Chapter 4 : หนทางสู่ความวุ่นวาย“เฮ้อ” นภเกตน์ทอดถอนใจเป็นครั้งที่สิบของวัน ส่งผลให้เลขาสาวที่หน้าห้องนั่งไม่อยู่สุขเพราะเสียงที่แว่วมาเป็นพักๆ
หลินเท้าแขนลงกับโต๊ะ ดูเหมือนว่าเจ้านายของเธอจะมีเรื่องกลุ้มใจ คงจะเป็นเพราะช่วงนี้มีงานเข้ามาเยอะมาก ทุกคนในแผนกก็เช่นกัน
พูดถึงงานเยอะมาก... เลขาสาวขมวดคิ้ว พลางกดเรียกดูตารางงานของผู้เป็นนายจากในเครื่องคอมพิวเตอร์ตรงหน้า จากนั้นจึงลุกขึ้นพรวดไปเคาะประตูห้องของเจ้านายรัวๆ
“คุณนภเกตน์คะ! มีนัดประชุมที่ชั้น 15 กับทีมโพรเจคต์ DMT ไม่ใช่เหรอค้า นี่เลยเวลานัดมาห้านาทีแล้วนะค้า”
เสียงฝีเท้าดังตึงตังมาจากทางด้านในห้อง ก่อนบานประตูจะเปิดออกผัวะ
“แย่แล้ว ขอบใจที่เตือนนะคุณหลิน!” นภเกตน์วิ่งพรวดตรงไปที่ลิฟต์โดยสาร แขนข้างหนึ่งหนีบแฟ้มเอกสารไว้ มืออีกข้างจัดเสื้อผ้าและเนกไทให้เรียบร้อย เขากดปุ่มลิฟต์ซ้ำๆ กันหลายครั้ง เมื่อลิฟต์โดยสารมาช้าไม่ทันใจ แต่พอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วก็ตัดสินใจย้ายไปวิ่งขึ้นบันไดแทน
หลินมองตามร่างโปร่งไปอย่างงงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานมาก็คิดว่าเจ้านายเพอร์เฝ็กต์ที่สุดในบริษัทแล้ว หากทำไมหลงลืมเรื่องประชุมไปได้ หรือว่าวันนี้เจ้านายอาจจะเหนื่อย เพราะมีเรื่องให้ต้องคิดมากจนเกินไป
เลขาสาวไม่รอช้า เธอเปิดลิ้นชักคว้าถุงมะขามคลุก มะม่วงทั้งแบบสดและดอง ฝรั่งแช่บ๊วย กับขนมขาไก่วิ่งเข้าไปในกลุ่มของวิศวกรที่กำลังนั่งทำรายงานเอกสารส่งลูกค้า แล้วเริ่มต้นบทสนทนา
“คุณนภเกตน์ดูแปล๊กกกแปลกล่ะค่ะ นั่งหายใจทิ้งทั้งวัน ท่าทางเหนื่อยๆ มากเลยด้วย”
“หัวหน้างานเยอะน่ะคุณหลิน คงจะเครียด”
“หลินก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ แต่ต้องมีเรื่องอื่นด้วยแน่ๆ เมื่อวันก่อนก็เห็นว่าไม่สบาย ต้องกินยา”
“อาจจะเครียดเรื่องที่บ้านด้วยละมั้ง” หนึ่งหนุ่มในแก๊งวิศวกรพูดขึ้น
“หรือแฟนหัวหน้าอาจจะสูบเลือดสูบเนื้อตอนกลางคืนมากก็ได้นะเว้ย”
“ว้าย! คุณนภเกตน์มีแฟนแล้วเหรอคะ” เลขาสาวหันขวับ แล้วจับคอคนพูดมาเขย่าแรงๆ
“น่าจะมีนะ แต่คนที่รู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพี่ตฤณนั่นแหละ คุณหลินลองถามพี่ตฤณดูสิ”
หลินสะบัดหน้าพรืด “เรื่องของเจ้านาย หลินไม่ยุ่งหรอกค่ะ” ถ้าเกิดตฤณบอกว่าเจ้านายของเธอมีแฟนแล้วจริงๆ ลัทธิตฤณนภของเธอก็พังพินาศหมดน่ะสิ
“อ้าว พี่ตฤณมาพอดี”
“ไหนคะ! ไหนๆ” เลขาสาวลุกขึ้นพรวด แล้วสอดส่ายสายตาหาเจ้าของชื่อเรียก
วิศวกรสี่ห้าคนตรงนั้นหัวเราะเสียงดัง “ไหนว่าไม่อยากรู้ไง พี่ตฤณน่ะ อยู่นู่น พัทยา ลืมแล้วเหรอครับ” แต่พอพูดจบก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี เพราะเลขาสาวจ้องพวกเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ทั้งกลุ่มจึงส่งสายตาหากันพร้อมกับหันไปเก็บข้าวเก็บของ
“พวกผมต้องไปไซต์งานละ เย็นๆ เจอกันใหม่นะครับคุณหลิน”
“ขอให้โดนลูกค้าใช้งานเยอะๆ เลยค่ะ!” หลินตะโกนไล่หลัง
ภายในห้องประชุมขนาดเล็ก นภเกตน์นั่งพยักหน้าหงึกๆ ทำเหมือนว่ากำลังฟังเซลล์ วิศวกรและผู้จัดการโพรเจคต์สรุปรายงาน ทว่าในใจคิดย้อนกลับไปถึงแต่เรื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เขาไม่สบาย ร่างสูงหายออกไปจากคอนโดมิเนียมอยู่ครึ่งวัน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับอาหารมากมาย พอเขาถามเรื่องนัดทำแล็บกับลูกน้อง อีกฝ่ายก็บอกว่าจำผิด แต่เพราะเห็นว่าเขาไม่สบาย จึงไปหาซื้อกับข้าวมาสำหรับมื้อเที่ยง
พูดถึงเรื่องอาหาร...
ตฤณดูแปลกๆ ไปชอบกล ทุกเย็นอีกฝ่ายจะกลับมาบ้านพร้อมกับอาหารมื้อเย็นและอาหารสำหรับมื้อเช้าของอีกวัน โดยอ้างว่าเดินผ่านตลาด เห็นอาหารน่ารับประทานดี ก็เลยซื้อมา แล้วก็ไม่ยอมให้เขาเข้าครัวทำอาหารเลยแม้แต่มื้อเดียว
...แต่อะไรมันจะผ่านตลาดได้ทุกวัน นี่อีกฝ่ายไปรับจ๊อบเข็นผักในตลาดหรืออย่างไรกัน
“ถ้าพาลูกค้าไปเลี้ยงแต่ที่ร้านเดิมๆ รสมือพ่อครัวซ้ำๆ ลูกค้าก็คงเบื่อนะ” เสียงของคนอื่นในห้องพูดคุยกันเรื่องที่จะพาลูกค้าไปเลี้ยงอาหารแว่วเข้ามาในโสตประสาทของนภเกตน์ แต่มาไม่ครบทั้งประโยค เขาได้ยินเพียงแค่ว่า
รสมือพ่อครัวซ้ำๆ ...ก็คงเบื่อนะผู้เป็นนายเบิกตาโพลง พลางพึมพำเสียงเบา “เบื่อเหรอ” ไหนว่าชอบฝีมือทำอาหารของเขานักหนา รับประทานได้ทุกวันไม่มีเบื่ออย่างไรกันล่ะ
“พวกอาหารฝรั่งกินเยอะๆ มันก็เลี่ยน ไปร้านอาหารไทยบ้างมั้ย”
อาหารฝรั่งเลี่ยนงั้นหรือ... หรือว่าระยะหลังมานี่เขาจะทำอาหารฝรั่งมากไปกันนะ
“พาลูกค้าไปกินร้านที่ลูกค้าชอบดีกว่า”
ชอบ? จะว่าไป... ตฤณชอบรับประทานอะไร เขาก็ยังไม่รู้เลย เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะทำอะไรไป อีกฝ่ายก็จะรับประทานจนเกลี้ยง
ใบหน้าสวยหวานเคร่งขรึม ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นอย่างครุ่นคิด “....”
“คุณนภเกตน์ คุณนภเกตน์ครับ!”
“อะ หือ? ครับ”
“คุณนภเกตน์มีร้านไหนแนะนำเป็นพิเศษมั้ยครับ”
“ผม... คือผมก็ไม่ได้รู้จักร้านอาหารมากมาย ปกติก็ทำอาหารกินเองซะด้วย เพราะงั้นพวกคุณตัดสินใจเถอะ”
ทุกคนในห้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คุณนภเกตน์น่ะเหรอครับ ทำอาหารเอง!”
“ทำไมล่ะ แปลกเหรอ?”
“ก็... ระดับคุณนภเกตน์ น่าจะมีคนทำให้กินน่ะสิครับ”
“ผมชินกับการทำอาหารกินเองมาตั้งแต่อยู่ที่เมกาแล้วน่ะ แล้วทำกินเองก็เลือกใส่ได้ตามใจชอบด้วย”
“จะว่าไปก็จริงนะครับ แต่พวกผมน่ะ ไม่ค่อยมีเวลาทำอาหารกินเองกันสักเท่าไหร่หรอก อย่างมากก็ทอดไข่ใส่มาม่าเท่านั้นล่ะ”
นภเกตน์ขมวดคิ้ว “ทำไมไม่ให้แฟนทำให้ล่ะครับ”
“โหย คุณนภเกตน์ ผมน่ะโคตรเบื่อฝีมือแฟนเลย แม่งทำเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง ซ้ำกันทุกสามมื้อ” ผู้จัดการโพรเจคต์บ่นก่อนตามด้วยพนักงานฝ่ายเซลล์และวิศวกรที่เป็นลูกน้อง
“ผมก็ไม่ชอบให้แฟนผมทำอาหารนะ ผมชอบกินเผ็ดๆ ไงครับ แต่แฟนผมชอบจืดๆ จะบ่นก็ไม่กล้าด้วยสิ เดี๋ยวโดนโกรธเอา ผมยังไม่อยากหอบผ้าไปนอนหน้าห้องอะครับ”
“ฝีมือแฟน นานๆ กินทีมันก็พิเศษดีนะครับหัวหน้า แต่ถ้ากินทุกวันคงไม่ไหว ผมเลยใช้วิธีชิงพาแฟนไปกินข้างนอก หรือไม่ก็ซื้ออะไรมากินที่บ้านบ้าง”
ร่างโปร่งเผยอริมฝีปากค้าง ราวกับถูกฝาหม้อฟาดศีรษะติดๆ กันถึงสามครั้ง
เบื่อ... เบื่อ... เบื่อ... คำพูดนั้นสะท้อนก้องอยู่ในศีรษะ
หรือว่า... ตฤณจะเบื่ออาหารฝีมือเขาจริงๆ
ทั้งที่คิดว่าเขากับตฤณมีความสุขกันดี แต่ที่จริงแล้วชีวิตคู่ของเขานี่... มันก็ไม่ได้ง่ายแล้วก็ราบรื่นอย่างที่คิดเลยแฮะ เขาคงจะเอาใจใส่อีกฝ่ายน้อยไป ถึงได้ไม่ทันสังเกต
ร่างโปร่งเดินเบลอออกมาจากห้องประชุม โซซัดโซเซกลับไปยังห้องทำงานของตนอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ว้าย คุณนภเกตน์ เป็นอะไรรึเปล่าคะ” เลขาสาวถลาเข้าไปประคองเจ้านายของเธอทันที “ทำไมโทรมยังกะไปโดนรุมโทรมมาอย่างนี้คะ”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ” นภเกตน์แก้ตัว “เดี๋ยวคุณหลินชงกาแฟมาให้ผมหน่อยนะ”
“เอาโกโกร้อนดีกว่ามั้ยคะ วันนี้คุณนภเกตน์ดื่มกาแฟไปสองถ้วยแล้วนะคะ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับค่ะ”
“โอเค ขอบใจนะ”
ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาภายในห้องทำงานตามลำพัง ระหว่างที่รอเลขาสาวนำเครื่องดื่มมาให้ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดระบบเสียง แต่บนหน้าจอมีข้อความขึ้นค้างอยู่พอดี
“คืนนี้ผมกลับดึกหน่อยนะครับ คุณนภไม่ต้องรอ ผมจะนอนบนโซฟานะครับ”
ชายหนุ่มผิวขาวขมวดคิ้ว นี่... ตฤณไม่ได้เลี่ยงที่จะพบเขาหรอกใช่ไหม อาทิตย์ที่ผ่านมา แม้จะกลับเย็นอยู่สักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ยังกลับมารับประทานมื้อเย็นด้วยกัน แล้วหลังจากนั้น...
เมื่อก่อนน่ะ แทบไม่มีเลยสักคืนที่พวกเขาจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีรีดพิษหนอนให้กันบ้างไม่ว่าจะเหนื่อยมากสักแค่ไหน
ทว่าสัปดาห์ที่แล้ว... ไม่มีเลย!
หรือว่าที่ตฤณเบื่อจะไม่ใช่เพียงแค่อาหาร แต่เป็น... ตัวเขา!
“คุณนภเกตน์คะ! ทำหน้าเหมือนเจอผีเลยค่ะ!” เลขาสาวที่ยกถาดใส่ถ้วยโกโก้ร้อนเข้ามาเอ่ยทัก “หลินเตรียมพายบลูเบอรีไว้ให้คุณนภเกตน์ด้วยนะคะ ทานอะไรก่อนค่ะ จะได้มีแรง”
ผู้เป็นนายเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของเธอไว้ “คุณหลิน นั่งอยู่กับผมแป๊บนึงสิ”
มือของเจ้านายเย็นเฉียบราวกับมือของเอลซ่าก็ไม่ปาน หลินทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกตัวอย่างว่าง่าย “ได้ค่ะ คุณนภเกตน์มีอะไรให้หลินรับใช้เหรอคะ”
..
.....
..
ยามเย็นภายในรอบรั้วมหาวิทยาลัยซึ่งมีต้นไม้ให้ร่มเงาเขียวขจี เสียงพูดคุยกันของเหล่านักศึกษาดังเซ็งแซ่ ผสมผสานกับเสียงเลื่อยไม้และตอกตะปูคละเคล้าไปกับเสียงเพลงนานาชาติ นานาสไตล์ที่ดังอยู่เป็นหย่อมๆ เนื่องจากจะมีการจัดงานลอยกระทงของมหาวิทยาลัยขึ้นในสัปดาห์หน้า ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องและอาจารย์แต่ละคณะจึงผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลบูธกิจกรรมกันอยู่จนถึงเวลามืดค่ำ
กลุ่มของเมฆและรุ่นพี่อีกหลายชีวิตของคณะวิศวกรรมศาสตร์รับหน้าที่ดัดแปลงโรงยิมที่ใช้ฝึกยูโดให้กลายเป็นบ้านผีสิงซึ่งคณะวิศวะผูกขาดไว้ทำเป็นประจำทุกปี พวกเขาขนไม้กองหนึ่งไปเลื่อยตามขนาดที่กำหนดไว้ในสวนด้านหลังตึกคณะวิศวะ เพื่อที่ว่าจะได้กวาดเศษไม้ไปไว้ตามโคนต้นไม้ได้เลยโดยที่ไม่ต้องโกยไปทิ้งให้เหนื่อยอีก ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานกันไปอย่างเงียบเชียบ
ฝ่ายตฤณนั้น เขาหอบเอกสารเดินดุ่มๆ ลงมายังชั้นล่างของตึกหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมกับอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ส่วนพวกลูกน้องยังคงทำงานกันอยู่ที่ห้องเซิฟเวอร์ในตึกใหม่ พอเดินมาถึงชั้นล่าง เสียงดนตรีและเสียงพูดคุยกันดังมาแว่วๆ ของพวกรุ่นน้องก็ทำให้เขายิ้มกว้าง นึกถึงวันเวลาสมัยยังเป็นนักศึกษาเอ๊าะๆ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
อยากให้คุณนภมาที่นี่จริงๆ เลย คุณนภไม่เคยเรียนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในไทย คงจะตื่นเต้นไม่น้อย
ตฤณยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ซึ่งบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว เขากับลูกน้องยังทำงานได้ไม่ถึงกำหนดที่วางไว้เลย คืนนี้อาจจะต้องอยู่กันที่ไซต์งานจนถึงสี่ทุ่ม พวกลูกน้องของเขาพักในห้องพักของเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่ธนากรจัดหาไว้ให้ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยจึงไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากต้องอยู่ที่ไซต์จนมืดค่ำ ทว่าสำหรับตัวเขาแล้ว ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เขาก็อยากจะกลับไปหาคุณนภของเขา แม้ไม่ได้รับประทานมื้อเย็นด้วยกัน ไม่ได้นอนร่วมเตียงด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้คนรักตื่นขึ้นมากลางดึก และเขาอยากให้คุณนภได้พักผ่อนมากๆ แต่อย่างน้อยขอแค่ได้รับประทานมื้อเช้าร่วมกันก็ยังดี
ขณะที่เดินออกจากตึก เขาได้ยินเสียงใครบางคนร้องขอความช่วยเหลือ
“เฮ้ย! มาจับไม้ให้กูที แม่งไม่นิ่งเลยว่ะ หรือเลื่อยแม่งทื่อวะเนี่ย”
ตฤณหันซ้ายขวา ที่ตรงนั้นก็มีเขานี่แหละยืนอยู่ใกล้คนเรียกมากที่สุด ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปจับไม้ไว้ให้
ส่วนเด็กหนุ่มที่กำลังไสไม้อยู่นั้น เขาเห็นใครเดินมาใกล้ๆ ก็เรียกใช้ไว้ก่อน เพราะนึกว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มตน
เมื่อไสไม้เสร็จแล้วจึงเงยหน้าขึ้น “อ้าว! พี่... อืมมม... พี่ตฤณนี่นา! มาทำอะไรแถวนี้อะครับ”
“มาประชุมน่ะสิ เมฆใช่มั้ยเนี่ย ปีนี้วิศวะทำอะไรล่ะ”
“บ้านผีครับพี่”
“อีกแล้วเรอะ แล้วเป็นผีกับเขารึเปล่าน่ะเรา”
เด็กหนุ่มส่ายหน้ายิก “ผมเลือกงานจับกังอะพี่ วันงานจะได้... เอ้อ... ไปเดินเล่น”
“อ้อ...” ตฤณยิ้มอย่างรู้ทัน “จะได้มีเวลาไปเดินกับแฟนสินะ”
“ฮะๆ” เมฆยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “จริงสิ พี่ตฤณช่วยผมจับไม้อีกท่อนนะ ท่อนสุดท้ายแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อนผมมันหายหัวไปไหนกัน”
“เวลาของพี่เป็นเงินเป็นทองนะเว้ยเฮ้ย”
“โธ่ พี่ ก็ช่วยไปแล้ว อีกท่อนเดียวน่ะ ทองพี่ไม่บุบสลายหรอก”
รุ่นพี่ร่างสูงหัวเราะ “โอเคๆ”
ขณะที่เลื่อยไม้ไป เด็กหนุ่มก็ชวนคุยไปด้วย “เออ ผมว่าจะถาม พี่จบไฟฟ้าแล้วทำไมไปลงเอยที่คอมฯ ได้เนี่ย”
“ระบบเครือข่ายคอมฯ โว้ย”
“นั่นแหละๆ คือๆ กัน”
ชายหนุ่มนึกอยากจะใช้ไม้ที่จับอยู่ฟาดกบาลรุ่นน้องสักทีสองที แต่ขี้เกียจเถียงแล้วก็ขี้เกียจอธิบายด้วย “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ สมัครงานไป บริษัทเขารับ ส่งไปเทรนไปสอบใหม่ แล้วก็มาทำงานอย่างที่เอ็งเห็นนี่แหละ”
“โหย แล้วเสียเวลาเรียนสี่ปีไปทำไมวะพี่”
ไอ้เด็กนี่มันวอนจริงๆ เว้ย!
ตฤณส่งสายตาดุๆ ใส่ “มึงหั่นให้ไวๆ หน่อย”
“เขาเรียกเลื่อยพี่ ใจเย็นดิ ผมไม่ใช่ช่างไม้อาชีพ นี่ใกล้ขาดแล้วเนี่ย” เมฆชวนคุยต่อไปอย่างไม่ลดละ “พี่จะมางานลอยกระทงรึเปล่าอะ”
“ก็น่าสนอยู่นะ ถ้างานเสร็จก็คงจะได้แวะมาเดินดูน่ะ”
“หาเวลามาเหอะพี่ คณะเรามีบูธพี่ว้ากตกน้ำด้วยนะ ผมจะได้ฝากพี่ปาพี่ตั้งใจให้ร่วงลงน้ำสักสองสามที”
“เป็นน้องที่แสนดีจริงๆ เลยมึง”
ท่อนไม้ที่ถูกตัดออกร่วงหล่นลงบนกองไม้ที่ตัดไว้แล้ว เป็นอันว่าหน้าที่ของเด็กหนุ่มเสร็จสิ้นลง “เสร็จแล้ว ขอบคุณพี่ตฤณมากคร้าบ”
“เออๆ พี่ไปล่ะ”
“เอาไว้พี่มีไรให้ผมช่วยเรียกได้เลยนะครับ” เมฆยิ้มกว้าง พลางก้มลงหยิบท่อนไม้ที่ตัดแล้วขึ้นมา
ตฤณโบกมือลา จากนั้นจึงเดินตรงไปยังตึกที่ทำงานหลัก
TBC~*เรื่องของตาตฤณกับน้องนภยังไม่คืบหน้าเลย ตาตฤณก็ไปวุ่นวายกับน้องเมฆซะแว้ว 555555
วุ่นวายนิดนึงนะคะ แต่อย่างที่เคยบอก ไม่มีดราม่า แฮปปี้ๆๆๆ แน่น้อนนนน
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า รักนะ ม้วฟฟฟ
ปล. อยากเล่นเกมพี่ว้ากตกน้ำจัง 55555 (อันนี้เริ่มเรื่องในช่วงหลังจบประชุมเชียร์ไปแล้วในเหนือเมฆน่ะค่ะ อยากลงให้พร้อมกันแต่มันไม่ทัน แอรรร~)
ปล.อีกที น้องเมฆนี่ เวลาอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้ำก็กวนเหมือนกันเนอะ 555555