ตอนที่ 7 : ธาม&มีน 1–มีน -ผมพาไอ้ปีมาเดินเล่นที่ห้างใกล้ๆ มหา’ลัย เผื่อจะเรียกวิญญาณมันกลับเข้าร่างได้ วันนี้ยอมโดดเรียนหนึ่งวันครับ ตั้งแต่เมื่อคืน
ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าเช้าวันนี้ไอ้ปีก็แทบไม่มีสติ ถามมันมันก็เล่าให้ฟัง ผมก็อยากช่วยในฐานะเกย์รุ่นพี่ที่รู้ตัวว่าเป็นก่อนมัน แต่แฟน
สักคนผมยังไม่เคยมี ดีแต่เห่าไปวันๆ เลยไม่รู้จะช่วยมันอย่างไร ได้แต่บอกไปว่า
“พี่เขาชิน ไม่ได้คิดไรหรอกมึง เด็กหัวนอกก็แบบนี้" ผมถือคติอะไรที่ยังไม่แน่ใจอย่าเพิ่งให้ความหวัง แต่ถามว่าจริงๆ ผมสงสัย
ไหมจะเหลือเหรอครับ ผมก็งงกับพี่คินพอๆ กับไอ้ปีนั่นแหละ
เดินๆ กันอยู่ดันโลกกลมไปเจอกับไอ้พี่ธาม โลกตั้งกว้างเสือกมาเดินห้างเดียวกับผมทำไมวะ (ได้ข่าวว่าห้างนี้ใกล้มหา’ลัยที่สุด
แล้วไอ้พี่ธามก็เรียนที่เดียวกับพวกผมด้วย)
“ปี” นั่นไง ผมอุตส่าห์ทำเป็นไม่เห็น หมาเห่ามาแต่ไกล ผมดึงมือไอ้ปีหวังจะพาเดินหนีแต่ไม่ทัน
“มีน” เออดียังเห็นหัวผม แต่ขอโทษผมไม่เห็นหัวพี่หรอก
“ปีกลับเหอะกูเบื่อแล้ว” ไอ้ปียกมือโบกทักพี่ธาม ก่อนหันมาทำหน้างงๆ ใส่ผม จะไม่ให้มันงงได้อย่างไรครับพวกผมเพิ่งมาถึงเมื่อ
ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
“มีนเบื่อก็กลับก่อนได้ ปีเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่ก่อนสิ” อ้าวผมแทบอยากควักลูกตาพราวๆ ของไอ้พี่ธามออกมา
“ไอ้ปีมันชอบพี่คินไม่ได้ชอบตัวผู้” ผมพูดลอยๆ ใครอยากฟังก็ฟัง
“เดี๋ยวก็ชอบพี่” เฮ้ย!หน้าด้านว่ะ
“ชอบตัวผู้อย่างผมยังไม่ชอบพี่เลย แล้วอย่างไอ้ปีมันจะชอบได้ไง” ผมอยากด่าให้แรงกว่านี้แต่เกรงใจว่าอยู่ในห้าง
“ลองดูกันไหมว่าปีจะชอบหรือเปล่า” ไอ้พี่ธามก้มตัวยื่นหน้ามาใกล้หน้าผม ผมยกมือผลักหน้าผากออก อย่าคิดว่าผมจะเพ้อกับอี
แค่หน้าหล่อๆ ผมได้ยินกิตติศัพท์มาเยอะ
“ก็ลองดูสิพี่ถ้าพี่มีโอกาสนะ ผมพนันหมื่นเอาบาทเลยว่าพี่ไม่ได้แอ้มไอ้ปีหรอก”
“ตกลงตามนี้ ปีเป็นพยานนะครับ” เกลียดว่ะที่พูดกับไอ้ปีเพราะเชียว
“เที่ยงแล้วหาอะไรกินไหม” คนพูดมองนาฬิกา ไอ้ปีก็ดันไปพยักหน้ากับเขา
“กูยังไม่หิว ไอ้ปีไปเดินดูของกับกูก่อน” ผมหันไปสั่งปี รู้ว่าสั่งมันได้
“แต่พี่หิวแล้ว ปีไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะครับ กินคนเดียวไม่อร่อย”
“พี่กินกับคนทั้งร้านกินคนเดียวที่ไหน โต๊ะข้างๆ ไม่ได้แดกอยู่รึไง” เกย์ร่างเล็กอย่างผมด่าแมนนะครับ
ไอ้พี่ธามไม่ตอบผมแค่หันมามองหน้านิ่งๆ แล้วก็คว้าแขนผมลากถูลู่ถูกกัง ไอ้เชี่ยพี่ธามแรงโคตรเยอะ ผมพยายามทั้งดึงแขน
ออกทั้งเบรกตัวเองเอาไว้ แต่สู้แรงควายมันไม่ได้จริงๆ มีไอ้ปีวิ่งตามหลังมาติดๆ สุดท้ายก็ต้องมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน
ผมเปิดเมนูสั่งแหลกครับ เอาสิอยากกินนักใช่ไหมกินให้จุกนะมึง ผมไม่ใช่คนจ่ายเงินจะไม่เอ่ยปากหารกับมันด้วยคอยดู ไอ้พี่ธาม
มองหน้าผมยิ้มๆ แบบรู้ทัน ไม่ห้ามไม่ว่าอะไรปล่อยให้ผมสั่งไป พอผมหยุดสั่งยังมีหน้ามาถาม ไม่เอาอะไรเพิ่มอีกเหรอ พ่องมึงสิ
อาหารมาก็กินกันไปคุยกันไป(พี่ธามกับปี) แดกหัวกันไป(อันนี้ไอ้พี่ธามกับผม)
“ปีบอกมีนหรือยังครับว่าพี่ชอบ จะเดินหน้าจีบ” มีหรือไอ้พี่ธามจะเดาไม่ได้ว่าผมรู้แล้ว ตั้งใจถามกวนประสาทผมมากกว่า
“ปีบอกพี่ธามหรือยังว่ากูไม่ชอบ อย่าเสือก เอ้ย! ไม่ต้องมาเข้าใกล้” ขอเน้นๆ คำว่าเสือกแล้วค่อยแกล้งอุทานแบบตุ๊ดเด็กตกใจ
กลบเกลื่อน
“ พี่ก็อยากเข้าใกล้ปีคนเดียวไม่ได้อยากเข้าใกล้คนอื่น” ผมมองสายตาหวานๆ ที่ส่งให้ปีด้วยความขัดใจ ไอ้พี่ธามไม่ต้องมาทำ
หน้าปัญญาอ่อนเลยรู้หรอกว่าเข้าใจที่ผมพูด
“ผมถามจริงเถอะพี่ ไม่มีที่อื่นให้ไปแล้วเหรอถึงมายุ่งกับเพื่อนผม หรือคนเขารู้สันดาน เอ้ย! นิสัยพี่กันหมดเลยไม่มีใครยอมให้
เข้าใกล้” ขออุทานแบบตุ๊ดเด็กอีกสักรอบ ก็พี่ธามมันเป็นพี่นี่ครับจะด่าตรงๆ ก็ลำบาก
“นิสัยแบบไหนเหรอครับมีน” สายตาที่มองมาไม่สะทกสะท้าน ยังพูดยิ้มๆ ท่าทางสบายๆ ผมเลยเหมือนบ้าอยู่คนเดียว
นิสัยแบบไหนเหรอ? ผมกำลังไล่สิ่งที่ได้ยินมาอยู่ในใจ ไอ้พี่ธามมันโดดเด่น เป็นผู้ชายมีเสน่ห์ มีคนเข้าหาเยอะ มีอะไรกับสาวๆ
เยอะ และหนุ่มๆ บ้างบางข่าว เปลี่ยนคู่ควงบ่อย ไม่จริงจังกับใคร แต่ก็ไม่เคยมีใครด่าไอ้พี่ธามให้ได้ยิน มีแต่ชมว่าเก่ง ว่าเทคแคร์ดี
ขนาดเลิกกันจนไปควงคนใหม่แล้วสาวๆยังไม่ด่าเลย ไม่รู้ล่ะแค่นี้ผมก็นับว่านิสัยไม่ดี ไม่ควรมายุ่งกับเพื่อนผม
“รู้อยู่แก่ใจ” นี่ไงครับทางออกผม ฮ่าๆ ฉลาดเสียอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นมีนคงหมายถึงนิสัยดี มีเสน่ห์ น่าค้นหา ว่าแต่ปีอยากลองค้นดูบ้างไหม” ไม่ให้เสียเวลาไอ้พี่ธามหันไปหยอดปีต่อ
แต่อย่าคิดว่าผมจะหยุดโต้ตอบนะครับ พูดจีบอะไรผมก็ตัดหน้าพูดแทรกหมด ถามอะไรมาผมไม่อยากให้ปีตอบผมก็บอกเลยว่า..
“มึงไม่ต้องตอบ” คิดว่าปีมันจะเชื่อผมไหมครับ ก็ต้องเชื่อสิ ทุกวันนี้ผมดูแลมันยิ่งกว่าลูก แต่พี่ธามก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่ด่าผม
ด้วย เอาแต่ยิ้มขำๆ ของมันไป
สุดท้ายอาหารเหลือเต็มโต๊ะผมรู้สึกไม่ดีเลย ไม่น่าเลยกู ลุ้นให้ไอ้พี่ธามสั่งห่อกลับบ้านก็ไม่ทำ ผมก็ไม่อยากทำ กลัวเสียหน้า
เลยแอบยกมือไหว้อาหารบนโต๊ะไปทีตอนพี่ธามกับปีลุกขึ้นยืนแล้ว เงยหน้าขึ้นดันสบตากับไอ้พี่ธาม นกรู้ จริงๆ มองมาตาพราว
ผมรู้เลยว่าหัวเราะผมอยู่แค่ไม่ได้ยินเสียงออกจากปากเท่านั้น
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
ผมกับปีเดินเล่นดูโน้นดูนี่ มีพี่ธามเดินตามหลัง พยายามไล่ยังไงก็ไม่ไปจนผมเหนื่อยจะไล่ ได้แต่กันไม่ให้เข้ามาใกล้ไอ้ปีมากก็พอ
เดินๆ กันอยู่ มีกลุ่มคนขนกระจกบานใหญ่เดินมา พวกผมหลบให้แล้วแต่เหมือนคนที่ยกสะดุดอะไรบางอย่างเลยเซมาทางพวกผม
ปีมันอยู่ในช่วงเบลอๆ กับชีวิต สมองมันเลยสั่งการให้หลบไม่ทัน แต่พี่ธามกลับไวมาก ดึงไอ้ปีเข้าไปหลบข้างหลังและยกมือขึ้น
กันไว้ สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่เซมาชนนิดหน่อย ไม่ได้ร่วงลงมาหรือหล่นใส่ก็ขอโทษขอโพยกันไปตามระเบียบ พวกผมเดิน
เล่นกันอีกแป๊บหนึ่งก็ตัดสินใจกลับ
พี่ธามอาสามาส่งแน่นอนว่าผมปฏิเสธ แต่เดี๋ยวนี้มันรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร ไม่ตื้อไอ้ปีให้เสียเวลา เดินเข้ามาลากผมก่อนเลย
“ไอ้เชี่ยพี่ธามปล่อยกู”ผมร้องโวยวายเสียงดัง สภาพเหมือนเด็กห้าขวบโดนพ่อลากกลับบ้าน
“ปีทำไมเพื่อนปีพูดไม่เพราะแบบนี้ครับ” ไอ้ปีเอาแต่หัวเราะแทนที่จะมาช่วยผม
“พูดกับพี่ดีๆ ก่อน” ไอ้พี่ธามหันมาสั่งผม
“พูดแล้ว มึงจะปล่อยกูเหรอ” ผมจัดการเทียบชั้น ลืมสัมมาคารวะที่แม่กับเตี่ยอบรมมาอย่างดี
“ไม่”
“ไอ้...” เลว! คำหลังผมด่าต่อในใจ ถึงอย่างไรก็ยังไม่กล้าแค่นี้ก็โดนลากถูลู่ถูกังจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
ไอ้พี่ธามลากผมมาจนถึงลานจอดรถ ระยะทางไกลพอสมควร ผมเปิดประตูหน้าข้างคนขับขึ้นนั่ง เรื่องอะไรจะให้ไอ้ปีนั่ง คนที่ตาม
มานั่งฝั่งคนขับทำหน้ายิ้มๆ ดูเหมือนไม่แปลกใจ คงพอเดาได้ว่าผมทำอย่างนี้แน่
ขึ้นรถแล้ว ผมเลือกที่จะสงบปากสงบคำลง เปิดโอกาสให้ได้คุยกับไอ้ปีบ้าง ไม่ใช่ว่าผมยอมแพ้แต่เห็นแก่ความดีที่เอาตัวบังไอ้ปีไว้
ระหว่างที่ผมมองโน่นมองนี่ ตาก็เหลือไปเห็นมือของไอ้พี่ธามที่วางอยู่บนพวงมาลัยรถ มีแผลถลอกตรงหลังมือเห็นเป็นรอยเลือด
จางๆ ใจหนึ่งก็ช่างหัวมันแต่ตาก็อดเหลือบไปมองบ่อยๆ ไมได้ มองแผลนะครับไมได้มองหน้า ได้แต่ภาวนาว่าร่างทรงแม่อย่า
เพิ่งลงประทับ ผมเกลียดไอ้พี่ธาม!
เมื่อรถมาจอดที่หน้าคณะ (ฝีมือผมเองครับ เรื่องอะไรจะบอกว่าพวกผมพักอยู่ที่ไหน เดี๋ยวตามไปวุ่นวายกับไอ้ปี ) ตอนแรกผม
แอบลุ้นกลัวดื้อตามติดไม่เลิก แต่เหมือนพี่ธามมีธุระต่อเลยไม่ลง ไอ้ปียกมือไหว้ขอบคุณแล้วลงจากรถไปก่อนผม ไอ้พี่ธามหันไป
ยิ้มหล่อทำตาเยิ้มส่งให้
ผมก้าวลงจากรถ แต่มันรู้สึกไม่สบายใจ ผมเลยเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ถือวิสาสะเปิดประตูออก พ่ามมองหน้าผมเป็นคำถามแต่ไม่
ถาม ผมคุ้ยๆ ในกระเป๋าเป้ของตัวเองก่อนเงยหน้าขึ้นถามคำถาม
“ในรถมีน้ำไหม” พี่ธามหันไปหยิบน้ำมาส่งให้ ผมรับขวดน้ำและดึงมือข้างที่ยื่นมาให้ยื่นออกมานอกรถ พี่ธามต้องเอื้ยวตัวตาม
เพราะเป็นมือซ้าย ผมเปิดขวดน้ำราดลงไปบนแผล ได้ยินเสียงร้องนิดๆ ทำเป็นสำออยแผลแค่นี้โดนน้ำเสือกร้อง ผมไม่มียาฆ่า
เชื้อจึงต้องใช้มือลูบไปมาบนแผลให้แน่ใจว่าจะไม่มีฝุ่นหรือผงติดอยู่ เสร็จแล้ววางขวดน้ำลงกับพื้น หยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋า
พลิกเอาด้านในที่คิดว่าไม่เปื้อนออกมาซับน้ำบนแผลให้ สุดท้ายหยิบพาสเตอร์ยาแปะทับอีกที
“ขอบใจนะมีน” เสียงโทนนี้ผมไม่เคยได้ยินพูดกับผมมาก่อนเคยได้ยินแค่ตอนพูดกับไอ้ปี
“ผมไม่อยากเป็นหนี้ใคร เดี๋ยวพี่จะเอามาอ้างทวงบุญคุญจากไอ้ปีมัน”
“คิดอย่างนั้น”
“ใช่” ผมเกลียดเวลาพี่ธามทำหน้าเหมือนรู้ทันผม เพราะดันรู้ทันผมจริงๆ
“ไปได้แล้ว รำคาญ” พี่ธามหัวเราะเบาๆ ทำเอาผมหงุดหงิด จะหัวเราะทำเชี่ยอะไรผมยิ่งเซ็งร่างทรงแม่ที่ลงมาประทับอยู่
“ปีพี่ไปก่อนนะครับไว้เจอกันใหม่” พี่ธามลดกระจกอีกฝั่งที่ไอ้ปียืนอยู่ตะโกนบอก
“มีน” คราวนี้หันหน้ากลับมาทางผม
“ว่า?”
“น่ารักนะเรา” พี่ธามพูดจบก็ขับรถออกไปทันที ปล่อยให้ผมยืนโกรธจนควันออกหูกับคำชมชวนขนลุกนั้น
ไอ้เชี่ยพี่ธาม!! มึงตาย
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
บทที่ 8 : อะไรที่ซ่อนอยู่“เอาไงกลับห้องเลยไหม สติมึงมาหรือยังอีปี” ไอ้มีนเริ่มจิกกัดผมครับ อยู่กันสองคนมันเริ่มเรียกผมว่าอีบ้างเป็นบางครั้ง มันบอก
ผมแรดกว่าเกย์รุ่นพี่อย่างมันเสียอีก มีงอนมีสะบัดสะบิ้งมันเห็นแล้วอยากถีบ
“กลับก็ดี กูยังไม่อยากเจอหน้าพี่คิน” ผมยังไม่กล้าครับ ถามว่ากลัวอะไร ผมกลัวอย่างเดียว กลัวพี่มันทำหน้าปกติเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้นอีก ผมคงรู้สึกเหมือนโดนใครกระทืบ
“งั้นก็กลับ” ผมมองไปที่ตึกคณะ พี่คินอยู่อยู่ไหนนะ คิดถึงฉิบหาย
“มึงอยากเจอก็ไปเจอ ยืนอ่อยพี่คินอยู่ตรงนี้ มึงก็ไม่ได้เห็นหน้าหรอก”
“เอาไว้ก่อน ขอกูดีใจต่ออีกแป๊บ”
“เออ ตามใจมึง” ผมกับมีนหันหลังเตรียมจะเดินกลับหอ แต่เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าดังขึ้นเสียก่อน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“ไม่ขึ้นมาทักกันหน่อยเหรอปี” พี่คินเป็นคนส่งมาครับ ผมรีบหันขวับไปมองแต่แดดมันแยงตาเห็นมีคนนั่งกันเป็นกลุ่มๆ ใต้ตึก ผม
ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้มีนดู มันอ่านแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ผมเดินไป
“กูกลับหอก่อน มึงไปเจอพี่คินก็ดีจะได้รู้ๆ กันไป” ผมพยักหน้ารับ รอจนมีนเดินพ้นไปแล้วถึงหันกลับไปทางตึกคณะ ปรากฎว่า
พี่คินกำลังเดินลงมาหาผมจึงยืนรออยู่กับที่
“โดดเรียน?” คำแรกที่พี่คินทัก เดาว่าคงเป็นเพราะการแต่งตัวของผม
“ครับ” ผมพยักหน้า
“ไปกับพี่” พี่คินพูดแค่นั้นก่อนเดินดุ่มๆ นำหน้าผมไป ผมเดินตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทักท้วง ขอรอดูท่าทีพี่คินก่อนว่าจะเอาอย่างไร
พี่คินดูอารมณ์ไม่ดีเลยครับ ไม่รู้ไปหงุดหงิดอะไรมา ผมไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ กะว่าคงเจอพี่มันตีเนียน ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใสปกติ
“ขึ้นรถ” พี่คินพูดแค่นั้นก่อนกดเปิดรถและขึ้นนั่งฝั่งคนขับ เออดี ผมชักเริ่มหงุดหงิด มาสั่งเป็นคำๆ ไม่พูดไม่จาคืออะไร
“ไปไหนมา”
“ไปเดินเล่นครับ”
“โดดเรียนไปเดินเล่น”
“ครับ”
“อยากเจอธามจนลืมเลยเหรอว่าปีรับปากพี่ไว้เมื่อคืนว่าจะเป็นเด็กดี” คือ? พี่คินพูดอะไร?.ผมงง!!!!
“ชอบมันเหรอ” ไปกันใหญ่ แล้วนี่จะไปไหน ขับออกมาไม่บอกอะไรผมสักคำ
“พี่คินคุยกันดีๆ ผมงง แล้วไปเกี่ยวอะไรกับพี่ธามครับ” พี่คินเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป ผมได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ
“ปีไปกับมัน”
“ผมไปกับพี่ธามที่ไหนกันครับ ผมไปกับไอ้มีน”
“พี่จำรถธามมันได้ ถึงมันไม่ลงรถมาก็รู้ว่าปีไปกับใคร”
“โธ่เอ๊ยพี่คิน พี่ธามแค่แวะมาส่ง ผมกับไอ้มีนบังเอิญเจอแกที่ห้าง ก็ทักกันปกติ เบอร์พี่ธามผมยังไม่มีเลย”
“เหรอ” พี่คินหันมายิ้ม “ก็แล้วไป”
“แล้วไปอะไรครับ?” ตาผมซักบ้าง
“ไม่มีอะไร”
“พี่คิน!!!”
“ปีเป็นน้องพี่ พี่ห่วงธามมันเจ้าชู้” ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าพี่คินตอบแบบอึกอักไม่เต็มเสียง
“พี่ธามไม่จีบผมจริงหรอกครับ ผมว่าแกก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”
“ปีไม่รู้จักธามเหมือนที่พี่รู้จัก”
“แต่จีบก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ พี่คินไม่เชื่อมือผมเหรอ ผมอาจทำให้พี่ธามรักเดียวใจเดียวขึ้นมาก็ได้นะครับ” พี่ธามผมขอยืมชื่อพี่
หน่อยนะ ผมเริ่มรู้สึกมีความหวังอย่างไรไม่รู้ ขอรุกดูนิด พอผมพูดจบรถกระตุกเลยครับ พี่คินหันมามองหน้าผมจนผมต้องผลัก
หน้าแกหันกลับไปมองถนน เดี๋ยวได้ตายกันทั้งคู่
“ปีไม่ได้เป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่ใช่เกย์ แต่ถ้าเจอคนที่ทำให้ผมชอบได้ก็ไม่แน่ มันเป็นเรื่องของความรักครับ ความรักอาจเปลี่ยนผมก็ได้” พี่คินหันมามอง
ผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองถนน ผมรอให้พี่คินพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบ นี่แหละครับพี่คินแบบที่ผมเกลียดที่สุด
พี่คินที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ผมปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ
แต่พี่คินก็ยังไม่ยอมพูดอะไร ในที่สุดคนที่ยอมแพ้ก็เป็นผม
“แล้วนี่พี่คินจะไปไหนครับ”
...เงียบ....
ข้างในผมมันเหมือนหมดความอดทน พี่คินมักทำให้ผมแยกไม่ได้ระหว่างความรู้สึกดีใจหรือเสียใจ อยากยิ้มและอยากร้องไห้ใน
เวลาเดียวกัน อยากอยู่ด้วยและอยากเดินหนีไปให้ไกลๆ อยากรักและอยากเลิกรัก
“พี่คินจอดรถให้ผมด้วยครับ ผมจะไม่ไปที่ๆ ไม่อยากไป ถึงจะไปกับพี่ก็เถอะ”
“พี่จะให้ปีไปเป็นเพื่อนกินข้าว แต่ถ้าปีอารมณ์ไม่ดีอยากกลับเลยพี่จะไปส่ง” น้ำเสียงเรียบๆ กับหน้านิ่งๆ ของพี่คินกวนอารมณ์
ผมฉิบหาย พูดเสียผมดูเป็นเด็กงี่เง่า ใช้แต่อารมณ์
“พี่คิน! จอดรถ”
“ปีอย่าดื้อ มีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกันพี่ขับรถอยู่” นั่นไงผมผิดตลอด
“ไม่คุย ผมไม่มีอะไรคุยกับพี่คิน”
“ตัวเล็กเป็นเด็กดีสิครับ โกรธอีกแล้ว ไม่เห็นมีอะไรให้โกรธเลย” อ๊าก!!!ผมตะโกนอยู่ในใจ ถ้าตะโกนออกมาได้ก็อยากตะโกน
“แล้วพี่คินล่ะครับเป็นอะไร มาถึงก็อารมณ์เสียใส่ผม” ผมย้อนถาม ไม่เข้าใจพี่คินสักนิด
“ไม่มีอะไรนี่” ตอบแค่นั้นแล้วพี่คินก็เงียบไป เอาเถอะตามใจเถอะผมท้อเต็มทีแล้ว ผมเอนตัวพิงเบาะหลับตา ช่างแม่งทุกสิ่งทุก
อย่างในโลก อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ตามใจพี่เถอะ
ผมตะแคงข้างหันไปทางประตูไม่อยากจะเห็นหน้าพี่คิน หลับเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องคุย พี่คินชะลอรถและขับเข้าจอดข้างทาง
อ้าวเชี่ย! พอผมไม่ลงจะไล่ผมลงเหรอวะ สงสัยจะโกรธ
รถจอดสนิทแต่ผมไม่ลืมตาทำเนียนว่าหลับไปแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าพี่คินจะทำอย่างไร ผมรู้สึกถึงน้ำหนักมือที่ท้าวมาบนเบาะ
เหมือนพี่คินจะเอื้อมมาเปิดประตูรถฝั่งผม แต่ไม่ใช่ กลายเป็นเบาะผมถูกปรับเอนลง รู้สึกถึงน้ำหนักเสื้อที่คลุมลงมา รู้สึกว่าแอร์ที่
เป่าหน้าอยู่หายไป .รู้สึกเกลียดตัวเอง ที่แค่นี้ผมก็กลับมายิ้มได้ หายโกรธแล้ว
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ปีตื่นถึงแล้ว” ผมงัวเงียปรับเบาะขึ้นมานั่งตัวตรง ถึงเห็นว่าพี่คินจอดรถแล้ว มองซ้ายมองขวาเป็นอาคารจอดรถที่ไหนสักแห่ง
“พี่คินนล็อครถหันมามองผม คงเห็นว่าผมยังไม่ลืมตาตื่นดีแกเลยเดินมาจับแขนจูง
“อย่าหลับกลางอากาศนะปี พี่ไม่อุ้มนะ” พี่คินหัวเราะผมหมั่นไส้เลยกระโดดขึ้นขี่หลัง พี่คินเกือบล้มดีที่ตั้งหลักได้ พี่คินหัวเราะ
ดังยิ่งกว่าเดิมแต่ไม่ได้โยนผมลง คงเพราะลานจอดรถไม่มีคนพี่คินเลยยอมตามใจผม
ผมมองพี่คินจากทางด้านหลัง มีบางครั้งบางจังหวะที่ผมอยากโพล่งออกไปว่าผมชอบพี่คินให้มันจบๆ ไป ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป
เลย ผมไม่อยากให้ใจผมเหมือนมีหินถ่วงอยู่แบบนี้ แต่พอคิดว่าหลังจากนั้นผมอาจไม่ได้พูดคุยกับพี่คินอีก ความคิดนั้นก็จาง
หายไป ผมกระชับมือที่กอดคอพี่คิน ซุกหน้าลงกับไหล่ เอาปากแตะลงไปเบาๆ
“ง่วงมากเหรอตัวเล็ก เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง” เสียงคนตัวโตที่กำลังแบกผมอยู่ถามขึ้น
“อืม” ผมส่งเสียงงึมงำตอบ
“ทำไมไม่นอน อย่าบอกว่าดื่มฉลองต่อกับมีนนะ”
“เปล่าครับ”
“งั้นทำอะไรครับ” ผมชอบเสียงพี่คินโทนนี้ มันทั้งอ่อนโยน ทั้งใจดี ใจดีจนผมเผลอพูดบางอย่างออกไป
“มันตื่นเต้นมีคนหอมแก้ม” ผมคิดว่าพี่คินคงเงียบและปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนทุกที แต่พี่คินกลับวางผมลง ผมใจหาย คิดว่าตัว
เองตัดสินใจผิดแล้วที่พูดออกไปแบบนั้น
ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่คิน เห็นแกกำลังมองอยู่ ผมอยากพูดอะไรสักคำให้บรรยากาศมันหายอึดอัด อยากจะบอกว่าผมพูดเล่นหรือ
บอกไปว่าเห็นไหมผมทำพี่คินช็อคได้ ตกใจละสิ แต่คงเพราะผมเจ็บปวดกับเรื่องนี้มานานจนพูดแบบนั้นไม่ออก
จู่ๆ พี่คินยกมือสองข้างขึ้นมาจับแก้มผม จ้องตาผมแล้วกดจมูกลงบนหน้าผาก
“เดี๋ยวพี่หอมบ่อยๆ ปีจะได้เลิกตื่นเต้น ดีไหม” แล้วพี่คินก็ก้มลงมาหอมแก้มซ้ายผม จมูกแตะแก้มแต่ปากพี่คินอยู่ใกล้กับปากผม
มาก มากจนใจสั่น
“เริ่มชินหรือยังตัวเล็ก” ผมเลยชี้อีกข้างพร้อมกับทำแก้มป่อง พี่คินหัวเราะ คราวนี้กดจมูกลงมาแรงๆ ออกแนวฟัดเล่นเสียมากกว่า
จนผมต้องผลักออก
“แกล้งผม” เออ ไอ้น้ำเสียงกะเง้ากะงอนแบบนี้ผมไปเอามาจากไหน อายเหมือนกันแฮะ
“ก็เรามันน่าแกล้ง” พี่คินเอาแขนมาล็อคคอผม เอามือยีหัวเล่นจนพอใจ
“ไปเถอะพี่หิวแล้ว ยังไม่ได้ทานอะไรรอเราตั้งแต่เที่ยง โดดเรียนไม่คิดจะบอกพี่สักคำ” พี่คินไม่ได้ปล่อยมือออกจากคอผม ผมก็
ไม่ได้พูดอะไร เรายิ้มให้กันนิดนึง
คำถามค้างคาใจมีอยู่มากมาย ทำไม เพราะอะไร แต่ปล่อยมันไปก่อนครับ ผมรอมาได้ถึงตอนนี้ อีกนิดคงไม่เป็นไร
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin