ้มกว้างมาให้
“ฉันก็ขับรถมาน่ะสิ เกือบมาไม่ทันแน่ะ” เหงื่อเม็ดโตที่ผุดซึมออกมาบนใบหน้าของคุณหมอหนุ่มเป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดีว่าเจ้าตัวรีบมากเพียงใด “โชคดีที่นายยังไม่ทันได้ไป”
“กำลังจะไปแล้วล่ะ ได้เวลาพอดี” วิศรุตหยักยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าแล้วลากกระเป๋าตั้งใจจะเดินอ้อมผ่านนภัทรไป แต่ว่าข้อมือกลับถูกนภัทรฉวยรั้งเอาไว้ “กานต์”
“ฉันไม่ให้นายไป อย่าทำแบบนี้เลยนะวิน” วิศรุตกระบอกตาร้อนผ่าวแล้วเอ่ยผ่านเสียงเครือ
“ไหนว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วไง” วิศรุตช้อนดวงตาโศกมองอีกฝ่าย วันนั้นเขาก็ได้บอกนภัทรไปแล้วว่าเรื่องระหว่างเราทั้งคู่มันเป็นไปไม่ได้และนภัทรเองก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ทำไมวันนี้อีกฝ่ายถึงยังมารั้งเขาไว้อีก วิศรุตมองนภัทรด้วยแววตาสับสน ชายหนุ่มพยายามบิดมือออกแต่ว่านอกจากคุณหมอหนุ่มจะไม่ยอมปล่อยแล้ว ฝ่ายนั้นกลับรวบร่างวิศรุตเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่ยอมปล่อยนายให้ไปไหนอีกแล้ว” วิศรุตขืนตัวเองไว้ไม่ยอมให้นภัทรได้ทำตามใจ ชายหนุ่มมองไปรอบตัวก่อนจะพบว่าผู้คนมากมายบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกกำลังเริ่มเพ่งความสนใจมาที่ตนกับนภัทรที่กำลังยืนกอดกันในที่สาธารณะแบบนี้
“ปล่อยเถอะกานต์ คนมองกันใหญ่แล้ว” คนในอ้อมกอดประท้วงแต่นภัทรกลับยิ้มกริ่มไม่สนใจ
“มองก็มองไปสิ ฉันไม่สนใจหรอก แค่เพียงนายอย่าหนีไปก็พอ” วิศรุตระบายลมหายใจแรง ชายหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นแล้วเอ่ยเสียงจริงจัง
“ยังไงฉันก็ต้องไป ส่วนนายเองก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับศรา ลืมไปแล้วเหรอกานต์”
“แล้วถ้าฉันไม่ต้องแต่งงานกับคุณศราแล้วล่ะ” คำถามย้อนกลับของนภัทรทำให้วิศรุตอึ้งไป ชายหนุ่มถามย้ำอย่างไม่ เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากของนภัทรจะเป็นเรื่องจริง
“นายว่าอะไรนะ” นภัทรสบตาคนในอ้อมกอดพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม หลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้วเพราะมีเรื่องที่ยังหนักใจอยู่ แต่พอมาวันนี้ เมื่อปัญหาทุกอย่างได้ถูกคลี่คลายไป เขาจึงยิ้มออกมาได้อย่างปลอดโปร่งเสียที ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณศรารัตน์ นภัทรคิดในใจก่อนจะยอมเฉลยให้วิศรุตฟัง
“คุณศรายอมยกเลิกงานแต่งงานแล้ว ในที่สุดเธอก็ยอมรับเรื่องของเรา” วิศรุตอึ้งไปอีกรอบหลังจากได้ยินสิ่งที่นภัทรพูด นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม ศรารัตน์ยอมยกเลิกงานแต่งงานกับนภัทร ที่สำคัญเธอยังเปิดใจยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนตรงหน้า
“ศรา...” วิศรุตอุทานด้วยเสียงที่ไม่ต่างจากกระซิบ ดวงตาสีน้ำตาลโศกคู่นั้นรื้นไปด้วยน้ำใสที่คลอเอ่อ เขารู้ดีว่าศรารัตน์เองก็คงปวดใจไม่น้อยกับการตัดสินใจแบบนี้ แต่เธอก็ทำเพื่อเขา ขอบใจมากนะศรา ขอบใจเธอจริงๆ
วิศรุตสูดลมหายใจลึก ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวและคำถามมากมายที่อยากจะเอ่ยถามคนตรงหน้าให้ชัด แต่ว่าวิศรุตก็กลับพูดไม่ออกเสียดื้อๆ กลายเป็นนภัทรที่พูดแทน
“เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ววิน นายไม่จำเป็นต้องหนีหัวใจตัวเองอีกแล้ว” คุณหมอหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักของอีกฝ่ายอย่างแสนรัก วิศรุตจับปลายนิ้วที่แตะแก้มของเขาเอาไว้อย่างแผ่วเบา
“ถึงฉันพยายามหนีเท่าไหร่ สุดท้ายก็คงไม่พ้นอยู่ดี” วิศรุตยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกรักทั้งหมดที่ตัวเองมี “เพราะว่าหัวใจของฉัน... ได้มายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว” นภัทรอมยิ้มแล้วแกล้งหัวเราะน้อยๆเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้คลายจากความเศร้า
“น้ำเน่าจังเลยครับคุณวิศรุต ทัดเทวา ไม่น่าเชื่อเลยนะว่านายจะพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้ก็เป็นด้วย” วิศรุตหัวเราะเบาๆแล้วแกล้งใช้ข้อศอกถองอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนัก นภัทรได้ทีจึงรวบมือทั้งสองข้างของวิศรุตเอาไว้แล้วเอามาทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของตน คุณหมอหนุ่มมองวิศรุตด้วยดวงตาดื่มด่ำแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่จงใจให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น
“แต่ถึงยังไงหัวใจดวงนี้ก็จะไม่มีวันเป็นของใคร นอกจากนายเพียงคนเดียว” วิศรุตคลี่ยิ้มงดงามหลังจากได้ยินคำพูดที่เสมือนดั่งคำสัญญากลายๆนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนภัทรพูดประโยคที่แฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้งนั้นออกมา
“ว่าแต่คนอื่น แล้วที่นายพูดมันไม่เรียกว่าน้ำเน่าหรือยังไง” คนในอ้อมกอดเแกล้งตีรวนเพื่อปกปิดความรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของอีกฝ่ายเพียงใด “ที่นายพูดน่ะ น้ำเน่าก็ยังเรียกพี่เลย”
“แต่ฉันพูดออกมาจากใจจริงนะ” วิศรุตสบตากับนภัทรด้วยความเต็มตื้นในใจก่อนที่ชายหนุ่มจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าซึ่งนภัทรเองก็ตอบรับความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการกระชับอ้อมกอดจนแน่นราวกับจะทดแทนช่วงเวลาที่เคยขาดหายไป
คนที่ผ่านไปมาบริเวณสนามบินต่างมองมาที่เขาทั้งคู่เป็นจุดเดียว หากแต่นภัทรและวิศรุตก็ไม่ได้สนใจ คุณหมอหนุ่มหลับตาลงช้าๆ อยากจะซึมซับความรู้สึกนี้ให้นานที่สุด เขาไม่รู้ว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันแบบนี้จะยืนยงไปได้นานแค่ไหน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นี้มันถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้รู้แต่เพียงว่าเขารักคนๆนี้มากเหลือเกิน ต่อให้อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร แต่นภัทรก็ยังคงเชื่อมั่น... ตราบใดที่ทั้งเขาและวิศรุตยังมั่นคงกับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อนั้นความรักก็จะเป็นนิรันดร์และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ต้องห้ามทั้งปวง
“ฉันรักนายนะวิน ขอโทษด้วยที่ให้รอมาตั้งสิบสามปีเต็ม” วิศรุตส่ายหน้าพร้อมกับแววตาฉ่ำน้ำ ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดของตนเองให้แน่นขึ้นอีก พลันน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลร่วงลงมาจากดวงตาสีน้ำตาล วิศรุตรู้ดีว่ามันไม่ได้มาจากความเสียใจเลยสักนิด น้ำตาหยดนี้มาจากความปลื้มปิติยินดีต่างหาก ยินดีเมื่อในที่สุดวันนี้ที่เขาเคยเฝ้ารอมาตลอดสิบสามปีเต็มก็มาถึงจนได้... วันที่เขารักนภัทรและนภัทรเองก็รักเขา... วันที่หัวใจสองดวงได้หล่อหลอมจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันในที่สุด
จบ
(โปรดติดตามตอนพิเศษอีก 3 ตอนแบบจุใจต่อในรูปเล่ม)
Aislin: จบแล้วจ้าา เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็อัพให้จบซะที ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณมิตรรักนักอ่านทุกท่านนะคะที่ติดตามกันมาจนถึงขนาดนี้ นับเป็นเวลาหลายเดือนเชียวล่ะ เป็นยังไงบ้างเอ่ยสำหรับบทสรุปความรักระหว่างวินกันกานต์ น่าจะมาฟินตอนท้ายๆเลยนะ แต่หากใครอยากฟินปนๆจิกหมอนเพิ่มเติม แนะนำอ่านต่อตอนเศษในแบบฉบับรูปเล่มค่ะ หรือจะเป็นแบบอีบุ๊คก็ได้นะคะ ราคาจะย่อมเยาลงมาอีก ^0^ ยังไงก็ฝากทุกท่านอุดหนุนผลงานของนักเขียนตาดำๆคนนี้ด้วยนะคะ จะได้นำมาต่อทุนทำนิยายเรื่องใหม่อีก
แอบโฆษณานิดนึงละกัน ในตอนพิเศษจะมีด้วยกัน 3 ตอนค่ะ มีทั้งจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักของวินที่มีต่อกานต์ เป็นเรื่องราวสมัยม.ต้น/ม.ปลาย (ก่อนเริ่มนิยายที่โพสให้อ่านกัน) แล้วก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความหึงหวง การเซอร์ไพรซ์ ความแง่งอนของพระ-นาย ใครยังไม่เคยเห็นหมอกานต์ในโหมดที่ไม่ได้เย็นชาแบบน้ำแข็ง บอกเลยว่าอย่าพลาด ฮ่าๆๆๆ เอาแค่นี้แล้วกันเนอะ ใครอยากอ่านฝากอุดหนุนด้วยเน้อ (วนมาขายของอีกแล้ว กร้ากๆๆ)
จบจากเรื่องนี้แล้ว ตอนแรกว่าจะเอาเรื่อง "กุหลาบในเปลวไฟ" มาปัดฝุ่นต่อ แต่กุหลาบฯ เป็นเรื่องที่แต่งยากที่สุดเท่าที่แต่งมา เพราะปมเรื่องซับซ้อนเยอะมาก และตอนนี้ไม่ค่อยอยากแต่งตอนพิเศษด้วย ซึ่งถ้าหากเอาของเก่ามาปัดฝุ่นแต่ไม่มีตอนพิเศษแถมให้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิมเลย สุดท้ายเลยขอพักไว้ก่อนดีกว่าเน้อออ แล้วจะกลับมาเมื่อชาติต้องการค่ะ แต่ถ้าหากใครอ่านผลงานของ Aislin แล้วชอบ ก็อย่าลืมไปแสดงตัวเป็นแฟนคลับได้ที่แฟนเพจ www.facebook.com/aislin.napoon นะคะ วันดีคืนดีจะมีนิยายหรือของรางวัลอื่นๆมาแจกฟรีๆแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
สุดท้ายขอบคุณมากๆที่ติดตามเรื่องนี้ค่ะ ทัณฑ์กามเทพเป็นนิยาย y เรื่องแรกของอิชั้น ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยเน้อ และหวังว่าทุกท่านจะมีความสุขและได้รับสนุกสนานจากนิยายเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ ^0^
ปล. ไหนๆ อ่านจบแล้ว รบกวนคอมเม้นท์ให้นิยายเรื่องนี้หน่อยเน้อ นักเขียนจะได้เก็บเอาคำติ/ชม ไปปรับปรุงค่ะ ยาวหรือสั้นก็ได้นะคะ แค่คิดว่าการเขียนงานออกมาสักชิ้น แล้วมีคนอ่านและฟีดแบ็กให้เรา เวลากลับมาอ่านอีกครั้งแล้วมันฟินสุดๆเลยล่ะค่ะ // โพสไว้ได้เลยนะคะ Aislin แวะเข้ามาอัพเดทบ่อยๆอยู่แล้วค่ะ