Part 13
ผมนั่งเคาะนิ้วบนโต๊ะอาหาร มือนึงก็ถือหนังสือนิยายฆาตกรรมไปด้วย แต่ไม่รู้ทำไมอ่านอยู่หน้าเดิมมาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา…สี่ทุ่ม ผมไม่ได้รอใครหรอกนะครับ แค่นั่งหายใจให้เวลามันผ่านไปเท่านั้น
ว่าแล้วก็เคาะโต๊ะอีกที หงุดหงิดว่ะ… ไอ้ฆาตกรนี่ก็เสือกโง่ให้จับได้ง่ายชะมัด ไม่คุ้มเสียเงินไปเกือบ 300 กับไอ้นิยายเฮงซวยแบบนี้ (เหมือนกับที่คนอ่านไม่น่าเสียเวลากับนิยายเฮงซวยเรื่องนี้ กร๊าก) ผมปิดหนังสือลงอย่างหงุดหงิด ถอดแว่นตาวางไว้บนโต๊ะ แล้วยกสองมือขึ้นทาบหน้าเพื่อพักสายตา… เอนหลังลงกับพนักพิง
“เฮ้อออออ ให้ตายสิ สี่ทุ่มแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับอีกฟะ…”
แล้วกรูจะมานั่งกังวลกับมันทำไมกัน หมอนั่นมันกำลังอยู่ในวัยเรียนวัยเล่น ป่านนี้คงจะนั่งเฮฮากับเพื่อนๆ เอาเถอะ ปล่อยไปบ้าง เด็กเค้าก็ต้องการอิสระ ไม่งั้นไม่ออกมาอยู่คอนโดคนเดียวแบบนี้หรอก สงสัยจะกังวลเกินเหตุเว้ยเรา ไม่ใช่พ่อมันนะเว้ย! ถ้าได้เป็นพ่อทูนหัวล่ะว่าไปอย่าง เจ้ยย!
ให้ตายสิ นี่กรูบ่นอะไรของกรูวะ… ชักจะบ้าขึ้นทุกวัน ไอ้หนูมันจะทำอะไรก็เรื่องของมันสิ
ผมคว้าหนังสือไปเก็บเข้าชั้น…แล้วเปิดประตูห้องนอน ปิดไฟทั้งหมด เหลือเพียงแสงไฟจากทีวีที่สลับไปมาตามความถี่ของแสง ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคย…แต่ก็ไม่มีคนรับ

ช่างแม่งมันแล้ว…ผมเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งข้างๆ …ข่มตาให้ปิดลง และไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป
อืมมม… ผมลืมตาขึ้นเพราะพลิกตัวไปมา บวกกับแสงไฟจากทีวีที่เปิดค้างไว้แยงตาเข้ามา
“กี่โมงแล้ววะ” มือสองข้างควานสะเปะสะปะไปเจอมือถือ กดขึ้นดู …เที่ยงคืนกว่า ผมลุกขึ้นไปปิดทีวีและเข้าห้องน้ำ ในใจก็แอบคิดไม่ได้ว่า เจ้าหนูจะกลับมาห้องรึยังนะ ปกติถ้ากลับมาแล้วต้องมากดกริ่งรัวๆ เพื่อให้เปิดประตูให้นี่หว่า สงสัยป่านนี้ไปตะแร๊ดแต๊ดแต๋แล้วแหงๆ ให้ตายสิ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา กลับมาจะสั่งสอนให้เข็ด!
ตาเริ่มจะสว่างแล้วแหะ… ไม่น่าตื่นขึ้นมาเล้ยยย ผมเป็นพวกที่ตื่นมากลางดึกแล้วจะหลับอีกยากครับ ต้องหลับทีเดียวจนเช้าไม่งั้นได้หลับอีกทีสว่างนู่น ว่าแล้วเลยหยิบบุหรี่กับไฟแช็คเดินออกไปที่ระเบียง สูบบุหรี่ในห้องเดี๋ยวโดนเจ้าหนูด่า…ข้อหาทำห้องเหม็น
ยังไม่ทันที่จะยกไฟแช็คขึ้นจุดบุหรี่ในปาก…สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นแสงไฟรำไรจากระเบียงข้างห้อง อ่าว! กลับมาแล้วเหรอวะ หนอยยย ทำไมไม่เรียก ให้ตายสิ ปล่อยให้คนเค้าเป็นห่วง ไอ้ลูกหมาเอ้ย!
“เฮ้! ไอ้มิกกี้!” ผมเก็บบุหรี่เข้ากระเป๋า แล้วป้องปากตะโกนเรียกเจ้าของห้องโดยไม่สนว่ามันจะหลับอยู่หรือไม่
“….” ไม่มีเสียง สงสัยจะหลับไปแล้ว ไม่ยอมเว้ย มึงตื่นมาเป็นเพื่อนกรูเดี๋ยวนี้
“ไอ้มิกกี้! เฮ้ย ออกมานี่เด๊ะ!”
ข้างห้องเงียบไปสักพัก จนได้ยินเสียงเลื่อนประตูกระจกดังครืด…แต่ร่างที่ปรากฏออกมากลับไม่ใช่คนที่ผมหวังไว้ มันคือไอ้หน้าจืดที่ผมเห็นเมื่อเช้าเองครับ
“มีอะไรเหรอครับ?” มันถามผมอย่างสุภาพ หน้าตานี่ถึงจะจืดแต่ท่าทางหาเรื่องใช่ย่อย
“มึงเป็นใคร? เรียกไอ้มิกกี้มาซิ” ผมพยักเพยิดหน้าเป็นเชิงสั่ง ทำไมไอ้หมอนี่มันมาอยู่นี่วะ…หงุดหงิดชะมัด
“กี้หลับไปแล้วครับ…ถ้ายังไงพรุ่งนี้…”
“กูบอกให้ไปเรียกมันมา!” ผมเริ่มขึ้นเสียงดังด้วยความไม่สบอารมณ์ ไอ้หนูเห่ยนั่นสะดุ้งเฮือก ตาลีตาเหลือกวิ่งกลับเข้าไปในห้องทันที
ไม่ไหวแล้ว…อารมณ์เสียว่ะ ขอดูดสักมวนแก้เครียดละกัน ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แล้วอัดมะเร็งเข้าเต็มปอด… ยกแขนขึ้นท้าวระเบียงเหล็กรอ… รอ และรอจนบุหรี่ใกล้หมดมวน ไอ้นั่นก็ยังไม่ออกมา หายเงียบเข้าไปในกลีบเมฆ
นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหเข้าไปใหญ่ โยนบุหรี่ทิ้งลงกับพื้น แล้วเหยียบด้วยเท้าเปล่า…ก่อนที่จะรีบสวมเสื้อห่านคู่สีขาวแล้วเดินออกไปนอกห้อง ไม่ถึงสามก้าวก็ถึงหน้าห้องเจ้าหนู…
ปังๆๆๆๆๆ ผมลงมือเคาะประตูเสียงดัง พร้อมกับตะโกนเรียกให้เปิดประตู เสียงเงียบไปสักพักแล้วผมก็รู้สึกได้ถึงเสียงบิดลูกบิดประตู…คลิ๊ก… เท่านั้นแหล่ะ ประตูถูกดันเข้าไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไอ้หน้าจืดตกใจหงายหลังล้มลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น หน้าตามันเหวอหวาตกใจชนิดที่เยี่ยวแทบราด ก่อนที่จะคลานถอยหลังไปหลับผมอยู่ข้างๆ เตียงที่มีเจ้ามิกกี้นอนใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวสลบไสลไม่ได้สติ
“มึงเป็นใคร?” ผมถามมันเสียงนิ่ง ใช้เท้ายันประตูปิดคืนดังปัง!
“ผะ…ผม”
“กรูถามว่ามึงเป็นใคร!”
“เป็นเพื่อนมิกกี้ครับ” มันตอบเสียงสั่น ยกมือขึ้นพนมกันแบบลวกๆ
“ไม่ต้องมาไหว้กรู กรูไม่ใช่พ่อมึง แล้วชื่ออะไรน่ะเรา?” ผมเริ่มลดเสียงลงเมื่อรู้ตัวว่าทำให้อีกฝ่ายกลัวจนเกินไป ก็ไอ้หมอนั่นมันตัวสั่นหน้าซีดปากเซียว รีบเอามือทั้งสองลงทันทีที่ผมบอก
“ช..แชมป์ครับ”
“อยู่คณะอะไร?”
“วิดวะครับ”
“แล้วมารู้จักไอ้มิกกี้ได้ยังไง?”
“เอ่อ…เล่นบาสด้วยกันครับ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มะ..ไม่กี่วันก่อนครับ”
“แล้วนี่ไปทำอะไรกันมา?”
“ก..กินเหล้าครับ”
ผมจัดการสัมภาษณ์ไอ้หน้าจืดตรงหน้าเสียเสร็จสรรพภายในเวลาอันรวดเร็ว ถ้ามันไม่ตอบแบบตะกุกตะกักคาดว่าคงจะเร็วกว่านี้…แต่ก็เอาเถอะ ไม่เยี่ยวเล็ดก็บุญถมแล้ว
เจ้าแชมป์ เด็กวิดวะยืนกุมมือทำตัวลีบมองผมบ้าง หลบตาบ้าง… เหงื่อมันแตกซ่กอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆ ที่ห้องก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ผมถอนหายใจเสียงดังเฮ้อทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตัวโยน
“กลับไปได้แล้ว” ผมบอก ส่ายหน้าไปทางประตูให้มันออกไป
“หะ หา?” ไอ้จืดแชมป์เงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ
“มึงน่ะ กลับบ้านไปได้แล้ว”
“ต..แต่ผมถามมิกกี้แล้ว มันบอกว่าให้ค้างได้ ก็เลย..” มันทำไม้ทำมือประกอบแบบกล้าๆ กลัวๆ ตาล่อกแล่กไปมา
“กรูบอกให้กลับก็กลับ! เป็นเด็กเป็นเล็กกินหัดกินเหล้า! พ่อแม่ส่งมึงมาเรียนไม่ใช่ให้มาเที่ยวเล่นไปวันๆ อย่าให้กรูเห็นมึงพาไอ้มิกกี้ไปแดรกเหล้าอีกนะ กรูกระทืบจมดินแน่!”
“ค..ครับ”
“เข้าใจมั้ย!”
“ครับ!”
ไอ้แชมป์ตอบอย่างแข็งขัน คงเพราะตกใจนั่นแหล่ะครับ มันรีบเก็บข้าวเก็บของของตัวเองแล้ววิ่งแจ้นออกจากห้องอย่างไม่คิดชีวิต ผมปิดประตูตามดังปัง!
โธ่เว้ย! โมโหเว้ย หอก…อย่าให้กรูเห็นมึงอีกนะ
ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วเดินไปดูสภาพไอ้ขี้เหล้าที่นอนสลบอยู่บนเตียง ให้ตายสิ…กินก็กินให้มันพอดีได้มั้ย ไม่ใช่เล่นซะสลบเมามายแบบนี้ หลังจากที่จ้องหน้าแดงๆ ของเจ้าหนูพักหนึ่ง ผมก็ถอนหายใจแล้วค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงข้างมัน ลูบหัวมันสองสามที ก่อนที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ และล้มตัวลงนอนข้างๆ กัน….
ดีนะที่สั่งซื้อเบาะมารองด้านล่างเตียงแล้ว…ไม่งั้นนอนปวดหลังแน่ๆ ผมคิดในใจ
…………………………………..
“ไอ้เฮีย!”
ผมสะดุ้งตื่นด้วยเสียงแสบแก้วหูที่ดังเสียดเข้ามาในโสตประสาท…เกิดอะไรขึ้นวะ!?

“หะ หา?” หันซ้ายหันขวา…ทำไมมานอนที่ห้องเจ้าหนูวะเนี่ย แล้วไอ้หมอนี่เป็นใครเนี่ย… ผมขยี้ตาสองสามทีเพื่อมองดูคนที่ยืนท้าวสะเอวตรวหน้าให้ชัดเจน อ่อออ ไอ้มิกกี้นี่เอง…ลืมไปว่ามันเปลี่ยนทรงผมแล้ว ไม่เห็นก้อนหยุกหยุยบนหัวมันแล้วแทบจำไม่ได้
“เฮีย เมื่อคืนทำไรเพื่อนผม!?”
“ทำไร?” ผมยังงัวเงียและงุนงงไม่หาย เพื่อนที่ไหนวะ?
“ไอ้แชมป์งายยย เฮียไปทำอะไรมันนนน แม่มันโทรมาบอกว่าเมื่อคืนมันร้องไห้หนีกลับไปบ้าน ป่านนี้ยังไม่ยอมออกจากห้องเลยเนี่ย!” เจ้าหนูกระโดดมาบีบคอผม แล้วกระแทกหัวผมเข้ากับหมอน
“อ่อก แค่กๆ เดี๋ยว…หยุดๆ” ด้วยความที่ยังไม่ทันตื่นเต็มตา เลยไม่ทันได้หลบหนี ฝ่ามือเจ้าหนูบีบเข้าที่ลำคอผมเต็มๆ ครับ…สองมือเลยด้วย
“อ๊ากกก ตายซ้า~~~” เอ่อ..หลังๆ นี่ไม่รู้ว่ามันแค้นหรือเริ่มมันมือกันแน่ เพราะเห็นมันหัวเราะไปด้วยครับ = =’’
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ผมเด้งตัวเองลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทำให้ไอ้ตัวยุ่งที่นั่งอยู่บนตัวผมหงายหลังล้มไปไม่เป็นท่า แม่ง…ทับมาได้ หนักนะนั่น สาดด
“โอย.. เฮีย! จะหนีไปไหน!” อ่าว เสือกรู้ทันอีก…ว่าแอบๆ แล้วนะ ก็ผมพอหลุดจากมือไอ้ตัวยุ่งก็รีบสะบัดตรูดหนีอ่ะดิครับ กลับห้องดีกว่า
“อะไรเล่า ยุ่งจริงเลย” ผมว่า สะบัดๆ ไอ้ปลิงที่มาเกาะสองสามที
“เฮียบอกมาก่อนเมื่อคืนเกิดไรขึ้น?”
“ก็ไม่มีไรนี่” ผมขมวดคิ้ว หันหน้าไปตอบมันอย่างจริงจังและจริงใจ (มั้ง)
“ไม่มีไรได้ไง ก็เมื่อคืนจำได้..เอ่อ ลางๆ ว่าไอ้แชมป์มาส่งผม แล้วอยู่ๆ มันก็หายไป กลายเป็นเฮียมานอนนี่แทน แถมเมื่อเช้าโทรไปหามัน ดูอาการหนักซะด้วย เฮียไปทำไรมันห๊ะ?!” นั่น ไอ้เด็กเวรนี่กระโดดคว้าคอเสื้อผมแล้วเขย่าไม่เลิก
“ก็แค่มาส่งมันกลับบ้าน…..”
“ยังไง” มันมองผมตาดุ
“ก็…ปัดโธ่เว้ย อย่ามาเซ้าซี้ได้มั้ย เราน่ะแหล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กไปกินเหล้าซะสลบเหมือดแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหนห๊ะ!” ผมหันไปต่อว่าอีกฝ่ายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไร
“เฮีย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะกินเหล้ามันแปลกตรงไหน แล้วที่สำคัญมันหนักหัวใครไม่ทราบ!” ไอ้มิกกี้พูดออกมาตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนลืมนึกถึงคำพูดตัวเองว่ามันทำร้ายใครบางคนไปเสียสนิท
“อ๋อ ใช่สิ… เมื่อก่อนนี่เฮียอย่างนู้น เฮียอย่างนี้… เดี๋ยวนี้พอเริ่มอยู่คนเดียวได้ มีเพื่อนใหม่เยอะแยะ ไอ้เฮียคนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วนี่…” ผมกัดฟันกรอด ยืนท้าวสะเอวส่ายหัวอย่างหงุดหงิด
“ผม…ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น” เจ้าหนูหน้าเสียทันที… มันพยายามจะมาเกาะแขนผม แต่ถูกปัดทิ้ง
“มันจะหมายความว่าอย่างอื่นได้ไง เอาเถอะ มึงจะไปกิน ขี้ ปี้ เยี่ยว ที่ไหนกรูก็ไม่สนแล้ว ต่อไปนี้..ตามสบาย”
ไอ้มิกกี้ยิ่งหน้าซีดเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นผมพูดแบบนี้ แล้วยกมือขึ้นเหมือนบ๊ายบาย ....ทำท่าจะเดินออกนอกประตูไป
“เฮีย ผมไม่ได้หมายความอย่างง้านนนน แต่ที่เฮียทำก็เกินไป เข้าใจป่าว” มันรีบเข้ามายึดมือผมไว้ทันที
“เข้าใจแล้ว ขอโทษด้วยละกันที่ห่วงไม่เข้าเรื่อง ลืมไป.. ว่าพี่ก็ไม่ใช่ ญาติก็ไม่เชิง กะอีแค่คนข้างห้อง… จะไปมีสิทธิ์อะไร หึ”
“….ไอ้เฮียบ้า! ไม่ต้องมาทำเป็นพูด เฮียไม่เห็นจะเคยเข้าใจอะไรซักอย่าง”
ผมหยุดนิ่ง… หันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างอารมณ์เสีย… แม่ง พูดงี้ดูถูกกรูนี่หว่า ไอ้เด็กเปรต
“สำหรับผม เฮียไม่ใช่แค่คนข้างห้องนะ…”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กี๊สสสส เฮียโหดมาก ชอบบบบบบบ 5555+
กว่าจะหารูปให้ตรงได้แทบตาย
พอดีเมื่อเช้าคุยกะ ฮ
ถามว่า "เฮีย ขอเอารูปลงประกอบด้วยได้มะ"
เฮียแกบอก "เออๆ ทำไรก็ทำไป" (แล้วก็เห็นว่ากำลังพยายามเอาไม้บรรทัดแยงเข้าไปเกาใต้เฝือก อิอิ เพี้ยนเนอะ)
"งั้นเอารูปพี่ ก. ลงได้มะ"
"อยากตายก็ลองดู"
เอิ้ก ไม่กล้าเลย แค่นี้ทำหวง =3=
ปล. ใครมีรูปพี่แดนบริจาคบอกมาบ้างนะค๊า อิอิ