รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน จริงจังจริงใจ
ถ้าเราได้จูบกัน แบบที่เราต่างฝ่ายต่างก็เต็มใจด้วยกันทั้งคู่ มันจะรู้สึกดีขนาดไหนนะ
โยธินยิ้มเรื่อย ๆ และแอบลอบมองใบหน้าของคนที่ทำหน้าเฉยสนิทอยู่ใกล้ๆ
ก็อยากจะแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันให้เด็ดขาดหรอก แต่ใจมันอดคิดไม่ได้
ใกล้กันขนาดนี้ ไม่ให้คิดอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้
แต่คิดแล้ว ปล่อยให้ความคิดยังคงเป็นความคิด และการกระทำที่แสดงออก ไม่ไปสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายก็พอแล้ว
“ลูกค้าต้องการความชัดเจนในเรื่องของเวลา ถ้ากำหนดเวลาให้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่มันมีข้อจำกัดในเรื่องของตัวแปรอื่น ๆ ที่อาจทำให้เวลาไม่เป็นไปตามที่ตกลง บางวันฝนตกบางวันรถติด อันนี้มันยากที่จะควบคุม เพราะฉะนั้น บัวลอย มึงต้องวางแผนก่อนล่วงหน้า แรก ๆ มึงไปเซอร์เวย์ก่อน ทำให้ลูกค้าไว้วางใจก่อน อย่าพลาด ห้ามพลาดเด็ดขาด หลังจากนั้นถ้ามึงดูแล้วมีลู่ทางอย่างอื่น มึงรายงานมา เราให้คนอื่นไปได้ แต่มึงต้องเป็นคนไปเปิดเส้นทางก่อน มึงไหวมั้ย”
ยืนฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกขนส่งพูด
และฮัทก็คิดตาม พยักหน้ารับ และกำลังคิดเรื่องเส้นทางที่จะต้องไป
“แล้วเขาจะขึ้นของยังไงพี่”
ถามหัวหน้าแผนกและหัวหน้าก็โยนให้อีกคนอธิบาย
“เรื่องรายละเอียดมึงคุยกับโยธินเลย ตกลงอะไรยังไงกัน มึงถามโยธิน โยธินจะประสานงานให้ ถ้าเราทำดี เขาถูกใจ เขาถึงจะเซ็นสัญญากับเรา”
ครับ
สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามทำใจให้นิ่ง พยายามไม่คิดอะไร เมื่อต้องคุยกับคนที่ไม่อยากคุยด้วย แค่หน้ามัน กูยังไม่อยากจะมองเลย
“ผมขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย”
เอ่ยถามออกไป และโยธินที่รออยู่ก่อนแล้วก็พยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมาเพราะคำทักทายแรกของคนที่ทำให้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
อยากจะยิ้มออกมาแทบตาย แต่ทำไม่ได้ ได้แต่พยายามฝืนและพยายามทำหน้าให้นิ่งเฉยเข้าไว้
“แรกเริ่มเขาขอทดลองก่อนหนึ่งเส้นทาง รถหนึ่งคัน ตอนนี้เขาใช้บริการขนส่งของบริษัทอื่นอยู่ ถ้าเราสร้างมาตรฐานที่ดีและแตกต่างได้ เขาถึงจะขอเพิ่มรถอีกหกคันในสัปดาห์ที่สอง เพราะฉะนั้นสัปดาห์แรกคงเป็นการเปิดตัวของเรา และผมคิดว่าเราต้องทำให้ดีกว่าบริษัทที่เขาจ้างอยู่ก่อน สัญญาเขาจะหมดภายในสิ้นเดือนนี้ ทางนั้นเขาก็อยากต่อสัญญาเหมือนกัน เขาก็คงไม่ยอมให้งานนี้หลุดไป เขาก็คงวางแผนมาดี คุณกล้าณรงค์มีแผนสำรองมั้ย”
แผนสำรองอะไรกูไม่มีหรอก กูมีอยู่แผนเดียวนี่แหละ
“ไปก่อนเวลานัดให้ได้ รักษาเวลาให้ชัวร์ ....จบ.... ส่วนเรื่องอื่นคงต้องแล้วแต่เขา”
น่ารักนะ ตอบได้ชัดถ้อยชัดคำซะขนาดนี้ แถมยังทำหน้าจริงจังด้วย
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วง ยังไงผมจะดึงงานนี้เอาไว้ให้ได้ เรื่องของการขายความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่าผมพอสร้างให้ได้ คุณแค่ทำให้ความน่าเชื่อถือที่ผมให้กับลูกค้า เป็นไปอย่างที่ผมพูดก็แล้วกัน”
กูทำได้อยู่แล้ว มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีหรอก
“อาจมีบางวันที่ผมขอติดรถไปกับคุณด้วย เพราะเวลาที่ผมคุยกับลูกค้าผมจะได้มีข้อมูลที่เป็นจริง ไม่เป็นการยกเมฆและถ้างานนี้ผ่าน แผนกผมได้หน้าอยู่แล้ว อันนี้มันเรื่องปกติที่คุณต้องเข้าใจด้วย เราไม่ได้ขายแต่โพรดัก แต่เรื่องของเซอวิส เรามีความจำเป็นต้องทำคู่กัน ส่วนแผนกคุณ ได้ความน่าเชื่อถือไป อันนี้ไม่ต้องคิดให้มากความ”
แม่งของมันแรงจริง ๆ สมฐานะเซลหมายเลขหนึ่งมาก เอาหน้าเลยเห็น ๆ และมันก็บอกตรงๆ ว่ามันได้หน้า
แต่ความน่าเชื่อถือมาตกกับแผนกขนส่งอยู่แล้ว อันนี้ก็จริงอย่างที่โยธินมันพูด
มึงมองเกมส์ขาดเกินไปแล้วโยธิน
หัวหน้าแผนกขนส่งนึกชื่นชมความสามารถของโยธินในใจ
กูไม่แปลกใจเลย ที่คนอย่างมันหมายตาลูกค้าคนไหนแล้วไม่เคยพลาด
ตอนนี้กูเชื่อแล้วจริง ๆ ในเรื่องงาน โยธินแม่งแน่นอนจริง ๆ
“อีกอย่างหนึ่งคือ คุณกล้าณรงค์ คืนนี้ผมอาจมีความจำเป็นต้องโทรหาคุณนะ เพราะหลังเลิกงานผมจะไปทานข้าวกับลูกค้ารายนี้ เพราะเห็นว่านอกเวลางานเกรงว่าจะแปลเจตนาผมไปในทางไม่ดี ดังนั้นผมต้องบอกเอาไว้ก่อน ผมจะชี้แจงรายละเอียดให้คุณเข้าใจอีกทีหลังเลิกงาน ไม่แน่พรุ่งนี้ทางเขาอาจจะปล่อยของมาให้ คุณอาจจะต้องรับบทหนักเลยตั้งแต่เช้า ยังไงขอให้แสตนบายเอาไว้ด้วยนะครับ”
สีหน้าจริงจังมาก และฮัทก็สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ และพยักหน้ารับ
“ผมเข้าใจดี”
จ่ะ เข้าใจดีก็ดีอยู่แล้ว น่ารักเนอะ น้องบัวของพี่ เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว น่ารักมากครับ
โยธินพยายามฝืนใบหน้าเอาไว้ไม่ให้ยิ้ม แต่หัวหน้าแผนกขนส่งกำลังพยายามกลั้นขำ
คือกูไม่ยุ่งไง มันก็เรื่องส่วนตัวของพวกมึงที่จะไปจัดการเคลียร์กันเอาเอง แต่กูแค่แปลกใจนิดหน่อยตรงที่ว่า แผนงานเขากำหนดมาแล้ว และกูก็ไม่มีทางเชื่อว่าโยธินมันจะไปกินข้าวกับลูกค้าเย็นนี้
ไอ้คนที่เชื่อก็คงจะเป็นไอ้บัวลอยนี่แหละมั้ง แต่จะให้ไปทักก็ไม่ใช่เรื่องของกูอีก
เดี๋ยวจะเป็นการไปขัดขวางผัวเมียเขา ยังไงมันก็เรื่องส่วนตัว ไอ้เรื่องการขัดขวางความรักใครกูก็ไม่ค่อยจะนิยมซะด้วย
นิยมมองดูอย่างเงียบ ๆ เพลิน ๆ มากกว่า และถ้าอะไรบางอย่างมันชักจะไม่เข้ารูปเข้ารอย ก็อาจมีตบ ๆ ให้มันเข้ารูปเข้ารอยขึ้นมาบ้าง เพราะยังไงบัวลอยมันก็คนของแผนกขนส่ง จะปล่อยให้ใครมาหลอกมาทำเล่น ๆ ด้วย อันนั้นกูก็ยอมไม่ได้
แต่เพราะว่าไอ้ทางนี้มันดูจริงจังมากหรอกกูถึงเห็นว่ามันน่าจะมีแววไปด้วยกันได้
ส่วนไอ้บัวลอยแม่งก็ไม่เอาจริง ๆ เลยว่ะให้ตายเหอะ
ในเมื่อบัวลอยมันก็แสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้มึงก็คงต้องใช้ความพยายามเยอะหน่อยแล้วกันนะโยธิน
กูจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ เว้นแต่ว่า ถ้าวันไหนมึงทำเกินไป กูคงต้องปรามซะหน่อย
แต่เรื่องโทรไปจีบนอกเวลางาน อันนี้กูว่ามันเป็นหน้าที่ แล้วก็พอจะหยวน ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับมึงได้ แต่คงจะขัดใจไอ้วิเชียรหน่อย ไอ้ทางนั้นมันคงยังเล่นไม่สาแก่ใจ มันก็คงบ่น ๆ บ้างถ้ามารู้ทีหลัง
สมน้ำหน้ามึงวิเชียร หยุดเสือกเรื่องชาวบ้านบ้างก็ดี หาอะไรยุ่ง ๆ ให้มันทำซะ มันจะได้หมดเวลา ไม่ต้องมาเสนอหน้าอยากจะป่วนชาวบ้านเขา
“เดี๋ยวผมมีนัดต้องออกไปข้างนอกต่อ งั้นวันนี้ส่วนของผมมีแค่นี้นะครับ แล้วถ้ามีปัญหาคุณกล้าณรงค์ก็โทรหาผมได้ ตามหมายเลขที่เราเคยใช้คุยกัน”
สัด
ไอ้เบอร์โทรนรกนั่น กูไม่คิดอยากจะจำด้วยซ้ำ
มึงหลอกกู เรื่องนี้กูยังแค้นไม่หาย แล้วกูก็จะแก้แค้นให้ได้ด้วยคอยดู
“ครับ”
ตอบกลับไปเรียบ ๆ แต่หน้าตาบูดบึ้งสุด ๆ เหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่าอารมณ์เสียมาก
“ขอโทษนะครับ อาจทำให้คุณกล้าณรงค์ไม่พอใจ แต่ยังไงเบอร์นั้นผมก็ต้องใช้ในเรื่องงานด้วย หวังว่าคุณกล้าณรงค์จะไม่ถือสา”
มึงเลิกพูดได้มั้ย กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ
“ผมทราบดีครับ”
เน้นเสียงอย่างหนักแน่นทุกพยางค์ และโยธินก็ยิ้มกว้าง เพราะทนความน่ารักของอีกฝ่ายไม่ไหวแล้ว
“เดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะ แล้วก็จะซื้อขนมมาฝากด้วย คุณกล้าณรงค์อยากกินอะไรครับ บอกได้”
คราวนี้ฮัทรีบหันหน้าไปมองหัวหน้าแผนกขนส่ง และหัวหน้าแผนกก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนกำลังพยายามถามว่ามองทำไม
“อะไรมึงบัวลอย”
อะไรเหรอพี่ ก็นี่ไง ต่อหน้าต่อตาพี่มันยังพูดจากับผมแบบนี้เลย แล้วนี่เหรอที่บอกว่าไม่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน
นี่แม่งยิ่งกว่าปนชัด ๆ พี่ก็เห็น
“หัวหน้าครับ”
เรียกให้หัวหน้าแผนกขนส่งสนใจ และบุ้งก็พยักหน้าว่าได้ยินแล้ว
“มึงคงไม่คิดว่าการที่โยธินมันจะซื้อขนมมาฝากจะเป็นการจีบหรอกนะ เพราะไม่ว่าใครเขาก็ต้องสร้างมิตรภาพให้ดี ๆ กับคนที่ต้องร่วมงานกันอยู่แล้ว ถ้ามึงมองว่ามันซื้อขนมให้มึงกินเพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น กูก็ว่าไม่เห็นแปลก เว้นแต่ว่ามึงคิดว่ามันจีบ อันนี้คงกลายเป็นว่า ไม่ใช่โยธินแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แต่จะกลายเป็นมึงนั่นแหละที่แยกไม่ออก และคิดเรื่องที่โยธินมันจีบมึงอยู่ตลอดเวลา”
กูผิด สรุปนี่หมายความว่ากูผิดสินะ หมายความว่ากูผิดเหรอวะ
เกิดอาการหน้างอหงิกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และฮัทก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และมองหน้าของโยธินอีกครั้ง เพื่อจะตอบสิ่งที่โยธินถาม
“ผมไม่ต้องการขนมครับ ไม่ต้องมาติดสินบนผม”
เหรอครับ จะเอาแบบนั้นก็ได้
“ช่วงนี้มีกาแฟถุงกระดาษมาขายหลายเจ้า แต่เจ้าที่อร่อยที่สุดผมไปลองมาแล้ว และผมคิดว่าเจ้านี้เข้าท่า งั้นเดี๋ยวผมซื้อมาแล้วกันนะครับ”
กูบอกแล้วไงว่ากูไม่เอา
“ผมไม่กินครับ คุณไม่ต้องซื้ออะไรมาทั้งสิ้น”
บอกออกไปด้วยความหงุดหงิดโมโห และโยธินก็แกล้งเลิกคิ้วขึ้นสูงและหันไปมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่ง
“โทษทีครับ คือผมคงไม่ซื้อให้คุณแน่ๆ เพราะคุณบอกแล้วว่าไม่เอา แต่พอดีมีนคนที่คีย์บิลน้ำมันเขาบ่นว่าอยากกิน แล้วหัวหน้าแผนกขนส่งก็เลยฝากผมซื้อ ผมก็จะซื้อมาให้เท่านั้น”
เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย
เหวอแดก
เหวอแดกเลยกูไอ้สัด
อ่า.......
ฮัทกำลังอ้าปากค้าง และเงียบปากไปสนิท เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น
ซื้อให้มีน เพราะหัวหน้าบุ้งฝากซื้อ ไม่ได้ซื้อให้กูซักหน่อย กูก็เสือกพูดแบบนั้นออกไปได้ แม่งโคตรอายเหอะวะ
“แต่ถ้าคุณกล้าณรงค์จะให้ซื้อให้ก็ได้นะครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ไม่เอา กูไม่กิน ยังไงกูก็ไม่มีทางกินของที่มึงซื้อมาเด็ดขาด
“.....ผมไม่เอา....”
ตอบออกไปเสียงเบา และก้มหน้าก้มตาลงหยิบกระดานตารางเวลาเข้าออกรถของพี่บุ้งมาดู ทั้งที่ไม่มีอะไรน่าดูเลยซักนิด
ฮัทไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวเลยว่ากิริยาอาการที่แสดงออกแบบนั้นมันคล้ายอาการงอน
และเป็นการงอนที่...ทำให้โยธินต้องพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ และมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำได้หน้าเดียว คือ ไม่รู้ว่ะ พวกมึงไปคุยกันเอาเอง ไม่ใช่เรื่องของกู
“ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับหัวหน้าบุ้ง แล้วก็คุณกล้าณรงค์”
รีบชิ่งหนีจากตรงนั้นคงดีกว่ามายืนมองหน้าของน้องบัวต่อ ทำหน้าแบบนั้นมันทำให้ใจสั่นนะครับน้องบัว
ฮัทไม่ได้ตอบอะไรซักคำ และเมื่อโยธินเดินออกจากแผนกขนส่งไปแล้ว ฮัทก็เตรียมเดินไปขึ้นรถ แต่ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อหัวหน้าบุ้งเรียกเอาไว้
“บัวลอย”
หันมาตามเสียงเรียก และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ก้มหน้าก้มตารวมเวลาในตารางเข้าออกของรถ แต่ก็ยังพูดบางอย่างให้พนักงานใหม่ของแผนกขนส่งคิด
“ถ้ามึงตัดเรื่องส่วนตัวของมึงกับโยธินออกไปได้ มันจะทำให้การทำงานของมึงง่ายขึ้น แต่กูรู้มันไม่ใช่เรื่องที่จะหยุดคิดได้ง่าย ๆ”
ก้มหน้าก้มตาลงและมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง ไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
พี่รู้มั้ยผมโคตรเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก
ถ้ามีใครซักคนที่ไม่ใช่พวกพี่รู้ ว่าผมเอากับผู้ชายมาแล้วเพราะความเมา ผมจะทำยังไง
ผมกลัว ผมอาย แล้วผมก็รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของผมมันแทบไม่มีเหลือ
แล้วจะให้ผมทำใจยอมรับเวลาที่โยธินมันมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวได้ยังไง
ผมทำใจไม่ได้ แต่ผมก็ต้องทำให้ได้ เพราะผมพูดไปแล้ว ว่าผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้
ผมพูดแล้วผมก็ต้องทำให้ได้ และผมรู้สำหรับโยธินมันคงไม่คิดอะไร ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันมีกิตติศัพท์ด้านไหนมา
เพราะฉะนั้นไอ้คำว่าจีบของมัน ก็คงเป็นแค่การอยากเอาชนะคนอย่างผม
มันแค่อยากเอาชนะ มันถึงทำทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาให้ใกล้มากที่สุด แม้ผมอยากหนีผมก็ทำไม่ได้
พวกพี่ก็เห็นแล้ว มันอยากจะทำอะไรผมตามใจชอบมันก็ทำ
มันนึกจะกอดจะจูบ มันก็ทำ ทั้งที่ผมอาย แต่มันไม่เคยอายและเห็นเป็นเรื่องสนุก แล้วจะให้ผมทำใจได้ยังไง
จะให้ผมทำใจยอมรับคนที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกอย่างมันไปได้ยังไง
ผมจริงจังกับทุกอย่าง นี่มันชีวิตของผม ผมต้องแบกรับความอับอายเอาไว้บนบ่าและทำหน้าเหมือนไม่เป็นอะไรเพราะผมไม่อยากให้คนรอบข้างสงสารหรืออึดอัดใจเพราะเรื่องของผม ผมถึงได้ยังอยู่ตรงนี้ต่อ
ทั้งที่ผมอยากหนีก็ทำไม่ได้ อยากฆ่าไอ้โยธินซะผมก็ทำไม่ได้
แล้วพี่ว่าผมควรจะทำยังไง
พี่คิดว่า ผมควรทำยังไงต่อไปล่ะ...พี่บุ้ง
“กูไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามารังแกคนของแผนกเราแล้วลอยนวลไปได้หน้าตาเฉยหรอกนะ เพราะฉะนั้นไอ้โยธินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเหมือนกัน แต่เพราะพวกกูเช็คแล้ว ตรวจสอบแล้วในระดับหนึ่งว่าหลังจากนี้มันจะเป็นคนที่ไว้ใจได้ และเป็นคนที่พร้อมจะจริงใจกับมึงมากที่สุด กูถึงได้ยอมปล่อยให้มันเข้ามา”
รับฟังสิ่งที่หัวหน้าพูด และฮัทก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม
“แต่กูรับประกันไม่ได้ว่าโยธิมันจะจริงจังกับมึงแค่ไหน น้ำลึกหยั่งได้ แต่ใจคนหยั่งยาก เพราะฉะนั้นกูไม่มีทางไปรับประกันเรื่องนี้ให้ใครเด็ดขาด”
ครับพี่บุ้ง ผมเข้าใจดีในสิ่งที่พี่พูด
“แต่กูจะบอกให้นะบัวลอย.........สิ่งหนึ่งที่กูรู้สึกได้ก็คือ กูว่าโยธินมันชอบมึงจริง ๆ ไม่งั้นมันคงไม่มาตามมึงขนาดนี้หรอก โปรเจคเรื่องรถนี่ก็เหมือนกัน ทั้งที่มันรู้ว่ายากที่จะแข่งกับคนเซ็นต์สัญญาคนเก่าของบริษัทนี้ แต่มันก็ยังกล้าเดินหน้าเข้าไปหา ไปของานเขา และมันก็ทำได้สำเร็จ ทั้งที่ผ่านมาไม่ว่าเซลคนไหนของเราเข้าไปก็ไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน และเราก็ปล่อยให้บริษัทนี้หลุดมือมาตลอดจนเกือบลืมไปแล้วว่าเราเคยหมายมั่นปั้นมือกับบริษัทนี้มาก”
ฮัทเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งและบุ้งที่เคยทำแต่หน้าเฉยมาตลอดก็เริ่มส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับลูกน้องที่เหมือนกำลังสับสนและไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
“มันทำในส่วนของมันจนสำเร็จ ตอนแรกกูคิดว่ามันคงแค่อยากให้แผนกเรากับแผนกขายได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเฉย ๆ กูคิดว่ามันคงหาข้ออ้างเอาไว้มาหามึง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่........โยธินมองไปไกลกว่านั้น......มึงลองคิดซิว่าคนอย่างโยธินมันกำลังคิดจะทำอะไร”
ผมไม่รู้หรอก
เรื่องนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไง
มันคงเห็นเป็นเรื่องสนุก มันคงคิดว่าอะไรก็ง่ายสำหรับมัน
คนอย่างมันที่หลอกโทรมาหาผม มาพูดจาแปลก ๆ ให้ผมหลงเคลิบเคลิ้มคุยกับมันได้นานสองนาน โดยใช้เรื่องเอาแมวผมไปเลี้ยงเป็นข้ออ้าง
พี่คิดว่าผมจะมองคนอย่างมันแบบไหนล่ะ
นอกจากคนเลว ๆ ที่เห็นผมเป็นของเล่นเอาไว้เล่นสนุก ๆ ปั่นหัวผมเล่น ทำให้ผมอาย
ทำให้ผมต้องอับอาย แล้วก็เป็นทุกข์ จนผมแทบจะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้อยู่แล้ว
แล้วที่ผมยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ที่นี่แล้วไม่ลาออกไปก็เพราะผมแอบหวังและเชื่อว่าที่นี่จะเป็นที่ของผม
ที่ที่ผมยืนอยู่ได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ผมไม่รู้ว่ามันคิดจะทำอะไรหรอก ผมไม่อยากจะคิด ทุกวันนี้ขอแค่มันไม่พูดเรื่องเดิม ๆ กับผมก็พอแล้ว แต่มันก็ยังชอบทำให้ผมต้องอาย ต้องอับอายพี่ ๆ คนอื่น จนบางทีผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง แล้วก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ถ้าเกิดพี่ๆ คนอื่นถามผมขึ้นมา ผมก็ไม่กล้าจะตอบ เพราะผมอายจนตอบไม่ถูก”
มันคือความอึดอัดใจที่อยู่ในใจของฮัทมาตลอด แต่ไม่กล้าบอกไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ได้แต่เก็บเอาไว้แบบนั้น
เก็บเอาไว้ตลอด จนกระทั่งวันที่พี่บุ้งถาม ถึงได้พูด