# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 31
การต่อรอง...
“ปล่อยมือจากคนของฉันซะ!!!!”
เสียงนั้นดังขึ้นมา เอยพยายามมองไปก็พบว่ากวินถือปืนมาด้วย สีหน้าของกวินตอนนี้ดูโกรธมาก ใบหน้านั้นขบกรามแน่น จ้องมองมาทางเอยพลางกำปืนในมือแน่นขึ้นไปอีก
เมื่อเอยเห็นกวินก็อดไม่ได้ที่จะดีใจและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน เพราะเมื่อครู่มีความคิดว่าหมดหวังเสียแล้ว ทั้งๆที่กวินคือความหวังเดียวที่เอยมีแต่กลับไม่เชื่อใจเสียอย่างนั้น
“พวกมึงกล้ามากที่ทำคนของกูได้เลือด” กวินพูด เบื้องหลังของกวินมีทรรศยืนอยู่ข้างหลังพร้อมพวกที่สวมชุดดำที่กำลังตะลุมบอนกับคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพวกของท่านสุเดช ทุกอย่างตอนนี้ดูวุ่นวายไปหมด
“มาแล้วเหรอไอ้ท่านประธาน” เสียงของสุเดชพูดขึ้น
“คุณสุเดช ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลยนะครับ เล่นวิธีสกปรกแบบนี้” กวินหันไปพูดกับสุเดชที่ยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย
“เด็กอย่างแก ไม่มีทางอยู่เหนือคนอย่างฉันได้หรอก” ท่านสุเดชพูด
“แล้วทุกวันนี้ผมอยู่เหนือรึเปล่า?” กวินถามคำถามนั้นออกไป ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า
“แก!! ไอ้เด็กเวร”
ท่านสุเดชพุ่งเข้าไปหากวินพร้อมทำท่าจะควักปืน แต่กวินรวดเร็วกว่า ก้าวเท้ายาวๆไปหาสุเดชแค่ก้าวเดียว ก่อนที่จะเตะปืนที่ท่านสุเดชทำท่าจะดึงออกมาลอยโด่งออกไป และใช้ด้ามปืนตบเข้าที่ใบหน้าของผู้ที่สูงอายุกว่าอย่างแรง ท่านสุเดชสะบัดหน้าไปตามแรง เลือดไหลกลบปากออกมาไม่น้อย
“นี่สำหรับการออกคำสั่งมาทำร้ายคนของผม” กวินว่า ก่อนจะพุ่งเข้าไปใช้แขนรัดคอท่านสุเดช พร้อมปืนจ่อศีรษะของท่านสุเดชไว้ ตอนนี้ท่านสุเดชพลาดท่าถูกกวินจับตัวไว้เสียแล้ว
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เหล่าลูกน้องที่เหลือได้แต่ยืนมองอย่างตกใจ ราวกับว่ากำลังขวัญเสียที่เห็นท่านสุเดชตกอยู่ในมือของอีก แต่ตัวหัวหน้าไม่รอช้ารีบดึงเอยมาจากลูกน้องของตนเองพร้อมเอาปืนจ่อเอยอย่างรวดเร็ว
“ถ้ามึงไม่ปล่อยท่านสุเดช ไอ้แว่นนี้หัวกระจุยแน่” เกิดการต่อรองขึ้นมา เอยกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอ รู้สึกว่าความตายใกล้เข้ามาทุกขณะ
“มึงก็ปล่อยก่อน ถ้ามึงไม่ปล่อยกูก็จะเหนี่ยวไกเหมือนกัน” กวินว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินกวินพูดจารุนแรงขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นคนละครึ่งทาง กูจะปล่อยไอ้นี่ มึงก็ต้องปล่อยท่านสุเดช” ตัวหัวหน้าที่จับเอยพูดขึ้น
“ได้” กวินรับปาก
มันทำท่าจะปล่อยเอย ด้านกวินเองก็เช่นกัน ทั้งสองคนลองเชิงอยู่เช่นนั้น จนในที่สุดหัวหน้าลูกน้องของท่านสุเดชก็ปล่อยตัวเอยพร้อมๆกับที่กวินปล่อยตัวท่านสุเดช เอยขยับขาวิ่งไปหากวินทันที สวนทางกับท่านสุเดช แต่ไม่ทันที่เอยจะวิ่งไปถึงตัวกวิน กลับถูกท่านสุเดชคว้าตัวไม่ให้วิ่งไปได้ กวินเบิกตากว้าง ก้าวเท้าวิ่งเข้าไปหาเอยทันที
ปัง!!!!
เสียงปืนดังลั่น เอยหันมองว่าใครเป็นคนลั่นไก ปรากฏว่าเป็นตัวหัวหน้าลั่นไกใส่กวินเข้าที่ต้นแขนข้างซ้าย เลือดกระเซ็นลงพื้น กวินทรุดลงทันที
“อื้อ.....” เอยส่งเสียงเรียกชื่อของกวิน แต่เพราะถูกมัดปากเลยกลายเป็นเสียงอู้อี้แทน เห็นภาพกวินถูกยิงแล้วเอยแทบจะหายใจไม่ออก
“รีบพาตัวพวกมันไปให้หมด” ท่านสุเดชสั่งก่อนที่จะเดินไปเก็บปืนของตนเองที่ตกอยู่ห่างออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!!” กวินตะคอกเสียงดังอีกทั้งพยายามลุกทรงตัวให้ยืนขึ้น ทั้งหมดจึงชะงักฝีเท้า เอยได้แต่มองกวิน ตอนนี้น้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นสายตาของกวินที่มองมา
“อยากตายมากใช่ไหมไอ้ท่านประธาน ฉันคิดว่าจะไว้ชีวิตแกแล้วแท้ๆ” ท่านสุเดชพูดขึ้น
“ถ้าคุณฆ่าผม คุณก็รู้ว่าคุณเองก็จะไม่รอด” กวินว่า
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น”
ท่านสุเดชเล็งปืนไปที่กวิน ทำท่าจะเหนี่ยวไก เอยส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจเพราะถูกคาดปากอยู่ เสียงของเอยเลยได้แต่อู้อี้ เอยพยายามสะบัดตัวออกจากการถูกจับ น้ำตาไหลพรากออกมา ดิ้นรนแทบขาดใจเมื่อเห็นกวินตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น แต่ฉับพลันหางตาของเอยเห็นทรรศกำลังวิ่งมาทางพร้อมเล็งกระบอกปืนมาทางท่านสุเดช และดูเหมือนท่านสุเดชจะรู้ตัว กลับหันกระบอกปืนไปทางทรรศแทน
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เอยคิดว่าทรรศถูกยิงแน่แล้ว แต่มันไม่ใช่อย่างที่เอยคาดคิดไว้ แต่กลับกลายเป็นกวินที่ยิงกระสุนนัดนั้นออกไปแทน แล่นทะลุมือของท่านสุเดชอย่างแม่นยำเลยทีเดียว
“โอ๊ย!!!” ท่านสุเดชร้องโหยหวนทันที
“มึง!!!” ตัวหัวหน้าร้องออกมา พร้อมทำท่าจะยิงกวินทันทีที่ทำร้ายท่านสุเดช แต่จู่ๆมีเสียงหนึ่งร้องตะโกนขึ้น
“หยุดอยู่ตรงนั้น วางปืนและคุกเข่าลง”
ตำรวจหลายนายที่ไม่รู้ว่ามากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถือปืนเล็งมาที่ท่านสุเดชและลูกน้อง เอยยังคงหันไปมองกวินด้วยสายตาที่หวาดหวั่น ว่าจะกวินจะเป็นอะไรไปหรือไม่ ตำรวจสองนายวิ่งเข้ามาพยุงกวิน
“วางปืนลง คุกเข่าด้วย”
คำสั่งของตำรวจถือว่าเด็ดขาด สุดท้ายท่านสุเดชและเหล่าลูกน้องก็ต้องจำนนต่อตำรวจทั้งหมด พวกลูกน้องทั้งหมดโดนจับกุมทันที ท่านสุเดชด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าที่ตำรวจมาได้เป็นเพราะฝีมือของกวิน เอยและพี่อุ้มถูกแก้มัดทั้งหมดออก ไม่รอช้า เอยรีบวิ่งไปหากวินทันที
“คุณกวิน...เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เอยพยายามพยุงกวิน กวินเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเอย
“ฉันไม่เป็นอะไร เธอเจ็บตรงไหนไหม ขอโทษที่มาช้าไป” กวินพูดเสียงเบา
“ไม่เป็นไรครับ แค่คุณมาช่วยผม แค่นั้นก็พอแล้วครับ” เอยว่าอย่างรู้สึกขอบคุณพลางร้องไห้ออกมา
“มีคนบาดเจ็บ เรียกรถพยาบาลมาด่วน” ตำรวจใช้วอเรียกรถพยาบาลมา ด้านพี่อุ้มก็ประคองให้เอกภพนอนบนตัก เธอร้องห่มร้องไห้ออกมาพลางแตะใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเอกภพ
ไม่นานนักเสียงหวอของรถพยาบาลก็มา มาถึงสามคันด้วยกัน พร้อมๆกับพวกคนร้ายถูกพาขึ้นรถตำรวจ บุรุษพยาบาลหามเปลมาพาเอกภพขึ้นนอนบนเปล โดนที่พี่อุ้มก็ตามขึ้นรถไปด้วย ส่วยท่านสุเดชถูกพาขึ้นไปรถโรงพยาบาลพร้อมมีตำรวจประกบไปด้วย
“เดี๋ยวเราจะไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลนะครับ” ตำรวจหันมาบอกเอย ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะให้กวินขึ้นนอนบนเปล แต่กวินปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร แค่นั่งไปก็พอ” กวินบอกอย่างนั้น ก่อนที่จะเดินขึ้นรถพยาบาลไปโดยมีเอยพยุงไปด้วย
ตลอดทางที่รถแล่นไปยังพยาบาล กวินได้แต่ซบหัวลงบนไหล่ของเอย โดยมีพยาบาลช่วยกันห้ามเลือด ปฐมพยาบาลเบื้องต้นกัน เอยบีบมือของกวินไว้แน่น รู้สึกน้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกครั้ง เป็นห่วงเหลือเกินว่ากวินจะเป็นอะไร จนในที่สุดก็ถึงโรงพยาบาลเสียที
กวินถูกให้นั่งรถเข็นและตรงเข้าห้องฉุกเฉิน เอยยืนรอเพียงไม่นาน กวินก็ถูกหามขึ้นเตียง เข็นพาไปยังห้องผ่าตัด
“คุณเป็นญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลถามเอย
“จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ครับ” เอยพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
“คนไข้ต้องผ่าตัดเอากระสุนออกนะคะ ใช้เวลาสักหน่อย รบกวนญาติเซ็นทางนี้หน่อยค่ะ”
เอยเดินตามพยาบาลไปเซ็นเอกสาร พร้อมรับโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์จากพยาบาล ซึ่งเป็นของที่ติดตัวกวินมา เอยเปิดกระเป๋าสตางค์ของกวินดู พบบัตรเครดิตหลายใบ อีกทั้งบัตรประชาชน เอยดูวันเกิดเดือนปีเกิดของกวินในบัตร....อาทิตย์หน้านี่แล้วจะเป็นวันเกิดของกวิน..
“อย่าเป็นอะไรไปนะ” เอยพึมพำ ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้คุ้มครอง น้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตา
“คุณคะ ไปทำแผลก่อนเถอะค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งเดินมาเรียก เพราะเอยเองก็มีแต่แผลเต็มไปหมด เอยรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่จะเดินตามเธอไป
เมื่อเอยทำแผลเสร็จก็ออกมานั่งรอหน้าห้องผ่าตัดต่อ โดยที่มีตำรวจสองนายมาพูดกับเอยถามถึงเรื่องราวโดนคร่าวๆในการถูกจับตัวไป และคืนโทรศัพท์ของเอยมาด้วย เอยมองดูนาฬิกาในมือถือ ตอนนี้เวลาเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้ว แบตเตอรี่ก็ใกล้จะหมดเต็มที เอยจึงรีบโทรหาแม่เพราะเบอร์ของแม่โทรมามากที่สุด เล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยสังเขปและบอกแม่ว่าตนเองไม่เป็นอะไรแล้ว คืนนี้ขออยู่โรงพยาบาลกับกวินก่อน ซึ่งแม่ก็โล่งอกขึ้นมาเปราะหนึ่ง
จากนั้นก็โทรบอกไทป์ แล้วก็ต้องเล่าเรื่องเหมือนที่เล่าให้แม่ฟังให้ไทป์ฟังอีกรอบ ไทป์จึงบอกว่าจะมาหาที่โรงพยาบาล เอยจึงเดินไปถามเส้นทางกับพยาบาล ก่อนที่จะวางสายไป
เอยนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้ง รอกวินอยู่อย่างนั้น โดยที่ทรรศเองก็มานั่งเป็นเพื่อนด้วย ทั้งสองนั่งรอกวินอยู่เช่นนั้น จนในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ กระสุนเจาะเข้าจุดที่ไม่อันตราย ตอนนี้ให้คนไข้พักฟื้นได้ครับ ไม่เกินสัปดาห์แผลก็จะปิดสนิทครับ” หมอบอกเช่นนั้น เอยกุมหน้าอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างเบาใจและโล่งอก
กวินถูกพักที่ห้องพิเศษ ตอนนี้ยังคงหลับด้วยฤทธิ์ของยาสลบอยู่ ทรรศนั้นขอตัวออกไปจากห้องแล้ว ส่วนเอยนั่งลงบนเตียงนอนสำหรับคนเฝ้าได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของเอยก็ดังขึ้น ปรากฏว่าไทป์เป็นคนโทรมา
“มึงอยู่ไหนวะเอย?” ไทป์ถาม
“ชั้น.....ห้อง.....” เอยตอบ เพียงไม่นานนักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ไทป์” เอยเรียกไทป์ที่ดูท่าทางเหนื่อยหอบอาจจะเพราะวิ่งมา
“มึงเป็นอะไรไหมเอย เจ็บตรงไหนบ้าง?” ไทป์ถาม ก่อนที่จะจับเอยหมุน
“เราไม่เป็นอะไร แต่กวิน...โดนยิงเข้าที่แขน” เอยบอก ก่อนที่จะก้มหน้าลง เพราะกวินมาช่วยตนแท้ๆ เลยต้องบาดเจ็บขนาดนี้
“มึงไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ถ้ามันไม่ห่วงมึง มันคงไม่เข้าไปช่วยแบบนั้นหรอก” ไทป์พูดพลางตบไหล่
“อืม” เอยพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองกวินที่หลับอยู่
“มึงกินอะไรรึยัง เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้ไหม?” ไทป์ถาม
“ไม่หิวเลย” เอยบอก
“เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนสักพัก แล้วเดี๋ยวค่อยกลับ” ไทป์ว่า
“ขอบคุณนะ” เอยพูด
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ว่าแต่มึงเหอะ เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” ไทป์ถามอย่างสงสัย ไม่มีเหตุผลที่เอยจะถูกจับตัวไปหาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
“คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้...”
เอยเริ่มเล่าให้ฟังตั้งแต่ที่กวินสั่งให้เอยติดตามสังเกตเรื่องราวและพฤติกรรมของเอกภพ เอยเล่าให้ไทป์ฟังทั้งหมดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนกระทั่งถูกจับได้และกวินสั่งให้คนมาติดตาม
“มันเป็นคนให้มึงเข้าไปเสี่ยงด้วยนี่หว่า ถ้ามันไม่ช่วย กูสิจะยิงมันทิ้งแทน” ไทป์ว่าพลางยิ้มเหี้ยมออกมา
“ไม่หรอกไทป์ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะท่านสุเดชคนเดียว” เอยว่า
“เออๆ ออกรับแทนจังนะมึง แล้วนี่ขนาดมีคนมาติดตาม มึงยังโดนจับเลย” ไทป์พูดขึ้น
“เรื่องนั้นเราก็ไม่แน่ใจว่าทำไมคนติดตามถึงพลาด แต่เราก็โดนจับระหว่างทางตอนเดินเข้าซอยบ้าน”
เอยก็เล่าเรื่องต่อไปหลังจากที่ถูกจับ และเล่าว่าเอาตัวรอดจากการถูกมัดและโทรหากวิน เพื่อขอความช่วยเหลือ
“แต่มึงบอกกวินอยู่อังกฤษ กลับพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?” ไทป์ถามอย่างสงสัย
“เราไม่รู้ว่ากวินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนโทรหาเราก็ถามนะ แต่กวินไม่ตอบ” เอยว่า
“ลับลมคมในว่ะ เดี๋ยวรอไอ้กวินตื่นแล้วให้มันมาเล่าให้ฟังเองก็แล้วกัน.....นี่ก็ดึกมากแล้ว กูต้องกลับแล้วล่ะ เพราะพรุ่งนี้กูต้องไปโรงงานที่กาญแต่เช้าอีก” ไทป์บอกก่อนที่จะลุกขึ้น
“ขอบคุณนะไทป์” เอยว่า
“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะให้ดาวแวะรับแม่มึงมาที่นี่ก็แล้วกัน เพราะดูแล้วมึงคงต้องอยู่เฝ้ามันจนกว่าจะหายสินะ” ไทป์ว่า
“อืม คงจะเป็นอย่างนั้น” เอยพูด
“เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูกลับมาประมาณเย็นๆจะแวะมาหาอีกที” ไทป์บอก ก่อนที่จะออกจากห้องไป
เอยลุกไปล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะเดินไปหากวินพลางนั่งลงข้างๆเตียง กุมมือของกวินขึ้นมา แนบกับแก้มของตนเองอย่างแผ่วเบา
“รีบตื่นขึ้นมาเถอะครับ” เอยว่า ก่อนที่จะกระชับผ้าห่มให้กวิน แล้วเอยก็ฟุบหน้าลงตรงข้างเตียง โดยที่ยังไม่ปล่อยมือของกวิน....
...
..
.
“หนู...หนูจ๊ะ?”
เสียงของใครบางคนเอ่ยเรียกขึ้น พร้อมสะกิดเบาๆที่แขนของเอย เอยผงกหัวขึ้นมาอย่างงัวเงีย พบใครไม่ทราบ สองสามคนยืนมุงเตียงของกวินอยู่
“เอ่อ.....คือ ผม” เอยรีบลุกขึ้นยืนทันที พบว่าสายตาของตนเองพร่ามัวมองเห็นไม่ชัด เอยแตะตาของตนเองจึงพบว่าแว่นไม่อยู่บนหน้า
“อยู่นี่” เสียงของกวินพูดขึ้น ก่อนที่จะยื่นแว่นให้เอย เอยรับแว่นมา ก่อนที่จะสวมมัน
“สะ...สวัสดีครับ” ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่เอยก็รีบยกมือไหว้ก่อน
คนตรงหน้ามีกันสามคน หนึ่งคือผู้ชายท่าทางภูมิฐานใส่เสื้อโปโลรูปร่างสูงที่กำลังมองเอยด้วยใบหน้านิ่งๆ สองนั้นคือผู้หญิงซึ่งแต่งตัวเหมือนคุณนายคุณหญิงที่เอยเห็นตามทีวีเป็นคนที่สวยมากแม้จะมีอายุแล้วก็ตาม ส่วนสามคือผู้ชายที่หน้าคล้ายกวินมากจริงๆ
“นี่เอยครับคุณวิดา” กวินพูด
“พีระนัมใช่ไหมลูก?” เธอเอยถามขึ้นมาก่อนจะแตะหลังมือเอยเบาๆ
“คะ...ครับ” เอยว่า
“เพิ่งได้เห็นตัวจริงนี่แหละ....คนนี้ไงคะคุณ เด็กคนนั้นน่ะ” เธอหันไปพูดกับชายคนนั้น
“นี่น่ะเหรอ” สายตาของเขาจับจ้องมองมาที่เอย ยากจะเดาได้ว่าคิดอะไร เป็นสายตาที่เอยคุ้นเคย...เหมือนของกวินจริงๆ
“ซุ่มนี่หว่าไอ้น้อง” เสียงของผู้ชายที่หน้าคล้ายกวินพูดขึ้น ก่อนจะตีเท้ากวินเพราะเขายืนอยู่ปลายเตียง
“เอ่อ.....” เอยยังคงใบ้กินอยู่เช่นนั้น
“นี่คุณเกริกและคุณวิดา ส่วนนั้นพี่กฤศ พี่ชายที่ฉันเล่าให้เธอฟังไง” กวินว่า เอยหันไปมองทั้งสองอย่างเต็มตาก่อนที่จะยกมือไหว้อีกครั้ง พี่กฤศที่กวินเล่าคือพี่ชาย แปลว่าสองท่านนี้คือ....
“แกนี่ชอบเรียกแม่กับพ่อแบบนั้นอยู่เรื่อย” คุณวิดาพูดขึ้น เอยเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“สวัสดีครับท่าน” เอยรู้สึกประหม่าจริงๆที่มายืนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ ตอนที่เพิ่งตื่นอีกทั้งหน้าตายังคงยุ่งเหยิงยู่ยี่อยู่
“เจ็บตรงไหนมากไหมลูก?” เธอถามพลางสอดส่ายตามองเอย
“ไม่ครับ” เอยตอบ
เอยรู้สึกตกใจมาก ที่ตอนนี้พ่อแม่และพี่ชายของกวินมาเยี่ยมกวินที่โรงพยาบาล รู้สึกว่าไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้จริงๆ และทำไมคุณวิดา แม่ของกวินถึงพูดเหมือนรู้จักเอยมานานแล้ว
“ดูสิ ทำหน้าเหรอหรา น่าเอ็นดูเชียว” คุณวิดาพูดพลางหัวเราะ
“คงตกใจอยู่สินะ” คุณเกริก พ่อของกวินพูดขึ้นมาบ้าง
“ยังมีเรื่องที่น่าตกใจกว่าอีกนี้เยอะน้องเอย” กฤศบอกเอยก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ
“คือผม...” เอยพูดไม่ออกจริงๆ
“คุณวิดา...ทราบข่าวเมื่อไหร่ครับ?” กวินถาม ไม่ได้เรียกคุณวิดาว่าแม่
“ก็ทรรศโทรบอกพ่อแกไง พวกเราถึงมาที่นี่กัน” คุณวิดาพูด
“แกชอบทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อยู่เรื่อย ไปเอานิสัยใครมา” คุณเกริกบ่นด้วยสีหน้านิ่งๆ
“คุณนั่นแหละ/พ่อนั่นแหละ” เสียงของคุณวิดาและกฤศพูดกันอย่างพร้อมเพรียงจนเอยอดไม่ได้ที่จะกลั้นยิ้ม
“ไม่ใช่เสียหน่อย” คุณเกริกทำหน้านิ่งๆใส่ทุกคน ก่อนที่จะไปนั่งบนเตียงคนเฝ้าไข้ คุณวิดาหัวเราะออกมา
“เอย ไปพักผ่อนก่อนไหมลูก?” คุณวิดาถาม เอยพยักหน้าทำท่าจะก้าวขาออกแต่กวินกลับรั้งข้อมือของเอยไว้เสียก่อน
“โอ๊ย!!” เอยร้องออกมาเบาๆ เพราะกวินขับเข้ากับแผลที่โดนตะปูมา
“เบาๆหน่อยสิกวิน เดี๋ยวเอยเจ็บ” คุณวิดาปรามขึ้น
“เจ็บมากไหม?” กวินถาม เอยมองหน้าของกวินที่ยังคงซีดเซียวอยู่ก่อนจะส่ายหน้า
“ผม...ขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นจะมา” เอยว่า
“ผมลานะครับ” เอยยกมือไหว้คุณเกริก คุณวิดา และกฤศ
“เดี๋ยวมาอีกนะเอย” คุณวิดายิ้มหวานเสียอดไม่ได้ที่เอยจะยิ้มตอบ
เอยเดินออกมาจากห้อง โทรหาพี่แปงว่าตนเองประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย ศุกร์เสาร์นี้คงจะไปทำงานไม่ได้ พร้อมกับฝากงานพี่แปงก่อนที่จะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างทางพลางคิดเรื่องพ่อและแม่ของกวิน ทั้งสองพูดจาเหมือนรู้จักเอยมาก่อน อีกทั้งดูใจดีต่างจากภาพเศรษฐีคนรวยที่เอยวาดไว้ว่าจะต้องดูดุๆอีกทั้งไม่สุงสิงหรือพูดคุยกับคนที่ด้อยกว่า คิดไปคิดมาเรื่อยๆก็ถึงหน้าบ้านเสียแล้ว
“เอย...เป็นยังไงบ้างลูก นี่น้องดาวกำลังจะมารับแม่พอดีเลย” แม่ของเอยตกใจเมื่อเห็นเอยเดินเข้ามาในบ้าน เอยกอดแม่ทันทีที่เห็นหน้าแม่
“แม่ครับ...” เอยร้องไห้ทันทีที่ได้สัมผัสแม่ กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้กลับมาหาแม่อีก
“กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้วลูก” แม่ของเอยลูบหัวอย่างปลอบโยน
“ผมคิดว่าจะไม่ได้กลับมาเจอแม่แล้ว” เอยร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น
“แต่ตอนนี้เอยก็กลับมาแล้วนี่ไง ไม่ต้องร้องแล้วลูก” แม่ของเอยบอก พลางลูบหัวเอยอยู่เช่นนั้น
“ไปอาบน้ำก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่จะต้มโจ๊กให้ ทานเสร็จแล้วค่อยไปนอนพักผ่อน” แม่ของเอยว่า
“ครับแม่” เอยเช็ดน้ำตา ก่อนที่จะผละออกจากแม่ แล้วเดินขึ้นห้องนอนไป
เอยอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว พร้อมๆกับที่ดาวมาถึงที่บ้านพอดี ดาวมองเอยทั้งร่างกาย ก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“เอย...เจ็บตรงไหนบ้าง?” ดามถาม น้ำตาคลอเบ้าอย่างรู้สึกตกใจปนเป็นห่วง
“เอยปลอดภัยดีแล้วดาว” เอยยิ้มให้ดาว
“เฮ้อ...ตอนไทป์บอก ดาวตกใจแทบแย่ แล้วกวินล่ะ?” ดาวถาม
“ก็ปลอดภัยดีแล้วเหมือนกัน” เอยตอบ
“โล่งอกไปหน่อย” ดาวพูดออกมา
ดาวและเอยนั่งทานโจ๊กด้วยกัน เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง เมื่อทานเสร็จดาวก็ขอตัวกลับ เอยจึงขอแม่ขึ้นห้องกลับไปนอนพักผ่อน ซึ่งแม่ของเอยก็เห็นด้วยที่จะให้เอยพักผ่อน
“เดี๋ยวตอนเย็นไปหากวินอีกไหมเอย?” แม่ถาม ตอนเอยกำลังจะขึ้นบันไดพอดี
“ไปครับแม่” เอยว่า ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไป
เมื่อเข้าห้องเอยเอนตัวลงนอนบนเตียง พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวายที่เกิดขึ้น โชคดีแค่ไหนที่รอดกลับมาได้ และกวินบาดเจ็บไม่มากนัก ส่วนเอกภพและพี่อุ้มเย็นนี้เอยค่อยไปเยี่ยมทั้งสองคน นอนคิดไปคิดมา ก่อนที่จะหยิบยาแก้ปวดมาทาน เอยนอนนิ่งๆอยู่เพียงครู่เดียวก่อนที่จะค่อยๆหลับไป เพราะความเหนื่อยบวกกับแผลตามร่างกายที่เริ่มปวดตุบๆขึ้นมาบ้างแล้ว เอยจึงหลับสนิทได้อย่างโดยเร็ว...
++++++++++++++++