Round 6...ไม่นานพวกผมก็มาถึงโรงแรมที่พักของไอ้มาร์ช โดยมีแก้วค่อยๆ พยุงผมเดินเข้าไปในล็อบบี้ตรงไปที่ลิฟท์แก้ว ส่วนไอ้มาร์ชก็เดินตามมาทำหน้าบึ้งเป็นตูดลิง ทำหน้าที่คอยกดลิฟท์ให้ มันกดชั้น 21 ชั้นบนสุดของโรงแรม
เมื่อประตูลิฟท์เปิด ไอ้มาร์ชมันเดินนำหน้าออกไปก่อนโดยไม่แยแสใครทั้งสิ้นจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ผมกับแก้วเดินตามมันออกมา มองซ้ายขวา โหหหห เพิ่งเคยเข้ามาข้างในครับ ไหงมันหรูโคตรพ่อโคตรแม่อย่างนี้เนี่ย บนทางเดินปูด้วยพรมเปอร์เซียครับ ผนังรอบด้านก็เป็นวอลเปเปอร์สีเหลืองอมทองสไตล์วิกตอเรียน ทั้งเครื่องประดับแจกันโคมไฟทุกอย่างดูหรูหราเข้ากันไปหมดจนผมอึ้ง แต่ที่แปลกคือ จำนวนห้องมันน้อยมาก ดูจากประตู ทั้แถวยาวผมเห็นประตูท้างเข้ามีเพียงแค่สามบานเท่านั้น
แล้วไอ้มาร์ชมันก็เดินเลยไปที่ประตูบานที่สองฝั่งซ้ายมือ กดนิ้วลงกับเครื่องสแกนดังติ๊ด แล้วประตูถึงค่อยเด้งปลอดล็อกออก ไอ้เราก็ยืนจ้องตาค้าง ไฮโซไปไหนนนนน
“กล่องยาอยู่ไหนเหรอมาร์ช” แก้วเอ่ยปากถามเมื่อพาผมมานั่งลงบนโซฟากำมะหยี่ตัวยาวข้างใน
ไม่อยากจะบอกว่าข้างในมันสวยมากกกกกกกครับ เหมือนกับภาพตกแต่งในใบประกาศขายคอนโดราคาสิบล้านอัพ แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนอย่างดี มีทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และสวนหย่อมๆ ด้านนอก ไม่ผิดจากบ้านหลังหนึ่งเลยทีเดียว
“อ่ะ ไม่เห็นจะต้องทำไรมาก แผลแค่นี้ไกลหัวใจจะตายไป” มันพูดพร้อมกับส่งกล่องยามาให้แก้ว แล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจในลำคอ
“อ่ะ โอ๊ยยย” ผมร้องเมื่อแก้วแต้มยาลงบนมุมปาก เจ็บชะมัด
“ทนหน่อยนะซัน” ว่าแล้วก็เอาสำลีจิ้มๆ แก้มผมอยู่นั่นน่ะ
“หึหึหึ สำออย” ผมหันขวับไปจ้องไอ้ต้นเสียงตาเขม็ง ว่ากูเหรอมึง เดี๋ยวจะได้เห็นดี
“เฮ้ออ มาร์ช เลิกว่าซันซะทีได้มั้ย เธอนี่น้า ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ปากก็ยังจัดไม่เปลี่ยน” แก้วหันไปแหวเพื่อนรัก(หรือมากกว่าเพื่อนรักรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮึ่ย)
“อ้าว มาลงที่เราได้ไงแก้ว” มันทำตาโตแล้วขมวดคิ้วทำท่างอน หึ น่ารักตายละ..
“ไม่เป็นไรหรอกแก้ว” ผมยังคงเล่นบทพ่อพระต่อไป หันไปยิ้มให้ทั้งแก้วทั้งไอ้มาร์ช โอ๊ยคนดีจังเลยกู
“ก็แก้วอยากให้ซันกับมาร์ชเป็นเพื่อนกัน เหมือนกับที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนแก้วนี่ แล้วก็อย่าหาว่าแก้วไม่รู้นะ รอยแบบเนี้ยมันรอยโดนชกชัดๆ หกลงหกล้มอะไรนั่นน่ะ ไม่ต้องมาหลอกแก้วหรอกนะซัน แก้วก็แค่ไม่อยากจะพูดกลางห้างให้มันเป็นขี้ปากชาวบ้านเท่านั้นเอง” เธอหันมาจ้องหน้าผมกับไอ้มาร์ชเขม็ง ลุกขึ้นยืนเอามือทั้งสองท้าวสะเอวตั้งท่าคาดโทษพวกผมทั้งสอง
….อึ้งสิครับ เพราะไม่คิดว่าแก้วเธอจะรู้ จะแก้ตัวไงดีวะตรู
“ว่าไง บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ามีเรื่องอะไรกัน” แก้วฟึดฟัดขึงขัง มองพวกผม
“….”
“มาร์ช ทำอะไรซัน” เมื่อเธอไม่สามารถเค้นคำตอบจากผมได้ จึงหันไปถามไอ้ตัวแสบที่ยืนกอดอกทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แทน
“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร มันบอกหกล้มก็หกล้มสิแก้ว อย่าสาวความให้ยาวยืดได้มะ” มันเริ่มขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิดบ่งบอกความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจอย่างชัดเจน
“แก้วไม่เชื่อ มาร์ชต่อยซันใช่มั้ย ทำแบบนั้นทำไม” เธอยังไม่ยอมลดละ
“เฮ้ออออ” มาร์ชถอนหายใจแทนคำตอบ
“นั่นจริงด้วย เธอต่อยซันจริงๆ ด้วย ทำไมหืมมาร์ช ซันเป็นเพื่อนแก้วนะ เราก็แค่อยากให้เธอสองคนรู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน ทำไมต้องทำรุนแรงกันด้วย มีเรื่องอะไรก็บอกแก้วมาสิ” ขอบตาแก้วเริ่มแดงมีน้ำใสเครือด้วยแรงอารมณ์ ปากสีชมพูนั่นกดเข้าหากันเพราะพยายามระงับเสียงสะอื้น
“โอ๊ย แก้ว! ทำไมต้องมาเซ้าซี้อยู่ได้ อยากรู้นักใช่มั้ย ด้ายยย จะบอกให้นะว่าเพื่อนเธอ ไอ้นี่น่ะมันเป็นเกย์! มันจะปล้ำเรา! เราก็เลยต่อยมัน โอเคป่ะ!”
……ผมตาแทบถลนกับคำตอบของไอ้เชี้ยมาร์ช กูไม่ได้เป็นเกย์นะสาดดดดดด
“หึหึหึ ถามมันดูสิว่าจริงรึเปล่า” ไอ้มาร์ชยืนกอดอก
“จ…จริงเหรอซัน”
แก้วหันหน้ามามองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในแววตามีความตระหนกปนสับสนในตัวผม แม้ว่าสายตาแบบนั้นของแก้วจะทำให้ผมเจ็บปวดจนอยากจะยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความขำขนปนประชด แต่ก่อนที่จะคัดค้านโวยวายอะไรที่ดูโง่ๆ ออกไป(เพราะตูก็ทำจริง) อยู่ๆ แผนชั่วก็ปิ๊งขึ้นมาซ้อนทับแผนชั่วตอนแรกที่กะจะอัดมันให้แหลกก็แทรกเข้ามา มึงเล่นงี้ใช่มั้ย ด้ายย กูจะเล่นตามมึง แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน…
“ใช่แก้ว ผมเป็นเกย์ และผมก็ชอบเพื่อนแก้ว” ผมลุกขึ้นตัวตรง ตอบอย่างฉะฉานแล้วส่งสายตาไปมองท้าทายไอ้มาร์ชอย่างอาจหาญ เป็นไงล่ะมึง กูช่วยตามน้ำให้มึงแล้วนะ หึหึหึ
“ม..ไม่จริง แล้วผู้หญิงที่ซันเคยคบด้วยล่ะ” แก้วยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ทำตาโต
“เอ่อ…บังหน้าไง เราไม่อยากให้แม่รู้ แก้วเข้าใจเรานะ”
เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยตามเลยแหวกแม่น้ำทั่งห้าว่าไปเรื่อยเท่าที่สมองน้อยๆ จะพอนึกออก ในเมื่อผมประมวลความคิดด้วยเวลาอันรวดเร็วแล้วว่าแก้วคงไม่มีทางชอบผม ชาตินี้ผมคงไม่มีหวังได้แอ้มแก้วแบบที่ได้เชี่ยนั่นทำ ก็ขอลองเปลี่ยนรสชาติหน่อยละกัน ขอแอ้มไอ้เชี่ยนั่นแทนด้วยความแค้น ท้าทายกูดีนักนะมึง
“จริงเหรอ” เธอลดมือที่ปิดปากลง ทำท่าลังเล
“ครับ ขอโทษที่ปิดบังมาตลอดนะแก้ว” เฮ้อออ ผมตอบแบบจำใจ กลายเป็นเกย์ไปซะละตู
“ถึงว่าทำไมปฏิเสธผู้หญิงที่คุณน้าหามาให้ตลอดเลย ถ้าซันบอกแก้วตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องลำบากไปควานหาผู้หญิงที่ไหนมาให้ เฮ้ออ” แก้วตอบอย่างกึ่งโกรธกึ่งขำ
อ่าว เวรกรรม ทำไมรับได้ง่ายจังวะแก้วเอ้ยยยย ไม่คิดจะโมโหเหนี่ยวรั้งตูไว้เลยเรอะ นี่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าแก้วไม่เคยมีใจให้ผมเลยสักนิด ยิ่งเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความอยากเป็นเกย์ขึ้นมาอีก 2 %... เฮ้ออ เป็นดีมั้ยวะเนี่ยตู ความจริงก็ไม่ได้รังเกียจพวกนี้หรอกนะครับ บางทียังแอบมองผู้ชายหน้าตาดีๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้มองแบบสิเน่หาเลยสักครั้ง ที่มองเพราะอิจฉาบ้างศึกษา(ความดูดี)บ้าง แต่เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
“ฮ่าๆๆๆๆๆ บอกแล้ววววว” คราวนี้เป็นเสียงของไอ้มาร์ชครับ มันทำท่าหัวเราะงอหงายมือกุมท้องอย่างสะใจ แล้วก็ลงไปกลิ้งกับโซฟา ขำมากเลยใช่มั้ยๆ มึงจะได้เห็นกัน
“แต่ซัน…ซันไปปล้ำมาร์ชได้ยังไง ถึงจะชอบมาร์ชเค้าก็ไม่ควรทำแบบนี้เลยนะ” แก้วหันมาดุผมอีกประเด็น
“อ่า…เอ่อ ไม่ได้ปล้ำนะแก้ว เข้าใจผิดแล้ว…ผมแค่จะช่วยหยิบเศษฝุ่นออกจากผมมาร์ชให้เท่านั้นเอง แล้วมาร์ชก็ต่อยผมซะหน้าคว่ำเลย” ผมคิดเรื่องมาอธิบายได้ภายในเสี้ยววินาที เก่งเหมือนกันนะเนี่ยเรา หึหึหึ
“มึงอย่ามาตอแหล มึงปล้ำกูชัดๆ!” ไอ้มาร์ชมันเด้งตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วขึ้นเสียงชี้นิ้วใส่หน้าผม
“ผมเปล่านะครับมาร์ช แก้ว…แก้วเชื่อเรานะ” ตีหน้าเศร้าซะงานนี้ตุ๊กตาทองไม่หนีไปไหนแน่ๆ ว่าแล้วก็หันไปหาแก้วส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้
“มาร์ช ใจเย็นๆ สิ เรารู้นะว่ามาร์ชน่ะอารมณ์ร้อน แล้วเราก็รู้ด้วยว่าซันเป็นคนแบบไหน เราว่าซันไม่ได้ทำแบบที่มาร์ชคิดหรอก ฟังคำอธิบายของซันก่อนสิ” แก้วพยายามแจกแจงเหตุผลให้ไอ้เชี่ยมาร์ชฟัง แต่คาดว่าคงไม่เข้าหูเท่าไหร่เพราะตอนนี้มันจ้องตาผมเป็นคำถามประมาณว่า มึงจะมาไม้ไหน
“ใช่ มาร์ชฟังผมก่อนนะ…ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้ามันทำให้มาร์ชรู้สึกไม่ดีกับผม ผมขอโทษ”
ผมหันไปพูดกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ จนเจ้านั่นทำตาล่อกแล่กไปมาไม่รู้จะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี มันคงไม่คุ้นเคยกับอาการสุภาพบุรุษของผมแบบนี้เท่าไหร่เลยทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งเดาไม่ออกว่าผมต้องการอะไร
แต่แล้วก็มีเสียงมือถือเข้า ปรากฏว่าเป็นของแก้ว เธอหยิบออกมารับสายและคุย สีหน้าแสดงอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวแก้วต้องรีบไปก่อนล่ะ ที่บริษัทโทรมาบอกว่ามีธุระด่วน เอาเป็นว่าเธอสองคนคุยกันดีๆ นะ มาร์ช เธอฟังซันบ้างนะ อย่าเอาอารมณ์เป็นใหญ่…ส่วนซัน เธอเสร็จธุระตรงนี้เแล้วเราค่อยคุยกัน แก้วไปล่ะ” เธอพูดเสร็จสรรพก็เก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วเดินลิ่วๆ ออกไปทางประตู
“เดี๋ยวๆ! แก้ว เธอทิ้งเราแบบนี้ได้ยังไง” ไอ้มาร์ชวิ่งปร๋อตามไปรั้งแขนแก้วไว้
“ขอโทษจริงๆ มาร์ช เดี๋ยวแก้วโทรหาหลังจากเสรจธุระนะ” แก้วทำท่ายกมือไหว้ปะหลกๆ ทำนองสำนึกผิด
“แล้วจะทิ้งเราไว้กับไอ้ตุ๊ดนี่นะเหรอ ไม่เอานะ เดี๋ยวเราไปส่งแก้ว” มันไม่พูดเปล่า ส่งหางตามามองผมแบบเหยียดๆ อีกต่างหาก สัตว์เอ้ยยย
“อย่าเรียกเพื่อนแก้วว่าตุ๊ดนะมาร์ช…เอ่อ ถึงเค้าจะเป็นก็เถอะ แล้วก็ไม่ต้องไปส่งแก้วหรอก แก้วไปแท็กซี่เร็วกว่า มาร์ชจะได้ไม่ต้องไปๆ กลับๆ”
“มาร์ช ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยนะ นะครับ” ผมเดินเข้าไปแทรกระหว่างสองคนนั้น แล้วเอื้อมมือไปจับแขนมาร์ชมากุมแน่น
“ค..คุยอะไร กูไม่มีเรื่องต้องคุยกับมึง ปล่อยกู!” มันมองผมอย่างหวาดระแวง แล้วสะบัดแขนทิ้ง
“มาร์ช อย่าทำนิสัยอย่างนี้นะ ซันเค้าไม่ทำอะไรเธอหรอก เค้าเป็นเพื่อนแก้วมานานพอๆ กับที่แก้วเป็นเพื่อนมาร์ช ใช่มั้ยซัน”
“ใช่ครับแก้ว…ผมไม่ทำอะไรมาร์ชหรอกนะ หึหึหึ” ผมเบาเสียงหัวเราะตัวเองไว้ในส่วนลึกของลำคอเพียงแค่ให้ไอ้หน้าหล่อนั่นได้ยินคนเดียว มันหน้าซีดเผือกลงทันที
“เอาล่ะ แก้วต้องไปละ คุยกันดีๆ ล่ะทั้งสองคน” แล้วเธอก็เดินออกนอกห้องไปทันที
“แก้ว แก้ว แก้ว!” ไอ้มาร์ชมันตะโกนก้องตามหลังหญิงสาวที่ตอนนี้ใส่เฮดโฟนคุยธุระเดินตรงไปยังลิฟท์ไม่ได้ยินแล้ว
มันทำท่าจะวิ่งออกไปตามแก้ว แต่ผมรีบตะครุบร่างอีกฝ่ายไว้ก่อน แล้วลากมันกลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูดังปัง!!
“ปล่อยกู ไอ้สัตว์ มึงจะเอาอะไร ปล่อยกู!” ผมผลักมันหลังชนประตูแล้วยึดมือทั้งสองข้างไว้
“มึงเลิกขัดขืนได้แล้ว!” ผมตะโกนดังลั่นโดยไม่สนใจว่าจะมีคนข้างนอก หรือข้างห้องได้ยินหรือไม่ ไอ้ตัวแสบข้างหน้าที่ตอนแรกดิ้นสุดแรงเกิดก็สะดุ้งแล้วเงียบกริบทันที
“ท..ทำไม มึงจะทำอะไร ถ้ามึงทำกูกูจะแจ้งตำรวจ กูเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้นะเว้ย มึงรู้มั้ยพ่อกูเป็นใคร มึง…!”
ผมเอามือขึ้นมาปิดปากมากๆ ของไอ้คนตรงหน้าเอาไว้ เผลอให้อีกมือนึงหลุดออกจากการกอบกุมมาข่วนมือผมที่ปากมันเอาเป็นเอาตาย หนอยยย ฤทธิ์มากนักนะ…ผมเลยลงมือบีบคางมันอย่างแรงจนน้ำตาร่วง
“หุบปาก! มึงอย่าคิดเอาอำนวจมาขู่กู กูไม่สนว่ามึงเป็นใคร พ่อมึงเป็นใคร ถ้ากูจะได้มึงก็ต้องได้ กูไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ทำอย่างกับกูอยากทำมึงนักงั้นล่ะ เหอะ ไอ้ขี้ก้างเอ้ย!” ผมสะบัดมืออกจากปากไอ้มาร์ชแล้วปล่อยแขนมันลง ทันทีที่มันหลุดจากการตัวผมก็ทรุดฮวบลงกับพื้นทันที
“เฮ้ย! เป็นเชี้ยอะไรอีกล่ะ!?” ตกใจสิครับ แม่ง เมื่อกี้ยังปากดีด่าตูขู่ตูปาวๆ ตอนนี้กลับหมดสภาพซบหน้าลงกับเข่าซะงั้น
“กูกลัว…กูนึกว่ามึงจะปล้ำกู” มันพูดเสียงสั่นหน้ายังก้มอยู่ …อ่าว เวร มึงเพิ่งจะมากลัวเรอะ เอ้ย!ไม่ใช่ แปลกดีครับ ปกติเห็นแต่มันร้าย ไหงคราวนี้มาหงอซะขนาดนี้
“เหอะๆ อย่าทำเป็นกลัวเลยน่ะ กูรู้ว่าคนอย่างมึงไม่มากลัวกับเรื่องแค่นี้หรอก” ผมยังคงเสียงแข็ง ยืนท้าวสะเอวปาดเหงื่อ ไม่รู้ว่ามันจะมาไม่ไหน มันต้องหลอกให้ผมตายใจแหงๆ แล้วแอบแทงข้างหลัง(!?)
“ก…ก็เมื่อกี้มึงน่ากลัวจริงๆนี่นา หน้ายังกับยักษ์” คราวนี้มันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ตาแดงเชียวครับ เห็นแล้วผมถึงกับขำกร๊ากออกมา
“ทำไม ขำไร เชี่ยนี่” มันบ่นงุบงิบๆ ของมัน แต่หน้านี่แดงไปถึงหูขาวๆ ของมันแล้ว
“เปล๊าาาาา ตลกคนกลัวโดนปล้ำ” ผมหัวเราะงอหงาย เอามือตบหัวตัวเอง เฮ้อออ ทำไม่ลงเลยกู
“หนอยยยย ขำนักเรอะะะ โดนปล้ำมั่งเป็นไงไอ้ซันไลนนนนนน์”
มันไม่ด่าเปล่า ลุกขึ้นวิ่งเข้ามาชาร์จผมอย่างแรงจนผมหงายหลังคะมำ เจ็บโคตรรรรรรร อูยยยย สาดนี่ ว่าแต่ใครเป็นซันไลน์วะ!
“ฮ่าๆๆ เป็นไงๆ ไอ้ซันไลน์เอ้ยยยย” ตอนนี้มันนั่งคร่อมอยู่เอวผมแล้วกดแขนทั้งสองข้างลงกับพื้นพรมนุ่ม
“ใครซันไลน์วะ อย่างกูต้องซันชายเว้ย ฮ่าๆ แน่จริงมึงเอาสิ เอาเล้ยยย ไอ้..ไอ้..ไอ้มาร์ชเมลโล่!” โหหหหห ด่าได้เจ็บแสบมากกรู เสียใจว่ะ นึกไม่ออกเว้ยยยยย
“กร๊ากกกกก มาร์ชเมลโล่ น่ารักไปมั้ยมึงงงงงงงง” มันหัวเราะ แล้วคลายมือที่กดข้อผมออกอย่างไม่จริงจัง ตอนนี้ผมเริ่มขำไปกับมันแล้วครับ ถ้ามันไม่ปากร้าย ตาจิกดุเหมือนที่ผ่านๆ มา มันก็ฮาไปอีกแบบ
“หึหึหึ ก็มึงตัวนุ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่ซะขนาดนี้ ก็เหมาะดีแล้วนี่” ผมลุกขึ้นกระทันหันจนเจ้ามาร์ชที่ไม่ทันได้ตั้งตัวต้องหงายหลังลงไปอีกฝั่ง แล้วเอามือล็อกแขนมันไว้
ผมหัวเราะ กะว่าขำแน่ๆ มึง เป็นไงล่ะๆ ไอ้มาร์ชเมลโล่…ไอ้มาร์ช…เมลโล่
ทำไมมันไม่ขำวะ…แต่กลับนอนนิ่ง ส่งประสานสายตามายังผม แล้วกระพริบปริบๆ …
***TBC
เอ่อ...มาลงแทนไอ้พากย์ครับ ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วย (แค่หาทางเข้ามาได้ก็เก่งแล้ว 555)
แล้วก็ อะไรดีล่ะ ขอบคุณเม้นต์ทุกคนน่อ อ่านแล้วตลกดี 555
ยังไงก็เจอกันตอนหน้านะครับ
ปล. ตอนนี้มันแอบหนีออกไปนอกบ้าน ใครเจอตัวตามกลับด่วน -*-
เมื่อเย็นทำลับลมคมใน แอบไปแด๊กสารมึนเมาแน่ๆ
จาก เอิ่ม.......กูลิโกะ เอ่อ...ตูจะเอารสช็อกโกแลตเว้ยยยย (ล้มโต๊ะ)