รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero - 14 -
ถึงจะบอกว่ามาหาพีท แต่ผมก็หนีบไอ้ธันว์มาด้วย พอไอ้ธันว์มาไอ้อ๊อดกับไอ้โก้ก็ต้องมาเหมือนมีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมสอง แท็คทีมกันมาอย่างหล่อจนคนมองเหลียวหลัง คิดผิดหรือคิดถูกก็ไม่รู้ที่ให้พวกมันมาด้วย ผมนั่งดื่มนั่งส่องอาหารตาบ่มเพาะอารมณ์ให้พีคสุดๆก่อนจะเริ่มปฏิบัติการ ช่วงนี้มีเด็กหน้าใหม่ๆมาให้ส่องแทบไม่หวาดไม่ไหว เพลินอ่ะ
“แปลกนะมึง ปกติเคยที่ไหนแบบนี้อ่ะ”ไอ้ธันว์มันตั้งข้อสังเกต หลังจากที่ผมเล่าเรื่องเจนให้ฟัง รวมไปถึงกิ๊กกั๊กที่มหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้มีหลายคนที่เข้ามาคุยด้วย หยอดๆแหย่ๆบริหารเสน่ห์ไปวันๆ
“กูอยากลองมั่งไม่ได้หรือไง ปล่อยให้มึงทำแต้มนำไปนานละ”หลังจากหลุดจากกรอบที่ตัวเองตีไว้ ผมก็รู้สึกว่าโลกมันกว้างขึ้นนะ แต่กว้างแค่ไหนสุดท้ายก็จบที่เตียงอยู่ดี
“ได้น่ะมันได้ แค่ให้แน่ใจว่ามึงไม่ได้มีปัญหาอะไร หรือทำประชดชีวิต”ข้อเสียของการเป็นเพื่อนกันมานาน รู้จักกันดีจนเกินไป
“กูเนี่ยนะจะประชดชีวิต ตลกละ”ผมแค่เรียกความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมาก็เท่านั้น ซึ่งมันก็ได้ผลดี หนำซ้ำยังรู้สึกสนุกกว่าเมื่อก่อนอีก เพิ่งรู้ว่าตัวเองพลาดโอกาสงามๆไป ตอนที่รู้ว่าทั้งดาวทั้งเดือนหลายคณะก็อยากจะควงผมไม่แพ้ไอ้ธันว์ ของดีๆทั้งนั้น
“มึงจะตลกไม่ออก ถ้าคืนนี้มึงไปกับคนนั้น”ไอ้โก้พูดขึ้น
“ใคร?”
“พีท”
“รู้จัก?”ผมไม่ได้บอกใครเลยนะว่าติดต่อกับพีท ไอ้ธันว์ที่มาด้วยตอนที่ผมเจอพีทก็ไม่รู้ คืนนั้นมันก็ยุ่งกับการสอดส่องสายตาล่าเหยื่อแล้วลากออกไปกิน
“ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็พอรู้ว่าไม่ธรรมดา”ไอ้โก้ตอบกั๊ก จะพูดก็พูดไม่หมด ทำเป็นยิ้มกวนตีนอีก
“ลีลามีอะไรก็ว่ามาดิ๊ แล้วรู้ได้ไงว่ากูจะไปกับเขาวะ”
“หึหึ เมื่อคืนกูมาที่นี่กับเพื่อนได้ยินเขาพูดกับเพื่อนว่าจะจับมึงให้ได้ แล้วคืนนี้มึงก็มาที่นี่”
“เหรอวะ? แน่ใจเหรอว่ากู”
“น้ำน่านที่กูรู้จักก็มีแค่มึง มึงเองก็อยู่ในทาร์เก็ตเขาพอดี แล้วเขาก็ส่งสายตาให้มึงขนาดนั้น”
ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มเพราะเป็นอย่างที่ไอ้โก้พูดจริงๆ พอฟังจากที่ไอ้โก้พูดมาก็ทำให้คิดได้ว่าที่ทำเป็นเล่นตัวนี่แกล้งแสดงละครเรียกร้องความสนใจสินะ
“เพื่อนในกลุ่มม.ปลายกูรู้จัก เคยควงกันมาก่อน จะว่าไปเรียกควงก็ไม่ได้ว่ะ คือสลัดทิ้งไม่หลุดมากกว่า ได้กันคืนเดียวตามจิกตามจี้จนน่ารำคาญ ไปกับคนอื่นก็อาละวาดใส่ตามราวีจนเขากระเจิง ทั้งที่ตกลงกันว่าแค่สนุกแต่แสดงความเป็นเจ้าของจนน่ารำคาญ กูไม่ได้โดนเองยังรำคาญเลย”
“แล้วทำไงเพื่อนมึงถึงพ้นบ่วงมาได้วะ”ไอ้อ๊อดถามด้วยความใส่ใจ
“เพื่อนกูไปเรียนที่เมกา”
“ถึงขั้นหนีเลยเหรอวะ?”แบบนี้ผมว่ามันน่าสยองเกินไป
“เปล่า มันตั้งใจจะไปเรียนตามใจที่บ้านอยู่แล้วประจวบเหมาะพอดีเลยพ้นเวรพ้นกรรม แต่ก่อนหน้าจะไปก็ประสาทแดกไปหลายเดือน”
“ดูจากหน้าแล้วใครก็อยากเข้าหาไม่ใช่เหรอวะ”พีทเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดึงดูดมาก น่าจะมีแต่คนเข้าหน้าให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว ไม่น่ามีนิสัยอย่างที่ไอ้โก้เล่า
“ทำหน้ามาทั้งนั้น แต่ก่อนไม่ดูดีขนาดนี้หรอก”ไอ้โก้บอก ข้อมูลที่ได้รับฟังทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง ยังดีที่ผมยังไม่หลวมตัว งั้นคืนนี้ผมควรชิ่งก่อนสินะ ผมไม่อยากเจอเรื่องปวดหัว จากที่ไอ้โก้เล่ามา คนนิสัยแบบนี้ผมรับไม่ไหวจริงๆ แค่ขี้ปลาทองที่มีอยู่ตอนนี้ก็ปวดหัวพอแล้ว
พวกผมนั่งดื่มกันไม่นาน ไอ้อ๊อดก็ชวนย้ายไปร้านเฮียเสก มันบอกว่าพี่ทักษ์ตามให้ไปกินด้วยกัน ผมว่าย้ายไปก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนพีทจะไปเข้าห้องน้ำเห็นทิ้งสายตาเหมือนจะให้ผมตามไป แต่ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง
“มึงไปสนิทกับพี่เขาตอนไหนวะ”ผมกอดคอไอ้อ๊อดไว้ระหว่างเดินไปหน้าร้านเฮียเสก วันนี้ผมขับรถมาเอง ไอ้ธันว์ก็ด้วย แต่ไอ้อ๊อดติดรถไอ้โก้มา มาถึงดึกแล้วที่จอดรถเลยอยู่ไกลไปหน่อย
“ก็ตั้งแต่คืนนั้นแหละ แลกไลน์กัน ส่งต่อเด็กในสต็อค”มันแสยะยิ้มชั่ว
ไอ๊อ๊อดพาพวกผมไปที่โต๊ะประจำของพวกพี่เขา ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องเจอไอ้บ้านั่น แต่คิดอีกทีอาจจะไม่เจอก็ได้เพราะตอนที่มันกลับไปก็ดูเครียดๆเหมือนจะมีเรื่อง พอไปถึงโต๊ะแล้วไม่เห็นมันผมก็รู้สึกปลอดโปร่ง พวกพี่ๆต้อนรับพวกผมอย่างเป็นกันเอง ดื่มไปคุยกันไปเลยได้รู้จักกันมากขึ้น แต่ละคนไม่ธรรมดาจริงๆ พอดึกขึ้นอีกหน่อยต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง พวกผมสี่คนก็ได้สบายตัวสมดังที่ปรารถนา
X
วันนี้วันเสาร์ผมเข้ามาหาพี่ยศที่บริษัท เนื่องจากจะมีลูกค้าเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งซึ่งมีลูกค้ารีเควสว่าต้องเป็นผมถ่ายแคนดิต ผมเริ่มจับทางตัวเองได้แล้วว่าเหมาะกับการถ่ายภาพแนวไหน
“นั่งรอก่อน ลูกค้านัดไว้ตอนสิบโมง กินไรยังเดี๋ยวกูให้อีบุ้งไปหาอะไรให้กิน”
“ก็ดีพี่ ตื่นมาอาบน้ำแล้วก็ออกมาเลย ไอ้พายไม่อยู่ไม่มีใครทำข้าวเช้าให้”เมื่อคืนไม่ได้ไปเมาที่ไหน นั่งทำงานที่อาจารย์สั่งกับเคลียร์งานของที่ไร่อยู่กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่าแล้ว ดีที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ไม่งั้นได้นอนยาวเลยเวลานัดแน่ๆ นอนดึกตื่นเช้าทำเอาผมขี้เกียจมากวันนี้เลยนั่งแท็กซี่มา ขอมีคนขับให้นั่งสบายๆดีกว่า คุยงานเสร็จก็จะกลับไปนอนต่อ
“น้องน่านอยากทานอะไรคะ พี่จัดให้ มีร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมูกรอบอะไรพวกนี้มาเปิดใหม่ อร่อยนะ อยากลองมั้ย”พี่บุ้งเป็นชายที่ใจเป็นหญิงแต่ไม่ได้นุ่งกระโปรงแต่งหญิงนะครับ แต่สไตล์การแต่งตัวก็เหมือนแฟชั่นนิสต้าบางทีก็ดูหลุดโลกไปนิด พูดจาจีบปากจีบคอตลกโปกฮา เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน โดยเฉพาะเวลาที่จิกกัดกับพี่ยศที่เป็นเจ้านาย
“ข้าวมันไก่พิเศษไม่หนังไม่เลือดครับ”
“จัดไปค่ะ บอสอยากกินอะไรดีคะ หญ้าหรือฟาง”
“อิบุ้ง! หญ้ามึงเอามากินให้อิ่มแล้วก็เอาฟางมาเผาตัวเองเถอะ”
“แหมๆ บอสก็ล้อเล่นค่ะ ตกลงเอาไรคะ”
“ข้าวหมูแดงใส่ทุกอย่าง ไปถามพวกข้างนอกด้วยว่าจะเอาอะไร กูเลี้ยง”
“ได้ค่ะ บอสใจดีอีกแล้วบุ้งช๊อบชอบ”พี่ยศส่ายหน้าเอือม ผมได้แต่ยิ้ม ชอบจังบรรยากาศการทำงานเป็นกันเองแบบนี้
“ขอกาแฟด้วยนะครับพี่บุ้ง”หันไปยิ้มหวานให้หนึ่งทีเพื่ออาหารอร่อยและกาแฟประทังชีวิต
“ได้ค่ะ สุดหล่อ ไหนมาให้พี่ชื่นใจสักทีสิ”พี่บุ้งทำท่าจะเข้ามาจูบผมแต่ถูกพี่ยศเบรคด้วยการผลักหัวจนหน้าหงาย
“ให้มันน้อยๆหน่อยอิบุ้ง ไปเร็วๆ”
“ขัดลาภตลอดเลย”พี่บุ้งบ่น ค้อนใส่เจ้านายตัวเองแล้วเดินกระแทกเท้าออกไปบอกให้รู้ว่างอนแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร ขำๆกันไป
“ถ้าไม่มีพี่บุ้งออฟฟิซคงเงียบเหงานะพี่”
“เออ แต่บางทีก็รำคาญ พูดห่าอะไรทั้งวัน กูเหนื่อยแทน”
“ครับ เออพี่แล้วลูกค้า คนนี้เขาเป็นใครเหรอ ทำไมถึงเจาะจงให้เป็นผมด้วย”
“เจ้าสาวเป็นเพื่อนของไอ้ศิ มันเห็นรูปจากงานไอ้ศิที่มึงถ่ายแล้วชอบ”
“อ๋อครับ”พี่ศิคือญาติพี่ยศที่ผมไปถ่ายรูปให้ครั้งก่อน
“เออ ส่วนงานของ VW จะเริ่มงานครั้งแรกอีกสองอาทิตย์เดี๋ยวกูบอกวันที่แน่ๆอีกที ไปถ่ายที่สตูดิโอเขาแต่ทีมงานของเราเอง”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่ต้องไปก็ได้มั้งพี่”
“ไม่ได้ดิ กูได้งานก็เพราะมีมึงช่วยนะ มึงกังวลอะไร กลัวไอ้พวกนั้นจะว่ามึงหรือไง ไม่มีใครว่ามึงหรอก มันยังอยากให้มึงมารับงานเต็มตัวเลย เพราะตอนนี้งานล้นมือมากๆ กูปฏิเสธไปหลายงาน โคตรเสียดาย”
“ครับ”
“มึงนี่แปลกเห็นมั่นใจทุกเรื่อง ทำไมเรื่องนี้ป๊อดวะ ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงมีฝีมือกูจะชวนมาทำงานมั้ย แล้วนี่โอกาสดี ประสบการณ์ที่ดีของมึงเลยนะ ถ่ายงานให้ VW เนี่ย”
“ครับพี่ ครับๆ ผมผิดไปแล้ว บ่นยาวเลยนะ”ยอมแพ้เลย พูดเรื่องนี้ทีไรพี่ยศเทศน์ยาวตลอด
“มึงทำตัวน่าบ่นไง เอาเป็นว่าถ้าครั้งไหนงานมันชนกับที่มึงเรียนกูจะให้คนอื่นไปแทน”
ผมสบายใจเมื่อพี่ยศพูดแบบนี้ ถึงผมจะดีใจกับงานที่ได้แต่ช่างภาพประจำบริษัทนั้นมีหลายคน การที่ผมที่เป็นแค่เด็กรับจ้างเป็นจ็อบจะมาทำงานแทนตลอดมันก็ดูไม่ดีแม้ผมจะมีส่วนที่ทำให้ได้งานนี้ก็ตาม อีกประเด็นที่สำคัญคือผมกลัวว่างานจะชนกับเวลาเรียน ผมไม่อยากให้กระทบการเรียน ยังไงผมก็ต้องเลือกหน้าที่หลักของตัวเอง
พี่บุ้งกลับมาพร้อมกับอาหารที่สั่งไป ผมกับพี่ยศรีบจัดการโดยไวเพราะใกล้เวลานัดของลูกค้าแล้ว ระหว่างนั้นก็รู้ว่าพี่ยศเปิดรับช่างภาพใหม่ เพราะงานที่เริ่มเพิ่มขึ้นและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเลยทำให้มีลูกค้าติดต่อมามากกว่าเดิม พี่ยศมีแผนที่จะแยกช่างภาพในแต่ละประเภทให้ชัดเจนขึ้น เลือกคนให้เหมาะกับงานเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพมากขึ้น
ก่อนสิบโมงลูกค้าที่นัดไว้ก็มาถึงก่อนเวลาประมาณสิบนาที พี่ยศกับผมลงไปพบลูกค้าที่ห้องรับรองของบริษัทที่อยู่ชั้นสอง พี่บุ้งเดินเข้าไปพร้อมกับแม่บ้านเพื่อเสริ์ฟน้ำและของว่างให้ลูกค้า ผมกับพี่ยศตามเข้าไปพร้อมกับพี่ฉัตรที่เป็นช่างภาพหลักของงานนี้ ทันทีที่สบตากับเจ้าบ่าวผมก็ชะงักไป
ไอ้เหี้ยนั่น!
ตั้งแต่วันนั้นที่มันเดินหน้าเครียดกลับบ้านไป ผมก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย เบอร์ที่เอาไปมันก็ไม่ได้โทรมาก่อกวนเหมือนพวกโรคจิตหรือโทรจิกให้ผมไปหาอย่างที่มันเคยบอกไว้ แต่ผมก็ไม่คิดว่าการเจอกันอีกครั้งของผมกับมันจะอยู่ในสถานการณ์นี้ เจ้าบ่าว? จะแต่งงานแล้วมายุ่งกับผมทำไม เจ้าสาวจะรู้หรือเปล่าววะว่าเจ้าบ่าวแม่งนอนกับผู้ชายด้วย คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวผมจนพี่ยศเอ่ยแนะนำตัวกับคนทั้งคู่
“สวัสดีครับ ผมยศวี นี่ฉัตรเป็นช่างภาพหลัก นี่ชลธรช่างภาพแคนดิตที่รีเควสมา แล้วก็แป๋วครับจะเป็นคนประสานงานทุกเรื่องให้”
“สวัสดีค่ะ ฉันนลินค่ะ ส่วนนี่ภัทรดนัยค่ะ”ผู้หญิงสวยหวานมั่นคนนั้นแนะนำตัว
“ครับ แต่ผมแปลกใจจังเลยนะครับ ทำไมเจ้าบ่าวถึงได้กลายเป็นคุณภัทรดนัยได้ล่ะครับ”คำถามของพี่ยศทำให้ผมแปลกใจจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองคนฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าจะเลือกที่นั่งเหมาะเจาะไปมั้ย อีกฝ่ายก็มองผมกลับมานิ่งๆ แต่ในแววตานั้นมันดูเหมือนมีอะไรไม่น่าไว้วางใจ
“อ๋อ ลินยังไม่ได้เปลี่ยนเจ้าบ่าวหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณภวัตตามมาค่ะ พอดีติดธุระนิดหน่อย เลยส่งน้องชายมาเป็นตัวแทนก่อนค่ะ”ว่าที่เจ้าสาวหัวเราะเบาๆพร้อมกับตอบคำถาม เธอดูดีมากจริงๆ
“อ๋อครับ ผมก็ตกใจหมด อีกอย่างไม่คิดว่าโลกกลมจะเจอคุณภัทรดนัยที่นี่”
“ครับ โลกกลมจริงๆที่พี่แชมป์กับพี่ลินเลือกบริษัทของคุณยศ”เกิดความสงสัยขึ้นทันทีพี่ยศไปรู้จักกับมันได้ยังไง แต่ช่างมันก่อนครับ ตอนนี้ผมภาวนาให้การคุยงานจบลงเร็วๆจะได้กลับบ้านสักที
“นั่นสิครับ เรามาเริ่มกันก่อนเลยมั้ยครับหรือว่าจะรอคุณภวัตก่อน”
“เริ่มได้เลยค่ะ ยังไงคนตัดสินใจก็ต้องเป็นลินอยู่ดี ใครจะกล้าขัดใจเจ้าสาวคะ”ผมยิ้มเมื่อเธอพูดติดตลกได้น่ารัก แต่รอยยิ้มก็ต้องจางลงเมื่อสบตากับคนฝั่งตรงข้าม ผมเบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นหน้ามัน เกลียดขี้หน้า
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเจ้าบ่าวตัวจริงก็มา ดูแล้วค่อนข้างตามใจเจ้าสาวอยู่มาก แต่คนทั้งคู่ก็เหมือนจะชอบให้ตัวแถมคอยออกความเห็น จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ถึงแม้ความคิดเห็นที่มันแสดงออกมาจะเจ๋งมาก็เถอะ ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงการสนทนาก็จบลง ได้ข้อสรุปธีมที่บ่าวสาวอยากได้ จากนั้นจะเป็นเรื่องของทีมงานที่ต้องหาสถานที่ให้ตรงตามต้องการ นัดวันถ่าย ส่วนเรื่องชุดสามารถไปเลือกได้ที่ร้านที่เป็นญาติของพี่ยศอีกที เรียกได้ว่าเงินทองหมุนเวียนอยู่ในเครือญาติพี่ยศนี่แหละครับ
ผมออกมาเรียกแท็กซี่ที่หน้าบริษัทแต่แอสตันมาร์ตินคันคุ้นตาก็มาจอดเทียบขวางทาง ผมจิ๊ปากหงุดหงิดแต่พอขยับเดินขึ้นหน้าไปมันก็ขับตามมาขวางอยู่นั่น ผมเลยหยุดมองลอดกระจกที่กำลังลดระดับลง
“ขึ้นมา”
“ไม่”เรื่องอะไรต้องขึ้นไปวะ ผมเดินหนีมันก็ขับตามอีก มีรถคันอื่นขับตามมาเหมือนกัน เริ่มมีเสียงบีบแตรไล่เพราะมันขวางทางการจราจร แท็กซี่ที่ผมจะเรียกก็ไม่สามารถขับเข้ามาได้ ไอ้บ้านั่นขับตีคู่ตลอดทางที่ผมเดิน ผมเลยเปลี่ยนทิศทางเดินย้อนกลับไป ยังไงมันก็ไม่สามารถกลับรถเพื่อขับตามได้อยู่แล้ว คิดว่าผมจะเป็นเหมือนนางเอกในนิยายในละครที่สุดท้ายทนความกดดันของรถคันอื่นไม่ไหวแล้วต้องยอมขึ้นรถไปกับมันด้วย
“เห้ย อ๊ะ ไอ้เชี่ย ปล่อยนะเว้ย!”โคตรตกใจอีกสองคันก็จะถึงแท็กซี่ที่เปิดไฟว่าง แต่ก็มีมือมารมาคว้าไหล่กระชากเอวผมจนเซถลาไม่ทันตั้งตัวเลยถูกมันลากมายัดรถได้อย่างง่ายดายด้วยความมึนงงเพราะทุกอย่างมันเร็วมาก แรงควายจริงๆ ผมไม่ได้ตัวเล็กๆนะแต่ถูกมันอุ้มปลิวเลย
“โอ๊ย ไอ้เหี้ย เจ็บนะ”หัวผมโขกกับขอบประตูรถ โคตรเจ็บ พอมันจับผมยัดใส่รถปิดประตูกระแทกหน้าได้มันก็รีบกลับมาประจำที่อย่างไวเหมือนกลัวผมจะหนีลงจากรถ เจ็บหัวขนาดนี้ผมไม่หนีให้เหนื่อยหรอก อยากจะพาไปไหนก็ไปเลย หายเจ็บเมื่อไหร่ผมค่อยเอาคืน
“แม่งโนมั้ยเนี่ย”
“สม ให้ขึ้นดีๆไม่ขึ้น”
“ยุ่ง”
“ปากดี เดี๋ยวจับจูบซะเลย”
“ไอ้โรคจิต!”
“หึ กินไรดี”หะ อะไรของมัน เปลี่ยนเรื่องไวฉิบเป๋ง
“ไม่กิน”อยากกลับไปนอนจะแย่แล้ว แต่ดูท่าความตั้งใจของผมไม่เป็นผลหรอก นั่งอยู่บนรถที่มันเป็นคนขับมันจะพาไปไหนผมจะไปขัดขวางอะไรมันได้ จะให้เปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไปก็มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละที่ทำแล้วไม่ตาย ที่สำคัญมันเปิดประตูไม่ได้ด้วยไง
“หิว”
“ข้างหน้ามีร้านข้าว กินๆแล้วก็แยกย้าย กูอยากกลับบ้าน”
“ขอทีเถอะ เลิกพูดกูมึงได้มั้ยเนี่ย เห็นไม่ว่านี่พูดใหญ่เลยนะ”
“เรื่องของกู”
“ชลธร”มันเรียกเสียงต่ำคล้ายกำลังข่มอารมณ์สุดๆ
“จะมากะเกณฑ์ไรนักหนา พ่อแม่พี่น้องก็ไม่ใช่”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ แต่เป็นผั...”
“ไอ้สัด! หยุดพูด”ผมตะครุบปากมันไว้ก่อนจะหลุดพูดคำนั้นออกมา โคตรเกลียด เกลียดคำนั้นของมันที่สุด
“หึหึ”
ไอ้เสียงหัวเราะแบบนี้ของมันก็โคตรเกลียด เกลียดทุกอย่างที่เป็นมันนั่นแหละ เมื่อไหร่จะพ้นเวรพ้นกรรมสักที ถึงจะคิดได้หลายครั้งว่าควรไหลไปตามน้ำ แต่พอเจอหน้าจริงๆมันทำใจไม่ได้สักที มันยากจริงๆกับการที่ต้องฝืนใจทำอะไรที่ไม่อยากทำ
“จะไปไหน”หลังจากนั่งเงียบมาสักพัก ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเส้นทางมันห่างออกจากเมืองทุกที
“หัวหิน”
“ห๊ะ ไปทำไม?”
“หาของกิน”
“ไกลไป”
“นั่งเฉยๆเถอะน่า แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึง”มันพูดพร้อมกับหยิบแว่นกันแดดมาสวม รุ่นนี้โคตรสวยผมยังอยากได้อยู่เลย ว่าจะฝากเพื่อนไอ้โอ๊ดหิ้วกลับมาอยู่
“มองขนาดนี้ หลงรักพี่แล้วใช่มั้ย”ถามแบบนี้อีกแล้ว คิดว่ามันมีดีอะไรให้ผมหลงรักวะ
“รอให้พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกก่อนเถอะ”เพลียใจจริงๆ ผมไม่ต่อปากต่อคำกับมันอีก แต่เงียบไปไม่นานมันก็ชวนคุยอีก
“ชอบถ่ายรูปมากเลยเหรอ”
“อืม”
“ถ่ายมากี่ปีแล้ว ฝีมือดีเชียว”
“ห้าหกปีแล้ว”
“แล้วทำไมถึงได้มาทำงานกับคุณยศวีได้ล่ะ”
“เป็นนายทะเบียนหรือไง”ถามมากไปแล้ว ขับไปเฉยๆไม่ได้หรือไงวะ
“ก็อยากรู้ ถามดีๆนะเนี่ย กวนทำไม”
“จะรู้ไปทำไม”
“ใครๆก็อยากรู้เรื่องคนที่ตัวเองสนใจทั้งนั้นแหละ หรือน่านไม่อยากรู้”
“ไม่เคยอยากรู้ เพราะสิ่งเดียวที่สนใจคือเซ็กส์”
“เออ ตรงดี เคยคบใครแบบจริงจังมั้ย”
“ไม่เคย ไม่อยากคบ”
“สนุกไปวันๆว่างั้น”
“แน่นอน หรือว่ามึงไม่ทำอย่างนั้น”น้ำหน้าอย่างมันก็คงไม่ต่างจากผมนักหรอก อาจจะผ่านมาโชกโชนกว่าด้วยซ้ำ
“พี่ ไม่ใช่มึง”
“กระดากปากที่จะเรียก”จริงๆ เรียกพี่แล้วคันปากยิบๆเลยนะ
“แค่คำว่าพี่จะกระดากไรนักหนา ไม่ได้ให้เรียกที่รักสักหน่อย”
“โอ๊ย พูดไรวะ ขนลุกเลยเนี่ยเห็นมั้ย”ผมยื่นแขนให้มันดู มันเหลือบตามองก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นรถ ไอ้คนที่นั่งนิ่งๆตอนคุยกับพี่ยศมันหายไปแล้ว เหลือแต่ไอ้บ้ากวนตีนประสาทเสียและโรคจิต
“น่ารักว่ะน่าน”พูดไม่พอยังเอามือมาขยี้ผมผมอีก แต่ขอโทษเถอะครับ คนอย่างน้ำน่าน ชลธรต้องเรียกหล่อเว้ย ไม่ใช่น่ารัก!
แอสตัน มาร์ตินคันงามที่เบาะนิ่มก้นพาผมมาถึงชายทะเลหัวหิน คือถ้าหิวจริงๆผมไม่ถ่อมาไกลถึงนี่หรอกแวะกินข้าวมันไก่ข้างออฟฟิซที่ยศดีกว่า เมื่อเช้าที่ได้กินฝีมือเขาดีจริงๆ แต่ร้านที่ไอ้บ้านั่นพามาบรรยากาศโคตรดี อยู่ริมทะเล มีสาวๆในชุดบิกีนี่ให้ดูบ้างประปราย ลมทะเลพัดโชยเบาๆจนผมเผลอสูดกลิ่นเค็มของทะเลเข้ามาเต็มปอด ไม่ได้มาทะเลนานแล้ว ตอนที่รับน้องก็ไม่ได้มากับคนอื่นเขา
“สั่งเลยพี่เลี้ยง”
“แน่นอนอยู่แล้ว เป็นคนพามานี่หว่า”ผมเปิดเมนูขึ้นมา ตอนแรกก็เฉยๆนะแต่พอเห็นเมนูอาหารเท่านั้นแหละ น้ำย่อยทำงานหิวขึ้นมาทันที ทะเลเผาครั้งก่อนที่ทำกินที่บ้านมันก็ไม่สะใจและได้บรรยากาศเท่ากับมากินถึงทะเลจริงๆ ผมเลยจัดมาครบกุ้ง หอย ปู ปลา แถมกั้งด้วยเอาให้คนเลี้ยงกระเป๋าฉีก อยากป๋านัก จะจีบผมใช่มั้ย จีบได้จีบได้จีบไป ใจผมหนักแน่นซะอย่างใครจะมาทำอะไรได้
“ขอทวนรายการนะคะ ปลากะพงทอดน้ำปลา โป๊ะแตก ทะเลเผา กุ้งอบวุ้นเส้น ทะเลลวกจิ้ม กั้งทอดกระเทียม หมึกแดดเดียว ยำหอยนางรม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม”
“อ้อ ข้าวผัดปูด้วยครับ จานกลางก็พอ”
“จะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ”
“พอแค่นี้ก่อนครับ”ผมกำลังจะสั่งทอดมันเพิ่มแต่ถูกขัดเสียก่อน มันสั่งแค่น้ำเปล่ากับน้ำแข็งเพิ่มจากที่ผมสั่งไปเท่านั้น
“ทำไมจ่ายไม่ไหวหรือไง”
“เหมาทั้งร้านก็จ่ายไหว แต่สั่งมาเยอะแยะกินหมดหรือไง เหลือทิ้งเสียดายของ”
ผมเบ้ปากใส่มัน เบื่อคนขี้บ่น แต่พออาหารมาเสิร์ฟจริงๆผมก็ย้อนคิดถึงคำพูดของมันขึ้นมา แต่ละอย่างไม่ใช่น้อยๆ แล้วสั่งมาเกือบสิบอย่างชายหนุ่มสองคนต่อให้กินเก่งแค่ไหนก็ไม่หมดหรอก นึกถึงไอ้เพื่อนชั่วทั้งหลายทันที
“กินไม่หมดจะให้เดินกลับกรุงเทพเอง”
“ใครจะไปโง่เดินกลับวะ รถมีก็ขึ้นสิ จะให้ซื้อรถอีกคันขับกลับยังไหว”ขู่เหมือนผมเป็นเด็กอมมือไปได้ ปล่อยทิ้งไว้ผมก็มีปัญญากลับเองได้ จะเดินกลับออกไปตอนนี้เลยก็ได้ ติดแค่ขี้เกียจฝ่าเปลวแดดและลมทะเลเหนียวหนึบไปก็เท่านั้น ผมไม่สนใจไอ้คนตรงข้ามอีก กินดีกว่า มันเองก็คงหิวเหมือนกันดูมีความสุขกับการกินมากเหลือเกิน
“ทำไมไม่กินกุ้งอบวุ้นเส้น”มันกินทุกอย่างแต่ไม่แตะอยู่อย่างเดียว
“เหม็น”
“เหม็นอะไร”
“คื่นช่ายไง ไม่ชอบ”
“เด็กว่ะ”
“คนเรามันก็ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบบ้างสิ”ก็จริง แต่ผมหมั่นไส้มันว่ะ ตักใส่จานแม่ง
“เห้ย เอาออกไป มันเหม็น”
“แค่ผักร้องโวยวายไปได้”
“กลิ่นมันติดข้าวเนี่ย เอาออกไปเลย”
“เอาออกเองดิ”
“น้ำน่านแม่ง”
โคตรตลกอ่ะ หน้ามันยี้กับกองผักในจานมาก ผมรู้สึกเหมือนเห็นเด็กห้าขวบถูกบังคับให้กินผักอยู่ตรงหน้า น่ารักสัด เอ๊ะ! ทำไมผมถึงมองมันน่ารักวะ
“แค่กลิ่นติดเอง”
“ไม่ชอบเว้ย”
“พูดจาไม่เพราะ”ขอเอาคืนมั่งเถอะวะ แต่ผมฮามันจริงๆนะ ผู้ชายตัวควายๆแต่ไม่สามารถจัดการกับผักเหี่ยวๆในจานตัวเองได้
“ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะ เด็กบ้านี่”มันเรียกพนักงานมาขอจานใบใหม่แล้วเริ่มกินต่อ ผมนั่งกินนั่งตีกับมันไปจนอาหารที่สั่งมาเกือบหมด อิ่มจนอืดอ่ะครับ เสียดายแต่ยัดไม่ไหวแล้ว ต้องนั่งพักพุงอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเรียกเช็คบิล ผมคิดว่ามันจะกลับเลย แต่มันกลับพาผมไปวัดห้วยมงคลต่อ ผมก็ไม่ได้รีบไปไหนก็เลยปล่อยเลยตามเลย อยากทำอะไรก็ตามสบายเผื่อว่ามันจะเห็นว่าผมไม่ต่อต้านไม่มีความท้าทายใดให้มันได้สนุกจะได้เลิกตอแยผมเสียที
หลังจากไหว้พระเสร็จมันก็แวะไปจิบกาแฟต่อที่ร้านตรงสถานีรถไฟ ซึ่งผมชอบมาก เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมาด้วย แต่ก็ใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายเอาไว้หลายรูป ตอนแรกผมว่าจะไปดื่มเพราะมันเย็นแล้ว แต่กลิ่นกาแฟหอมก็ทำให้อดใจไม่ไหว
“เดี๋ยวไปโต้รุ่งมั้ย”ไม่ใช่คำถามจากมัน แต่เป็นคำถามจากผมเอง ไหนๆก็มาแล้ว อยากเดินเล่น หาของกินตอนค่ำต่อ มันก็ดูจะแปลกใจที่ผมเอ่ยชวน เอาจริงๆถ้าตัดเรื่องที่มันทำกับผมไว้วันนั้นออกไป มันก็ไม่ได้เลวร้าย เรื่องอื่นที่เคยไม่ถูกกันก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแล้ว
“เอาสิ อยากไปก็จะพาไป”
“ป๋าเหลือเกินนะ”ตั้งแต่มาผมยังไม่ได้เสียเงินจ่ายค่าอะไรเลยนอกจากตอนทำบุญ มันควักออกให้หมด ที่จริงก็ไม่ได้อยากให้เป็นบุญคุณอะไร แต่ในเมื่อมันลากผมมาทำไมต้องต้องเสียเงินเองด้วย
“แล้วสนใจเป็นเด็กป๋ามั้ย”สายตามันเจ้าชู้มาก แต่ผมไม่หวั่นไหวหรอกนะ
“ฝันไปเถอะ”
นั่งชิลกันอีกพักใหญ่ก็เคลื่อนย้ายกันไปที่โต้รุ่ง เดินดูของกันไปเรื่อยๆ ส่วนมากผมจะถ่ายรูปมากกว่า ไว้วันหลังจะชวนพวกไอ้เต้มาถ่ายรูปกัน ไอ้โฟมมันก็ชอบ สงสัยต้องจัดสักทริปแล้วหลังสอบมิดเทอม
“ซื้อไปทำอะไรเยอะแยะ”
“ฝากเพื่อนฝากน้อง”ผมกำลังเลือกพวงกุญแจกะลามะพร้าวอยู่ อันที่จริงก็มีขายหลายที่ ที่เชียงใหม่ก็มี แต่ร้านนี้เขาทำกวนๆดีผมชอบ ไอ้คนถามมันก็มายืนเลือกด้วยเหมือนกัน แต่เลือกไปแค่สี่ตัว ผมไม่ได้ถามว่าเอาไปให้ใคร ธุระไม่ใช่ พอเลือกเสร็จจ่ายเงินก็ไปต่อแถวซื้อน้ำปั่น ก่อนจะเลือกสักร้านเพื่อกินมื้อเย็น แต่ละร้านก็มีเมนูไม่ต่างกันต้องเสี่ยงดวงแล้วว่าร้านไหนจะอร่อย ไอ้บ้านั่นเลือกร้านที่มีขายเบียร์สดด้วย พอได้โต๊ะสิ่งแรกที่สั่งก็คือเบียร์ ส่วนอาหารมันให้ผมจัดการ อยากจะสั่งยำคื่นช่ายมาให้จริงๆ
“ไม่ต้องสั่งที่มีคื่นช่ายมานะ ไม่กิน”มันรีบบอกทันที รู้ทันผมอีก
“อะไรจะขนาดนั้นวะ”
“ก็คนไม่ชอบ อย่าให้รู้ว่าไม่ชอบอะไรบ้างก็แล้วกัน”
“ที่ไม่ชอบน่ะเหรอ ก็นั่งอยู่ข้างหน้านี่ไง”ผมหมายถึงมัน แต่แทนที่มันจะไม่พอใจกลับยิ้มแล้วโน้มตัวเข้ามาหา
“ไม่ชอบ แต่ก็มาเดทด้วยกันละนะ”
“เดทบ้าอะไรวะ”ถูกบังคับให้นั่งรถมา ไม่เรียกว่าเดทเว้ย!
“หึ กินข้าวชายทะเล เที่ยวด้วยกัน ตบท้ายด้วยดินเนอร์ เดทชัดๆไม่รู้ตัวหรือไง”
“ไม่ใช่เว้ย แม่ง”หมดอารมณ์แล้ว อยากกลับ
“ล้อเล่นน่า เอ้า ดื่มๆเข้าไป จะได้ใจเย็นๆ”
“จะมอมหรือไง”
“คออ่อนขนาดนั้น? แต่วางใจเถอะ ถึงไม่เมาถ้าคิดจะทำอะไรจริงก็ทำได้”
“ใช่ กูไม่ลืมหรอก”มันพูดอารมณ์ผมก็ขึ้นทันที ถ้าไม่มาสะกิดผมก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องที่ตกเป็นรองแบบนนั้นมันน่าเจ็บใจ
“น้ำน่าน...พี่ขอโทษ”
ผมเลี่ยงที่จะพูดถึงมาตลอด เจอหน้ากันก็มีแต่ใส่อารมณ์ เลยทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่มันพูดคำนี้กับผมเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้น
“ขอโทษจริงๆ”ผมเบือนหนีสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา มันดูเว้าวอนถ้าไม่เข้าใจไปเองเหมือนมันจะมีส่งผ่านคำขอโทษผ่านสายตานั้นด้วย
“อืม”ผมไม่รู้จะตอบรับอะไรไปดีนอกจากยอมปล่อยผ่านมันไป
“แล้วก็ที่บอกว่าสนใจพี่ก็พูดจริงๆนะ”
คำขอโทษนี่ผมยอมรับได้ แต่ไอ้ความรู้สึกอื่นบอกตรงๆว่าไม่มีทาง ต่อให้ตัดเรื่องวันนั้นทิ้งไป ลบความไม่พอใจหรืออคติต่างๆก่อนหน้านี้ไปจนหมด ระหว่างผมกับมันก็คงเป็นได้แค่คนรู้จักเท่านั้น
-----------------
มาล้าวววววววววววววววว
พอดูจำนวนตอนแล้วบั่บ เอ๊ะ ทำไม 14 ตอนแล้ว เนื้อเรื่องยังไม่ถึงไหนเลย 5555
ขอบคุณคนที่ยังอยู่กับเรานะคะ ยังติดตามไม่ทิ้งไปไหน ฮ่าาา