ตัวร้าย
34
“ให้ลงไปด้วยไหม”
บีสท์ถามเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะลงจากรถหน้าคอนโดของคริษฐ์ ผมหันไปยิ้มให้แฟนตัวเองที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล วันนี้ผมนัดเพื่อนมาเคลียร์เรื่องของผมหลังจากกลับจากเชียงใหม่มาได้หนึ่งวัน
“ไม่เป็นไรหรอก คริษฐ์ก็อยู่”
“กูเป็นห่วง เฮ้อ...กูรู้นะว่าถ้าตัวเองลงไปอาจจะทำให้เรื่องมันยิ่งแย่แต่กูก็อยากจะอธิบายให้เพื่อนมึงเข้าใจ”
“ไว้ถ้ากูพูดแล้วพวกมันไม่เข้าใจเราสองคนค่อยไปคุยกับมันอีกทีดีไหม”
บีสท์นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพรูลมหายใจยาวและพยักหน้าออกมาในที่สุด ผมขยับไปกอดเขาแน่น ๆ หนึ่งทีแล้วผละออก บีสท์เกลี่ยแก้มผมแล้วส่งยิ้มมาให้
“จะกลับเมื่อไหร่ก็โทรมานะเดี๋ยวมารับ”
“อื้ม ไปนะ”
“อื้อ”
ผมเดินเข้ามาในคอนโดเห็นณินนั่งอยู่ตรงโซฟาถัดจากฟร้อนท์ไปไม่ไกลเดาว่าคริษฐ์คงไล่ลงมารอรับผมเพราะตัวเองดันลืมเอาคีย์การ์ดคอนโดมันมา ผมเดินเข้าไปหาณินที่นั่งกดโทรศัพท์หน้าเคร่งเครียด
“ณิน หวัดดี”
“อ้าวน้องซันมาแล้วหรือ รอแปบนะขอเล่นตานี้จบก่อน”
เขาพูดโดยที่ไม่มองหน้าผม นึกแปลกใจเล็กน้อยนึกว่าณินจะงอนผมด้วยอีกคนเห็นว่าคริษฐ์เล่าให้ฟังแล้วแต่ปฏิกิริยาตอนนี้เดาว่าเขาคงไม่ได้ว่าอะไร ผมนั่งลงข้างณินมองนั่นมองนี่สักครู่ณินก็สะกิดแขนจึงหันไปหาเขา
“ขอถามย้ำอีกทีแล้วกันจริง ๆ ก็ตงิดมานานแล้วสรุปกับบีสท์นี่จริง ๆ ใช่ไหม”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ณินเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“เอาความจริงก็หวงซันนิดหน่อยนะ แน่นอนล่ะของสวย ๆ งาม ๆ ณินมองของณินมาตั้งนานตอนนี้ดันมีเจ้าของจริงจังเสียแล้ว โอ้ยรู้สึกใจหายเหมือนถูกพรากลูกสาวไปจากอก”
ณินทิ้งตัวพิงโซฟาร่ำร้องออกมาแต่ก็ครู่เดียวเท่านั้นเขาก็กลับมาเป็นภาณินคนเดิม คนเดิมในที่นี้คือคนแบบปกติไม่บ้าเหมือนที่เขาชอบเป็นณินยิ้มให้ผมอย่างใจดีแล้วบีบไหล่ให้กำลังใจ
“เป็นบีสท์ณินก็โอเคนะ เห็นแบบนั้นมันนิสัยดีมากเลยล่ะรักเพื่อนมากด้วย”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับณินแบบสุด ๆ เรื่องรักเพื่อนไม่ต้องพูดถึงมีร้อยแฟนผมให้ล้านอยู่แล้ว
“เคยมีครั้งนึงแพรวทะเลาะกับโฟล์คทะเลาะกันแรงเลยล่ะแล้วแพรวมันโทรให้บีสท์มารับ นี่นึกว่ามันเหาะมาวางสายปุ๊บมันมาถึงปั๊บเคยรู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนโฟล์คมันเคยหึงแพรวกับบีสท์”
ผมพยักหน้าณินจึงเล่าต่อ
“นั่นแหละพอบีสท์มันมาแพรวก็เดินไปหาจะกลับบ้านนั้นกันไอ้โฟล์คก็ไม่ยอมยื้อยุดกันอยู่สักพัก ก็เข้าใจโฟล์คมันนะมันอยากเคลียร์ให้จบ ๆ แต่ณินก็เข้าใจแพรวเหมือนกันขานั้นโมโหแล้วเงียบท่าเดียวไม่ฟังต้องหนีไปสงบอารมณ์ก่อน โหซันเอ๊ย!แทบวางมวยกันตอนที่โฟล์คมันกระชากแพรวกลับอ่ะมันไม่ได้ตั้งใจหรอกแต่อารมณ์มันพาไป บีสท์เห็นนะถลาไปผลักไอ้โฟล์คกระเด็นเลยมันดูโมโหมากที่เห็นแขนแพรวเป็นรอยแดง ณินยังจำสีหน้ามันตอนนั้นได้ดีเลยโคตรหน้ากลัวไอ้โฟล์คที่โมโห ๆ อยู่ยังหยุดชะงักอ่ะ”
ผมพอจะนึกถึงหน้าแฟนตัวเองเวลาโกรธออก น่ากลัวอย่างที่ณินบอกจริง ๆ
“มันชี้หน้าไอ้โฟล์คแล้วบอกว่าถ้าทำให้แขนแพรวเป็นรอยอีกแค่ครั้งเดียวเจอมันแน่ โฟล์คมันฟังก็ยิ่งโมโหอะไรจะห่วงกันขนาดนั้นห่วงยิ่งกว่าแฟน แต่ความห่วงตรงนี้ของไอ้บีสท์ณินเข้าใจว่ะเพราะกับคริษฐ์ณินก็เป็นอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ทะเลาะกันใหญ่โตเลยแพรวมันจะเลิกให้ได้”
ณินใส่น้ำเสียงและอารมณ์ได้เต็มที่มาก
“แล้วสุดท้ายเรื่องจบลงยังไงหรือณิน”
“ก็ไอ้บีสท์มันลากคอ อย่ามองณินแบบนั้นแฟนซันลากคอจริง ๆ ลากไอ้โฟล์คไปนั่งปรับทัศนคติอยู่นานไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้างเพราะพอเคลียร์กันเสร็จไอ้หมาโฟล์คก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง แต่ตั้งแต่นั้นมามันก็ไม่เคยทะเลาะกับแพรวอีกเลย ณินพอจะรู้เรื่องเพื่อนของแพรวอยู่บ้างพวกนั้นรักกันจะตายแตะได้ที่ไหน ตอนเรื่องนั้นอ่ะที่ต่อยพี่อินคริษฐ์เล่าให้ฟังแล้วณินตกใจมากเลยนะไม่คิดว่าพี่อินจะทำขนาดนั้น พี่มินยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ไม่แปลกใจที่มันต่อยพี่อินเหมือนกระสอบทรายขนาดนั้น”
“อืม เรื่องนั้นอินทำเกินไปมาก ๆ”
“ก็ความรักนี่นะ ถึงรู้ว่าไม่มีทางที่จะคว้าไว้ได้แต่ก็อยากเก็บไว้ใกล้ตัวให้นานที่สุด”
ณินยิ้มบางทำหน้าหนักใจ ก็นะฝ่ายนั้นเพื่อนสนิทพี่ชายเขา ส่วนผมก็เพื่อนสนิทคริษฐ์คนตรงกลางอย่างณินน่าจะลำบากใจที่สุด
“เขาให้พี่มินมาถามณินตลอดเลยนะว่าตอนนี้ซันเป็นไงบ้าง”
ผมยักไหล่แล้วลุกขึ้นยืน
“ช่างเรื่องเขาเถอะ เราไม่ได้อยากรู้ขึ้นข้างบนเถอะพวกนั้นน่าจะบ่นแล้ว”
ณินตาโตลุกพรวดแล้วดึงมือผมให้เดินตามไปที่ลิฟท์ด้วยความรวดเร็ว
“ตายห่าลืมไปเลยว่าพวกนั้นรออยู่ข้างบน คริษฐ์ด่าแล้วแน่ ๆ”
ผมอมยิ้มขำฟังณินบ่นตั้งแต่นอกลิฟท์ เข้าในลิฟท์จนกระทั่งถึงห้องเขาถึงหยุดบ่น
แอ๊ด...
“กูนึกว่ามึงไปรับมันถึงชาติหน้า”
ณินยิ้มแหยเกาหัวแกรกแล้วรีบส่งผมให้เพื่อนสนิทตัวเอง
“เออน่าก็พามาแล้วไง ไปดูการ์ตูนต่อละ ไปนะน้องซันโชคดี”
“อื้อ”
ภายในห้องเงียบเสียงทันทีเมื่อณินหายเข้าห้องตัวเองไป ผมหันไปมองซานกับคิงที่นั่งนิ่งจ้องผมอยู่ก่อนแล้วจึงถอนหายใจและเดินตามคริษฐ์ไปนั่ง
“หลอกพวกกูสนุกมากไหมซัน”
ซานเริ่มทันทีที่พวกเราสี่คนพร้อมหน้ากัน
“เปล่า”
“เปล่านี่คืออะไร”
“ไม่ได้ตั้งใจจะโกหก”
ซานพ่นลมหายใจออกมาเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของผมเสียเท่าไหร่
“อธิบายเหตุผลให้พวกกูฟังหน่อย”
คิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย
“ตอนนั้นอินเข้าใจผิดไปเองไม่สิยูตั้งใจให้อินเข้าใจผิดแล้วเขาก็เอามาบอกพวกมึง”
ซานเสยผมด้วยความหงุดหงิดแล้วเอ่ยถามผม
“ถ้าเข้าใจผิดทำไมมึงไม่บอกพวกกูซัน มึงมีโอกาสจะบอกพวกกูตั้งเยอะแต่มึงเลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกกูเข้าใจผิด! กูเป็นเพื่อนมึงนะไม่ไว้ใจกูขนาดนั้นเลยหรือวะ”
“ซานมึงลองถามตัวเองก่อนว่าทำไมซันมันถึงไม่ยอมพูดหรือบอกอะไรเรื่องไอ้บีสท์”
คริษฐ์พูดขึ้นมา ซานตวัดสายตามองแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก
“เหอะ! ใช่สิมึงคือคนรู้ทุกเรื่องนี่คริษฐ์มึงก็พูดได้มีแค่กูกับคิงที่โง่เป็นควายกันอยู่สองคน”
“ซานถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็เงียบไปก่อน ซันกูอยากรู้แค่ว่าทำไมมึงถึงต้องปิดกูสองคน”
คิงเอ่ยปรามซานแล้วหันมาถามผมอย่างใจเย็น ผมถอนหายใจแล้วมองหน้าพวกมัน
“เพราะมึงสองคนไม่ชอบบีสท์”
“แล้ว?”
“กูมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขากูกลัวว่าถ้าบอกพวกมึงจะขัดขวาง”
“ทำไมต้องเป็นไอ้อันธพาลนั่นวะซัน มึงไม่เห็นที่มันทำกับคนอื่นหรือแม้กระทั่งพี่อินหรือไง กูรู้ว่าในกรณีพี่อินนั่นพี่เขาก็แรงแต่กับคนอื่นล่ะ”
ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรซานไปเพราะผมไม่เคยถามบีสท์เลยสักครั้งว่ากับคนอื่นที่มีเรื่องกันสาเหตุมาจากอะไรแต่จากที่เราคบกันมาผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าบีสท์ต้องไม่ใช่คนที่ไปหาเรื่องใครก่อนอย่างแน่นอน
“แต่เหนือสิ่งอื่นใดนะซัน”
ผมมองไปทางซานที่มองมาที่ผมด้วยสายตาผิดหวัง
“
กูแค่เสียใจที่มึงไม่เคยไว้ใจกูเลย”
มันพูดแล้วเดินปึงปังออกไปจากห้อง คริษฐ์กับคิงส่ายหน้าถอนหายใจผมเม้มปากแน่น
“พวกกูอาจจะดูเข้าข้างพี่อินจนเกินไป แต่มึงคิดหรือซันว่าถ้ามึงเลือกคนอื่นแล้วพวกกูจะไม่เห็นด้วยกับมึง ซานมันอาจจะไม่ค่อยชอบไอ้บีสท์ก็จริงกูก็ด้วยเพราะกูไม่ได้รู้จักมันเป็นการส่วนตัว กูรู้จักผ่านการบอกเล่าของคนอื่นเขาว่าไม่ดีกูก็ไม่อยากให้เพื่อนกูเข้าไปยุ่ง แต่ถ้ามึงอธิบายกูก็พร้อมจะฟังไม่ใช่หลอกกันแบบนี้ซัน พูดตรง ๆ ว่ากูเสียใจ”
คิงพูดออกมาและปรายตาไปมองคริษฐ์
“กูรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่มึงจะพูดทุกอย่างได้ เป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนกับคริษฐ์แต่กูก็เป็นห่วงมึงไม่ได้น้อยไปกว่าใครนะ”
“กูขอโทษ”
“เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน กูไปดูหมาบ้าก่อน”
คิงว่าแล้วก็เดินออกไป ผมหลับตาถอนหายใจทิ้งตัวพิงโซฟา คริษฐ์ตีหน้าขาผมเบา ๆ
“เดี๋ยวพวกมันก็ดีขึ้น กูว่าพวกมันแค่น้อยใจที่เราปิดบังเฉย ๆ ไม่ได้อคติอะไรกับแฟนมึงมากนักหรอก”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ”
“ไว้ให้ซานมันใจเย็นลงกว่านี้ค่อยคุยกันใหม่”
กลายเป็นว่าวันนี้ผมก็ไม่ได้เคลียร์อะไรกับเพื่อนตัวเองเลยสักนิด แต่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งคือคิงดูจะเข้าใจมากกว่าซาน ขานั้นผมรู้ดีมันใจร้อนหัวร้อนไม่ค่อยฟังใคร ผมรู้ว่าพวกเขาหวังดีกับผมเพราะในวันที่ผมลำบากก็มีพวกเขาคอยอยู่เคียงข้างคอยพยุงให้ผมลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ ผมยอมรับว่าผมผิดเรื่องที่ปิดบังเพื่อน ผมอยากให้ตัวเองมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองและอีกส่วนหนึ่งก็อย่างที่พูดออกไปว่าผมกลัวเขาจะขัดขวาง
ดีที่พวกเขาไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของบีสท์ ผมว่าถ้าเป็นแบบนั้นเราต้องทะเลาะกันแรงกว่านี้แน่เพราะผมก็มั่นใจว่าตัวเองจะไม่ยอมให้ใครมาว่าบีสท์ในทางที่ไม่ดี เดินลงมาข้างล่างโดยมีคริษฐ์เดินมาส่งรถบีสท์ก็จอดรออยู่ก่อนแล้ว แฟนผมยืนพิงรถสูบบุหรี่รออยู่เมื่อเห็นผมสองคนเดินออกมาเขาจึงดับบุหรี่แล้วเดินมาหา
“ไง”
“ไงเคลียร์กันยัง”
เสียงแรกเป็นของคริษฐ์ที่เอ่ยทักบีสท์ บีสท์ทักและถามกลับคริษฐ์ยิ้มส่ายหัว
“ถ้าพูดแล้วฟังกันง่าย ๆ ก็ไม่ใช่เพื่อนกูสิ จริงไหม”
ท้ายประโยคมันหันมายักคิ้วใส่คล้ายว่ามันว่าผมด้วยอีกคน ผมเลยกระทุ้งท้องมันเต็มแรงหันไปมองแฟนตัวเองที่หน้าเครียดทันที คริษฐ์ชี้หน้าคาดโทษผมก่อนจะหันไปโบกมือลาบีสท์ แฟนผมยิ้มบางส่งไปให้คนที่เดินนวดท้องเดินกลับเข้าไปในตัวอาคาร
“ให้กูไปคุยให้ไหม”
ผมยิ้มแล้วบุ้ยหน้าให้เข้าไปคุยกันในรถ ไม่ใช่อะไรหรอกผมร้อน
"ว่าไง ให้กูไปคุยให้ไหม"
บีสท์เอ่ยถามผมด้วยความร้อนใจ ผมยิ้มบางขยับตัวกอดเขารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เขากอดปลอบลูบหัวผมที่ส่ายหัวปฏิเสธอยู่ในอ้อมกอดเขา
“ไม่ต้องหรอกแต่ไปนั่งข้าง ๆ กันก็พอ”
“อืมจะไปเมื่อไหร่ก็บอกนะ”
“ไม่น่าเกินสองวันหรอก อาจจะพรุ่งนี้โดนเรียกคุยอีกครั้งก็ได้ ดูแล้วเหมือนจะไม่ได้หนักอย่างที่คิด”
ดั่งที่ผมบอกกับบีสท์ไปเพราะอีกวันถัดมาซานกับคิงก็นัดคุยกับผมอีกครั้ง คราวนี้นัดคุยที่ห้องของพวกมันผมบอกไปแล้วว่าบีสท์จะไปด้วยแปลกที่พวกเขาตอบรับอย่างง่ายดายไม่รู้ว่าคริษฐ์พูดช่วยอะไรหรือเปล่า เรามาถึงคอนโดของสองคนนั้นในตอนเย็นรออยู่ด้านล่างไม่นานคิงก็เดินลงมารับเขามองหน้าบีสท์ ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งก่อนที่คิงจะยักคิ้วแล้วพยักหน้าให้
“หวัดดี”
“หวัดดี”
เขาสองคนทักทายกันสั้น ๆ คิงเดินนำผมขึ้นมาในห้องที่มีซานกับคริษฐ์นั่งเล่นเกมกันอยู่ ผมว่าท่าทางเพื่อนของผมแปลกไปจริง ๆ นะ ไม่รู้สิคิงไม่เท่าไหร่เพราะรายนี้บอกผมแล้วว่าไม่ได้โกรธอะไรผมมากแต่ซานนี่สิ วันนี้เขาดูผ่อนคลายและสบาย ๆ มากกว่าเมื่อวานเยอะ ผมมองไปที่คริษฐ์มันก็ยักไหล่ตอบแปลว่ามันก็ไม่รู้เหมือนกัน ซานละสายตาจากจอโทรทัศน์มามองบีสท์ก่อนมันจะถอนหายใจกดหยุดเกมแล้วลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาดี ๆ พวกผมจึงเดินตามกันมานั่ง ผมนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวบีสท์นั่งตรงที่พักแขนคริษฐ์นั่งโซฟาเดี่ยวอีกตัวให้เจ้าของห้องมันนั่งโซฟากลางกันสองคน
“เฮ่อ...กูขอโทษนะ”
ผมกับคริษฐ์เบิกตากว้างมองหน้ากันเมื่อจู่ ๆ ซานก็ก้มหัวกล่าวขอโทษผม ผมหันไปมองบีสท์เขายิ้มบางลูบหัวผม
“คือ...เกิดอะไรขึ้น”
ผมเอ่ยถามเพื่อนตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ คือเมื่อวานมันโกรธผมเป็นฟืนเป็นไฟแต่พอมาวันนี้อาการเหล่านั้นกลับไม่เห็นอยู่ที่เพื่อนผมเลยราวกับคนละคน
“เมื่อคืนไปคุยกับพวกคิวมาแล้วพวกนั้นมันก็แนะนำอะไรมาเยอะทำให้กูคิดได้ว่ากูฟังจากคนอื่นมาตลอดว่าแฟนมึงนิสัยไม่ดีโดยที่ไม่ได้รู้ความจริงและไม่ฟังในสิ่งที่มึงต้องการอธิบายเลย เอาแต่เข้าข้างคนอื่นเพราะคิดเอาเองว่าฝั่งนั้นจะสามารถทำให้มึงมีความสุขได้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันยากแสนยากซึ่งเรื่องนั้นกูก็เพลาลงมาแล้ว แต่เอาจริง ๆ นะเรื่องนั้นมันเล็กน้อยความจริงคือกูน้อยใจต่างหาก กูคบมึงมาตั้งกี่ปีเรื่องเท่านี้ยังต้องปิดบังกันอีก”
ท้ายประโยคซานพูดอุบอิบเหมือนต้องการพูดกับตัวเอง ผมอมยิ้มมองมันแล้วลุกขึ้นไปนั่งแทรกกลางระหว่างคิงกับซาน
“กูก็ต้องขอโทษพวกมึงเหมือนกันที่ปิดบัง กูกลัวไปหมดเลยกูขอโทษนะ แล้วก็เรื่องอินน่ะเลิกช่วยเขาเถอะมึงก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไงว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง”
“เออทีหลังมีอะไรก็บอกกัน เพื่อนกันนะเว่ยแล้วก็มึงน่ะถ้าทำเพื่อนกูร้องไห้นะ...เจอ...เจอไอ้คิงแน่”
“อ่าวไอ้ห่าซานทำไมโยนมาให้กู”
“ก็มันตัวใหญ่”
ผมหัวเราะที่เห็นเพื่อนผมกลับมาพูดเล่นได้เหมือนเดิมแล้ว บีสท์หัวเราะเล็กน้อยแล้วพยักหน้า
“ซันจะไม่เสียใจที่เลือกกู”
“อูววววววว”
เพื่อนผมสามคนส่งเสียงทำหน้าล้อเลียนกันเป็นแถว บีสท์ยิ้มเล็กน้อยจากนั้นซานก็ชวนแฟนผมเล่นเกมกันอย่างเมามัน ผมกอดหมอนนั่งอยู่บนโซฟายิ้มมองพวกเขาที่เข้าขากันได้ดีจนเกินคาด ตอนนี้ทุกอย่างดำเนินไปในทางที่ดีจนผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ได้แต่ขอให้ช่วงเวลาเหล่านี้อยู่กับผมให้นานที่สุด
เพล้ง!!!!!
“อินมึงจะบ้าไปแล้วหรือไง!”
ภามินตะคอกเพื่อนสนิทที่ขว้างโทรศัพท์กระแทกกระจกจนแตก แผ่นหลังกว้างของเพื่อนสนิทกระเพื่อมขึ้นลงถี่บ่งบอกว่าอีกคนกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน อินกำมือแน่นขอบตาร้อนผ่าว ภาพที่เขาเพิ่งเห็นไปนั้นไม่ได้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดได้เท่ากับถ้อยคำที่อีกคนเขียนขึ้นมา
My love and my family อย่างนั้นหรือ น้องหลอกเขาเสียเปื่อยคนที่แย่งชิงน้องไปแท้จริงแล้วอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง มัน...ไอ้บีสท์คนที่ต่อยเขาจนอ่วมคนที่ทำให้น้องเปลี่ยนไป คนที่แย่งซันไปคือมัน!
“อิน! มึงอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ”
“หึ มึงคิดว่ากูจะทำอะไรหรือไงมิน”
อินพ่นลมหายใจแสยะยิ้มหันมองเพื่อนตนเอง ร่างสูงปรายตามองเศษกระจกที่แตกและโทรศัพท์ตัวเองอย่างไม่สนใจ
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้อินว่ามึงทำอะไรลงไปบ้าง หยุดเถอะกูเตือนมึงในฐานะเพื่อนนะอิน”
อินยักไหล่
“กูก็ไม่ได้จะทำอะไรนี่”
“ระวังสุดท้ายจะไม่เหลืออะไรเลยนะ”
ตุลย์ที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น อินตวัดสายตามองไปยังเพื่อนสนิทอีกคน
“แล้วจะให้กูปล่อยน้องไปเฉย ๆ รึไง! ให้หมาที่ไหนก็ไม่รู้แย่งเอาน้องไปหรือไง!”
“ทำไมถึงไม่ยอมรับความจริง”
ตุลย์สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ความจริงอะไร!”
“ความจริงที่ว่า
น้องไม่ได้รักมึงแล้วไง”
“ตุลย์!!!”
“หยุดนะอินนี่เพื่อนนะไอ้สัด”
ภามินถลาตัวมาบังอินไว้เมื่ออีกคนทำท่าจะเข้ามาต่อยเพื่อนอีกคน อินสะบัดตัวชี้หน้าตุลย์และประกาศเสียงกร้าว
“
กูไม่ยอมรับ!!! และต่อให้เป็นอย่างนั้นจริงมึงก็จำเอาไว้ว่าถ้ากูไม่ได้ใครหน้าไหนก็ต้องไม่ได้!!!!!”
ขอให้คาดหวังมาก็ต้องผิดหวัง
ให้มีเปลี่ยนผันไม่มีวันสมใจ
ขอให้เธอนั้นต้องจากลากันตลอดไป
ทำฉันเสียใจสักเท่าไหร่
ก็ขอให้เธอปวดใจ...ไม่แพ้กัน
คำยินดี – ver. ปาน ธนพร
tbc
talk. ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ
PP_annann มาก ๆ เลยนะคะที่สละเวลาทำสารบัญให้เรา ดีใจมากเลย ฮือออ กอด ๆ
มาถึงตอนนี้ทุกคนคงไม่รู้จะสรรหาคำด่ามายังไง ตัวร้ายที่แท้ทรู ฮ่า ๆ นี่ก็อยากจะสารภาพอีกเช่นกันว่าจริง ๆ แล้วเราก็รักพี่อินนะ เขารักได้อย่างสุดโต่งดี ฮ่า รักจนไม่สนอะไรทั้งนั้น รักได้เห็นแก่ตัวที่สุดด้วย นี่แค่เริ่มนะเตรียมใจกันไว้นะจ๊ะทุกคนฮ่าา
ส่วนเรื่องเพื่อนเคลียร์แล้วเนอะตอนนี้เชื่อมกับตอนที่ 25 ในทั้งหมดใจเล็กน้อยนะคะตอนที่คิงซานไปคุยกับพวกคิวแต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องไปอ่านเราก็ว่าน่าจะพอรู้เรื่อง...มั้ง ก๊ากกกกกกกกกกกกก ขออีกนิดเรื่องเพลงท้ายตอน อีนี่ชอบเวอร์ชั่นนี้มากแล้วนังพี่อินก็อารมณ์พี่ปานมาเต็มขอบอก
เจอกันตอนหน้าค่า รักคนอ่านทุกคน ฝากแท็ก #นิยายตัวร้าย ด้วยน้า ติได้ชมได้ทวงนิยายได้ทุกช่องทางนะจ๊ะ ด่าได้แต่อย่าแรงเราค่อนข้างใจบาง