✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
“ไม่ต้องลงรองพื้นเยอะมากนะ เอาให้เป็นธรรมชาติๆ พอผิวคุณน้องเขาดี สวยใสอยู่แล้วลงแป้งบางๆ ก็พอ ส่วนผมนี่ทำข้างบนฟูนิดๆ พอ ไม่ต้องเยอะแค่ให้ผมดูหนาๆ หน่อย ไม่เอาฟูเยอะนะยะเข้าใจใช่ไหม หน้าม้าก็ไดร์ให้อยู่ทรงไม่ต้องเปิดขึ้นแบบนั้นไม่น่ารักเท่าไหร่”
น้ำเหนือได้แต่นั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัวปล่อยให้เหล่าช่างแต่งหน้าทำผมจัดการกับใบหน้าและผมของตัวเองอย่างไม่กล้าเอ่ยขัดอะไร
ถ้าถามว่าทำไมวันนี้น้ำเหนือต้องมานั่งตัวลีบแบบนี้ให้ใครต่อใครนักก็ไม่รู้มารุมก็เป็นเพราะว่าวันนี้คือวันแถลงข่าว ซึ่งมันกะทันหันพอสมควรเดิมทีงานแถลงข่าวเรื่องสะใภ้ของบริสตันจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า แต่เห็นคุณหญิงมรกตบอกว่านักข่าวที่สนิทสนมกันโทรมาบอกว่าคุณแอนนี่กำลังจะปล่อยข่าวเกาะกระแสอีกรอบ ซึ่งข่าวนั้นก็จะออกวันนี้ ไม่สิ… คงลงอยู่ในกรอบหนังสือพิมพ์และวางขายไปทั่วแล้ว คุณหญิงมรกตเลยตัดสินใจเลื่อนงานแถลงข่าวมาเป็นวันนี้
แบบนี้เหมือนเป็นการหักหน้ากันชัดๆ เลย…
น้ำเหนือเองก็อยากจะท้วงแต่ก็รู้ดีว่าทักท้วงไปก็คงไม่ได้ทำให้คุณหญิงเปลี่ยนใจเขาเลยต้องมานั่งนิ่งๆ อยู่ในห้องแต่งตัวแบบนี้ เขาอดทึ่งไม่ได้… ระยะเวลาแค่วันเดียวแต่คุณหญิงมรกตกลับสามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยทั้งสถานที่ ทั้งเชิญบรรดาสื่อมวลชนมาแบบทุกสำนักข่าวสำนักพิมพ์เลยทีเดียว
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณน้อง น่ารักจริงๆ เลยเชียวเห็นแล้วเจ้มันเขี้ยวอยากจะหยิกแก้มแต่ถ้าทำแบบนั้นคุณควอตซ์คงเล่นงานเจ้แน่เลยไปหยิกแก้มแฟนเขา” เจ้ดีดี๊ช่างแต่งหน้าที่คุณหญิงมรกตหามาให้พูดหลังจากจัดการแต่งหน้าทำผมให้น้ำเหนือเสร็จเรียบร้อยแล้ว
น้ำเหนือได้แต่ยิ้มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีก่อนจะหันกลับไปมองตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกบานใหญ่ตรงหน้า ถึงแม้จะบอกว่าแต่งหน้าแบบเป็นธรรมชาติและบางๆ แต่เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นหรืออาจจะเพราะที่ผ่านมาน้ำเหนือทำเพียงแค่ทาแป้งเด็กแค่นั้นก็ไม่รู้สิ… ดวงตาที่กลมโตนั้นถูกกรีดอายไลน์เนอร์สีดำเส้นบางเพื่อเน้นให้ดวงตาเด่นชัดขึ้น ริมฝีปากที่ปกติทาลิปบาล์มบ้างเวลาปากแห้งตอนนี้ถูกเคลือบด้วยลิปกลอสสีอ่อนทำให้ริมฝีปากนั้นดูอิ่มและชุ่มชื่นขึ้น
นี่งานแถลงข่าวหรืองานแฟชั่นโชว์
เจ้าตัวได้แต่คิดอยู่ในใจเพราะจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมแบบนี้… น้ำเหนือรู้สึกเหมือนกับว่าเขาต้องขึ้นไปเดินแฟชั่นโชว์อย่างไรอย่างนั้น
เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวชายเสื้อด้านหน้าถูกสอดไว้ในกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ส่วนชายเสื้อด้านหลังปล่อยออกนอกกางเกง กระดุมเสื้อก็ติดเสียทุกเม็ดจนติดคอ มีสร้อยเส้นสั้นๆ โผล่พ้นปกเสื้อให้เห็น
“ยังไงพวกเจ้ขอตัวก่อนนะคะคุณน้อง แล้วเจอกันใหม่ค่ะ” เจ้ดีดี้ว่าก่อนจะถือกระเป๋าเครื่องสำอางออกจากห้องไปจนเหลือเพียงแค่น้ำเหนือคนเดียว
“พี่น้ำเหนือ~ น่ารักสุดๆ ไปเลยค่ะ!” ลาพิสที่เพิ่งจะผลักประตูห้องเข้ามาร้องเสียงดังเมื่อได้เห็นพี่สะใภ้ของตน “น่ารักมากๆ เลย โอ๊ย! พิสอยากฟัดพี่มากเลยค่ะถ้าพี่ควอตซ์เห็นต้องตะลึงแน่ๆ ฮือออ พิสขอฟัดพี่น้ำเหนือได้ไหม น่ารักสุดๆ ไปเลย”
คนถูกชมได้แต่หัวเราะเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี เขามองตัวเองยังไงก็ไม่เห็นรู้สึกว่าจะน่ารักแบบที่ลาพิสพูดเลยสักนิด
“อีกเดี๋ยวพี่ควอตซ์จะมาพาพี่น้ำเหนือเข้าไปในห้องแถลงข่าวนะคะ พี่น้ำเหนือต้องรออยู่ข้างๆ เวทีก่อนนะพี่ควอตซ์จะขึ้นไปพูดก่อน แต่ไม่ต้องกังวลนะคะพิสเองก็จะอยู่กับพี่น้ำเหนือค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ให้ความรู้สึกเหมือนงานแต่งงานเลยอะ พิสดีใจสุดๆ ไปเลยค่ะ พี่สะใภ้ของพิสต้องเป็นพี่น้ำเหนือเท่านั้น” ลาพิสพูดไปก็ยิ้มหวานไป
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นขัดการสนทนาของทั้งสองคน ทั้งคู่หันไปมองที่ประตูก่อนจะเห็นควอตซ์ยืนอยู่ตรงนั้น ปกติก็ว่าดูดีอยู่แล้วแต่วันนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่ชุดสูทแบบเวลาไปทำงานแต่ความน่ามองนั้นกลับมีมากกว่าเดิม และนี่ก็เป็นอีกรอบที่น้ำเหนือได้แต่ถามตัวเองในใจ…
นี่ไม่ใช่งานแฟชั่นโชว์ใช่ไหม
ร่างสูงโปร่งได้รูปของอชิตพลสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตคอจีนสีขาวสะอาดกับกางเกงขายาวสีดำเท่านั้นแต่กลับเหมือนว่าเจ้าตัวหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นอย่างไรอย่างนั้น
“พี่ควอตซ์มาแล้ว อย่างนั้นเดี๋ยวพิสออกไปดูที่หน้างานก่อนนะคะ” ลาพิสที่เห็นพี่ชายของตนก็ร้องบอกทันที ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปแต่ก็ยังไม่วายหันมากระซิบกับคนเป็นพี่ก่อนออก “พี่น้ำเหนือน่ารักมากเลยเนอะ อิอิ”
ควอตซ์หันไปมองน้องสาวของตนก่อนจะส่ายหน้าไปมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับมาที่อีกคนหลังจากที่ลาพิสกึ่งเดินกึ่งวิ่งหายไปแล้ว
ไม่รู้ทำไมแต่น้ำเหนือรู้สึกประหม่ากับสายตาที่มองมาของคนตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า
“ใส่ชุดนี้… น่ารักดีนี่”
“ขอบ… ขอบคุณครับ”
“ใกล้ได้เวลาไปกันเถอะ” ควอตซ์เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าให้น้ำเหนือยื่นมือมาจับ ก่อนที่เขาจะกระชับมือที่เล็กกว่าไว้มั่นแล้วพากันเดินออกจากห้อง “ฉันจะพูดนำให้เธอก็แค่คอยเออออไปกับฉันแล้วกันนะ”
“ครับ” น้ำเหนือได้แต่ตอบสั้นๆ ขาที่กำลังก้าวเดินรู้สึกว่ามันหนักขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลมากมายต่างๆ นาๆ เข้ามารุมจนเริ่มจะคิดมากไปหมด
ควอตซ์หันมามองเมื่ออยู่ๆ คนที่เดิมมาด้วยกันก็หยุดไม่ยอมเดินต่อทั้งๆ ที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงเวทีอยู่แล้ว ชายหนุ่มหันกลับไปหาพร้อมกระตุกมือที่จับมือของน้ำเหนืออยู่ “เป็นอะไร กลัวเหรอ”
คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มแหยเพราะก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ใบหน้าน่ารักกดลงเมื่อมือของอีกคนยกขึ้นมาวางบนศีรษะ “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกนะ”
“ครับ”
ควอตซ์ยีผมนุ่มนั้นเล่นเบาๆ ก่อนจะผละออกก่อนจะดึงน้ำเหนือให้เดินต่อ คนตัวเล็กเดินไปยืนอยู่กับลาพิส คุณหญิงมรกตและคุณโทมัสที่ข้างเวที ส่วนควอตซ์นั้นเดินขึ้นไปบนเวทีที่มีโต๊ะวางอยู่ตรงกลาง ส่วนบรรดานักข่าวนั่งอยู่ด้านหน้าเวที
“สวัสดีครับ ทุกคนคงจะทราบกันอยู่แล้วว่าวันนี้พวกเราเชิญทุกคนมาด้วยเรื่องอะไร” ควอตซ์เริ่มพูดหลังจากที่นั่งลงแล้วเรียบร้อย “มีข่าวเกี่ยวกับผมและคนปริศนาออกมาค่อนข้างเยอะในช่วงนี้ จนเกิดเป็นประเด็นให้ตีไปทางโน้นทางนี้เยอะไปหมดว่าคนคนนั้นเป็นใคร”
“วันนี้คุณอชิตพลจะบอกใช่ไหมคะว่าคนคนนั้นคือใคร”
“ครับ วันนี้ทุกๆ คนจะได้รู้กันว่าเขาคือใคร…” ควอตซ์พยักหน้า “คนคนนั้นคือคนสำคัญของตระกูลบริสตันครับ”
“ยังไงเหรอคะคุณอชิตพล”
“เขาเป็นคนที่บริสตันรักครับ เป็นคนที่จะมาเป็นสะใภ้ของบริสตัน”
ทันทีที่ได้ยินควอตซ์พูดเสียงของนักข่าวก็ดังเซ็งแซ่ไปหมด
“ใช่คุณแอนนี่หรือเปล่าครับ” เสียงของนักข่าวร้องถามขึ้นก่อนจะมีเสียงของนักข่าวคนอื่นๆ ดังขึ้นมาเรื่อยๆ
“ผมไม่รู้ว่าอะไรหรือใคร… ที่ทำให้พวกคุณคิดไปแบบนั้นแต่คนคนนั้นไม่ใช่คุณแอนนี่ครับ” เสียงของนักข่าวยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำตอบ ควอตซ์ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาที่ข้างเวที ชายหนุ่มส่งมือให้กับน้ำเหนือที่ขยับไปยืนหลบหลังคุณหญิงมรกต
“ขึ้นไปกับพี่เขาสิลูก” คุณหญิงมรกตหันไปพูด
“ผม… ผมไม่ขึ้นไปได้ไหมครับ…”
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน้ำเหนือ ขึ้นมาเถอะ ฉันเองก็อยู่ตรงนี้ด้วย” ควอตซ์พูด
“ขึ้นไปเถอะลูก พี่เขาจะดูแลหนูเอง” คุณหญิงมรกตดันตัวน้ำเหนือไปเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพยักหน้าให้เมื่อลูกสะใภ้หันกลับมามองอย่างไม่มั่นใจ
“ไปเถอะ” เสียงควอตซ์ย้ำมาอีกรอบ น้ำเหนือจึงยื่นมือไปจับมือหนาของคนตรงหน้าแล้วเดินตามขึ้นไป
และทันทีที่น้ำเหนือเดินขึ้นไปบนเวทีเสียงกดชัตเตอร์จากกล้องของนักข่าวก็ดังขึ้นรัวทันทีเจ้าตัวเลยได้แต่ขยับเข้าไปชิดคนที่เดินนำหน้าและหลบอยู่ทางด้านหลัง
ทั้งสองคนเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะแถลงข่าวควอตซ์ยังคงเงียบและปล่อยให้นักข่าวถ่ายรูปต่อพร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดังไปหมด ต่อให้น้ำเหนือหน้าตาน่ารักคล้ายผู้หญิงยังไงแต่ถ้าได้เห็นชัดๆ ก็ย่อมดูออกว่าเจ้าตัวไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย
“นี่… น้ำเหนือคนรักของผมครับ”
คนรัก
ผู้ชาย
น้ำเหนือได้ยินแต่สองคำนี้เต็มไปหมดจนใบหน้าน่ารักนั้นเริ่มซีดลงเลยได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตา คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่าแต่เสียงถอนหายใจนั้นดังผ่านไมค์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนเสียงซุบซิบของบรรดานักข่าวเงียบลง
“หมายความว่าคุณอชิตพลกับคุณน้ำเหนือเป็นคนรักกัน คุณเป็น… เอ่อ…”
“เกย์?” ควอตซ์เลิกคิ้วขึ้น มือของเขายังคงจับมือของน้ำเหนือเอาไว้ไม่ปล่อยตั้งแต่เดินขึ้นมาบนเวทีจนถึงตอนนี้ “นั้นคือคำที่คุณอยากจะพูดเหรอครับ ผมมีคนรักเป็นน้ำเหนือ ที่บังเอิญว่าน้ำเหนือเป็นผู้ชาย คุณก็เลยจะบอกว่าผมเป็นเกย์อย่างนั้นเหรอครับ”
ทั้งห้องนั้นเงียบกริบทั้งๆ ที่มีคนอยู่เต็มไปหมด น้ำเหนือหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเห็นอชิตพลทำหน้าหงุดหงิดจนต้องกระตุกมืออีกฝ่ายเบาๆ จนคนที่นั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่หันมามอง
ควอตซ์พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ “เรื่องที่พวกคุณหรือใครจะมองจะเรียกผมกับน้ำเหนือเป็นเกย์ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนผมไม่สามารถห้ามความคิดของใครได้ แต่ไม่ว่าทุกคนจะมองหรือรู้สึกยังไงน้ำเหนือก็คือคนที่จะมาเป็นครอบครัวของบริสตัน”
“อย่างนั้นคนที่อยู่ในข่าวก็คือคุณน้ำเหนือเหรอครับ”
น้ำเหนือพยักหน้ารับ “ครับ ทั้งที่โรงพยาบาลแล้วก็ที่ห้างเป็นผมเองครับ”
“แล้วเรื่องที่คุณแอนนี่ให้ข่าวละครับ”
“อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ แต่คนที่อยู่กับผมคือน้ำเหนือครับ ที่โรงพยาบาลพอดีน้องไม่สบายผมกับคุณแม่ก็เลยพาไปหาหมอ ส่วนที่ห้างผมกับน้องไปส่งคุณแม่ครับ และทั้งสองวันนั้นผมไม่ได้เจอคุณแอนนี่เลย” ควอตซ์ตอบคำถามของนักข่าว
นักข่าวหลายคนหันมองหน้ากันก่อนจะพูดคุยถึงคำตอบที่ได้ยินจากคนที่นั่งอยู่บนเวที ก่อนที่จะมีนักข่าวคนหนึ่งคงต้องบอกว่าใจกล้าพอสมควรถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา แต่มันก็เป็นคำถามในใจของนักข่าวหลายๆ คนเลยทีเดียว
“แล้ว... เหตุผลที่คุณอชิตพลออกมาแถลงข่าวละครับ แบบนี้จะเป็นการ... เอ่อ... ฝ่ายหญิงเขาหรือเปล่า” ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมาทั้งประโยคแต่ใครฟังก็คงจะสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี
พอได้ยินคำถามนี้คนถูกถามก็หันไปมองคนเป็นแม่ของตนที่ยืนอยู่ข้างเวทีก่อนจะหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วจึงหันไปตอบคำถามของนักข่าว “สาเหตุที่ผมตัดสินใจออกมาแถลงข่าวไม่ได้เป็นเพราะผมต้องการหักหน้าใคร ตัวน้ำเหนือเองก็ไม่เห็นด้วยกับการแถลงข่าวนี้และน้องก็ได้คัดค้านเสมอ”
ควอตซ์ปล่อยมือที่จับมือของน้ำเหนืออยู่ออกแต่เปลี่ยนมาเป็นวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มๆ นั้นแทนแล้วพูดต่อ “แต่ที่ผม คุณแม่ตัดสินใจแถลงข่าวก็เพราะว่าเป็นการปกป้องตำแหน่งนี้ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมกับน้ำเหนือเท่าไหร่ที่จะมีใครต่อใครเที่ยวพูดว่าใครจะมาเป็นสะใภ้ของบริสตันทั้งๆ ที่คนที่จะได้เป็นนั้นคือตัวน้ำเหนือเอง ถ้าหากจะมีการพูดถึงคนที่จะมาเป็นบริสตัน ผมก็อยากให้การพูดถึงนั้นถูกต้อง ถูกคน ไม่ใช่พูดกันไปเรื่อยๆ เดาสุ่มกันไปต่างๆ นาๆ จนคนเข้าใจผิดกันไปหมด”
หลังจากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ถูกถามออกมาให้ทั้งน้ำเหนือและควอตซ์เป็นคนตอบ บางคำถามที่น้ำเหนือไม่รู้จะตอบอย่างไรก็ได้คนข้างๆ คอยช่วย พูดเกริ่น พูดนำให้บ้าง ไม่ก็ก้มลงมากระซิบบอกว่าควรจะตอบยังไงบ้าง แต่สำหรับน้ำเหนือแล้วคำถามหลายๆ คำถามเหมือนกับเป็นการกดดันไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องทางบ้าน หรือเรื่องความรักของทั้งสองคน ซึ่งถ้าเลี่ยงตอบไปได้น้ำเหนือก็จะเลี่ยงตอบ
แต่ความกดดันนั้นก็ส่งผลให้กับคนท้องอ่อนๆ อย่างเขา ตอนแรกคงตื่นเต้นจนลืมไปว่าตัวเองไม่ถูกกับที่มีคนเยอะๆ เท่าไหร่เพราะทำให้เวียนหัว แต่ตอนนี้ความกดดันทำให้น้ำเหนือเริ่มหน้าซีดและเวียนหัว มือของเขาสั่นจนเจ้าตัวเองยังสัมผัสได้ อาการจุกแน่นที่ลำคอวิ่งเข้ามาจนอยากจะอาเจียน เลยได้แต่ยื่นมืออันสั่นเทานั้นไปจับแขนของคนที่นั่งข้างๆ
ควอตซ์หยุดตอบคำถามของนักข่าวทันทีทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบหันมามองน้ำเหนือเลื่อนมือไปจับมือที่ยื่นมาแตะแขนของเขา น้ำเหนือมือเย็นทั้งๆ ที่เหงื่อออก แถมใบหน้าก็ซีดจนหาสีเลือดไม่เจอ
“เวียนหัวเหรอ” พอถามออกไปอีกคนก็พยักหน้ารับทันที
น้ำเหนือเลือกที่จะหลับตาลงเพราะรู้สึกว่าถ้าลืมตาขึ้นมาเขาจะต้องอาเจียนแน่ๆ ควอตซ์ยกมือเรียกลาพิสขึ้นมาบนเวทีซึ่งคุณโทมัสและคุณหญิงมรกตก็ตามขึ้นมาด้วยท่ามกลางความสงสัยปนตกใจของนักข่าวที่นั่งมองอยู่
“น้ำเหนือท่าจะไม่ไหวแล้ว ผมพาไปพักก่อนนะครับ คุณแม่จัดการทางนี้ให้ผมทีครับ”
“ได้จ้ะ พาน้องไปพักไปลูก พิสไปกับพี่เขารีบไปเปิดห้องไว้ให้พี่เขาไปลูก” คุณหญิงมกรตพยักหน้ารับก่อนจะหันไปพูดกับลูกสาวของตนซึ่งลาพิสก็รีบวิ่งลงจากเวทีนำไปก่อน
“น้องไม่สบายยังไงผมขอตัวก่อน มีอะไรสอบถามก็ถามจากคุณพ่อคุณแม่แล้วกันนะครับ” ควอตซ์หันมาบอกเสียงรัวเร็วก่อนจะช้อนตัวน้ำเหนือขึ้นอุ้มแล้วรีบก้าวท้าวไวๆ ลงเวทีไป
“พอดีน้ำเหนือไม่ค่อยสบายอยู่พอมาเจอคนเยอะๆ แอร์เย็นๆ เลยเวียนหัว ยังไงขอให้น้องไปพักก่อนนะคะ ถ้าทุกคนมีอะไรสงสัยอยากจะถามอีกก็เชิญเลยค่ะ ดิฉันกับคุณโทมัสจะตอบคำถามให้เอง” คุณหญิงมรกตหันมาพูดกับนักข่าวแทนหลังจากที่ควอตซ์พาน้ำเหนือไปแล้ว
“ห้องนี้เลยค่ะพี่ควอตซ์” ลาพิสร้องเรียกพี่ชายของตนที่กำลังเดินมาหานี้ก่อนจะผลักประตูห้องพักของโรงแรมออก ซึ่งห้องนี้ก็คือห้องที่ใช้ให้น้ำเหนือแต่งหน้าแต่งตัวตอนก่อนเริ่มงานแถลงข่าวนั่นเอง
ลาพิสรีบผละจากประตูห้องไปที่ประตูห้องนอนทันทีแล้วเปิดออกเพื่อให้พี่ชายอุ้มร่างของพี่สะใภ้ไปนอนบนเตียง
“พิสไปหาผ้าชุบน้ำมาทีจะได้เช็ดตัวให้น้ำเหนือแล้วเดี๋ยวโทรหาน้าหมอด้วย” ควอตซ์หันไปบอกกับน้องสาวก่อนจะหันกลับมาจับตัวน้ำเหนือนอนให้ดีๆ ชายหนุ่มผละออกมานิดเพื่อหยิบเอาพิมเสนในกระเป๋ากางเกงออกมาให้น้ำเหนือดม
“ค่ะพี่ควอตซ์” ลาพิสรับคำก่อนจะรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาผ้าเช็ดตัวแล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที
“เป็นยังไงบ้าง อยากอาเจียนหรือเปล่า” ควอตซ์ถามคนที่นอนพิงหมอนอยู่บนเตียงก่อนจะหันไปรับผ้าชุบน้ำจากลาพิสมาเช็ดหน้าให้
น้ำเหนือส่ายหน้าไปมาช้าๆ แต่ก็ยังคงหลับตานิ่งปล่อยให้ควอตซ์ดูแลตัวเองต่อไป คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนแทบชิด
“พี่น้ำเหนือไหวไหมคะ ไปหาน้าหมอไหมเดี๋ยวพิสโทรไปบอกน้าหมอให้ เอาไหมคะ” ลาพิสขยับขึ้นไปนั่งบนเตียงอีกด้านของน้ำเหนือรับเอาพิมเสนในมือพี่ชายมาถือเอาไว้ แกว่งไปมาเบาๆ ให้น้ำเหนือดม
“ไม่... ไม่เป็นไรครับ” น้ำเหนือพูด อาการเวียนหัวเริ่มดีขึ้นทีละนิดแต่ก็ยังไม่หมดไป เจ้าตัวขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาท่าทางที่สบายก่อนจะหลับตาลงอีกรอบ
“อย่างนั้นพักก่อนแล้วกัน รอคุณพ่อคุณแม่มาแล้วจะได้กลับไปนอนพักที่บ้าน” ควอตซ์บอกก่อนจะดึงผ้านวมมาห่มให้กับน้ำเหนือ
“พิสไปดูในงานก่อนนะคะพี่ควอตซ์ ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกนะคะ” ลาพิสว่าหลังจากเห็นน้ำเหนือนิ่งไปแล้ว คงจะหลับไปเรียบร้อย
ควอตซ์พยักหน้ารับคำของน้องสาว ลาพิสจึงเดินออกจากห้องไปชายหนุ่มละสายตาจากน้องสาวกลับมาที่คนบนเตียงอีกรอบ ลุกเดินเอาผ้าไปชุบน้ำมาใหม่แล้วเช็ดตาใบหน้าและแขนขาให้ สีหน้าตอนนี้ของน้ำเหนือดูดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ขาวซีดเหมือนตอนอยู่บนเวที
ร่วมครึ่งชั่วโมงที่อชิตพลนั่งมองคนหลับนิ่งไม่ขยับไปไหน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก ทุกคนกลับมาแล้ว “งานเรียบร้อยดีไหมครับ”
“เรียบร้อยดี แล้วน้ำเหนือเป็นยังไงบ้าง” คุณโทมัสตอบก่อนจะพยักหน้าไปทางคนที่นอนอยู่บนเตียง
“ยังหลับอยู่ครับ จะกลับกันเลยหรือเปล่าผมจะได้ปลุกน้ำเหนือ”
“จ้ะ แม่โทรไปหาน้าหมอเขาแล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะแวะเข้ามาดูน้องให้ พาน้องกลับไปนอนที่บ้านดีกว่าลูก พิสไปช่วยถือของของพี่เขาไปลูกแล้วลงไปข้างล่างกัน เดี๋ยวแม่ให้รถมารอหน้าโรงแรมนะควอตซ์ ไม่ต้องรีบร้อนนะเดี๋ยวน้องจะหน้ามืดไม่สบายไปอีก” คุณหญิงมรกตว่า
“ครับคุณแม่”
ทั้งคุณหญิงมรกต คุณโทมัสแล้วก็ลาพิสต่างก็เดินออกจากห้องไปโดยที่ลาพิสถือกระเป๋าที่ใส่ถุงยาของน้ำเหนือออกไปให้ด้วย ควอตซ์หันกลับมาที่เตียงอีกรอบน้ำเหนือยังคงหลับอยู่เขาจึงลงมือปลุกคนหลับให้ตื่น
“น้ำเหนือ... ตื่นก่อนกลับไปนอนพักต่อที่บ้านดีกว่า น้ำเหนือ”
คนถูกปลุกขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นแต่ก็ต้องหลับตาลงไปอีกรอบเพราะยังปรับสายตาไม่ทันกับแสงสว่าง ควอตซ์รอจนกระทั่งอีกฝ่ายลืมตาขึ้นอีกรอบจึงดึงตัวน้ำเหนือให้ลุกขึ้นนั่ง
“แล้วคนอื่นละครับ” น้ำเหนือถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ลงไปข้างล่างแล้ว งานจบแล้วล่ะกลับไปพักต่อที่บ้านดีกว่า” ควอตซ์ตอบ เขาขยับตัวออกห่างเพื่อให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงสามารถขยับลุกขึ้นยืนได้
น้ำเหนือพยักหน้ารับไปก็หมุนตัวมานั่งห้อยขาก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่ช่วงจังหวะที่หมุนตัวและยืนขึ้นนั้นคงเร็วเกินไปสำหรับคนเพิ่งตื่นนอนและยังมีอาการเวียนหัวตกค้างน้ำเหนือจึงเซทันที ด้วยความตกใจจึงรีบยึดแขนของคนที่ยืนใกล้ๆ เอาไว้แบบที่ควอตซ์เองก็ขยับมารับ
“เป็นอะไรไหม” ควอตซ์ส่งเสียงถาม
“ม ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
“อือ... ยืนให้ดีๆ ก่อนเดี๋ยวก็หน้ามืดล้มไปอีกรอบ” คนตัวสูงกว่าพูดมือทั้งสองข้างของเขาโอบรอบเอวของน้ำเหนือ ส่วนมือทั้งสองข้างของน้ำเหนือก็จับแขนของควอตซ์เอาไว้แน่น ใบหน้าซุกอยู่ตรงช่วงไหล่ของอีกคนพอดี
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” น้ำเหนือว่าเสียงเบา ดันตัวเองให้ยืนตรงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ประคองเอาไว้
กึก!
ทั้งคู่ต่างชะงักกันไปเมื่อน้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองเป็นจังหวะเดียวกับที่อชิตพลก้มหน้าลง อย่างกับละครที่พระนางมักจะมีเรื่องให้ต้องชะงักเวลาอยู่ใกล้กัน ก็เคยนึกสงสัยว่าทำไมถึงต้องทำเป็นสภาพช้าๆ เหมือนกับเวลาถูกหยุดแบบนั้นด้วย เวลามันไม่ได้ถูกหยุดแต่การกระทำต่างหากที่ถูกหยุด ถูกหยุดด้วยสายตาของแต่ละฝ่าย
น้ำเหนือกระพริบตาถี่ๆ เหมือนกำลังเรียกสติตัวเองก่อนจะปล่อยมือจากแขนของคนตรงหน้าอย่างที่ควอตซ์เองก็ปล่อยมือจากเอวของน้ำเหนือเหมือนกัน
“ไปกันเถอะ” ควอตซ์พูดก่อนจะเดินนำอีกคนออกจากห้องไป น้ำเหนือเองก็ก้าวตามไปเมื่อรู้สึกตัว เพราะส่วนสูงที่ต่างกันพอสมควร เพราะช่วงขาที่ยาวต่างกันแม้ควอตซ์จะเดินแบบปกติแต่ก็ก้าวนำน้ำเหนือไปหลายช่วงก้าวจนอีกฝ่ายต้องก้าวเร็วๆ เพื่อเดินตามให้ทัน
ปึก!
“อ๊ะ!” น้ำเหนือร้องออกมาเมื่อเดินชนคนที่กำลังเดินสวนมาด้วยความไม่ทันระวัง “ขอโทษครับ”
คนที่เดินนำอยู่หันมามองเมื่อได้ยินเสียงน้ำเหนือก่อนจะเดินกลับมาหา “เดินยังไงให้ชนคนอื่นเขา ไม่ระวังเลย”
“ก็คุณเดินไวผมก็เลยรีบเดินให้ทันเลยไม่ทันมองนี่” คนโดนหาว่าเดินไม่ระวังประท้วงออกมาก่อนจะหันไปหาคู่กรณีที่เดินชนเมื่อครู่ “ยังไงก็ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมไม่ทันได้มอง”
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมเองก็มัวแต่ห่วงของจะหล่นเลยไม่ทันมอง แต่หน้าผากคุณแดงนะสงสัยโดนของที่ผมถืออยู่แน่เลย” อีกฝ่ายก็ไม่ได้เอาความอะไรอีกทั้งยังชี้ไปที่หน้าผากของตัวเขาเองเป็นเชิงบอก ในมือของเขามีของค่อนข้างเยอะและเพราะกลัวของจะหล่นเขาเองก็ไม่ทันมองน้ำเหนือ เลยเดินชนกัน
“เอ๋” น้ำเหนือยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง
“เจ็บมากหรือเปล่าครับนั่น” ตั้งใจจะยื่นมือไปลูบหน้าผากของน้ำเหนือเพื่อช่วยดูอาการแต่ก่อนที่มือของเขาจะแตะโดนใบหน้าของน้ำเหนือก็ถูกควอตซ์จับให้หันไปหาเสียก่อน
อชิตพลยกมือขึ้นลูบรอยแดงๆ บนหน้าผากนั้นอย่างแผ่วเบา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันไม่รู้ว่าขัดใจรอยแดงบนหน้าผากขาวๆ นั้นหรือขัดใจอะไรกันแน่ “เจ็บไหม”
น้ำเหนือส่ายหน้าทั้งๆ ที่ใบหน้ายังโดนมืออุ่นๆ ของควอตซ์จับเอาไว้ “ไม่ครับ มันแดงมากเหรอ”
“ก็นิดหน่อย เดี๋ยวกลับไปทายาที่บ้านแล้วกัน ไปเถอะป่านนี้คุณแม่รอแย่แล้ว” ควอตซ์ว่าเลื่อนมือไปจับมือของน้ำเหนือแล้วพาออกเดิน น้ำเหนือเลยได้แต่ก็หันมาก้มหัวขอโทษคนที่เดินชนอีกรอบแล้วหันกลับไปเดินตามควอตซ์
************************************************
มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานพอดีว่ามีงานน่ะค่ะแล้วก็ไม่สบายด้วยเลยไม่ได้มาอัพเลย ขอโทษด้วยนะคะ คือว่า... ถ้าช่วงไหนที่ฟางหายไปนานๆ เนี่ยอยากให้เข้าไปส่องในเฟสบุ๊คนะคะเพราะฟางจะบอกสาเหตุที่ไม่ได้อัพเอาไว้ในเฟส แบบบางทีไม่สะดวกมาอัพแจ้งบอกตามหน้าเว็บนิยายนะคะ ยังไงให้คอยติดตามความเลื่อนไหวผ่านทางเฟสหรือไม่ก็ทางทวิตเตอร์ของฟางนะคะ
กลับมาที่เนื้อเรื่อง คือชอบ 50% ที่เหลือนี้มากอะค่ะ ไหนจะพี่ที่เรียกน้อง น้อง น้องตั้งหลายคำมันน่ารักน่าเอ็นดู แล้วก็... ที่แถลงข่าวตัวพี่ไม่ได้ต้องการจะหักหน้าแอนนี่นะคะ แต่มันไม่ยุติธรรมกับน้องที่เป็นสะใภ้ตัวจริงของบริสตัน วร้ายยยย ดูทำพูดเข้า แล้วอะไรคือการแอบหึงน้อง จับหน้าน้องหันหนีมือผู้ชายคน แต่พี่ก็ทำถูกแล้วละเนอะ ใครที่ไหนก็ไม่รู้จะให้มาจับหน้าน้องแบบนี้ได้ไง อิอิ ยังไงตอนหน้าก็รอกันหน่อยนะคะ
หวังว่าทุกคนจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนนะคะ ช่วยรอกันหน่อยนะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ