เพื่อนร่วมงานแบบที่ 20
“จะกลับได้หรือยัง”
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“จะกลับได้หรือยังเนี่ย”
“ว่าไงนะครับ”
“นี่คุณเบล จะกลับได้หรือยัง”
“เดี๋ยวก่อนอีกแป๊บเดียว”
“คุณเบล!”
“ครับคุณน้องยา”
ใครอนุญาตให้เรียกแบบนั้น ชยาหันมามองคนที่นั่งยืดขาท่าทางมีความสุขแสนสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ กัน หงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ยอมพากลับบ้านเลยแสดงอาการให้รู้ว่าไม่พอใจ ด้วยการนั่งกอดอกและทำหน้ายุ่งใส่เบล
“คุณน้องยาบ้าอะไร ใครอยากให้เรียกแบบนั้นกัน”
“ก็เห็นคนเรียกคุณน้องยากันเยอะแยะ ผมก็อยากเรียกบ้างจะเป็นไรไป”
เบลเป็นคนน่าโมโหที่สุด หลอกว่ามีมิตติ้งจนชยาหลวมตัวมาด้วย แต่ที่จริงคือต้องการมาเคลียร์ปัญหาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่ชยาไม่อยากยุ่งด้วย
“ผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับคุณแล้ว ผมเหนื่อย แล้วจะกลับเมื่อไหร่ ผมอยากกลับบ้านแล้ว”
“คุณจะรีบไปไหน นั่งเล่นอีกหน่อยเดี๋ยวผมพาไปส่ง ผมไม่หลอกพาคุณไปทำมิดีมิร้ายหรอกน่า”
นั่นคือสิ่งที่สมควรพูดหรือไง และชยาก็หันมามองหน้าเบลและทำเสียงฮึดฮัดในลำคอแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจ
“ผมจะกลับแล้ว ผมไม่ได้มีเวลาว่างหลังเลิกงานมากเหมือนคุณนะ”
“เดี๋ยวผมพากลับน่า”
นี่มันเรื่องยุ่งยากที่สุดที่ชยาเคยเจอ และชยาก็รู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่เบลพูด บางทีเบลคงไม่เข้าใจว่าหลังเลิกงานคือเวลาส่วนตัวและชยาไม่ได้ชอบที่มีคนมาดึงเวลาส่วนตัวของชยาไป
“ผมจะพูดยังไงคุณถึงจะเข้าใจ”
“แค่นี้ผมก็เข้าใจแล้วไง คุณหนูอยากกลับบ้านแล้วเดี๋ยวผมก็พากลับไง โอเคมั้ย”
ไม่โอเค ไม่ว่ายังไงก็ไม่โอเค
“คุณเบล!”
เอ็ดคนที่ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่พูด และเบลก็ลุกขึ้นยืน
“โอเคครับ กลับก็ได้ กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวผมพาคุณหนูกลับบ้านนะครับ”
ในที่สุดเบลก็ยอมพาชยากลับบ้าน และชยาก็เดินบ่นมาตลอดทางที่เดินออกมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของเบลที่จอดอยู่ด้วยกัน
“คุณเข้าใจมั้ยว่ามันเลิกงานแล้ว มันเป็นเวลาส่วนตัวของผม”
พยายามจะบอกให้เบลเข้าใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ยังไม่อยากจะเข้าใจ ชยาไม่ทันสังเกต เบลเดินฟังที่ชยาบ่นแล้วก็อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก และครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจเงียบ ๆ
นาน ๆ ทีมาทะเลาะกับคุณหนูนอกสถานที่บ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
+++
ชยาก้มหน้าเช็กเอกสารที่วางอยู่
อากาศร้อนมากในวันนี้ ร้อนจนผิวแก้มขาว ๆ แดงเรื่อไปหมด เหงื่อเม็ดใส ไหลหยดลงที่ปลายจมูก และชยาก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ มองออกไปข้างนอกดูเหมือนว่าท้องฟ้าจะเริ่มมืดครึ้ม บางทีวันนี้ฝนอาจจะตกหนักอีกแล้ว
“ยังไม่เสร็จเลยนะ อย่าเพิ่งตกเลย”
บ่นพึมพำคนเดียวเสียงเบา และยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
บางทีวันนี้คงต้องเลิกเย็นอีกแล้ว เพราะซัพจะเข้ามาช้า ต้องยอมทำงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้วันพรุ่งนี้ไม่มีปัญหา หันไปมองคนที่กำลังเช็กของบนพาเลทและเรียกให้น้องร่วมแผนกลากสินค้าเข้าไปเก็บในคลังแล้วชยาก็ได้แต่ถอนใจยาวเพราะดูท่าว่าอีกนานกว่าจะเก็บของเข้าคลังหมด
ชยาขยับแว่นสายตาและรู้สึกปวดตาจนต้องถอดแว่นออกวาง ทรุดกายลงนั่งและมองไปที่ท้องฟ้าภายนอกที่เริ่มมืดครึ้ม ฝนคงตกหนักแน่ ๆ วันนี้ เพราะลมเริ่มพัดแรงแล้ว เหม่อมองไปที่ท้องฟ้าภายนอก กระพริบตามองและยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่หยดลงที่หน้าผากอีกครั้ง
ไม่คิดว่าจะทนอยู่กับอากาศร้อน ๆ ได้นานขนาดนี้ ไม่เคยรู้ว่าตัวเองก็มีความอดทนเหมือนกัน อีกนานกว่าจะมีความภาคภูมิใจ แต่ชยาอยากจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ ให้สมกับความเมตตาที่คุณอาวิษณุมีให้
ชยานั่งคิดอะไรไปเรื่อย ๆ คนเดียว โดยไม่ทันรู้ตัว ว่าคนที่เช็กของเสร็จเรียบร้อยแล้วแอบลอบมองอยู่ห่าง ๆ
คนที่น่าหมั่นไส้และน่ารำคาญที่สุดในวันนั้น กลายเป็นคนที่ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งคนหนึ่งในแผนก เบลแอบลอบมองชยาและนึกชมอยู่ในใจเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าพักนี้ชยาจะทำตัวดีขึ้นมาก ถ้าทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมีปัญหากัน
คนทำดีก็ควรสนับสนุนและเบลก็คิดว่าเป็นหน้าที่ของตัวเองที่ต้องสนับสนุนคนดีแบบชยาให้มีที่ยืนในสังคม
+++
ใบปลิวร้านอาหารที่ชยามองอยู่ทุกวันถูกดึงออกมาจากหลังกระดานสำหรับเช็กสินค้าและเบลก็มองที่รูปภาพอาหารและราคา
แพงน่าดู แต่ก็พอเข้าใจได้ ไม่แปลกอะไรที่คนที่เป็นถึงหลานเจ้าของบริษัทจะเคยกินอาหารหรู ๆ ราคาแพงแบบนี้
เบลดึงใบปลิวร้านอาหารใบนั้นพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ และวางกระดานเช็กสินค้าเอาไว้เหมือนเดิมและเดินไปทำงานของตัวเองต่อ จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงานเบลก็เดินมาหาชยาและบอกบางอย่างให้ชยาได้ยิน
“ขยัน ๆ ตั้งใจทำงานให้เสร็จตามเวลาด้วยล่ะ”
ชยาเบะหน้าเมื่อโดนสั่งให้ทำงาน
นี่ก็เร่งจะแย่แล้ว ยังจะมาสั่งอีก คิดว่าจะสั่งได้หรือไง ไม่ได้กลัวเลยสักนิด ชยายกข้อมือขึ้นดูเวลาและยิ้มออกมาได้ เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกมาก ไม่ต้องเร่งงานและแค่คีย์รับสินค้าเข้าไปในขั้นตอนสุดท้ายก็เสร็จงานแล้ว
“ร้านนี้...มันอยู่ที่ไหนวะ เลิกงานว่าจะไปกินซะหน่อย”
แค่ได้ยินชื่อร้านชยาก็หันไปมองคนที่โยนเอกสารปึกใหญ่มากองไว้ให้บนโต๊ะแล้ว แต่ก็ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจคนที่ทำให้ชยาโมโหอยู่บ่อย ๆ
“ตั้งใจทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ ล่ะคุณคิวเอ คนเก่ง”
โดนเร่งอีกแล้ว และชยาก็ทำหน้ายุ่ง อดไม่ได้ที่จะต่อปากต่อคำกับคนที่ชอบหาเรื่องกันไม่เลิก
“ทำงานเสร็จเร็วหรือเสร็จช้าแล้วยังไง”
พูดออกไปด้วยความรำคาญและเบลก็หยิบใบปลิวร้านอาหารที่เห็นชยานั่งมองอยู่บ่อย ๆ มากางออกดู
“อืม...พอดีได้งบของแผนกมา ถ้าทำงานเสร็จเร็ว ทุกคนก็คงได้ไปกินข้าวที่ร้านนี้ล่ะมั้ง”
แค่เห็นใบปลิวชยาก็กลืนน้ำลายลงคอและนึกถึงรสชาติอาหารที่ไม่ได้กินมานานแล้ว
เปล่านะ ไม่ได้รีบไม่ได้เร่ง ทำงานตามปกติ แต่สายตาเหลือบมองคนที่กำลังมองรูปอาหารในใบปลิวแล้วขบริมฝีปากแน่น
“ถ้าคุณชยามัวช้าอยู่คนเดียว ทุกคนก็คงอดกิน”
เพียงแค่นั้น แล้วชยาก็เร่งมือ รีบคีย์รับสินค้าเข้าไปในระบบด้วยความเร็วแบบเหลือเชื่อ ส่วนเบลแค่มองชยาที่กระตือรือร้นเกินเหตุก็อดยิ้มไม่ได้แล้ว
+++
“ทำไมมีแค่ผมกับคุณสองคนอีกแล้วล่ะ”
เอ่ยถามด้วยความสงสัยและเบลก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ยักไหล่และตอบคำถามได้กวนประสาทที่สุด
“ก็คนอื่นไม่ยอมมาจะให้ทำยังไง”
อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว ครั้งที่แล้วก็บอกว่าจะพามามิตติ้งสุดท้ายก็โดนหลอก ไม่รู้ว่าคราวนี้เบลจะพูดกับชยาเรื่องอะไรอีก แต่ชยาไม่นึกอยากจะสนใจอีกแล้ว มองไปที่รายการอาหารในเมนู ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงเลือกได้ตามใจชอบ แต่ตอนนี้แค่มองราคาก็ไม่กล้าสั่งแล้ว เพราะราคาอาหารมื้อเดียวเท่ากับราคาอาหารที่กินอยู่ทุกวันหลายมื้อ
ได้แต่มองและชยาก็เหลือบสายตามองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะก้มลงมองรูปภาพอาหารอีกครั้งและตัดใจวางเมนูลง และเบลที่เหลือบสายตามองชยาก็เอ่ยถามคนที่นิ่งเงียบไป
“ทำไมไม่สั่งล่ะ”
“คุณจะหลอกอะไรผมอีกหรือเปล่า มีงบแผนกจริง ๆ เหรอ ไม่ใช่ว่าสุดท้ายก็หลอกพามาเพื่อให้ผมล้างจานหรอกนะ”
พูดแบบนั้น ทั้งที่จริง ๆ แล้วที่ชยาไม่กล้าสั่งก็เพราะกลัวเกินงบแผนกซึ่งชยาก็ไม่รู้ว่ามีงบที่ว่านั่นจริง ๆ หรือเปล่า
“ห้าพัน”
ชยาเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าและเบลก็ส่งเมนูให้กับคนที่เงยหน้าขึ้นมอง
“คุณล้อผมเล่นอีกแล้วใช่มั้ย”
“ผมจะล้อทำไม เอาเป็นว่าคุณก็สั่งมาแล้วกัน ผมขี้เกียจสั่ง ของแพง ๆ พวกนี้ผมไม่ถนัดหรอก ผมมันคนทำงานกินเงินเดือนไปวัน ๆ งบแผนกมีอยู่ห้าพัน คุณชยา ผู้เป็นถึงหลานเจ้าของบริษัท อยู่ดีกินหรู คงชินกับอาหารราคาแพงพวกนี้ งั้นก็ช่วยสั่งไอ้ที่คุณว่าอร่อยตามงบนี้แล้วกัน”
โดนประชดเหน็บแนม แต่เป็นการประชดที่ทำให้ชยาต้องพยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
จากที่นั่งนิ่งหน้าเฉย ตอนนี้ดวงตาของชยามีแววระยิบระยับ มองไปที่รูปภาพอาหารและมองราคาอาหารที่พอจะสั่งได้ เลือกอาหารไปสองสามอย่างและรู้สึกดีใจมาก ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจ แต่แค่จะได้กินอาหารที่อยากกินและไม่เคยกล้ากินมานาน แค่นี้ชยาก็ดีใจมากที่สุดแล้ว และเบลที่ลอบมองคนที่เลือกอาหารก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นไม่อยากมองไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น
อย่าทำหน้าแบบนั้น อย่ายิ้มแบบนั้น อย่าทำเหมือนมีความสุขขนาดนั้น ดวงตาภายใต้กรอบแว่นคู่นั้นไม่จำเป็นต้องระยิบระยับและฉายแววแห่งความสุขขนาดนั้นก็ได้
ตั้งใจจะไม่มอง แต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าชยายิ้มกว้างและเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ แถมยังพูดจาแบบที่ทำให้เบลนึกสงสารจนพูดอะไรไม่ออกอีกด้วย
“อยากให้คุณแม่มากินด้วยจัง”
ชยาก็แค่พูดสิ่งที่ตัวเองคิด และเมื่อนึกได้ก็รีบตะครุบปากตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดออกไปแล้ว และเบลก็แกล้งทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ชยาพูด แกล้งไม่ได้ยินทั้งที่ได้ยินชัดเจน
คนที่เคยอยู่สุขสบายแบบนั้น วันหนึ่งต้องมาลำบากถึงขนาดที่อยากกินอะไรตามใจก็ทำไม่ได้ มันคงเป็นเรื่องที่แย่มาก ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเบลรู้เห็นทุกอย่าง กว่าชยาจะปรับตัวจนทำงานได้คล่องแคล่วขึ้นมากขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
+++
ดูเหมือนวันนี้คุณหนูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หลังจากที่ต้องกินข้าวกับน้ำพริกและอาหารพื้น ๆ อยู่นาน เบลเดินตามชยาที่เดินออกมาจากร้านอาหารและท่าทางร่าเริงมีความสุขมากอย่างไม่น่าเชื่อ และทำให้เบลเผลอยิ้มตาม
“แล้วทำไมถึงมีงบแผนกแบบนั้นได้ล่ะ”
ยังคงสงสัย แต่เบลก็ทำหน้ายุ่งตอนที่ชยาถามอีกครั้ง
“เอาเป็นว่า กินก็กินแล้ว อิ่มแล้วด้วย ตังค์ก็จ่ายแล้ว บางครั้งคุณก็ไม่ต้องถามมากได้มั้ย ผมขี้เกียจตอบ”
ก็แค่ตอบมาแค่นี้จะเป็นอะไรไป ชยาไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ตอบยากตรงไหน ทำไมเบลไม่ตอบให้เคลียร์จะได้จบ
“ผมก็ต้องอยากรู้เรื่องที่มาที่ไปของเงินสิ ไม่ใช่คุณไปทำอะไรทุจริตมาแล้วมาหลอกให้ผมเข้าเป็นพวกด้วยหรอกนะ ถ้าอย่างนั้นผมจะฟ้องคุณอาให้ไล่คุณออกคนแรกเลย”
คุณหนูนี่ยังคงเป็นคุณหนูจริง ๆ เลยนะ ยังคงความน่าหมั่นไส้ได้คงเส้นคงวาจนเบลต้องส่ายหน้า
“ถ้าเป็นจริง ผมก็จะซัดทอดคุณก่อนเลยคนแรก เห็นกินไม่หยุดเลยจนผมกินตามไม่ทัน”
“นั่นเพราะอาหารอร่อยหรอก ใช่มั้ยล่ะ คุณก็ยังบอกว่าอร่อยเลยจริงมั้ย ถ้าผมพอมีเงินเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ผมจะพา...”
“อ้าว นั่นชยาหรือเปล่า ไม่เจอกันนานเลย”
ชยาหันไปมองคนที่มาทัก และเบลก็หันไปมองตามชยาด้วย
“เฮ้ย ใช่จริง ๆ ด้วย ชยา เป็นยังไงไหนว่าล้มละลายไม่มีอะไรเหลือแล้วไม่ใช่เหรอ ดีใจนะเนี่ย ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีก”
เบลไม่รู้ว่าผู้ชายที่หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่ปากหมาคนนี้เป็นใครและชยาก็รีบหลบหน้าผู้ชายคนนั้นและพยายามจะเดินหนีโดยมีเบลเดินตามออกมาด้วย
“จะไปไหนล่ะ ชยา มาคุยกันก่อนสิ นี่ใจคอจะไม่ทักพี่ชายคนนี้เลยหรือไง ทำเหมือนเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันไปได้”
ชยาขบริมฝีปากแน่น และไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนที่ยังเดินตามมาไม่หยุดแม้ชยาจะพยายามเดินหนีแล้ว
“นี่คุณ ทักกันขนาดนี้ไม่คิดว่าแรงไปหน่อยหรือไงครับ”
ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มให้เบล และพูดบางอย่างที่ทำให้ชยาอับอายจนต้องเมินหน้าหนีและพูดอะไรไม่ออก
“ก็ลองถามไอ้กาฝากนั่นดูสิ ว่ามันกับแม่มันเคยทำอะไรไว้กับครอบครัวผมบ้าง ไม่ให้ผมพูดแบบนี้กับมันแล้วจะให้ผมกราบมันหรือไง”
TBC.