มาต่อแล้วค่ะ ขอบคุณที่กำลังใจนะคะ ตอนนี้เรากำลังเจอเรื่องแย่ๆค่ะ กำลังเผชิญหน้ากับมัน เพราะผลการกระทำของตนเอง แต่พอได้มาอ่านคอมเม้นท์ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ยิ้มออกได้บ้างแม้กำลังเครียดๆ ถึงคอมเม้นท์จะเหวี่ยงๆด่ากวินบ้าง มินตราบ้างก็เถอะ แต่เราก็รู้สึกดีค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆนะคะ ถ้าตอนนี้มีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 46
ความจริงของภาพนั้น....
เอยนั่งอยู่ในห้องของไทป์ ยังคงนั่งอย่างเหม่อๆ สายตาดูจะเจ็บปวดจนไทป์อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง ไม่เคยเห็นเอยเป็นแบบนี้มาก่อน เอยไม่เคยร้องไห้โฮและหนักขนาดนี้ แม้จะเจอเรื่องลำบากตรากตรำแค่ไหนก็ไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เอยเจ็บปวดจนเหมือนจะขาดใจ
“ไอ้กวิน ถ้านอกใจเพื่อนกู ศพไม่สวยแน่”
ไทป์พึมพำออกมา ก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงข้างๆเอย เปิดโทรศัพท์ตนเองเข้าอินเตอร์เน็ตพิมพ์หาชื่อมินตราไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่ามินตราที่เอยบอกต้องเป็นผู้หญิงที่อยู่ในแวดวงธุรกิจไม่ก็สังคมคนรวยแน่ๆ หาไปหามาจนในที่สุดก็เจอรูปหนึ่งเข้า
“เอย...” ไทป์เรียกขึ้นมา แต่เอยยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง
“ไอ้เอย...หันมานี่” ไทป์เรียกอีกครั้งก่อนที่จะดึงเอยให้หันมามองหน้าตน
“ใช่มินตราคนนี้ไหมวะ?” ไทป์ถามพลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้เอยดูหน้าจอ เอยกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นหน้ามินตราในนั้น...ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกแย่
“ชะ...ใช่” เอยพยักหน้าเบาๆ
“มินตรา ดิลกธนกุล อ๋อ..คนนี้นี่เอง ที่บ้านกูก็รู้จักนี่หว่า” ไทป์พูดก่อนที่จะกดโทรศัพท์หาคนของพ่อตนเอง
“นี่ผมไทป์นะ โทษทีที่รบกวนตอนดึก แต่มีเรื่องด่วน” ไทป์พูด ดูเหมือนฝั่งนั้นจะถามว่าเรื่องอะไร
“ตามสืบหาบ้านของไฮโซที่ชื่อมินตรา ดิลกธนกุลให้ที เอาแบบด่วนที่สุด แล้วแจ้งพิกัดมาทางมือถือได้เลย” ไทป์บอก ก่อนที่จะวางสายไป
ไทป์นั่งรอเวลาได้สักพัก ก็เดินไปแต่งตัว ระหว่างที่เอยยังคงนั่งเหม่อนั้น มีโทรศัพท์ของเอยดังขึ้น แต่เอยก็ไม่สนใจจะรับ ยังคงนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้นจนไทป์ต้องเดินมาหยิบโทรศัพท์เอง
“ใช่พี่คนเมื่อครู่นี้รึเปล่าวะ?” ไทป์ถามขึ้นพลางมองชื่อในจอ ขึ้นว่าพี่ขาว
“ใช่” เอยตอบเบาๆ
“พี่ ผมไทป์เอง” ไทป์กดรับก่อนจะพูด
“ไทป์เหรอ ตอนนี้ผมกำลังจะไปบ้านของคุณมินตรานะ” พี่ขาวบอกเช่นนั้น
“รู้ที่อยู่แล้วเหรอ?” ไทป์ถาม
“ครับ ผมมากับเพื่อนของท่านประธาน เอ่อ คุณกวินนั่นแหละครับ” พี่ขาวบอก
“ว่าแต่อยู่แถวไหน?” ไทป์ถาม
“อยู่........ครับ” พี่ขาวบอกที่ตั้ง
“ได้ๆ เดี๋ยวไป” ไทป์ว่า ก่อนจะวางสายไป พร้อมๆกับที่สายของพ่อไทป์ส่งข้อความมาบอกที่อยู่ของบ้านของมินตราให้
“ไอ้เอย...ไปบ้านของผู้หญิงคนนั้นกัน ไปดูให้เห็นกับตา” ไทป์บอก
“มะ...ไม่ ..เราไม่อยากไป” เอยบอก
“ถ้าไม่ไปแล้วจะรู้ความจริงเหรอวะ?” ไทป์ถาม
“ตอนนี้...เราไม่อยากรับรู้อะไร” เอยว่า พลางก้มหน้าลง น้ำตาทำท่าจะไหล
“มึงอย่าอ่อนแอนะเอย ถ้ามึงไม่รู้ความจริง แล้วมึงจะจัดการเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?” ไทป์ถาม พลางทำท่าจะดึงเอยให้ลุกขึ้น
“ไทป์...ขอร้องเถอะ เราไม่อยากไปไหนจริงๆ” เอยพูดอย่างหมดแรง
“ถ้าอย่างนั้นก็รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวกูมา” ไทป์ว่า ก่อนที่จะดูเบอร์ของพี่ขาวในเครื่องของเอย และบันทึกมันลงในเครื่องของตนเอง จากนั้นรีบออกไปจากห้องเพื่อจะไปบ้านของมินตรา
ตอนนี้เอยได้แต่นั่งอยู่อย่างนั้น รู้สึกทุกอย่างดูมืดมน ยังคงรู้สึกชาไปทั้งร่างกาย นึกถึงแต่ภาพเหล่านั้นซ้ำๆ มันไม่ยอมออกไปจากหัวเสียที
กวินที่บอกว่ารักในวันนั้น กวินที่ขอให้ตนเองอยู่ข้างๆ แต่พอมาวันนี้กวินกลับหลุดลอยออกไปจากตนเสียแล้ว ภาพนั้นเห็นจะๆว่ากวินเป็นคนเริ่มก่อน ผู้ถูกกระทำคือมินตรา เพราะอะไร...เพราะอะไรแค่เพียงชั่วข้ามคืนกวินถึงหันเหไปหามินตรา หรือเพราะที่ผ่านมา เอยเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลา
แล้วทำไมถึงบอกว่ารัก ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่เป็นความจริง หรือเพราะเอยเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ผู้ชายที่ไม่มีอะไรสักอย่าง ไม่ได้ร่ำรวย เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา ไม่มีทางจะสู้ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งรวย พาออกหน้าออกตาอย่างมินตราได้ การคบกันครั้งนี้มันดูไม่มั่นคงมาตั้งแต่ต้น มันดูไม่น่าจะเป็นไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ความเชื่อใจ....เอยมีให้กวินจริงๆ แต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เหมือนกวินกอดตนเอาไว้ ก่อนที่จะผลักตนลงสู่หุบเหวลึก ตอนนี้เอยเหมือนสูญเสียความมั่นใจ ความเชื่อใจ ไม่ต้องไปดูให้รู้หรือทำอะไรให้มากความไปกว่านี้...ภาพนั้นมันฟ้องทุกอย่างแล้ว เพียงเท่านั้นก็พอจะรู้ความจริงแล้ว ไม่ต้องไปดูไปรับรู้ให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้
เอยคิดอยู่เช่นนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องของไทป์ ออกไปจากบ้านของไทป์ ยืนเรียกแท็กซี่กลับไปยังบ้านของตนเอง กลับไปบ้านที่น่าจะทำให้ตนเองดีขึ้นกว่านี้...
...
..
.
พี่ขาวและเคนขับรถมาถึงบ้านของมินตราแล้ว หน้าประตูมีคนสวมชุดซาฟารี ซึ่งน่าจะเป็นคนรักษาความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ พี่ขาวกดแตรรถเสียงดัง ชายคนนั้นวิ่งมาทางฝั่งคนขับ พี่ขาวจึงลดกระจกลง
“มาหาใครครับ?” ชายคนนั้นถาม พี่ขาวหันไปมองหน้าเคน
“ผมมาหาคุณป้าภัสสรครับ” เคนพูด
“คุณผู้หญิงเหรอครับ นี่ก็ดึกแล้ว ได้นัดท่านรึเปล่าครับ” ชายคนนั้นถามอีก
“นัดครับ ไม่เชื่อลองไปถามท่านดู” เคนบอก ชายคนนั้นจึงกลับไปยังป้อมยามของตนเองและพยายามกดโทรเข้า แต่ดูเหมือนไม่มีใครตอบ
“รอสักครู่นะครับ”
ชายคนนั้นว่า แล้วเปิดประตูรั้วเข้าไป ระหว่างนั้นไม่รอช้า พี่ขาวและเคนรีบลงจากรถและลอดตัวผ่านเข้าไปยังประตูรั้วที่ชายคนนั้นทำท่าจะปิดและตามชายคนนั้นที่ตอนนี้กำลังเปิดประตูบ้านอยู่
“อย่าเพิ่งเข้ามาครับ” ชายคนนั้นร้องขึ้น
“ผมไม่ใช่โจรหรอกน่า” เคนว่าก่อนที่จะวิ่งไปยังในบ้าน โดยที่พี่ขาวเองก็ตามไปติดๆ
เคนวิ่งไปยังห้องนั่งเล่น ที่จำได้เพราะเคยมาครั้งสองครั้งแล้ว เมื่อวิ่งเข้าไปพบว่าคุณพิชิตพ่อของมินตราและคุณภัสสรนั่งกันอยู่ โดยที่สีหน้าของคุณภัสสรไม่สู้ดีนัก
“เคนเหรอ?” คุณพิชิตที่เห็นเคนก็ร้องถามขึ้น คุณภัสสรสีหน้าตื่นเมื่อเห็นเคนและพี่ขาว
“สวัสดีครับคุณลงคุณป้า” เคนพูดก่อนที่จะมือไหว้ พี่ขาวจึงยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน
“เคน....” คุณภัสสรเรียกชื่อเคนขึ้นมาเบาๆ
“ที่มาถึงนี่เพราะจะมาหากวินสินะ” คุณพิชิตพูดขึ้นก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“คุณลุง....รู้เหรอครับ” เคนถาม
“ลุงต้องขอโทษจริงๆ ที่มินตรากับคุณภัสสรก่อปัญหา สร้างเรื่องบัดสีขึ้นมา” คุณพิชิตพูดพลางลุกขึ้นยืน
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ที่ลุงยังไม่นอนก็เพราะมานั่งซักเรื่องกับคุณภัสสรนี่แหละ...บอกเคนไปสิ ว่าคุณกับมินตราทำเรื่องอะไร” คุณพิชิตพูดขึ้น
“คือ....” คุณภัสสรเงียบไป
“ผมละอายจริงๆ คุณกล้าทำเรื่องแบบนั้นไปได้ยังไง....คุณกับลูกเอายาชั่วๆแบบนั้นให้กวินกินเข้าไปได้ยังไง?” คุณพิชิตตะเบ็งเสียงขึ้น คุณภัสสรสะดุ้งตัว เธอรู้สึกกลัวที่เห็นสามีกำลังโมโหถึงขนาดนี้
“แต่...ฉัน...ฉันทำเพื่อลูกนะคะคุณ” คุณภัสสรพูด
“ด้วยวิธีแบบนี้เหรอ ด้วยวิธีสกปรกๆแบบนี้ แล้วผมจะไปมองหน้าคุณเกริกกับคุณวิดาได้อีกยังไง?” คุณพิชิตยังคงขึ้นเสียง
“มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณลุง?” เคนที่มองทั้งสองคนก่อนจะพูดขึ้น
“ลุงไม่รู้จะพูดยังไง มินตราเอายาปลุกให้กวินกินระหว่างที่มาทานมื้อค่ำที่นี่ โดยที่มีคุณภัสสรรู้เห็นเป็นใจด้วย...นึกแปลกใจอยู่แล้วว่าทำไมให้ผมโทรไปชวนกวินมาทานข้าวด้วย” คุณพิชิตพูด ก่อนที่จะหันไปต่อว่าคุณภัสสรอีกครั้ง
“รู้สึกแปลกใจตั้งแต่พอทานข้าวเสร็จ และกวินอยู่คุยกับลุงอยู่ครู่หนึ่ง กวินก็มีท่าทีแปลกๆ พอดีที่เด็กรับใช้ให้มาเรียกกวินให้ไปดูเอกสารอะไรสักอย่างที่ห้องของมินตรา และตั้งแต่พอกวินไปที่ห้องของมินตรา ก็นานพอควรแล้ว ลุงให้คุณภัสสรขึ้นไปเรียกเธอก็ไม่ยอมไป ท่าทีรุกรี้รุกลนจนน่าสงสัย ลุงเลยต้องงถาม” คุณพิชิตเล่าเสียยาวยืด
“แล้วจากนั้น....เกิดอะไรขึ้นอีกครับ?” เคนถาม
“พอรู้เรื่อง ลุงก็ขึ้นไปตามกวินได้ทันนั่นแหละ พอดีกับที่กวินกำลังชี้หน้าต่อว่ามินตราแรงๆจนรายนั้นร้องไห้โฮ...โชคยังดีที่กวินยังไม่ได้ทำอะไรมินตรา ลุงเลยโล่งอกไป”
“แล้วตอนนี้...กวินอยู่ที่ไหนครับ?” เคนถามอีก พี่ขาวที่ได้แต่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน...นี่มันละครชัดๆ วางยาผู้ชายเพื่อจะได้มีอะไรกัน
“อยู่ที่ห้องข้างๆห้องมินตรา ลุงพาให้ไปพักอยู่ที่นั่นแล้ว...ลุงขอโทษจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” คุณพิชิตแสดงสีหน้าที่รู้สึกแย่ออกมา
“ช่างเถอะครับ ว่าแต่ห้องไหนครับ?” เคนถาม ถึงจะเคยมาที่นี่แต่ก็ไม่เคยขึ้นไปยังห้องชั้นบนมาก่อน
“กวินลุกไม่ไหว ลุงเลยให้กวินอยู่ที่ห้องนั้น จนกว่าอาการจะดีขึ้น” คุณพิชิตพูด
“พวกผมขอเข้าไปดูหน่อยครับ” เคนว่า คุณพิชิตจึงนำทางไป
เคน พี่ขาว คุณพิชิตและคุณภัสสร เดินขึ้นมายังชั้นสอง เมื่อมาถึงห้องนั้น คุณพิชิตก็พยายามเคาะ แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบรับออกมา
“ขอกุญแจดีกว่าครับ”
เคนบอก คุณพิชิตจึงเรียกเด็กรับใช้ให้ไปเอากุญแจห้องนั้นมา พอเปิดเข้าไปก็พบว่ากวินนั่งอยู่ที่มุมห้อง ไม่ได้สวมเสื้อ แต่กางเกงและเข็มขัดยังอยู่ครบ กวินนั่งชันเข่าก้มหน้าลง พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็เงยหน้าขึ้นมา
“เคน...ชินภัทร” กวินพูดขึ้น น้ำเสียงแหบพร่า
“กวิน....เป็นอะไรมากไหม?” เคนถามขึ้น ก่อนที่จะเดินไปหากวิน กวินค่อยๆลุกขึ้นอย่างเซๆ เหงื่อออกเต็มร่างกาย เคนพยุงกวินเอาไว้ ส่วนนั้นของกวินที่เคนพอจะมองเห็นว่าโป่งพองออกมาจนคับกางเกง
“รู้สึก...อึดอัด” กวินบอกเสียงสั่น
“แล้วไม่ได้ทำกับมินตราจริงๆใช่ไหม?” เคนถาม
“ต่อให้ตายก็จะไม่ทำกับผู้หญิงคนนั้น” กวินว่าเสียงแหบๆ
“แล้วทำไมถึงนั่งอยู่แบบนี้ครับ” พี่ขาวถาม
“ไม่มีแรงลุก” กวินบอกเบาๆ
มินตราที่เดินออกมาจากห้องมายืนอยู่หน้าประตูห้อง เธอเห็นกวินที่ตอนนี้กำลังถูกพยุงปีก สายตาของกวินมองเธออย่างเย็นชา ราวกับเธอเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจก็ไม่ผิด เธอจึงเริ่มร้องไห้ออกมา คุณภัสสรจึงรีบเข้าไปกอดลูกสาวของตนเองไว้
“ไม่ต้องร้องลูก” คุณภัสสรปลอบ
“ออกมาแล้วเหรอตัวดี ทำอะไรลงไปไม่อายบ้างรึยังไง?” คุณพิชิตพูด
“คุณพ่อ!!! หนูผิดรึไงที่หนูรักของหนูแบบนี้” มินตราตวาดเสียงขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาลดค่าตัวเองต่อหน้าคนอื่น มันน่าอาย” คุณพิชิตปรามพลางส่ายหน้า พี่ขาวมองดูมินตราที่ดูกระเซอะกระเซิง น้ำตานองหน้าเต็มไปหมด
“กวิน...มินไม่ยอม มินไม่ยอมให้คุณกลับไปหาไอ้ผู้ชายที่มีแค่ตัวแบบนั้น มินไม่ยอม!!!” มินตราตะโกนพลางกรีดร้องออกมา ทึ้งผมตนเองจนคุณพิชิตต้องเข้าไปห้าม เธอดูคลุ้มคลั่งไปเสียแล้ว
“หยุดๆ ลูกไม่มีสิทธิ์ไปพูดแบบนั้นกับกวิน” คุณพิชิตว่า
“คุณพ่อ หยุดพูด!!!” เธอตะเบ็งเสียงขึ้นมา คุณพิชิตจึงง้างมือตบหน้าเข้าไปหนึ่งฉาด หวังเรียกสติมินตรา
“ลูกนั่นแหละที่หยุด ไม่รักดี ทำเรื่องน่าอายแล้วยังมีหน้ามาคลุ้มคลั่งอีก เขาไม่รักก็ปล่อยเขาไป ทำไมต้องก่อเรื่องพวกนี้ ไม่อายตัวเองก็นึกถึงหน้าพ่อคนนี้บ้าง” คุณพิชิตขึ้นเสียง คุณภัสสรร้องไห้ออกมา
“กวิน...ลุงขอโทษจริงๆ พรุ่งนี้ลุงจะไปขอโทษคุณเกริกกับคุณวิดาด้วยตัวเอง” คุณพิชิตหันไปบอกกับกวินเช่นนั้น
“เรื่องนั้น...ผมไม่สน...แต่ต่อจากนี้ไป...ผมกับมินตรา..ไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว..ต่อจากนี้ไป...อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก...ไปให้พ้นผมจากชีวิตผม” กวินพยายามพูดออกมา
“ลุงรู้ ว่ามินตราสมควรที่จะได้รับโทษแบบนี้” คุณพิชิตจำยอมในสิ่งที่กวินขอ
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับนะครับ” เคนว่า ก่อนที่จะพยุงกวินออกไปจากห้อง โดยที่มีพี่ขาวคอยช่วยจนไปถึงรถ เคนเลือกที่จะขับรถของกวิน และพากวินขึ้นไปนั่งบนรถ
“คุณขาว....ขับตามผมมานะครับ เราจะไปบ้านของกวินกัน” เคนบอกเดินมาบอกพี่ขาว
“ให้ผมไปด้วยเหรอครับ?” พี่ขาวถามขึ้น
“ไปด้วยสิครับ ไปบอกเรื่องของเอยให้กวินมันฟัง” เคนบอกอย่างนั้น สรุปพี่ขาวจึงต้องขับรถตามเคนไปยังบ้านของกวิน แต่จู่ๆมีรถคนหนึ่งมาจอดข้างๆรถของพี่ขาว เป็นไทป์นั่นเอง
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” ไทป์ลงมาจากรถ
“ไปที่บ้านของกวินเถอะครับ เรื่องทางนี้มันจบแล้ว” พี่ขาวพูด เคนที่ทำท่าจะเดินขึ้นรถ กลับรีบเดินมาหาพี่ขาวอีกครั้ง
“ใครหรอครับคุณขาว?” เคนถามขึ้น
“ไทป์ เพื่อนของเอย ตอนนี้เอยอยู่ที่บ้านของไทป์นี่แหละครับ” พี่ขาวบอก
“สรุปเรื่องมันเป็นยังไง?” ไทป์ถามอีก
“ไว้ไปพูดที่บ้านของกวินเถอะครับ ตอนนี้กวินไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” เคนบอก
“ห่าเอ้ย...ก็ได้ๆ” ไทป์สบถออกมา ก่อนที่จะขึ้นรถไป เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว รถของกวินที่เคนเป็นคนขับ รถของพี่ขาวและรถของไทป์ ก็ขับตามกันไปจนถึงบ้านของกวิน
เมื่อมาถึงบ้านของกวินแล้ว พี่ขาวและเคนก็ช่วยกันพยุงกวินออกมา โดยที่ไทป์ได้แต่เดินตามเข้าไปในบ้าน เคนเรียกให้เด็กรับใช้ที่กำลังจะเข้านอนพอดีไปเรียกคุณเกริกและคุณวิดาลงมา ตอนนี้ดึกแล้วแต่เพราะเกิดเรื่องเช่นนี้จึงจำต้องปลุกพ่อและแม่ของกวินขึ้นมา ทั้งสองลงมาทั้งชุดนอนอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?” คุณเกริกเอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่งๆ
“ตากวิน...เป็นอะไร?” คุณวิดาปรี่เข้ามาดูกวินที่นั่งงอตัวอยู่บนโซฟารับแขก
“เกิดเรื่องขึ้นครับ กวินมันไปทานข้าวที่บ้านลุงพิชิตตามคำชวน แต่....มินตราใส่ยาปลุกให้กวินกิน หวังจะให้กวินทำเรื่องอย่างว่ากับตัวเอง” เคนบอก
“หา!!! หนูมินตรา ทำแบบนั้นเหรอ?” คุณวิดาถาม ตอนนี้กฤศและกรินต่างก็พากันลงมา ยกเว้นชมพูที่นอนหลับไปแล้วพร้อมกับฝาแฝด
“กวิน....ได้ทำเรื่องแบบนั้นกับหนูมินตราไหมลูก?” คุณวิดาถาม
“ไม่ครับ...” กวินบอกเสียงเบาๆ
“แต่...แต่เอยเห็นนะครับ” พี่ขาวพูดขึ้น ทุกคนต่างหันมามองที่พี่ขาว
“ว่ายังไงนะ?” คุณเกริกถามขึ้น กวินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สีหน้านั้นเต็มไปด้วยคำถาม
“ก็เอยอยู่กับผมตอนงานเลี้ยง จู่ๆคุณกวินก็โทรมาแบบเปิดกล้อง เอยเลยเห็น...” ขาวพูดเว้นจังหวะ ก่อนที่จะหันไปมองหน้าไทป์
“ไอ้กวิน ไอ้เอยมันเห็นมึงทึ้งเสื้อผู้หญิงคนนั้น แล้วเอาหน้าซุกนม พอเห็นแบบนั้นมันก็รีบวางสาย แล้วแม่งสติหลุดลอยเลย” ไทป์พูดขึ้นมา กวินเบิกตากว้าง
“เอย..เอยเห็นได้ยังไง?” กวินพูดขึ้นมา ทำท่าจะลุก
“สงสัยมินตราเอาโทรศัพท์นายโทรออกหาเอยแน่เลย” เคนว่า
“มึงบอกกูมาให้หมดเลย ถ้ามึงไม่ได้เอาผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เพราะแม่งไอ้เอยตอนนี้เหมือนคนบ้า” ไทป์พูดอย่างหัวเสีย
“จะไปหาเอย...” กวินพูดพลางจะเดิน แต่พอก้าวขากวินก็ทรุดตัวลงอีก
“พี่กวิน ใจเย็นๆ บอกมาก่อนเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น?” กรินรีบเข้าไปพยุง กฤศเองก็ช่วยด้วยเช่นกัน
“กำลังคุยกับลุงพิชิต จู่ๆมินตราก็ใช้ให้เด็กมาเรียก ว่าไปช่วยดูเอกสารอะไรบางอย่าง เพราะมินตราไม่เข้าใจ ตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่คุณป้าภัสสรรบเร้า พอขึ้นไปก็เห็นมินตรากำลังนั่งอ่านเอกสารบนเตียง” กวินบอกเสียงแหบแห้ง คุณวิดาเรียกให้เด็กไปเอาน้ำเย็นจัดมาให้กวินดื่ม เพียงชั่วครู่กวินก็รู้สึกดีขึ้น
“ก่อนจะขึ้นไปก็รู้สึกร้อนๆพอไปถึงห้องของมินตรายิ่งร้อนเข้าไปอีก มินตราก็จะเบียดเข้ามาให้ได้ ก่อนจะพูดว่ายังไงคืนนี้ฉันก็ต้องนอนที่นี่ และก็เฉลยว่าฉันโดนยาปลุก ยังไงก็ต้องทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ” กวินบอก
“แล้วยังไงต่อ?” กฤศถามขึ้น
“มินตราบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยฉันไป เข้ามาจูบ และถอดเสื้อฉันออก ตอนนั้นปวดหัวมาก ตาก็พร่า มินตราทั้งจับทั้งลูบตามตัว ตามกางเกง ฉันเลยผลักออกแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ” กวินว่า
“แล้วออกมาอีกอย่างนั้นเหรอ?” เคนถามบ้าง
“ออกมาหวังจะกลับบ้าน แต่มินตราก็เข้ามาจูบ บอกจะไม่ยอมให้เอยได้ฉันไป เลยรู้สึกโมโห กระฉากเสื้อมินตราออกและก็พยายามจะทำอย่างที่มินตราต้องการ จูบ ซุกไซร้ ตอนแรกมินตาก็ดีใจที่ฉันทำ แต่ก็หยุด แล้วบอกไปว่าต่อให้ต้องการจนไม่ไหวก็ไม่มีวันจะทำอย่างที่มินตราต้องการ” กวินเล่า ก่อนที่จะงอตัวลงไปอีกครั้ง
“สรุปตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นคงดึงโทรศัพท์มึงออกจากกางเกง ก่อนที่มึงจะวิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วยายนั่นก็กดโทรออก ตอนมึงออกมาจากห้องน้ำ จังหวะพอดี ไอ้เอยรับสาย มึงก็ทำแบบนั้นพอดีสินะ” ไทป์สรุปเหตุการณ์อย่างที่ตนคิดว่าน่าจะใช่
“คิดว่าอย่างนั้น...” กวินพูด
“จังหวะเข้าทางพอดี พี่เอยเลยเห็นตอนนั้นเข้า พี่เขาคงคิดว่าพี่กวินทำแน่ๆ” กรินว่า
“แล้วพอแกหยุด มินตราว่ายังไง?” คุณเกริกถามขึ้นมาบ้าง
“เขาไม่ยอมครับ เริ่มร้องไห้ ขอร้องให้ทำตามความต้องการ แต่ผมก็ยืนยัน...ว่าต่อให้มาแก้ผ้าต่อหน้าทั้งๆที่ผมโดนยา ผมก็จะไม่ทำมากไปกว่านี้” กวินบอกผู้เป็นพ่อไป
“คุณภัสสรปล่อยให้ลูกทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ดิฉันไม่ยอมนะคะคุณ” คุณวิดาหันไปบอกสามี
“พรุ่งนี้คงต้องไปคุยกับทางนั้นให้รู้เรื่อง” คุณเกริกพูดด้วยใบหน้านิ่ง แต่น้ำเสียงเริ่มติดโทสะ
“ตอนนี้เอยอยู่ไหน?” กวินหันไปถามไทป์
“อยู่บ้านกู ไม่ต้องห่วง กลับไปกูจะพูดกับมันเอง มึงก็รีบไปเอาออกก่อนเถอะ ดูแล้วทรมานแทน” ไทป์พูด
“นั่นสิกวิน ไปจัดการตัวเองก่อนเถอะ เดี๋ยวดีขึ้นค่อยไปหาเอย” คุณวิดาว่า
“แต่..เอยกำลังเข้าใจผิด” กวินพูดเสียงสั่น ดูท่าฤทธิ์ยาเริ่มมาอีกครั้ง
“ไปๆพี่กวิน เดี๋ยวค่อยว่ากัน” กรินว่าก่อนที่จะพากวินขึ้นไปบนห้อง
“ขอบคุณทุกคนมากนะ ถ้าไม่ได้ทุกคนกวินแย่แน่” คุณวิดาว่า
“ขอบใจ” คุณเกริกพูด
“ไม่เป็นไรครับ กวินก็เพื่อนผม” เคนว่า
“ถ้าอย่างนั้นกลับเถอะ จะไปดูไอ้เอยด้วย” ไทป์ว่า
“ลูก...ฝากเอยด้วยนะ” คุณวิดาบอกไทป์
“ไม่ต้องห่วงครับ ลานะครับ” ไทป์พูด
“คุณขาวไปส่งผมทีนะ” เคนว่า
“อืม” พี่ขาวพยักหน้า ทั้งหมดจึงแยกย้าย ไทป์เองก็รีบกลับไปหาเอยเช่นกัน...
++++++++++++++++++++++++++==