รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero- 41 -
ใครวะ? คนที่ยืนอยู่หน้ากระจกตอนนี้มันเป็นใครกัน นี่ตัวผมจริงใช่มั้ย ทำไมถึงยิ้มไม่หุบอย่างนี้ ดีใจอะไรนักหนากับแหวนวงเดียว ไอ้พี่เดียวแม่ง ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเอาแต่จ้องตัวเองในกระจกห้องน้ำนานสองนาน ไม่กล้าออกไปเจอหน้าคนด้านนอก ยังรู้สึกขัดเขินกับเหตุการณ์ตอนค่ำ แล้วก็เรื่องเมื่อคืนด้วย ก็รู้ว่าต้องยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ได้ แต่มันยากจริงๆ
แล้วตอนนี้ก็... โอ๊ยยยย ไม่อยากออกไปเลยยยย
ผมเกลียดสายตาไอ้พี่เดียวชะมัด ตั้งแต่ตื่นมามันก็มองผมด้วยตาแวววาว เวลาเข้าใกล้แล้วรู้สึกเหมือนจะถูกตะปบกินหัวกินหางยังไงก็ไม่รู้ เหมือนเสือเห็นเหยื่ออันโอชะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูที่เหมือนระฆังตีบอกว่าหมดเวลาพักต้องออกไปได้แล้ว ผมหันมองกระจกอีกครั้งเพื่อปรับสีหน้าตัวเองให้เรียบนิ่งเข้าไว้ อย่าให้ศัตรูล่วงรู้ความคิด ไม่อย่างนั้นจะโดนตีป้อมแตก เช็คสีหน้าตัวเองจนแน่ใจแล้วจึงค่อยๆเปิดประตู
“ไร?”ทำเสียงแข็งเข้าข่ม
“เห็นว่าเข้าไปนาน เป็นห่วงเฉยๆ”
“ก็อาบน้ำนานเป็นปกติอยู่แล้ว”อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงอ่ะครับ ผมเดินจับนั่นนี่หน้ากระจก คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี มือไม้มันเกะกะไปหมด เกลียดความรู้สึกสาวน้อยจับใจ แต่พี่เดียวมันก็ตามมาคลอเคลียจากด้านหลัง สองแขนโอบรอบเอวผมไว้ ลมหายใจอุ่นๆรินรดที่ใบหู
“เหรอ นึกว่าเขินจนไม่อยากออกมา”
เกลียดคนรู้ทัน!
“ระดับนี้แล้วไม่มีคำว่าเขิน”
“ครับไม่เขินก็ไม่เขิน แค่หน้าแดงแล้วไม่ยอมสบตาพี่เลย”
ผมหันไปจ้องตาทันที แล้วก็รู้ตัวว่าพลาดเผลอเหยียบหลุมพลางที่อีกฝ่ายขุดไว้ ไอ้ที่แกล้งนิ่งข่มความเขินเอาไว้ พอได้สบตากำแพงก็ทลายลง หน้าร้อนวูบวาบไปกับสายตากรุ้มกริ่ม
“หึหึ น่ารัก”
ฟอด....หนึ่งทีเน้นๆที่แก้ม ได้แต่ยืนตัวแข็งให้อีกฝ่ายกินแก้มกินหู
“นอนกัน”
“นอนเฉยๆนะ”
“นอนกอด”
“แค่กอด”
“ขอจูบอีกนิดหน่อย”ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกไม่พอ เดี๋ยวจัดเข่าให้ซะเลย
“ไปนอนห้องแขกไป”
“หึหึ โอเค นอนกอดเฉยๆก็ได้ค้าบ”
ผมเผลอถอนหายใจเมื่อพี่เดียวผละออกไป ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะคุ้นเคยกับความใกล้ชิดขั้นลึกซึ้งนี้
พอล้มตัวลงนอนปุ๊บอีกฝ่ายก็เข้ามาประกบทันที ไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวเลย รู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วขึ้น คนที่กอดผมอยู่ต้องรู้แน่ๆ
“พี่แค่กอดเองนะ ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น”
“ตกใจต่างหากเล่า”ผมก็ไหลไปได้นั่นแหละ
“น้ำน่าน...คืนนี้ไม่ได้จริงเหรอ”เสียงกระซิบถามแผ่วเบาข้างหู
“อืม...เจ็บ”ยอมรับแบบแมนๆเลย ถ้าถูกซ้ำอีก สภาพคงไม่ต่างจากหมาถูกรถทับขาหลัง กูต้องเดินไม่ได้แน่ๆ
“พี่ขอโทษ”
“อือ”ผมก็เข้าใจดีนะ ในฐานะที่เป็นฝ่ายกระทำมาตลอด ของแบบนี้ให้ทำทุกวันก็ยังไหว ก่อนหน้าที่เคยนอนกับพวกกวางตัวน้อยทั้งหลายผมเองก็ใส่ไม่ยั้ง กลางคืนไม่พอต่อตอนเช้า ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากทำไปเรื่อยๆเพราะมันปลดปล่อยได้แบบสุดๆ พี่เดียวมันก็เป็นผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ที่ไม่เคยขัดสนเรื่องทำนองนี้ การที่มันอยากจะทำทุกครั้งที่มีโอกาสมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคนที่มันอยากทำด้วยคือผมไง ซึ่งผมไม่ได้บอร์นทูบีมานะเฟ้ย ต้องให้เวลากันบ้าง
“อีกสองสามวันค่อยว่ากันใหม่”
“หะ?”
“นอนๆ”
“โอเคครับ นอนๆ เวลาจะได้ผ่านไปเร็วๆ หึหึ”
อยากจะย้อนเวลาเอาคำพูดเมื่อครู่กลับคืนมา ไม่น่าเปิดโอกาสเลย เปิดประตูรับข้าศึกเข้าบ้านเฉยเลย แต่เอาเถอะ ถึงเวลาค่อยว่ากันใหม่
X
เลขที่เปลี่ยนไปตามระดับชั้นที่ขึ้นสูงเรื่อยๆ เป็นสิ่งเดียวที่ผมโฟกัสอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่แจ้งความจำนงแก่พนักงานต้อนรับด้านล่างว่าจะขอขึ้นมาชั้นบนสุดเพื่อพบท่านประธาน เธอก็มีสีหน้ากังขาทันที คงคิดว่าไอ้เด็กนี่มันบ้าหรือเปล่า เดินดุ่มๆเข้ามาเพื่อพบผู้บริหารระดับสูงแบบไม่มีหมายนัด ก็จะให้มีได้อย่างไร เมื่อผมเพิ่งได้รับคำสั่งจากท่านว่าให้มาหาที่ทำงานเพื่อนจะได้ออกไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่มันจะต้องเดินทางไปจันทบุรีพรุ่งนี้ ส่วนเย็นนี้มันต้องไปงานเลี้ยงลูกค้า ซึ่งจะทำให้เราไม่ได้เจอกันอีกสองวัน ผมโอเคมากเลยนะที่จะไม่ได้เจอกัน สองวันก็แค่แป๊บเดียวแต่ไอ้พี่เดียวมันไม่คิดอย่างนั้น แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าไม่มาหาตอนนี้ มันกลับมาเมื่อไหร่จะจัดหนักให้ผมลุกไม่ขึ้น ผมชั่งใจอยู่ว่าจะมาดีหรือไม่มาดี แต่สุดท้ายก็มากลัวมันบ้าทำขึ้นมาจริงๆ ผมนี่แหละที่จะลำบาก
พอผมมาถึงก็ต้องติดต่อด้านล่างตามปกติ แต่ติดที่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปหานี่แหละ ทำให้อดหงุดหงิดไม่ได้ให้มาหาแล้วไม่จัดการเคลียร์ทางให้ด้วย ต้องให้โทรไปโวยก่อนถึงได้ส่งเลขามันลงมารับ
“ทางนี้ค่ะคุณชลธร”
“ขอบคุณครับ แต่พี่เรียกผมว่าน้ำน่านก็ได้ครับ”รู้สึกเกรงใจยังไม่รู้ เธอดูจะอ่อนน้อมถ่อนตนกับผมมาก ไม่รู้ว่าไอ้พี่เดียวมันบอกเธอไว้ว่ายังไงบ้าง ผมเคยเห็นตอนที่มาถ่ายรูปกับพี่ยศนะ และคิดว่าเธอเองก็น่าจะจำผมได้ด้วย ตอนที่ลงไปรับเมื่อครู่นี้ผมแอบเห็นว่าเธอมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติ
“ไม่ได้หรอกค่ะ คนสำคัญของบอส”
“ว่าไงนะครับ?”เหมือนจะได้ยินไม่ถนัด แต่เธอก็ไม่พูดซ้ำ ทำแค่เพียงยิ้มให้และกดอินเตอร์คอมแจ้งคนด้านในว่าผมมาถึงแล้ว พี่เดียวไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีประตูห้องก็ถูกเปิดออกแล้วผมก็ถูกลากเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย เดินเองได้ไม่ต้องลาก”เซหลุนๆเดินตามแรงควายของมันมา ขาขวิดกันเกือบจะล้ม
“มาช้า”
“รีบอะไรนักหนาเล่านี่ก็ยังไม่เที่ยงเลย”นี่ถือว่าเร็วแล้วนะ ผมอยู่ข้างนอกใกล้ๆกับออฟฟิศมันพอดีด้วย ตอนแรกกะว่าจะลากไอ้เต้ออกมาหาอะไรกินแก้เซ็ง แต่พี่ท่านก็มาเร่งๆให้ผมมาหาเสียก่อน
“อยากเจอหน้าไวๆ เมื่อวานก็ไม่ได้เจอกัน”เมื่อวานไอ้พี่เดียวมันกลับไปบ้านใหญ่ เห็นว่านัดทานข้าวกันครบทุกคน มันจะให้ผมไปด้วยแต่ผมก็ปฏิเสธมันไปแทบจะทันที ผมไม่พร้อม ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับครอบครัวไอ้พี่เดียวมัน ขอให้อะไรๆมันลงตัวกว่านี้ก่อนดีกว่า
“บ้าบอว่ะพี่ ฟุ้งซ่านนักก็ไปทำงานไป ไหนว่างานเยอะ”
“หึหึ โอเค งั้นนั่งรอไปไปก่อนนะขอเวลาเคลียร์งานอีกครึ่งชั่วโมงแล้วเราค่อยไปกินข้าวกัน
พอสิ้นคำผมก็ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว เพราะไอ้พี่เดียวมันมีสมาธิกับงานมากผมก็ได้นั่งส่องนั่นนี่ในอินสตาแกรมไปพลางๆ มีสาวๆน่ารักเต็มไปหมด ไอ้เต้กับไอ้โอ๊คมันส่งมาให้ดู รอจนเกือบจะหลับไอ้พี่เดียวก็เรียกพอดี มันพาผมมากินข้าวร้านใกล้ๆออฟฟิศเป็นอาหารอิตาเลี่ยน รสชาติดีถูกปากพอสมควร ราคาก็โอเค การตกแต่งร้านก็เก๋ดี
“แล้วจะไปไหนต่อ ถ้าไม่ได้ไปไหนก็มานั่งเฝ้าพี่ทำงานมา”
“เรื่อง เฝ้าเพื่อ? เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า”
“เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันตั้งสองวัน”
“พี่เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”ผมก็ไม่ได้เอายาสเน่ห์อะไรให้กินนะ มันต้องบ้าแน่ๆที่ชอบมานัวเนียคลอเคลียและอยากอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา
“ก็ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้ น่านว่างยังไม่เปิดเทอมก็มาอยู่กับพี่ดิ มาให้นั่งมองก็ยังดี”
“ประสาท อยากมองก็นั่งดูรูปไปดิ”
“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า”
“พนักงานพี่รู้มั้ยเนี่ย ว่าท่านประธานบ้าบอแบบนี้”
“อะไรว้า ถ้าพี่ไม่มีเวลาให้ ไม่ได้เจอกันนานๆก็อย่ามางอแงก็แล้วกัน”
“เหอะๆ ไม่เจอกันเดือนนึงยังไหวอ่ะ”คิดว่าไหวนะ ถ้าไม่ไหวก็ค่อยว่ากันอีกที ฮ่าๆ
“ใจแข็งจริงๆ สรุปว่าวันนี้ก็จะไม่อยู่กับพี่ใช่มั้ย”
“ถ้าจะให้อยู่มีอะไรมาแลกเปลี่ยนมั้ยล่ะ”
“หัวใจพี่ไง”
“......”อยากจะคายอาหารกลางวันที่กินเข้าไปออกมาเสียจริง
“หึหึ อย่าทำหน้างั้นดิ”
“อายมั้ยเนี่ยที่พูดมา”ผมขำ ตัวมันเองก็ดูเหมือนจะรับไม่ค่อยได้เหมือนกันเหอะ
สุดท้ายผมก็มานั่งๆนอนๆอยู่ในห้องทำงานพี่มัน เพราะไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ไม่มีอารมณ์ออกไปเที่ยวเล่นแล้ว ผมถ่ายรูปวิวจากหลังโต๊ะทำงานพี่เดียวอัปลงอินสตาแกรมของตัวเอง มีไอ้หมวยเข้ามากดไลค์คนแรก ช่วงนี้ผมก็ลืมมันไปเลย ไม่ได้ถามด้วยว่ามันกลับมาจากบ้านหรือยัง เพิ่งรู้ตัวว่าจริงๆแล้วขาดการติดต่อกับเพื่อนๆไปหลายคน ไอ้ธันว์ ไอ้คิม ส่วนไอ้พายเจอหน้ากันแค่แป๊บๆ ไม่มันก็ผมต้องออกไปข้างนอกไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ ไม่ได้การละ ต้องเรียกรวมพลก่อนจะเปิดเทอม
“กลับแล้วนะ”ผมลุกขึ้นบอกไอ้พี่เดียวที่นั่งจมอยู่กับเอกสารกองโตตลอดช่วงบ่าย
“รีบไปไหน อีกแป๊บพี่จะเลิกงานแล้ว”
“เลิกงานแต่ก็ไปงานเลี้ยงต่ออยู่ดีจะให้อยู่ต่อทำไมเนี่ย คุยก็ไม่ได้คุยกัน ไม่อยู่เล่า จะกลับ”
“โอเค กลับก็กลับ ไม่งอแงนะ”
“ใครงอแง”อะไรๆก็หาว่าผมงอแงทำเหมือนเป็นเด็กเล็กไปได้
“ไม่งอแงก็ได้ อยากได้อะไรเป็นของฝากมั้ย”
“ไม่เอาอ่ะ”ของฝากจากเมืองจันท์ที่บ้านผมยังมีอยู่เยอะแยะเลย
“แค่เดินทางปลอดภัยก็พอ”คำพูดผมคงถูกใจมันมาก ยิ้มปากจนจะฉีกถึงหู
“ขอบคุณครับ ไหนมาให้ชื่นใจก่อนสิ”
แล้วผมก็ต้องเสียจูบไปอีกหลายครั้ง กว่าจะถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องได้กก็กินเวลาหลายนาที ก็ได้แต่คิดปลอบใจตัวเองว่าเสียจูบก็ยังดีกว่าเสียตัว ผมยังไม่อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆในห้องทำงานมันเหมือนกัน
X
บ้านผมกลายเป็นสถานที่ส่องสุมของบรรดาเหล่าเพื่อนชั่วทั้งหลายในวันถัดมา สมาชิกครบทีม ทั้งเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ ยกเว้นไอ้หมวยที่ยังกบดานอยู่ที่บ้านมัน แต่ไร้วี่แววขององค์รักษ์พิทักษ์หมวย เห็นมันบอกว่าพี่ไวท์ต้องไปต่างประเทศกับพ่อเรื่องงานอะไรสักอย่างทิ้งให้มันโดดเดี่ยวคนเดียว พอผมบอกว่าจะมีปาร์ตี้จัดหนักกันที่บ้านมันก็โทรมาโวยใส่ผมทันทีว่าไม่รอมัน สงสัยคงคิดถึงแสงสีจะแย่แล้ว อยู่บ้านมันก็เห็นแต่ต้นไม้ผลไม้
“อะไรเสร็จแล้วมั่งวะ กูหิวแล้วเนี่ย”ไอ้ธันว์โผล่หัวเข้ามาในครัว ขณะที่ผม ไอ้พาย ไอ้คิมกำลังทำอาหาร มีสั่งหมูกระทะมาสี่ชุด รอให้เขามาส่ง แล้วก็มีที่ทำเองอีกส่วนหนึ่ง ไอ้เต้ ไอ้โอ๊ค จัดสถานที่อยู่ริมสระ ไอ้โก้ ไอ้อ๊อด ไอ้อั้มที่เพิ่งเลิกกับแฟนก็มาแจมกำลังเดินทางกันมาอยู่พร้อมเครื่องดื่มอีกจำนวนหนึ่ง เพราะที่ผมเตรียมไว้น่าจะไม่พอในคืนนี้
“ยังไม่เสร็จสักอย่าง หิวมึงก็มาช่วยทำห่า ไม่ใช่กระดิกตีนรอกินอย่างเดียว”
“มึงนี่ขี้บ่นไม่เปลี่ยน ไหนจะให้ทำอะไร”
“เอาผักนี่ไปหั่นจัดใส่จาน คงไม่ยากเกินว่าที่วิศวกรอย่างมึงหรอกนะ”ไอ้พายมันกำลังเตรียมเครื่องสุกี้อยู่ สารพัดผักและเนื้อสัตว์กำลังถูกจัดเตรียม ส่วนผมทำพวกยำอยู่ ไอ้คิมทำประเภทต้ม แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน
“เออเชี่ย บ่นมากเดี๋ยวจับทำเมีย”
“เสียใจด้วยไอ้ธันว์ มึงช้า มีคนสอยไปแล้ว”
“ไอ้น่านเงียบไปเลยมึง”
“ไม่นานมันก็ต้องรู้บอกๆไป ทีเรื่องกู มึงนี่สาระแนนัก”
“เรื่องมึงมันน่าใส่ใจมากกว่าเรื่องของกูอยู่แล้ว”
“ตกลงมึงมีผัวใหม่แล้ว?”ไอ้ธันว์หันไปถามไอ้พาย มือมันก็หั่นผักไปด้วย มึงจะหั่นนิ้วตัวเองไปด้วยมั้ย
“แค่คุยเฉยๆ ผัวบ้าอะไรเล่า”
“อีกไม่นานก็ใช่ พวกมึงยังไม่เห็นออร์ดี้กันนี่หว่า”ลืมไปเลย ไอ้พายชอบขังหมาไว้ในห้องนอนมันเอง คืนไหนกลับมานอนบ้านก็เอาไอ้เตี้ยขึ้นไปนอนด้วย แต่ถ้าวันไหนอยู่ออร์ดี้มันอยู่กับผม ที่นอนมันคือบ้านหมาหลังเล็กตรงห้องซักล้างนั่นแหละ แต่มันเป็นหมาที่รู้เรื่องขับถ่ายเป็นที่
“ออร์ดี้??”
“หมาไอ้พายมัน สื่อรักแทนใจ”
“แค่คุยจริงๆใช่มั้ย”เห็นมั้ย ไอ้สองตัวนี้ก็สงสัยเหมือนผม
“จริงๆ ไม่หลอก”
“ใครวะ?”
“เอาไว้กูชัวร์ก่อนแล้วจะบอกพวกมึงแล้วกัน ไม่ได้คิดจะปิดอยู่แล้ว กูขอเวลาหน่อย”
“เออ ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไปอย่าลืมมาให้พวกกูสแกน”ไอ้คิมกำชับ มันไม่อยากเห็นไอ้พายเสียใจอีก พวกผมก็เหมือนกัน
ปาร์ตี้ของเราเริ่มขึ้นเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทุกคนมากันครบแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดกันทันที กินกันไปเรื่อยๆ พออิ่มข้าว ของคาวหมดก็เหลือแต่แอลกอฮอร์ล้วน บางคนก็โดดลงสระ เล่นน้ำกันจนกระเด็นขึ้นมาถึงที่ผมนั่งอยู่
“ถ้ามีสาวๆด้วยจะดีมากๆ อวบๆอึ๋มๆเหมือนพริตตี้มอเตอร์โชว์”
“เออ น่าสนใจ น่าโทรเรียกมาสักสามสี่คน”
“พริตตี้ไม่ใช่พิซซ่าโทรเรียกถึงมา”
“มึงไม่รู้อะไร กูเคยมาแล้ว เด็ดมากกูพูดเลย”
ผมส่ายหน้าให้ไอ้โอ๊คกับไอ้อ๊อดที่เข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“อยากมากมึงไปหาแดกกันข้างนอก ห้ามเอาเข้าบ้านกู”ผมปาน้ำแข็งใส่หัวพวกมันที่หันมาค้อนใส่แล้วลากกันไปอีกฝั่ง ปรึกษาหารือกัน ไม่แคล้วได้ลากกันออกไปหาของหวานกินกันแน่ๆ
ไม่ถึงเที่ยงคืนดีก็สลายตัวกันหมด ไอ้ธันว์กลับไปก่อนใคร เหมือนจะมีใครโทรตามคงไม่พ้นเด็กในสังกัด ไอ้โอ๊คอ๊อดจูงมือกันไปแพ็คคู่สงสัยจะได้เด็ก นอกนั้นก็ทยอยกันกลับ มีไอ้คิมที่อยู่ค้างมันนั่งดูหนังต่อกับไอ้พายข้างล่าง ผมง่วงแล้วเลยขึ้นมาอาบน้ำนอนเลยเพิ่งนึกได้ว่าเอาโทรศัพท์วางไว้บนเตียงแล้วก็ลืมมันไปเลย ไอ้พี่เดียวโทรมาเป็นสิบสาย ครั้งล่าสุดคือเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว มีข้อความไลน์บ่นมาอีกสิบข้อความ ผมขี้เกียจโทรไปมันอาจจะหลับแล้วเลยไลน์ไปบอกว่าลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องพรุ่งนี้ค่อยคุย จากนั้นก็อาบน้ำเข้านอน
เช้ามาผมโทรไปหามันช่วงสายแต่ไม่รับก็เลยไม่ได้สนใจอีก คนงานเยอะบางทีก็น่าสงสาร กินนอนไม่ค่อยเป็นเวลา ไหนจะต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีก ผมไม่รู้ว่ามันจะยุ่งแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้อะไร ตอนนี้รู้สึกเฉยๆถ้าจะเจอกันบ้างไม่เจอกันบ้าง แต่บางครั้งก็ยอมรับว่าเหงานิดหน่อยแต่ก็พอมีกิจกรรมทำให้ลืมๆไปได้บ้าง
ไอ้พายตื่นมาก็ลากผมกับไอ้คิมไปห้าง มันจะไปตัดผมทำสีใหม่และทำทรีตเม้นท์หน้า แล้วบังคับให้ผมกับไอ้คิมไปทำเป็นเพื่อนมันด้วย มันบอกว่าไอ้คิมเรียนหนักหน้าโทรมเกินไป ส่วนผมต้องทำเอาไว้มัดใจผัว ผมนี่แทบอยากจะถีบมันตกบันไดเลื่อน
ครั้งแรกกับการดูแลรักษาหน้าในร้านแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน มันสบายแล้วก็รู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้น เรตติ้งต้องพุ่งขึ้นแน่ๆ ไอ้คิมก็เหมือนจะพอใจนั่งส่องหน้าตัวอย่างใหญ่ หลังจากเสียเวลามาครึ่งค่อนวัน เราก็มาจบที่ร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ผมนั่งเฉยๆให้ไอ้พายบริการ ระหว่างนั้นก็เล่นโทรศัพท์ เช็คอะไรไปเรื่อยเพราผมปิดเสียงปิดสั่นไว้ตอนที่ทำหน้าอยู่ น่าแปลกที่พี่เดียวมันไม่โทรมาเลย ปกติมันต้องหาเวลาโทรมาหยอดครั้งละนิดละหน่อย นี่มีแต่ไอ้หมวยที่โทรมาห้าสาย ผมเลยโทรกลับ
“มึงมีเรื่องอะไรวะโทรมาตั้งหลายครั้ง”
“ไม่ใช่เรื่องของกู แต่เป็นเรื่องของมึง กูช่างใจอยู่ว่าจะบอกมึงดีมั้ย แต่กูเพื่อนมึง กูอยากให้มึงรับรู้ไว้ แต่มึงต้องใจเย็นๆนะเว้ย”
“เรื่องเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย”ทำเอาผมใจไม่ดีไปด้วย
“กูจะเล่า แต่มึงต้องใจเย็น”
“ว่ามา”
“เมื่อวานค่ำๆกูมางานเลี้ยงเป็นเพื่อนม๊าที่โรงแรม...ก็กินกันจนเกือบสี่ทุ่มอ่ะ ตอนจะกลับกูเจอพี่เดียว ตอนแรกไม่แน่ใจเพราะเห็นด้านข้าง แต่มีจังหวะหนึ่งพี่เขาหันมา กูเห็นหน้าตรงก็เลยมั่นใจ แต่เขาไม่เห็นกูหรอกนะ”
“อ้อ มันไปคุยงานที่นั่นอ่ะ พี่มันบอกอยู่เหมือนกัน น่าจะพักโรงแรมนั้นกูก็จำไม่ค่อยได้”
“เหรอ...เออ”
“เอ้า สรุปมึงจะบอกกูแค่ว่ามึงเจอพี่เดียวมันแค่นั้นเหรอ”
“ก็...มันไม่แค่นั้นว่ะ”
“เล่ามาให้หมด มึงจะเว้นช่วงทำเชี่ยไร”ไม่รู้ว่ามันไปเจออะไร แต่ใจผมตอนนี้มันเต้นรัวขึ้นมา เคยเป็นกันมั้ยครับที่มีคนเกริ่นมาขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่ถึงไคลแม็กซ์สักที เราก็ลุ้นไปเถอะ แน่นอนว่าเป็นไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
“กูเจอเขากลับเข้ามากับผู้หญิง แบบโอบประคองกันมา แล้วก็พากันขึ้นห้องกันไป”
“.......”ผมนิ่งกำลังประมวลผล และสำรวจอารมณ์ตัวเอง ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร เฉยๆ โกรธ ผิดหวังหรืออะไร ที่แน่ๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็พยายามรั้งสติตัวเองเอาไว้ บอกตัวเองว่ามันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
“แล้วเมื่อสักชั่วโมงก่อนนี้กูมากินโต๊ะแชร์กับม๊าที่โรงแรมนี้เหมือนเดิม กูเจอพี่เขาลงมากับผู้หญิงคนเมื่อคืนพอดี ผู้หญิงดูท่าทางไม่ดี เดินประคองกันออกไปอีก”
“อืม”
“มึง ใจเย็นไว้ก่อนนะเว้ย ที่กูบอกคืออยากให้มึงรับรู้ แต่มันก็อาจจะไม่มีอะไรไปมากกว่าที่กูเห็นก็ได้ เขาอาจจะไม่ได้พักด้วยกัน ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ก็ได้ โอ๊ย กูว่ากูไม่ควรบอกมึงแต่แรกแล้ว”เหมือนมันจะสติแตกไปแล้ว
“มึงไม่ต้องคิดมาก มึงคิดทำถูกแล้ว มึงเป็นเพื่อนกู ขอบใจที่บอก สมมติว่าถ้ามันมีอะไรขึ้นมาจริงๆแล้วกูมารู้ทีหลังว่ามึงไม่บอกกู กูจะรู้สึกแย่มากๆ”
“อืม มึงจะไม่ทะเลาะกับพี่เขาใช่มั้ยวะ แต่กูว่าพี่เดียวไม่ใช่คนทำอะไรลับหลังมึงหรอก”
“แต่ซึ่งๆหน้าก็ไม่แน่ใช่มั้ย”
“เห้ย ไม่ใช่เว้ย มึงอ่ะ กูขอโทษ มึงอย่าคิดมากนะเว้ย”ขณะที่ไอ้หมวยมันคร่ำครวญไอ้พายกับไอ้คิมก็กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับอาหารที่มันไปตักกันมา ทั้งสองคนมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว สงสัยสีหน้าผมตอนนี้คงไม่ดี
“มึงจะขอโทษกูทำไม มึงนั่นแหละไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวกูกินข้าวก่อน แค่นี้นะ”
“ใครวะ?”
“ไอ้โฟม โทรมาปรึกษาเรื่องผัว”ผมบอกปัดไป ไม่อยากให้พวกมันมาเป็นห่วงด้วยเรื่องไร้สาระ
“หึหึ เดี๋ยวนี้มึงปรึกษาปัญหาผัวกันแล้วเหรอวะ พัฒนาไปไกลมาก”
“สัด กินๆไป”
ผมพยายามทำตัวให้ปกติ และบอกว่ามันคงไม่ได้มีอะไรหรอก แต่ในใจลึกๆแล้วก็อดคิดไม่ได้ และช่วงเวลาแบบนี้มันเป็นอะไรที่แย่มาก และผมก็ผ่านมันไปให้ได้ไวๆ ผมจะยังไม่ตัดสินใคร อยากให้ความยุติธรรมกับอีกฝ่ายก่อน แม้ว่าการจัดการกับความรู้สึกแย่ๆในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่ยากมากก็ตาม
หลังจากกินเสร็จพวกผมสามคนก็แยกย้ายกันไป ไอ้คิมกับห้องมันขับรถมาเอง ส่วนไอ้พายมันจะไปหาคนของมัน แต่จะแวะมาส่งผมที่บ้านก่อนเพราะผมมาคันเดียวกับมัน แต่ผมไม่อยากให้มันขับวนไปมาให้เสียเวลาเลยโบกแท็กซี่กลับเอง พอถึงบ้านก็เจอออร์ดี้เสนอหน้าเข้ามาหา สงสัยจะหิว อาหารที่ไอ้พายให้ก่อนออกไปคงหมดแล้ว
“กินเก่งไปแล้วมึง ตัวใหญ่ขึ้นเยอะแล้วเนี่ย”บ่นไปก็เท่านั้นมันไม่รู้สึกอะไร ก้มหน้าก้มตากินอาหารเอาจมูกไถๆจนจานเลื่อนวนเป็นวงกลม
“เอาตีนจับดิว้า ทำไมมึงโง่”แต่ผมคงโง่กว่าที่มานั่งคุยกับหมาแบบนี้ ผมนั่งมองไอ้ตัวอ้วนกินอาหารจนอิ่ม ก่อนจะชวนมันออกไปวิ่งเล่นในสนามหญ้าหน้าบ้าน ตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้ว เหลือแสงอีกนิดหน่อยก่อนจะหมดวัน ออร์ดี้วิ่งเล่นไปมา เอาจมูกดันดินเหมือนค้นหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะวิ่งไปอีกที่แล้วทำแบบเดียวกัน ท่าทางร่าเริงดี ผมยิ้มให้กับภาพนั้น แต่ในใจกลับว่างเปล่า
ไม่ชอบเลย...ที่ไม่อยากมีความรักก็แบบนี้ ไม่ชอบความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้
ครืด ครืด ครืด...
ผมสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่น คนที่ผมกำลังนึกถึงโทรมาพอดี ช่างใจอยู่ว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ผมได้บอกกับตัวเองไว้แล้วว่าต้องให้ความยุติธรรมกับอีกฝ่ายก่อนจึงกดรับในที่สุด
“น่าน โทษทีที่เพิ่งโทรหา พอดีวันนี้พี่ยุ่งมากเลย”
“อือ ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ”
“ก็คุยงานกับพวกเจ้าของบ่อพลอยอ่ะ แต่ทำคนเดียวเลยวุ่นๆ พอดีคุณทิชาฝ่ายจัดซื้อไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน แพ้อาหารทะเลที่ลูกค้าจัดเลี้ยง พาไปหาหมอแล้วกลับมาพักที่โรงแรม วันนี้พี่เลยให้เขาพักแล้วไปคุยงานเอง พอกลับมาตอนบ่ายเขายังอาการไม่ดีขึ้น แถมท้องเสียเพิ่มอีกเลยพาไปโรงพยาบาลอีกรอบ แล้วพี่ก็ต้องไปคุยงานต่ออีกที่เพิ่งเสร็จเนี่ย”
พี่เดียวมันร่ายยาวเหมือนเก็บกด เล่าเสร็จก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนคนที่เหน้ดเหนื่อยมาก แต่ผมกลับยิ้มออกมา มันไม่ได้มีอะไรจริงๆสินะ ถ้าถามว่าผมเชื่อพี่เดียวมันมั้ย ผมเชื่อนะ ก็ผมยังไม่ทันได้ซักอะไร แล้วมันก็ไม่รู้ด้วยว่าผมไปรู้อะไรมา แต่มันกลับเล่าหมดและช่วงเวลาก็สอดคล้องกับที่ไอ้หมวยเล่า
“หัวหมุนไปหมด เพราะมากับเขาแค่สองคน คุณอ้อมทำงานให้พี่อยู่ที่บริษัท เหนื่อยจัง”ท้ายประโยคฟังดูอ้อนๆยังไงไม่รู้
“ถ้าเหนื่อยก็หยุดบ่นสิ แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
“อยู่โรงแรมเดี๋ยวจะไปอาบน้ำแล้วค่อยไปดูคุณทิชาที่โรงพยาบาลอีกรอบ พรุ่งนี้เช้าหมอบอกว่าให้ออกจากโรงพยาบาลได้”
“อืม ก็ดูแลเขาดีๆ งานเสร็จแล้วใช่มั้ย”
“ครับ พรุ่งนี้เช้าพี่ก็กลับแล้ว ใจจริงว่าจะกลับเย็นนี้เลยแต่คุณทิชาดันป่วยผิดแผนไปหมด ว่าจะรีบทำงานรีบกลับสักหน่อย”
“พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว ไม่ต้องขับรถตอนกลางคืนก็ดีแล้ว”บางทีมันควรมีคนขับรถส่วนตัวเหมือนผู้บริหารทั่วไปนะ เดินทางบ่อยแบบนี้ผมไม่อยากให้ขับรถเองเลย
“ก็อยากกลับไปนอนกอดแฟนนี่ครับ”
“กลับแล้วจะเข้าบริษัทเลยมั้ย”ผมไม่ใส่ใจคำออดอ้อนที่ทำให้หน้าร้อน
“อืม คงต้องแวะเข้าไปเซ็นเอกสารที่ค้างอยู่ พรุ่งนี้ว่างมั้ย มาหาพี่หน่อยสิสักเที่ยงๆ”อ้อนมาอีกระลอก
“ได้ เดี๋ยวไปหา”
“เอ๊ะ ทำไมว่าง่าย”
“ไม่ชอบหรือไง”
“อืมไม่ชอบ”
“..............”
“แต่รักเลย”
“หึ รักให้จริงเถอะ อย่าให้รู้ว่าไปมีคนอื่น หรือจับได้ว่าไม่ได้ไปทำงานแต่ไปกกอิหนูที่ไหนนะ”ผมแกล้งทำเสียงเข้ม
“ทำไมครับ น้ำน่านจะทำอะไรพี่”
“ไม่ทำหรอก แค่เลิก”เลิกจริงๆนะ ถ้าจับได้คาหนังคาเขา
“เดี๋ยวๆ มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย ไม่ได้คิดว่ามีคนอื่นจริงๆใช่มั้ย”
“เปล่า”
“น้ำน่าน เชื่อใจพี่ได้นะ”มันปรับน้ำเสียงจริงจังทันที
“อืม ก็เชื่อใจอยู่”ยิ่งอยู่ห่างก็ต้องยิ่งเชื่อใจกันสินะ มันคือบททดสอบที่เราต้องผ่านไปให้ได้ เพื่อให้ความรักของเราแข็งแรงขึ้น
“คิดถึงนะ พี่จะรีบกลับไปหา”
“อืม รีบกลับมา”
คิดถึงเหมือนกัน ---------------------
เจอกันตอนหน้าค่ะ