ตอนที่ 42 ** ตอนนี้สองคู่นะคะ ใครไม่อ่านตอนลินข้ามลงไปด้านล่างได้เลย ^^
-ซัน-
“ลินเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมเรียกคนที่นอนหลับตาอยู่ข้างๆ อาการของลินดูแปลกๆ คล้ายคนเมา
แต่ระดับลินต้องให้ผมกับวีร์ล้มเสียก่อนถึงจะล้มลินได้ นี่ผมยังแทบไม่รู้สึกอะไรทำไมลินถึงออกอาการ
“หือ?” ลินปรือตาขึนมามอง ผมกระพริบไฟเข้าจอดข้างทางจากบ้านของวีร์กลับไปคอนโดลิน
“เป็นอะไร” ผมเอามือลูบหน้าผากลินที่มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมา
“เปล่านี่” ลินสั่นหน้าปฏิเสธแต่ดูเหมือนกำลังมึนงง
“ไปหาหมอไหม ให้ดูอาการเสียหน่อยลินดูไม่ปกติ”
“อย่ายุ่งน่า ลินอยากพัก รีบๆ ขับเถอะ”
“อืม” ผมยังอดมองคนที่เอาแต่คู้ตัวนอนกับเบาะไม่ได้ รู้สึกเป็นห่วงบอกไม่ถูก
ตั้งแต่ผมรู้ตัวว่าชอบลิน ผมพยายามแสดงออก แต่เพราะอยู่ด้วยกันมาตลอด ทำอะไรไปมันดูไม่แตกต่างเลยในสายตาลิน
จนบางทีผมก็กลุ้ม อยากลุกขึ้นมาทำตัวโหดเหมือนวีร์บ้างก็จนใจ มันไม่ใช่นิสัยของผม
ยิ่งช่วงนี้วิการุกผมหนักมาก มาหาที่ออฟฟิศแทบจะวันเว้นวัน ดีที่ไม่โผล่หน้าไปที่ร้าน คงเพราะเหตุการณ์ในวันนั้น
วิกาจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะกับวีร์
ข้อดีของเรื่องนี้มีอยู่อย่างเดียว คือผมพบว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับวิกาอีกแล้ว นอกจากความห่วงใย ยังเป็นห่วงในฐานะคนที่
เคยคบกันมา ไม่อยากให้ตกต่ำลงไปกว่านี้ เหมือนยิ่งตกวิกายิ่งกระเสือกกระสน ไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้หมดค่า
และตกลงไปเร็วยิ่งขึ้น
งานนี้ต้องขอบคุณปั้นที่ทำให้ผมรู้ใจตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าแค่ลินเปิดใจให้ใครคนอื่นก้าวเข้ามา ผมก็แทบจะลงไปแดดิ้น
เหมือนของที่เป็นของเรากำลังจะหลุดลอยไป สายตาของลินที่เปลี่ยนจากผมไปมองคนอื่น ฝีเท้าที่ก้าวห่างผมออกไปเรื่อยๆ
ไม่ได้เดินอยู่เคียงข้างกันอีกแล้ว เจ็บจนต้องเอามือขยุ้มหน้าอกตัวเองเอาไว้
ผมคิดว่าผมไม่มีทางสู้ปั้นได้ ไม่ว่าจะด้วยบุคลิก ความโดดเด่น ปั้นมีทุกอย่างที่ผู้ชายอิจฉา โชคดีที่ปั้นหลีกทางให้ผม
โชคดีที่ผมยังมีโอกาสอีกครั้งก่อนที่มันจะหลุดลอยไป ผมบอกตัวเองว่าต้องจับเอาไว้ให้มั่น มันรู้สึกได้จริงๆ ว่าถ้าครั้งนี้
ผมปล่อยลินหลุดมือไป ผมจะไม่ได้ลินกลับคืนมาอีกเลย
“ลินถึงแล้ว” ผมเขย่าแขนคนที่นอนหลับตานิ่ง ลินปรือตาขึ้นมามองหน้าผม กระพริบตาสองสามทีถึงเข้าใจสิ่งที่ผมพูด
“อืม” ลินขยับตัวลุกขึ้นนั่งปลดเข็มขัดออก หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่
“ขอบใจนะ ขับรถกลับดีๆ”
“เดี๋ยวเราขึ้นไปส่ง” ผมดับเครื่องยนต์ ก้าวลงไปช่วยพยุงลินไม่สนใจเสียงปฏิเสธ
ลินดูเหมือนไม่ค่อยมีแรง หน้าขึ้นสีแดงเรื่อราวกับมีไข้
“ไม่สบายหรือเปล่าลิน เชื่อเราไปหาหมอกันเถอะ” ผมรั้งตัวลินเอาไว้ แต่อีกฝ่ายพยายามสะบัด
“พักแป๊บเดียวก็หาย สงสัยเมื่อคืนลินไม่ค่อยได้นอน นั่งตรวจบัญชีร้านที่ส่งมาจากภูเก็ต วันนี้ดื่มเข้าไปอีกเลยมึนๆ”
“ทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเอง” ผมอยากจะดุมากกว่านี้ ไม่รู้จักห่วงตัวเองบ้างเลย ดื้อกว่าริวก็ลินนี่แหล่ะ
“อย่าบ่นน่าปวดหัว” ผมรีบขยับตัวเข้าไปชิด เอื้อมมือไปแตะหน้าผากคนที่ยืนด้านหน้า ตัวก็ไม่ร้อน
“อื้อ” อยู่ๆ ลินก็ครางขึ้นมา
“เป็นอะไรลิน” ผมรีบดึงลินมายืนพิงอกเอาไว้ กลัวจะล้มลงไป ไม่รู้จริงๆ ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร
“ถอยไป” ลินพูดเสียงแหบพร่า ลมหายใจผมเป่ารดที่ซอกคอ ลินสะดุ้งรู้สึกได้ว่าตัวลินกำลังสั่น
“นี่มันดูไม่ดีเลยนะลิน ถ้าไม่ไปหาหมอก็ต้องรีบขึ้นไปพัก” ผมตัดสินใจช้อนตัวลินขึ้นอุ้มเดินตรงไปที่ลิฟท์
ลินย้ายมาอยู่คอนโดนี้ได้สองเดือนแล้วเพราะใกล้ร้านมากกว่า ผมแวะมาหาบ้างแต่ไม่บ่อย หลังๆ ลินไม่ค่อยชวนผม
“ปล่อย ลินเดินเองได้”
“ไม่ได้ อย่ามาเถียง ลินสั่นไปทั้งตัวแล้วไม่เห็นเหรอ” ผมกระชับมือให้แน่นขึ้น กลัวลินสะบัดจนหล่น
“ถ้าซันไม่จับมันก็ไม่สั่นหรอก” เสียงพูดเบาๆ ทำให้ผมต้องก้มหน้าลงไปใกล้ๆ
“ลินว่าอะไรนะ”
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวถึงห้องแล้วซันกลับได้เลยนะ”
ผมรู้สึกใจหล่นทุกครั้งที่ลินไล่ เดี๋ยวนี้ไม่เคยไปไหนกับผมถ้าไม่ขอตามไปด้วย ไม่เคยชวนทานข้าว ไม่โทรศัพท์มาบ่นโน้นบ่นนี้
โทรมาทีไม่ธุระเรื่องงานก็เรื่องที่วีร์ฝากมาบอกผม เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าผมรู้สึกได้ว่าคราวนี้ลินกำลังไปจากผมจริงๆ
ผมอุ้มลินไว้ให้ไขกุญแจห้อง พาร่างบางที่บางกว่าที่ผมเคยคิดเดินเข้าไปในห้องนอน วางลงบนเตียงกว้าง
“ตู้ยาอยู่ไหน”
“ในห้องครัว”
“นอนพักไปก่อนเดี๋ยวมา” ผมจัดการเปิดแอร์ ดูให้อุณภูมิไม่เย็นเกินไป ก่อนเดินเข้าไปในห้องครัว
ผมหยิบยาพารา เทน้ำใส่แก้ว จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่ผมถูกวิกาทิ้ง ผมจำแทบไม่ได้ว่าเป็นวันอะไร เวลาเท่าไหร่
รู้แต่ว่าตื่น ดื่ม เมา หลับ วนเวียนอยู่แค่นั้น บริษัทไม่ไป โทรศัพท์ไม่รับ จนลินมาเคาะประตูถึงห้อง
ผมทำเพียงแค่ตะโกนบอกให้ลินกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเรียก ลินยังอดทนรออยู่หน้าห้อง เสียงเคาะประตูยังดังเป็นระยะ
ไม่เคาะถี่จนรำคาญแค่ให้รู้ว่าเจ้าตัวยังอยู่ เวลาน่าจะผ่านไปราวชั่วโมงหรือสองชั่วโมง
เมื่อแน่ใจว่าเพื่อนไม่ยอมกลับไปแน่ๆ ผมจึงเปิดประตูออกไปเพื่อไล่ลินให้กลับบ้าน
ลินไม่ฟังที่ผมพูด เดินดุ่มๆ เข้ามาในห้อง มองไปรอบๆ ก่อนลงมือจัดการเก็บกวาดไปเงียบๆ
ลินไม่ปลอบใจเรียกว่าไม่พูดอะไรเลยดีกว่า ผมมองลินเก็บเสื้อผ้าไปซัก ล้างจาน เก็บขวดเบียร์ขวดเหล้าที่วางเกลื่อนกลาด
(ผมจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกวัน แต่ตั้งแต่วันที่เลิกกับวิกาผมก็ไม่เคยเปิดประตูให้เข้ามา)
เมื่อลินไม่วุ่นวายกับผม ผมจึงกลับมาจมอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ลินไม่ได้เข้ามาห้ามให้ดื่ม ไม่ด่าไม่โวยวาย
แต่ก็ไม่ยอมกลับไป ถึงเวลาก็ทำอาหารมาวางไว้ให้ ผมไม่กินก็จะมานั่งข้างๆ ให้รำคาญ จนผมต้องตักๆ เพื่อให้ลินเลิกยุ่ง
ชีวิตแต่ละวันวนเวียนไปแบบนี้ ลินจะกลับไปเมื่อผมยอมทานข้าวเย็นแล้ว และจะกลับมาใหม่ก่อนอาหารเที่ยง
ผมยอมเปิดประตูให้เข้ามาแต่โดยดี เพราะรู้ว่าถ้าไม่ให้เข้าก็คงยืนรออยู่อย่างนั้น
วันหลังๆ ลินเริ่มเอางานมานั่งทำ พองานเสร็จ ก็เปิดหนังนั่งดูไปเงียบๆ จากที่ผมได้ยินแค่เสียงแต่ไม่เข้าหัว
ผ่านไปจนถึงวันที่เริ่มหันไปมองว่าเรื่องอะไร จนถึงวันที่เริ่มเป็นคนบอกว่าหิว เริ่มอาบน้ำโดยไม่ต้องให้ลินไล่
เริ่มไม่ดื่มเหล้าจนเมามาย นอนหลับสนิทดี
และในวันที่ผมบอกว่าเป็นห่วงงานที่บริษัทจะเข้าไปดูในวันพรุ่งนี้ ลินแค่ยิ้มให้ เข้ามากอดผม ตบบ่าเบาๆ
และพูดว่า “ควายก็ไม่ได้โง่นี่” หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
“ลิน ทานย..” ผมยืนชะงัก ลินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เสื้อคลุมถูกถอดออก เหลือเพียงสายเดี่ยวตัวใน
ตาที่มองมาสะกดผมให้ยืนนิ่ง มันดูเย้ายวนและเชิญชวนอยู่ในที
ผมไม่เคยมองว่าลินสวยมาก่อน คงเพราะนิสัย ความแมนเกินหญิง และปากที่ต้องยอมรับว่าร้ายเหลือ
ตอนที่รู้ตัวว่าชอบลิน ผมมั่นใจว่ามันเป็นความผูกพันเป็นความรักที่มาจากความรู้สึก ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก
แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงใจสั่นไปหมด จู่ๆ ก็มองว่าลินสวย หน้าเรียวเล็ก คอระหง ไหล่กลมมน
ผมไล่สายตาลงไปเรื่อยๆ เผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“ปรับแอร์ให้หน่อย ร้อน” ลินยกมือขึ้นลูบเหงื่อที่คอ ผมใจสั่นเหมือนโดนใครมาเขย่า
ลนลานหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับ เกือบทำหลุดมือ
“ยา” ผมยื่นยาและแก้วน้ำให้ ลินรับไปหย่อนลงคอ ดื่มน้ำเสร็จก็ส่งคืนให้ผม
“ขอบใจ ซันกลับเลยก็ได้นะ ลินโอเคแล้ว”
“ลินนอนไปเถอะ เรารอดูอาการอีกหน่อย ลินหลับแล้วเดี๋ยวเรากลับเอง”
“ลินอยากอาบน้ำ” ลินลุกขึ้นนั่ง ผิวขาวๆ ขึ้นสีแดงเรื่อๆ ผมไม่แน่ใจว่าลินไหวหรือเปล่าเลยรีบเข้าไปประคอง
“อื้อ” ลินร้องออกมาเมื่อผมเอื้อมมือไปจับ หน้าลินแดงยิ่งขึ้น
“อย่าอาบเลย เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้”
“ไม่ อาบดีกว่าลินอยากอาบ”
“ดื้อจริง อาการยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป เราเป็นห่วงรู้บ้างไหม” ผมบ่น นึกอยากจะตีลินขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“อย่าบ่นน่า ลินไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ไม่มีไข้ด้วย มันเหมือน...” จู่ๆ ลินก็หยุดพูด เบิกตากว้างราวกับนึกอะไรออก
“ริววว”
ผมงงที่อยู่ๆ ลินก็เรียกชื่อน้องริวขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อะไรลิน น้องริวทำไม” ลินไม่ยอมตอบเอาแต่หัวเราะจนตัวโยน
“ลิน” ผมเรียกคนที่ลงไปนอนหัวเราะกลิ้งกับเตียง ผมเริ่มเป็นห่วงมาก
“ไม่มีอะไร ลินนึกถึงคำว่าหมองูตายเพราะงูน่ะ รู้จักไหม” ผมพยักหน้า งงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ลินแนะนำบางอย่างให้ริวไป ถ้าลินเดาไม่ผิดสงสัยมันจะกลับมาเข้าตัว” ลินอธิบายเมื่อเห็นผมทำหน้าไม่เข้าใจ
แต่ถึงอธิบายมาผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรจริงๆ ลินรู้แล้วว่าเป็นอะไร ต้องทำยังไง ซันกลับไปเถอะ”
“ทำยังไงก็บอกมาสิ เราทำให้”
“บ้า!!” ลินอุทานเสียงดัง ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“ก..”
“เลิกไล่ซะที ไปเมื่อไหร่เราจะออกไปเอง” ผมชิงพูดตัดหน้าเมื่อลินทำท่าจะบอกให้ผมกลับบ้านอีกครั้ง
“แต่ซันต้องกลับไปจริงๆ มันจำเป็น” ลินทำสีหน้าจริงจัง
“จำเป็นยังไง เพราะลินไม่อยากเห็นหน้าเราอย่างนั้นหรือเปล่า”
“ซัน”
“เรารู้ว่าลินฉลาด ทำไมลินจะดูไม่ออกว่าตอนนี้เราคิดยังไงกับลิน รับไม่ได้ใช่ไหม ที่อยู่ๆ เราก็คิดไม่ซื่อกับเพื่อน
ใช่ เราชอบลิน เราอยากเป็นมากกว่าเพื่อน ถ้ารังเกียจก็บอกมา”
ผมไม่สามารถเดาสิ่งที่ลินแสดงออกเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากลินรู้แล้วว่าผมคิดอย่างไร และพยายามเอาตัวออกห่าง
“เฮ้อ” ลินถอนใจออกมายาว หันหน้ามามองผม
“นี่ไม่เคยรู้อะไรเลยใช่ไหม”
“ลินอยากให้รู้อะไรก็บอกมาเถอะ อย่าปฏิเสธเราด้วยท่าทาง เรามันพวกโง่”
“โง่จริงๆ นั่นแหล่ะ” ลินลุกขึ้นนั่ง ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น
“ชอบลินเหรอ”
“อืม” ทำไมกลายเป็นผมที่หน้าแดง มันเขินๆ
“คิดดีหรือยัง”
“ดีแล้ว”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจ”
“11 ปี รอไหวหรือเปล่า” ผมรีบคำนวณในใจถึงตอนนั้นก็สี่สิบกว่า
“ไม่ไหว” ผมรีบสั่นหน้า พยายามส่งสายตาไปอ้อน รู้สึกเหมือนมีความหวังขึ้นมานิดๆ
“เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้”
“ซัน”
ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าลินกำลังเขิน ผมเลยทำใจกล้าขยับเข้าไปนั่งจนชิด เอามือโอบเอวคางวางบนไหล่เล็ก
“ลิน ขอจีบนะ ได้ไหม”
“ลืมคุณวิกาได้แล้วเหรอ”
“ไม่ได้ลืมแต่ไม่ได้รัก รักลิน” ผมกดจูบลงไปที่ลาดไหล่เบาๆ กลิ่นตัวลินหอมชะมัด ผมคลอเคลียจมูกไปมา
“อะ..อื้อ” ลินร้องคราง ผมเงยหน้าขึ้นมอง ลินกัดปาก ตาปรือ ดูยั่วยวนจนผมอดใจไม่ไหว
ผมยื่นมือไปแตะปากลิน ดึงจนริมฝีปากล่างหลุดจากฟันที่กัดอยู่ ไล้นิ้วไปรอบๆ
“จูบได้ไหม”
“เดี๋ยวเถอะ!!”
“นะลิน”
เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ ผมค่อยๆ แตะริมฝีปากลงไปเบาๆ บดคลึงเรียวปากอย่างช้าๆ ความนุ่มหยุ่นในอ้อมกอด
ความหอมหวานที่ได้ลิ้มรส เกือบทำเอาสติผมกระเจิง ต้องรีบถอนใบหน้าออก ดึงร่างบางเข้ามากอดไว้กับอกแทน
ลินหายใจหอบเกินกว่าที่มันควรจะเป็น จนผมต้องขมวดคิ้ว
“จำไว้เลย วันนี้ลินไม่มีแรงหรอกนะถึงยอม” เสียงเฮี้ยวๆ ผิดกับท่าทางทำเอาผมขำ
“ยอมเราบ้างจะเป็นไร เรายังยอมลินทุกอย่าง”
“เหอะ จำไม่ได้สินะว่าเคยว่าอะไรลินไว้บ้าง ไม่เคยพูดดีๆ เอาแต่เข้าข้างคนอื่น” ตาแม่เสือสาวกลับมาแทนที่อีกครั้ง
“ไม่ได้ไม่เข้าข้าง แต่ลินพูดไม่ดีจริงๆ นี่ เราไม่ชอบให้ลินพูดแบบนั้น ไม่อยากให้ใครเกลียดลิน”
“ซันบอกว่าอย่างลินไม่มีใครเอาหรอก เพื่อนกันยังทนไม่ไหว” ผมสะอึกรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ลินคงเสียใจมาก
จำประโยคผมได้หมดจนถึงวันนี้
“ขอโทษ เรามันโง่เอง ลินยกโทษให้เราได้หรือเปล่า จะให้เราทำอะไรก็ได้”
“จริงนะ”
“จริง ทำให้ลินได้หมดทุกอย่าง”
“งั้น..” ผมรีบเอามือแตะที่ปากของลิน พอแตะแล้วชักอยากใช้อย่างอื่นแตะแทน มันนุ่มจนเผลอไล้มือไปมา
“ห้ามบอกว่าให้ไปไกลๆ เราเลิกโง่แล้ว ไม่ซื่อบื้อแล้วด้วย อย่าหวังว่าเราจะปล่อยมือ ไม่มีทาง”
“ฉลาดตายล่ะ โครตโง่เลย”
“ลินนน”
“เฮ้อ ตกลงจะไม่กลับใช่ไหม”
“ไม่กลับ”
“จะจีบใช่ไหม”
“ใช่”
“รักลินใช่ไหม”
“รักครับ”
“งั้นช่วยอะไรลินอย่าง”
“ถ้าไม่ไล่ อยากให้ทำอะไรบอกมาเลย”
“มีอะไรกับลินหน่อยสิ”
“ล..ลิ..ลิน” ผมตาเบิกโพลง พูดติดอ่าง ช็อคจนตัวแข็ง
“จะร้องทำไม เคยทำไม่ใช่เหรอ ลินไม่เคยยังพูดได้ ไม่เห็นต้องอาย”
“พ..พูดจริงเหรอลิน”
“ใครเขาพูดเล่นกันเรื่องแบบนี้ แต่บอกก่อนนะ ว่าเสร็จแล้วแล้วกัน ห้ามมาขอให้ลินรับผิดชอบ
นี่เป็นเรื่องทางร่างกาย ไม่ได้ตอบรับรัก เข้าใจไหม ต้องจีบก่อน ห้ามมาโมเม”
“ลินนนนน” ผมแทบทรุดด้วยความอ่อนใจ ดูความก๋ากั๋น พูดออกมาได้หน้าตาเฉย
“จะทำไม่ทำ” คนเก่งถามผมแต่ตาเริ่มหลบ ไหนว่าไม่อาย
ผมเอื้อมมือไปแตะชายเสื้อ ลินสะดุ้งโหยง เอามือมาจับมือผมไว้แน่น
“ไหนบอกว่าอยากทำไง” ผมได้ทีเริ่มรุกไล่คนเก่ง
“ล..ลิน จะอาบน้ำก่อน”
“เดี๋ยวก็ต้องอาบอยู่ดี อย่าเพิ่งเลย” ผมเอนตัวคร่อมลินเอาไว้ เจ้าตัวถอยกรูด
“มันเหม็น”
“หอม” ผมจรดจมูกลงไปบนหน้าผากเนียน มองผู้หญิงตรงหน้าราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน
ทำไมถึงสวยแบบนี้ ทำไมน่ากอดแบบนี้ นี่ลินจริงหรือเปล่า
“สวย” ผมพูดราวกับละเมอ
“เหอะ” ปากเรียวบางยื่นออกมา ผมเลยขโมยจูบลงไปอีกที ก่อนกัดปากยื่นๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“พูดจริงใช่ไหม”
“ไม่..ไม่จริง ลินพูดเล่น” ผมมองด้วยความเอ็นดู ไม่เคยเห็นคนเก่งทำอะไรไม่ถูกแบบนี้
ลินที่แสนจะเยือกเย็นหายไป เหลือแต่แมวเฮี้ยวๆ ที่เอาแต่ขู่
“แต่เราเอาจริงนะ” ผมแกล้งล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อสายเดี่ยว ลินถึงกับร้องเสียงหลง
น่ารัก
ใครจะคิดว่าสักวันนึงผมจะได้ใช้คำนี้กับลิน ผู้หญิงแข็งๆ เพื่อนที่ยืนเคียงข้างกันมาเสมอ
ผมค้นพบอีกมุมของลิน มุมที่เชื่อว่านอกจากผมแล้วไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
ลินที่กำลังเขินอาย นอนม้วนตัวแก้มแดง ปากเผยอ สายตาเหมือนแมวขี้ตื่น
“ไหนใครบอกไม่ต้องอาย แล้วที่แก้มแดงอยู่นี่คืออะไร” ผมเอานิ้วจิ้มแก้มแดงอมชมพู
“พูดมาก” คนเก่งเมื่อไม่มีทางไป เลือกใช้วิธีดั้งเดิมคือว่าผม แต่คราวนี้ผมไม่หลงกลหรอก บอกแล้วว่าผมฉลาดขึ้น
“ไม่อยากให้พูดมาก งั้นมาทำอย่างอื่นกัน”
ผมพลิกตัวลินนอนหงาย ตามลงไปทาบทับ ปากประกบปาก
อืม..ทำอย่างนี้มันดีกว่าเป็นไหนๆ
ผมไม่คิดจะรังแกลินตามที่เจ้าตัวทำเก่งหรอกครับ แค่ขอความชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะมากกว่านั้นไปนิดหน่อย
ผมยังต้องแสดงให้ลินเห็นว่าผมจริงใจ ผมคิดได้แล้ว ผมเปลี่ยนไปแล้ว และผมรักลินจริงๆ
มันอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่ผมจะสู้เพื่อให้ได้ลินมา
สิบเอ็ดปีที่ลินพูดถึง ถ้าจำเป็นต้องรอผมก็จะทำ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ นานแค่ไหนผมก็รอได้
ถ้าลินเป็นแมวผมก็เหมือนหมา ผมซื่อสัตย์ ผมรักจริง ผมจะเป็นของลินเสมอจนกว่าลินจะไม่ต้องการ
ตราบใดที่ยังมีลินอยู่ข้างๆ แค่นี้ก็พอแล้ว
...................................................................................................
-สิทธวีร์-
ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่นอกห้องน้ำ ผมลองตะโกนเรียกปุ่นแต่ไม่มีเสียงตอบ
ผมล้างตัวพันผ้าขนหนูลวกๆ แล้วรีบเดินออกไปดู
ปุ่นนั่งอยู่บนเตียง เสื้อผ้าไม่มีติดตัว มือเล็กกลมกำลังทำอะไรบางอย่างกับส่วนกลางของลำตัว
“ปุ่น” ผมเรียกตัวอ้วนเสียงหลง ไม่เคยเห็นปุ่นช่วยตัวเองมาก่อน
มันเป็นภาพที่ทั้งน่ารัก ทั้งยั่วยวน ตัวขาวๆ น่าฟัด นั่งทำตาเยิ้ม มือก็ขยับไปมา เอวส่ายร่อน
น้องชายผมตื่นจนรู้สึกปวดร้าวไปทั่งช่องท้อง
“คุณวีร์” เสียงแตกพร่า เชิญชวนยิ่งกว่าคำพูดใดๆ
“ฮึก ผม..อยาก..ฮึก..อยาก..”
ผมสะบัดผ้าขนหนูออกจากตัว เดินอย่างยากลำบากเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“อยากอะไรครับตัวอ้วน”
ผมข่มความรู้สึกเอาไว้ อยากแกล้งตัวอ้วนมัน
ปุ่นมองลูกชายผมตาเยิ้ม ลิ้นเล็กๆ แลบออกมาเลียริมฝีปาก ผมถึงกับตาพร่า ใครใช้ให้มันน่ารักขนาดนี้
“ไม่บอกไม่ได้กินนะตัวอ้วน” ผมขู่ปุ่น แกลังขยับตัวออกห่าง
ปุ่นทำหน้ายู่ท่าทางขัดใจ คลานเข้ามาหาผม ผมก็ยิ่งถอยจนจะถึงปลายเตียง
ไม่อยากบอกว่าท่าคลานปุ่นมันสุดยอดแค่ไหน ก็เล่นเปลือยทั้งตัวแบบนี้ ดีนะเลือดกำเดาผมไม่ไหล
ปุ่นหยุดนิ่ง มองมาทางผมทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ผมต้องบอกตัวเองว่าให้ใจแข็งเข้าไว้
ปุ่นเปลี่ยนจากมองผมไปมองที่โซฟาริมหน้าต่าง ก่อนก้าวลงไปจากเตียง ผมมองตามไม่แน่ใจว่าปุ่นจะทำอะไร
ตัวอ้วนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนอกจากเวลาเมา ซึ่งก็ไม่ขี้ยั่วขนาดนี้ อย่างมากก็แค่แก้ผ้า นอนไม่ระวังตัว
ผมพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น ปุ่นไม่ได้ดื่มเข้าไปมาก น่าจะสองแก้วกับอีกนิดนึง แก้วนึงผมเป็นคนส่งให้ อีกแก้วปั้นส่งให้
ส่วนอีกนิดมาจากแก้วลินที่แบ่งให้ ไวน์ตัวนี้ปุ่นไม่ได้แพ้ เคยทานมาแล้วมากกว่านี้ด้วย ผมยังหาสาเหตุไม่เจอ
แต่ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้ก็ดีผมชอบ
ผมมัวแต่คิดอะไรเพลิน โฟกัสที่ปุ่นอีกทีถึงกับตะลึง ตัวอ้วนมันเดินไปหยิบเนคไทผมที่วางพาดไว้มาผูกที่คอ
นึกภาพตัวขาวๆ กลมๆ มีเนคไททาบกลางลำตัว ยาวลงมาจนเกือบถึงหนอนน้อย
ปุ่นเดินกลับมาที่เตียง นั่งชันเข่า แยกขาออก หันหน้ามามองผม หยิบปลายเนคไทเข้าใส่ปาก
ใครสอนตัวอ้วนมันทำแบบนี้ ผมจะบ้าตาย ในท้องมวนไปหมด ลูกชายขยายเต็มขนาดโดยไม่ต้องถูกปลุกเร้าหรือแตะต้อง
ปุ่นใช้มือจับลงไปบนหนอนน้อยของตัวเองอีกครั้ง ค่อยๆ ขยับขึ้นลง ตาก็มองมาที่ผม
“มากกว่านี้สิ แล้วพี่จะช่วย”
ผมขยับเข้าไปใกล้ปุ่นอีกนิด แต่รักษาระยะห่างไม่ให้แขนปุ่นเอื้อมมาถึง ก็ภาพอย่างนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ อึดอัดแค่ไหนก็ต้องทน
“อื้อ..คุณวีร์..แกล้งผม”
“หึๆ พี่ไม่ได้แกล้ง ถ้าอยากก็ต้องฟังพี่”
“อื้อ”
ปุ่นยกมือขึ้นจับลงบนเม็ดเล็กๆสีชมพูบนหน้าอก ตัวอ้วนบีบบี้มือไปมา
“อะ..อ้า..อ้า..” เสียงครางของปุ่น ปลุกอารมณ์ผมจนเกือบจะหมดความอดทน
มือเล็กๆ เร่งความเร็วทั้งข้างบนข้างล่าง ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ รู้สึกว่าใกล้แค่ไหนก็ยังชัดไม่พอ
“อ้า...” ปุ่นร้องดังลั่น ก่อนน้ำสีขาวขุ่นจะพุ่งออกมา ปุ่นกระตุกสองสามครั้ง ก่อนทรุดตัวลงนอนกับเตียง
“ตัวอ้วน” ผมก้มลงไปกระซิบชิดหู ร่างกลมที่นอนซบลงไปกับหมอน
ลิ้นเลียไล้ไปทั่วติ่งหู กัดเม้มลงไปเบาๆ
“อืมม” เสียงเล็กๆ ครางออกมา
ผมพลิกตัวปุ่นให้นอนหงาย ตากลมโตตอนนี้ปิดสนิท หลับตาพริ้ม หน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ปุ่น”
“ตัวอ้วน”
ผมเขย่าแขนปุ่นเบาๆ เสียงครางยังดังให้ได้ยิน แต่ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาขึ้นมา
“ปุ่น”
“อืมม” ตัวอ้วนขยับพลิกกลับไปนอนตะแคง มือดึงหมอนผมไปกอดไว้กับอกก่อนซบหน้ากลมๆ ลงไป
“ปุ่นอย่าแกล้งพี่ครับ ตื่นเร็ว”
“แจ๊บ แจ๊บ” นี่คือเสียงที่ผมได้เป็นการตอบรับ
“ปุ่นนน”
ไม่มีอะไรตอบรับผมอีกเลย ปุ่นนิ่งไปแล้ว นิ่งจริงๆ ผมเขย่าเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
ผมก้มลงมองลูกชายตัวเองที่ยังผงกหัวเรียกร้อง เวรเอ๊ยไม่น่าท่ามากเลยไอ้วีร์ อด หมดกัน
ผมนั่งมองร่างกลมที่คงหลับลึกไปแล้ว เสียงหายใจสม่ำเสมอ ผมยกมือตัวเองขึ้นมอง
อยากให้ปุ่นทำให้ดูดีนัก ตอนนี้เลยต้องทำเองแถมไม่มีคนดูอีกต่างหาก
โว้ย เซ็ง
ผมก้าวขาเดินด้วยความลำบากไปเข้าห้องน้ำ
ปล่อยให้นิ้วทั้งห้าทำกายภาพบำบัดลูกชายที่ร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหลับยอมนอน
โดน โดนแน่ไอ้หมูอ้วน ตื่นเมื่อไหร่จัดหนักเมื่อนั้น
ผมคาดโทษคนที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง
แล้วนี่เมื่อไหร่ผมถึงจะได้นอน
โว้ยยยยย ไอ้หมูอ้วน แสบนัก!!
.............................................TBC..........................................................
Darin ♥ FANPAGE