ตอนที่ 2
โห..ผับแบบนี้มันต้องมีห้องทำงานหรูขนาดนี้ด้วยเหรอว่ะ นี่ผมกำลังยืนอึ้ง เพราะกำลังมายืนอยู่ในห้องหนึ่งภายในร้านอาหารแห่งนี้ ผมไม่รู้ว่ามันต้องการจะคุยอะไร คิดเอาเองว่ามันอาจจะเรียกค่าเสียหายผมก็ได้ ใจหวิว ๆ ไม่ใช่กลัวไม่มีจ่าย แต่ผมกลัวโดนมันขูดรีดมากกว่า ท่าทางมันดูฉลาดจะตายไป ถ้ามันเรียกแพงเกินบางทีผมอาจจะต้องให้มันไปแจ้งความ แล้วผมตามไปจ่ายค่าปรับทีหลังก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็ได้
ไอ้คนตรงหน้า...นั่งไขว้ห้าง เคาะนิ้วอย่างใจเย็น...ไม่เห็นมันพูดอะไร ผมก็ใจเย็นเหมือนกัน มันไม่คิดแม้แต่จะเชิญผมนั่ง...เวลาผ่านไปสักประมาณ 10 นาที มันก็ยังนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้น ประสาทหรือเปล่าว่ะ...บางทีอาจไม่ใช่มัน แต่เป็นผม...ที่ไม่ควรมายืนอยู่ที่นี่
“นี่เหรอ เด็กใหม่ไอ้สิน”มันทักคำแรกมองหน้าผมอย่างท้าทาย คำนี้อีกแล้ว ผมกัดปาก..ผมมากับไอ้สิน ไอ้พี่สิน หรือไอ้เหี้ยสินจริง แต่ทำไมทุกคนต้องทึกทักว่าผมเป็นเด็กไอ้เหี้ยนั่น คนจะมาแดกข้าวด้วยกันไม่ได้เลยใช่ไหม
“กูถาม...ทำไมไม่ตอบ!”มันตวาด
“เปล่า”
“อะไรคือเปล่า...ไม่ใช่เด็กใหม่ หรือไม่ใช่เด็กไอ้สิน”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ไม่ใช่เด็กใหม่ของมัน และก็ไม่ใช่เด็กของมัน”ผมถลึงตาบอก
“แล้วทำไมถึงมากับมันได้”
“ทำไมว่ะ ก็แค่มากินข้าว..จะอะไรกันหนักหนา”ผมขึ้นเสียง
“หึหึ มึงนี่มันเด็กน้อยโคตร ๆ เลือกมากินได้ถูกคนด้วย แล้วมึงชื่ออะไร”
“นาว”ตอบอย่างไปที
“อ่อ ที่เขาร่ำลือว่าเป็นเด็กขายใช่ไหม”
“ขายเหี้ยไร พูดดี ๆ นะมึง”
“ปากดีอย่างนี้ โก่งราคาสินะ”
“สัส!”
“ต้องจองคิวด้วยเหรอว่ะ ท่าทางจะแซ่บจริงนะมึง หน้าตาก็ดี...ไม่น่ามั่วขนาดนี้เลย มากับไอ้สินอย่างนี้ ติดมันหรือติดใจยาของมันล่ะ?”
“ยาเหี้ยไรว่ะ มึงพูดไม่รู้เรื่องแล้ว กูจะกลับบ้าน ส่วนค่าเสียหาย...ส่งตามตูดกูไปก็แล้วกัน”
“ถ้ามึงไม่อยากออกไปแล้วเจอไอ้พวกนั้นดักรอละก็ กูขอเตือน...อย่าแม้แต่จะก้าวขาออกไป”
ผมชะงัก...คำพูดคล้ายขู่แต่น้ำเสียงมันทะแม่ง ๆ จะว่าเป็นห่วงก็ไม่ จะว่าจริงใจก็เปล่า ทำให้ผมเริ่มเกิดความลังเล ผมไม่ได้เอารถมา จะกลับบ้านได้ต้องพึ่งแท็กซี่ ซึ่งต้องออกไปโบกหน้าร้าน ถ้าพวกมันดักรอผมอยู่ล่ะ ผมควรจะทำยังไง ระหว่างคนที่พาผมมากับคนใหม่ที่ไม่รู้จักชื่อ ผมควรเลือกจะเชื่อใครมากกว่ากัน?
ติ๊ด ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น หยิบมันออกมาดูแล้วพบว่าแม่ผมโทรมา...ผมหลบมุมแล้วรีบกดรับสาย
“ฮะแม่..”
“นาวยังอ่านหนังสืออยู่เลยฮะ”ผมเหลือบไปเห็นไอ้คนตัวโตอมยิ้ม ให้ตายสิ...เครื่องหน้ามันจัดว่าดูดีสุดขีดจนผมอิจฉา
ตา…....................
หู........................
จมูก....................
ริมฝีปาก...............
นี่ผมเป็นบ้าอะไร?? ลอบมองมันเหมือนเด็กแอบดูอะไรสักอย่าง
“เอ่อ ฮะ...ก็ฟังอยู่ฮะแม่..”ผมทำเสียงอ้อนแก้เขิน จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว
“ฮะแม่...หนูก็รักแม่นะฮะ”ผมวางสายไปด้วยความสบายใจ แม่โทรมาบอกว่าอีกเดือนนึงพี่สาวและพี่ชายของผมกำลังจะกลับมา เดือนหน้าเป็นวันเกิดของคุณย่า เป็นอย่างนี้ทุกปี ทุกคนจะเคลียร์งาน...แล้วมารวมตัว ไปทำบุญร่วมกัน มีทานข้าวตอนเย็น และขอพรจากย่า ทั้งที่เป็นวันเกิดคุณย่า แต่สิ่งที่ญาติพี่น้องบ้านผมชอบคือ คุณย่าชอบแจกของขวัญ อิอิอิ ย่าบอกว่า ย่าแก่แล้ว..ไม่ต้องการอะไร แต่อยากให้ลูกหลานได้รับของที่ย่าให้มากกว่า ย่าผมแสนดีที่สุดในสามโลก
“หนูก็รักแม่นะฮะ”น้ำเสียงล้อเลียนแบบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
“ยุ่ง! นิสัยเลวแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์”ผมด่าแบบไม่ใส่ใจ
“ก็คนอื่นที่ว่า มาคุยเสียงดังในห้องทำงานกูน่ะสิครับ”
“เอ่อ งั้นกูไปก็ได้”ผมเตรียมเปิดประตู สัส..เป็นคนบอกเองแท้ ๆ ว่าให้อยู่ก่อน ไอ้คนไม่มีน้ำใจ!
“เดี๋ยว...”ขายาว ๆ ก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผม ‘มัน’ดันประตูให้ปิดลงอย่างเดิม แล้วหายใจรดต้นคอคนอื่นอย่างไม่เกรงใจ ส่วนผมเหรอ ยืนเกร็งสิฮะ...มันเล่นล็อคไว้ไม่ให้ออกอย่างนี้
“กะ กูจะกลับบ้าน”ให้ตายเถอะ ... น้ำเสียงไม่ภักดีกับผมเลย มันกลับสั่นลงอย่างไม่น่าเชื่อ นาวา...นี่นายกำลังประหม่าเหรอ มันก็ผู้ชายเหมือนมึงนะครับ!!
“กูล่ะแปลกใจ...ทำไมใคร ๆ ถึงติดใจมึงนัก แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว”มันพูดเสียงเซ็กซี่ข้างหูผม
“ทะ ทำไม?”
“หึหึหึ”มันส่งเสียงหัวเราะแบบกวนตีนมาเป็นคำตอบ ผมหันตัวฟั่บ...มาเผชิญหน้ามันมัน คนเหี้ยไร...สูงยังกับเปรต หน้ามันห่างจากหน้าผมไปไม่ถึงสองคืบ มันสูงหรือผมเตี้ย ไม่..ไม่ ผมไม่เตี้ย ผมแค่ตัวเล็กไปนิดหน่อย ถึงกระนั้น...ผมก็ยังมีสิทธิ์สูงได้อีกล่ะน่า!!!!!
“หัวเราะไร โรคจิตเหรอมึงอ่ะ”
“เออ...ฮ่าฮ่าฮ่า”
เคืองว่ะ ทำหน้าไม่ถูกเลย แม่ม...ไอ้หน้าหล่อเอ๊ยยยยย แมร่งหล่อจนน่าหมั่นไส้ เกลียดหน้ามัน เกลียดเสียงมัน เกลียดเวลามันพูดแบบรู้ทัน เกลียด ๆ ๆ ...
“น่ารักว่ะ...”
ผมอ้าปากตาค้าง เหี้ย...สัส กูกำลังด่ามึงในใจอยู่นะ ไม่ต้องมาแกล้งชมกู กูไม่หลงกลมึงหรอก ควาย!
“หลบ สัส...กูจะกลับ”ผมเบี่ยงหน้าตัวเองหนีแก้เขิน ทำให้มันยิ่งชอบใจ หัวเราะร่วน...
“พูดดี ๆ เป็นไหม กูมีชื่อนะโว้ย”
“กูไม่ได้อยากรู้จัก”
“กูอยากบอก กูชื่อ ติณฑ์ มึงจะกรุณาใช้ปากสวย ๆ ของมึงเรียกกูว่า พี่ติณฑ์ ก็ได้...เพราะกูหน่ะแก่กว่ามึงอยู่หลายปี ไอ้ตุ๊ด!”
สิ้นคำ...ผมเลือดขึ้นหน้าทันที กูไม่ใช่ตุ๊ด ไอ้หน้าเหี้ย...ไอ้ควาย ปากหมาอย่างนี้..แดกตีนกูเหมือนพวกไอ้สินแล้วกัน ผมผลักมันถอยหลัง มือเล็กกำหมัดหวังจะฟาดปากสั่งสอนคนตัวโต ผมไม่ได้คำนึงหรอก ว่าผมกับใครถ้าสู้กันใครจะชนะหรือแพ้ แค่เอาเลือดมันออกปากได้ แค่นั้นก็สะใจแล้ว
“โอ๊ย!”ใบหน้าหล่อ ๆ ตวัดตามแรงของผมที่มี ร่างใหญ่เซน้อย ๆ เหมือนกันกับผม ที่ทั้งเสียหลักและทั้งเจ็บมือ...
“หึ!”ร่างใหญ่สะบัดหน้ากลับมา มันลูบไล้ริมฝีปากตัวเอง ที่มีเลือดอยู่เล็กน้อย ขายาว ๆ ก้าวมาด้วยสีหน้าทะมึน แค่เห็นหน้ามัน ผมก็รีบถอยหลังกูด
มือใหญ่ยกขึ้กลางอากาศ ไม่ทันที่ผมจะตั้งสติ มือหนาก็ฟาดมาโดนแก้มด้านซ้าย ร่างเล็ก ๆ ของผมสะบัดข้างตามแรงเหวี่ยง ทิ้งตัวลงพื้นอย่างงดงาม หนึ่งประตูต่อศูนย์
อึ้งครับ ช็อคสุด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมยกมือลูบแก้มตัวเองปอย ๆ น้ำตามาคลอ ๆ พาดจะไหลออกจากสองตา ไม่ได้ ๆ ผมจะมาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้ ฮึก...มึงเป็นใครว่ะไอ้สัส พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย ยังไม่เคยตีกูสักแอ่ะ ไอ้เหี้ย..ไอ้เลว ฮึก ๆ
“ฮึกกก...”
“ไอ้เหี้ย ไอ้เลว มึงเป็นใครว่ะ...กล้ามาทำกูอย่างนี้ ฮึก...เหี้ย ฮึก มึงมันเหี้ย ฮึก...รังแกคนอื่นสนุกหรือไงว่ะ ฮึกกก..”
กลั้นสะอื้นได้ดีที่สุดเท่านี้แหล่ะกู ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว น้ำตาแมร่งอยากจะไหลก็ปล่อยให้แมร่งไหลไป อยากจะร้องก็ปล่อยให้แมร่งมีเสียงออกมา
ไอ้เหี้ยตรงหน้าย่อตัวเล็ก จะมาแตะตัวผม ผมยอมรับก็ได้...ว่าผมกลัวมัน ผมถอยหลังหนีอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว
“มีอะไรรึเปล่าฮะ นาย”มีคนเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ผมไม่ได้หันไปมอง เอาแต่ก้มหน้า..ร้องไห้ ไม่ได้ยินไอ้เหี้ยนี่พูดว่าอะไร ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูลงอีกครั้ง
“ฮึกกกกกก....ฮึกกกกก”
ห้องเงียบไป...จนผมมองหน้ามันอีกครั้ง เห็นมันยังนั่งอยู่ข้าง ๆ ที่เดิม
“มึงชกกูก่อนนะ”มันว่า โหยยย...เหี้ย คำแรกที่มันพูดทำเอาผมหมดแรง ผมชกมันก็จริง..แต่แรงของผม ไม่เท่ากับแรงของมันที่ตบเลยสักกะพีกเดียว ความยุติธรรมอยุ่ที่ไหนครับ!!!!
“แล้วมึงด่ากูก่อนไหมล่ะ สัส”ยอมไม่ได้ฮะ ต้องต้อนให้จำเลยจนมุมให้ได้
“เปล่า”....เหี้ย ไร้คำบรรยาย
“ฮึก ๆ”ร้องไห้ขู่แมร่งเลย ชีวิตกูโคตรอัปรีย์ โดนผู้ชายตบ...
มันไม่พูดว่าอะไรกลับไปนั่งบนโซฟาเฉยเลย เหี้ย...ปลอบกูหน่อย ขอโทษกูหน่อยก็ได้ ผมแมร่งทำอะไรไม่ถูก นั่งร้องไห้ต่อไปเลยแล้วกัน จะหยุดตอนนี้เสียฟอร์มแย่...
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เพราะความเงียบจึงทำให้ผมได้ยินเสียงนาฬิกาดังติ๊ด ๆ สลับกับเสียงแอร์ที่กำลังทำงาน สมองผมค่อย ๆ ปรับทีละนิด กลิ่นหอม..แต่แปลกที่ไม่คุ้นเคยทำให้สมองผมตื่นขึ้น นี่ผมอยู่ที่ไหน...
มือเล็กควานหา โคมไฟข้างเตียง ไม่มี!!! สัญชาตญาณบางอย่างบอก ที่นี่ไม่ใช่ห้องของผมอย่างแน่นอน มันไม่มีกลิ่นหอมแบบนี้
ผมพยายามจะก้าวลงไปด้านล่าง แต่เพราะมันมืดและความรีบร้อนทำให้สะดุดไอ้ผ้าผืนใหญ่ที่คลุมตัวผมอยู่
ตุ้บ!!!!!!
โอ๊ยยย...เจ็บ ผมรู้สึกมึน ๆ หัวเล็กน้อย
แสงไฟแง้ม ๆ จากประตู เปิดกว้างขึ้น ผมกำลังมองมือหนาของใครบางที่เอื้อมมาเปิดไฟด้านใน ทันทีที่ไฟสีส้มทำงาน ผมก็หยีตาตัวเองเบา ๆ เพราะสายตายังปรับสภาพไม่ได้
“ไงมึง ปวดหัวไหม”เสียงทุ้มที่เหมือนจะคุ้นเคยแล้ว (หรอ..?) ผมมองมันอย่างงง ๆ นี่มันมาอยู่นี่ได้ไง ไม่สิ...ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วที่นี่มันที่ไหน เหมือนมันจะอ่านหน้าตาผมออก ก็รีบตอนข้อสงสัยของผมทันที
“อ่อนแอ...ร้องไห้แค่นี้ไข้ขึ้นเลย”
“ใครไข้ขึ้น”ผมเถียง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็รู้สึกมึน ๆ หัว มันไม่ว่าอะไร ยกตัวผมขึ้นสูง จนกลัวว่าตัวผมจะตกเลยต้องดึงเสื้อมันไว้
“เฮ้ยยย..!!!”แทนที่มันจะวางดี ๆ กลับโยนผมขึ้นเตียงอีกซะงั้น
“ปากดีตลอดๆ”
“ปากกูไม่ใช่ปากใคร”ผมเถียง ยกมือลูบแก้มตัวเองด้วยความปวด เพิ่งรู้สึกว่าถ้าขยับปากมากมันจะปวด มันโถมขึ้นเตียงมานั่งข้าง ๆ ผม
“ช้ำเลยแมร่ง!”มันสบถด้วยสีหน้าน่ากลัว กัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูน... จนผม...อยากจะร้องไห้อีกครั้ง กูควรจะเป็นคนพูดคำนั้นไหม?
“ปวด”พูดคำเดียวสั้น ๆ ปวดจนน้ำตาจะไหลอีกรอบ โดนตบมันเจ็บอย่างนี้นี่เอง
มันพยักหน้าน้อย ๆ ดันให้ผมนอนลงไป
“เดี๋ยวจะให้คนเอายามาให้”
“ยาอะไร”
“แก้ปวด แก้ไข้”
“กูอยู่ที่ไหน...”ผมถามต่อ
“คอนโดกู”
“มาได้ไง”
“มึงร้องไห้ จนสลบ...กูไม่อยากให้ใครตายคาร้าน เลยต้องหิ้วศพที่ยังหายใจอย่างมึงติดกลับมาด้วยไง”
ผมเบะปาก...กูขอให้มึงช่วยไหม
“มีอะไรจะถามอีกไหม”
“มี”
“ถามมา”
“ยังนึกไม่ออก”กวนตีนแมร่งเลย หวังว่ามันคงไม่โมโหแล้วหันมาตบผมอีกข้างนะ!
“พูดมาก”
“เรื่องของกู”เอ้า...มา เล่นสงครามประสาทกันครับ ได้ครับได้...เรื่องกวนตีนคนผมก็ถนัดไม่น้อย
“นอนได้แล้ว”
“อยากกลับบ้าน”
“พรุ่งนี้จะไปส่ง”
“อยากกลับเอง”ลอยหน้าลอยตาพูดเลยฮะ กวนประสาทมันเข้าไป
“ตามใจ”
“มึงมันเหี้ย”
“เออ...”
“เลวด้วย รังแกคนไม่มีทางสู้”
“เออ กูเลวพอใจยังว่ะครับ”
“มึงตบกูด้วย”
“มึงก็ต่อยกูเหมือนกัน ไอ้เตี้ย...”
“กูเจ็บนะ...”
“........................................”
“ฮึกก ๆ ๆ”อ้าว ๆ ไม่ได้อยากดราม่านะ น้ำตาแมร่งเสือกไหลขึ้นมาเอง คิดแล้วมันเจ็บใจนี่
“ถ้ามึงร้องมึงจะปวดหัว แล้วไข้มึงจะสูงขึ้นอีกนะโว้ย”
“เรื่องของกู”
“เออ ๆ เรื่องของมึงก็เรื่องของมึง กูไปนอนล่ะ จะให้คนเอายามาให้แล้วกัน”
ร่างสูงยืนขึ้นเต็มตัว มันเดินห่างจากผมไป จนเกือบถึงหน้าประตู
“ฮึกกกก มึงไม่คิดจะขอโทษกูบ้างหรือไง สัส” ร่างสูงไม่ได้ตอบ มันเดินไปปิดไฟ แล้วทุกอย่างก็มืดลง มีเพียงแต่เสียงของผมที่ยังคงดังแข่งกับเสียงทำงานของเครื่องแอร์
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*--*-*-*-*-*-*-*-*
พาหน้าและร่างอันบวมช้ำขึ้นคอนโด ไอ้ยักษ์นั่นมาส่งผมตามที่สัญญาเอาไว้ ผิดก็แต่...เราไมได้พูดอะไรกันสักคำ ดีเหมือนกัน คนอย่างมัน ผมไม่อยากจะเสวนาด้วย
ผมดูตารางเรียนทีแปะไว้ในห้อง วันนี้เรียนบ่าย กับพรุ่งนี้เช้า สองวิชาต้องส่งงาน ผมทำไว้เรียบร้อยตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้ว พรุ่งนี้ค่อยโทรเรียกไอ้ชัดเอาไปส่งให้แล้วกัน
เออ...ไอ้ชัด ผมเกือบลืมมันไปแล้ว หยิบโทรศัพท์โทรหามันหน่อยดีกว่า
“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....”
ปิดเครื่อง! ขอบใจ...มันหายไปไหนของมันว่ะ โอ๊ยยยยย...ถึงจะสงสัย แต่ผมก็ขี้เกียจไปตามมัน ปวดหัว ๆ ๆ ๆ ขอหน่อยพักสักงีบ ตื่นมาค่อยว่ากัน...
ติ๊ด ๆ ๆ ๆ
เสียงโทรศัพท์ดังรัวตลอดเวลา ผมกวาดสายตามองหาเจ้าเครื่องที่โยนกระเด็นก่อนจะกดรับสาย ด้วยอาการงัวเงีย
“ฮะ พี่ขิง...”พี่สาวผมเอง
“อยากได้..ไม่รู้ ๆ มีอะไรก็ซื้อมาแล้วกัน ผมปวดหัว...ผมไม่อยากคิดอะไรตอนนี้”
“ฮะ ฮะ หวัดดีฮะ”
พี่สาวเตรียมตัวเก็บของกลับเมืองไทย ก่อนจะกลับก็ต้องโทรมาหาผม เพื่อซื้อของต่าง ๆ ที่ผมอย่างได้ก่อน ไม่งั้นถ้าพี่ ๆ คนไหนกลับมามือเปล่าแล้วล่ะก็ ผมจะหงุดหงิดและงอนพวกเขามาก ๆ เหมือนว่าตัวเองไม่ได้รับการใส่ใจอย่างไงอย่างงั้นเลยฮะ
กำลังจะเคลิ้มหลับอีกที่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คราวนี้...แม่ ผมถอนหายใจ พี่ขิงต้องโทรบอกแม่แน่เลย
“ฮะแม่....ไม่ไปครับ ปวดหัวเฉย ๆ นอนพักก็หาย”
“ไม่เอาไม่ไป เดี๋ยวถ้าไม่ไหว จะโทรหาไอ้คิ้วให้มันพาไปรพ.”
“อะไรแม่ไม่ต้องลงมาหรอกฮะ!....หนูปวดหัวเฉย ๆ แม่ ไม่มีไข้”ปวดหน้าและปากช้ำเพราะโดนเหี้ยตบด้วย!
“นาวจะวางแล้วนะฮะ”
“คร้าบบบบบ...คร้าบบบบบบบ”
“หวัดดีฮะแม่”
เฮือกกกกก!!!!! หวังว่าแม่คงไม่บอกพ่อนะ ไม่งั้นมีหวัง...ได้พากันแห่ลงมากรุงเทพแน่ ผมมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ ปิดเครื่องแม่มเลย...วุ่นวายนัก
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
อออดดดดดด~
เสียงออดหน้าห้องทำเอาผมต้องสะดุ้งตื่น นี่ผมมานอนโซฟาได้ไงเนี่ย?????
อ่อ...สงสัยตอนลุกขึ้นมากินน้ำ แล้วเผลอมานอนตรงนี้ เหลือบมองดูหน้าตัวเองในกระจก รอยแดงยังอยู่ครบห้านิ้วเลย แมร่งหน้าหล่อ ๆ กูมีตำหนิหมด
ออออดดดดดดด~
เสียงออดดังรัว แต่ผมกลับไม่รีบเท่าไหร่ ดัดสันดานคนกด ผมรู้ว่าถ้าไม่มีคนไปเปิดจะยิ่งโมโห ผมไม่รำคาญหรอก
“โหหหหหห กว่าจะเปิดได้นะมึง กูคิดว่าตายคาห้องไปแล้ว”แม่นางคิ้ว...ผมหันขวับไปดูนาฬิกาอ่อเกือบ 4 โมงเย็นแล้ว แม่นางคงเรียนเสร็จแล้ว ส่วนผม...ไม่ได้ไปเรียน และยังไม่ได้ส่งงานตามระเบียบพัก!
“เฮ้ย...เหี้ยนาว หน้ามึงไปโดนอะไรมาว่ะ”ไอ้นาวจ้องผมเขม็ง
นั่นไง..คำแรก เห็นไหม...ว่ารอยบนหน้าผมมันชัดขนาดไหน คิ้วมันใช้มือจับคางแล้วหมุนซ้ายหมุนขวา สำรวจทุกแง่มุม เบา ๆ หน่อยกูเจ็บ!!!!
“โอ๊ยยยย”
“เฮ้ยนาว...โคตรน่าเกลียดเลยว่ะ ไปหาหมอไหม”
“เดี๋ยวมันก็หายยยย...เจ็บเบา ๆ ดิมึง ผู้หญิงห่าไรว่ะ มือหนักฉิบหาย”ผมบ่นอุบ...
“ไปหาหมอเหอะ เผื่อเค้ามียาทา จะได้ให้มันหายไวไว เหี้ย...แก้มมึงขึ้นรอยห้านิ้วเลย ไปโดนใครเค้าตบมาว่ะ...หรือว่า????”
“เปล่า...ไม่ใช่พวกเหี้ยสิน”
“แล้วใคร??”
ผมเล่าให้มันฟังทุกอย่าง ไม่งั้นมันก็จะถามไม่จบ อีกอย่างไอ้คิ้วมันมีสายสืบเยอะ ไม่รู้จากผม...มันก็ไปรู้จากคนอื่นได้อยู่ดี
“เลวว่ะ...อย่าให้กูเจอนะมึงจะอัดให้น่วม แล้วไอ้ชัดมันไปไหน ปล่อยให้มึงกลับมาสภาพอย่างนี้”
“ไม่รู้แมร่ง หายหน้าไปตั้งแต่มะวาน ป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้...ถูกฆ่าหมกป่าไปแล้วมั้ง”
ปากผมอาจพล่อยไปจริง ๆ ไอ้คิ้วกับผมชะงักพร้อมกัน เอ่อ..ไม่รู้สิ ผมก็แค่พูดไปตามอารมณ์
“มะ มึงว่า...พวกไอ้สินจะไปตามหาไอ้ชัดป่ะว่ะ”ผมถาม
“ไม่มั้งงงง...มึงบอกเองนี่ว่า มันหายไปตั้งแต่เมื่อวาน กูว่าไม่น่าใช่อ่ะ”
“เหรอ กูก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
“มึงอ่ะ อย่าพากูคิดมากดิ”
“อือ สรุปมึงไปรพ.นะ เดี๋ยวกูพาไป”
“อือ...”
ผมเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง เห็นเงาตัวเองในกระจกแล้วอนาถใจแท้ อุตส่าห์ทำเก่งกับพวกไอ้สิน กลายเป็นหนีเสือไปปะโคตรไอ้เข้ แมร่งดุกว่า โหดกว่าซะงั้น ไม่รู้แมร่งกินอะไรเป็นอาหาร
ออดดดดดด~ เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง ไมวันนี้..กูขายดีจังว่ะ มีแต่คนมาหา ผมไม่ได้เดินออกไปเปิด แต่ได้ยินเสียงเย้ว ๆ จากด้านนอก คิ้วมันคงไปต้อนรับเรียบร้อยแล้ว
“นาว ไอ้โรลมาาาา”ไอ้โรลรูมเมทไอ้ชัดนี่หว่า...มาทำไมว่ะ?
“เออ รอแปป...”ผมรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เปลี่ยนชุดใหม่ เตรียมออกไปรพ.เลย พอออกมาข้างนอกก็เห็นไอ้คิ้วกับไอ้โรลนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สีหน้ามันสองคนเคร่งเครียดน่าดู ผมพยักหน้าไปทางไอ้โรล
“มีไรว่ะโรล มาซะเย็น”
“เมื่อวานนี้ได้ข่าวว่ามึงไปมีเรื่องกับพวกพี่สิน”
“เออ มึงรู้จักพวกเหี้ยนี่ด้วยเหรอ”
“รู้จักดีทีเดียวแหล่ะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันอีกนะมึง”
“ทำไมว่ะ...”ไอ้คิ้วมันเป็นคนถามแทรกขึ้นมา
“แมร่งค้ายา เดินโพยบอล โต๊ะสนุ๊กฯ บ่อน เรียกว่าไอ้ที่ปั่นเป็นเม็ดเงินได้แมร่งเอาหมด”
“หืมมม...ครบสูตรเลย เหี้ยเอ้ยยยยย ดีนะ...มันไม่เอามึงไปทำมิดีมิร้าย กูยังคิดอยู่เลยว่า...ซื่อ ๆ ควาย ๆ อย่างไอ้นาวมันรอดมาได้ไง”ไอ้คิ้วลอยหน้าลอยตาพูด ขอบใจนะ..สัส หลอกด่ากูอีก
ผมกลืนน้ำลายตัวเองอย่างยากเย็น นี่กูเอาตีนไปประทับหน้ามาเฟียมาเหรอว่ะเนี่ย ตื่นเต้นสุด ๆ (ฮา)
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ะ ว่ากูไปมีเรื่องกับมันมา”ผมถามไอ้โรล
“โอ๊ยยย...จะไม่รู้ได้ไง ไอ้สินมันพาเพื่อนมันมาตามหาไอ้ชัดให้ควั่ก กูก็ไม่รู้มันไปตกลงกันอีท่าไหน โน่น...เพื่อนมึงนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ รพ. ตั้งแต่เช้ามืดแร่ะ”
“ห๋า!!!”อันนี้ผมกับไอ้คิ้วอุทานพร้อมกัน
“เออดิ ยามหน้าหอแมร่งโทรตามกูไปรับมันพาไปส่งรพ. เฮ้อ...บอกได้คำเดียวว่า เละ”
“โรล พักนี้ไอ้ชัดแมร่งแปลก ๆ ไป มันเข้าเรียนมั่งเปล่าว่ะ”
“กูก็ไม่รู้ กูเรียนกับมันบางวิชาเอง...”
“แล้วตอนเย็นอ่ะ มันกลับมานอนที่หอทุกวันไหม”
“ก็ไม่นะ ปกติมันจะกลับมาตีสี่ตีห้า”
“ทำไมว่ะนาว มึงสงสัยอะไร”คิ้วหันมาถาม
“ไม่รู้ว่ะ พวกมึงไม่สงสัยเหรอ มันไม่ค่อยได้เข้าเรียน...แล้วมันไปไหน แถมยังไม่นอนที่หออีก อ่อ...แถมยังไปคบกับพวกไอ้สิน จนเกือบพากูไปตายแล้วเนี่ย”ผมตั้งสมมติฐานพยายามให้ครอบคลุมทั่วไทยไว้ เพราะยังรู้ตื่นลึกหนาบางอะไรไม่มาก
“พักนี้กูเห็นมันเครียด ๆ แต่ก็ไม่ถามว่าเรื่องอะไร ไม่กล้าถามว่ะ กลัวแมร่งแดกหัวเอา”ขนาดไอ้โรลที่ว่าสนิท ๆ ยังไม่กล้า
“มันได้ซื้อของเข้าห้องบ้างรึเปล่า อย่างเช่นของแพง ๆ ใหม่ ๆ ไรงี้”ผมถามต่อ
“ไม่นะ...โทรศัพท์กูก็เห็นมันใช้ ไอ้รุ่นเราสู้เครื่องเดิม ส่วนพวกแชมพู สบู่ ยาสีฟัน แมร่งใช้กับกูหมดแร่ะ ถ้ามันใช้แปรงอันเดียวกับกูได้มันคงใช้ไปแร่ะ 555”
“มึงคอย ๆ ดูมันไว้แล้วกัน กูกลัวมันจะเอาเงินไปเล่นพนันไรงี้”ผมบอก ผมต้องรู้ให้ได้...
คุยกันอีกสักพัก...ผมก็ออกไปรพ.พร้อมไอ้คิ้ว ส่วนโรลมันไปทำงานพิเศษต่อ ผมยังไม่ลืมกำชับเรื่องที่คุยกันไว้ ถามไม่บอกเองนะมึง สัสชัด...
........................................................
...........................................
............................
..................
ที่ รพ. ผมยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยกับไอ้คิ้ว ชะเง้อมองเตียงที่เรียงยาวเป็นตับ คอยมองหาเพื่อนตัวดีที่เราคุ้นเคย ผมไม่ชอบรพ.ยิ่งห้องรวม คนก็ยิ่งเยอะ ไหนจะญาติ ไหนจะคนไข้...ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมต้องย้ายมันไปห้องพิเศษให้ได้ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลมันไม่เป็นปัญหากับผมอยู่แล้ว
“นั่นไงๆ กูเห็นแล้ว เข้าไปได้ป่ะว่ะ”คิ้วหันมาถาม เพราะกลัวหมดเวลาเยี่ยม เราอ่านป้ายข้างหน้าที่บอกเวลา ยังเหลืออีกนิดหน่อย ทำเนียน ๆ เข้าไปคงไม่โดนด่าหรอก
ผมมองมันด้วยสายตาตะลึง ไอ้มัมมี่ข้างหน้าเป็นเพื่อนผมแน่เหรอ หน้าปูดบวมจนไม่เหลือเค้า หน้าปกติก็เหี้ยอยู่แล้ว ตอนนี้สภาพยิ่งกว่าปลาบู่ชนเขื่อนอีก ที่แขนขวากับขาซ้ายมันเข้าเฝือกไว้...คงหักสินะ มันนอนหลับอยู่ ผมกับไอ้คิ้วย่องเข้าไปหาเสียงเบา เราต่างก็ยืนมองสภาพมันเงียบ ๆ จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
TBC. ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ จะปรับปรุงต่อไปนะฮะ
เรื่องนี้เราลงไว้ที่อื่นด้วย...ก็จะต่อให้มันเท่ากันแหละฮะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคร๊าบบบ...