ตัวร้าย
21
“กู...ลืมคิด”
คริษฐ์เท้าคางกับโต๊ะเลิกคิ้วมองผมนิ่ง ๆ เขาพยักหน้าขึ้นลงเมื่อได้ยินที่ผมพูด
“ถึงบอกว่ามึงโคตรหมดใจแบบไม่เหลือเยื่อใย”
ผมยกมือปรามเมื่อคนตรงข้ามทำท่าจะพูดต่อ
“พอ ๆ แค่นี้กูก็รู้สึกแล้ว”
“รู้สึก? รู้สึกอะไรเห็นใจพี่อิน?”
“เปล่า
รู้ว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว”
คริษฐ์ดูไม่มีสีหน้าประหลาดใจสักเท่าไหร่ เขายักไหล่ประมาณว่าตัวเองรู้มานานแล้วเห็นแล้วหมั่นไส้ชอบกล แต่ผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวจริงจังตอนที่มันพูดนี่แหละ ถึงว่าทำไมถึงไม่รู้สึกหงุดหงิดเวลาเจอหน้าเขาหรือรู้สึกอะไรนอกจากโกรธที่เขาทำแบบนั้นกับยู
ผมไม่ได้รักอินอีกต่อไปแล้ว
ผมมั่นใจในความรู้สึกตัวเองเป็นอย่างมากเพราะผมรู้ดีว่าตอนนี้หัวใจของผมเป็นของใคร
“ซัน!!!!! ซันเกิดเรื่องแล้ว!!!”
แพรววิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น หญิงสาวหอบหายใจเสียงดังมือเรียวคว้าแขนผมแล้วกระตุกให้ลุกยืน ผมกับคริษฐ์ตกใจไม่เพียงเท่านั้นคนที่นั่งอยู่รอบข้างก็ดูจะตกใจเสียงของเธอเช่นกัน
“ใจเย็น ๆ แพรว ค่อย ๆ หายใจ เป็นอะไรมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
มือนึงของแพรวเท้ากับโต๊ะ เธอยังหอบหายใจเสียงดังพยักหน้าขึ้นลงแรง ๆ
“บีสท์ แฮ่ก”
“บีสท์เป็นอะไรแพรว! เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
พอได้ยินชื่อแฟนตัวเองเท่านั้นแหละจากที่บอกให้แพรวใจเย็นตัวเองกลับเขย่าแขนเพื่อนจนคริษฐ์ต้องรีบเข้ามาแยกเราสองคนออกจากกัน
“ใจเย็นทั้งสองคน ให้แพรวพักหายใจแปบซัน”
คริษฐ์บอกกับผมทั้งคู่แต่แพรวกลับส่ายหน้าและรีบพูดออกมา
“
บีสท์ต่อยพี่อินอยู่ใต้ตึกเภสัช”
“อะไรนะ!!!//กูว่าแล้ว”
เสียงแรกเป็นของผมถัดมาเป็นคริษฐ์ พวกผมไม่รอช้ารีบโกยข้าวของแล้ววิ่งสี่คูณร้อยไปยังตึกเภสัช เห็นแว๊บ ๆ ว่าคิงกับซานวิ่งตามมาด้วยแต่ผมไม่สนใจนาทีนี้ผมสนแต่บีสท์เท่านั้น
ไหนว่าให้ผมใจเย็น ๆ ไง แล้วดูตัวเองทำสิ
น่าตีชะมัด
ผัวะ!!!
“โอ๊ยไอ้เหี้ยพอแล้ว ใครก็ได้ช่วยรั้งมันไว้ที! น้องณินอย่าเข้ามา”
ผัวะ!
“
บีสท์!!”
ผมกับแพรวตะโกนเรียกบีสท์พร้อมกัน คนที่กำลังเลือดขึ้นหน้าชะงักหมัดที่ยกค้างกลางอากาศ ได้จังหวะพี่มินกับพี่ตุลย์รั้งแขนรั้งเอวบีสท์ไว้แล้วกระชากออกมาจากเพื่อนเขาที่นอนเลือดเต็มหน้าอยู่ที่พื้น ณินกับโฟล์ครีบเข้าไปช่วยประคองอินไว้ ผมสามคนรีบวิ่งเข้าไปในวงไทยมุง
แปลกแต่จริง แม้กระทั่งอาจารย์ยังยืนดูอยู่เฉย ๆ ไม่กล้าเข้ามาแยกเขาเลย ยามก็ยืนมุงกันเต็มไปหมดแต่ไม่มีสักคนที่กล้าเข้าไปแยก ผมกับแพรววิ่งไปหาบีสท์คริษฐ์แยกไปหาอินซานกับคิงที่วิ่งตามมาทีหลังสบถเสียงดังแล้ววิ่งไปหาอินเช่นกัน
“ผมดูเขาเองครับพี่ไปดูเพื่อนพี่เถอะ”
“แต่...”
“เชื่อซันเถอะค่ะ บีสท์มันไม่พุ่งเข้าต่อยพี่อินแล้วแหละ”
แพรวช่วยพูดอีกแรงเมื่อพี่มินดูจะไม่วางใจกลัวบีสท์จะพุ่งไปต่อยอินอีก จนพี่ตุลย์เป็นคนบอกให้กลับไปหาอินพี่มินถึงยอมปล่อยเอวบีสท์ ผมมองสำรวจคนตรงหน้าว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไม่พบบาดแผลอะไร บีสท์หายใจแรงราวกับต้องการข่มอารมณ์ใบหน้าของเขาแดงก่ำสายตาแข็งกร้าวจ้องนิ่งไปที่อินมือทั้งสองข้างยังกำหมัดแน่น
“แม่งเอ๊ยเป็นตำรวจไทยอีกแล้วกู มาไม่ทันตลอด”
ผมหันไปมองต้นเสียงที่ก้าวฉับ ๆ เข้ามาในวง สกายกับยูกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาพวกผม บีสท์มีท่าทีอ่อนลงกว่าตอนแรกเล็กน้อยแต่ยังคงจ้องมองอินไม่ละสายตาไปไหน ยูเดินเข้ามาลูบหัวผม
“น่าประทับใจ”
ผมขมวดคิ้วยุ่งหันไปมองหน้าเขา
“อะไร”
“ปกติมันยอมหยุดง่าย ๆ ที่ไหนล่ะ”
ยูพูดกับผมแล้วเดินไปบังหน้าบีสท์ บีสท์ตวัดสายตามองเพื่อนรักอย่างขัดใจพร้อมกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอผมกับแพรวคว้าแขนเขาไว้คนละข้าง สกายทำเช่นเดียวกับผมคือสำรวจรอยแผลบนตัวเพื่อนเมื่อเห็นว่าบีสท์ไม่เป็นอะไรก็ปรายตามองไปที่อินด้วยสายตาเย็นชา
พวกเพื่อนผม ไม่สิทุกคนมีท่าทีงงไม่น้อยที่ผมยืนอยู่ทางฝั่งนี้ไม่ได้อยู่กับอิน คิงกับซานมองผมด้วยความสงสัยแต่พอซานมันเห็นยูก็เหมือนจะปะติดปะต่อเรื่องได้ บีสท์พ่นลมหายใจออกช้า ๆ แล้วพยักหน้าให้พวกผม
“กูโอเคแล้วปล่อยกูเถอะ”
“แน่นะ”
แพรวถามย้ำ มือยังเกาะแขนบีสท์แน่น เขาพยักหน้าให้เพื่อนอีกครั้ง
“อืมเค้าโอเคแล้ว”
“โอเค”
แพรวยอมปล่อยมือจากแขนบีสท์แต่ผมยังจับแขนของเขาไว้อยู่ บีสท์หันมามองผม ถึงจะไม่ใช่สายตาอ่อนโยนอย่างที่เคยได้แต่ก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนตอนที่ผมวิ่งมาหา ดูก็รู้ว่าเขายังมีอารมณ์โกรธอยู่
“เจ็บไหม”
ผมถามเขาด้วยความเป็นห่วง บีสท์ส่ายหน้า
“กูไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยคุยกันขอกูคุยกับมันก่อน”
พอผมปล่อยแขนบีสท์ก็ก้าวไปข้างหน้า หลายคนสะดุ้งกลัวว่าบีสท์จะเดินไปต่อยอินอีก สภาพอินดูแย่ไม่น้อย ปากแตกคิ้วแตกเลือดกำเดาไหล เสื้อนิสิตสีขาวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ข้าง ๆ อินมีพี่ตุลย์เพื่อนของเขาปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย!”
พี่มินลุกขึ้นยืนเดินมาบังเพื่อนของเขาไว้คงกลัวว่าบีสท์จะทำอะไรอีก บีสท์หยุดยืนประจัญหน้ากับพี่มิน
“มันไม่ใช่เรื่องของพี่”
“แต่มันเป็นเพื่อนกู!”
“ไอ้นี่ก็เพื่อนผมเหมือนกัน!”
บีสท์ตะคอกใส่พี่มินแล้วชี้นิ้วมาที่ยู ทุกคนมองตามแต่ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์หรือสิ่งที่บีสท์ต้องการจะสื่อยกเว้นพวกผมกับคริษฐ์
“มึงหมายความว่าไงวะ”
พี่มินถามอย่างไม่เข้าใจ บีสท์ไม่ตอบแต่เดินชนไหล่พี่มินไปหาอิน พี่มินรีบถลามาขวางไว้ บีสท์ตวัดสายตามองพี่มินพร้อมทั้งเอ่ยเสียงแข็ง
“ผมไม่ได้จะต่อยมัน”
“ถ้าจะคุยมึงควรคุยดี ๆ ตั้งแต่แรกแล้ว กูไม่รู้ว่ามึงมีเรื่องอะไรกับเพื่อนกูแต่การที่จู่ ๆ มาต่อยมันเอา ๆ แบบนี้มันไม่โอเคป่าววะ ถ้าจะคุยก็ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ต้องมาใกล้กว่านี้แล้ว”
เมื่อบีสท์ยอมหยุดตามคำสั่งพี่มินจึงเบี่ยงตัวหลีกให้คุยกับอิน อินจ้องมองบีสท์ก่อนที่สายตาจะมาหยุดที่ผม ผมมองเขาด้วยสายตาผิดหวัง เขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรกับผมแต่เสียงของบีสท์แทรกมาเสียก่อน
“อย่าคิดจะแตะเพื่อนกูอีกไม่งั้นไม่จบแค่นี้แน่
กูไม่ได้ขู่กูทำจริง!”
บีสท์ชี้หน้าอินตวาดกร้าว ยูสะกิดผมกับแพรวให้ไปลากบีสท์ออกมา ผมกับเธอจึงเดินเข้าไปหาบีสท์ แพรวแตะแขนบีสท์เบา ๆ แล้วพยักหน้า
“กลับกันเถอะ”
“…”
“แพรวพาบีสท์ออกไปก่อนนะ”
ผมหันไปบอกแพรว บีสท์ในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครทั้งนั้น แพรวพยักหน้าแล้วเดินจูงมือพาบีสท์ออกไปมีโฟล์คเดินเกาหัวตามหลังออกไปด้วย ยูกับสกายเดินมายืนแทนที่บีสท์ขนาบข้างผม ยูดูนิ่งขรึมกว่าทุกครั้งส่วนสกายมองเหยียดอินจนผมต้องกระตุกแขนปรามเขา สกายหันมาถลึงตาใส่แต่ก็ยอมหยุด
“คนจริงเขาไม่ลอบกัดกันนะครับ อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณทำมันจะเป็นความลับเสมอไป อย่ามายุ่งกันจะดีกว่าอย่างที่บีสท์บอกไปว่าเราไม่ได้ขู่ เราทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด อ้อ...แล้วก็เข้าใจและยอมรับเถอะนะครับว่า
เขาไม่ใช่ของคุณอีกแล้ว”
ท้ายประโยคยูจงใจเน้นเสียงแล้วมองมาที่ผม สายตาอินแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่ยูพูดจบ สกายกอดคอผมแล้วรั้งตัวผมเข้าไปกระซิบ
“สเน่ห์แรงจริงนะมึง”
“ไอ้ห่ามันใช่เวลาไหม”
ผมหันไปด่ามันเบา ๆ สกายไม่สะทกสะท้านร่างสูงพอ ๆ กับผมลอยหน้าลอยตาใส่ ผมถอนหายใจแล้วปรายตาไปมองอินอย่างเย็นชา
“เลิกยุ่งกับชีวิตผมซักที ผมจะรักใครชอบใครมันก็เรื่องของผมไม่ใช่เรื่องของอินเลย ขอร้องนะครับ
ผมไม่อยากเกลียดอิน”
“คุณคนเล็ก....”
อินหน้าซีด ผมไม่รู้ว่าเขาเสียเลือดหรือเพราะคำพูดที่ผมพูดออกไป แต่เสียงของเขาที่สั่นคลอนกับแววตาปวดร้าวคู่นั้นมันส่งมาให้ผมอย่างแน่นอน ผมถอนหายใจก่อนจะพูดต่อในเมื่อพูดแล้วก็พูดให้หมดเลยแล้วกัน
“ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าอินทำอะไรไปบ้าง แต่ผมเลือกที่จะมองข้ามมันไปเพราะผมเห็นว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรแต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกแล้ว”
“ทำไมครับ รักมันหรือครับ”
อินยันตัวลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ตุลย์ช่วยพยุง เสียงทุ้มเอ่ยถามเช่นคนสิ้นหวัง ผมพ่นลมหายใจแรงมองตรงไปที่เขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ถึงไม่มีเขาคนที่ผมรักก็ไม่ใช่อินหรอกครับ อย่าหวังหรือต้องการอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกเลย ผมว่าเรายื้อกันมาพอแล้วนะและที่ถามว่าผมรักเขาใช่ไหม ใช่ครับ
ผมรักเขา”
“ร้ายกาจ”
สกายกระซิบข้างหู ผมเลยถองสีข้างมันอย่างแรงด้วยความรำคาญ เขากุมท้องตัวงอมองคาดโทษผมแต่ผมว่ามันสมควรโดนแล้วนะ กวนตีนจริง ๆ ยูหัวเราะออกมาน้อย ๆ เมื่อเห็นสิ่งที่ผมทำกับสกาย เขาโคลงหัวแล้วหันไปทางพวกอินอีกครั้ง
“ชัดเจนนะครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัว ป่ะกลับกันเถอะ”
ท้ายประโยคยูหันมาบอกผมกับสกาย ผมพยักหน้าตอบรับ สกายนวดสีข้างตัวเองกระแอมไอยืดตัวตรง
“กลับก็ได้ไปแกล้งไอ้โฟล์คต่อดีกว่า เอ่าเสือกกันพอยัง พอแล้วก็แยกย้ายสิเรื่องจบแล้วไป ๆ ”
สกายหันไปโบกมือไล่เหล่าไทยมุงเสียงดัง เขาผิวปากอารมณ์ดีเดินนำผมกับยูไปมือก็นวดสีข้างตัวเองไปด้วย ความกวนตีนของสกายนี่สูงเสียดฟ้าจริง ๆ ผมกับยูเดินตามเขาออกไป
“มึงก็ชัดเจนดีนะ”
ยูพูดกับผม ขณะที่สกายโทรหาแพรวเพื่อถามว่าอยู่ที่ไหนกันตอนนี้เรายืนอยู่หน้าคณะเภสัช ผมยักไหล่ตอบเขาไปตามตรง
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอ้อมค้อมนี่”
“ดีแล้วหวังว่าเขาจะหยุดนะ”
“ก็หวังว่าอย่างนั้น”
ไม่รู้สิผมเดาใจอินไม่ได้เลยพอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป อินไม่เหมือนอินที่ผมเคยรู้จักหรือว่าจริง ๆ แล้วผมไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยก็ไม่รู้
“พวกนั้นอยู่สตาร์บัค มึงรู้ป่ะว่าอยู่ตรงไหน”
สกายวางโทรศัพท์แล้วหันมาถามผม ผมพยักหน้าเดินนำทางพวกเขา จะว่าไปก็ลืมถามผมหันไปมองยูที่อยู่ในชุดไปรเวทรายนี้ไม่เท่าไหร่แต่สกายที่อยู่ในชุดนิสิตนี่ยังไง
“แล้วพวกมึงมากันทำไม”
“มาเพราะรู้ไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็เสือกมาไม่ทัน รถติดชิบหาย”
สกายเป็นคนตอบ ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และเหมือนว่ายูจะรู้เขาจึงอธิบายต่อ
“เคยบอกแล้วไงว่าบีสท์มันไม่ยอมหรอก จริง ๆ ก็แค่คาดเดาไว้เฉย ๆ ว่ามันต้องไปหาเรื่องหมอนั่นเลยเสี่ยงมากันและก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ”
“อ่อ”
“แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหยุดง่ายขนาดนี้ถึงบอกไงว่ามึงน่าประทับใจ”
“ไม่ใช่เพราะกูหรอก”
“เอาที่สบายใจ”
ยูอมยิ้มบอกผมหันหนีสายตาล้อเลียนของเขามาอีกทางแต่คิดผิดถนัดลืมไปได้อย่างไรว่าอีกข้างของตัวเองคือสกายผู้กวนตีนที่สุดในโลก
“พลังแห่งรักชนะทุกอย่าง”
“ไอ้สัด”
“น่ะ พูดจาไม่น่ารักเลยน้องซัน นี่เพื่อนผัวนะเพื่อนผัว”
“ยูเอามันไปเก็บที”
ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากยูแต่พ่อคุณชายของบ้านหักหลังผมเข้าอย่างจัง
“เรื่องนี้กูจะไม่ยุ่ง”
เขาบอกกลั้วหัวเราะ สกายแม่งก็ร้องเพลงบ้าอะไรก็ไม่รู้แม่งเอ๊ยแล้วไม่ได้ร้องเบา ๆ ด้วยนะร้องดังจนคนหันมามองแล้วหัวเราะมันอ่ะ ผมโคตรอาย
“โชคดีที่มีผัว ได้เป็นตัวเป็นตนสักที สำราญเบิกบานเปรมปรี
อ๊ะล่ะวา สำราญเบิกบานเปรมปรี สนุกสุขขีแสนดีใจจัง เอิ้ว ๆ”
ผมรีบก้าวเดินนำหน้าไม่ฟังเสียงเรียกปนหัวเราะของสกาย ในใจก็แช่งชักหักกระดูกมันไปด้วย สาธุ กูขอให้มึงมีผัว! ผมเดินนำสองคนนั้นมาถึงร้านกาแฟในไม่กี่นาทีถัดมา เห็นพวกบีสท์นั่งกันอยู่ที่โต๊ะนอกร้านจึงเดินเข้าไปหา
“เป็นไงบ้าง”
ผมถามแล้วนั่งลงข้างบีสท์จับมือเขามาวางบนตัก ข้อนิ้วเขาแตกด้วยไม่รู้ว่าอินฟันหักหรือเปล่าเพราะดูท่าบีสท์จะใส่ไปเต็มแรง บีสท์เงยหน้ามองผมแล้วยิ้มบาง
“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คนที่เป็นน่ะมันโน่น”
“เดี๋ยวจะโดน ไหนบอกให้เงียบไว้ก่อนไง”
ผมดุเขา บีสท์ยกมืออีกข้างเกาหัวยิ้มแห้ง
“ก็มันอดไม่ได้”
“ไม่ได้โดนต่อยตรงไหนใช่ไหม”
“โอ่โห่ หาช่องสวนยังไม่ทันเลยซัน ไอ้นี่ต่อยเอา ๆ น่ากลัวชิบหายกูนึกว่าพี่อินจะตายคาตีนมันแล้ว”
โฟล์คพูดแทรกขึ้นมาเขาหันมองบีสท์แล้วทำหน้าสยอง
“ไม่เสือกสิโฟล์คซันมันถามบีสท์”
สกายที่ยืนอยู่หลังเก้าอี้ผมส่งเสียงกวนคนตรงข้าม โฟล์คหัวเราะหึแล้วตอบสกายเสียงกวนไม่แพ้กันแถมออฟชั่นโดยการขยับแขนไปวางตรงพนักพิงเก้าอี้แพรวให้สกายมันคิ้วกระตุกเล่นอีกด้วย
“ได้ข่าวว่ากูบอกซันไม่ได้พูดกับมึงนะสกาย เอ...แบบนี้เรียกเสือกหรือเปล่าน้า”
“ไอ้สัดนี่ตัวตัวกูเลยมั้ย”
“มาเลยมา คิดว่ากูกลัวหรือไงไอ้หน้าหนังหมา”
“โฮ้ยหน้ามึงดีนักนี่ลิ้นปี่กูยังดูดีกว่าหน้ามึงเลยไอ้โฟล์ค”
ทั้งสองคนถกแขนเสื้อเตรียมหาเรื่องกันเต็มที่จนแพรวทนไม่ไหวตบโต๊ะเสียงดังปัง แล้วก็นั่นแหละเงียบเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้กันทั้งคู่ ยูหัวเราะขำขนาดบีสท์ที่อารมณ์ไม่ค่อยดียังหลุดยิ้มออกมาเลย
“ถ้าจะกัดกันก็ไปไกล ๆ รำคาญ!”
“มันหาเรื่องโฟล์คก่อนนะแพรว”
“มันก็กวนตีนเค้าเหมือนกันนะแพรวก็เห็น”
“ก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ เจอหน้ากันแล้วไม่กัดกันซักครั้งจะได้ไหม ปวดหัว!”
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง // ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
ผมเองก็หัวเราะ ขนาดพูดพวกเขายังพูดประโยคเดียวกันแถมพร้อมกันอีกด้วย นี่มันฝาแฝดชัด ๆ ถึงหน้าตาจะต่างกันแต่นิสัยสองคนเหมือนก็อปปี้วาง ตลกจริง ๆ แต่ผมว่าแพรวคงปวดหัว
“อย่าว่างั้นงี้เลยนะซัน จะว่าเสือกกูก็ยอมรับแต่มันคาใจไม่ไหว”
โฟล์คปรับโหมดมาจริงจัง เขามองบีสท์ ยู แล้วมาหยุดที่ผม
“ว่าไง”
“มึงกับบีสท์คบกันใช่ป่ะ”
ผมหันไปหาแพรว เธอยักไหล่แสดงว่าคงไม่ได้บอกอะไรกับแฟนตัวเองเลย ผมพยักหน้าเพียงเท่านั้นโฟล์คก็ตบเข่าฉาด
“กูว่าแล้วรูปที่บีสท์ลงเฟสข้างหลังมันคุ้น ๆ”
“ขี้เสือก”
“สกาย”
แพรวกดเสียงต่ำเรียกชื่อสกาย คนถูกเรียกเบ้ปากเหมือนเด็กถูกขัดใจแต่ก็ยอมเงียบ โฟล์คกระตุกยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะส่งไปให้สกายแล้วหันกลับมาคุยกับผมอีกครั้ง
“แค่นี้แหละที่อยากรู้ ไม่ต้องห่วงนะกูไม่ใช่คนปากโป้ง”
“จริง ๆ ก็ไม่ได้ปิดอะไร”
ผมบอกโฟล์คตามความจริง โฟล์คยักไหล่
“เอาไว้พวกมึงประกาศอย่างเป็นทางการกูจะเข้าไปแซวแล้วกัน”
ผมยิ้มแล้วพยักหน้า
“ตามนั้น”
“แล้วมากันยังไง”
แพรวเปลี่ยนเรื่อง เธอหันไปถามเพื่อนทั้งสองคนของเธอ สกายไม่ตอบเพราะงอนอยู่หน้าที่ตอบเลยเป็นของยู
“เค้านั่งรถไฟฟ้ามากายมันให้พี่ฉายไปรับที่มอแล้วมาหย่อนที่ใต้ดิน”
“เค จะกินไรกันก่อนไหมหรือจะกลับบ้านเลย”
“กลับเลยก็ได้ยังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าเลย”
ยูบอกแพรวพยักหน้าหันไปพูดอะไรกับโฟล์คไม่รู้ รู้แต่ว่าคนฟังหน้าบูดแล้วหันกลับมาหาพวกผม
“ป่ะ”
ก่อนกลับลับหลังแพรวสกายหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่โฟล์คด้วยล่ะ สงสารแพรวจริง ๆ หันไปมองบีสท์เห็นสีหน้าของเขาดีขึ้นผมก็เบาใจและก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะจบด้วยดี
ออกจากชีวิตเราไป ขอเธอด้วยคำสุดท้ายดีๆ
ให้มันยุติที พูดเท่านี้เธอคงเข้าใจ
เสียทองเท่าหัว – ปาน ธนพร
Tbc
talk. มาค่ะ ทีมแพทย์พยาบาลพร้อมมาก ฮ่าาาา คิดว่านางจะหยุดไหมพี่อินน่ะ รอดูต่อไปนะจ๊ะ ตอนหน้าเราไปเที่ยวกันดีกว่า ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ เราดีใจมากจริง ๆ ที่แต่งออกมาแล้วมีคนชอบเราจะปรับปรุงให้ดีขึ้นในต่อ ๆ ไปน้า
เจอกันตอนหน้าจ้า โชคดีที่มีผัววววเป็นตัวเป็นตนสักที ฮ่าาาาาาาาาาาาาา เรามารำไปพร้อมกับสกายกันค่ะ
ติดแท็ก #นิยายตัวร้าย ได้ในทวิตเตอร์นะจ๊ะ เม้นแสดงความเห็นได้ในนี้และในเพจจ้า จุ๊บ ๆ รักคนอ่านมากมายก่ายกอง