ตัวร้าย
22
“ตื่นนนนนนนนนนนนน ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ปัง ๆ ๆ ๆ
เสียงวิ่งตึงตังด้านนอกพร้อมกับเสียงเคาะประตูห้องไล่มาเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องของบีสท์ ผมนิ่วหน้าตื่นขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก บีสท์ขยับตัวเอื้อมไปดูนาฬิกา
“ตีสี่ครึ่ง ไอ้มาร์คแม่งจะคึกไปไหน”
เขาบ่นพึมพำผมซุกตัวเข้าในอ้อมกอดของบีสท์ ยังไม่อยากตื่นเลยแต่ก็นอนต่อไม่หลับแล้ว บีสท์ขยับตัวลงนอนช้อนศีรษะผมขึ้นหนุนแขน
“นอนต่ออีกสักนิดก็ได้ ตีห้าเดี๋ยวปลุก”
เขาบอกพลางลูบหัวกล่อมผมไปด้วย ผมไม่ตอบอะไรขยับตัวนอนตะแคงกอดเขาไว้แน่น ไม่ได้หลับต่อหรอกแค่ขี้เกียจลุกไปอาบน้ำเฉย ๆ
วันนี้พวกเราทั้งสิบสามคนกำลังจะเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่กัน นาฟจองไฟล์ทเช้าสุดตอนแปดโมงไว้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาร์คมันจะรีบปลุกทุกคนทำไมบ้านก็ใกล้แค่นี้นั่งแอร์พอร์ตลิงก์สองสถานีก็ถึง
“ไม่หลับต่อหรือไง”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม ผมส่ายหัวขยับตัวไปเปิดไฟหัวเตียงแล้วกลับมาหนุนแขนกอดบีสท์เหมือนเดิม
“นอนไม่หลับแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปอาบน้ำ”
“ไม่เอา”
“อ่าว”
ผมอมยิ้มเงยหน้ามองบีสท์ เขาบีบจมูกผมแล้วกดจูบหนัก ๆ บนหน้าผาก ผมจูบคางเขาตอบแล้วขยับตัวเข้าหาบีสท์จนแทบจะนอนเกยบนตัวเขาอยู่แล้ว
“นี่”
“หืม?”
บีสท์ส่งเสียงในลำคอตอบรับผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งสองมือยกขึ้นมาประคองแก้มของเขาไว้ บีสท์มีท่าทีประหลาดใจแต่ก็เงียบรอฟัง
“
เคยบอกไปหรือยังว่ารัก”
“หะ...ห๊ะ”
ผมหัวเราะกับท่าทางตกใจจนอ้าปากค้างของบีสท์ น่าเสียดายที่ไฟในห้องสีส้มผมจึงมองไม่เห็นหูแดง ๆ ของเขา ยืดตัวขึ้นไปจูบเขาค้างไว้สักครู่แล้วผละออกมามองตา เหมือนสติบีสท์จะยังไม่กลับเข้าร่าง เขากระพริบตาปริบ ๆ อ้าปากพะงาบ
“
รักนะ”
ผมส่งยิ้มหวานไปให้บีสท์ ถึงเขาจะดูงงอยู่แต่คนตัวโตก็พยักหน้าตอบรับและรวบตัวผมเข้าไปกอด หูผมแนบอยู่ตรงอกบีสท์พอดีได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นรัวซึ่งไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่
ความรักมันไม่เกี่ยวกับเวลา ในความรู้สึกผมรักก็คือรักไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ผมอยากบอกให้บีสท์รับรู้เอาไว้ มันอาจจะเร็วไปที่พูดคำนี้ออกมาแต่ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเก็บคำนี้เอาไว้ในเมื่อผมมั่นใจว่าผมรักเขาจริง ๆ
“
รักเหมือนกัน รักมากด้วย”
“ขอบคุณนะที่ทักกูในวันนั้น ขอบคุณที่เดินเข้ามาในชีวิต”
“ขอบคุณที่เลือกกู”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของบีสท์ฟังแล้วอบอุ่นเสมอ ผมรักเขา รักอ้อมกอดของเขา ชอบฟังเสียงของเขา รักทุก ๆ อย่างที่เป็นเขา และผมจะทำทุกทางเพื่อรักษาเขา รักษาความรักของเราเอาไว้
เราตัดสินใจลุกอาบน้ำในไม่กี่นาทีถัดมาผมอาบก่อนจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นบีสท์นอนดูการ์ตูนบาสอยู่จึงเดินไปบอกให้เขาไปอาบน้ำแล้วตัวเองก็เดินกลับมาหาเสื้อผ้าใส่ตอนนี้ตู้เสื้อผ้าของบีสท์เกือบครึ่งคือเสื้อผ้าของผม แต่งตัวเสร็จก็เดินมาเปิดกระเป๋าเช็คของอีกทีไม่นานบีสท์ก็อาบน้ำเสร็จรอเขาแต่งตัวแล้วจึงลากกระเป๋าออกมาจากห้องกัน ผมเลือกใช้กระเป๋าลากเพราะมีข้าวของเครื่องใช้ของเราสองคนแต่ถ้าปกติไปไหนคนเดียวผมมักจะเลือกใช้เป้มากกว่า
ลงมาด้านล่างในห้องนั่งเล่นมีสกายนั่งหน้ายุ่งอยู่ตรงตักสกายคือเปานอนเปิดพุงอยู่ทั้งสองคนอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เรียบร้อย สกายเห็นพวกผมสองคนก็ยกมือทักเนือย ๆ ตาปรือเหมือนเตรียมเฝ้าพระอินทร์อีกรอบ
“เชี่ยมาร์คแม่งแดกยาบ้ามาแน่ ๆ ไล่ปลุกมันทุกห้อง”
สกายบ่นทันทีเห็นหน้ายุ่งแบบนี้ก็รู้แล้วว่าพี่ท่านอารมณ์เสียเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม บีสท์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วมองไปรอบ ๆ
“แล้วมันไปไหนแล้ว”
“โน่น วิ่งไปบ้านผู้หญิงแล้วกูว่าเดี๋ยวโดนตบกลับมาแน่”
สกายตอบแล้วเท้าแขนข้างหนึ่งไว้กับพนักพิงซบหน้าลงกับแขนตัวเอง สงสัยจะง่วงจริง ๆ บีสท์หัวเราะหึไม่ได้ตอบรับแต่ก็คาดว่าน่าจะเป็นอย่างที่สกายพูด
“แล้วยูกับเชนอ่ะ”
ผมถามเมื่อไม่เห็นอีกสองคน สกายบุ้ยปากไปทางในครัว
“ทำอะไรกินกัน?”
“อือเชนมันบ่นหิวเพราะไอ้มาร์คปลุกเช้าไป ยูเลยไปทำอะไรให้มันกินรองท้องก่อน”
ผมพยักหน้าเข้าใจ บีสท์หันมาถามผมเสียงนุ่ม
“หิวหรือเปล่า”
“ยังเลย มึงล่ะหิวไหม”
“ยังเหมือนกันค่อยไปกินที่สนามบินก็ได้”
พวกเรานั่งดูทีวีกันอยู่สักครู่เชนกับยูก็เดินตามเข้ามาสมทบ เชนยักคิ้วทักทายแล้วทิ้งตัวนั่งบนพื้นพิงขาสกายที่ซบแขนตัวเองหลับไปแล้ว เปานั้นนอนนิ่งเสมือนตายผมมองนานมากว่ามันยังหายใจอยู่ไหมแต่พอเห็นท้องมันขยับขึ้นลงก็เบาใจ ใกล้ ๆ หกโมงมาร์คก็ร้องเพลงเสียงดังเข้ามาในบ้าน
“ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่~ ไป ๆ พวกมึงสาว ๆ เสร็จแล้ว”
“แดกยาบ้ามารึไง”
เชนถีบขาเพื่อนไม่เบานักแต่อย่างที่บอกเหมือนมาร์คมันเมายาคึกเหลือเกินยิ้มแฉ่งร่าเริงเกินเหตุ
“กูดีใจจะไปเที่ยวต่างหาก”
“วุ๊! ทำอย่างกับไม่เคยไปแล้วจะรีบแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตีสี่หาเตี่ยมึงหรือไง ยังไงก็ออกจากบ้านหกโมงอยู่แล้ว”
สกายที่ตื่นมาได้ซักพักบ่นใหญ่แต่มาร์คก็ยังคงรอยยิ้มปัญญาอ่อนอยู่ได้
“พวกมึงจะได้เตรียมตัวกันไง ไปกัน ๆ เร็วเร๊วรถพร้อมแล้ว”
มาร์คบอกแล้วเดินมาฉุดแขนยูให้ลุกยืน คุณชายเขาก็ทำตามอย่างว่าง่ายเดินหยิบกระเป๋าหันมาพยักหน้าให้พวกผมแล้วเดินตามมาร์คออกไป ผมกับบีสท์จึงเดินตามไปบ้างสกายกดโทรศัพท์อยู่เชนหันไปปลุกเปาเดี๋ยวก็คงตามกันออกมา
รถสามคันพาพวกเรามาส่งถึงสนามบินโดยสวัสดิภาพในยี่สิบนาทีถัดมาจริง ๆ แล้วพวกผมจะขึ้นแอร์พอร์ตลิงก์มากันแต่พวกพี่ฉายไม่ยอม ก็เลยต้องตามใจพี่เขาให้มาส่ง ทุกคนทยอยลงจากรถตรงหน้าอาคารผู้โดยสารขาออกชั้นสี่ ผู้ชายเกือบทุกคนเว้นผมกับบีสท์แบกเป้กันคนละใบส่วนพวกผู้หญิงก็กระเป๋าลากกันคนละใบ
วันนี้พวกเรามาในธีมชุดสีขาว สาว ๆ เป็นคนบอกมา(จริง ๆ แล้วพวกเธอบังคับให้เราใส่) ก็ไม่มีอะไรมากแค่เสื้อยืดสีขาวธรรมดากับกางเกงยีนส์แค่นั้นเองแต่พอใส่แบบนี้กันทุกคนมันก็ดูสวยดี พวกเราขอบคุณพวกพี่ฉายเสร็จก็พากันเดินเข้ามาที่เคาท์เตอร์เช็คอินคนเยอะมากอาจเป็นเพราะวันหยุดยาว
แพรวกับแจมบอกให้พวกเรายืนรออยู่ตรงนี้แล้วพวกเธอก็เดินไปคุยอะไรสักอย่างกับพนักงานอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันมากวักมือเรียกให้พวกเราเดินไปต่อแถว ๆ หนึ่งที่สั้นกว่าปกติมาก ผมหันไปมองบีสท์อย่างงงงวย
“ทำไมเราได้มาต่อแถวนี้อ่ะ โดนมองแรงด้วย”
ผมกระซิบถามแฟนตัวเองบีสท์เลิกคิ้วแล้วหันไปมองรอบ ๆ ผมไม่ได้พูดเกินจริงนะ ก็คนที่ยืนต่อแถวอยู่มองแรงพวกผมจริง ๆ นี่ที่จู่ ๆ ก็ได้มาต่อแถวสั้นบีสท์ร้องอ้อแล้วชี้ให้ผมดูป้ายตรงเคาท์เตอร์ที่เรามาต่อ สมาชิกบัตรทองของสายการบิน
“ใครมีบัตรอ่ะ”
“ก็มีกันทุกคนนั่นแหละ”
บีสท์บอกเสียงสบาย ๆ แล้วหยิบบัตรของตัวเองออกมาพร้อมกับบัตรประชาชนเขาสะกิดให้ผมหยิบออกมาบ้าง ผมก็เดินทางบ่อยพอสมควรจึงพอจะรู้มาบ้างว่าบัตรพวกนี้มีอภิสิทธิ์พิเศษพอสมควร รอเพียงไม่นานพวกเราก็เช็คอินกันเสร็จ
คราวนี้คนเดินนำเพื่อนเป็นเปา พอผ่านเครื่องแสกนมามันก็เดินตรงดิ่งไม่สนใจใครผมมองตามงง ๆ
“รีบไปขี้หรือไงนั่น”
บีสท์กับยูหัวเราะ มาร์ควิ่งตามเปาไปสกายถ่ายรูปอยู่กับพวกสาว ๆ เชนเป็นคนตอบผม
“มันรีบไปเลาจน์น่ะสิ ตื่นเต็มตาก็หิวแบบนั้นแหละ”
“อ่อ”
ผมตอบรับแล้วก้มลงดูเวลาขึ้นเครื่อง ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง ไปหาอะไรรองท้องหน่อยก็ดีเหมือนกัน
“หิวยัง”
บีสท์กอดคอผมก้มหน้าลงมาถาม
“นิดหน่อย”
“จะดูตรงฟู้ดสต๊อปหรือจะไปกินที่เลาจน์”
“กูเข้าไม่ได้”
“เข้าได้ดิ เขาพาเกสต์เข้าได้คนนึง”
“อ่าวหรองั้นไปกินที่นั่นก็ได้”
“นี่”
“หืม?”
ผมหันไปมองหน้าคนเรียก บีสท์มองหน้าผมคิ้วขมวดนิดหน่อยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ตากับยายมึงดุไหม”
“กลัวหรือไง”
ผมอมยิ้มถามเขา บีสท์ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วส่ายหัว
“กูเข้าหาผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่ง กูแค่กลัวว่าเขาจะไม่ชอบกู”
ผมหันไปมองหน้าแฟนตัวเอง สีหน้าเขากังวลอย่างเห็นได้ชัดผมรู้ว่าเขาคิดมากเพราะถ้าเป็นผมไปบ้านเขาผมก็คงคิดมากเหมือนกัน ผมบีบมือที่วางอยู่บนไหล่ตัวเองเบา ๆ แล้วยิ้มกว้างให้เขา
“ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกแค่เป็นอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ ตากับยายกูใจดีมาก”
“จะพยายามนะ”
“อื้อ กูอยู่กับมึงตลอดแหละ”
“ตามึงจะไม่เอาปืนมายิงเพื่อนกูใช่ป่ะ”
เชนที่ยืนอยู่ข้างบีสท์ยื่นหน้ามาถาม บีสท์พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนตัวเองทันที
“ไอ้พวกบ้า ตากูจะทำแบบนั้นทำไม”
“เอ้า ก็กูเห็นในทีวีบ่อย ๆ”
“ดูละครมากไปละมึงน่ะ”
ยูผลักหัวเพื่อนแล้วคว้าคอเชนเดินนำหน้าไป พวกผมเข้ามานั่งกินข้าวกันในเลาจน์นั่งกระจาย ๆ กันไป ผมเลือกแซนวิชชิ้นพอดีคำสามชิ้นกับน้ำส้มคั้นมานั่งกินข้าง ๆ บีสท์ที่มีแค่กาแฟดำวางอยู่
“เอาคุกกี้ไหมเดี๋ยวกูไปหยิบให้”
“ไม่เป็นไรยังไม่ค่อยหิว”
บีสท์ตอบปฏิเสธ ผมไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อเพราะโทรศัพท์บีสท์ดังขึ้นพอดีหน้าจอขึ้นว่าพ่อเขาโทรมา เขาชูมือถือให้ผมดูแล้วเดินออกไปคุยด้านนอก ยูเดินถือจานขนมกลับมามองตามหลังเพื่อนตัวเองแล้วหันมาเลิกคิ้วนั่งลงข้างผมอีกฝั่ง
“พ่อโทรมา”
“อ้อ”
โต๊ะเรานั่งกันอยู่ห้าคน มีผม บีสท์ ยู เชน สกาย ส่วนมาร์คกับเปาไปนั่งรวมกับแตงกวาและนาฟ แพรวบอกผมว่าสี่คนนั้นเป็นสายแข็ง ไปกินบุฟเฟ่ที่ไหนเจ้าของร้านร้องไห้ทุกร้านเพราะกินกันเยอะจริง ๆ
“และเราก็มาถึงโต๊ะนี้กันนะคะ สวัสดีเพื่อน ๆ หน่อยทุกคน”
แจมเดินถือโทรศัพท์มานั่งลงข้างผม เธอพูดกับโทรศัพท์แล้วหันกล้องมาทางพวกผม ผมมองอย่างงง ๆ ว่ามันคืออะไรจนยูต้องเป็นคนอธิบายให้ฟัง
“เขาเรียกว่าไลฟ์ แจมไลฟ์จากเฟสบุ๊คตัวเอง”
ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแต่ยูไม่อธิบายต่อเขากอดคอผมแล้วบังคับให้มองกล้อง แจมยื่นโทรศัพท์ไปทางด้านหน้าแล้วขยับเข้ามาใกล้ผมทำให้ตอนนี้หน้าเราสามคนปรากฏอยู่ในจอโทรศัพท์
“นี่ทักทายหน่อย ๆ”
“สวัสดีครับทุกคน”
“อ่ะ...สะ..สวัสดี”
ผมทำตามยู เห็นมีตัวหนังสือวิ่งอยู่ตรงหน้าจอด้วยแจมยื่นหน้าไปอ่านแล้วขยับออกมาหัวเราะ
“คนนี้ชื่อซัน น่ารักใช่ป่ะ เป็นใครไม่บอกหรอก อิอิ”
แจมพูดกับโทรศัพท์แล้วเธอก็เปลี่ยนเป็นกล้องหลังถ่ายเชนกับสกาย
“ไฮ~”
“สวัสดีคร้าบบบบบ กินข้าวเช้ากันหรือยังทุกคน”
สกายทักทายกล้องเนิบ ๆ มีแต่เชนที่เล่นกล้องพูดคุยประหนึ่งมืออาชีพ
“พวกเรากำลังจะไปไหนกันคะเชน”
“ไปแอ่วเชียงใหม่ครับ”
“ตื่นเต้น ๆ เดี๋ยวไปทักทายสายแข็งตรงโน้นก่อน ตามมาค่ะทุกคน”
แล้วแจมก็เดินเร็ว ๆ ไปที่โต๊ะของพวกเปา ผมหันมองพวกที่เหลือด้วยความสงสัยพอดีกับที่บีสท์เดินกลับมา
“มันคืออะไรอ่ะ”
ยูกับเชนเกาหัวเหมือนจนปัญญาจะอธิบายให้ผมฟังส่วนสกายนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันทำหน้าเหยียดหยามผมอย่างถึงที่สุด เดี๋ยวกูจิ้มตาแตก
“มีอะไรกัน”
บีสท์มองทุกคนแล้วยิ้มขำ เชนบุ้ยหน้ามาที่ผม
“แฟนมึงไม่รู้จักไลฟ์ในเฟสบุ๊ค”
“อ้อ ก็เหมือนถ่ายวีดีโอน่ะ แต่นี่ถ่ายทอดสดแล้วก็มีคนในเฟสบุ๊คเข้ามาดู”
“อธิบายแบบนี้แต่แรกก็จบ”
พวกเขาไม่เว้นแม้แต่ยูรุมกันผลักหัวผมแล้วด่า ผมได้แต่ก้มหัวหนีหัวเราะ ดีที่บีสท์กอดไหล่จับหัวผมไว้อีกชั้นไม่อย่างนั้นสมองคงไหล สกายมันมือหนักจะตายผลักทีแทบหงายหลังตกโซฟา
“มึงโตมาได้ไงฮะซัน”
สกายเท้าเอวว่า ผมหันไปมองหน้ามัน
“กูกินข้าวไงเลยโตไม่ได้แดกโซเชียลแล้วโตเสียหน่อย”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ซันแม่งเจ๋ง ก๊ากกกกก ไอ้กายมึงโดนแล้วหนึ่งดอก”
เชนหัวเราะเสียงดังยื่นมือมาแปะมือกับผมซึ่งผมก็ให้ความร่วมมือโดยดีและหันไปยักคิ้วใส่สกายที่ชี้หน้าตาดโทษผมอยู่แต่มุมปากมันยิ้มนะ บีสท์กับยูก็หัวเราะ
“ร้ายขึ้นทุกวันนะมึง”
“เอามาจากมึงทั้งนั้นแหละหมอสกาย”
“อย่าให้มันใกล้ไอ้กายมากนะบีสท์เดี๋ยวนิสัยเสีย”
เชนบอกขำ ๆ สกายหันมองหน้าเพื่อนเบ้ปาก
“แหมมมมมมมมมมมมม มึงดีนักนี่ไอ้เชนนนนนนนนนนนน”
“ทะเลาะไรกัน ๆ”
เจนเดินยิ้มมาถามขณะที่สกายกับเชนผลักหัวกันอยู่ ยูโบกมือแต่บีสท์เป็นคนตอบ
“แย่งที่ฉี่ประกาศอาณาเขตกันอยู่”
“สัด///สัด”
ทีอย่างนี้ล่ะพร้อมใจกันหันมาด่าอย่างพร้อมเพรียง เจนส่ายหัวขำแล้วบอกให้พวกเราเดินไปที่เกทกันได้แล้ว ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งพวกเราก็เดินทางมาถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ ผมโทรบอกยายทันทีที่ลงจากเครื่อง ท่านบอกว่าลุงแช่มน่าจะรออยู่ตรงขาออกอยู่แล้ว ระหว่างรอรับกระเป๋าแตงกวาก็เรียกรวมให้ทุกคนไปถ่ายรูป
“มองกล้องนะ 1 2 3”
แชะ!
“สวยงามมาก เดี๋ยวแท็กลงเฟสนะ”
จากนั้นกระเป๋าของพวกเราก็มาถึงพอดี ผมกับบีสท์เดินนำเพื่อน ๆ ออกมา ตาก็สอดส่ายสายตาหาลุงแช่มแต่ก็ไม่เห็นลุงแกซักที กำลังจะก้มกดโทรศัพท์หายายอีกรอบก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองเสียก่อน
“น้องซันทางนี้!”
ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์มองไปทางต้นเสียงด้วยความแปลกใจก่อนจะยิ้มกว้าง
“พี่ยอด!!! สวัสดีครับ อ้าวไหนยายบอกว่าลุงแช่มมารับซัน”
ผมยกมือไหว้พี่ยอดแล้วเดินยิ้มกว้างไปหา พี่ยอดเป็นลูกของลุงผมเอง เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ผมค่อนข้างสนิท ชายหนุ่มรูปร่างกำยำยิ้มจนตาหยีดึงผมไปกอดแล้วตบหลังเบา ๆ
“คิดถึงน่ะสิเลยขอมารับเอง โหพาเพื่อนมาเยอะจริง ๆ ด้วย”
พี่ยอดดูจะชอบอกชอบใจที่ผมพาเพื่อนมาเที่ยวเยอะ อย่างนี้แหละครับทุกคนรู้ว่าผมค่อนข้างมีปัญหา เพื่อนน้อย พอพากันยกโขยงมาเป็นสิบแบบนี้ก็ตื่นเต้นกันเสียยกใหญ่ ผมยิ้มแล้วหันไปแนะนำพี่ยอดให้พวกบีสท์รู้จัก
“ทุกคนนี่พี่ยอดเป็นลูกพี่ลูกน้องเราเอง”
“สวัสดีครับ /// สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี ๆ ทุกคนยินดีต้อนรับนะ กินอะไรมากันหรือยังเนี่ย”
“รองท้องมานิดหน่อยครับ”
ผมหันไปมองคนพูดเหวอ ๆ เปาเป็นคนตอบพี่ยอดทุกคนได้แต่ยิ้มขำ รองท้องหรือนั่นในเลาจน์มันก็กินจนของเขาแทบหมดพอมาบนเครื่องมันก็เอาขนมของเพื่อนที่ไม่กินไปกิน นั่นคือการรองท้องสินะ
“ดี ๆ ยายลงครัวเองเลยนะทำอาหารไว้เยอะมากพี่นึกว่าจะเอาไปเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน”
“รู้สึกหิวขึ้นมาเลยครับ”
เปาว่าแล้วทำท่าลูบท้อง มันหันมามองหน้าผมแล้วเอียงคอทำหน้าแบ๊วใส่
“ทำไมอ่ะก็กูหิวจริง ๆ”
ผมได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหัวพี่ยอดเดินนำพวกเรามายังลานจอดรถ ตาลงทุนไปเช่ารถตู้ขนาดสิบสี่ที่นั่งมาให้พวกเราไว้ขับเที่ยวกันเลยทีเดียว หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยเราก็เริ่มออกเดินทางไปยังไร่ของตายาย
เชน สกาย เปา มาร์ครีบตีสนิทพี่ยอดใหญ่และดูเหมือนว่าพี่ชายของผมก็คุยถูกคอกับไอ้พวกนี้ซะด้วยคุยกันตลอดทางในขณะที่คนอื่นพากันนอนหลับเอาแรง ผมที่นั่งข้างหน้าต่างแถวสอง(เพราะโดนมาร์คแย่งที่นั่งข้างคนขับ และไอ้สามคนนั้นแย่งที่นั่งแถวหน้า) หันไปหาคนที่นั่งหลับตาอยู่ข้าง ๆ
“หลับหรือเปล่า”
ผมกระซิบถามและผลตอบรับที่ได้ก็คือมือใหญ่เลื่อนมากุมมือของผมแล้วเอาไปวางบนตักของเขาทำให้รู้ว่าบีสท์ไม่ได้หลับ
“เวียนหัวไหม”
ผมถามเพราะว่าบ้านตายายอยู่อีกอำเภอซึ่งทางที่ต้องขับผ่านโค้งค่อนข้างเยอะถึงจะไม่เยอะเท่าปายแต่ก็ทำคนไม่ชินให้เวียนหัวเมารถได้
“ไม่นะ”
“อือ ข้างหลังมีใครเมารถหรือเปล่า”
ผมเอี้ยวตัวไปด้านหลังถามพวกสาว ๆ มีเจนกับนาฟตื่นอยู่ส่วนที่เหลือหลับคอพับคออ่อนกันไปหมด เธอสองคนยกมือทำท่าโอเคมาให้
“ไม่ง่วงหรือ”
บีสท์กระซิบถามให้ได้ยินกันสองคน ผมส่ายหน้าชะโงกหน้ามองผ่านบีสท์เห็นยูกับแจมหลับโดยแจมซบไหล่ยูอยู่
“ไม่นะ แต่ไอ้พวกข้างหน้าทำไมมันคึกกันขนาดนี้”
ผมบุ้ยปากไปหาพวกแถวหน้าช่างหาเรื่องคุยกันมาไม่จบไม่สิ้น พี่ยอดก็หัวเราะชอบใจกับมุกตลกควาย ๆ ของเชนอยู่ได้ บีสท์หัวเราะเบา ๆ
“กินยาเกินขนาด”
“อือ กูก็ว่าอย่างนั้น”
“พี่ยอดครับแล้วที่ไร่ปลูกอะไรบ้าง”
“มีหลายอย่างเลยนะแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นสตรอเบอร์รี่ มีสวนเบญจมาศ กุหลาบ อ้อแล้วก็มีส่วนของรีสอร์ทด้วยนะ”
“โหงั้นก็ต้องใหญ่มากเลยดิพี่”
“ก็นิดหน่อย”
“แหมพี่ไม่ต้องถล่มตัว”
“ถ่อมตัวเถอะไอ้เชน”
อย่างนี้เป็นต้น ผมไม่รู้ว่าพี่ผมเส้นตื้นหรือเพราะหัวเราะไปตามมารยาทแต่ก็ถือว่าทำให้บรรยากาศในรถครึกครื้นได้ดีและก็ทำให้คนข้างกายผมผ่อนคลายได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ถึงแล้วทุกคน ไร่เพียงใจ”
พี่ยอดตะโกนขึ้นเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่บริเวณไร่ ทุกคนเริ่มขยับตัวตื่นขึ้น ผมรู้สึกได้ว่าคนข้างกายผมกระตุกเกร็งเล็กน้อยและยิ่งเมื่อเห็นบ้านหลังใหญ่ใบหน้าของบีสท์ก็เครียดขึ้นจนผมต้องคลึงมือเขาเบา ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ”
เขาหันมองผมนิ่งก่อนที่จะหลับตาลงผ่อนลมหายใจยาว พอเปลือกตาของบีสท์เปิดขึ้นมาอีกครั้งผมก็ไม่เห็นแววตาหวาดกลัวของเขาอีกแล้ว มือใหญ่กระชับฝ่ามือผม ใบหน้าหล่อจุดรอยยิ้มละมุน
“
เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ”
“อื้อ”
넌 너무 아름다워. 눈을 뗄 수가 없어
คุณสวยงามจริงๆ จนผมไม่อาจละสายตาไปได้
꽃에 핀 가시같이 찔릴 것 같아도. 널 갖고 싶어
ถึงจะโดนลวดหนามนั้นบาดลึก แต่ผมก็ยังคงต้องการคุณ
So beautiful so beautiful
넌 너무 예뻐 슬프도록 아름다워
คุณช่างสวยงาม มากจนทำให้ใจผมอ่อน
Too beautiful to handle
Beautiful - Monsta X
tbc
talk. เริ่มเรื่องมาก็ได้แต่ ค่ะ!!!! กลอกตามองบน หมั่นไส้!!! รักกันละเกินนน ยังคงรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ฮ่าาา เอาแล่ว ๆ ๆ ๆ ๆ บีสท์จะผ่านไปได้ไหมหนอ ตอนต่อไปมาลุ้นกันจ้าาาาาา นิยายเราไสยไสยดราม่าอะไร๊ไม่รู้จัก 55555555
#นิยายตัวร้าย