Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 160853 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
« เมื่อ08-12-2016 06:21:37 »

**************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

-------------------------------------------------------------------

*/*/*
ทุกอย่างในเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติไม่มีอะไรเป็นความจริงสักอย่าง
สามารถอ่านเรื่องนี้ได้อีกช่องทางที่ meb ในเชื่อเรื่อง "Sunrise Forest;ป่าภากร" by MyTeaMeJive

*/*/*
Sunrise in the forest ** เมื่อภากรขึ้นที่ป่าสีทอง **

ภาคกวางทอง

ความนำ

ความเงียบสงบ และสายลมเย็นปกคลุมป่าสีทองแห่งเมืองลั่ว ป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้าขุนเขาและสรรพสัตว์
ฝูงกวางเทพ และกวางแห่งป่าสีทองรวมกลุ่มพักผ่อน โดยยังมีทั้งสัตว์เทพและสัตว์ป่าผู้มีลำดับล่างลงมาพักผ่อนอยู่ใกล้เคียงกันอีกหลายตัว
นางกวางเทพตัวใหญ่ท่วงทีสง่างาม ยืดตัวเงยหน้าขึ้น เพื่อรับฟังเสียงสายลมและใบไม้ ลูกกวางตัวน้อยดวงตาสีทอง กินผลไม้เสร็จก็เดินมานอนเบียดนางกวางเทพ นางก็ลืมตาก้มลงมามองด้วยแววตาอบอุ่น จากนั้นก็เพลิดเพลินกับความสงบเงียบนี้ต่อไป
 
กลิ่นสาบสัตว์ที่นำมาก่อน ทำให้ผู้ที่กำลังพักผ่อนอยู่ทั้งหมดเกิดอาการเฝ้าระวัง กวางเทพเพศผู้ตัวใหญ่ลุกขึ้นยืนมองมาทางที่มาของกลิ่น จนกระทั่งเทพเสือโคร่งตัวใหญ่กว่าเสือทั่วไปก้าวพ้นแนวต้นไม้ใหญ่ออกมาแล้วหยุดยืนรอ นางกวางเทพก็ส่งเสียงในลำคอ แล้วสะบัดคอไปทางอื่น
ขณะที่สัตว์ทุกตัวต่างเฝ้าระวัง แต่กลับมีเพียงกวางน้อยตาสีทองที่ผละจากข้างกายนางกวางเทพ เดินเก้กัง ด้วยขาที่มิแข็งแรงมากนักเข้าไปหาเทพเสือโคร่ง
ด้วยวัยของกวางน้อยสมควรมีกำลังขาที่แข็งแรงกว่านี้ แต่ความที่เกิดจากสัตว์เทพที่แตกต่างเผ่าพันธุ์ จึงปรากฎลักษณะด้อยที่มิเคยพบมาก่อน
นางกวางเทพจับตามองทุกย่างก้าว จนกระทั่งเจ้ากวางน้อยเดินไปถึงเทพเสือโคร่งแล้วใช้จมูกแตะจมูก นางกวางเทพจึงหันไปทางอื่น
เจ้ากวางน้อยแนบคอเข้าหา คลอเคลียด้วยความเชื่องเชื่อ เทพเสือโคร่งตัวใหญ่หันมาเลียแก้มปล่อยให้พัวพันอยู่พักใหญ่จึงใช้จมูกแตะที่ส่วนแก้ม แนบลำคอเข้าหา แล้วหันหลังกลับไป กวางน้อยทอดสายตามองตามด้วยความอาลัย จนสัตว์เทพตัวใหญ่ลับสายตา จึงกลับมานอนหมอบเคียงข้างนางกวางเทพเช่นเดิม 
กวางเทพเพศผู้ตัวใหญ่ที่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวโดยไม่วางตามาตั้งแต่แรก ส่งเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอ ขณะที่เดินสำรวจรอบฝูงต่อไปอีกพักใหญ่

บทที่หนึ่ง

ปีที่ห้าสิบห้าแห่งอาณาจักรไท่ชาง ที่เมืองลั่วซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของอาณาจักรยังคงความหนาวเย็นไว้ไม่เปลี่ยนแปร แต่กลิ่นไอของสงครามกลับล่องลอยจาง ๆ อยู่ในอากาศ เมื่อเหอชินห้าวเจ้าเมืองเหอคิดการใหญ่ ซ่องสุมผู้คนและเจรจาในทางลับเพื่อรวบรวมหัวเมืองใกล้เคียง ผนวกดินแดนและตัวมณฑลเพื่อหวังแยกตัวเป็นอิสระจากจากฮ่องเต้จางฉวน

ทั้งนี้ เขตปกครองต่าง ๆ ทางเหนือของไท่ชางมีความพิเศษที่ปกครองโดยคนจากตระกูลต่าง ๆ ขณะที่การกำหนดขอบเขตพื้นที่ของหัวเมืองมักจะยึดพื้นที่ส่วนที่เป็นตัวเมืองมีธุรกิจการค้ารุ่งเรืองว่าคือเมืองของตน แต่บางแห่งก็ประกาศพื้นที่ออกมาถึงเรือกสวน ไร่นาหากมีผลผลิตทางการเกษตรที่ดี
แต่ที่เมืองลั่ว การกำหนดเขตพื้นที่กลับครอบคลุมไปถึงเขตป่าสีทอง ที่ถูกเรียกว่าป่าสีทองแห่งเมืองลั่ว
หากคิดกำหนดขอบเขตของเมืองไว้เฉพาะส่วนที่เป็นตัวเมืองกับไร่นา เกรงว่าเมืองลั่วอาจกลายเป็นเมืองที่มีพื้นที่น้อยที่สุด แต่ทันทีที่นับเขตป่าเข้าไปด้วย ก็นับได้ว่าที่นี่มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่บ้าง ด้วยเมืองลั่วแห่งนี้มิได้ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์การค้าและการทหาร ไม่มีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน เส้นทางหลักจากเมืองหลวงไปสู่เมืองใหญ่ทางเหนือก็มิได้ผ่านที่นี่
ที่เมืองนี้ถูกผู้ฝักใฝ่อำนาจจับตามองด้วยความสนใจมาตลอด ก็เพราะป่าสีทองแห่งนั้น
พื้นที่ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาซับซ้อนต่อเนื่องหลายลูก ยอดเขาที่สูงที่สุดนั้นสูงเสียดฟ้าจึงถูกเรียกว่าเขาเทียมฟ้า มิเคยมีผู้ใดก้าวเข้าไปถึง
ว่าที่จริงชาวเมืองลั่วส่วนใหญ่จะเพียงเดินทางผ่านปากทางของป่าเท่านั้น
ว่ากันว่าเมื่อตอนที่บรรพบุรุษของเมืองลั่วมาตั้งเมือง ก็ละเว้นพื้นที่นี้ไว้แล้ว หาได้ตั้งเมืองท่ามกลางปราการธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมนี้ พวกเขาเลือกที่จะตั้งเมืองในพื้นที่ที่ห่างออกมา ปล่อยให้ป่าสีทองกลายเป็นสถานที่ซึ่งมีเรื่องราวลึกลับมากมาย

ชาวเมืองลั่วเชื่อว่า ป่าสีทองแห่งนี้มีเทพแห่งป่าสีทองสถิตย์อยู่ เทพเหล่านี้มิได้เรียกร้องเครื่องสังเวยอันใด เพียงแค่เมื่อเดินทางผ่านแล้วถวายสุราสักจอก ข้าวเปลือกสักกำมือก็เพียงพอแล้ว
แต่คำที่ชาวบ้านในหัวเมืองใกล้เคียงกันนำไปบอกเล่า ออกจะพิศดารกว่านั้น
ว่ากันว่า เรือกสวนไร่นาแห่งเมืองลั่วให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ก็เพราะป่าสีทอง
ว่ากันว่า คนเมืองลั่วสุขภาพแข็งแรงดี มีกินมีใช้ตลอดปี ก็เพราะป่าสีทอง
และว่ากันว่า สภาพอากาศที่คงที่เกือบตลอดทั้งปี เป็นเพราะป่าสีทองเช่นกัน
และว่ากันว่า ภายในป่าสีทองแท้จริงแล้วหาได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ แต่ที่นั่นคือแหล่งทรัพยากรมีค่าอุดมสมบูรณ์ที่ชาวเมืองลั่วหวงแหนยิ่งนัก

ชาวเมืองลั่วเองก็มิได้อะไรมากมายกับเรื่องเล่าเหล่านี้ เว้นแต่ที่บอกว่าคือแหล่งทรัพยากรนั่น ผู้ใดกันที่จะวางถุงเงินไว้หน้าบ้าน ให้ผู้อื่นมาแย่งชิงไปได้โดยง่าย คนเรานี่ก็ช่างกล่าวกันไปได้!
สรุปแล้วเรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าสีทองแห่งเมืองลั่ว จึงขึ้นอยู่กับว่า พื้นฐานในจิตใจของผู้นั้นต้องการเชื่อในสิ่งใด

ขณะที่เมืองเหอจับตามองเมืองลั่วด้วยหวังครอบครอง ฮ่องเต้แห่งไท่ชางก็มีความสนพระทัยเมืองแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ในสถานะอื่นที่ต่างออกไป เพราะความเกี่ยวพันระหว่างเมืองลั่ว เมืองเหอ กับเมืองหลวงที่ค่อนข้างซับซ้อนหลายชั้น
ในอาณาจักรไท่ชาง หัวเมืองชั้นนอกที่อยู่ห่างไกลจะส่งบุคคลในครอบครัวไปรับราชการกินตำแหน่งอยู่ในพระราชวัง เบื้องหน้าคือการยกย่อง เบื้องหลังคือการควบคุมอย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้ก่อการเคลื่อนไหว แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วกลุ่มตระกูลจากเมืองลั่วที่ถวายงานรับใช้ฮ่องเต้ยังได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยมากกว่าอีกหลายเมือง โดยเฉพาะหากนำไปเปรียบเทียบกับผู้แทนจากเมืองเหอ
แต่ในเวลาเดียวกัน เมืองลั่วกับเมืองเหอยังมีความสัมพันธ์ในแบบเครือญาติ เนื่องด้วยเหอชินรุ่ย ฮูหยินของหยางติงเจ้าเมืองลั่วคือน้องสาวของเหอชินห้าว เจ้าเมืองเหอคนปัจจุบัน
เรื่องนี้ทำให้หยางติงเจ้าเมืองลั่ว ตกอยู่ในสถานการณ์ที่มิอาจตัดสินใจได้มาโดยตลอด โดยเฉพาะการที่เหอชินรุ่ยมิใช่ฮูหยินที่พอใจกับการปกครองคนในบ้าน แต่นางยังเข้าแทรกแซงการทำงานของหยางติงในทุกวิถีทาง โดยเฉพาะการโน้มน้าวให้สามีสนับสนุนการเคลื่อนไหวของฝ่ายของพี่ชายมาตั้งแต่แรก
เรียกว่า หยางติงพอจะระแคะระคายเรื่องการเคลื่อนไหวของเมืองเหอก็จากคำกล่าวของฮูหยิน หาใช่จากผู้อื่นไม่
เหอชินรุ่ยมักนำเรื่องที่เหอชินห้าวเจ้าเมืองเหอไม่พอใจฮ่องเต้แห่งไท่ชาง มาบ่นให้สามีฟังอยู่เสมอ หลายคราคนฟังยังคิดไปว่า หรือที่นี่คือเมืองเหอ ต่อมาเมื่อเรื่องราวมีความจริงจังมากขึ้น ถึงตอนที่ฝ่ายเมืองเหอส่งคนมาเจรจาในทางลับ นางก็ทำให้การเจรจานั้นไม่เป็นความลับ ด้วยการเข้ามาร่วมการเจรจานั้น แล้วร่วมก่นประณามเพิ่มน้ำหนักให้กับความชอบธรรมของฝายเมืองเหอ

แม้เหอชินรุ่ยจะออกตัวหลายครา ว่านางรู้ดีแก่ใจว่านางมิควรแทรกแซงงานการเมืองของสามี ทุกอย่างที่ทำและพูดก็เพราะเมืองเหอคือเมืองซึ่งเป็นบ้านเกิด และเจ้าเมืองเหอก็เป็นพี่ชายแท้ ๆ จะให้นางนิ่งเฉยไม่สนับสนุนได้อย่างไร
หยางติงเจ้าเมืองลั่วต่างหากคือคนที่ต้องเก็บปากในการเจรจา ไม่ปริปากเกี่ยวกับความคิดในใจสักคำเดียว
ต่อมาคนของฝ่ายเมืองเหอมาแจ้งข่าวในทางลับ ว่าเวลานี้มีห้าหัวเมืองเพื่อนบ้านของเมืองเหอพร้อมที่จะลงนามร่วมเป็นพันธมิตรในการเคลื่อนไหวเพื่อผนวกดินแดน แต่การส่งหนังสือนี้กลับมีขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่ฝ่ายเมืองหลวงก็ส่งหนังสือในทางลับมาสอบถามเรื่องท่าทีของเมืองลั่ว
เป็นการมาถึงในเวลาเดียวกันที่ทำให้หยางติงเจ้าเมืองลั่วแน่ใจ ว่าฮ่องเต้แห่งไท่ชางทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวเมืองห่างไกล ต่อให้อยู่ห่างไกลชนิดที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานนับเดือน และต่อให้ทรงวางพระราชหฤทัยกลุ่มตระกูลจากเมืองลั่วเพียงใดก็ตาม
หนังสือสอบถามฉบับนี้ จึงเท่ากับการประกาศอย่างเป็นทางการให้หยางติงต้องเลือก!

เมื่อกล่าวถึงกลุ่มตระกูลจากเมืองลั่วที่ทำงานกินตำแหน่งอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาคือหยางจงจิน ผู้มีศักดิ์เป็นอารอง และหยางลี่ ผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายของหยางติง
นั่นคือเมื่อบิดาของหยางติงปกครองเมืองลั่ว หยางจงจินผู้เป็นน้องชายคนรองก็น้อมรับพระบรมราชโองการพาครอบครัวเดินทางเข้าเมืองหลวง
ต่อมาเมื่อหยางติงปกครองเมืองลั่ว หยางลี่น้องชายคนรองของหยางติงก็น้อมรับพระบรมราชโองการเข้าเมืองหลวงไปเช่นกัน แต่ทรงไม่มีพระราชานุญาตให้หยางจงจินกลับไปเมืองลั่ว
เมื่อคิดถึงพวกเขาที่ต้องเสียสละอยู่ในเมืองหลวงในเวลาที่บีบคั้นเช่นนี้ หยางติงเจ้าเมืองลั่วที่ปวดร้าวใจยิ่งนัก และทำให้สามารถตัดสินใจได้...
ตัดสินใจที่จะอยู่ฝ่ายเมืองหลวง แม้จะรู้ดีว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ จะทำให้ฮูหยินไม่พอใจมากก็ตาม

หยางหลงบุตรชายคนโตของหยางติง เป็นผู้ที่เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อยื่นหนังสือแสดงเจตนาว่ายังภักดีต่อฮ่องเต้แห่งไท่ชาง การยื่นหนังสือใช้เวลาไม่นาน ที่นานกว่าคือการเดินทางที่ใช้เวลาหลายเดือน และการรอเวลาที่ทรงอนุญาตให้เข้าพบ ประกอบกับความกังวลที่อยู่ในใจ กดดันให้หยางหลงรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าความเป็นจริง

หยางหลงเคยต้องติดต่อราชการกับเมืองหลวงมาแล้วหลายครั้ง แต่การติดต่อราชการในครั้งสุดท้ายนี้ แตกต่างออกไป เพราะต้องพบกับการถูกตรวจสอบและถูกจับตามองด้วยความไม่ไว้วางใจอยู่ตลอดเวลา
แม้ท่านหยางจงจิน และหยางลี่ทั้งสองคนจะไม่ได้เอ่ยปาก แต่บรรยากาศโดยรอบบ่งชี้ว่า ชาวเมืองลั่วทุกคนคือตัวประกันเพื่อกดดันให้หยางติงเจ้าเมืองลั่วไม่ตัดสินใจเป็นปฏิปักษ์กับฮ่องเต้
 
"พวกเรามิได้เสียดายชีวิตหากต้องถูกลงโทษฐานก่อกบฎ แต่ขอฝากหลานให้ช่วยย้ำเตือนท่านเจ้าเมือง ว่าชาวเมืองลั่วอยู่กันอย่างสงบมาเป็นเวลานาน ความเดือดร้อนที่คนเขานำมาบอกนั้นมีสาเหตุจากเรื่องใด อาคิดว่าท่านเจ้าเมืองจะแยกแยะได้ เพียงแต่หากถูกฝ่ายนั้นกดดันมาก ๆ เข้าก็อาจตัดสินใจนำสงครามเข้าบ้านของเราเอง" หยางลี่กล่าวอย่างคนที่รู้นิสัยของหยางติงเป็นอย่างดี

(มีต่อครับ)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2019 21:05:22 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #1 เมื่อ08-12-2016 06:23:02 »

(ต่อครับ)

ยามเที่ยงวัน ขบวนม้าซึ่งประกอบไปด้วยหยางหลงกับนายกองเมืองและคนคุ้มกันอีกเพียงห้าคน หยุดพักม้าอยู่ที่ชานป่าสีทอง จากปากทางคือทางเดินเท้าเข้าไปในป่าที่ลับหายไปหลังต้นไม้ใหญ่ขนาดหลายคนโอบ

มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อเดินไปถึงหลังต้นไม้ใหญ่ เราจะกลับมาหยุดยืนอยู่ที่ปากทางของป่าสีทองเช่นเดิม แต่ก็มีที่เล่าว่านั่นคือทางลัดที่จะนำไปสู่ที่อยู่ของสัตว์เทพ

เมื่อครั้งที่ยังเป็นวัยรุ่น หยางหลงเคยมาทดสอบเรื่องเล่าเหล่านี้ด้วยความอยากรู้ และก็พบว่า หลังต้นไม้ใหญ่คือพงหญ้าและรากไม้ คือหาได้มีเส้นทางใด ๆ อยู่ด้านหลัง ไม่ได้กลับไปอยู่ที่จุดเริ่มต้น และไม่ได้เป็นทางลัดที่จะนำไปพบกับสัตว์เทพ
ตอนที่กลับไปเล่าให้บิดาฟัง ผู้เป็นบิดาถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันในความอยากรู้อยากทดลองของหยางหลง จากนั้นก็สอนว่าอย่าได้บอกเล่าเรื่องนี้ต่อผู้ใด
"ผู้คนมักกลัวเรื่องราวลึกลับ ปล่อยให้ลึกลับไปเช่นนั้น เหล่าเทพแห่งป่าสีทองจะได้ไม่เดือดร้อนใจ"

คำสอนของบิดาทำให้หยางหลงเชื่อเรื่องเทพแห่งป่าสีทอง แม้จะไม่เคยพบเห็นกับตาตัวเองก็ตาม
 
ชายหนุ่มเทสุราหนึ่งจอกที่โคนต้นไม้ใหญ่ ตามด้วยเมล็ดข้าวเปลือกหนึ่งกำมือเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพแห่งป่าสีทอง จากนั้นเหล่าทหารจึงแยกย้ายกันเอนกายพักกันอยู่ที่เขตชายป่า บ้างพูดคุยกันเบา ๆ  บ้างขอเอนหลังสักครู่

"หากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ ป่าสีทองเมืองลั่วคงได้รับผลกระทบมิใช่น้อย" หยางหลงกวาดตามองไปทั่วแล้วถอนหายใจ
นายกองที่เดินทางมาด้วยกล่าวตอบ "ท่านเจ้าเมืองพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังมีความเห็นทักท้วง ความไม่เชื่อใจว่าเราจะเลือกเมืองหลวงแทนที่จะเลือกญาติพี่น้อง"
หยางหลงส่ายหน้า "ที่กังวลก็คือ หากเราต้องแสดงความภักดีด้วยการต่อสู้กับญาติพี่น้อง ข้าก็ขออธิษฐานให้เทพแห่งป่าสีทองคุ้มครอง ขอให้เรื่องราวยุติลงโดยที่เรามิต้องสู้รบกับใคร"
ชายหนุ่มส่งดาบในมือให้กับนายกอง แล้วเดินเข้าไปในป่าตามลำพัง
มิได้มีกฎเกณฑ์ใดที่บอกว่าห้ามถืออาวุธเข้ามาในที่นี้ เพียงแต่มิเคยมีใครทำมาก่อน
ส่วนพรานป่า หรือคนหาของป่า ก็จะหากินอยู่ในพื้นที่รอบนอกใกล้กับเขตหมู่บ้านพราน หาได้เข้ามาเขตหุบเขาที่หยางหลงกำลังก้าวเดินเข้าไป
ก้าวต่อก้าว คิ้วเข้มหนาดั่งปลายดาบเริ่มคลายความตึงเครียด ดวงตาที่มักมีแต่ความจริงจังอยู่เป็นนิจ ค่อยอ่อนโยนลง ทั้งยังปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก ไหล่หนาที่แบกรับภาระหนักทั้งมวลผ่อนคลาย

นับตั้งแต่อดีต หากต้องตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง บรรพบุรุษแห่งเมืองลั่วทุกคนล้วนตัดสินใจเลือกสันติภาพเพื่อปกป้องป่าแห่งนี้ เป็นการตัดสินใจเลือกด้วยพื้นฐานเรียบง่าย ด้วยหากเกิดสงครามเรายังสามารถอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยได้ แต่สรรพสัตว์ที่นี่จะย้ายไปอยู่ที่ใด
ทุกย่างก้าวของหยางหลงที่เดินลึกเข้าไปในป่าสีทอง จึงเป็นคำอธิษฐานต่อเทพเจ้าทั้งมวล

.....ข้าน้อยหยางหลง ขอพลังและสติปัญญาเพื่อปกป้องรักษาผืนป่าแห่งนี้ รักษาเมืองลั่ว และรักษาความสงบสุขที่เรียบง่ายนี้ต่อไปด้วยเถิด....

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ก้าวเดินช้า ๆ ได้กลิ่นสาบเสือเจือจางอยู่ในอากาศ แต่เพราะยังได้ยินเสียงนกร้องอยู่เป็นปกติ จึงลดความระวังตนลง จากหางตายังมองเห็นส่วนหางของจิ้งจอกไฟที่วิ่งไปทางซ้ายมือ หันมาอีกด้านนกยูงตัวใหญ่เกาะกิ่งไม้ในระดับเอวกำลังหันหน้าไปอีกทาง คิดเล่นในใจตามอารมณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับว่าหรือจิ้งจอกไฟกับนกยูงตัวนั้นจะมีปัญหาขัดแย้งกันอยู่จึงหันหน้าไปกันละคนละทาง   
ความงดงามแห่งป่าสีทองทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน จนเดินผ่านด้านหลังต้นไม้ใหญ่ที่มาของเรื่องราวลึกลับมากมาย ก็ยังเดินต่อเข้าไปในป่า
แต่เมื่อก้มตัวลอดผ่านม่านเถาวัลย์ที่ทิ้งตัวจากกิ่งไม้ เข้าสู่ลานหญ้าเล็ก ๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีแสงแดดจางลอดผ่าน หยางหลงพบเด็กหนุ่มผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลอ่อนนั่งกอดกระต่ายน้อยสีขาวอยู่ใต้ร่มไม้
เด็กหนุ่มผู้นี้ตัวเล็กมาก ใบหน้าอ่อนเยาว์อาจมีวัยไม่ถึงสิบสี่ สิบห้าปี ผมสีน้ำตาลมัดรวบไว้ง่าย ๆ ไร้เครื่องประดับ เมื่อเดินเข้าไปใกล้  เด็กหนุ่มก็ยื่นผลไม้มาให้
หยางหลงหยุดยืนนิ่ง เมื่อมองเห็นดวงตาของเด็กหนุ่มชัดเจน
ดวงตาคู่นั้นมีสีทอง!
ใบหน้างดงามพยักเรียกให้กินผลไม้ในมือ หยางหลงจึงรับมากัดไปคำหนึ่ง รู้สึกถึงรสชาติเปรี้ยวหวาน และความสดชื่นที่ตามมา
"รสดีนี่"
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ดวงตาสีทองเป็นประกายงดงามดั่งคำกล่าวนี้ชมตนเอง
รอยยิ้มนั้นทำให้หยางหลงเกิดกำลังใจว่า ทุกสิ่งที่อธิษฐานไว้กำลังจะเป็นจริง

"ข้าคือหยางหลง เจ้าชื่ออะไร" ชายหนุ่มแนะนำตัวพลางนั่งลงข้าง ๆ ถึงกับเลอะเลือนลืมตัวไปว่า เด็กหนุ่มผู้นี้มีดวงตาสีทอง และที่นี่คือป่าสีทอง ตนเองสมควรแสดงความเคารพกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
เด็กหนุ่มกล่าวตอบเบา ๆ "ลู่"
คำแนะนำตัวนั้นช่างแผ่วเบา เสียงก็เล็กชวนให้คิดถึงลูกกวาง ดั่งชื่อของเจ้าตัว
หยางหลงกัดผลไม้อีกคำ ไม่อาจละสายตาจากใบหน้างดงามนั้น จนกระทั่งผลไม้หมดลูกจึงรู้ตัวว่าจ้องมองอีกฝ่ายโดยเสียมารยาท ทั้งหลงลืมเวลา
"ข้าเข้ามานานแล้ว ต้องกลับไป" นิ้วมือใหญ่ชี้ไปทางที่เพิ่งเดินมา
ลู่ยิ้มรับและพยักหน้าอีกครั้ง
รอยยิ้มนั้นช่างงดงามสอดรับกับการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยน
หยางหลงไม่อยากเอ่ยคำลา แต่ก็มิแน่ใจว่าจะกลับมาที่ป่าสีทองได้อีกเมื่อใด
"แล้วค่อยพบกันอีก"
ลู่ยิ้มกว้างอวดฟันสวย
"ขอบใจนะ" หยางหลงกล่าวแล้วลุกขึ้น
 
แต่เมื่อเดินออกมาได้หลายก้าว หันไปอีกครั้งก็พบว่าเด็กหนุ่มเดินตามมาด้วย
จากฝีเท้าที่ไม่มั่นคง บ่งบอกชัดเจนว่า ขาของเด็กหนุ่มผู้นี้ผิดปกติ แต่เมื่อลู่เห็นว่าหยางหลงหันมามองก็ชี้มือบอกให้หมุนตัวแล้วเดินต่อไป เพียงแต่เมื่อหยางหลงหันกลับไปครั้งใด ลู่ก็ยังคงเดินตามมาโดยตลอด
"ขาเจ้า"
ลู่ส่ายหน้ายิ้มหวาน "มันไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ ท่านเดินต่อไปเถอะ"

หยางหลงเดินให้ช้าลง เพื่อรอคนที่เดินตามมา กระทั่งพ้นจากต้นไม้ใหญ่มาจนถึงขบวนม้าที่หยุดพัก บรรดานายกองและผู้ติดตามต่างพากันหันไปมองหน้ากันและกันด้วยความประหลาดใจ
เมื่อสักชั่วยามก่อน หยางหลงว่าที่เจ้าเมืองลั่วเดินเข้าไปในป่าสีทองตามลำพัง แล้วเหตุใดเมื่อกลับออกมาจึงมีเด็กหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเดินตามออกมาด้วยอีกคน
ที่นี่คือป่าสีทอง ซึ่งไม่มีผู้คนพำนักอยู่
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร
แล้วนั่น ดวงตาสีทองคู่นั้น เจ้ามองเห็นหรือไม่
หรือเรื่องราวที่เล่าขานสืบต่อกันมาคือเรื่องจริง...
 
ลู่เดินไปที่ม้าของหยางหลง แตะปลายจมูก แล้วแนบด้านข้างของลำคอเข้าหา จากนั้นก็เดินไปอยู่ด้านข้างโกลนม้า รอให้หยางหลงช่วยขึ้นม้า
เหล่าทหารมัวแต่ยืนมองตามการเคลื่อนไหวของลู่ไม่ขยับร่างกายเคลื่อนไหว จนหยางหลงหันมาสั่งให้ทุกคนรีบเก็บข้าวของกลับเข้าเมือง แต่นายกองที่ได้สติเป็นคนแรก ยังพอคิดถึงมารยาทอยู่บ้าง รีบทำความเคารพต่อเด็กหนุ่มทให้คนอื่น ๆ พากันทำความเคารพตาม แล้วหันไปเร่งรีบเก็บข้าวของและจัดขบวนอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

เมื่อต้องนั่งม้าตัวเดียวกัน หนุ่มน้อยผู้นี้จึงย่อมต้องนั่งอยู่ในอ้อมแขนของหยางหลง ทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่บ่งบอกว่าเป็นกลิ่นของป่ายิ่งเด่นชัด ทั้งดอกไม้หอม เจือด้วยกลิ่นของดิน และความสดชื่น
"ถนัดไหม" หยางหลงชวนคุย แต่อีกคนไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ เพราะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แล้วพยักหน้า
เป็นยิ้มที่.....ทำให้ใจเต้นแรงมาก จนแน่ใจว่าอีกคนจะสามารถรับรู้ได้
"เคยขี่ม้าหรือเปล่า"
คนยิ้มเก่งหันมาส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่ไม่มีคำพูด
ใจยังเต้นแรง ทั้งรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว
หยางหลงพยายามอีกครั้ง "เคยออกมานอกป่าหรือไม่"
คนยิ้มเก่งใช้วิธีเงยหน้าขึ้นมาแล้วส่ายหน้า
ครานี้หยางหลงขอยอมแพ้ ก่อนที่จะหัวใจวายตายไปเสียก่อนที่จะถึงบ้าน

ขบวนม้าของหยางหลงเดินทางผ่านประตูเมือง ตรงไปที่จวนของเจ้าเมืองเพื่อรายงานผลการเจรจาในทันที
แต่ก่อนที่จะไปถึง มีผู้เข้าไปรายงานกับหยางติงว่าหยางหลงกลับมาแล้ว แต่ในขบวนม้ายังมีหนุ่มน้อยรูปงามผู้หนึ่งมาด้วย
หยางติงเจ้าเมืองลั่วส่ายหน้าให้กับความสนใจที่แปลกประหลาดของชาวเมือง ด้วยในยามที่บ้านเมืองกำลังสุ่มเสี่ยงจะตกอยู่ท่ามกลางสงคราม คำแรกที่ทุกคนกล่าวออกมาก็คือหยางหลงพาหนุ่มน้อยรูปงามมาด้วย หนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นใคร และอีกหลายคำถาม ทำให้หยางติงต้องออกปากบ่นผู้ที่เข้ามารายงานไปหลายคำ
แต่สุดท้ายหยางติงก็คือคนที่ไปยืนอยู่แถวหน้าสุด ในกลุ่มผู้ที่ไปรอหยางหลงอยู่หน้าจวนเจ้าเมือง

...ก็ข้าคือเจ้าเมือง ก็สมควรไปยืนอยู่ด้านหน้า ไม่ถูกต้องหรืออย่างไร

เป็นดั่งที่มีคนเข้ารายงานเมื่อชั่วหนึ่งกาน้ำชาที่ผ่านมา ว่าในขบวนม้า นอกจากความองอาจ สง่างามของหยางหลงจะสะกดทุกสายตาไว้เช่นเคยแล้ว ในขบวนม้านี้ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งม้าตัวเดียวมากับหยางหลงที่เป็นจุดสนใจ
เด็กหนุ่มคนนี้มีใบหน้างดงาม มองคราแรกยังคาดเดาได้ยากว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่เมื่อมองชุดเสื้อผ้าสีน้ำตาล กับเส้นผมสีน้ำตาลที่มัดรวบไว้ ก็คิดว่าน่าจะเป็นชาย
เพียงแต่ในทันทีที่กล่าวกันว่า ที่แท้ก็เป็นชาย ชาวเมืองบางคนก็สะดุดลมหายใจอยู่ที่ดวงตากลมโตคู่นั้น!
ตอนที่คนที่มารายงานหยางติงกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า เด็กหนุ่มผู้นี้มีดวงตาสีทอง ทั้งผู้ช่วยของหยางติงและพ่อบ้านของจวนเจ้าเมือง ยังมีความเห็นว่า นั่นอาจเป็นแสงสะท้อนจากแสงสีทำให้มองเห็นเป็นเช่นนั้น

ขบวนม้าของหยางหลงมาถึงแล้ว ชายหนุ่มร่างใหญ่ลงจากม้าก่อน จากนั้นจึงหันไปอุ้มอีกคนลงมา หยางติงที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นชัดเจนก็พาลสะดุดลมหายใจไปอีกคน
สีทองที่ดวงตาคู่นั้น มิใช่แสงสะท้อนจากแสงสีใด แต่นั่นคือสีทองสดใสเป็นประกาย
ชาวเมืองลั่วทุกคนล้วนคุ้นเคยกับเรื่องเล่ามากมายที่เกี่ยวกับป่าสีทอง แต่นี่เป็นคราแรกที่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
จนกระทั่งหยางหลงก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างหน้า แล้วกล่าวทักทาย หยางติงจึงได้สติ
"หลง เจ้าพบเอ่อ..."
เมื่อบิดามิรู้ว่าจะเรียกขานอย่างไร หยางหลงจึงแนะนำชื่อ "นี่คือลู่ ท่านพ่อ"
"คุณชายบอกให้พวกเราเรียกชื่อเช่นนั้นหรือ"
เมื่อบิดาถามย้ำ บุตรก็ย้ำคำตอบเดิมเช่นกัน
"เจ้าพบคุณชายได้อย่างไร" จะอย่างไรหยางติงก็มิกล้าเอ่ยชื่อตรง ๆ
"ระหว่างทางพวกเราแวะพักที่ปากทางของป่าสีทองเหมือนทุกครา ข้าถวายสุราและข้าวเปลือกจากนั้นก็เดินเล่นเข้าไปในป่า" หยางหลงตอบ
"เดินเล่นไกลเพียงใดถึงพบคุณชาย"
บุตรชายส่ายหน้า "ไม่มากนักเพียงชั่วก้านธูปเท่านั้นเอง"
"อ่า" บิดาอ้าปากค้าง "นี่มันจะเกิดอาเพธใด คุณชายถึงได้ออกมาใกล้เชิงป่า"
ลู่หันมายิ้มให้กับเจ้าเมือง เป็นยิ้มที่ทำให้เจ้าเมืองต้องรักษามารยาท เชื้อเชิญให้ทั้งหมดเข้าไปพักและพูดคุยกันต่อที่ด้านใน
"เช่นนั้นก็เข้าไปด้านใน ดื่มน้ำชา นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเจรจากันเถิด"

ปกติแล้วเจ้าเมืองลั่วจะเจรจางานที่ศาลาว่าการเมือง ที่ตั้งอยู่ติดกับจวนเจ้าเมือง แต่ครานี้เรียกให้ทุกคนไปพูดคุยกันภายในจวน เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งเดินทางมาถึงสามารถกินอาหารไปพร้อมกับการสนทนาได้
เรือนต้นบ๊วยที่ใช้เจรจางานในครั้งนี้ เป็นตัวเรือนโปร่งสามด้าน พื้นเล่นระดับ โต๊ะเตี้ยตัวใหญ่จัดวางอาหารและผลไม้มากมาย เพื่อรับรองหยางติงกับบุตรชายทั้งสามคนและลู่ ร่วมด้วยเลขาฯ ของเจ้าเมือง นายกอง และผู้ร่วมขบวนม้าของหยางหลง ทั้งหมดร่วมการสนทนาในลักษณะโต๊ะกลมที่ไม่มีประธานของที่ประชุม

ตระกูลหยางแห่งเมืองลั่ว มิได้เป็นเพียงผู้ปกครอง แต่ยังเป็นเจ้าของกิจการที่หลากหลายสาขา โดยมีกิจการหลัก ก็คือโรงแลกเงินที่ยังมีสาขาในเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง
หยางหลงที่เป็นบุตรคนโต รับสืบทอดงานทุกด้านจากบิดา เป็นยิ่งกว่ามือขวาของเจ้าเมือง รวมไปถึงการดูแลโรงแลกเงิน
หยางเฉิงที่เป็นบุตรคนรอง ดูแลสำนักคุ้มกันภัยขนาดใหญ่
ส่วนหยางไห่บุตรชายคนเล็กดูแลกิจการใบชา และร้านอาหารอีกหลายแห่ง
ทั้งสามคนพี่น้องจึงมักจะเดินทางกันแทบจะทั้งปี ในปีหนึ่งมีจำนวนวันที่ได้พบเจอกันรวมแล้วไม่ถึงสองเดือน

"เรื่องถวายสุราและข้าวเปลือก หรือการเดินเล่นบริเวณรอบนอกของป่า พวกเราก็ทำเช่นเดียวกัน แต่กลับมิเคยพบเจอ นี่ย่อมแสดงว่า ลู่เจตนาออกมาหาพี่ใหญ่" หยางไห่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม และเรียกชื่อลู่ตามที่พี่ใหญ่เรียก
เขามีใบหน้าและรูปร่างคล้ายกับมารดามากที่สุด แต่กลับได้นิสัยมองโลกในแง่ดีมาจากบิดา
ส่วนหยางเฉิงที่ดูแลสำนักคุ้มกันภัย ที่แม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่ห้าวหาญเช่นบิดา กลับชอบวางท่าว่ามีนิสัยดื้อรั้น และเย่อหยิ่งเหมือนกับมารดา ในเวลานี้แม้จะแสร้งทำท่ามิสนใจ แต่กลับลอบมองคนที่กำลังกินผลไม้ไปพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจ เมื่อหันมาสบตากันแล้วยิ้มให้ หยางเฉิงใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องหันไปมองทางอื่น
หยางไห่ที่รู้ว่าพี่รองเป็นคนที่มักแสดงออกในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึกในใจ จึงเฝ้ามองท่าทีของหยางเฉิงอยู่เช่นกัน พอเห็นว่าหยางเฉิงหนีสายตาของลู่ ก็ถึงกับหัวเราะ ทำให้หยางติงที่กำลังสนทนากับหยางหลงเกี่ยวกับผลการเจรจาต้องหันมามองอย่างตำหนิที่เสียมารยาท
 
"การส่งหนังสือนี้ราบรื่นด้วยดี เช่นนั้นก็เหลือเพียงท่าทีของฝ่ายเมืองหลวง กับเมืองเหอแล้วสินะ"
"ข้าเพียงหวังว่าจะหยุดความขัดแย้งนี้ได้ก่อนที่จะกลายเป็นสงคราม" หยางหลงกล่าวขึ้น
"ข้าไม่กลัวที่จะทำสงคราม" หยางเฉิงกล่าวขึ้นอย่างห้าวหาญ แต่ยังมิวายเหลือบตามองลู่
หยางไห่ยังคงรู้สึกขำพี่ชายคนรอง แต่ก็กล่าวขึ้นบ้าง "มีสงครามอยู่ใกล้ ๆ ผู้คนอพยพมาที่เมืองของเรา โจรมากขึ้น พี่รองได้รางวัลมากขึ้น เราค้าขายได้มากขึ้น"
"เพ้ย" เจ้าเมืองโบกมือ "อย่าคิดแสวงหาผลประโยชน์จากสงคราม"

มีเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาหา กลุ่มผู้ที่กำลังสนทนากันอยู่ต่างหันไปมอง
สตรีผู้ที่สวมอาภรณ์สีฟ้าสดใส เครื่องประดับหรูหรา รายล้อมไปด้วยคนติดตามผู้นี้คือเหอชินรุ่ยฮูหยินของหยางติงเจ้าเมืองลั่ว ปีนี้นางมีอายุสี่สิบปี แต่ยังมีใบหน้าอ่อนเยาว์ รูปร่างเล็กผอมบาง ท่าทางอ่อนโยน หากแต่ทั้งหมดนั้นคือภายนอก เพราะแท้จริงแล้วนางเป็นผู้ที่มีความเย่อหยิ่ง ดื้อรั้น และมีความมุ่งมั่นในเรื่องการปกครอง หลายครั้งหลายหนที่นางเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจของหยางติง
หากเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้ หยางติงก็จะยอมตามใจ แต่หากมีผลกระทบสร้างความเสียหาย ก็ต้องมีการเจรจากันมากสักหน่อย
แต่เรื่องที่ไม่เคยเจรจากันได้ ก็คือการที่หยางติงเลือกที่จะนำเมืองลั่วสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้แห่งไท่ชางนั่นเอง

เรือนรับรองหลังนี้ มีด้านหนึ่งเป็นเรือนโปร่ง รับกับระเบียง และทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ห้องสมุด และเรือนพักอีกหลายหลังด้านใน ดังนั้นจากระยะไกล เหอชินรุ่ยจึงมองเห็นว่าที่ส่วนรับรองนั้นมีผู้คนนั่งล้อมโต๊ะจำนวนมากกว่าสิบคน กับยังมีคนรับใช้อีกหลายคน ซึ่งนางรู้จักทุกคน เว้นแต่คนผู้หนึ่งที่สวมชุดสีน้ำตาล เมื่อนางจ้องมอง หญิงรับใช้คนสนิทก็รีบกระซิบบอก ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือผู้ที่คนรับใช้เข้าไปแจ้งก่อนหน้า ว่าเป็นผู้ที่หยางหลงพามา

เสียงพูดคุยเงียบลงเมื่อกลุ่มของเหอชินรุ่ยเดินเข้ามาถึง นางนั่งลงที่เบาะข้างหยางติงด้วยการที่จ้องมองบุตรชายคนโตเพียงผู้เดียว เชิงบังคับให้บุตรชายแนะนำคนหนึ่งคนที่นางไม่รู้จัก
หยางหลงรู้ใจมารดา จึงกล่าวคำแนะนำ "ท่านแม่ นี่คือลู่ ข้าพบเขาที่ป่าสีทอง"
"จินลู่" เด็กหนุ่มกระซิบบอก หยางหลงจึงกล่าวแนะนำลู่ให้กับมารดาอีกครั้ง
ลู่มองเหอชิยรุ่ยเพียงแวบหนึ่งก็ก้มหน้ากัดกินผลไม้ในมือ ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกตเห็นดวงตาสีทองสดใสคู่นั้น
"พบในป่า" นางขมวดคิ้วสวย "หลงทางมาหรือ" เมื่อบุตรบอกว่าหลงทางมา ทั้งเด็กคนนี้มีท่าทีหิวโหยก้มหน้าก้มตากินผลไม้ มิได้กล่าวคำใด นางก็หมดความสนใจไม่ได้สนใจซักถามต่อ ทั้งมิได้ใส่ใจเรื่องราวที่อาจซ่อนอยู่ภายใต้ถ้อยคำนั้น ประโยคถัดมาจึงเป็นเรื่องราวที่นางเป็นกังวล "ผลการเจรจาเป็นเช่นใด"
"ย่อมเป็นไปอย่างราบรื่น" หยางหลงตอบ
เหอชินรุ่ยเม้มริมฝีปากสนิท ดวงตาแข็งกร้าว ความไม่พอใจฉายชัด
"ฮูหยิน" หยางติงเอ่ยขึ้น
เหอชินรุ่ยยกมือห้าม "มิต้องแล้ว มาถึงขั้นนี้ ก็มิต้องมาพูดจาสวยงามกับข้าอีก" ผู้เป็นภรรยาเจ้าเมืองลั่วกวาดตามองทุกคนในที่นี้ "ตระกูลเหอของข้าปกครองเมืองเหอมาหลายชั่วคน เจ้าเมืองเหอคนปัจจุบันคือพี่ชายของข้า และข้าก็ให้คำมั่นกับเขามาตลอดว่าเมืองลั่วจะให้ความร่วมมือ"
"คำมั่นเป็นเพียงวาจา ทั้งยังทำโดยไม่มีการหารือกันก่อน จะนับเป็นอย่างไรได้" หยางติงหันมาตำหนิภรรยา
มาถึงตอนนี้ หยางหลงก็หันไปเรียกพ่อบ้านจวนเจ้าเมืองมาพาลู่ออกไปเดินเล่นที่สวนหน้าเรือนต้นบ๊วยแห่งนี้ เห็นดังนั้น เลขาฯ ของหยางหลง ตลอดจนนายกองและทหารที่ติดตามมากับหยางหลง และคนรับใช้ก็พากันออกมาด้วย เหลือเพียงบุตรชายทั้ง 3 คนที่อยู่เพื่อไกล่เกลี่ย มิให้บิดาและมารดาทะเลาะกันรุนแรง

"ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่า การปกครองเมืองไม่อาจตัดสินใจได้โดยลำพัง ยิ่งการเคลื่อนไหวต่อต้าน คือความผิดฐานกบฎ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยิ่งต้องรอบคอบคิดให้ถี่ถ้วน"
"นั่นมันไม่สำคัญแล้ว"
"สำคัญสิ" หยางติงตอบโต้ "ที่เจ้าแต่งเข้าเมืองลั่ว แต่ยังรักบ้านเกิด รักพ่อแม่ พี่น้องของเจ้า นั่นมิมีเรื่องใดผิด แต่เจ้าตัดสินใจแทนข้าผู้เป็นเจ้าเมืองเช่นนี้เหมาะสมแล้วแล้วหรือ"
เหอชินรุ่ยผุดลุกขึ้น บุคคลที่เหลืออยู่ก็พลอยลุกขึ้นตาม
"ที่เจ้าแสดงความเห็นเรื่องการเมือง ข้าก็มิได้ห้ามปราม เพราะเข้าใจว่านั่นคือพี่น้องของเจ้า แต่มาถึงวันนี้ ที่เราส่งหนังสือไปแล้ว แล้วเจ้านำกลับมากล่าวย้ำเรื่องเดิมต่อหน้าผู้อื่น มันจะทำให้เกิดความลังเลสงสัยไม่แน่นอน ทั้งแสดงให้เห็นถึงความไม่สามัคคีของพวกเราเอง"

(มีต่อด้านล่าง)
** ลู่ - 鹿 แปลว่ากวาง ** จิน - 金 แปลว่าทอง **
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 17:30:29 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #2 เมื่อ08-12-2016 06:24:43 »

(ต่อ)

"ข้าคือเหอชินรุ่ย ต่อให้ตายไปก็ยังเป็นเหอชินรุ่ย เมื่อพี่ชายของข้าตัดสินใจต่อต้านฮ่องเต้ นั่นแสดงให้เห็นว่า เขาคิดดีและถูกต้องแล้ว"
"แล้วที่พวกเราพยายามอย่างหนักมาหลายเดือน เพื่อยับยั้งความขัดแย้ง มิให้เข้ามาที่บ้านของเรา เจ้ากลับเห็นว่านี่มิใช่เรื่องที่ถูกต้องหรือ"
เหอชินรุ่ยเชิดคางขึ้นสูง ดวงตามีแต่ความดื้อรั้น "เมืองลั่วอยู่ใกล้กับเมืองเหอมากกว่าเมืองหลวง"
หยางติงโกรธจนมือสั่น "เจ้าเลือกฝ่ายโดยมองเพียงตำแหน่งที่ตั้งมิได้ เรื่องราวความขัดแย้งของพวกเขานั้นซับซ้อน ตั้งแต่เรื่องการค้า ไปจนถึงคนที่ส่งเข้าไปในวังหลวง แต่ความขัดแย้งเหล่านั้นไม่เกี่ยวกับเรา การค้าของเราไปด้วยดี ท่านอาของข้า น้องชายของข้า หลานของข้าที่ทำงานรับใช้องค์ฮ่องเต้ก็ทำหน้าที่ได้ดี เจ้าจะให้ข้าพาชาวเมืองลั่วที่อยู่ดีมีสุขไปเข้าร่วมอยู่ในความขัดแย้งนั้นได้อย่างไร"
เหอชินรุ่ยทำเสียงขึ้นจมูก "ที่แท้ท่านก็เป็นห่วงท่านอา ห่วงน้องชาย และหลาน คนที่ท่านไม่ได้พบพวกเขามาหลายปี จนมองข้ามไปว่าหากการครั้งนี้สำเร็จ จะทำให้พวกเราเป็นอิสระจากฮ่องเต้ชั่วนั่น"
"เมืองทางใต้มีอุทกภัย หากฮ่องเต้จะเรียกเก็บส่วย ภาษีเพิ่มขึ้นจากเมืองที่ไม่มีความเดือดร้อน ข้าคิดว่ามันก็เหมาะสมแล้ว ทั้งจำนวนเงินส่งไป มันก็หาได้ทำให้พวกเราเดือดร้อน"
"แต่คนอื่นเขาเดือดร้อน เขาถึงได้รวมกลุ่มเป็นปึกแผ่น"
"หากเป็นปึกแผ่นโดยง่ายอย่างที่เจ้าว่า ป่านนี้พวกเขาคงรวบรวมผู้สนับสนุนได้มากแล้ว"
"อย่ามาทำน้ำเสียงดูหมิ่นข้าเช่นนั้น" ยิ่งกล่าวเหอชินรุ่ยก็ยิ่งไม่พอใจ

หยางติงลดการโต้เถียงรุนแรงด้วยการถอนหายใจหนัก ๆ "สงครามเป็นเรื่องใหญ่ มิอาจเลือกฝ่ายได้เพียงเห็นว่าเป็นญาติ หรือที่ตั้งอยู่ใกล้กับใครมากกว่า ที่สำคัญคือข้ามิต้องการเป็นผู้ชักนำสงครามเข้ามาในบ้านของตนเอง "
"ดี" เหอชินรุ่ยกล่าวเสียงหนัก ๆ "เช่นนั้น หากพี่ใหญ่พ่ายแพ้ต้องถูกประหารทั้งตระกูล ท่านก็มิต้องสนใจข้า"
"ท่านแม่" ลูกชายทั้งสามคนกล่าวพร้อมกัน
"ฮูหยิน เมื่อเจ้าแต่งเข้าตระกูลหยาง ก็ย่อมเป็นคนของตระกูลหยาง"
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางยังคงใช้แซ่เหอ หาได้ใช่แซ่หยาง
"ข้าคือเหอชินรุ่ย" นางเชิดหน้าขึ้นสูง
ความภาคภูมิใจนี้ ต่อให้กลายเป็นวิญญาณ นางก็จะพามันไปกับนางด้วย

เพราะเรือนรับรองหลังนี้เป็นเรือนโล่ง เมื่อออกมาอยู่ด้านนอก แม้จะมิได้ยินเสียงสนทนาตลอดข้อความ แต่ก็ยังเห็นสีหน้าท่าทางของเหอชินรุ่ยฮูหยินเจ้าเมืองลั่วอย่างชัดเจน
พ่อบ้านจวนเจ้าเมืองเกรงว่าแขกของคุณชายใหญ่จะรู้สึกอึดอัดใจ ที่เมื่อมาถึงก็พบกับท่าทีของฮูหยินเจ้าเมืองเป็นเช่นนี้ จึงชวนคุยและไต่ถามว่ายังต้องการผลไม้อีกหรือไม่ 
"คุณชายน้อยยังไม่อิ่มใช่หรือไม่ ข้าน้อยจะให้คนรับใช้ไปนำผลไม้มาอีก"
ลู่พยักหน้า แต่ดวงตาสีทองจับจ้องการเคลื่อนไหวของฮูหยิน
นานกว่าหนึ่งก้านธูป เหอชินรุ่ยจึงกลับไปด้วยท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก บรรดาคนรับใช้ของนางที่อยู่ในกลุ่มผู้คนที่ด้านนอกเรือนรับรอง จึงพากันกลับไปด้วย
เมื่อทุกคนกลับเข้ามาในเรือนอีกครั้ง หยางติงจึงกล่าวขึ้น
"แจ้งข่าวออกไป อีกสองวันข้าจะยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้หยางหลง"

บรรดาคนรับใช้ที่ฟังอยู่ รู้สึกแปลกใจที่หยางติงให้เวลาเพียงสองวัน แต่หากถามว่าการมอบตำแหน่งครั้งนี้แปลกไหม ควรตอบว่ามิแปลก เพราะเมืองลั่วสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับบุตรคนโตมาสามชั่วคนแล้ว
หยางหลงอยู่ในตำแหน่งว่าที่เจ้าเมืองตั้งแต่ในวันแรกที่หยางติงรับตำแหน่งเจ้าเมืองอยู่แล้ว  ดังนั้นหากจะมอบตำแหน่งเจ้าเมืองให้อย่างเป็นทางการ ก็นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง
หยางเฉิง หยางไห่ และทุกผู้คนในที่นี่ ต่างยกจอกสุราแสดงความยินดีต่อว่าที่เจ้าเมืองคนใหม่

"แม่ข้าก็ทะเลาะกับพ่อบ่อย ๆ" ลู่พูดแทรกขึ้น "แม่บอกว่า พ่อชอบสร้างเรื่อง พวกเขาแยกกันอยู่ด้วย"
น้ำเสียงเล็ก ๆ นั่น ทำให้ความตึงเครียดผ่อนคลาย
"พ่อมาหาข้าบ่อย ๆ แต่มาทีไร แม่ก็โมโหทุกที แต่ถ้าเดือนหนึ่งไม่มา แม่ก็โมโหอยู่ดี"
ลู่หันไปมองหยางติง "พ่อบอกว่า ตราบใดที่แม่ยังโกรธพ่ออยู่ แสดงว่าพ่อยังอยู่ในหัวใจของนาง แต่ถ้าเมินเฉยเมื่อใด ก็ค่อยหลั่งน้ำตา"
หยางไห่ที่พยายามกลั้นหัวเราะมาตั้งแต่คำแรกที่ลู่เอ่ยปาก ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว ปล่อยเสียงหัวเราะดังก้อง พาให้ทุกคนพลอยหัวเราะตามไปด้วย
"แล้วข้าควรทำอย่างไร" หยางติงถาม ความหนักใจทั้งมวลล้วนหายไป เมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้เอ่ยคำ
"สละตำแหน่งแล้วก็พากันไปพักผ่อนสิ ไปพักที่บ้านข้าก็ได้ จะบอกพี่หญิงกวางไพลินให้ช่วยดูแล แต่เรื่องนี้บอกแม่ข้าไม่ได้เท่านั้นแหละ"
"เหตุใดจึงบอกไม่ได้" หยางหลงถามขึ้น ขณะที่รับผลไม้ที่ลู่กินหมดจนเหลือแต่เม็ดมาวางในจาน แล้วหยิบผลใหม่ให้
"บอกไม่ได้" ลู่หันไปบอกกับหยางหลงอย่างจริงจัง "เพราะข้าหนีแม่มา"

....จบบทที่หนึ่ง...

หายไปนานมากเลยเนอะ คิดถึงกันไหม แวะมาอ่าน แวะมาคุยกันบ้างนะ
ไจฟ์และทีครับ


ภาคกวางทอง
บทที่หนึ่ง บทที่สอง  บทที่สาม  บทที่สี่  บทที่ห้า  บทที่หก  บทที่เจ็ด  บทที่แปด บทที่เก้า บทที่สิบ บทที่สิบเอ็ด บทที่สิบสอง บทที่สิบสาม  บทที่สิบสี่ จบภาคกวางทอง
ตอนพิเศษหนึ่ง // ตอนพิเศษสอง // ตอนพิเศษสาม // ตอนพิเศษสี่
ภาคเทพเสือโคร่งภูผา
บทที่สิบห้า บทที่สิบหก บทที่สิบเจ็ด บทที่สิบแปด บทที่สิบเก้า บทที่ยี่สิบ บทที่ยี่สิบเอ็ด บทที่ยี่สิบสอง บทที่ยี่สิบสาม บทที่ยี่สิบสี่ บทที่ยี่สิบห้า บทที่ยี่สิบหก   บทที่ยี่สิบเจ็ด   บทที่ยี่สิบแปด   บทที่ยี่สิบเก้า   บทที่สามสิบ   บทที่สามสิบเอ็ด   บทที่สามสิบสอง
นกยูงทอง
ตอนที่หนึ่ง   ตอนที่สอง

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบสาม บทที่สามสิบสี่ บทที่สามสิบห้า บทที่สามสิบหก   บทที่สามสิบเจ็ด บทที่สามสิบแปด   บทที่สามสิบเก้า   บทที่สี่สิบ (ตอนจบ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 20:11:53 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #3 เมื่อ08-12-2016 07:20:49 »

ว่ากันด้วยเรื่องของผู้หญิงกับการปกครองบ้านเมืองนี่ ตกม้าตายมาหลายคนแล้วนะ ถูกจริตมากกับนิยายเรื่องนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2016 20:38:18 โดย fangkao »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #4 เมื่อ08-12-2016 08:46:09 »

จินลู่มีพ่อเป็นเทพเสือโคร่ง แม่เป็นเทพกวางเหรอ
ไม่รู้ว่าไอเดียพาเมียไปตากอากาศที่ป่าสีทองจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือเปล่านะ (ก็แม่คุณรักบ้านเมืองรักพี่ตัวเองอาจถึงขั้นคลั่งขนาดนั้น)

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #5 เมื่อ08-12-2016 08:56:27 »

ว้าววว เรื่องใหม่ของไจฟ์ที ^_^
ขอแปะก่อนค่ะ ขอมาอ่านและเมนท์ตอนเย็นนะคะ
^__^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #6 เมื่อ08-12-2016 09:23:12 »

หยางเฉิง ท่าทางจะสนใจลู่นะ
ดีเหมือนกันที่หยางติงยกเมืองให้ลูกชาย หยางหลง
คราวนี้แม่จะมาวุ่นวายการปกครองของลูกอีกหรือไม่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2016 22:02:01 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #7 เมื่อ08-12-2016 09:35:29 »

นี่มัน นี่มัน โอ้วววววววววววววว ! งานดีๆ

กำลังคิดเหมือนกันว่าคุณเสือที่โผล่มาตอนต้นนั่นคือท่านพ่อรึเปล่านะ?

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #8 เมื่อ08-12-2016 09:37:29 »

สนุกเกินคาด รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #9 เมื่อ08-12-2016 09:39:28 »



ติดตามค่ะ ^^  :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-12-2016 09:39:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #10 เมื่อ08-12-2016 10:01:17 »

ตอนเเรกเกือบท้อเพราะชื่อตัวละครที่โผล่มากันมากมาย เเต่พอตัวเอกออกมา....ทุกสิ่งก็หายไป เจ้ากวางน้อยยย...ท่าจะซนนะเนี่ยะ

ขอบคุณนะคะที่กลับมา

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #11 เมื่อ08-12-2016 10:15:29 »

มาฝากตัวเป็น fc เจ้าค่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #12 เมื่อ08-12-2016 10:21:29 »

ลู่น่ารักมาก

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #13 เมื่อ08-12-2016 11:00:24 »

 :mc4:  มาแล้วเรื่องใหม่

ลู่น้อยแลดูจะซนนะนั่น แต่ไม่เชื่อหรอกว่าลู่น้อยจะด้อยพลัง รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #14 เมื่อ08-12-2016 11:28:03 »

ลู่ทำไมหนีแม่เทพกวางออกมาระวังจะโดนแม่ตีเอานะ :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #15 เมื่อ08-12-2016 13:03:49 »

กรี๊ดดด วันก่อนกำลังคิดถึงไจฟ์ทีอยู่เลย รอว่าเมื่อไรเรื่องใหม่จะมา นี่เซอร์ไพรส์และดีใจมากๆ เลยค่ะ ขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ ^____^

edit +++

อ่านแล้วต้องก้มลงกราบ เรื่องนี้สนุกมากๆ เลยค่ะ ทุกอย่างลงตัว น้องลู่น่ารักมากๆ เป็นมฤคีน้อยที่ย่องหนีแม่ออกมาเที่ยวเล่นสินะ ชอบภูมิหลังและพื้นหลังเกี่ยวกับสงคราม civil war ในเรื่อง และยิ่งชอบตำนานเล่าขานเกี่ยวกับป่าสีทองอีกด้วย

มิพักต้องพูดถึงฝ่ายพระเอกที่มีบุคลิกน่าสนใจ ทั้งหยางหลง หยางเฉิง และหยางไห่ แต่ที่แน่กว่าอะไรทั้งหมด มฤคีน้อยน้องลู่นั้นทำให้ใจของบางคนแกว่งไกวไปเรียบร้อยแล้วค่ะ  :mew1:

นี่นับเป็นการปูพื้นเรื่องที่ทำให้น่าติดตามจริงๆ รับรองจะอยู่หน้าจอรอวันอ่านทุกๆ ตอนเลยค่า

ขอบคุณไจฟ์กับน้องที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2016 21:12:04 โดย Wordslinger »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #16 เมื่อ08-12-2016 14:52:24 »

ดีงามต่อใจเหลือเกิน

กวางน้อย

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #17 เมื่อ08-12-2016 19:16:06 »

ชอบตอนลูกกวางน้อยเดินเก้ๆกังๆไปอ้อนพ่อเสือ..น่ารัก

อยากเห็นอิมเมจลู่.

ตอนอิมเมจอาเม่ย จาก All of me  อันนั้น มันใช่มาก ชอบสุดๆ

 :L1: :L1:


ออฟไลน์ Nathi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #18 เมื่อ08-12-2016 20:08:37 »

แค่ตอนแรกก็ดีต่อใจแล้ววว ชอบแนวนี้มากก

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #19 เมื่อ08-12-2016 22:11:18 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
« ตอบ #19 เมื่อ: 08-12-2016 22:11:18 »





ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #20 เมื่อ08-12-2016 23:36:53 »

รออ่านกวางน้อยตาสีทองตอนต่อไป  :katai4: :really2:
เนื้อเรื่องสนุก ชอบค่ะ
ตอนแรกกลัวว่าจะจำชื่อยาก
แต่อ่านๆไป คุณไจฟ์กับน้องทีเลือกชื่อที่จำง่ายดีค่ะ

จะมาอัพทุกวันพฤหัสหรือเปล่าคะ


ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #21 เมื่อ09-12-2016 00:41:36 »

พุ่งมาอย่างแรงเมื่อเห็นชื่อคนแต่ง

เป็นแนวที่ชอบมากเลยอ่ะ

รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #22 เมื่อ09-12-2016 03:08:32 »

น่าจะให้หยางติงเสกเด็กเข้าท้องเหอชินรุ่ยอีกสักคนนะ นางจะได้เลิกวุ่นวายกับกิจการงานเมือง :hao3:

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #23 เมื่อ09-12-2016 06:03:26 »

จินลู่ น่ารัากกกกกก

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #24 เมื่อ09-12-2016 15:59:54 »

ขอบคุณนะคะ คุณไจฟ์ กะ น้องน้ำชา

คิดถึงนะคะ  แต่อ่านรวดเดียวไม่ไหว  ตาลาย
(วุ้นตาเสื่อมนี่มันทรมาน และเสียอรรถรสในการเสพนิยายจริงๆ)
จะค่อยๆ อ่านวันละนิด อ่านจบบทแล้วจะมาคุยต่อนะคะ

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #25 เมื่อ09-12-2016 18:44:42 »

เอาล๊อคอินใหม่มาเจิมนิยายใหม่ ไจฟ์ที ^_^
เนื่องจากของเก่าลืมรหัส  :เฮ้อ:

มาติดตามกวางน้อยด้วยคน  :กอด1:
ขออ่านก่อน อิอิ


ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #26 เมื่อ09-12-2016 19:35:42 »

เจาะไข่รีบน
ดีใจ นานน๊านนานถึงจะมีไข่มาให้เจาะ
คริคริ

ขอบคุณทุกคนเลย ที่แวะมาอ่านกัน ขอบคุณๆๆๆ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #27 เมื่อ09-12-2016 21:29:21 »

ติดตามๆๆๆ กวางน้อยด้วย

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #28 เมื่อ09-12-2016 22:24:04 »

เสน่ห์ของเรื่องสั้นของไจฟ์ทีอยู่ที่สร้างตัวละครได้ดูมีสเน่ห์ ชวนให้รักและเอ็นดูนะ

เรื่องเก่าๆจะเน้นที่ตัวละครตัวเล็กๆ ในสังคมจุดเล็กๆ พูดถึงองคืประกอบและบริบทแวดล้อมไม่มาก

เรื่องอาเม่ยเราไม่ได้อ่าน ข้ามมาอ่านเรื่องนี้เลย

เรื่องนี้เริ่มที่การพูดถึงโลกของตัวละครในมุมกว้าง แล้วค่อยๆซูมเข้ามาหาตัวละครที่ต้องการ ซึ่ง เราอ่านแล้วยังงงๆความสัมพันธ์ของตัวละครอยู่เลย

พออ่านไปถึงหยางหลงจะหัวใจวายตาย....น่าร๊ากกกก
การใช้คำพูด กับ ลักษณะของการกระทำของตัวละครมันมีเสน่ห์นะ เราชอบ

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #29 เมื่อ09-12-2016 22:50:35 »

ชอบตรงนี้ค่ะ "พ่อบอกว่า ตราบใดที่แม่ยังโกรธพ่ออยู่ แสดงว่าพ่อยังอยู่ในหัวใจของนาง แต่ถ้าเมินเฉยเมื่อใด ก็ค่อยหลั่งน้ำตา"

เขียนตัวจินลู่ได้น่ารักจังค่ะ แค่กิริยาการกินผลไม้ก็น่ารักแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด