@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (เต๋อ กับ ช่างวินัย) ตอน สัญญา
เด็กชายเต๋อกำลังร้องไห้ เพราะความเสียใจ และรู้สึกเจ็บปวด
“ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ไอ้เต๋อไม่มีพ่อ”
เสียงล้อเลียนของเพื่อนยังดังก้องไปก้องมาอยู่ในหัว และเต๋อก็ไม่ทน
ต่อยหน้าเพื่อน จนเพื่อนเลือดกำเดาไหล
และเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เต๋อโดนเรียกผู้ปกครอง และกว่าจะเคลียร์กับครอบครัวของเพื่อนได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม่จับหัวให้เต๋อก้มหัวขอโทษพ่อแม่ของเพื่อน
“ขอโทษ”
เต๋อไม่ได้อยากขอโทษ มันว่าเต๋อ มันล้อเต๋อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ เต๋อจะทำยิ่งกว่านี้ จะทำมันยิ่งกว่านี้ถ้ามีโอกาส เต๋อก็จะเอาคืนมันอีก
เด็กชายเต๋อ ไม่ยอมรับจากใจว่าตัวเองทำร้ายเพื่อน
กลับมาถึงบ้านโดนแม่ตี ตีจนขาเป็นรอย
“มึงจะทำอีกมั้ยไอ้เต๋อ มึงจะทำอีกมั้ย”
เต๋อ ไม่ตอบ แต่กอดอกและกลั้นน้ำตาเอาไว้
แม่ไม่เข้าใจ เต๋อเป็นเด็กไม่มีพ่อ มันจริงอย่างที่เพื่อนพูดว่าเต๋อเป็นลูกไม่มีพ่อ
“มึงจะทำอีกมั้ยไอ้เต๋อ จะทำอีกมั้ย”
เต๋อไม่รับคำแต่สะอื้นและร้องไห้จนตัวโยน
แม่ตีจนพอใจ และไม่ใช่แค่ที่ขา แต่ที่เจ็บจริง ๆ คือหัวใจของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้
แม่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น กอดเข่าเอาไว้และร้องไห้ แม่ตัวสั่น แม่ร้องไห้ และเต๋อได้แค่มอง และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
“ทำไมเต๋อเป็นลูกไม่มีพ่อ”
คำถามง่าย ๆ แต่ยิ่งทำให้แม่ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆ
คำถามง่าย ๆ แต่ตอกย้ำความเจ็บปวดในหัวใจของแม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
มันคือความผิดพลาด.........
ความผิดพลาดครั้งใหญ่
ความผิดพลาดที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้
และเคราะห์กรรมก็มาตกที่ลูกชายคนเดียวที่ต้องโดนเพื่อนล้อจนถึงป่านนี้
ไม่มีคำตอบจากแม่ และเด็กชายเต๋อก็วิ่งออกจากบ้าน ที่ขามีรอยแผลจากการโดนกิ่งมะยมฟาดเป็นแนวยาวโดนตีเป็นประจำเพราะดื้อ เพราะความซนแต่ไม่ว่ากี่ครั้งเต๋อไม่เคยเสียใจเท่าครั้งนี้
มันว่าเต๋อเป็นลูกไม่มีพ่อ สิ่งที่เพื่อนล้อเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริง
เต๋อเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดินและยกหลังมือปาดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหล
เดินไปอย่างไม่มีจุดหมายแค่คิดว่าต้องเดินไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปไหน
“ไอ้เต๋อ จะไปไหนของมึงวะ”
เสียงแตรรถมอร์เตอร์ไซด์จากด้านหลังทำให้เต๋อหันไปมอง และก็เห็นว่าคนที่มาตามคือพี่นัย
“ไอ้ขี้แย โดนล้อแค่นี้มึงถึงกับต้องหนีออกจากบ้านเลยเหรอวะ”
พี่นัยไม่เข้าใจ พี่นัยมีทั้งพ่อทั้งแม่ มีพี่สาวอีกสองคน พี่นัยจะไปเข้าใจอะไร
“กลับบ้านเหอะเร็ว ๆ แม่มึงเป็นห่วง”
เต๋อไม่อยากกลับ แม่ตีเต๋อขนาดนี้ แม่จะห่วงเต๋อได้ยังไง
“เฮ้ย ขึ้นมาเร็ว ๆ”
โดนเร่งให้กลับบ้านด้วยกัน แต่เด็กชายเต๋อก็ยังไม่มีทีท่าจะยอมกลับ
“ไปบ้านพี่ก็ได้ ถ้าไม่อยากกลับบ้าน แม่พี่เอาขนมมาจากที่ร้านด้วย กินมั้ย”
เต๋อไม่ได้สนใจขนม ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เต๋อต้องยอมนิ่งฟังเพราะพี่นัยที่ขี่มอร์เตอร์ไซด์ค่อย ๆ ชะลอตามจังหวะการก้าวเดินของเต๋อ และนั่นทำให้เต๋อยังพอรู้สึกได้บ้าง ว่าถึงแม้ แม่จะตีจนน่องลายพร้อยไปหมด แต่ยังไงก็ยังมีพี่นัย
อย่างน้อยถ้าไม่อยากกลับบ้าน ถ้าอยากจะหนีแม่ ก็ไปอยู่บ้านพี่นัยได้
เด็กชายเต๋อยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาและยอมซ้อนท้ายพี่นัยกลับบ้าน
และนั่นทำให้วินัยยิ้มออกมาได้
เต๋อขึ้นไปซ้อนท้ายรถมอร์เตอร์ไซด์ของวินัย และกอดเอววินัยเอาไว้แน่น หัวเล็ก ๆ ซบที่หลังของวินัยและเช็ดถูใบหน้าที่หลังของวินัย
และวินัยก็หัวเราะออกมาเสียงเบา
อย่างน้อยมันก็ยังฟังกันบ้าง อย่างน้อย“น้อง” ก็ไม่ได้ดื้อจนไม่ฟังอะไร
“แม่เขารักมึงนะ เขาถึงได้ตี เพราะเขาไม่อยากให้มึงไปต่อยเพื่อนอีก”
เต๋อไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจและไม่พยายามเข้าใจ
“ตอนที่พี่ไปต่อยเพื่อน แม่พี่ก็ตีพี่แบบนี้แหละ เจ็บชิบหาย ที่แม่ตีก็เพราะว่าเขาไม่อยากให้เราไปทำคนอื่นอีก มึงต้องเข้าใจนะเต๋อ”
เข้าใจ....
เข้าใจว่าอย่าไปทำร้ายใคร
แต่ที่ไม่เข้าใจ ทำไมเต๋อไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นๆ
“ไอ้บัสก็ไม่มีแม่ โดนล้อยิ่งกว่ามึงอีก ไอ้บัสยังอดทนเลย มึงดูมันสิเอาเป็นตัวอย่าง อย่าไปสนใจคนอื่นที่ล้อมึง”
เต๋อกำลังคิดตามที่พี่นัยพูด และสิ่งที่พี่นัยพูดมันคือเรื่องจริง
รถมอร์เตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่หน้าบ้านวินัยแล้ว และแม่ของเต๋อที่แอบชะเง้อคออยู่ห่างออกไปก็ยิ้มออกมาได้ วินัยมองไปที่แม่ของเต๋อ และพยักหน้าใส่กันเป็นอันรู้กัน
เต๋อเดินเข้าบ้านมาพร้อมวินัย และเมื่อวินัยจะเดินขึ้นบ้าน เต๋อก็ดึงมือวินัยเอาไว้
“ถ้าเต๋อเป็นอย่างพี่บัสได้ พี่นัยจะให้อะไร”
ให้อะไรเหรอ
ให้อะไรวะ กูจะไปมีอะไรให้วะ นึกไม่ออกเลยจริง ๆ
“มึงอยากได้อะไรล่ะ กันดั้มมั้ย ไม่ไหวว่ะ แพงไป ลูกบอลมั้ย ก็ไม่ไหวอีก ถ้ามึงเลือกที่แพงๆ ขึ้นมากูก็ยังไม่มีตังค์ซื้อ เอาอะไรดีวะ”
วินัยคิดไม่ออกว่าจะให้อะไรตอบแทน แต่เต๋อคิดเอาไว้แล้วว่าอยากได้อะไร
“พี่นัยต้องอยู่กับเต๋อไปตลอดนะ”
มันขออะไรโง่จริงวะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะให้ไม่ได้
“มึงจะเอาแค่เนี้ยะ มักน้อยดีนี่หว่า กูจะไปไหนได้บ้านก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ มีอะไรก็เดินมาหาสิ มันจะไปยากอะไร”
วินัยไม่ทันคิดถึงความหมายของคำว่าอยู่ด้วยกันตลอดไป
เด็กชายเต๋อยิ้มได้แล้ว และเดินตามวินัยไปกินขนมที่วินัยอ้างว่า แม่ของตัวเองทำมาให้
ที่จริงแล้วเป็นแม่ของเต๋อต่างหากที่ฝากไว้ให้
“ป้าตีมันจนขาแตก ป้าก็ไม่ดีไปตีมันขนาดนั้นที่มันพูดก็ถูกทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากให้คนด่าหรือล้อเลียนมันว่านอกจากเป็นลูกไม่มีพ่อแล้วยังเป็นเด็กก้าวร้าว อันธพาล ป้าไม่อยากให้มันโดนคนว่าเอาแบบนั้น”
วินัยเข้าใจ
เข้าใจดีทุกอย่าง
“นัย สงสารมันนะ เห็นมันเป็น”น้อง” สักคน ถือว่าสงสารมัน”
สงสารเหรอ
แรก ๆ ก็สงสารไอ้เต๋ออยู่หรอก แต่ตอนนี้สงสารตัวเองมากกว่า
ที่เคยรู้มาคือพ่อไอ้เต๋อเป็นพระเอกลิเก หน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณดีและไอ้เต๋อมันก็คงได้พ่อมาแบบเต็ม ๆ เรื่องที่ว่าแม่ไอ้เต๋อท้องไม่มีพ่อสมัยก่อนใครๆ เขาก็รู้ และลือกันไปต่างๆ นานา แต่มันก็เท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เรื่องทุกอย่างก็เหมือนจะค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้า ๆ
ไอ้เต๋อเด็กกะโปโล ตัวผอมแห้งกระหร่องตอนเด็ก ๆ ไม่มีอีกแล้ว
มีแต่ไอ้หนุ่ม “ดาว” มหาลัยของแม่ ที่ทั้งหน้าตาผิวพรรณ หล่อเหลาน่ามองผิดพี่ผิดน้อง ผิดญาติคนอื่นๆ และแม่มันก็เหมือนจะชอบใจที่เห็นมันโตมาหล่อเหลาหน้าตาดีกว่าญาติ ๆพี่น้องคนอื่น ๆ หลาย ๆ คนเวลาได้เห็นไอ้เต๋อตอนโต ก็ยังชมไม่ขาดปาก
“มันหล่อหรือมันน่ารัก ไม่รู้จะเรียกยังไงดี”
และไอ้เต๋อก็ยิ้มหวานให้ญาติ ๆ ที่เคยว่า เคยดูถูกสมัยมันเป็นเด็ก ๆ
ช่างวินัยได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ นานวัน คนที่เคยเป็น “น้อง” ก็ห่างออกไปเรื่อยๆ
ห่างออกไป.....ไกล....
มันก็ไม่แปลกที่เต๋อจะหยิ่งและไม่อยากจะพูดคุยกับช่างวินัยอีกต่อไป
เด็กผู้ชายที่โดนเพื่อนล้อคนนั้นมันไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว มีก็แต่ไอ้หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย หน้าตาดีที่มีแต่คนอยากเข้าหา
ช่างวินัยก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไปและไม่อยากจะคิดอะไรให้วุ่นวายใจอีก
“ช่างนัย เฮียบัสถามว่าจะสั่งอะไหล่ตัวไหนเพิ่มบ้าง เฮียจะให้ผมเขียนสั่งของ”
ช่างวินัย วางมือจากงานและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของเต๋อที่ก้มลงมามองว่าช่างนัยกำลังทำอะไร
“................เออ...... อย่าถามซ้ำหลายรอบได้มั้ย เดี๋ยวก็ไปบอกเองแหละ...”
“ผมก็ไม่อยากจะถามหลายรอบเหมือนกันแหละ ตอบดี ๆ ก็ได้ พูดดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ด้วย แม่ง.... แล้วทำไมไม่มัดสายไฟเส้นนั้นก่อนวะ”
มัดสายไฟเหรอ.........เอ่อ...............
ช่างวินัยรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง รีบจัดการกับสายไฟให้เรียบร้อยและเมินหน้าหนี เมื่อรู้สึกถึงอาการหัวใจกระตุกแรง ๆ ของตัวเองตอนที่เต๋อยื่นหน้าเข้ามาใกล้และมองหน้าของช่างวินัยตรง ๆ
เต๋อไม่ได้พูดอะไรกับช่างนัยอีก ยิ่งเห็นกิริยาที่คล้ายแสดงให้รู้ว่ารำคาญของช่างวินัย เต๋อก็รีบผละออกห่างและก้าวขาเดินลิ่ว ๆ เข้าออฟฟิศไปแล้ว และช่างวินัยก็ได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ
คำที่เคยพูดว่า อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป มันก็แค่คำพูดของเด็ก
คนที่อยู่กับเต๋อไปตลอดได้ คือช่างวินัย แต่ช่างวินัยรู้ดี ว่าเต๋อไม่มีทางอยู่กับช่างวินัยไปตลอดได้อีกแล้ว
ตั้งแต่ที่เต๋อเริ่มโต
ตั้งแต่ที่เราเริ่มห่างกัน
ตั้งแต่ที่เราเริ่มไปมีชีวิตของตัวเอง
ตั้งแต่วันนั้น.........ช่างนัยก็รู้แล้ว....เรื่องที่เต๋ออยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตกับช่างวินัย มันเป็นแค่คำพูดของเด็ก ๆ ที่ขาดหลักยึดในวันที่อ่อนแอ
จะเอามาคิดจริงจังไม่ได้ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้
ช่างนัยยิ้มออกมาอย่างเหงา ๆ และก้มหน้าก้มตาจัดการงานของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยตามกำหนดนัดส่งรถให้ลูกค้า
เต๋อกำลังเขียนรายการอะไหล่ที่จะสั่ง เขียนไปได้สองสามรายการก็หยุดเขียน แล้วกำปากกาเอาไว้แน่น
ยิ้มเยาะตัวเองและหัวเราะออกมาเสียงเบา
..........คำสัญญาที่เคยขอเอาไว้จากช่างวินัยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มันไม่เคยมีความหมาย.......
ตอนนี้เราก็เป็นแค่คนที่ทำงานด้วยกันเท่านั้น
เรื่องราวสมัยเด็ก ๆ มันก็เป็นแค่ความสุขที่ไม่มีทางย้อนกลับมาได้อีกแล้ว
ถึงจะสัญญากันเอาไว้ขนาดไหน โตขึ้นก็ต้องลืม
เต๋อโตแล้วไม่ใช่เด็กอีกแล้ว และในเวลานี้เต๋อก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ดี
สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไปของเต๋อกับช่างวินัย
...........ไม่มีวันเป็นจริง.............
TBC.