รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นตอนพยาบาลมาวัดไข้วัดความดันตามปกติ มองไปที่โซฟาเห็นหมอวรรตนอนเหยียดยาว ช่วงขายื่นเลยออกไปเพราะความสูงที่เกินมาตรฐาน เห็นแล้วรู้สึกอุ่นใจ แอบย่องเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเก็บผ้าห่มที่ไหลลงไปกองกับพื้นเกือบทั้งผืนขึ้นไปห่มให้
“นอนดิ้นอย่างกับเด็ก”
เมื่อเห็นว่านอนหลับสนิทจึงเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันทำธุระส่วนตัว พอออกมาก็ยังเห็นเขานอนอยู่ที่เดิมจึงเข้าไปเก็บผ้าห่มให้อีกครั้ง
“ทำไมถึงนอนดิ้นได้ขนาดนี้นะ โอ๊ะ!!”
ร่างของผมก็ถูกรวบไว้แล้วตวัดทีเดียวลงไปนอนติดชิดด้านในโซฟาอย่างง่ายดาย จากนั้นหมอวรรตก็ตอนเบียดตามเข้ามา
“คุณ! จะทำอะไรเนี่ย” ผมร้องออกมาขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ขอนอนกอดหน่อย นี่นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะอยากจับคุณปล้ำแต่ต้องพยายามข่มไอ้หนูไว้” ดูคำพูดคำจาของเขาสิ มันเหลือขอซะจริงๆ
“นี่คุณเป็นหมอนะ ทำไมถึงพูดอะไรเสื่อมๆ แบบนี้ออกมาได้ไม่อายปากเลยนะ” ผมตีเขาแต่ก็ไม่ถนัดนัก
“เป็นหมอก็มีอารมณ์ได้นี่คุณ” เขาเถียง “แล้วใช้คำว่าไอ้หนูมันก็ซอฟท์สุดแล้วนะ หรือจะให้ใช้คำว่าไอ้จู๋ล่ะ หรือจะเอาแบบดาร์กๆ เลยก็ค.. โอ๊ย!!” ผมหยิกเขาสุดแรงเพื่อไม่ให้เขาพูดคำบ้าบอนั่นออกมา
“เจ็บนะคุณ! ถ้าจะหยิกขนาดนี้ก็ถีบให้ตกโซฟาเลยดีกว่า” หมอวรรตบ่นออกมาและผมก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ “เฮ้ยคุณ!! ถีบจริงเหรอ นี่ผมเจ็บนะ!”
ร่างสูงลงไปกองแอ้งแม้งอยู่ด้านล่างซึ่งผมไม่ได้ถีบนะ แค่ผลักออกไปเฉยๆ
“สมน้ำหน้า” ว่าแล้วก็กำลังจะลุกแต่เขาไวกว่ารีบขึ้นมานอนกอดผมไว้อีกครั้ง “นี่คุณ! ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่มีใครมาแล้ว ข้าวก็มาแล้วนั่นวางอยู่บนโต๊ะ แม่บ้านก็มาทำความสะอาดไปตอนคุณอาบน้ำ พยาบาลวัดไข้วัดความดันรอบเช้าไปเมื่อกี้ ตอนนี้เหลือแค่รอหมอมาสรุปอาการซึ่งไม่ใช่เจ็ดโมงเช้าแบบนี้แน่นอน ส่วนคุณแม่ก็จะไม่เข้ามาเพราะเมื่อวานผมเอาปิ่นโตที่ล้างสะอาดเอี่ยมไปคืนแล้วบอกว่าจะพาคุณกลับบ้านเอง ให้คุณแม่เตรียมมื้อเที่ยงแบบจัดเต็มรอลูกชายได้เลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ ปลอดคนแน่นอน”
“แสนรู้นัก”
“ก็ผมเป็นใคร หมอนะครับ เรื่องในโรงพยาบาลผมรู้หมด” ทำหน้าอวดอย่างกับเด็ก เห็นแล้วเบ้ปากใส่รัวๆ แต่แล้วนึกขึ้นได้เรื่องคุณแม่
“แล้วเรื่องอะไรถึงไปเอาหน้ากับคุณแม่แบบนั้น คุณถือวิสาสะอะไรมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของผม” ความจริงบอกน้าเวชไว้ว่ายังไม่เข้าบ้าน ตั้งใจว่าพอออกจากโรงพยาบาลจะโทรนัดเฮียเผ่าเพื่อเคลียร์เรื่องปัญหาเสียก่อน
“ก็ไม่รู้สินะ ตอนนี้ผมเป็นว่าที่ลูกเขยคนโปรด ถึงอันดับในใจคุณจะเป็นที่โหล่แต่อันดับในใจผู้ใหญ่รอบตัวคุณผมยืนหนึ่ง เหลือแต่ป๋าคุณนะ ถ้าเจอป๋าอีกคนผมจะกล่อมให้มาเป็นพวกให้ได้เลย”
ริมฝีปากสีอ่อนของเขาขยับไปมาอยู่นานเพราะพูดมาก ซึ่งผมชอบมองปากเขาเวลาพูดเพราะมันดูสุขภาพดีสีระเรื่อไม่ซีดไม่คล้ำ เท่าที่รู้จักกันมาไม่เคยได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาเลย แถมฟันก็ยังขาวเรียงเป็นระเบียบสวยงาม คงดูแลร่างกายอย่างดีสมกับเป็นคุณหมอ
ส่วนเรื่องป๋า ไม่อยากบอกให้ได้ใจว่าขนาดยังไม่เจอกัน เขาก็ได้คะแนนอันดับหนึ่งจากป๋าไปแล้ว น่าแปลกที่คนล้นๆ อย่างหมอประสาทจะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี ขนาดเฮียเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับป๋ายังเข้าหน้าคุณแม่ไม่ค่อยติด แถมเวลาคุยกับป๋าเรื่องผม ป๋าก็ไม่ค่อยชอบคุยด้วย น่าสงสารเฮียเหมือนกัน แต่ผู้ใหญ่เขาก็รู้ว่าเฮียเป็นยังไงเพราะสังคมไฮโซมันแคบ ใครทำอะไรที่ไหนก็รู้กันไปทั่ว จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกป๋ากับคุณแม่เลยว่าตกลงไปสร้างบ้านเตรียมอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ก็ดีที่ยังไม่ได้บอกเพราะความสัมพันธ์ของเรายังไม่มั่นคง
“ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว เอาที่คุณสบายใจก็แล้วกัน” ผมบอกแล้วพยายามจะลุกแต่ถูกรัดตัวไว้แน่น
“ถ้าเอาที่ผมสบายใจ เราสองคนจะได้กันที่นี่บนโซฟาตัวนี้ โอเคไหม” สายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ขึ้นทันที
“นี่มันโรงพยาบาลนะคุณ พูดอะไรบ้าๆ”
“งั้นถ้าเป็นที่คลินิกผมคุณโอเคใช่ป่าวล่ะ” ทึกทักเอาผลประโยชน์เข้าตัวแบบนี้ก็ได้เหรอ
“โอ้ยหมอบ้าาา!” ผมแหวใส่ “อย่าพูดอะไรแบบนี้ได้ไหม ผมทำหน้าไม่ถูก”
“ฮ่าๆ น่ารักจัง” เขาเกลี่ยนิ้วบนผิวหน้า “เวลาที่คุณเคืองปนเขินแบบนี้ตัวคุณแดงไปหมด เคยบอกไปแล้วนี่ว่ามันน่ารักน่าแกล้ง”
ผมหยุดนิ่ง มองตามสายตาของเขาที่มองไล่ไปทั่วใบหน้า เลื่อนลงต่ำไปบริเวณลำคอ มือหนาเลื่อนลงตามสายตาแล้วล้วงสัมผัสช้าๆ เข้าไปใต้สาบเสื้อที่ซ้อนทับไว้หลวมๆ ลูบคลึงบริเวณไหปลาร้าและเปิดเสื้อออกจนเห็นช่วงไหล่ที่เปล่าเปลือย
ผมเผลอเผยอปากผ่อนลมหายใจออกมา รู้สึกวาบหวามจนต้องลอบกลืนน้ำลายแต่กลับไม่พ้นสายตาของเขา
“เวลาคุณมีอารมณ์ คุณเซ็กซี่มากจริงๆ” เขาเอ่ยชมพลางก้มลงจูบเบาๆ ที่หัวไหล่เปลือย
ผมทำได้แค่มองตามการกระทำของเขา ยิ่งนานไปผมก็ยิ่งห้ามใจลำบาก อย่าว่าแต่ห้ามใจ แค่แยกแยะความรู้สึกไม่ให้เกิดอาการสะท้านวูบวาบยังทำไม่ได้เลย
“ที่จริงผมไม่อยากให้อาการคุณหายหรอกนะ ยิ่งคุณเซนท์ซิทีฟกับสัมผัสแบบนี้มันยิ่งเร้าอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน แต่มันก็ไม่โอเคถ้าจะเป็นแบบนี้กับทุกคน” เขาจูบไปตามลำคอและช่วงไหล่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นจ้องตากับผม
“ไม่อยากให้คนอื่นเห็นคุณในอารมณ์แบบนี้เลย.. ช่วยบอกผมหน่อยว่าผมก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณและมีสิทธิ์จะหวงคุณได้” ดวงตาคู่สวยสะท้อนความหวังระคนรวดร้าวอยู่ในที
ผมยกมือขึ้นลูบไปตามสันกรามของเขาแผ่วเบา
“คุณเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผม” ตอบไปตามความจริงแต่ก็ยิ่งทำให้เจ็บปวดเพราะดูตามลำดับแล้ว เขาน่าจะอยู่ลำดับสุดท้าย
“แค่นั้นก็ดีแล้ว” หมอวรรตกดกลีบปากสีสวยลงมาบนริมฝีปากแล้วถอนออก “ได้แค่นี้ก็พอ” เขายิ้มเศร้าราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร คนฉลาดอย่างเขาคงเดาออกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะเลือกเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย เหมือนเขารู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ใกล้ชิดกัน น้ำตาผมรื้นขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มหม่นหมองจากเขา
“ผมขอโท..” ริมฝีปากสีสวยกดแนบลงมาเพื่อยับยั้งคำพูดจากนั้นจึงเลื่อนขึ้นจุมพิตบนดวงตาทั้งสองข้าง เขาจูบซับหยาดน้ำและเลียริมฝีปากตัวเองก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“ถึงผมจะไม่ใช่ที่หนึ่งในหัวใจคุณ แต่ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่จะทำให้คุณเสียน้ำตา เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้กับเรื่องของผม คุณมีสิทธิ์แค่ยิ้ม หัวเราะ และมีความสุข ผมอนุญาตแค่นี้”
ยิ่งได้ยินก็ยิ่งอยากจะร้อง และพอน้ำตารื้นขึ้นร่างสูงก็จูบซับน้ำตาให้แห้งไปอีก ไม่มีโอกาสที่น้ำตาของผมจะไหลออกมาได้เลย
“ผมขอโทษ..” ได้แต่พูดคำนี้ออกไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก
เขาส่ายหัว “ยิ้มสิ ถ้าคิดว่าอยากชดเชยให้ผม คุณก็ต้องยิ้มออกมา ยิ้มให้ผมนะ” หมอวรรตยังคงจูบซับดวงตาของผมครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะยิ่งเขาพูด ยิ่งเขาดีกับผมมากเท่าไรมันก็ยิ่งกลั่นให้น้ำตารื้นขึ้นมากเท่านั้น
ผมจ้องมองเขาเนิ่นนานเพื่อเก็บภาพนี้เอาไว้เป็นความทรงจำก่อนจะบอกออกไปด้วยความรู้สึกดี
“คุณคือรอยยิ้มของผมนะ” ผมยิ้มแล้วโอบกอดเขาไว้แน่น เขาเองก็ซุกหน้าเข้ามาเพื่อกอดตอบรับผมเช่นกัน
“ไม่รู้ว่าจะเป็นกอดสุดท้ายไหมแต่ผมจะจำกอดนี้ของคุณไปตลอดเพราะมันเป็นกอดแรกที่คุณเต็มใจกอดผม กอดที่อุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัส” เขาบอกแล้วกอดผมแน่นขึ้น
เราสองคนกอดกันเนิ่นนาน ไม่มีการล่วงเกินไปกว่านี้ แค่กอดเพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกันราวกับว่าเมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไป มันจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
ผ่านไปครู่ใหญ่ เราสองคนผละออกจากกันเมื่อเสียงโทรศัพท์ของหมอวรรตดังขึ้น เขาถอนหายใจแล้วผละอ้อมกอดออกไปอย่างเสียไม่ได้
“ฮัลโหลครับ” เขารับสายแล้วหันมาบอกผม “เดี๋ยวกลับมารับนะ” เมื่อผมพยักหน้ารับทราบเขาก็เดินออกจากห้องไป
“ผมรู้แล้วว่าพี่จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ก็กำลังจะเข้าไปหานี่ไง”
“เอาเรยเรย์มาเป็นไม้กันหมาแล้วก็ชิ่งหนี นายนี่มันจริงๆ เลย”
“ก็พี่เวย์บอกเองไม่ใช่เหรอว่าเขากำลังจะเลือก ผมก็แค่อยากมาร่ำลาเขาหน่อย ขนาดพี่เองยังบอกว่าเปอร์เซ็นต์น้อย แล้วผมที่รั้งท้ายมาตลอดจะไปมีหวังอะไร หมดจากนี้ก็คงจบแล้ว พี่ก็ให้เวลาผมมั่งเถอะ”
“งั้นไม่ต้องเข้ามาแล้ว เดี๋ยวฉันทำเรื่องออกเองแล้วจะพาเรย์เรย์กลับเลยก็แล้วกัน แต่นายอย่าล่วงเกินอะไรให้เขาตัดสินใจยากเกินไปล่ะ แค่นี้นะ”
หลังจากคุณหมอมาตรวจแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้ ไม่นานหมอวรรตก็กลับเข้ามาพร้อมโอวัลตินร้อนและวาฟเฟิลกับผลไม้สด “รองท้องก่อน กว่าจะได้กลับก็น่าจะใกล้เที่ยงนู่นแหละ”
ผมรับของมากินแล้วยื่นองุ่นไปป้อนเขาด้วย “อ้ำๆ”
ร่างสูงมองแบบไม่อยากเชื่อสายตาอยู่เล็กน้อยแล้วอ้าปากงับไปและโดนผมค้อนให้เพราะเขาตั้งใจงับโดนมือ
“หวาน” ทั้งสีหน้าและสายตา ผมรู้เลยว่าไม่ใช่องุ่นที่หวานแต่ต้องเป็นมือผมแน่ “หมายถึงองุ่นนะ” เขาดักทาง
“ไม่เชื่อ” ผมเบ้ปากใส่แล้วฉีกวาฟเฟิลป้อนเขาอีก “คุณ..!” แล้วก็ต้องร้องออกมาเบาๆ เมื่อเขางับไปแล้วจับแขนผมไว้เพื่อดูดนิ้วตั้งแต่หัวแม่มือยันนิ้วก้อย
“หวานกว่าวาฟเฟิลก็นิ้วคุณนี่แหละ” สายตาเจ้าชู้แบบนั้นมันทำให้หน้าผมร้อนผ่าว เวลาเข้าโหมดหื่นแล้วสีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนไป และผมก็รู้สึกว่าแพ้ทางอะไรแบบนี้ทุกที
“ตัดไปจุ่มน้ำก๋วยเตี๋ยวแทนน้ำตาลเลยปะ” ผมประชด คงต้องพยายามฝืนอารมณ์ตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะทำให้ต้องเข้าใกล้กันอีกจนเขามีความหวังมากขึ้นและไม่สามารถตัดใจจากผมได้
“เสียบรรยากาศ” หมอวรรตามองค้อน บ่นแล้วก็อ้าปากรอกินอาหารที่ผมจะป้อนให้
ผมส่ายหัวแล้วป้อนเขาไปเรื่อยๆ สลับกับป้อนตัวเอง และทุกครั้งเขาก็จะหาเศษหาเลยกับนิ้ผมจนขี้เกียจจะพูดมากจึงต้องปล่อยให้เขาทำไป
รอกันอีกพักใหญ่ พยาบาลจึงมาแจ้งให้ไปจ่ายเงินและออกจากโรงพยาบาลกันตอนสิบเอ็ดโมงนิดๆ เขาขับรถพาผมกลับบ้านด้วยรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว ไม่ใช่รถบุโรทั่งคันเก่า
“ก็มีรถดีดีกับเขาเหมือนกันนี่ แล้วทำไมถึงชอบขับอีคันนั้นนัก”
“คันนั้นเอาไว้วิ่งใกล้ๆ ส่วนคันนี้เอาไว้วิ่งสร้างภาพ” บอกพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ
“ก็รู้เนาะว่าสร้างภาพ รู้จักตัวเองดี๊ดี”
“ถ้าจะว่าไป ผมเป็นคนที่รู้จักและคอนโทรลชีวิตได้ดีนะ ผมวางแผนชีวิตไว้ตลอดและมันก็เป๊ะตามแผนมาตลอด จนมาเจอคุณเนี่ยแหละ”
“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ” ผมย่นคิ้วหันไปมอง
“ก็มีแค่เรื่องของคุณที่ผมคอนโทรลไม่ได้ บอกตัวเองว่าอย่าไปยุ่ง บอกตัวเองว่าอย่าไปแคร์ บอกตัวเองว่าอย่าไปคิดถึง แต่บอกอะไรไปก็ไม่เคยสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว” สีหน้าเขาเรียบเฉยราวกับว่ามันเปนเรื่องที่เขาปลงแล้วแต่ในแววตาลึกๆ ผมรู้ว่าเขากำลังข่มความเจ็บปวด
“ก็คุณมันดื้อ” ผมจิ้มนิ้วไปที่แก้มเนียน มือหนาคว้าไว้แล้วจับไม่ปล่อยแถมยังดึงไปหอมดังฟอด
“อยากยื้อเวลาที่ได้อยู่กับคุณไว้นานๆ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองส่งสายตาละมุนละไม ผมมองกลับไปแล้วยิ้มให้
“ผมก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงซึ่งผมก็ไม่อยากให้ความหวังไม่ว่ากับใครทั้งนั้น แต่ที่บอกได้ตอนนี้คือ ผมก็อยากให้เวลาหยุดหมุนไว้ตรงนี้เหมือนกัน รอยยิ้มของผมจะได้อยู่ไปนานๆ” ดึงมือเขามาจูบบ้างซึ่งก็ทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“ทำเองก็เขินเอง คุณนี่ตลกจริงๆ นะ” เขายิ้มล้อ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ผมได้แต่ค้อนให้แล้วหันไปมองข้างทาง ไม่อยากคุยด้วยแล้ว
ไม่นานนักเราก็กลับมาถึงบ้าน จะว่าไปเหมือนจากไปนานเป็นเดือนๆ เพราะที่ๆ ผมไปมันทั้งลำบาก อดอยากและช่วงแรกๆ ก็ปวดใจจนแทบจะทนไม่ไหว ถึงแม้จะดีกับพี่เวย์ในวันสุดท้ายแล้วก็เถอะ
“คุณหมอวรรตพาคุณหนูกลับมาแล้วครับคุณผู้หญิง” น้าเวชรีบไปรายงานคุณแม่ที่กำลังเดินลงมาจากบันได
“ก็เห็นพร้อมกันนี่แหละนายเวชจะมาบอกอีกทำไม ไปรอรับตาดอทสิ มีของมีอะไรด้วยไหมนั่น” คุณแม่ชี้โบ้ชี้เบ้ดูตื่นเต้นที่เห็นผมเดินออกจากรถ
“คุณแม่อย่าเดินเร็วสิครับ เดี๋ยวหกล้มกันพอดี” ผมรีบเข้าไปหาและถูกสวมกอดและหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง
“ก็ลูกกลับมาบ้าน แม่ดีใจนี่นา” คุณแม่มองหน้าผมแล้วหอมแก้มอีกรอบก่อนจะหันไปคุยกับหมอวรรต
“หมอวรรตถืออะไรมาเยอะแยะล่ะลูกทำไมไม่ให้นายเวชช่วยถือ”
“ไม่เป็นไรครับแค่ไม่กี่ถุงเอง” เขายิ้มละมุนจนน่าหมั่นไส้ “ถุงนี้ยาของน้องดอทครับ” ได้ยินแล้วถึงกับตัวแข็งทื่อหันไปมองคนพูดเสียจนตาค้าง
อะไรคือน้องดอท ต่อหน้าคุณแม่เรียกผมว่าน้องเหรอ โอ้ย อีตาหมอจอมสร้างภาพ
“ส่วนอันนี้ของน้าเวชครับ เป็นน้ำมันปลาสูตรเข้มข้นช่วยเรื่องกระดูกไขข้อได้ดี ส่วนถุงนี้พิเศษสำหรับคุณแม่ โสมแท้จากจีนกับซีดีบรรยายธรรมของแม่ชีชไมพร ท่านบรรยายได้เห็นภาพเข้าใจง่ายและยกตัวอย่างเก่งมากครับ อยากให้คุณแม่ลองฟังดู”
“โถ มีของน้าเวชด้วย บุญรักษานะครับคุณหมอ” น้าเวชรับของไปด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยลูก แค่ที่นายเวชเล่าว่าหมอวรรตช่วยดูแลตาดอทมาตลอดแม่ก็ขอบคุณมากแล้ว” คุณแม่รับของแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ไม่เป็นไรเลยครับ น้องดอทว่าง่ายน่ารักนิสัยดี สงสัยได้คุณแม่คอยอบรม” อีตาหมอขี้ประจบพูดไปยิ้มไปโปรยเสน่ห์ไปจนคุณแม่ชมไม่ขาดปาก
“อุ๊ย หมอวรรตเนี่ยปากหวานกับคนแก่อยู่เรื่อย ไปข้างในกันลูกไป แม่ให้เด็กตั้งโต๊ะไว้แล้ว ทานข้าวเที่ยงด้วยกันแล้วค่อยกลับ”
“ให้คนอื่นกินข้าวด้วยได้ยังไงครับคุณแม่..” ผมพยายามจะท้วงเพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครเป็นแขกร่วมโต๊ะกับคุณแม่ในบ้านนี้เลยสักครั้ง ขนาดสมาคมคุณหญิงคุณนายขอมาดื่มน้ำชาสังสรรค์คุณแม่ยังนัดไปเจอกันที่อื่น แล้วอีตาหมอนี่เป็นใคร ทำไมคุณแม่ถึงได้เห่อนักเห่อหนาจนชวนกินข้าวแบบนี้ล่ะ
“เราน่ะเงียบๆ เลยตาดอท นี่ถ้าคุณหมอไม่พากลับบ้านก็คงจะไปหาคนอื่นก่อนสิท่า” กลายเป็นผมที่โดนคุณแม่ดุซะเอง “นายเวชบอกแม่แล้วนะว่าเราสั่งให้พาไปหาตาเผ่าพงศ์นั่น แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเขาไม่น่าคบลูกก็ยังจะดื้ออยู่ได้ คนดีๆ ก็มีไม่ยอมสนใจ”
“โธ่คุณแม่” ผมพยายามจะแย้งแต่คุณแม่ไม่ฟังแล้วเดินนำอีตาหมอขี้ประจบนั่นเข้าบ้านไปทันที
แต่ที่น่าโมโหก็คือ หมอประสาทมันหันมายิ้มร้ายยักคิ้วเย้ยผมเนี่ยสิ โอ้ย อยากเอาไม้แพ่นกะบาลแก้หมั่นไส้
อาหารเที่ยงวันนี้กลายเป็นมื้อใหญ่ต้อนรับหมอวรรตขวัญใจคนในบ้าน ทั้งคุณแม่ น้าเวช แม้แต่แม่ครัว แม่บ้าน ก็มาแอบดูเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามๆ กัน
“อาหารอร่อยมากเลยครับคุณแม่ นานๆ ได้ทานอาหารชาววังชั้นเลิศแบบนี้เป็นบุญปากของผมแท้ๆ” ปะเหลาะเข้าไป กินข้าวไปสามจานหมดเกลี้ยง แถมยังขอเติมของหวานอีก คุณแม่งี้ยิ้มแก้มแทบแตก
“ถ้าอร่อยก็มาทานบ่อยๆ นะหมอวรรต บ้านนี้เปิดต้อนรับตลอดเวลาจ้ะ” คุณแม่ก็ให้ท้ายอยู่ได้ แล้วดูสิ ไม่เห็นสนใจจะคุยกับผมเลย นี่ผมลูกคุณแม่นะ
“ขอบคุณมากครับคุณแม่ ขอบคุณที่เมตตาหมอจนๆ คนต่ำต้อยอย่างผม หลงกลัวซะตั้งนานว่าคุณแม่จะรังเกียจไม่อยากให้คบค้ากับน้องดอทเพราะฐานะเราต่างกัน” ถามจริงๆ นี่เป็นหมอหรือลิเกเก่า ถ้าจะอ้อนแม่ยกขนาดนี้ก็ไปเล่นลิเกเลยเถอะ
“ตาดอทน่ะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ชอบเก็บกด ชอบขบคิดอะไรคนเดียว บางทีก็เครียดแต่ไม่ยอมบอก แต่นายเวชมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าหมอวรรตทำให้ตาดอทได้นอนพักยาวๆ เพราะลูกคนนี้มันขี้กังวล จะนอนแต่ละทีก็ยากแสนยาก ที่สำคัญหมอวรรตทำให้เด็กอมทุกข์คนนี้ยิ้มได้หัวเราะเป็น นี่ก็ตัดผมให้น้องด้วยใช่ไหม เมื่อวานแม่ยังเห็นแหว่งเป็นหนูแทะอยู่เลย วันนี้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ แถมยังพาเข้าวัดวา แม่ดีใจมากกว่าที่คบกันแล้วพากันไปในทางที่ดี ไม่มีทางรังเกียจหรอกลูก”
ไปวัดนั่นผมจะไปของผมเองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลายเป็นความดีความชอบของเขาที่พาผมไปล่ะ โอ้ย ทำไมคุณแม่ลำเอียงแบบนี้
ได้แต่นั่งหน้ามุ่ยฟังคนขี้ประจบกับคุณแม่คุยกัน พอจะพูดแย้งอะไรออกไปคุณแม่ก็ออกรับแทนไปซะหมดก็เลยนิ่งเงียบซะดีกว่า
“ไว้มาอีกนะลูก มาบ่อยๆ ให้คนแก่ได้มีเพื่อนคุย” คุณแม่มาส่งหมอวรรตที่หน้าบ้านแล้วบอกลา
“ยินดีครับคุณแม่” ทำเป็นเก๊กหนังหน้าเก๊กเสียงหล่อ แหวะ
“ตาดอท ไหว้ลาพี่เขาซะสิลูก อุตส่าห์ดูแลเรื่องอาหารการกินแถมยังอาสามาส่งให้อีก” คุณแม่เตือน
หา!? นี่ผมต้องไหว้เขาเหรอ แล้วดูอีตาหมอนั่นทำหน้า แกล้งทำเป็นนิ่งสงบไม่หือไม่อือ แต่ข้างในใจเขาต้องหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แน่ๆ
“เร็วสิตาดอท ไหว้ขอบคุณพี่หมอเขาซะ” คุณแม่เร่ง
กลายเป็นพี่หมอไปซะอีก ฮือออ คุณแม่นะคุณแม่ไม่ได้รู้เลยว่าที่ผ่านมาลูกคุณแม่โดนเขาแกล้งมาขนาดไหน
ผมจำใจยกมือไหว้ลวกๆ แต่ก็โดนดุอีกรอบ
“เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่ โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักมารยาทต้องให้แม่เคี่ยวเข็ญอยู่เรื่อย ไหว้ดีดีแล้วพูดขอบคุณด้วย”
“ขอบคุณครับ” หน้าผมตอนนี้คงยับจนดูไม่ได้ อยากฆ่าเขามากแต่ก็กลัวคุณแม่ดุอีกจนต้องพนมมือสวยๆ แล้วก้มหัวลง
“ต้องบอกว่า ขอบคุณครับพี่หมอวรรต” คุณแม่สะกิดให้พูดตาม
ผมกัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำใจไหว้เขาสวยๆ แล้วพูดขอบคุณอย่างที่คุณแม่บอก
“ขอบคุณครับ..พี่หมอวรรต”
“อย่างนั้นแหละ ต่อไปนี้พูดเพราะๆ กับพี่เขานะตาดอท นายเวชบอกว่าเราชอบแกล้งชอบดุเขา จากนี้ไปอย่าให้แม่รู้เชียว” คุณแม่ปรามแล้วหันไปยิ้มให้หมอประสาท “ขับรถดีดีนะลูก บุญรักษาจ้ะ”
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมลาแล้วนะครับ” เขาไหว้ลาคุณแม่แล้วหันมาลาผมด้วยสีหน้าราวกับเทพบุตรที่มีวงกลมเรืองแสงอยู่บนหัว “พี่หมอวรรตไปก่อนนะครับน้องดอท”
“เดี๋ยวเถอะตาดอท” ผมแอบถลึงตาใส่แต่ก็ถูกคุณแม่ตี
จากนั้นเขาก็ไหว้ลาน้าเวชแล้วขับรถออกจากบ้านไป ส่วนผมก็ยังโดนคุณแม่เอ็ดเรื่องเดิมไม่จบ
“เรานี่เกเรกับพี่เขาซะจริงนะ ไปทำหน้ายักษ์ใส่แบบนั้นได้ยังไง หมอวรรตเขาอายุมากกว่าแถมยังเป็นมดเป็นหมอ อีกหน่อยจะได้ฝากผีฝากไข้ นี่ถ้าลูกลงเอยกับหมอวรรตแม่จะเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะบอกตรงๆ ว่าที่ลูกคบกับเผ่าพงศ์แม่เป็นห่วงกลัวว่าลูกจะช้ำใจเหมือนแม่”
“โธ่แม่ครับ เฮียเผ่าเขารักดอทมากนะ” ผมโต้แทน
“รักก็ส่วนรัก แต่ไม่ให้เกียรติแม่รับไม่ได้ เที่ยวไปมีคนโน้นคนนี้ไม่เลือกทั้งหญิงทั้งชาย นี่ก็เห็นควงลูกสาวนายตำรวจยศใหญ่คู่ขาเดิม พวกวงสังคมเขาพูดกันให้แซดว่าเผ่าพงศ์มันมั่วแค่ไหน” คุณแม่พูดแบบนี้เป็นครั้งที่หมื่นกว่า เหมือนอัดเสียงไว้แล้วเปิดเล่นวน
“เดี๋ยวช่วงบ่ายดอทจะไปหาเฮียครับ แนวโน้มดอทก็คิดว่าคงต้องเลิก แต่ก็คงต้องคุยกันอีกครั้ง ถ้าเขาให้คำตอบที่ดี ดอทขออนุญาตคบเฮียต่อไป แต่ถ้าไม่ ดอทก็จะเลิกตามที่คุณแม่ต้องการครับ” ผมส่งสายตาจริงจังและอ้อนขอความเห็นใจจนคุณแม่ก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
“เรานี่มันดื้อซะจริง แต่ของแบบนี้มันอยู่ที่กรรมของใครของมันละนะ อย่างแม่ก็เรียกว่าพ้นกรรมมาแล้ว กับป๋าของลูกแม่ก็อโหสิให้ไม่อยากจองเวรจองกรรมกันต่อไป ก็เหลือแต่ลูกว่าจะต้องอยู่ในกงเกวียนกรรมเกวียนการนอกใจไปถึงเมื่อไหร่ แต่ถึงยังไงแม่ก็อยู่ข้างดอทนะลูก”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ” ผมกอดคุณแม่ไว้แน่น “ดอทจะพยายามเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับดอทและทุกๆ คน ยังไงซะ ดอทก็เลือกได้แค่หนึ่งคนครับ”
ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะเลือกได้และเลือกถูกหรือไม่ มันยากจริงๆ กับภาระหนักอึ้งอันนี้ ได้แต่ขอให้ฟ้าเมตตาหาทางออกสำหรับผมให้ได้ อย่างน้อยก็ให้ทุกคนเจ็บน้อยที่สุดก็พอ
++++++++++++++++++++
“คุณหนูคะมีไปรษณีย์มาส่งค่ะ ที่จริงมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว” แม่บ้านเคาะห้องขณะที่ผมกำลังแต่งตัว
“จากโรงพยาบาลเหรอ อืม ขอบใจนะ” เห็นโลโก้โรงพยาบาลบนหน้าซองแล้วเกิดความสงสัย แต่นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเป็นผลตรวจที่ดินแดนเจ้ากี้เจ้าการให้ตรวจคราวก่อน
“เอ๊ะ ทำไมมีของคนอื่นติดมาด้วย” ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่ติดมาตั้งสองคน “อนุชา วิญญูนุกูล แล้วอันนี้ก็อนุวรรต วิญญูนุกูล ผลตรวจพี่เวย์ กับ หมอวรรต?”
ได้แต่ทำหน้างงจนคิ้วชนกัน จะว่าโรงพยาบาลส่งผิดก็ไม่น่าจะผิดสองคนขนาดนี้ คิดได้แบบนั้นจึงไลน์หาหมอวรรตทันที
sweetyDOTcom : มีผลตรวจเลือดของคุณกับพี่คุณติดมาในซองผลเลือดของผมด้วย
Dr.WRRT : อ๋อ ผมให้ไอ้หมอแวนเพื่อนผมส่งผลไปพร้อมกับของคุณน่ะ
sweetyDOTcom : ส่งมาทำไม
Dr.WRRT : ฝากไง ฝากไว้
sweetyDOTcom : ฝากเพื่อ
Dr.WRRT : ฝากเพื่อเอาดอกเบี้ยมั้ง ก็แค่ฝากเก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้หรือไง แล้วผลเป็นไงมั่ง
sweetyDOTcom : ก็ปกติหมด
Dr.WRRT : อืม ดีละ
sweetyDOTcom : ถ้าไม่บอกความจริง ผมจะเอาเรื่องแล้วนะ
Dr.WRRT : โอเคๆ คืองี้ ผมกับพี่เวย์นัดกันตรวจเลือดแล้ววันที่ไปฟังผล ผมก็นั่งคุยกับไอ้หมอแวนอยู่พักนึง แล้วบังเอิญเห็นชื่อคุณบนซองเอกสาร ผมเลยถามไอ้หมอ มันก็บอกเตรียมส่งไปรษณีย์ ก็ปิ๊งไอเดียว่าอยากให้คุณเห็นผลเลือดผมด้วย อยากอวดว่าคลีนไรงี้ไง แต่พี่เวย์อยู่ด้วยก็เลยขอเอาของเขาติดไปให้คุณดูด้วย เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละ
sweetyDOTcom : ผมต้องเชื่อใช่มั้ย
Dr.WRRT : ก็แล้วแต่
sweetyDOTcom : ที่บอกว่าแข่งกันจีบ ผมก็ไม่เห็นว่าพี่เวย์จะจีบผมเลยนะ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ
Dr.WRRT : พี่เวย์สายพ่อพระไง เขาตั้งเงื่อนไขในการแข่งคือ ต้องรอให้คุณเลิกกับคุณเผ่าก่อน
sweetyDOTcom : แล้วอยู่ดีๆ มาแข่งจีบผมทำไม คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเคยรู้จักพี่เวย์
Dr.WRRT : ผมเคยเจอรูปคุณในกระเป๋าสตางค์พี่เวย์เมื่อนานมาแล้ว และพอเจอคุณที่ฟิตเนสผมก็คลับคล้ายคลับคลาก็เลยเอารูปที่แอบถ่ายคุณไปถามพี่เวย์ นั่นแหละจุดเริ่มต้น
sweetyDOTcom : แสดงว่าที่คุณจีบผมก็เพราะอยากเอาชนะพี่เวย์
Dr.WRRT : ก็บอกแล้วว่าผมปิ๊งคุณแล้วบังเอิญว่าคุณก็เป็นคนที่พี่เวย์รอมาตลอดชีวิต
Dr.WRRT : ที่จริงผมแอบจูบคุณตอนคุณหลับตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ
sweetyDOTcom : คุณนี่มัน
Dr.WRRT : น่ารัก
sweetyDOTcom : ตรงข้ามสุดขั้ว
Dr.WRRT : ขอบคุณสำหรับคำชม
sweetyDOTcom : ไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี้แหละ
Dr.WRRT : คิดถึงนะ
sweetyDOTcom : แบร่
ถึงจะยังไม่อยากเชื่ออะไรมากนักเพราะเรื่องมันพัวพันมะรุมมะตุ้มแถมมีจุดน่าสงสัยมากมาย แต่ตอนนี้คงต้องโฟกัสเรื่องของเฮียเผ่าเป็นอันดับแรก รู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆ ว่าเรื่องมันอาจจะยุ่งเหยิงจนยากที่จะควบคุมได้ หวั่นใจเหลือเกินกับสิ่งที่ผมกำลังจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้
.•:*´¨`*:•.☆ ► รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.
คำนวณผิดไปหน่อยนึกว่าตอนนี้จะดราม่า แต่ยังไม่ถึงแฮะ
รอตอนหน้าม่าแน่นอนค่ะ เตรียมมีดเตรียมไม้ไว้อาละวาดได้เลย
เม้ามอยซอยเก้า
TachibanaRain : มาเร็วเคลมเร็วตลอด รักเรนที่ซู้ดดดดดดด ปล. พาพี่ดินมาเสิร์ฟให้แร้ววว ขอรางวัลด้วยยย
Janemera : เจอคูมมี้สายโหด งานนี้ตัวใครตัวมันแล้วว
ดาวโจร500 : ตอนหน้าได้รู้แล้วค่าว่าดอทจะโง่ซ้ำซากมั้ย 5555
dekying kukkig : ดอทกลัวปากดินค่ะ กลัวโดนล้อ กลัวโดนเหน็บไรงี้ ที่เล่าให้ป๋าฟังเพราะอยากเอาใจป๋า เห็นว่าป๋าอยากมีบทบาทในชีวิตดอทบ้างก็เลยเล่าให้ฟัง แต่ความจริงนางก็รู้อยู่แล้วว่าป๋าจะเล่าให้ดินแดนฟัง ก็เลยกะยืมมือป๋าพูดให้ ประมาณนี้ค่ะ
กาแฟมั้ยฮะจ้าว : ขอบคุณฮับบ
aisen : ขอบคุณค้าบบ ปล. พี่ดอทอะเหรอจะฟังใคร นางดื้อจะตาย น่าตีด้วย