05 นางลอยนางลืม
"บ้าจริงหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกพระรามคงมาถึงกรุงลงกาเป็นแน่...พิเภกเราจักควรทำเช่นไรดี"
ทศกัณฐ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห...ในหัวเขาคิดว่า ขร ทูษณ์ ตรีเศียรต่างก็มีฝีไม้ลายมือการสู้รบตบมือไม่ใช่น้อยหากส่งไปสู้พร้อมกันต้องได้ชัยชนะเป็นแน่แต่นี่อะไรดันไปรับปากแข่งร้องเพลงกันซะงั้น...แพ้ซะไม่เหลือชิ้นดี
"หากท่านพี่อยากยุติสงครามก็คงต้องคืนนางสีดาไปแล้วล่ะ"
"จะบ้ารึเจ้าก็รู้สีดาคือลูกข้าเรื่องอะไรจะส่งคืนให้แก่พวกนั้น"
"ถ้าเป็นเช่นนี้ท่านก็คงต้องรับมือกับกองทัพพระรามแล้วล่ะ"
"มันต้องมีวิธีสักวิธีสิที่จะจัดการพวกมันได้ง่ายๆ"
[ภารกิจหลัก จะเริ่มในอีก 5วันข้างหน้า แปลงร่างเป็นนางสีดานอนตายลอยน้ำไปให้กองทัพพระรามเห็น หากทำสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 5000Xp]
จะว่าไปก็ไม่แปลกที่จะมีภารกิจนี้ก็แค่ส่งนางเบญกายลูกสาวของพิเภกไปสุดท้ายก็ถูกจับได้แล้วก็กลายเป็นเมียหนุมานในที่สุดและก็มีลูกด้วยกันคือ อสูรผัด นั่นเอง ภารกิจนี้ก็ไม่เห็นจะยากสักเท่าไหร่เลยนี่แค่ตามนางเบญกายมาก็เท่านั้น
"พิเภกเจ้าจงไปตามเบญกายมาพบข้า"
"ขณะนี้เบญกายไปอาบน้ำพุร้อนที่เทือกเขาอันไกลโพ้นอยู่หากจะให้ไปตามมาพบคงต้องใช้เวลาถึง 10 วัน พะย่ะค่ะ" ห๊ะ...นี่มึงมีอารมณ์ไปแช่ออนเซ็นด้วยเหรอเนี่ย...โอ๊ยน้อออ...จะบ้าตายปกติมันก็อยู่กรุงลงกานี่หว่าไหงพอมีภารกิจดันไม่อยู่อีก
"แล้วมีผู้ใดพอจะปลอมแปลงเป็นนางสีดาได้หรือไม่"
"อันว่าบุคคลที่อยู่ในกรุงลงกาในขณะนี้เห็นทีจะมีเพียงแค่ท่านพี่เท่านั้นที่จะแปลงได้...ด้านน้องสำมนักขานั้นก็ไม่อยู่เห็นทีท่านพี่คงต้องจัดการเองแล้วล่ะ"
มิติใหม่แห่งรามเกียรติ์รึไงวะเนี่ย...มีหรือทศกัณฐ์ต้องแปลงเป็นนางสีดาลอยน้ำไปหาพระรามที่โรคจิตสุดๆ...จะฝืนภารกิจมันก็ไม่ได้อีกอยากจะบ้าตาย
ทศกัณฐ์นั่งครุ่นคิดอยู่นานก็ยังไม่เห็นจะมีผู้ใดที่จะแปลงกายเป็นนางสีดาได้หากไม่ใช่ตัวเขาเองอีกประการหนึ่งหากเขาให้ญาติพี่น้องตนอื่นไปเสี่ยงตายแบบนี้เห็นทีจะไม่เป็นสิ่งที่สมควรคิดได้ดังนั้นเขาจึงต้องวางแผนที่รอบคอบเสียก่อนไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องแต่งกายของนางสีดาต้องเอาให้เหมือนเดี๋ยวไอ้หนุมานมันจะจับได้การลอยน้ำก็ควรลอยตามทิศทางหากสวนทิศทางแล้วไซร้จะเป็นการเปิดช่องให้ศัตรูรับรู้ได้
"พิเภกข้าจักทำเช่นไรดีอันหนุมานนั้นก็มีความฉลาดเป็นอย่างยิ่งข้าเกรงว่ามันจักจับพิรุธข้าได้"
"หนุมานมีความฉลาดก็จริงอยู่แต่ว่ามันยังมิเคยเห็นหน้าของสีดาเลยนะพะย่ะค่ะคงจะจับพิรุธตรงนี้มิได้"
"ถ้าเจ้าเห็นเป็นเช่นนั้นข้าก็จักปลอมแปลงเป็นนางสีดาแล้วไปลอยน้ำตามกระแสน้ำเพื่อให้พวกมันพบเจอได้ง่ายขึ้น"
"แบบนั้นก็ดีเลยท่านพี่รับรองว่าพวกมันมิอาจล่วงรู้ได้เป็นแน่ว่าเป็นนางสีดาตัวปลอม"
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปตามมารีศมาพบข้า"
"พะย่ะค่ะ"
พิเภกรับทราบคำสั่งของทศกัณฐ์แล้วจึงเดินออกไปเพื่อตามมารีศมาเข้าพบเป็นเวลาไม่นานเท่าไหร่นักยักษ์มารีศก็เข้ามาทำความเคารพทศกัณฐ์และไตร่ถามถึงมูลเหตุที่เรียกตนมาพบ
"ข้าได้ยินท่านพิเภกกล่าวว่าท่านต้องการพบข้ามีเหตุอันใดให้ข้าช่วยรึพะย่ะค่ะ"
"มารีศข้ามีงานให้เจ้าทำ"
"งานอะไรรึพะย่ะค่ะข้ายินดีช่วยพระองค์เต็มที่" ทศกัณฐ์ยกยิ้มอย่างพึงพอใจอย่างน้อยงานนี้เขาก็ไม่ได้ลุยเดี่ยวแน่นอนอีกทั้งแผนการที่เขาคิดไว้รับรองไม่มีพลาดแม้หนุมานจะฉลาดเพียงใดก็มิสามารถล่วงรู้ได้เป็นแน่ว่าเขาปลอมตัวเป็นนางสีดา
"ข้าต้องการให้เจ้าแปลงกายเป็นฤาษีเดินลัดเลาะตามพงไพรพนาติดตามข้าที่ปลอมเป็นศพนางสีดาลอยน้ำพอพวกพระรามพบและสงสัยในตัวข้าเจ้าก็หาเรื่องแก้ต่างเพื่อให้พวดพระรามหลงเชื่อกลอุบายของเรา"
"ช่างเป็นแผนการที่แยบยลจริงแท้สมแล้วที่ท่านเป็นจอมอสูรผู้ชั่วช้า...เฮ้ย...เก่งกล้า" กูว่า..กอไก่กับชอช้างมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันพอจะพูดผิดได้นะมารีศ
"เอาเถอะว่าแต่เจ้ามีข้อสงสัยอะไรหรือไม่"
"ข้าสงสัยว่าข้าควรจะโผล่มาพูดแก้ต่างให้ท่านเมื่อไหร่"
"เอาง่ายๆเจ้าก็เดินลัดเลาะหลบแอบตามพุ่มไม้ก่อนพอพวกพระรามมันเริ่มสงสัยเจ้าก็เริ่มอธิบายแก้ต่างได้เลย"
"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใดข้ารับรองว่าแผนการของท่านจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน"
"มันอยู่แล้ว555เอ้าตอนนี้มาฉลองให้กับแผนการก่อนเถิดในอีก10วันข้างหน้าเราจะเริ่มดำเนินการตามแผน"
"พะย่ะค่ะ"
หลังจากเฉลิมฉลองเสร็จสิ้นมารีศก็กลับไปนอนพักผ่อนเพื่อที่จะเก็บแรงไว้ดำเนินการตามแผนของทศกัณฐ์ขณะเดียวกันพิเภกก็เข้ามาพูดคุยกับทศกัณฐ์ถึงเรื่องเนื้อคู่ของพี่ชายตน
"ท่านพี่ทศกัณฐ์ข้าพอจะคาดคะเนได้แล้วว่าใครคือเนื้อคู่ของท่านพี่"
"บุคคลผู้นั้นเป็นใครเจ้าจงบอกข้ามา"
"บุคคลผู้นั้นก็คือ.........."
ด้านพระราม"หนุมานพวกเราก็เดินทางมาจนถึงจุดนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววที่จะหากรุงลงกาเจอเลยข้าจึงใคร่อยากให้เจ้าออกตามหาที่ตั้งของกรุงลงกา"
"พะย่ะค่ะองค์รามข้าจะออกตามหาเดี๋ยวนี้แหละพระองค์" กล่าววาจาจบหนุมานก็เหาะทะยานไปอยู่บนถ้ำแห่งหนึ่งด้วยความที่มันไม่สามารถล่วงรู้ที่ตั้งของกรุงลงกาได้จึงได้แต่ยืนทำหน้ามุ่ยขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า
"ให้ตายสิตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปเมืองลงกาสักทีแล้ววันนี้เราจะหาเจอไหมเนี่ยถ้ารู้ว่ามันจะยากเย็นขนาดนี้เราไปถามท่านสดายุยังจะดีกว่า"
ทันใดนั้นเองก็มีพญานกตัวใหญ่ตัวสีแดงชาดโผล่ออกมาจากถ้ำด้วยลักษณะที่แปลกตาคือไม่มีขนทำให้หนุมานถึงกับเกาหัวด้วยความงง
"ใครพูดถึงสดายุน้องข้า"
"ข้าคือหนุมานแล้วท่านล่ะคือใคร"
"ข้าคือสัมพาที¹เป็นพี่ชายของสดายุว่าแต่ตอนนี้สดายุน้องข้าอยู่ไหนข้าไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว"
"สบายใจได้ท่านสดายุไปเยี่ยมท้าวทศรถที่กรุงอโยธยาท่านยังมีชีวิตอยู่มิได้เจ็บป่วยอะไร"
"โล่งอกไปทีข้าอยู่ที่ถ้ำนี้มาเนิ่นนานจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันสักที"
"แล้วเหตุใดตัวท่านจึงกักขังตัวอยู่ในถ้ำแห่งนี้มิยอมออกมาด้านนอกเล่า"
"เป็นเพราะว่าเมื่อตอนเด็กสดายุเห็นพระอาทิตย์เป็นผลไม้สุกจึงบินขึ้นไปหมายจะจิกกินพระอาทิตย์เห็นดังนั้นจึงกริ้วมากเปล่งแสงรัศมีความร้อนออกมาอย่างมากข้าจึงเข้าไปบังสดายุไว้ขนของข้าจึงหลุดลุ่ยไม่เหลือชิ้นดีมิหนำซ้ำข้ายังถูกสาปไม่ให้ขนขึ้นและให้ไปอยู่ในถ้ำเหมติรันและเมื่อใดที่มีทหารกล้าของพระรามมาโห่สามลาให้ข้า...คำสาปนั้นก็จะหายไป"
"ผู้ที่จะปลดปล่อยท่านให้พ้นจากคำสาปมาถึงแล้วข้านี่แหละคือหนุมานทหารเอกของพระรามเอาล่ะข้าจะโห่สามลาให้ท่านเดี๋ยวนี้"
"ข้าดีใจเป็นอย่างยิ่งในที่สุดข้าก็จะได้โบยบินสู่ฟากฟ้าสักทีหลังจากไม่ได้โบยบินมาเนิ่นนาน"
"ว่าแต่ท่านจะเอาโห่แบบไพเราะหรือว่าไม่ค่อยไพเราะ"
"เอาไพเราะไปเลย"
"จะเอาโห่แบบลูกคอเยอะหรือว่าไม่ค่อยเยอะ"
"เอาเยอะๆแหละดีจะได้เพราะ"
"เอาโห่แบบมีเสียงก้องกังวานหรือว่าเอาแบบมีเสียงเบาๆ"
"กังวานไปเลยเขาจะได้รู้ว่าข้าพ้นคำสาป"
"เอาเสียงของข้าเลยหรือจะเอาเสียงแบบดัด"
"เอาที่มึงสบายใจเถอะหนุมานกูรอนานแล้วเนี่ยชาตินี้กูจะพ้นคำสาปไหม"
"ข้าก็แค่ล้อเล่นขำๆน่า...เอ้าข้าจะโห่ให้เดี๋ยวนี้แหละ"
หนุมานจึงเริ่มโห่...เมื่อโห่เสร็จเรียบร้อยพญาสัมพาทีก็พ้นจากคำสาปมีขนงอกขึ้นดั่งเดิมแล้วบินเหาะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยความดีใจ
"มาเถิดท่านหนุมานข้าจะพาท่านไปยังกรุงลงกา"
"ท่านรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้ากำลังจะไปที่นั่น"
"ไม่รู้สิแปลกก็ข้าอยู่ในถ้ำท่านมายืนพูดอยู่บนถ้ำข้าก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องการจะไปที่ใด"
"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอรบกวนท่านสักนิดก็แล้วกัน"
"ไม่มีปัญหาเชิญขึ้นมานั่งบนหลังข้าแล้วข้าจะบอกจุดที่ตั้งของกรุงลงกา"
หนุมานจึงขึ้นไปนั่งบนหลังพญานกสัมพาทีหลังจากนั้นสัมพาทีก็โบยบินพาหนุมานไปดูที่ตั้งของกรุงลงกา
"เกาะลงกามีภูเขาสลับซับซ้อนมากยิ่งนักท่านจงสังเกตหุบเขานิลกาลานั้นไว้นั่นแหละคือที่ตั้งของกรุงลงกา"
"ขอบใจท่านมากบินกลับได้แล้วท่านสัมพาที"
หลังจากรู้ตำแหน่งที่ตั้งของกรุงลงกาแล้วพระลักษณ์ก็ใช้ให้หนุมานไปสืบข่าวคราวนางสีดาว่าเป็นเช่นไรบ้างหนุมานจึงเหาะมายังกรุงลงกาแต่ก็ยังหาที่ตั้งไม่เจอจึงไปสอบถามพระฤาษีนารท²พอได้ความแล้วจึงรีบไปหานางสีดาในทันที
"เอ...นางสีดาอยู่แห่งหนใดกันหนาทำไมข้าถึงหาไม่เจอเลย"
ไม่นานนางสีดาก็เดินมาที่ตำหนักสวนขวัญตามคำบอกกล่าวของพระบิดาเพราะว่าทศกัณฐ์ล่วงรู้ว่าหนุมานจะมาเลยให้นางสีดามาพบเจอเพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่
"โอ้...แม่นางสีดาข้าหนุมานเป็นทหารเอกของพระรามที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมารับท่านกลับไปหาพระลักษมณ์เชิญไปกับข้าเถิด"
"ช้าก่อนหนุมานหากเราไปกับเจ้าผู้คนก็จะดูหมิ่นได้ว่าเดี๋ยวยักษ์พามาลิงพาไปเจ้าจงกลับไปบอกกล่าวท่านพี่ลักษมณ์เถิดว่าข้าจะรออยู่ที่นี่ขอให้พระองค์ยกทัพมานำพาข้ากลับไปเถิด"
"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอตัวลาก่อนนะพะย่ะค่ะ"
หนุมานจึงเหาะออกมาจากตำหนักสวนขวัญด้วยความที่เป็นลิงซุกซนจึงคิดจะหาเรื่องสนุกๆทำจึงไปทำลายต้นไม้เล่น
ทศกัณฐ์ล่วงรู้ดีว่าหากให้สหัสกุมารออกมาสู้รบก็จะทำให้สหัสกุมารต้องถึงแก่ความตายเขาจึงออกมารับมือเอง
"ไอ้ลิงเผือกเหตุใดเจ้าจึงมาทำลายต้นไม้ในสวนของเราเช่นนี้"
"อ้าวๆ...โผล่หัวมาจนได้นะพญาทศกัณฐ์เจ้าคิดจะสู้กับข้าหรือไง" อันว่าหนุมานนั้นสู้ไปมันก็ไม่ตายเพราะมันได้รับพรจากพระอิศวรหากตายแค่ลมพัดผ่านก็ให้ฟื้นขึ้นให้สมกับเป็นลูกของพระพาย
แต่ก็เอาเถอะไหนๆเขาก็ออกมาในจุดนี้แล้วก็คงต้องโชว์ฝีมือให้มันเห็นบ้างแหละเผื่อมันจะกลัวเกรงบ้าง
"แน่นอนข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้ากลับไปโดยเด็ดขาด"
"ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู"
"ศรนาคบาศจงไปรัดตัวมันไว้มัน"
ทันใดนั้นเองศรนาคบาศก็แผลงฤทธิ์รัดเกี่ยวกระหวัดหนุมานไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดแต่ด้วยความมากด้วยอิทธิฤทธิ์ของหนุมานมันจึงกระโดดไปหากองไฟที่เหล่าทหารยักษ์กำลังย่างอาหารทำไมตัวมันมีไฟลุกขึ้นเนื่องมาจากว่ามันชโลมน้ำมันไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทศกัณฐ์ถึงกับกุมขมับเขารู้ล่วงหน้าแล้วว่าหนุมานจะต้องหลอกล่อให้เขาเอาไฟมาจุดแต่เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเตรียมชุบน้ำมันแล้วกระโดดเข้ากองไฟเช่นนี่มันไม่เหมือนกับเนื้อเรื่องที่เขาเคยอ่านเลยสักนิด
หนุมานกระโดดไปตามตรอกซอกมุมของกรุงลงกาอย่างสนุกสนานไฟบรรลัยก็ลุกโชนขึ้นทั่วเมืองญาติพี่น้องเหล่าทหารรีบวิ่งหนีตายออกมากันเต็มไปหมดไม่นานนักเมืองก็มอดไหม้เสียหายอย่างมาก
ทศกัณฐ์เเทบอยากจะสบถคำด่าออกมาต่อว่าหนุมานที่หนีจากกรุงลงกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ทว่า....
"ไอ้ลิงเหี้ยมึงมาเผาเมืองกูทำห่าอะไรไอ้เวรตะไลเอ๊ย..." ดูเหมือนว่าสีดาลูกรักของเขาจะพูดแทนทุกอย่างแล้วล่ะ
___________________________________
"ว่าอย่างไรนะนี่เจ้าเผากรุงลงกาอย่างนั้นหรือหนุมานนี่มันนอกเหนือจากคำสั่งของเรานี่ถ้าไม่ใช่การศึกเราจะลงโทษเจ้าอย่างหนักเลยทีเดียว" พระลักษณ์ด่าหนุมานด้วยน้ำเสียงโกรธแบบสุดๆทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลยไอ้ลิงตัวนี้ถ้าเกิดมันลามไปโดนนางสีดาตายจะว่ายังไง
"ขออภัยด้วยพะย่ะค่ะ"
"สีดาก็อยู่ที่นั่นหัดทำอะไรแล้วระมัดระวังหน่อยสิ"
"ข้ากลับไปตรวจสอบดูแล้วนางสีดายังปลอดภัยดีพะยะค่ะ"
"ทีหลังก็ระมัดระวังแล้วกันจะทำอะไรก็ใคร่ครวญให้มันดีก่อน"
"พะย่ะค่ะ"
"หนุมานแล้วเจ้าพบทศกัณฐ์บ้างหรือไม่" พระรามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆแน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนปกติพระรามจะพูดอีกเสียงหนึ่ง
"เจอพะย่ะค่ะเห็นร่างบอบบางแบบนั้นแต่อิทธิฤทธิ์ก็มากเช่นกันเล่นเอาซะข้าขยับเกือบไม่ได้"
"อย่างงั้นหรือ"
"พะย่ะค่ะ"
"เอาล่ะถ้าไม่มีอะไรก็ไปหลับนอนกันได้แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว"
พระรามเอ่ยขึ้นเป็นอันจบการพูดคุยสนทนากันเหล่าทหารเฝ้ายามก็ยืนรักษาการอย่างดีเพื่อป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ด้านทศกัณฐ์
"บัดนี้กรุงลงกาของเราถูกไอ้ลิงเผือกมันมาเผาจนมอดไหม้ไปหมดข้าเห็นควรว่าต้องไปเชิญพระเวสสุกรรม³มาเนรมิตเมืองเราขึ้นใหม่เพราะฉะนั้นกุมภกรรณเจ้าจงไปเชิญพระเวสสุกรรมมาเถิด"
"พะย่ะค่ะท่านพี่"
กุมภกรรณจึงเหาะไปอัญเชิญพระเวสสุกรรมลงมาเนรมิตกรุงลงกาขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อเนรมิต กรุงลงกาเสร็จแล้วพระเวสสุกรรมจึงกลับคืนสู่สวรรค์
ณ วันเริ่มภารกิจ"มารีศเจ้าจงดำเนินการตามแผนได้"
"พะย่ะค่ะ"
ทศกัณฐ์และมารีศเหาะเลยสถานที่ตั้งทัพของเหล่าทหารลิงของพระรามมายังจุดที่ตนเองคาดว่าจะลอยตามกระแสน้ำไปได้เมื่อมาถึงยังจุดที่วางตำแหน่งไว้แล้วก็แปลงร่างเป็นนางสีดาทันทีส่วนมารีศก็แปลงกายเป็นฤาษีชราผู้หนึ่งทำทีเดินลัดเลาะป่าไปส่วนทศกัณฐ์ก็กลายเป็นนางสีดาลอยน้ำตามกระแสน้ำมุ่งหน้าตรงไปยังกองทัพพระราม
โอย...กระแสน้ำทำไมก็ช่างเย็นเช่นนี้เขาเริ่มจะรู้สึกหนาวแล้วสิแต่ต้องทำทีหลับตาเพื่อความแนบเนียนไม่งั้นพวกมันจับได้เป็นแน่
ไม่นานนักทศกัณฐ์ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาอุ้มตัวเองขึ้นจากน้ำ...แต่จะว่าไปเขาก็ว่าเราก็เหาะมาไกลจากกองทัพพระรามนี่หว่าทำไมจึงถึงเร็วจังแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะลืมตามองเพราะกลัวจะถูกจับได้เวลาผ่านมาเนิ่นนานทศกัณฐ์ก็รู้สึกว่าไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยใดๆทั้งสิ้นแต่เขาก็ยังไม่ลืมตาด้วยความที่ว่ากลัวแผนจะพัง
"ท่านพี่ทศกัณฐ์ท่านอยู่ที่ไหน" ชัดเจนเสียงนี้ไม่ใช่เสียงใครหรอกเสียงพญาขรน้องเขาเองมึงอุ้มกูมาทำไม....ทศกัณฐ์จึงคืนร่างเดิม
"นี่ขรเจ้าอุ้มข้ากลับมาทำไมเนี่ย"
"อ้าวท่านพี่ข้าก็นึกว่านางสีดาหลบหนีไปได้ข้าจึงอุ้มกลับมาคืนท่านไม่คิดว่าท่านจะแปลงกายเป็นนางสีดาเช่นนี้"
"ท่านขรนั่นไม่ใช่นางสีดานั่นมันท่านทศกัณฐ์" เสียงมารีศที่เหาะตามมาตะโกนอย่างเหนื่อยหอบ
"เออข้ารู้แล้วท่านพี่ทศกัณฐ์คืนร่างให้ข้าเห็นแล้ว"
"โทษทีท่านทศกัณฐ์ข้าเหาะตามไม่ทันจริงๆครั้นข้าจะตะโกนบอกตั้งแต่เนิ่นๆก็เกรงว่ากองทัพพระรามจะได้ยิน"
"ไม่เป็นไรมารีศว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึขร"
"ข้าก็แค่เหาะมาดููลาดเลากองทัพพระรามเผื่อในอนาคตข้าจะได้สู้รบอีก"
"ดีแล้วถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่เฝ้าเมืองให้ข้าก่อนไว้ข้าทำภารกิจเสร็จเมื่อไหร่เจ้าค่อยกลับเมืองเจ้า"
"พะย่ะค่ะ"
ทศกัณฐ์และมารีศจึงเหาะไปยังสถานที่เดิมอีกครั้งแล้วก็เริ่มดำเนินการตามแผนทศกัณฐ์ลอยตามน้ำมาเรื่อยๆจนถึงหน้ากองทัพพระรามด้านพระลักษมณ์ที่กำลังดื่มน้ำเห็นดังนั้นจึงร่ำไห้อย่างสุดขีดด้วยคิดว่าเป็นนางอันเป็นที่รักของตน
"สีดา..ฮือๆๆๆ...พวกมันช่างใจร้ายยิ่งนักถึงขนาดข้าเจ้าเอามาลอยทะเล" เป็นไปตามแผนพระลักษมณ์เชื่อสนิทใจเลย
"มีอะไรรึลักษมณ์" พระรามเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าเหตุอันใดน้องชายตนจึงร้องไห้ฟูมฟายเช่นนี้
"ก็ไอ้พวกยักษ์อันธพาลนั่นสิมันฆ่าน้องสีดาแล้วเอามาลอยทะเลท่านพี่ดูสิทำไมพวกมันจึงใจร้ายไส้ระกำได้ขนาดนี้ฮือๆๆ"
"แต่หม่อมฉันว่ามันแปลกๆนะพะย่ะค่ะ" หนุมานเอ่ยบอกในทันทีที่เห็นร่างนางสีดาแปลง
"แปลกอะไรเล่าหนุมานเจ้าก็เห็นอยู่ว่าศพที่ลอยมาเป็นน้องสีดาอย่างแน่แท้"
"ที่หม่อมฉันว่าแปลกก็เพราะว่าอันกรุงลงกาอยู่ทางด้านฝั่งโน้นเหตุใดไฉนเล่าศพนางสีดาจึงลอยมาจากอีกฟากฝั่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ที่ตั้งของกรุงลงกา" นั่นไงกูว่าแล้วไอ้หนุมานมันต้องสงสัยโชคดีนะที่เราเตรียมแผน 2 มา
"พี่เห็นว่าเป็นดังที่หนุมานพูดนะลักษมณ์" พ่อพระเอกของเรื่องกูก็ดันมาสงสัยด้วยอีกแล้วเมื่อไหร่มึงจะมานี่มารีศกูจะโดนเขาจับได้อยู่แล้วเนี่ย
"ถ้าท่านพี่ว่าเช่นนั้นแสดงว่าสีดานั้นเป็นพวกอสูรแปลงกายมารึ" ชิบหายไหงจู่ๆพระลักษมณ์มันดูฉลาดขึ้นวะ
"อ้าวๆตรงนี้มีคนด้วยรึ" มาจนได้นะไอ้ยักษ์มารีศกว่ามึงจะมาดีกูไม่โดนจับได้ก่อน
"อ้าวท่านฤาษีท่านเป็นใครกันเหตุใดจึงมาที่นี่ได้" พระรามเอ่ยถามด้วยความสงสัยก็ตอนเขาเดินป่ามาเขาไม่เห็นจะมีฤาษีเลยสักคนเลยแถวนี้วันดีคืนดีมีฤาษีโผล่มาซะงั้น
"ข้าเป็นฤาษีชื่ออังสุบวชบำเพ็ญเพียรมานานใคร่อยากหาสถานที่บำเพ็ญเพียรใหม่จึงมาบำเพ็ญเพียรอยู่แถบนี้อยู่มาวันนึงก็เห็นพวกยักษ์เอาศพผู้หญิงมาโยนลงน้ำข้าจึงสงสัยว่าพวกมันโยนผู้ใดลงครั้นข้าจะเข้าไปดูตั้งแต่เนิ่นๆก็เกรงว่าพวกมันจะทำร้ายจึงคอยเดินติดตามศพตามแม่น้ำมานี่ไงสุดท้ายก็มาเจอพวกท่านนี่แหละ"
"เห็นไหมเล่าพี่รามพวกมันฆ่าน้องสีดาจริงๆด้วยท่านฤาษีก็เห็นฮือๆๆ"
"ใจเย็นไว้ลักษมณ์ถึงเจ้าร้องไปมันก็ไม่ได้ช่วยนางฟื้นขึ้นมาหรอกสงบสติอารมณ์ของเจ้าก่อน" พระรามปลอบน้องชายของตนเองให้หยุดร้องเมื่อพระลักษมณ์ได้ยินพี่ชายเตือนสติเช่นนั้นพยายามข่มอารมณ์ความเศร้าไว้เพราะในใจยังคาดคิดว่ามันน่าสงสัยอย่างที่หนุมานบอก
"แต่หม่อมฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีพะย่ะค่ะอั้นพญาทศกัณฐ์นำลักพาตัวนางสีดาไปด้วยความรักใคร่เหตุใดไฉนเล่าจึงฆ่านางและเอาศพนางทิ้งทะเลเช่นนี้"
"ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผลหนุมานท่านว่าอย่างไรเล่าพี่ราม"
"ก็จริงอย่างที่หนุมานว่านะถ้าทศกัณฐ์ลักพาตัวสีดาไปด้วยความรักใคร่ทำไมถึงต้องฆ่านางด้วยล่ะ"
"ข้าขอออกความเห็นหน่อยนะ...อันความรักก็เปรียบเหมือนดาบสองคมรักมากก็ดูแลกันได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งถ้ารักกันมากก็ฆ่ากันได้เช่นกันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกหนาพวกท่านทั้งหลาย" ฤาษีอังสุที่เงียบอยู่นานจึงเริ่มออกความคิดเห็นและดูเหมือนว่าเหล่าพวกพระรามจะเริ่มคล้อยตามเขาซะแล้วสิมารีศในร่างฤาษีแอบยิ้มมุมปากโดยไม่ให้ใครเห็นแผนการของเราช่างแนบเนียนจริงๆ
"ที่ท่านฤาษีพูดมาก็มีเหตุผลแต่ข้าสงสัยเพียงจุดเดียวพะย่ะค่ะ" คนอื่นเขาไม่เห็นสงสัยเลยมึงสงสัยอะไรนักหนาเนี่ยหนุมานกูอยากจะบ้าตายรู้งี้หาอุบายทำให้ไอ้ลิงเผือกนี่มันไปอยู่ตรงอื่นดีกว่า
"เจ้าสงสัยตรงไหนหรือหนุมานบอกเราที" พระลักษมณ์เอ่ยถามในทันทีในใจก็คาดหวังว่าให้ศพที่ลอยมานั้นไม่ใช่นางสีดาตัวจริงแต่เป็นอสูรแปลงกายมาเป็นนางสีดาเพื่อหลอกล่อตน
"เมื่อคราวก่อนที่ข้าบุกไปกรุงลงกาข้าเห็นธำมรงค์อยู่ที่นิ้วของแม่นางสีดาแล้วเหตุใดศพที่ลอยมานี่ถึงไม่มีธำมรงค์อยู่ที่นิ้วเลยเล่า" ชิบหายแล้วกูลืมไปยืมแหวนสีดามาใส่โอ๊ยอะไรมันจะขี้ลืมขนาดนี้ทศกัณฐ์วางแผนมาดิบดีจะมาพลาดไม่ได้นะโว้ย
"เรื่องแหวนรึข้าไขข้อข้องใจให้ท่านได้ก่อนที่พวกนั้นจะโยนศพลงข้าเห็นพวกมันถอดแหวนของแม่นางสีดาแล้วเอากลับไปด้วยพวกมันคงคิดที่จะเอาไปขายกระมัง" ยอดจริงๆเลยมารีศมึงคือที่พึ่งอย่างแท้จริงดีกว่าเป็นกวางทองแล้วไปโดนเขาฆ่าตายเยอะเลย
"ถ้าเป็นอย่างที่ท่านฤาษีเล่าเห็นทีจะเป็นศพแม่นางสีดาจริงๆแต่ข้าขอทดสอบอะไรสักอย่างหนึ่งก่อนได้ไหมพะย่ะค่ะ" กูล่ะรำคาญมึงจริงๆไอ้ลิงเผือกมึงจะเชื่อเขาเลยไม่ได้หรือไงเนี่ยต้องมาทดสอบโน่นทดสอบนี่กูว่าแผนกูต้องแตกแน่ๆเลยเพราะมึงมันขี้สงสัยจะว่าสงสัยก็คงไม่เหมาะกับมันน่าจะใช้คำว่าเสือกน่าจะดีสุด...ถือว่าให้เกียรติทหารเอกของพระรามสุดๆแล้วนะ...อ้อต้องใช้ว่าเกลียดสิถึงจะถูก
"เอาเถอะหนุมานเราเชื่อในปัญญาอันหลักแหลมของเจ้าลองทดสอบดูเถิด" มึงก็อีกคนพระลักษมณ์มึงไม่คิดจะแบบไม่ต้องทดลองหรอกหนุมานเรากลัวร่างสีดาจะแหลกสลายไปอะไรแบบนี้บ้างเหรอ
"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะหม่อมฉันจะทำอย่างเต็มที่"
เอ่ยจบหนุมานก็ให้เหล่าทหารวานรไปเตรียมฟืนมาตั้งไว้มากมายเพื่อที่จะนำร่างนางสีดาลงไปนอนได้หลังจากวางร่างนางสีดาเสร็จก็เริ่มจุดไฟในทันใด
โอ๊ยทำไมมันร้อนอย่างนี้วะเนี่ยทักษะทนไฟไม่มีเลยหรือไงเนี่ยทศกัณฐ์....
ขออภัยยังไม่ปลดล็อคทักษะทนไฟต้องเลื่อนอีก 1 level คุณจึงจะปลดล็อคได้
แล้วกูจะปลดล็อคยังไงในเมื่อภารกิจนี้ต้องสำเร็จก่อนถึงจะปลดล็อคได้โอ๊ยชีวิตแต่ว่าเราก็มีทักษะกายสิทธิ์อยู่ถึงจะร้อนหน่อยก็เถอะ....แต่ว่ามันทนไม่ไหวแล้วไม่อยู่แล้วโว้ย....นางสีดาแปลงรีบเหาะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าในทันที
มารีศในร่างฤาษีเห็นดังนั้นจึงรีบเผ่นตามกันไปโดยไปคนละทางกับทศกัณฐ์ซึ่งก็มิมีใครเห็นในขณะที่ฤาษีหนีไปนับว่าเป็นโชคดีของมารีศเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีใครสนใจเขาเลย
"ข้าว่าแล้วมันต้องมีอะไรแปลกๆเดี๋ยวหม่อมฉันจะตามไปจับมันมาเองพะย่ะค่ะ"
"ช้าก่อนหนุมานเจ้าอยู่ที่นี่ช่วยคิดหาทางข้ามไปยังกรุงลงกาเถิดเดี๋ยวเราจะตามไปจับเขาผู้นั้นเอง" พระรามเอ่ยบอกพลางยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยว่าแล้วพระรามก็วิ่งตามไปในทันที
รู้สึกว่าจะเหาะหนีมาได้แล้วนะโชคดีเป็นบ้าเลยว่าแต่ทำไมไอ้ลิงเผือกมันถึงไม่ตามมาวะเนี่ยแต่ว่าดีใจได้ไปนานหรอก...พ่อพระเอกของเรื่องเขาก็วิ่งถือธนูไล่ตามมาอยู่...ชิบหายแล้วผิดคาดปกติต้องเป็นหนุมานไม่ใช่หรอวะที่ตามมาทำไมเป็นพระรามได้เนี่ย
"เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก" กูว่าชาติที่แล้วมันต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูแน่นอนมึงจะตามอะไรกูนักหนาเนี่ย...จ้างให้ก็จับไม่ทันหรอกเร่งสปีดเต็มที่