เพื่อนร่วมงานแบบที่ 17
“แกดูตั้งใจทำงานมากขึ้นนะ ไม่เหมือนช่วงแรก ๆ เดี๋ยวนี้อยู่แผนกตลอด ไม่หนีไปนั่งในออฟฟิศแล้ว แกเช็กงานละเอียดเหมือนกันนะ ไม่ค่อยเห็นมีพลาดกลับมาด้วย”
เบลกำลังยืนเช็กใบส่งของที่เข้ามาพร้อมกับสินค้า และพนักงานแผนกรับสินค้าที่ยื่นเอกสารและรอตรวจนับให้เบลก็ชวนคุย
“สงสัยรู้ตัวว่าทำแบบเมื่อก่อนไม่ได้ ไม่งั้นคงอยู่ยาก”
ไม่ได้ชมแต่พูดไปตามที่เห็น และพนักงานที่มาคุยกับเบลก็หัวเราะและพยักหน้าตามที่เบลพูด
“คุณเบลก็ว่าไป แกก็มีความดีอยู่นะ ว่าแต่วันนี้คุณเบลว่างมั้ย เดี๋ยวเซียงมันจะไปจองที่ก่อน วันนี้ มิตติ้ง มิตติ้ง”
เบลหัวเราะออกมาด้วยความขำ กับคำว่ามิตติ้งที่ได้ยิน ที่จริงไม่ใช่งานใหญ่โตอะไร เป็นชื่อเรียกการนัดพบกันหลังเลิกงานของพนักงานแผนกรับสินค้า เป็นการรวมเงินกันทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ กินด้วยกัน และปูเสื่อนั่งเล่นพูดคุย พักผ่อนหย่อนใจกันที่สวนสาธารณะเท่านั้น
“แล้ววันนี้ ทำอะไรกินกันล่ะ”
“ส้มตำ แล้วก็ยำ เดี๋ยวไอ้เซียงมันจะทอดเขียดไปให้กิน”
ฟังชื่ออาหารพื้นบ้านแบบง่าย ๆ ที่ธรรมดาที่สุดที่หามากินด้วยกัน และเบลก็พยักหน้ารับ
“ไม่เอารถด่วนมากินด้วยเลยล่ะ มิตติ้งแมลงทอดเลยเป็นไง”
ก็แค่พูดคุยกันแบบขำ ๆ แต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะจริงจังกับสิ่งที่เบลพูด
“เอาด้วยเหรอ งั้นเดี๋ยวไปบอกไอ้เซียง งานนี้คุณเบลสั่งลุย”
สั่งลุยบ้าอะไร ไม่ได้พูดแบบนั้นเลย
“ไม่เอานะ พูดเล่น ยุ่งยากเกิน ทอดลูกชิ้นอะไรก็ได้ ง่าย ๆ รับของรอบสุดท้ายเสร็จแล้วเดี๋ยวผมแวะเข้าไป”
ต้องรีบห้ามและคนรับออเดอร์ทำของกินก็กระซิบถามเบลเสียงเบา
“ต้องชวนคุณชยาด้วยมั้ย มันจะน่าเกลียดมั้ยถ้าเราไม่ชวนเขาไป”
เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องสมควรหรือเปล่า และเบลก็คิดตามสิ่งที่ได้ยิน
“แล้วพี่นิดอยากให้ชวนเขาไปหรือเปล่าล่ะ”
อยากชวนมันก็อยากชวนอยู่หรอก
“แล้วเขาจะไปเหรอ เราก็มีแต่บ้าน ๆ กันทั้งนั้น คุณชยาเขาก็ดูผู้ดี๊ผู้ดีเขาคงไม่อยากไปหรอก”
เรื่องนั้นเบลก็คงตอบแทนชยาไม่ได้ แต่คิดว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็อยู่แผนกเดียวกัน ไม่รู้ว่าชยาจะไปหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าจะลองชวนดู
“เดี๋ยวผมลองถามแล้วกัน ไปก็ไป ไม่ไปก็แล้วแต่เขา”
ก็คงต้องเป็นแบบนั้น
“ผมจะบอกว่าพี่นิดชวนดีมั้ย เดี๋ยวบอกแบบเน้น ๆ ให้เลยว่าพี่นิดขอมา อยากให้คุณชยาไปกินเขียดทอดเลยเป็นไง”
แล้วเบลก็โดนตีไหล่ไปหนึ่งที ไม่ได้เจ็บแต่ก็แกล้งทำเหมือนเจ็บมากและลูบไหล่ของตัวเอง
“ผมพูดเล่น”
“หาเรื่องให้พี่แล้วไงคุณเบล”
โดนค้อนใส่และเบลก็หัวเราะ
วันนี้เงินเดือนออกแล้ว ทุกคนรอวันที่เงินเดือนออกและเช้านี้มีแต่ความสดใสในแผนกรับสินค้า
“คุณเบลซื้อน้ำแข็งกับพวกน้ำส้มน้ำหวานอะไรไปหน่อยนะ ของเยอะหิ้วไม่ไหว”
นัดแนะกันและเบลก็พยักหน้ารับ หยิบใบส่งของมาเช็กอีกครั้งและไม่ลืมหันไปบอกเจ้าหน้าที่แผนกรับสินค้าที่ชวนไปมิตติ้ง
“เดี๋ยวพี่โทรมาบอกผมแล้วกันว่าจะเอาอะไรบ้าง เดี๋ยวผมซื้อเข้าไป”
+++
“วันนี้จะมีมิตติ้งกัน”
พูดลอย ๆ และชยาที่กำลังคีย์ข้อมูลใบส่งของที่ได้รับมาเข้าระบบคอมพิวเตอร์ก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาทำทีเป็นหยิบเอกสารจากในตะกร้าที่ชยาคีย์อยู่มาพลิกดู ไม่ได้ตอบเพราะไม่รู้จะตอบอะไร และชยาก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป กลายเป็นคนถามที่รู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่ชยาทำ
“จะไปหรือไม่ไปก็บอกหน่อย ไม่ใช่ทำเป็นเฉย”
โดนเบลต่อว่า และชยาที่ยังไม่รู้ว่าทำอะไรผิดก็วางมือจากงานที่กำลังคีย์ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำเหมือนโมโหกันแล้วก็ถอดแว่นสายตาออกวางไว้บนโต๊ะ ใช้ปลายนิ้วบีบนวดที่ขมับเบา ๆ และถอนหายใจยาว
“ไม่ได้บอกว่าชวน ใครมันจะไปตรัสรู้ได้ด้วยตัวเอง จะรู้มั้ยว่าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือจะให้ผมคิดเอาเองแล้วเสนอหน้าไปทั้งที่คนอื่น ๆ เขาอยากให้ไปหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ตอบกลับแบบตรง ๆ และเบลก็วางใบส่งของลงในตะกร้า ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆ ชยาและยื่นหน้าไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของชยาที่ยังเปิดระบบสำหรับคีย์รับสินค้าค้างเอาไว้
“มีส้มตำ มียำ แล้วก็ของทอด ๆ พวกเขียดทอด หนอนรถด่วน”
นี่ก็อีก จะพูดทำไม ไม่ใช่เรื่องที่ชยาต้องรับรู้เลยสักนิด
“แต่คุณหนูไม่น่าจะกินได้หรอกมั้ง ออกจะผู้ดี”
ทำไมเบลถึงเป็นคนที่พูดจาได้กวนประสาทมากที่สุดขนาดนี้ และชยาก็หยิบผ้าสำหรับเช็ดแว่นสายตาขึ้นมาเช็ด และตอบกลับด้วยคำพูดชวนโมโหยิ่งกว่า
“ใช่แล้ว ผมกินไม่ได้หรอกอาหารพวกนั้น ระดับผมต้องกินอาหารภัตตาคารกับโรงแรมห้าดาว กินอย่างอื่นแล้วคันเดี๋ยวผื่นขึ้น เป็นยังไงพอใจหรือยัง”
แค่ได้ฟังเบลก็เบะหน้าและชยาก็เบะหน้าใส่เบลเหมือนที่เบลทำใส่ชยาก่อน
“ผมไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าพอใจหรือไม่พอใจ”
“ก็อยากให้พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือไง”
ไม่ใช่..
ไม่ได้อยากให้พูดแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็แค่ลองถามดูแค่นั้น เผื่อว่าชยาสนใจอยากจะไป
“นี่นึกว่าง้อเหรอ ไม่อยากไปก็คือไม่ต้องไปสิ ก็พูดมาตรง ๆ ว่ารังเกียจพูดมาเลยว่าทำอะไรกินกันก็ไม่รู้ ไม่เห็นอยากจะไปเลย”
ชยาจำไม่ได้ว่าพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ มีแต่โดนยัดเยียดให้และเป็นอีกฝ่ายที่พูดคนเดียวคิดคนเดียว และเออออไปเองคนเดียวเสร็จสรรพเรียบร้อย
“เออ ผมรังเกียจ ผมมันเป็นคุณหนู เป็นผู้ดี บ้านผมรวยมาก ทุกวันนี้เงินทองท่วมบ้าน ใช้ไม่หมด อยู่อย่างสุขสบาย ครอบครัวมีฐานะ ใช้เงินเหมือนเศษกระดาษ...ทั้งที่จริง ๆ ตอนนี้คุณก็รู้อยู่แล้ว ว่าแค่จะกินไปวัน ๆ ผมยังไม่มี คุณอยากให้ผมเป็นอะไรอีกมั้ย”
ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ชยารู้สึกไม่ดีแบบนี้ สายตาที่มองมามันทำให้เบลรู้สึกบางอย่าง ชยาไม่ได้พูดอะไรอีก เมินหน้าหนีและถอนใจยาว หยิบใบส่งของขึ้นมาและเริ่มคีย์รายละเอียดใบส่งของที่ถือไว้ในมือเข้าระบบ
“อีกเยอะมั้ย”
ถามคนที่กำลังคีย์เอกสารและชยาก็พยายามระงับความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในใจของตัวเอง ไม่อยากให้การทำงานร่วมกันมันแย่ไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้คุณอาวิษณุคิดว่าชยามีแต่สร้างปัญหาให้ตลอด
“ก็ตามที่เห็น”
ตอบออกไปทั้งที่แทบไม่อยากจะพูด และเบลก็เปิดคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่อยู่ข้าง ๆ กันขึ้นมา คีย์รหัสพนักงานและพาสเวิร์ดเพื่อเข้าระบบ หยิบใบส่งของที่วางอยู่ในตะกร้าของชยาขึ้นมาคีย์โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ และชยาก็หันมามองหน้าคนที่ช่วยคีย์เอกสารที่เป็นงานของชยาที่ยังทำไม่เสร็จ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำไปเพื่ออะไร ไม่ได้ขอบคุณแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองที่ยังค้างอยู่ และเบลก็พูดบางอย่างที่ทำให้ชยาชะงักนิ่งค้างและหันมามอง
“คีย์อันนี้เสร็จแล้วเดี๋ยวเราออกไปพร้อมกัน”
+++
“ผมนึกว่าเขาไม่กล้ากิน นี่เห็นหยิบเขียดทอดกินหน้าตาเฉย ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ”
“ไม่น่าเชื่อนะ นึกว่าแกจะไม่กล้ากิน แล้วก็ไม่นึกว่าแกจะมาด้วย พี่เห็นยังตกใจ”
“ลูกหนูมันกลัวคนจะตาย นี่ไปเล่นกับคุณชยาเฉ้ยยย”
“เอาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้ดูเรื่องมากมีพิธีรีตองอะไรอย่างที่คิดนะ แล้วนี่เขาซ้อนท้ายพี่เบลมาเลยเหรอ ไม่บ่นร้อนตายห่าเหรอวะ”
“ก็หิ้วถังน้ำแข็งกับน้ำส้มมาให้มึงนั่นไง ถ้าบ่นกูก็ถีบตกรถตั้งแต่ขึ้นมาแล้วแหละ”
มิตติ้งเล็ก ๆ ของพนักงานแผนกรับสินค้าที่มีกันอยู่ไม่กี่คนจัดขึ้นบนเสื่อสามผืน และมีอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยกันทำเองตามที่จะพอหาได้ พนักงานในแผนก บางคนนอนกลิ้งอยู่บนเสื่อ บางคนก็กำลังเตรียมเก็บอาหารที่เหลือเข้ากล่องและบางคนก็นั่งมองชยาที่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับลูกสาวของพนักงานในแผนก
“แกคงทำตัวไม่ค่อยถูกนะ เวลาอยู่นอกเวลางาน”
“คุณชยา ดูชอบเล่นกับเด็กนะ ไม่นึกว่าแกจะเป็นแบบนั้น”
“พี่เบล รอบหน้าชวนเขามาอีกสิ”
“ใช่ ๆ คุณเบลชวนคุณชยามาอีกสิ แกท่าจะชอบนะ”
นี่มันอะไรกันวะ มันคือมิตติ้งสรรเสริญคุณหนูชยา คิวเอของบริษัทหรือไง
“ทำไมผมต้องเป็นคนชวนด้วยวะ”
เบลไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้พูดเรื่องของชยาให้เบลฟัง แล้วสายตาของพนักงานแผนกรับสินค้าทุกคู่ก็หันมามองเบลและพูดออกบางอย่างออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
“ก็คุณชยาสนิทกับเบล”
+++
มืดแล้ว และชยาก็โบกมือให้กับเด็กหญิงตัวน้อยที่เป็นเพื่อนเล่นกับชยาในวันนี้
“สวัสดีคุณชยาก่อน สวัสดีค่ะ แล้วมาเล่นกับหนูอีกนะคะ บอกคุณชยาเร็ว”
เพราะไม่ยอมไหว้สวัสดี แม่ของเด็กหญิงก็เลยต้องสอนให้พูด และเด็กหญิงตัวน้อยก็ยอมพูด
“มื้ออื่นอ้ายซายาสิมาอีกบ่”
ไม่ได้บอกลาแต่เป็นการถามและชยาก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้กับเด็กหญิงตัวน้อย
“มา มา แล้วเฮามาเล่นด้วยกันอีกนะ”
ความพยายามในการพูดภาษาเดียวกันกับเด็กน้อยของชยา ทำให้เบลต้องเมินหน้าหนีและพยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
“กลับดี ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน”
พนักงานในแผนกรับสินค้าบอกลากันเรียบร้อยหลังจบมิตติ้งและแยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว และชยาก็หันมาถามเบล
“มิตติ้งจะมีอีกทีเมื่อไหร่เหรอ”
ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง...
“ไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่ว่างมั้ง”
เบลตอบสิ่งที่ชยาถามและชยาก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบธนบัตรสองสามใบออกมานับและส่งให้เบล
“เห็นหารตังค์กัน ไม่รู้ว่าหารค่าข้าวกันเท่าไหร่ แค่นี้พอมั้ย”
พักนี้คุณหนูทำตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากจะตั้งใจทำงานแล้ว ยังเริ่มรู้ว่าคนอื่น ๆ เขาอยู่กันยังไง
“ค่ามิตติ้งมันมีงบแผนกอยู่ไม่ต้องจ่ายหรอก”
ปฏิเสธเงินที่ชยาให้ และชยาก็พยักหน้ารับแต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้
“แต่เห็นหารตังค์กัน”
ยังยืนยันในสิ่งที่ตัวเองเห็น และเบลก็ขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ชยาถาม
“จะโกหกทำไม บอกว่างบแผนกก็งบแผนกสิ”
แล้วทำไมต้องทำเสียงแบบนี้ใส่ด้วย
“พูดดี ๆ ไม่เป็นหรือไง”
โดนว่า และเบลก็มองหน้าของชยาและแกล้งลากเสียงยาว ๆ ใส่
“งบบริษัทคร้าบบบบ พูดดี ๆ แล้วครับ ไม่ได้หารตังค์กันนะครับ โอเคมั้ยครับ”
ไม่ชอบวิธีการพูดของเบล แต่ชยาก็ยอมเก็บเงินเข้ากระเป๋า
“ขึ้นมาเร็ว ๆ ยุงเยอะแล้ว”
เร่งให้ชยาขึ้นมาซ้อนท้ายและชยาก็ยอมทำตามสิ่งที่เบลบอก
“จับแน่น ๆ นะน้อง พี่จะซิ่งแล้วนะครับ”
แกล้งบิดคันเร่งจนรถกระตุกและชยาที่ซ้อนท้ายอยู่ก็กำมือและทุบหลังของเบลแรง ๆ แต่เบลไม่ได้โกรธแถมยังหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งชยาอีกด้วย
“อยากโดนต่อยหรือไง”
กล้ามากนะคุณหนู กล้าข่มขู่คนที่ให้ซ้อนท้ายหรือไง แล้วไอ้ที่ทุบหลังไปนั่นเรียกว่าอะไร
“ถ้าต่อยจะเบรค เอาสิ”
เบื่อจะพูดกับคนแบบเบลแล้ว ชยาได้แต่ส่ายหน้ากับสิ่งที่เบลพูด พยายามนั่งให้ดี ๆ แต่ก็ยังถูกแกล้ง กำมือและทุบหลังของเบลอีกครั้งและเบลก็หัวเราะชอบใจ
ชยาไม่เข้าใจ คนบางคนก็เป็นบ้า ชอบแกล้งชอบหาเรื่องเพื่อจะได้โดนด่า เพราะถ้าไม่โดนด่าสงสัยคงจะนอนไม่หลับทั้งคืน
TBC.