กว่าจะพาเพื่อนของเมฆไปส่งที่หอเสร็จก็เลยเวลาเที่ยงไปแล้วนิดหน่อย หากน้ำกับเมฆตกลงกันว่าจะไปหาอะไรรับประทานกันในห้างก่อน และหลังจากนั้นค่อยไปดูหนังกันต่อ
ในตอนบ่ายของวันอาทิตย์เช่นนี้ภายในห้างมีคนมาเดินกันหนาแน่น เป็นพวกเป็นคู่รักหรือครอบครัวเสียส่วนใหญ่ ตามร้านอาหารมีคนนั่งเต็มเกือบทุกร้าน ส่วนน้ำกับเมฆก็ไม่ได้รับประทานอะไรมาตั้งแต่เช้า ด้วยความหิว ประกอบกับที่ขี้เกียจรอคิว พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะรับประทานพวกฟาสฟู้ดเป็นอาหารกลางวัน
“พี่น้ำนั่งรอที่โต๊ะนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้กิน”
“โอเค” น้ำยัดธนบัตรใส่ในมือรุ่นน้อง “เดี๋ยวพี่จะจองตั๋วหนังให้”
เมฆไม่ยอมรับเงินจากอีกฝ่าย “ไม่เอาครับ พี่น้ำไปหาที่นั่งจองตั๋วหนังเถอะ”
น้ำไม่อยากขัดใจเด็กหนุ่ม เขาจึงพยักหน้ารับแล้วเดินไปหาโต๊ะว่าง “เอางั้นก็ได้”
ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงตรงโต๊ะที่ว่างโดยไม่ได้สนใจโต๊ะข้างๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดเปิดเว็บไซต์ของโรงภาพยนตร์เพื่อจัดการจองที่นั่ง ขณะที่กำลังจะกดจองนั้นก็มีเสียงของใครบอกคนเรียกชื่อเขา
“น้ำ น้ำนี่นา”
เจ้าของชื่อเรียกเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปทางต้นเสียง เขาหรี่ตามองใบหน้าของหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่กับเพื่อนหญิงด้วยกันอีกสองสามคน แต่เขาดันจำเธอไม่ได้... ใครกันวะ?
“จำหญิงไม่ได้แล้วเหรอ”
จะว่าไป... ก็คุ้นๆ ว่าตอนอยู่ปีหนึ่งเคยคบกับคนชื่อหญิงอยู่สามคน “.....” น้ำจ้องมองเธอนิ่ง พยายามนึกย้อนกลับไปว่าเธอคือหญิงเบอร์ไหน
“จำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก หญิงสวยขึ้นใช่มั้ยล่า” เธอยิ้มกว้าง “ไม่ได้เจอกันนาน น้ำเป็นยังไงบ้างอะ”
ชายหนุ่มตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้า “อือ ก็ดี”
“หญิงก็สบายดีน้า นี่... มีคนมาทักหญิงว่าหน้าสวยเหมือนสาวเกาหลีด้วยล่ะ น้ำคิดว่าไง”
“อือฮึ... ก็คงงั้น” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่อง เขาฝืนยิ้มตอบแล้วก้มลงกดจองตั๋วภาพยนตร์ให้เสร็จ แต่พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธอถือวิสาสะมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขาแล้ว หนำซ้ำยังหนีบกระเป๋าหนังพร้อมกับยกแก้วกาแฟมาดื่มด้วยเสร็จสรรพ “เอ่อ ขอโทษนะ คือผมไม่ได้มาคนเดียว”
“อ้าวเหรอ ไม่เป็นไรนะ หญิงก็ไม่ได้มาคนเดียวเหมือนกัน” เธอชี้ไปที่โต๊ะของเธอซึ่งมีหญิงสาววัยเดียวนั่งอยู่อีกสามคนพลางหัวเราะคิก “น้ำมากับใครอะ”
“มากับผมเองครับ” เสียงตอบจากคนที่ถือถาดใส่อาหารมาวางลงบนโต๊ะ เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “เพื่อนเหรอครับพี่น้ำ”
“เปล่า คนเคยรู้จักน่ะ” น้ำตอบเสียงเรียบ
หญิงสาวค้อนขวับใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปหาคนที่เดินเข้ามาสมทบ ในตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแกล้งตัดพ้อต่อว่าน้ำให้เพื่อนของเขาฟังเสียหน่อย แต่พอเห็นใบหน้าของเมฆเข้าก็เลิกคิ้วขึ้น เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นมิตรพร้อมยิ้มหวาน “โอ้ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“เพื่อนของน้ำเหรอคะ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“ผมเป็นรุ่นน้องพี่น้ำครับ”
“ชื่ออะไรเอ่ย”
“ชื่อเมฆครับ”
“น่ารักจังเลย ไม่ยักรู้ว่าน้ำมีรุ่นน้องน่ารักแบบนี้อะ”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วถามออกไปเสียงเรียบ “รู้แล้วจะทำไมเหรอ”
“ก็...” หญิงสาวชะงัก เธอยังจำสีหน้านิ่งเฉยกับน้ำเสียงแบบนี้ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเมื่อครั้งที่เธอบอกรักเขา หรือเมื่อตอนที่บอกเลิกกันอีกฝ่ายก็ทำหน้านิ่งเช่นนี้ พอเห็นแล้วก็ยังคงรู้สึกเจ็บแปลบเฉกเช่นในวันเก่า “น้ำไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” เธอตอบพลางพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ
“ทำไมผมจะต้องเปลี่ยนด้วยล่ะ” น้ำถามสวนกลับไปทันควัน คราวนี้น้ำเสียงของเขาขรึมขึ้นอีกเล็กน้อย นัยน์ตาดูว่างเปล่า และรอยยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากนั้นก็ได้จางหายไปแล้ว “เพื่อนคุณรออยู่ที่โต๊ะนะ”
หญิงสาวรู้ดีถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้น เธอยิ้มบาง “หญิงดีใจนะที่ได้เจอน้ำอีก” จากนั้นเธอจึงลุกขึ้น เดินกลับไปที่โต๊ะก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยปากไล่ออกมาอย่างชัดเจน
เมฆจ้องสีหน้าและท่าทางของทั้งสองเขม็ง ไม่ต้องเดาให้ยากก็พอจะรู้ว่าพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กันแบบไหนมาก่อน
ในตอนแรกที่เห็นรุ่นพี่นั่งอยู่กับเธอที่โต๊ะตามลำพังก็นึกว่าเป็นแค่คนรู้จักกันเข้ามาคุยธุระหรือไม่ก็มาหาดาวน์ไลน์ แต่พอรู้เธอเป็นใครก็ออกจะโมโหเสียด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อได้เห็นท่าทีที่น้ำมีต่อเธอแล้ว เขากลับรู้สึกเจ็บในหัวใจชอบกล
ภายในร้านอาหารมีผู้คนเนืองแน่น เสียงพูดคุยปะปนกับเสียงหัวเราะดังลั่นจากทุกมุม ยกเว้นที่โต๊ะซึ่งเมฆกับน้ำนั่งอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งนิ่งราวกับตุ๊กตาหิน ไม่สบสายตากับเมฆเลยแม้แต่น้อย เขาเบือนหน้ามองผ่านผนังกระจกออกไปทางด้านนอกร้าน
เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ “พี่น้ำครับ กินกันเถอะ เดี๋ยวเย็นหมดนะ”
น้ำหันหน้ากลับมาช้าๆ “อืม” แล้วหยิบแฮมเบอร์เกอร์ในถาดขึ้นมารับประทานไปอย่างเงียบเชียบ
เมฆพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่เวลานี้ควรจะพูดอะไรก็ยังนึกไม่ออก เขาจึงก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารในถาดไปเรื่อยๆ สลับเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันบ้าง
“มีอะไรจะถามก็ถามมาเถอะ”
“ทำไมถึงเลิกกันอะครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงเรียบ พลางหยิบเฟรนช์ฟรายส์ใส่ปาก
ท่าทางของเมฆทำให้รุ่นพี่แปลกใจเล็กน้อย เขายิ้มบาง “คราวนี้ไม่หึงพี่เหรอ”
“ผิดหวังเหรอครับ”
“ก็นิดหน่อย”
เมฆประสานสายตากับดวงตาเรียว ซึ่งในยามที่อีกฝ่ายมองเขานี่ แตกต่างไปจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง แบบนี้เขาก็ไม่ควรจะหึงงี่เง่าให้รุ่นพี่คิดมากหรอกใช่ไหม “เอาจริงๆ นะ ตอนแรกที่เห็นเขามานั่งกับพี่น้ำอะ ผมนึกว่าเขามาขายตรง...”
น้ำแทบจะพ่นแฮมเบอร์เกอร์ออกจากปาก เขารีบเคี้ยวแล้วกลืนลงคอจนสำลัก “แคกๆ” จากนั้นก็หัวเราะจนน้ำตาไหล
“อ้าว พี่น้ำ เป็นอะไรครับเนี่ย” เด็กหนุ่มถลาเข้าไปช่วยลูบหลังให้ เขาขมวดคิ้วอย่างงุนงงที่อีกฝ่ายมีท่าทีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้แบบนี้ เมื่อกี้ยังนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่เลย
“นึกได้นะว่าเขามาขายตรง”
“ก็ท่าให้นี่ครับ ถือแก้วกาแฟแล้วก็หนีบกระเป๋าเปียแชร์มาด้วย แล้วยังบอกว่าชีวิตดี๊ดีงั้นงี้ ผมเห็นพี่น้ำนั่งทำหน้าเครียดๆ ก็นึกว่าเพราะเขาตื๊อให้เป็นดาวน์ไลน์ ผมถึงได้รีบเสนอหน้าเข้าไปขัดจังหวะ...” ยิ่งเด็กหนุ่มอธิบาย อีกฝ่ายก็ยิ่งหัวเราะไม่หยุด เขาไม่เคยเห็นพี่น้ำหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้เลยนะเนี่ย “แต่พอรู้ว่าเขาเป็นแฟนเก่าพี่น้ำก็หึงนิดหน่อยอะครับ”
“สรุปว่าก็หึง”
“หึงสิครับ ใครเข้าใกล้พี่น้ำผมก็หึงหมดแหละ” เด็กหนุ่มตอบไปตามตรง
น้ำเอื้อมมือไปลูบศีรษะรุ่นน้อง นัยน์ตาเรียวอ่อนแสงลงและฉายแววอ่อนโยน อีกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าที่ตัวเขาสามารถยิ้มและหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ก็เพราะเด็กหนุ่มนี่ล่ะ
สำหรับตัวเขาแล้ว เมฆเป็นคนแรกที่สามารถเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกเขาได้แบบนี้
“ที่เลิกกันก็คงเพราะพี่ผิดเองล่ะมั้ง พอคบกันไปสักพักแล้วเห็นว่าเข้ากันไม่ได้เราก็ห่างๆ กันไป พี่เห็นว่าเขาไปไหนมาไหนกับคนอื่นบ่อยๆ ก็เลยนึกว่าเราเลิกกันแล้ว พี่เลยไปคบกับคนอื่นบ้าง แต่พอเขาเห็นแบบนั้นก็เลยมาบอกเลิก”
เมฆอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าว่ารุ่นพี่ในอดีตจะเป็นคนที่เคยใจร้ายแบบนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะดูจากสีหน้าของหญิงสาวแล้ว นั่นคงเป็นประสบการณ์ที่เธอยังคงลืมไม่ลง “.......” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก
“ตอนปีหนึ่งพี่ทำอะไรไม่ค่อยคิด แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ”
“งั้น... งั้นเหรอครับ” เมฆจ้องมองเข้าไปในดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์คู่สวยซึ่งทำให้เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายหมายความอย่างที่พูดจริงๆ เขาผ่อนลมหายใจออกยาว แม้จะสบายใจขึ้นแต่ก็ยังรู้สึกหน่วงๆ แปลกๆ ในอก
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” น้ำยิ้มบาง พลางหยิกแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ “เดี๋ยวเอาไว้หลังสอบเสร็จ ช่วงปีใหม่นี้เราไปเที่ยวกันดีมั้ย ไปหาที่เคาท์ดาวน์กันดีกว่าเนอะ”
“เอ๋! ไปสิครับ!”
“เมฆอยากไปเที่ยวไหน”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “อยากพาพี่น้ำไปบ้านผม แล้วเราไปเคาน์ดาวน์กันบนภูทับเบิกดีมั้ยพี่ อากาศต้องกำลังดีมากแน่ๆ ชวนไอ้แหนมกับไอ้ตำลึงไปช่วยทำอาหารด้วย”
“อื้ม ก็น่าสนุกดีนะ เดี๋ยวพี่จะลองชวนพวกไอ้ตั้งใจดูด้วย เห็นพวกมันว่าอยากไปเที่ยวไหนก่อนไปค่ายอาสาเหมือนกัน”
“พวกพี่ตั้งใจคงเบื่อหน้าพวกผมแย่ เจอกันทั้งเปิดเทอมปิดเทอม”
พอเห็นเมฆอารมณ์ดีขึ้นแล้วเขาก็โล่งใจ “รีบกินให้อิ่มเถอะ เดี๋ยวต้องไปเอาตั๋วหนังก่อนด้วย”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “ครับ”
พวกเขานั่งจัดการกับอาหารไปอีกสักพัก เสร็จแล้วจึงลุกขึ้นนำถาดไปเก็บ จากนั้นจึงพากันเดินไปยังโรงภาพยนตร์
TBC~*น้องเมฆจะมีลิ้นที่แข็งแกร่ง 555555 พี่น้ำต้องอ่อนระทวยแน่นวล!
ขอบคุณตำลึงที่รับบทหนัก และขอขอบคุณเพื่อนสาว(ไม่แท้) เจ้าของประสบการณ์ปลาหิมะที่ได้เสียสละให้ฮัสกี้นำชีวิตจริงของนางมาเผยแพร่ในเหนือเมฆตอนนี้ด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามด้วยน้าาาา~ อย่ากินปลาหิมะกันเยอะเกินไปนะค้า ฮัสกี้เป็นห่วงแรง กร๊ากกก
ปล. ตอนนี้ยาวเมิ้ก ต้องแบ่งสองโพสต์เลยอ้ะ ฮัสกี้ขยันจิมๆ เลย น่ารักชิมิ๊