11th Night
…Unconscious...
ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา รัตติกาลทำหน้าที่เที่ยวรับส่งรพีด้วยตนเอง จนเริ่มคุ้นชินกับใบหน้ากวนประสาทของอารัณย์ที่ออกมายืนรับส่งนักเรียนหน้าโรงเรียนในทุกๆวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้เขามากที่สุดก็คือไม่มีใครสังเกตเห็นความหยาบโลนของอีกฝ่ายเลยนอกจากเขา
“พี่รัณย์สวัสดีฮะ!!”
“ว่าไงข้าว วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ”
“ข้าวนัดกับพีไว้ว่าจะมาเล่นด้วยกันตอนเช้า อ๊ะ! นั่นไงพีมาพอดีเลย พีๆ!”
รัตติกาลยืนมองอยู่ตั้งแต่เพื่อนของรพีวิ่งเข้าไปหาอารัณย์โดยที่อีกฝ่ายส่งยิ้มอ่อนโยนให้เด็กชายก่อนจะลูบหัวทุยนั้นเบาๆ ร่างโปร่งเหยียดยิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะเดินจูงรพีเข้าไปในบริเวณโรงเรียนที่มีอารัณย์และครูประจำชั้นของลูกชายทำหน้าที่คอยต้อนรับนักเรียนในเช้าวันนี้
อารัณย์เองเมื่อได้ยินว่ารพีมาถึงก็ละสายตาจากเด็กน้อยขึ้นไปมอง ภาพของสองพ่อลูกที่เดินจูงมือกันเข้ามาเริ่มเป็นที่คุ้นชินตามากขึ้นต่างจากช่วงแรกๆ ที่ไม่มีใครรู้เลยว่ารัตติกาลเป็นพ่อของรพี แต่หลังจากนั้นไม่นานร่างสูงก็มักจะได้ยินพวกผู้ปกครองและครูคนอื่นแอบซุบซิบกันโดยมีเรื่องของรัตติกาลเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เสมอ
ก็สมควรอยู่... ใบหน้าหวานคมดูมีเสน่ห์ รูปร่างสูงโปร่งกับผิวขาวสะอาดสะอ้าน รวมถึงการแต่งกายในชุดสูทเรียบร้อยในทุกๆวัน ทำให้รัตติกาลกลายเป็นที่สนใจของสาวๆหลายคนในเวลาอันรวดเร็ว
แถมเรื่องที่เจ้าตัวเป็น ‘คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว’เลี้ยงดูรพีด้วยตัวคนเดียวโดยไม่มีภรรยาคอยช่วยกลับยิ่งขับเสน่ห์ของร่างสูงให้มากขึ้นไปอีก นึกถึงตรงนี้แล้วอารัณย์ก็อยากจะขำออกมาดังๆ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวอะไรกัน การที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าพ่อของรพีมาก่อนก็เป็นเพราะร่างโปร่งไม่เคยทำหน้าที่นี้เลยไม่ใช่รึไง
“สวัสดีค่ะคุณกาล มาเช้าเชียวนะคะวันนี้”
“สวัสดีครับครูสา วันนี้ก็ขอฝากรพีด้วยนะครับ”
อารัณย์มองรัตติกาลที่กำลังทักทายกับครูสาวอย่างสุภาพด้วยความรู้สึกรังเกียจการกระทำของอีกฝ่าย ภายใต้เปลือกแสนสวยหรูของร่างโปร่ง อารัณย์รู้ดีว่าแท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีความเป็นพ่อคนเลยสักนิด ภาพของชายหนุ่มที่ตรงเข้าไปด่าทอลูกชายด้วยถ้อยคำหยาบคาย หนำซ้ำยังลงมือทำร้ายเด็กตัวเล็กๆที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจมาทำให้เขารู้สึกไม่ไว้ใจคนคนนี้เลยแม้แต่นิดและสิ่งที่ตอกย้ำความเชื่อของเขาว่ารัตติกาลเป็นคนร้ายกาจก็คือคำพูดที่เจ้าตัวตะโกนออกมาในวันนั้น...ว่ารพีไม่สมควรได้เกิดมา
ต่อให้มีเหตุผลอะไรก็เถอะ
สำหรับเขาแล้ว...มันเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้
.
.
.
.
“คุณกาลคะ คุณนิลขอเข้าพบคะ”
เสียงธิชาดังผ่านอินเตอร์โฟนเข้ามา รัตติกาลขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัยเพราะปกติแล้วเพื่อนของเขาจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเองทุกครั้งโดยไม่สนใจว่าธิชาจะห้ามยังไง ร่างโปร่งตอบรับกลับไปหลังจากนั้นไม่นานร่างสูงของนิลก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับท่าทีอิดโรยกว่าทุกที
“เป็นอะไรวะไป วันนี้มาแปลกๆ”
“ปั่นต้นฉบับยันเช้าน่ะ จะตายแล้วแม่ง”
“ที่หลังก็อย่าหมกงานไว้ทำทีเดียวสิวะ ธิชา ขอกาแฟดำให้ผมแก้วนึงนะ”
ถึงจะสงสัยในท่าทางของเพื่อนแต่เพราะสภาพของคนตรงหน้าก็ทำให้ร่างโปร่งเลือกที่จะปล่อยผ่านมันไปก่อนจะสั่งเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย หวังว่าเครื่องดื่มสีดำที่ร่างสูงชอบกินมันจะทุเลาอาการง่วงซึมของนิลได้บ้าง
นอกจากเรื่องที่เขาต้องเจอหน้าอารัณย์มาทั้งอาทิตย์แล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปในชีวิตก็เห็นจะเป็นการไม่ได้เจอหน้านิลอีกเลยตั้งแต่วันนั้น รัตติกาลเองเคยติดต่อไปทางโทรศัพท์บ้างแต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนมีธุระบางอย่างรัดตัวจนไม่เคยปลีกเวลามาเพื่อพูดคุยกับเขายาวๆได้เลย
ดวงตาคมมองภาพเพื่อนรักที่เอาฝ่ามือขึ้นมาปิดดวงตาไว้ในขณะที่นอนเอนหลังอยู่บนโซฟารับแขกตัวยาวก่อนจะพ่นเสียงถอนหายใจหนักๆออกมา ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเลขาสาวพร้อมกับกาแฟและของว่างเล็กๆน้อยๆที่เธอติดเผื่อมาด้วย
ร่างโปร่งลุกขึ้นก่อนจะทำสัญญาณมือให้ธิชารู้ว่าเธอควรทำทุกอย่างด้วยความเงียบ ร่างบางเอนคอน้อยๆด้วยความสงสัยแต่พอเธอหันไปเห็นร่างเพื่อนรักของเจ้านายเธอกำลังหายใจเข้าออกเป็นจังหวะก็ทำให้เธอยิ้มรับด้วยความเข้าใจ
“ขอบใจมาก คุณไปทำงานต่อเถอะ”
รัตติกาลลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตนก่อนจะเดินมารับของที่หญิงสาวจัดหามาให้ด้วยตัวเองพลางพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงที่แผ่วเบาเพราะกลัวจะไปรบกวนการนอนของนิลเข้า เขารับถาดสีเงินวาวนั้นมาก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาชุดแล้วจึงเดินไปหยิบเอกสารที่อ่านค้างอยู่ เปลี่ยนบริบทมานั่งอ่านสบายๆที่โซฟาเดี่ยวตัวข้างๆกัน รัตติกาลมองหน้าของนิลอยู่นานก่อนจะเริ่มลงมืออ่านรายงานผลประกอบการประจำเดือนที่แล้วต่อไปอย่างเงียบๆ
“มึง...อย่าเปลี่ยนไปได้ไหมนิล”
.
.
.
.
“อืม...”
ร่างสูงของนิลเพิ่งได้สติหลังจากหลับใหลมานาน ด้วยความที่ช่วงกลางวันห้องของรัตติกาลจะเลื่อนปิดม่านกันแสงไว้หมดเลยทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปนานแค่ไหน ชายหนุ่มดันตัวขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่พลางบิดร่างกายไปมาเพื่อคลายอาการเมื่อยขบ เขามองหาเพื่อนของตนที่ควรจะอยู่ในห้องแต่บัดนี้กลับไร้เงาของรัตติกาล มีเพียงแต่งานกองพะเนินบนโต๊ะ และถาดของว่างที่นิลเดาว่าธิชาคงเอามาให้เขาตั้งแต่เช้าแล้ว
“บ่ายสองแล้วหรอวะ เผลอหลับยาวเลยกู”
นิลดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจออกมา ด้วยเพราะความที่ต้องไปจัดการธุระบางอย่างทำให้เขาแทบไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ว่างแม้แต่จะหาเวลาปรับความเข้าใจกับรัตติกาลที่ถึงแม้เจ้าตัวจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เขาก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มันได้ห่างเหินไปจากเดิมมากพอตัว นิลเอื้อมหยิบคุกกี้ที่เริ่มอ่อนตัวลงขึ้นมากินอย่างไม่เรื่องมากพลางหยิบโทรศัพท์คู่ใจออกมาเปิดเช็คข้อความจากคนที่เขากำลังรอให้ติดต่อกลับมาอยู่ แต่หน้าจอกลับว่างเปล่าจนเขาต้องถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดที่อะไรๆก็ดูไม่เป็นใจไปซะหมด
“ตื่นแล้วหรอวะ”
เสียงของรัตติกาลดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหอบหิ้วแฟ้มเอกสารจำนวนหนึ่งติดตัวกลับมาด้วยหลังจากเดินไปคุยงานกับหัวหน้าแผนกอื่นมา เขาวางแฟ้มพวกนั้นลงบนโต๊ะก่อนจะขมวดคิ้วใส่เพื่อนรักที่เอาแต่เคี้ยวขนมงุบๆขณะที่จ้องมองมาที่เขา
“มันนิ่มแล้วมึงก็จะยังกินอยู่ได้ ไม่ออกไปเอาใหม่วะ”
“แม่งก็เหมือนกันนั่นแหละ กูแดกได้ ว่าแต่มึงเหอะทำไมไม่ปลุกกูวะ”
“เหอะ.. ทำเหมือนปลุกแล้วจะตื่น นอนเป็นตายขนาดนี้ไปทำอะไรมาถามจริง เมื่อตอนสายๆลงไปดูต้นฉบับรอบนี้ที่ให้ส่งก็มีไม่เท่าไหร่ อย่างมึงไม่น่าจะต้องถึงขั้นโหมหนักจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน”
“แม่งก็มีบ้างป่าววะช่วงที่เขียนไม่ออก ใช่ว่ามึงจะไม่เคยเป็น”
ร่างสูงทำท่าแก้ตัวอย่างขอไปทีก่อนจะส่งคุกกี้ชิ้นสุดท้ายลงท้องไปพร้อมกับกาแฟชืดๆ นิลลุกขึ้นยืนแล้วเปลี่ยนไปนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับรัตติกาล ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“เย็นนี้ไปไหนป่าววะ”
“อืม ต้องไปรับพีที่โรงเรียน”
“เห็นป้าจันทร์บอกว่ามึงไปทุกวันเลยช่วงนี้”
“ก็เท่าที่ยังไปได้ ถ้าถึงช่วงปิดรอบคงอาจจะต้องวานลุงสิทธิเหมือนเดิม”
“เอาจริงแล้วใช่ไหมวะไอ้กาล...”
นิลเอ่ยถามสิ่งที่แอบคิด ว่ากันตรงๆเขาเองก็ยังไม่ค่อยไว้ใจเพื่อนของตนเท่าไหร่ว่าจะกลับใจมาทำตัวดีกับรพีได้จริง เพียงแต่เพราะท่าทีของรัตติกาลที่เปลี่ยนไปตั้งแต่การกลับมาหลังจากหายตัวไปครั้งนั้นทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของร่างโปร่งได้อย่างเคย รัตติกาลเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างขำๆในสีหน้าหวาดระแวงของนิลที่พักหลังมานี้แสดงออกให้เขาเห็นบ่อยเหลือเกิน ทั้งที่เมื่อก่อนนิลเป็นเพื่อนที่เชื่อใจเขามากที่สุด
“ทำไม คิดว่ากูวางแผนชั่วๆอะไรไว้รึไง”
“กูไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกถ้ามึงจะคิดอย่างนั้นจริงๆ กูร้ายมาตลอดจู่ๆให้มาทำดีด้วยเป็นใครก็คงไม่เชื่อ”
“ไอ้กาล กูไม่ได้ตั้งใจจะว่ามึงนะเว้ย”
“แล้วแม่งคืออะไรวะ.. ทั้งอาทิตย์มึงหายไปไหนมา”
ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ถามเพราะไม่อยากจะทำให้ช่องว่างที่กว้างขึ้นนั้นห่างไปกว่าเดิม แต่รัตติกาลก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไปเพราะความอึดอัดที่อยู่ในอกเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเพื่อนรัก
“กูมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย”
“ธุระอะไรบอกกูได้ไหม”
“ก็เหมือนเดิม พวกเหนียวหนี้พ่อกูน่ะ”
ร่างสูงเอ่ยถึงธุรกิจของทางบ้านตนที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเปิดกิจการบ่อเลี้ยงพันธุ์กุ้งและสัตว์น้ำอื่นๆเพื่อเพาะพันธุ์เลี้ยงไว้เองและมีบางส่วนแบ่งขายให้กับชาวบ้านที่พอจะมีพื้นที่สร้างบ่อมารับเอาไปเลี้ยงอีกทางเพื่อยังชีพ ตามปกติแล้วใครจะมาเอาพันธุ์กุ้งจากบ้านของตนไปต้องจ่ายเงินสดเท่านั้น แต่ด้วยเพราะความใจดีของพ่อแม่ตนที่ยอมผ่อนปรนให้ชาวบ้านเก่าแก่ที่มักจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีเอากุ้งไปโดยติดเงินเอาไว้ก่อนทำให้นิลต้องปลีกตัวกลับไปจัดการหนี้สินอยู่บ้างเป็นบางครั้ง
“แน่ใจนะว่าเรื่องจริง”
“หึ ว่าแต่กูมึงเองก็ไม่เชื่อใจกูหรอวะ”
“เปล่า... กูเชื่อมึงอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไรมีมึงคนเดียวนั่นแหละที่หวังดีกับกู”
“คนอื่นเขาก็หวังดีกับมึงไอ้กาล อย่าปิดกั้นตัวเองนักสิวะ”
“ช่างมันเถอะ กูมีแค่มึงคนเดียวก็พอแล้ว”
รัตติกาลพูดออกมาจากใจจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมานิลคือคนที่หวังดีกับเขามากที่สุด แม้รอบตัวเขาจะมีเพื่อนฝูงมากมายแค่ไหนแต่คนคนเดียวที่รัตติกาลเชื่อใจก็คือนิลที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับอะไร แม้ภายนอกจะดูเป็นพวกแข็งกระด้าง แต่เขารู้ดีที่สุดว่านิลเป็นคนที่อ่อนโยนกว่าใคร
“ฮ่าๆ ขนลุกว่ะสัส ว่าแต่มึงอะสูบจัดไปไหม กลัวไม่ได้แก่ตายรึไง”
นิลขำออกมาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือเข้ามาหยิบแท่งนิโคตินที่รัตติกาลคาบเอาไว้ออกมาจากปาก ร่างโปร่งชักสีหน้าไม่พอใจใส่แต่นิลก็ทำทีเป็นไม่สนใจก่อนจะจุดไฟแล้วสูบอัดควันสีเทานั้นเข้าปอดตัวเองแทน
“ถ้าอยากเป็นคุณพ่อที่ดี แนะนำเลย เลิกบุหรี่ซะ”
ชายหนุ่มพูดออกมาลอยๆก่อนจะหันไปส่งยิ้มล้อเลียนให้ร่างโปร่งที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ แต่นิลคงไม่รู้ว่าที่รัตติกาลออกอาการอารมณ์เสียอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะโดนแย่งบุหรี่ไปแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะพอพูดถึงบุหรี่ ใบหน้ากวนประสาทของคนบางคนที่เคยว่ากระทบเขาเรื่องนี้กลับลอยขึ้นมาจนต้องสบถคำหยาบออกมาอย่างหงุดหงิด
“อย่าพูดเหมือนไอ้เวรนั่นได้ไหมแม่ง...”
.
.
.
.
“คุณกาลจะออกไปไหนคะ”
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม นิ่มที่เดินสำรวจไฟรอบๆบ้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้านอนร้องทักชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์สบายๆ กำลังเดินควงกุญแจรถในมือเล่นขณะมุ่งหน้าไปที่โรงจอดรถข้างๆบ้านด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ช่วงขายาวหยุดชะงักก่อนจะหันมามองสาวใช้ในบ้านที่กำลังมองเขาอยู่
“ออกไปหาเพื่อนนิดหน่อย ไม่ต้องไปเปิดประตูให้หรอก นิ่มไปนอนเถอะ”
“แต่ว่านี่มันก็ห้าทุ่มแล้ว...”
“แล้วยังไง?”
“ปะ เปล่าค่ะ”
นิ่มไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะสายตาแสนเย็นชาของเจ้านายเธอเหมือนคำเตือนที่สั่งให้เธอหุบปากให้สนิท ร่างโปร่งพาตัวเองขึ้นนั่งบนรถคันหรูก่อนจะถอยรถแล้วขับออกมาโดยใช้รีโมทกดเปิดประตูรั้วบ้านออกไปอย่างรวดเร็ว
จุดหมายปลายทางของรัตติกาลคืนนี้คือไนต์คลับอีกแห่งที่ไม่ใช่ที่ประจำที่เขาไปกับนิล ไม่ใช่ว่าอยากจะหลบหน้าหรือกลัวคนจับได้ราวกับเด็กทำความผิด รัตติกาลแค่อยากจะหนีจากเรื่องทางบ้านไปให้ไกลๆ ที่ต้องทำดีกับเด็กนั่น เขาก็รู้สึกเหมือนต้องใช้ความอดทนของทั้งปีหมดไปแค่ในเวลาอาทิตย์เดียว
หากไม่ใช่เพราะเป้าหมายที่ตั้งไว้
ต่อให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีทางทำดีกับมันเด็ดขาด..
ผิวขาวของร่างโปร่งดึงดูดสายตาของหนุ่มสาวรอบข้างให้มองมาเป็นทางเดียว ยิ่งมีแสงแบล็คไลท์ยิ่งทำให้รัตติกาลดูโดดเด่นที่สุดในค่ำคืนนี้ เขานั่งจิบเครื่องดื่มดีกรีแรงอยู่คนเดียวในส่วนของเคาท์เตอร์บาร์ รับรู้ถึงสายตามามายที่จ้องมาที่ตัวเองแต่ก็ยังไม่ตัดสินใจเลือกว่าคนไหนที่เขาจะเข้าไปสานสัมพันธ์ด้วย
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังสั่งเครื่องดื่มเพิ่มก็มีเสียงชวนคุยดังมาจากเก้าอี้ตัวข้างๆที่มีคนถือวิสาสะเข้ามาจับจองก่อนที่เขาจะตอบอะไร เด็กชายวัยรุ่นรูปร่างหน้าตาพอใช้ได้ภายใต้ชุดเสื้อยืดสกรีนลายกราฟิกเท่ๆกำลังส่งยิ้มมาให้เขาพร้อมกับดวงตาที่ฉ่ำปรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ มองเลยไปด้านหลังร่างโปร่งก็เห็นกลุ่มเด็กผู้ชายที่แต่งตัวแนวเดียวกันกับคนตรงหน้ากำลังมองมาทางนี้พร้อมกับซุบซิบกันไม่หยุดทำให้เขารู้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คงโดนเพื่อนยุให้เดินมาหาเขาแน่ๆ
“ขอทำไม ก็นั่งไปแล้วนี่”
“ฮ่าๆนั่นสิเนอะ พี่ชื่ออะไรหรอครับ ผมชื่อกรีนนะ”
ร่างโปร่งพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ หมุนแก้วเหล้าในมือเล่นโดยไม่หันไปมองเด็กหนุ่มคนข้างๆ อีกฝ่ายที่รอให้เขาตอบชื่อก็เริ่มแสดงสีหน้าง้ำงอก่อนจะถือโอกาสคล้องแขนของเขาแล้วออกแรงดึงจนสุราราคาแพงกระฉอกคามือ
“ปล่อย...”
“ไม่ปล่อยอะ ผมบอกชื่อพี่แล้วพี่ก็บอกชื่อตัวเองมาสิ ขี้โกงนะ”
“ผมไม่อยากยุ่งกับคุณ ช่วยปล่อยแขนผมด้วย”
“อะ อะไรนะ... กล้าดียังไงถึงมาพูดกับผมแบบนี้ แค่หน้าตาดีหน่อยก็อย่ามาเล่นตัวนักเลย!
เด็กหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและอับอายจนหน้าแดงกล้ำ ยิ่งกลุ่มเพื่อนของตนซึ่งอยู่ไม่ไกลได้ยินคำพูดตัดรอนของชายหนุ่มที่ตนหมายปองบอกตัดบทเขาอย่างไม่ไว้หน้ายิ่งทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจร่างโปร่งจนเผลอตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างไม่มีสติ
รัตติกาลเองที่เกลียดความวุ่นวายแบบนี้เป็นทุนเดิมก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ร่างโปร่งหยิบกระเป๋าเงินของตนขึ้นมาแล้ววางแบงค์พันสองใบไว้บนเคาท์เตอร์บาร์ก่อนจะเดินออกมาเพื่อตัดรำคาญ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไป เด็กหนุ่มคนเดิมก็มายืนขวางเขาไว้ทั้งที่ตัวเองยังจะพยุงร่างที่โอนเอนนั้นไม่ไหวอยู่แล้ว
“จะไปไหน ผมยังพูดไม่จบเลยนะเว้ย!”
“ถ้าเมาแล้วก็ไปไกลๆ...”
“ใครเมา ผมไม่ได้เมา!! พี่แม่งกวนตีนวะ!!”
ร่างโปร่งที่สติขาดผึงเมื่ออีกฝ่ายพาลใส่ตน คว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มแล้วกระชากเข้าหาตนอย่างไม่เกรงกลัว นัยน์ตาคมกริบจ้องเข้าไปในดวงตาที่ฉายความหวาดหวั่นของอีกฝ่ายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำจนคนฟังตัวสั่นสะท้าน
“ถ้ามึงไม่หยุด...กูเอามึงตายแน่”
“พะ พี่จะทำอะไรผม ปะ ปล่อยนะ”
“หึ ทำไมไม่ปากเก่งให้ได้ตลอดละวะ”
รัตติกาลปล่อยมือออกจากคอเสื้อของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มที่ได้รับอิสรภาพรีบถอยตัวออกมาข้างหลังแต่ก็ยังไม่เร็วพอ นัยน์ตาเย็นชาของอีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นฉายแววความสนุกสนานเหมือนเวลาเด็กเจอของเล่น มือเรียวคว้าหมับไปที่แก้มตอบของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงบีบจนใบหน้าขาวเนียนนั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากที่ถูกบี้เข้าหากันไม่แม้แต่จะสามารถร้องขอให้คนตรงหน้าหยุดการกระทำนี้ ร่างกายบอบบางสั่นระริกด้วยความกลัวแต่ก็ยังพยายามดึงมือของอีกฝ่ายให้ออกไปจากหน้าของตนเอง
“เงียบทำไม เถียงต่อสิ ด่ากูต่อสิ... ถ้ามึงไม่พูดกูจะกระทืบมึงตรงนี้แหละ!”
“มึงจะทำอะไร ปล่อยเพื่อนกูนะเว้ย!!!”
กลุ่มเพื่อนของเด็กหนุ่มวิ่งกรูกันเข้ามาพยายามกระชากรัตติกาลให้ออกห่างจากเพื่อนของตนที่กำลังยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ร่างโปร่งทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเองหนำซ้ำยังหันไปกราดมองเพื่อนของเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าไม่พอใจและพร้อมจะพุ่งเข้ามาหาเขาทุกเมื่อ
“ที่หลังถ้าไม่อยากให้เพื่อนมึงโดนกระทืบตาย ก็หัดหาโซ่มาล่ามมันไว้ไม่ให้ออกไปแรดใส่คนอื่น..”
“พูดเกินไปแล้วไอ้เหี้ย!!”
“กูทำได้มากกว่าพูดอีก มึงจะเอาไหมล่ะ!”
“เอาดิ คิดว่ากูกลัวมึงรึไงวะ!!!”
หลังจบคำพูดนั้นอีกฝ่ายก็เป็นคนปล่อยหมัดเสยเต็มปลายคางของร่างโปร่งก่อนทั้งคู่จะลงมือซัดกันนัว ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีคนมากกว่าแต่เพราะชั้นเชิงและร่างกายของหนุ่มโตเต็มวัยก็ทำให้รัตติกาลได้เปรียบ ช่วงขายาวแตะอัดเข้าเต็มท้องของเด็กคนหนึ่งจนกระอักเลือดออกมา เสียงหวีดร้องโกลาหนดังไปทั่ว ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นรัตติกาลได้ยินเสียงคนร้องเรียกหาทีมการ์ดแต่อารมณ์ของเขาก็มาไกลเกินกว่าจะหยุดยั้งได้แล้ว
“ฮ่าๆๆๆ พวกมึงแม่งอ่อนวะ!!!”
รัตติกาลหัวเราะร่าอย่างสะใจเมื่อตนเองจัดการล้มอีกฝ่ายลงไปได้แล้วสองคน ก่อนจะหันมาคว้าเอาเก้าอี้เหล็กที่อยู่ใกล้ๆฟาดเข้าเต็มแผ่นหลังของเด็กหนุ่มทีพยายามวิ่งหนีเขาจนล้มลงกองกับพื้น ร่างโปร่งยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาเดินฝ่าฝูงคนที่มุงดูอยู่อย่างวาดกลัวไปหยิบเอาขวดเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะแถวๆนั้นมาถือไว้ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาเด็กหนุ่มที่ยกมือไหว้เขาจนท่วมเพื่อขอให้หยุดสิ่งที่เขาคิดจะทำ
“ผมกลัวแล้วพี่!พะ พวกผมยอมแล้ว ปล่อยพวกผมไปเหอะ!!”
“ตอนกูบอกให้หยุดมึงไม่หยุด... หึ ตอนนี้มึงอย่ามาหวังเลย”
“ฮึก ผมขอร้อง พี่หยุดเหอะ ฮึก อย่าทำผมเลย!!”
“หยุดเถอะกาล..” “...”
“พี่บอกให้พอสักทีไง!” “ไม่...”
“หยุด!” “ผมไม่หยุด!!”
“เลิกทำแบบนี้สักที!!!” “ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่มีวันเลิกกับพี่!!!!!!” เพล้ง!!!
“รัตติกาลหยุด!! เวรเอ้ย! ผมบอกให้หยุดไง คุณทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม!!!”
ความเจ็บแปลบตรงข้ามแก้มดึงสติของรัตติกาลให้กลับเข้าที่ เสียงกรีดร้องดังระงมปะปนกับเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนั้นดังอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งที่มีเรื่องกันอยู่ แต่ทำไมไม่มีใครกล้าสบตากับเขาสักคน...
เอ๋?
กองเลือดนั่นมันอะไร?
นั่นมันเด็กคนที่เข้ามาต่อยเขานิ...
ทำไมถึงลงไปนอนอยู่ตรงนั้น??
เพล้ง!!!
ความรู้สึกเจ็บแล่นริ้วจากฝ่ามือขึ้นมาถึงแขนจนรัตติกาลเผลอสะบัดมือทำให้วัตถุบางอย่างที่เขาถือเอาไว้ร่วงลงสู่พื้น มันคือขวดเบียร์ที่ตามปกตินั้นเป็นสีเขียว แต่เศษซากที่กองอยู่กับพื้นกลับเต็มไปด้วยน้ำสีแดงข้นคลั่กจนเห็นได้แม้ในความมืด ร่างโปร่งรู้สึกมึนงงและสับสน ทำไมถึงมีเลือดเต็มไปหมด แล้วทำไมพอเขาทำขวดเบียร์ในมือตกทุกคนถึงได้มีท่าทางหวาดกลัวแบบนั้น ไม่ใช่แค่เด็กพวกนั้นที่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้ามองหน้าเขา แม้แต่คนที่มุงดูยังพากันถอยหลังออกไปราวกับว่าเขาเป็นตัวอันตรายอะไรสักอย่าง รัตติกาลไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้น?
“มีคนโทรเรียกรถโรงพยาบาลรึยัง!”
เสียงๆเดียวกับเสียงที่ดึงสติเขากลับมาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด นัยน์ตาหวานคมหันกลับไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ของนายพี่เลี้ยงเด็กที่อยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีสีเทาคลุมทับด้วยสูทสีขาวซึ่งเปื้อนไปด้วยเลือดกำลังถอดสูทตัวนั้นออกแล้วใช้กดทับไปยังหัวของเด็กผู้ชายที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น
ถึงอยากจะถามว่าอีกฝ่ายมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงแต่ภาพที่ร่างสูงกำลังช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บก็ทำให้รัตติกาลเลือกที่จะเข้าไปช่วยอีกฝ่ายด้วยก่อนเป็นอันดับแรก แต่พอเขาจะก้าวเดินเข้าไปใกล้เด็กคนที่ชื่อกรีนซึ่งนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นก็กรีดร้องออกมาอย่างเสียขวัญ
“อย่าเข้ามานะ ไอ้ฆาตกร!!!”
“หะ? ฆาตกรอะไร? ใคร?”
“มึงนั่นแหละ!! ฮึก มึงฆ่าไอ้โอม ฮือ.. มึงทำเพื่อนกูทำไม!!!”
“ฆาตกรหรอ... เราเนี่ยนะ?”
รัตติกาลส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ เขาเบือนหน้าหันไปหาอารัณย์ที่ยังคงพยายามห้ามเลือดคนเจ็บอยู่แต่อีกฝ่ายทำเพียงแค่มองหน้าเขานิ่งๆอยู่สักครู่ก่อนจะให้ความสำคัญกับชีวิตที่เด็กคนนั้นบอกว่าเขาได้คร่าเอามันไป
ร่างโปร่งนึกเอะใจเลยก้มลงดูตัวเอง เสื้อเชิ้ตที่เคยเป็นสีขาวสะอาดกลับเลอะคราบสีแดงเป็นวงกว้าง มือของเขาที่เคยรู้สึกเจ็บนั้นเต็มไปด้วยเศษแก้วและรอยแตกตามข้อจนช้ำ รัตติกาลเริ่มประติดประต่อเรื่องราวจนเริ่มเข้าใจ มือของเขาก็สั่นจนควบคุมไม่ได้
ทำไม อะไรกัน...
เขา...ทำอะไรลงไป?
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!กอดคนอ่าน!! กลับมาแล้วคนับหลังจากอู้มาหลายวัน คิดถึงเช่ไหม <3 เปิดมาด้วยของเครียดเลย หึหึ
ตอนนี้หลายคนคงเริ่มคิดแล้วว่าอารมณ์พ่อกาลของเราทำไมมันยังกะสตรีมีประจำเดือนขนาดนี้ เป็นจุดที่อยากให้สังเกตกันนะ
ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับฝีมืออันน้อยนิดของเช่แล้วแหละว่าจะสื่อออกมาให้ทุกคนเข้าใจตรงกันได้ไหม สารภาพเลยว่านั่งด่าตัวเอง
ตลอดว่าทำไมต้องแต่งเรื่องที่แม่งโคตรยุ่งยาก คิดตลอด ปวดหัว แต่มันได้แค่ฟิลนี้จริงๆทั้งที่ฝีมืออ่อนหัดแต่ก็อยากแต่ง ฮ่าๆ
ช่วงนี้งานก็คงรุมเร้าเหมือนเดิม แต่จะพยายามมาให้ได้ตลอด (กลัวคนอ่านหายคนับ สารภาพ ฮ่าๆ)
ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวตนะคนับ ขอบคุณคนที่ไลค์แฟนเพจด้วย เช่อาจจะเพ้อเจ้อในนั้นไปบ้างอย่ารำคาญนะ^^
ปล. เช่มีพล็อตเรื่องอื่นต่อยอดจากไนท์แมร์แล้วแหละ กำลังฟุ้งมาก แต่มันยังอีกห่างไกล ขอเอาเรื่องนี้ให้รอดก่อนเนอะ!