ภารกิจที่ 46 : Good job [End]“ผมมาแล้วครับ” จุนพูดทันทีเมื่อเห็นคุณนิธัศพ่อของทิเบตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนั่งเล่น
“มาอีกแล้ว” เสียงถอนใจเบาๆ มาพร้อมกับคำพูดแสนปวดใจ
“โหผมรู้แล้วว่าพี่เบตเหมือนใคร เหมือนคุณลุงเปี๊ยบ” จุนยิ้มแป้นเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับคุณนิธัศ ไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัว
“เหมือนยังไงไหนว่ามา” คุณนิธัศปิดหนังสือพิมพ์ รู้ว่าขืนอ่านไปไอ้ตัวเล็กนี่ก็จะกวนเขาไม่เลิกอยู่ดี
“พูดตร๊งตรง ผมนี่หน้าหงายประจำ” ทิเบตที่ตามมานั่งใกล้ๆ หัวเราะออกมา
“มาแล้วหรือเบต” เสียงคุณทิพรดาดังเข้ามาก่อนตัว เธอเดินนำสาวใช้ที่ถือจานผลไม้เข้ามาในห้อง
“ครับแม่”
“ค้างหรือเปล่าวันนี้”
“ไมได้ค้างครับ ผมนัดเพื่อนเอาไว้ตอนเย็น”
“อย่างนั้นหรือลูก เห็นทีจะมีคนแถวนี้เซ็งแย่นั่งรอมาตั้งแต่เช้า”
“คุณก็พูดเกินไป” คุณนิธัศร้อนตัว
“คุณลุงคิดถึงผมเหรอครับ ผมไม่ไปกับพี่เบตก็ได้เดี๋ยวคืนนี้ผมค้างที่นี่”
“ใครพูดถึงเรา” คุณนิธัศไม่ยอมรับง่ายๆ
“อ้าวหมายถึงพี่เบตเหรอครับ ว้าผมนึกว่าทำคะแนนตีตื้นพี่เบตขึ้นมาได้แล้วนะ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงเบตเป็นลูกชายลุง”
“ได้สิครับ ผมน่ารักกว่าพี่เบตเป็นไหนๆ อ้อนก็เก่งคุยก็เก่ง ไม่แข็งเป็นไม้กระดานแบบพี่เบต พูดจาก็ไม่น่ารัก หวานก็ไม่เป็น”
“ไหนเราบอกว่าเบตเหมือนลุง หลอกด่าลุงอยู่เหรอ”
“อุ้ย!” จุนยกมือปิดปาก ทำตาโต
“แต่ผมก็รักพี่เบตมากนะครับ ดังนั้นแปลว่าผมก็รักคุณลุงมากเหมือนกัน”
“ฮ่าๆ พ่ออย่าไปเถียงกับไอ้ตัวจุ้นมันเลยครับ ปวดหัวเปล่าๆ”
“พ่อเราชอบเถียงกับจุนไม่รู้เหรอเบต” คุณทิพวราแกล้งทำท่าเหมือนกระซิบแต่ความจริงพูดออกมาเต็มเสียง
“คุณทิพ”
“ค่ะๆ ไม่พูดแล้ว ไปในครัวกับป้าดีกว่า วันนี้ทำขนมไว้รอเราเยอะเลย” เพราะคุณทิพวราเป็นคนไม่มีฟอร์มเมื่อเริ่มสนิทและถูกใจก็แสดงออกมาเต็มที่
“จะให้เข้าไปกวนทำไมเดี๋ยวงานการไม่เสร็จ” คุณนิธิศขัดขึ้น
“ก็ได้ค่ะ จุนอยู่นี่นะเดี๋ยวป้าให้คนยกขนมมาให้กินรองท้อง”
“ครับคุณป้า”
“สงสัยพ่อเราจะโมโหหิว” คุณทิพรดาหันไปพูดกับลูกชาย แกล้งทำเป็นรู้ไม่ทันอีกฝ่าย
“ว่าแต่เบตจะออกไปกี่โมงลูก แม่ได้เมล่อนมาจากคุณกรน่าทานเชียว เดี๋ยวจะให้เด็กปอกใส่กล่องไปให้
“ไม่เป็นไรครับแม่ สิงห์ชวนทานข้าวกว่าจะได้กลับเอาไปเข้าตู้เย็นคงดึกมาก”
“เสียดาย” จุนอดเสียดายของโปรดไม่ได้
“แม่ว่าไม่เป็นไร อยู่โดยไม่แช่ตู้เย็นได้เป็นวันๆ เอาไปเถอะ หรือถ้าเอาออกมาแล้วดูไม่น่ากินก็ค่อยทิ้ง”
“จะไปยากอะไร บ้านเราออกใหญ่โตแม่ครัวเก่งๆ ก็มี ชวนเพื่อนมาทานที่บ้านก็สิ้นเรื่องเดี๋ยวพ่อให้คนจัดที่ริมสระน้ำให้”
“พ่อเราอยากให้ค้าง” คุณทิพวราหันหลังให้สามีแอบกระซิบบอกลูกชาย
“บอกสิงห์ถ้ามาทานที่นี่เดี๋ยวพ่อยกบลูให้ขวดหนึ่ง”
“พี่สิงห์ไม่พลาดแน่เลยครับคุณลุงมาแน่นอน พี่สิงห์งกของกินพอๆ กับผมแหละ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กนินทาพี่เชื้อ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุงพี่เชื้อก็นินทาผมบ๊อยบ่อย หายกัน”
“ฮ่าๆ เรามันล้นจริงๆ”
“แบบนี้ไงแม่ถึงอยากให้มาบ่อยๆ พ่อเราหัวเราะได้อารมณ์ดี สงสัยจะอายุยืนอีกนานตั้งแต่จุนมาบ้านบ่อยๆ ไม่งั้นนั่งเก๊กทั้งวัน” คุณทิพวรานินทาสามี แม้แต่เด็กในบ้านยังเห็นความเปลี่ยนแปลง
“ตามใจพ่อเขาหน่อยนะ”
“ครับแม่” ทิเบตยิ้มให้ผู้เป็นมารดา เขาดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ทิเบตไม่แปลกใจสักนิดที่จุนเอาชนะใจพ่อกับแม่ของเขาได้ ใครๆ ก็บอกว่าเขาถอดแบบมาจากพ่อ ถ้าเขาชอบตัวจุ้นมีหรือพ่อจะไม่ชอบ เพียงแค่ว่าจะเปิดใจเมื่อไหร่ก็เท่านั้น และในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ถ้ากูรู้ว่ามากินบ้านมึงแล้วจะสะดวกสบายอย่างนี้ กูไม่นัดที่ร้านให้เสียเวลา” สิงห์พออกพอใจกับอาหารคาวหวานเละเครื่องดื่มนาๆ ชนิด ในบรรยากาศสุดชิว เปิดเพลงฟังสบายๆ ริมสระน้ำ
“พี่สิงห์เห็นแก่กิน”
“ชะชะไอ้ตัวจุ้นอย่างกับเอ็งไม่เห็นแก่กิน”
“เราถึงเป็นพี่น้องกันได้ไง” จุนพูดด้วยความภาคภูมิใจ ใครๆ ก็บอกว่าเขากับสิงห์ราวกับเป็นพีน้องคลานตามกันมา
“ยิ้มอะไร” สิงห์หันไปหาเรื่องคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ ผู้ที่เหมือนเงาตามตัวสิงห์ไปทุกวัน เห็นสิงห์ที่ไหนต้องเห็นแทนที่นั่น
“จุนพูดถูก” แทนยังคงยิ้มไม่สนใจหน้าหาเรื่องของสิงห์
“เรื่องพี่น้องเหรอครับ” จุนถามนำ เขารู้หรอกน่าว่าไม่ใช่เรื่องนี้ดังนั้นต้องช่วยกันขยี้
“เรื่อง...”
“หยุดเลยปากว่างมากก็หาอะไรกิน” สิงห์จิ้มออเดิร์ฟยัดเข้าปากของแทนเพื่อให้เงียบ
“เขามีป้อนกันด้วยโว้ย หวานซะ อื้อ! พี่เบตตบปากผมทำไม” ความจริงทิเบตแค่แตะมือลงไปเบาๆ แต่คนโดนโวยวายเหมือนโดนต่อยปาก
“พูดโว้ยกับใคร” จุนเม้มปาก หันไปมองสิงห์ที่ยักคิ้วให้ตาเป็นมัน
“เมื่อกี้เขามีป้อนอาหารกันด้วยครับ หวานเหลือจะกล่าว กระผมคิดว่าเร็วๆ นี้คงมีข่าวดี พี่สิงห์จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา รอท่าให้ผู้ชายมาสู่ขอ”
“ไอ้เด็กเวร” สิงห์หยิบถั่วในจานกับแกล้มปาใส่หน้าจุนที่หลบได้อย่างหวุดหวิด
“จริงหรือเปล่าคะพี่สิงห์” โชแปงผู้ชื่นชอบความรักทุกรูปแบบตาโต แม้แต่เขียวยังหันมารอฟังคำตอบ
“ไปฟังอะไรไอ้ตัวจุ้นมัน พี่กับแทนไม่มีอะไรเป็นแค่เพื่อนกัน”
“หาใหม่เถอะพี่แทนคนนี้ท่าจะไม่รุ่ง เล่นตัวเกิน” จุนยุส่ง หมั่นไส้คนท่ามาก
“พี่ก็คิดอยู่” เสียงพูดขำๆ แต่ทำไมสิงห์ไม่ขำสักนิด เขาหันขวับไปมองหน้าคนพูด จู่ๆ ก็หงุดหงิดจนอยากกระชากคอเข้ามาถามว่าจะทำแบบนั้นจริงๆ หรือ
“มึงจะจ้องแทนทำไม ไม่ได้คิดอะไรไม่ใช่เหรอวะ” อินทรีย์ช่วยขยี้อีกคน เขาคิดว่าถึงเวลาต้องกระตุ้นเพื่อนแล้ว
“กูไม่ได้คิดแต่พวกมึงมีเวลาให้กูไหม กูก็ต้องหวงเพื่อนคนสุดท้ายไวหรือเปล่าวะ มีแฟนกันหมดกูหัวโด่อยู่คนเดียวสิวะ”
“แล้วทำไมมึงไม่มี ไหนบอกหาสาวคนไหนก็ได้ กูว่าคนอยากเป็นแฟนมึงมีเยอะแยะ กลัวเหงาก็มีสักคนสิวะ”
“กู..” สิงห์เงียบลง ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากพูดอะไร
“มึงทำไม” อินทรีย์ยังตามซ้ำ
“พักนี้มึงไม่ได้ไปเที่ยวกับสาวที่ไหนเลยนี่หว่า” อิฐเข้าร่วมวง เขาไม่ได้ยัดเยียดแทนให้เพื่อน แต่ใครดูก็รู้ว่าสิงห์เริ่มชอบแทนเข้าแล้ว ที่เขาไม่แน่ใจคือเพื่อนเขารู้ตัวหรือเปล่าหรือแค่ไม่กล้ายอมรับออกมา
“กูก็แค่เบื่อๆ ยังไม่เจอคนถูกใจ”
“มึงยังไม่เจอคนถูกใจหรือเพราะมึงอยู่กับคนที่ถูกใจอยู่แล้ว” ทิเบตไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา เขากระแทกลงไปตรงจุดเพื่อกระตุ้นให้เพื่อนรู้สึกตัว
“พวกมึงไม่มีเรื่องอื่นพูดเหรอวะ เหล้ากูกร่อยหมดเปลี่ยนเรื่องเถอะ เรื่องนี้กูจัดการของกูเอง”
“ตามใจ แต่อย่าให้ตัวเองต้องเสียใจทีหลัง กูเตือนมึงแล้วนะ” สิงห์นิ่งไปเมื่อเจอคำพูดของทิเบต เขาเหลือบตาไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นใบหน้าคมคายที่มีรอยยิ้มให้เขาเสมอ ถ้าคนๆ นี้ไปสนใจคนอื่น สิงห์ยื่นมือไปจับเข่าของแทนโดยไม่รู้ตัว
“ครับ?” แทนโน้มศีรษะเข้ามาหา สิงห์ชะงักเกรงสายตาของคนอื่นที่มองมา แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจได้ สิงห์ขยับหน้าเข้าไปใกล้ พูดเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน
“คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม”
“แน่นอนครับ” รอยยิ้มอบอุ่นทำให้สิงห์ใจชื้นขึ้น
“อย่ากังวลผมรอคุณได้เสมอ แค่นี้ก็ดีแล้ว”
“อืม” แทนถอยไปนั่งตัวตรง สิงห์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพราะอดเขินไม่ได้ โชคดีที่ไม่มีใครส่งสายตาล้อเลียนมาให้
“ผมว่าครบสี่คู่แล้วแหละ” ไอ้ตัวจุ้นไม่ล้อเลียนแต่โผงผางออกมาตามสไตล์
“แปงก็ว่าใช่ เขียวว่าไง” โชแปงไม่ยอมให้เขียวอยู่นอกวงสนทนาลากเพื่อนเข้ามาจนได้
“อย่าไปแซวพี่สิงห์เลย” เขียวเข้าใจสิงห์ดี มันไม่ง่ายหรอกที่จะยอมรับออกมาโดยเฉพาะกับสิงห์ เท่าที่เห็นเขียวคิดว่าแค่นี้ก็พัฒนาไปได้มากแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี
“แปงไม่ได้แซวสักหน่อย แปงดีใจต่างหาก ก็แปงเชียร์อยู่นี่นา” โชแปงทำปากยื่นใส่เขียวที่ทำเสียงปรามเธอ
“ระวังจะดีใจเก้อนะสิงห์มันท่ามาก” อิฐเอ็นดูหน้ายู่ๆ ของแฟน เขาจับหัวเล็กๆ โยกเล่นไปมา
“จริงเหรอคะพี่สิงห์ แปงจะเก้อเหรอ” สิงห์เงียบไปยอมตอบ เขานิ่งไปครู่ใหญ่สบตากับสายตามีความหวังของโชแปง ก่อนเบือนหน้ามาสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่หรอก”
“เย้ๆ” โชแปงชูมือหราร้องไชโยดังลั่น “ครบสี่คู่แล้ว”
“พอๆ ไม่ใช่วันนี้เข้าใจไหมสาวน้อย”
“เข้าใจค่ะ” โชแปงพยักหน้า แต่ไม่เข้าใจหรอกสำหรับเธอมันใช่แล้วแน่นอน
“ยิ้มอะไรครับ” อินทรีย์มองเขียวที่ยิ้มจนหน้าหวานหวานขึ้นอีกเป็นสิบเท่า
“ดีใจครับ ผมมีความสุข”
“พี่ก็มีความสุข”
“ผมก็มีความสุข” จุนชะโงกหน้าผ่านเขียวยิ้มแป้นให้อินทรีย์ เขานั่งติดเขียวหวานจึงได้ยินการสนทนา
“มานี่เลยจุ้นกับเขาไปทั่ว” ทิเบตดึงจุนกลับมานั่งตัวตรงเอามือพาดไหล่ไว้ไม่ให้ไปยุ่งกับใครอีก
“จุ้นอีกแล้ว คำก็จุ้นสองคำก็จุ้น” จุนบ่นอุบ มีแฟนที่ไหนเรียกแฟนเหมือนที่เขาโดนบ้างไหม ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย
“มีไหมอะ ตัวเล็ก ที่รัก ดาร์ลิ่ง เบเบ้ ตัวเองงี้”
“หึหึ ไปเอามาจากไหน”
“โหยใครๆ เขาก็เรียกกัน”
“พี่ไม่เอาด้วยหรอกนะฟังแล้วสยอง”
“แปงก็ชอบ” โชแปงยกมือสุดแขนสนับสนุนเต็มที่ ทำไมผู้ชายถึงไม่ค่อยโรแมนติก ขนาดผู้ชายอบอุ่นอย่างอิฐยังไม่เคยเรียกเธอแบบนี้สักครั้ง
“เขียวอยากให้พี่เรียกไหม”
“อย่านะครับขืนเรียกผมเดินหนีจริงๆ” คนเดียวที่สามารถพูดได้แบบไม่ติดขัดกลับได้แฟนที่ไม่ชอบฟัง
“อิจฉาเขียว” โชแปงหันไปมองหน้าอิฐแล้วสะบัดหน้างอนใส่
“อ้าวงอนพี่ซะงั้น” อิฐหัวเราะขำ ดูชอบอกชอบใจที่ถูกงอน
“ที่รักคงไม่ไหว แค่ตัวเล็กพอไหมครับตัวเล็ก” เสียงอบอุ่นอ่อนโยนทำเอาโชแปงเคลิ้ม ยิ้มเขินหน้าแดง
“พอค่ะ แปงชอบ”
“ผมล่ะ” เมื่อเพื่อนได้ตามต้องการแล้วหนึ่งคนมีหรือจุนจะยอม หันไปทวงทิเบตเหยงๆ
“ตัวจุ้น”
“ไม่เอา” จุนเม้มปากกอดอก จ้องหน้าราวกับว่าถ้าไม่ได้ดั่งใจจะกระโดดงับคออีกฝ่าย
“ไม่ชอบเหรอ งั้นไอ้ตัวแสบ”
“ฟังแล้วมันน่ารักเหรอ” จุนถามประชด
“น่ารัก” จุนมองรอยยิ้มที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนของทิเบต สายตาที่มองมาละมุนละไมจนจุนค่อยๆ คลี่ยิ้มตาม
“น่ารักสำหรับพี่”
“ก็ได้ ไอ้ตัวแสบก็ได้หรือจะไอ้ตัวจุ้นก็ได้ตามใจ” เจอสายตาแบบนี้รอยยิ้มแบบนี้เข้าไปใครทนได้จุนให้ต่อย มีอะไรยกให้หมดอยากเรียกอะไรยอมทั้งนั้น
“เด็กดี” มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวเขา จุนแอบคิดในใจคำนี้ก็ได้น่ารักดี
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ยังไม่ง่วงเหรอ” ทิเบตถามเมื่อจุนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ทิเบตเพิ่งกลับมาจากห้องของพ่อ เขาถูกเรียกไปพูดคุยเรื่องอนาคต และดูเหมือนว่าจะมีชื่อของไอ้ตัวจุ้นโผล่เข้ามาเรื่อยๆ ในแผนการที่วางไว้ของพ่อ
“ยังครับรอพี่เบตก่อน คุณลุงเรียกไปคุยเรื่องเรียนเหรอครับ”
“อืม” ทิเบตขึ้นไปนั่งบนเตียงสอดขาเข้าไปใต้ผ้าห่มพิงศีรษะกับพนัก จุนรู้หน้าที่ดีรีบขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ เอาหัวพิงไหล่ของทิเบต
“คุณลุงว่าไงบ้างครับ”
“คุยเรื่องที่จะส่งพี่ไปเรียนต่อเมืองนอก”
“เร็วๆ นี้สินะครับ” จุนหงอยลงทันตา เขากลัวว่าทิเบตจะไปเจอใครอื่น แต่ก็ต้องทำใจให้เข้มแข็งไว้
“ใช่”
“พี่เบตจะทิ้งผมหรือเปล่า”
“ไอ้เด็กบ๊องคิดแต่ละอย่าง” ทิเบตดีดหน้าผากจุน
“ก็ที่โน่นต้องมีแหม่มสวยๆ เยอะแน่เลย”
“พี่ว่าคนที่จะมองแหม่มน่าจะเป็นเรามากกว่าพี่นะ”
“ผมจะไปมองแหม่มที่ไหนเล่า”
“ที่เมืองนอกไง”
“ที่ไหนนะครับ” จุนตาลุกวาวก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้
“ผมไปไม่ได้หรอกครับถึงพี่เบตจะชวนก็เถอะ แม่ผมส่งไม่ไหวแน่”
“แล้วใครจะให้แม่เราส่ง พ่อพี่ออกปากแล้วว่าจะส่งจุนไปเรียนต่อพร้อมกับพี่”
“อะ..อะไรนะครับ” จุนตื่นเต้นจนลุกขึ้นนั่งตัวตรงหันไปมองหน้าทิเบต ทำหน้าไม่เชื่อหู
“พ่อเรียกพี่ไปคุย บอกว่าพอจบแล้วให้พี่ไปฝึกงานที่บริษัทหาประสบการณ์จริงสักปี พอจุนเรียนจบก็ค่อยไปเรียนต่อพร้อมกัน”
“คุณลุง..คุณลุงพูดแบบนั้นเหรอครับ”
“ใช่”
“ไม่ได้หรอกครับผมเกรงใจ”
“แปลกไหมที่พ่อพี่คิดว่าจุนจะพูดแบบนี้”
“คุณลุงรู้หรือครับ”
“ใช่ พ่อให้พี่มาบอกว่าไหนใครเคยบอกพ่อว่าจะทำตามที่พ่อพี่พูดเพื่อพิสูจน์ว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างพี่ นี่คือบททดสอบที่พ่อพี่ให้ จุนต้องไปเรียนต่อพร้อมพี่ที่เมืองนอก พ่อพี่จะเป็นคนดูค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง ถ้าไม่ยอมรับแปลว่าไม่อยากอยู่ข้างพี่จริงอย่างที่พูด”
“คุณลุง” จุนน้ำตาคลอ ในที่สุดเขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะใจพ่อของทิเบตได้แล้ว เขาสอบผ่านพอที่จะยืนเคียงข้างทิเบตได้แล้ว
“ว่าไงครับอยากอยู่ข้างพี่ไหม”
“อยากครับ อยากที่สุด” จุนโผเข้ากอดทิเบต ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ไม่สนว่าผู้ชายควรอดกลั้น เขาดีใจเกินกว่าจะหยุดน้ำตาเอาไว้ได้
“มีอีกเรื่องที่พ่อพี่ฝากมา”
“อะไรครับ”
“พ่อฝากมาบอกว่าต่อไปให้เลิกเรียกคุณลุงได้แล้ว ให้เรียกกว่าพ่อกับแม่เหมือนพี่”
“คุณลุง”
“ผิดครับ เรียกใหม่”
“คุณ..คุณพ่อ”
“เก่งมาก ต่อไปจุนคือลูกอีกคนของพ่อแม่พี่ พี่ก็จะเป็นลูกอีกคนของพ่อแม่จุนเช่นกัน เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันตกลงไหมครับ”
“ตกลงครับ”
“พี่รักจุนนะ”
“ผมก็รักพี่เบตครับ” ทิเบตกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเล็ก ก่อนเกลี่ยริมฝีปากไล้น้ำตาออกให้
“หัวเราะอะไรครับ” ทิเบตอดสงสัยไม่ได้เมื่อคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ผมกับเขียวคิดแผนการไว้ว่าเราจะแย่งผู้หญิงของกลุ่มซุปตาร์”
“เล่าต่อสิ”
“ผมเล็งพี่เบตไว้ เพราะคิดว่าผู้ชายอย่างพี่เบตคงไม่สนใจถ้าผู้หญิงจะหายไปคนสองคน ใครจะนึกว่าตอนนี้ผมมานอนกอดกับพี่เบตเสียเอง”
“แล้วมันดีไหมครับ”
“อยากรู้จริงเหรอครับ” ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที มันวาววับต้องกับแสงไฟ
“พี่อยากรู้”
“ดีที่สุดในชีวิตผมเลย” จุนพลิกตัวขึ้น ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหู ก่อนเป็นฝ่ายคร่อมร่างของทิเบตเอาไว้ ประกบริมฝีปากบดเบียดเข้ากับริมฝีปากหนา เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่ามันดีแค่ไหน
“ดีไหมครับ” จุนถามคลอเคลียชิดริมฝีปาก แต่ดูเหมือนว่าทิเบตไม่อยากพูดให้เสียเวลา ร่างเล็กของเขาถูกพลิกให้นอนหงายก่อนร่างสูงจะตามลงมาตระกองกอด
จุนชักลืมเลือนว่าเขาอยากพูดอะไรต่อ อะไรสักอย่างเกี่ยวกับภารกิจของเขาที่อยากเล่าให้ทิเบตฟัง อะไรนะ? จุนพยายามนึกให้ออก
ใช่แล้ว! แม้ว่าภารกิจจะลงเอยไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ แต่สุดท้ายวาเลนไทน์ปีนี้เขาจะมีคู่ไปดูหนังแน่นอน บอกแล้วว่าจุนซะอย่างทำได้อย่างที่พูดอยู่แล้ว นายทำดีมากจุน Good job!!
✪✣✤✥✦✧✣✤ END ✥✦✧✣✤✥✦✪
ตัวจุ้นจบลงแล้ว ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะที่ติดตามกันมาตลอด ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกการอ่านที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนจบ ฝากติดตามเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆ ค่า ^^ สถานีต่อไป >>
➴➴ กามเทพคูณสอง ♥ [ On Air]《《 Beside ใกล้.ชิด.รัก 》》 [ On Air] Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin