ขอบคุณนะคะที่ติดตามนิยายเรื่องนี้ มีคนอ่านบ่นกันว่าสั้น แหะๆ เราก็พยายามแต่งให้ยาวแล้วนะ สุดความสามารถแล้วค่า เพราะลงทุกวันเราเลยมีเวลาจำกัดในการแต่งแต่ละตอน ขออภัยด้วยค่ะ
แล้วก็มีคนอ่านบอกอีกว่าเราตัดฉึบ ดื้อๆ ไม่ก็อยู่ๆคิดจะตัดก็ตัดเลย ดูรุนแรง ฮ่าๆ คือเราชอบแต่งแบบนี้ค่ะ มันจะดูค้างคา แบบเฮ้ย อะไรวะ? แต่ถ้าคนอ่านรู้สึกว่ามันติดขัด เราจะพยายามให้มันนิ่มนวลกว่านี้นะคะ ขอบคุณที่ติชมค่า
ป.ล. ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 19
การ์ดปีใหม่
เวลาล่วงเลยมาสองอาทิตย์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เอยพยายามไม่รับฟังข่าวสารจากคนรอบข้าง ว่าท่านประธานอย่างกวินทำอะไรที่ไหนบ้างในช่วงที่ผ่านมา แม้หลายต่อหลายครั้งเจอกวินเดินผ่านมาแถวห้องประชุม เอยก็ได้แต่ก้มหน้าไม่ก็เฉไฉมองไปทางอื่น ทำราวกับไม่เห็นกวินเดินผ่านมา
ด้านเอกภพก็เช่นกัน เอาแต่จ้องมองเอยอย่างคาดโทษตั้งแต่วันนั้นมา จนพี่แปงและพี่ขาวเองยังสงสัย เอ่ยถามเอยอยู่หลายครั้ง แต่เอยก็ไม่เคยบอกอะไรออกไป
ส่วนคนที่คอยมาติดตามเอย โดยคำสั่งของทรรศที่กวินสั่งมาอีกทีนั้น คอยตามเอยทุกฝีก้าวจริงๆ แต่ระยะการตามนั้นไม่ได้สร้างความอึดอัดให้เอยแต่อย่างใด เพราะการติดตามของคนเหล่านั้น ดูแค่ห่างๆ ไม่ค่อยแสดงตัวออกมาให้เอยเห็นเท่าไหร่ จึงรู้สึกอุ่นใจอย่างน้อยก็ไม่มีอันตรายมาย่างกรายตนได้
วันนี้เป็นศุกร์ พอเอยเลิกงานเอยก็ต้องมาซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้าย เพราะวันงานแฟชั่นโชว์จะจัดขึ้นในคืนวันเสาร์นี้แล้ว วันนี้ดาวนำชุดที่ไปแก้ไขในวันนั้นมาให้เอยลองใส่ ปรากฏว่าพอดิบพอดีไม่ต้องแก้ไข
“เป็นไงเอย ชอบชุดไหม?” ดาวถาม ก่อนที่จะให้เอยหมุนตัวรอบๆ
“รู้สึกแปลกๆ เราไม่เคยแต่งตัวแบบนี้นี่” เอยว่า เสื้อสูทที่เปิดอกแบบนี้ พอเห็นก็รู้สึกอายตนเอง กล้ามหน้าท้องก็ไม่มีอย่างใครเขา เป็นนายแบบที่หุ่นขี้ก้างเหลือเกิน
“ไม่หรอก ออกจะดูดี” ดาวว่า ก่อนที่จะให้เอยถอดชุดเพื่อนำไปซักรีดพร้อมใส่สำหรับวันพรุ่งนี้
การซ้อมคราวนี้ใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแค่ซักซ้อมคิวว่าต้องดำเนินงานกันอย่างไรเท่านั้น เอยเดินแบบสบายๆคู่กับนางแบบคนเดิม ทำตามคิวที่ดาวบอกมาอย่างเคร่งครัด ถึงว่าทุกอย่างออกมาดีมาก วันนี้ไทป์เองก็มาดูด้วยการซ้อมครั้งสุดท้ายนี้ด้วย
“เป็นไงไอ้เอย ชินยังกับเดินแบบ” ไทป์ถาม
“ว่าจะรับจ๊อบเป็นนายแบบอยู่นะ” เอยว่า ไทป์ขำก่อนจะผลักหัวเอย
“แล้ว...มึงโอเคขึ้นบ้างรึยัง?” จู่ๆไทป์ก็ถามขึ้นมา เอยนิ่งเงียบไป
ถ้านับตั้งแต่วันนั้นหลังจากที่เจอกวินในครั้งนั้น เอยก็พยายามจะลืมเรื่องราวที่ผ่านมาให้หมด แต่จนแล้วจนรอดก็ลืมไม่ได้เสียที เอยจึงจำยอมจดจำมันไว้อย่างนั้น พยายามหาสิ่งต่างๆทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน โดยการหามาไทป์กับดาวบ่อยมากขึ้น แม้ดาวจะแปลกใจอยู่บ้างที่เอยมาหาบ่อยๆแต่เธอก็ไม่ขัดข้องอะไร กลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่เอยมาหา
“ก็...ไม่รู้สิ แต่น่าจะดีขึ้นนะ”
หลังจากที่เงียบอยู่นาน เอยก็ตอบไทป์ออกไป เอยนั้นตอบตามความจริง ไม่รู้หรอกว่าจะทำใจได้หรือไม่ แม้ตอนนี้พอเอยนึกถึงกวินขึ้นมาจะรู้สึกหน่วงอยู่ในใจ แต่การที่ไม่เจอหน้ากันหรือติดต่อผ่านสิ่งใดๆทำให้เอยรู้สึกไม่เจ็บปวดอย่างช่วงแรกๆ จะลืมเลยทีเดียวมันยาก แต่หากใช้เวลามากกว่านี้ สักวันเอยหวังว่าจะกลับมาเป็นอย่างปกติ
“เดี๋ยวมันจะผ่านไป” ไทป์พูดพลางตบไหล่เอย
“อืม”
เอยกลับมาบ้านหลังจากซ้อมเสร็จ วันนี้ไม่เหนื่อยเท่าที่ควร อาบน้ำกินข้าวและคิดว่าจะเข้านอนเร็ว เพราะไม่อยากให้ใต้ตาคล้ำ ดาวบอกว่าเดี๋ยวหน้าจะหมองหากนอนดึก เอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มองเบอร์ที่กวินโทรมาเมื่อครั้งนั้น เอยได้กดบันทึกมันเอาไว้ แม้รู้ดีว่าต้องตัดใจ แต่ลึกๆก็ยังลืมไม่ลงอยู่ดี
ล้มตัวลงนอนทีไร ก็เอาแต่คิดเรื่องของกวินทุกที ไม่ว่าจะเรื่องตอนนี้หรือเรื่องตอนสมัยเรียน และอีกเรื่องหนึ่งที่เอยจำได้ขึ้นใจ และเป็นเรื่องที่คิดไว้ว่าอาจจะเพราะสาเหตุนั้นทำให้เอยแอบชอบกวินโดยไม่รู้ตัวก็คงได้...
“นักเรียนทุกคนเงียบๆหน่อย”
อาจารย์ประจำชั้นเคาะโต๊ะด้วยแปรงลบกระดาน เป็นสัญญาณให้นักเรียนหยุดพูด คาบแรกนี้เป็นคาบโฮมรูม เป็นคาบที่อาจารย์เข้ามาพูดคุยรวมถึงแจ้งข่าวสารต่างๆ
“อาทิตย์นี้ทางโรงเรียนจะมีการจัดงานวันคริสต์มาส พวกเธอต้องเตรียมจัดต้นคริสต์มาสส่งเข้าประกวดด้วย ถ้าห้องเราชนะอาจารย์มีขนมเป็นรางวัล” สิ้นคำพูดอาจารย์นักเรียนต่างพากันโห่ เพราะของรางวัลไม่ล่อตาล่อใจเลยสักนิด
“เงียบๆสิ อ่อ อีกอย่าง แต่ละคนก็ต้องทำการ์ดอวยพรปีใหม่กันด้วย” อาจารย์พูด
“ทำส่งรายคนหรอคะอาจารย์?” เพื่อนคนหนึ่งในห้องยกมือขึ้นพร้อมถาม
“ส่งรายคน คนละสามการ์ด จากนั้นจะให้ใครก่อนโรงเรียนปิดวันในวันหยุดปีใหม่ก็แล้วแต่พวกเธอ” อาจารย์ว่า
“ชั้นจะให้กวินล่ะ” เสียงเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งว่าขึ้น
“ได้ไง ชั้นก็จะให้เหมือนกัน” อีกคนว่า
“ชั้นให้ไทป์ดีกว่า” คนที่สามพูด พวกเธอต่างพากันจับกลุ่มคุยกันว่าจะให้การ์ดอวยพรปีใหม่กับใคร เสียงส่วนมากที่ได้ยินก็มีแต่จะให้กวินกับไทป์
“แล้วมึงล่ะเอย ให้กูแน่ๆใช่ไหม?” ไทป์หันมาถามเอย
“แน่นอนอยู่แล้ว ให้ดาวกับไทป์” เอยว่าพลางยิ้ม
“แล้วอีกใบละจะให้ใคร?” ไทป์ถามอีก เอยลังเล
“อาจจะเก็บไว้ให้ตัวเอง” เอยบอก
“เรื่องของมึงก็แล้วกัน” ไทป์พูด ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเรียนของวิชาต่อไป
...
..
.
วันส่งการบ้านเป็นการ์ดปีใหม่ก็มาถึง พอส่งเสร็จ อาจารย์ก็ตรวจตรงนั้นและส่งคืนให้นักเรียนทันที วันนี้เป็นวันที่สามสิบ วันสุดท้ายที่เปิดเรียนก่อนจะปิดยาวไปถึงสี่วันเนื่องในวันหยุดปีใหม่ พอพักเที่ยงทานข้าวเสร็จ เพื่อนๆในห้องจึงใช้โอกาสนี้มอบการ์ดอวยพรปีใหม่ให้กัน
“ไทป์...ให้นายนะ” เพื่อนผู้หญิงแห่กันมาวางการ์ดอวยพรกันเต็มโต๊ะเรียน ไทป์ได้แต่ชักสีหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็ยังรับไว้เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ เอยที่นั่งข้างๆได้แต่อมยิ้มก่อนจะแซวไทป์
“ได้เยอะขนาดนี้ ของเราคงไม่ต้องให้แล้วละเนอะไทป์” เอยว่า
“เดี๋ยวนี้กล้าแซวกู เดี๋ยวเหอะมึง” ไทป์ชี้หน้าคาดโทษแบบขำๆ
ด้านกวินก็ไม่น้อยหน้าไทป์ มีเพื่อนๆแห่กันไปวางให้กวินจนแทบจะล้นโต๊ะ กวินหน้านิ่งเมินเฉย ไม่ได้เอ่ยคำขอบคุณหรือพูดอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว ในขณะที่เพื่อนผู้หญิงพากันมายื่นการ์ดให้ กวินไม่รับจึงวางบนโต๊ะเสียมากมายอย่างที่เห็น
เอยก้มมองการ์ดในมือสองใบ เพราะอีกใบให้ดาวไปแล้วเมื่อตอนไปทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหาร
“อะ...ให้ไทป์ แฮปปี้นิวเยียร์” เอยยื่นให้ ไทป์ยิ้มกว้าง
“นี่ก็ของมึง” ไทป์ยื่นการ์ดให้เอยเหมือนกัน
“ขอบคุณนะ” เอยว่า
“ไทป์ๆ ไม่ให้พวกเราหรอ?” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ระหว่างที่ไทป์และเอยกำลังแลกการ์ดกัน
“มันมีไม่พอ จะให้ได้ไง” ไทป์ว่า ก่อนที่จะเก็บการ์ดที่เอยให้ใส่กระเป๋านักเรียน
“แย่จัง เราอยากได้การ์ดของไทป์อะ” เธอพูดแบบนั้น
“ไปขอไอ้กวินสิ” ไทป์ว่า ก่อนจะเหล่มองกวินที่ตอนนี้นั่งหน้านิ่งอยู่
“ขอแล้ว..แต่เค้าไม่ให้” เธอพูดเช่นนั้นก่อนจะทำหน้าง้ำงอ เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เอยก้มมองการ์ดในมือของตัวเองอีกครั้ง เหลือใบสุดท้ายแล้ว จะให้แม่ก็ใช่ที เพราะของแม่เอยซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว
“เก็บเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” เอยพูดกับตนเอง ก่อนที่จะเตรียมตัวเรียนคาบต่อไป
ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ทุกคนต่างกล่าวคำอวยพรปีใหม่ซึ่งกันแล้วกัน ก่อนจะทยอยกลับบ้านกัน เอยทำท่าจะกลับบ้านแต่อาจารย์ดันเรียกเสียก่อน
“พีระนัม เธอช่วยยกหนังสือพวกนี้ไปเก็บที่ห้องให้อาจารย์ที”
“ครับ” เอยขานรับก่อนจะหันไปบอกไทป์
“ไทป์กลับก่อนเถอะ เจอกันหลังปีใหม่นะ” เอยว่า
“เออ เดี๋ยวกูจะซื้อของขวัญปีใหม่มาให้” ไทป์ว่า ก่อนที่จะโบกมือให้แล้วออกจากห้องไป
เอยยกหนังสือกองนั้นพาไปยังห้องพักของอาจารย์ตามคำสั่ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อเอากระเป๋านักเรียน กลับพบว่า...กวินกำลังนำการ์ดทั้งหมดที่ได้รับมาวันนี้ทิ้งลงถังขยะอยู่ภายในห้องเรียน
“ทำอะไรน่ะ?” เอยถามขึ้น กวินหันมามองหน้า
“ทิ้งขยะ” กวินตอบสั้นๆ
“แต่นั่นเพื่อนๆอุตส่าห์ทำมาให้นะ” เอยว่าขึ้น รู้สึกไม่ชอบใจที่กวินทำลายน้ำใจที่เพื่อนๆผู้หญิงเหล่านั้นที่ทำมาให้
“พาไปไม่หมด” กวินยังตอบมาสั้นๆเช่นเดิม เอยเม้มปากก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือการ์ดอีกหนึ่งใบที่ตนยังเก็บไว้และไม่รู้จะให้ใครดี...แต่ถ้าให้กวิน คงไม่พ้นจะต้องโดนโยนทิ้งลงถังขยะเป็นแน่ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจว่า...
“เอ่อ...เราให้”
เอยพูดขึ้น ก่อนที่จะยื่นให้กวิน หากกวินจะโยนทิ้งลงขยะก็แล้วแต่ เพราะถือว่าจะอย่างไรก็ให้ไปแล้วเจ้าตัวจะทำอย่างไรก็ช่างเขา แม้จะรู้สึกไม่ดีอยู่นิดหน่อยก็ตาม แต่เอยก็เลือกที่จะยื่นให้กวิน อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นคำขอบคุณตอนที่กวินช่วยตนเองตอนงานโรงเรียนในวันนั้น กวินมองการ์ดในมือของเอยก่อนจะดึงมันมาถือไว้
“ถ้าชั้นเอามันทิ้งล่ะ?” กวินถาม
“ก็..แล้วแต่นายแล้วกัน” เอยตอบ แต่กวินไม่ได้ทิ้งกลับนำใส่กระเป๋านักเรียนแทน ก่อนที่จะดึงการ์ดที่ตนเองทำยื่นให้กับเอย
“ให้...” กวินบอก เอยตาโตด้วยความตกใจ จำได้ว่าวันนี้เพื่อนๆในห้องต่างขอกวินกันหลายคน แต่กวินไม่ยอมให้....แต่กับเอย กลับได้มันมาเสียอย่างนั้น
“มะ..ไม่ต้องก็ได้ เรา เอ่อ..” เอยไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ใจเต้นแรงเสียจนน่ากลัวเมื่อมองเห็นการ์ดใบนั้นที่กวินยื่นให้
“รับไป”กวินว่า พร้อมคว้ามือของเอยมาให้จับการ์ดใบนั้นไว้
“ขะ..ขอบคุณนะ” เอยเอ่ยขอบคุณพร้อมมองการ์ดใบนั้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามตนเองไม่อยู่
“ไปละ” กวินว่า ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง เอยเปิดอ่านการ์ดนั้นทันทีที่กวินออกไป
“Happy New Year Pheeranam”
เอยยิ้มออกมา รู้สึกว่าตนเองหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก ชื่อเป็นภาษาอังกฤษของเอยที่ถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือของกวิน แปลว่ากวินตั้งใจจะมอบการ์ดใบนี้ให้เอยจริงๆ...
เมื่อนึกถึงการ์ดใบนั้นแล้ว ไม่รอช้า เอยรีบลุกขึ้นไปยังชั้นวางหนังสือ หยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ซึ่งหากจำไม่ผิดเอยได้ใส่การ์ดอวยพรใบนั้นเอาไว้
“เจอแล้ว” เอยร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนที่จะเปิดมันดู พบว่าลายมือจากปากกายังไม่จางหาย ยังคงชัดเจนไม่ต่างจากความทรงจำของเอยเลย
“แล้วแบบนี้ จะตัดใจได้ยังไง?” เอยได้แต่ถามตนเอง ก่อนจะเอาการ์ดใบนั้นแนบกับอกของตนเอง รู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่ต้องเลิกชอบกวินทั้งที่ยังคงไม่ลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้น...
++++++++++++++++++++++++++++++++++