# 5 คนธรรมดากับงานเลี้ยงหรูหราและคุณชายตึ๊งตึ๊งตึ่ง ตึ่งๆ ตะลึ๊งตึ๊งตึ่ง
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย อย่ามนม อย่ามโน เก็บอาการบ้างนะ
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย
♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามโน แต่ช่วยโชว์ข้างใน ว่าคิดอะไรอ่ะ
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ไม่มีอะไรดีกว่าการมารับจ๊อบหาเงิน ในวันที่ได้เลิกเรียนเร็วและแม่กับพี่ขมปิดร้านเร็วแบบนี้อีกแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่า ๆ ผมมีเวลาเยอะแยะสำหรับงานทำความสะอาด เจ้าของห้องไปเรียนมั้งนะ เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาก็ยังไม่เห็นพี่เขาเลย แหมเครื่องดูดฝุ่นอันนี้ใช้ดีชะมัด เคยใช้แต่อยู่ที่โรงเรียน ผมเรียนช่างยนต์ใช่ไหม เขาก็จะมีอู่คาร์แคร์ไว้บริการลูกค้าเพราะงั้นพวกเรานักเรียนที่ไปฝึกงานก็จะได้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดรถ
เหมือนเคยได้ยินนะ ใครบอกอยากให้ผมร้องเพลงอย่ามโน ฟังสิครับตอนนี้กำลังร้องอยู่ ผมอารมณ์ดีมากเลยนะ ได้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ทันสมัย อยู่ในคอนโดหรูหราราคาหลายล้าน กับได้แหกปากร้องเพลงประหนึ่งว่าห้องสุดหรูนี้เป็นของผมเอง วี๊ดวิ๊ว ตึ๊งตึ๊งตึ่ง ตึ่งๆ ตะลึ๊งตึ๊งตึ่ง
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย อย่ามนม อย่ามโน เก็บอาการบ้างนะ
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย
♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามโน แต่ช่วยโชว์ข้างใน ว่าคิดอะไรอ่ะ
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫เย้ยยย!!!ประตูห้องถูกเปิดผัวะออกมา ผมคนนี้ถือก้านเครื่องดูดฝุ่นค้างสิครับ กำลังจะอ้าปากด่าใครวะไร้มารยาทเสียจริงๆ เข้าห้องทำไมไม่เคาะประตูก่อนคนอยู่ข้างในตกใจนะ ที่แท้เจ้าของห้องนี่เอง ผมเงียบเลยสิ จะกล้าพูดเหรอ
“พะ....พี่เอย์ กลับมาแล้วเหรอครับ” ผมทักขึ้น เห็นหน้าตาพี่เอย์ไม่ค่อยดีเหมือนไปโกรธใครมาสักสิบชาติได้ ผมจึงฉีกยิ้มกว้างหวังเวลคัมโฮมเต็มที่ แต่พี่เอย์ยืนมองผมนิ่ง ผมที่ฉีกยิ้มให้จึงค่อย ๆ หุบลงอย่างช่วยไม่ได้ คุณชายเธอเล่นเงียบไม่พูดไม่จาเดินเข้าห้องไปเลย
เป็นไรวะ? ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ และตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดของผมต่อ ฮัมเพลงไปด้วยเบา ๆ แหกปากเหมือนตะกี้ไม่ได้ เพราะเจ้าของห้องเขากลับมาแล้ว สงสัยคุณชายอารมณ์เสียเรื่องเรียนล่ะมั้ง ไม่งั้นก็หิวจัดจนหน้ามืด พี่เอย์หายเข้าไปสักพักก็ออกมาเดินมุ่งไปทางครัวรื้อ ๆๆ หาอะไรสักอย่างแล้วหยิบพวกขนมปัง น้ำ ขนม ออกมาเต็มสองมือ เปิดโทรทัศน์นั่งดูบาร์บี้ ใช่ครับคุณฟังไม่ผิด พี่เอย์ชอบดูบาร์บี้จริง ๆ ผมเห็นมันดูการ์ตูนทีไรไม่พ้นเรื่องนี้ทุกที พี่เขานั่งกินขนมไปดูบาร์บี้ไป ไอ้ผมก็นึกว่าทุกอย่างจะโอเคแล้ว มีอย่างที่ไหนพอนั่งไปได้สักพักดันพูดขึ้น
“หิวข้าว” ตูว่าแล้ว
“ครับพี่หิวข้าว” ผมทวนคำ คือไม่รู้ว่าพี่แกจะสื่ออะไร
“มีอะไรกินบ้างอ่ะ มึงทำให้กูกินดิ”
“แล้วพี่อยากกินไรอ่ะ เดี๋ยวนะ! ผมถามไปงั้นแหละเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีอะไรเลยนะผมไม่ได้ซื้อของสดมาไว้ในตู้”
“งั้นสั่งข้างล่างขึ้นมา มึงโทรสั่งที่เลาจน์ข้างล่างให้เขาเอาขึ้นมาส่ง สั่งข้าวผัดกุ้งให้กู”
“เอ๊ะข้างล่างมีเลาจน์ด้วยเหรอครับพี่”
“มีสิวะ ไม่งั้นกูจะกินข้าวที่ไหนล่ะ ไม่ใช่คอนโดแถวบ้านมึงนี่ ที่นี่มันคืออะไรมึงทวนชื่อคอนโดเขาให้ดีๆ”
“ครับ ๆ รู้แล้วๆ”
ชิชิ ผมไม่อยากมานั่งทวนชื่อคอนโดหรอก รู้น่าว่าหรูหรามีระดับ เมื่อคุณชายเขาบอกมาอย่างนั้นผมก็ยกหูขึ้นโทรสั่งข้าวผัดกุ้งให้ทันที จะว่าไปพี่เอย์ชอบกินข้าวผัดกุ้งนะ เห็นกินทีไรไม่พ้นเมนูนี้เลย เดี๋ยววันหลังจะซื้อกุ้งแบบแพ็คมาเก็บไว้ เวลาคุณชายหิวจะได้ทำให้ทาน มันเป็นอาหารง่าย ๆ อยู่แล้วด้วย
เวลาผ่านไปแปปเดียวนะครับข้าวผัดกุ้งเสิร์ฟพี่แกถึงโต๊ะเลย มีทิปพนักงานอีกต่างหากใจดีชะมัด ทำไมไม่บอกให้ผมลงไปเอาให้วะ ทิปสีแดงใบนั้นจะได้ให้ผมแทน คึคึ ผมนึกไปก็เริ่มดูดฝุ่นตามซอกต่าง ๆ ต่อกำลังทำค้างอยู่
“ปิง เสาร์นี้มึงจะมาที่นี่ป่ะ” พี่เอย์คงพูดอะไรสักอย่างกับผมแหละ เพราะผมใช้เครื่องดูดฝุ่นอยู่เสียงดังไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้ยิน มองไปอีกทีตางี้เขียวปั๊ดเชียว
“อะ...อะไรนะครับ พี่ถามอะไรผมเหรอ” ผมปิดเครื่องดูดฝุ่น งานเสร็จแล้วพอดี กดเก็บสายไฟ
“กูถามว่าเสาร์นี้มึงจะมารึเปล่า”
“อ๋อ มาครับ พรุ่งนี้วันศุกร์ไม่มา ผมจะมาเสาร์อาทิตย์แทนนะ”
“แล้วพรุ่งนี้มึงไปไหน”
“เตะบอล”
“เออดี” ปะชดผมป่ะวะ
“ทำไมเหรอ” ผมทำท่าสงสัย คิดอยู่ครู่หนึ่งพอนึกบางอย่างออกเลยรีบถลาเข้าไปนั่งลงที่พื้นข้าง ๆ คุณชายที่นั่งดูบอลอยู่บนโซฟา
“หรือพี่จะชวนผมไปเดินห้างอีก คราวนี้ชวนสาวไหนอีกล่ะ ช็อปเก่งเหมือนคุณแพรอีกหรือเปล่า ผมจะได้เตรียมฟิตกล้ามเนื้อไว้ก่อน”
ผมยังจำได้นะวันนั้นกลับมานี่ผมเมื่อยไปทั้งตัวเลย หนำซ้ำยังตากฝนอีกตัวรุม ๆ ไปสองวันเต็ม ๆ ผู้หญิงนี่เป็นเพศที่มหัศจรรย์จริง ๆ นะครับเธอใส่ส้นสูงๆเดินในระยะทางเท่า ๆ กับผมนี่แหละแต่เธอไม่มีบ่นเลยอ่ะว่าเหนื่อยเมื่อยหรือล้าอะไรแบบนั้น พอได้ซื้อของแล้วหน้ามืดลืมความเหนื่อยเหรอ
“เปล่า เสาร์นี้บ้านย่ากูเค้าจัดงานเลี้ยง กูก็มีหน้าที่ต้องไปด้วย”
“อืมครับ” แล้วมันเกี่ยวไรกับผมอ่ะพี่ หรือว่าพี่เอย์จะให้มาเฝ้าห้องให้จนกว่าพี่จะกลับ
พี่เอย์ไม่ได้พูดอะไรต่อยังนั่งกินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ผมสังเกตนะหน้าตาพี่เขาเหมือนคนไม่ค่อยสบายใจ ทำไมล่ะเวลาที่จะได้กลับบ้านเราต้องดีใจสิ ยิ่งแยกมาอยู่เองแบบนี้กลับบ้านแต่ละทีนี่ถ้าเป็นผมเบิกบานนะ ยิ่งรวมญาติยิ่งแล้วใหญ่
“พี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือว่าไม่อยากไปงานเลี้ยงอะไรนั่นน่ะ” ผมถามออกมาตรง ๆ เลย
“อือ กูไม่อยากไป งานแบบนี้กูไม่เคยจะอยากไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ขัดไม่ได้จำเป็นต้องไป”
ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไม เพราะมันจะดูเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเกินไปใช่ไหมล่ะ ผมเป็นแค่ลูกจ้างครับเพราะฉะนั้นหน้าที่ของผมคืออะไร
“ฮึบๆๆๆ อึ๊บๆๆๆ พี่เอย์สู้ ๆ ไฟท์ติ้งๆ” ผมทำท่าฮึบ ๆ ไฟท์ๆ ให้กำลังใจมัน แทนคำพูดจาเป็นร้อยเป็นพันที่อยู่ในใจ ท่าทางตลกบ้าบอของผมช่วยให้พี่เอย์หายเครียดได้นะบอกเลย เพราะผมเห็นคุณชายเอย์แอบยิ้มออกมาด้วย
“นี่มึงสติดีอยู่รึเปล่าเนี่ย ทำท่าบ้าบออะไร หมาปิงเอ้ย”
“ก็เห็นพี่สีหน้าไม่ค่อยดีนี่ ผมก็แค่อยากเห็นพี่ยิ้ม เวลาพี่ยิ้มแล้วพี่หล่อออก หน้าเหมือนกับพะ......”
“เหมือนอะไร” พี่เอย์แทรกขึ้นขณะที่ผมหยุดประโยคไว้กลางครัน มันหยุดกินแล้วหันมาจ้องหน้าผม เหมือนเค้นจะเอาคำตอบ
“..........” จะให้ผมตอบได้ยังไง เมื่อกี้กำลังจะบอกว่ายิ้มแล้วเหมือนพี่ซีซ่าร์เลย เดี๋ยวก็หาว่าผมบ้าดาราอีก
“...เหมือนกับไอ้ซ่าร์เหรอ”
“แฮ่ ๆ นิดหน่อยเอง” ผมทำท่าแบบยอมจำนน ความจริงเหมือนกันมากเลยนะ เฉพาะเวลายิ้มแต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าพี่หล่อกว่าพี่ซีซ่าร์อีกก็ไม่รู้ สมองผมช่วงนี้คงเบลอไปหน่อย
“ก็เคยได้ยินคนพูดแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่เสียใจว่ะกูคิดว่ากูหล่อและดูดีกว่าพี่กูเยอะ!”
แหม่ คุณชายเรากล้าพูดโน๊ะ “ครับ ๆ พี่เอย์หล่อและดูดีกว่าเยอะ”
ผมแอบหันมาเบะปากลับหลังมัน ไอ้คุณชายหันมองมาพอดี ผมเลยได้อภินันทนาการมาแบบเต็ม ๆ ด้วยการยกขายันโครมมาที่ผม ดีนะที่หลบทันแค่นั้นก็เจอมันชี้หน้าคาดโทษใส่แล้ว
“เย็นวันเสาร์ทำตัวให้ว่างไว้ด้วยนะมึง”
“ทำไมอ่ะ”
“กูจะให้มึงขับรถให้ไง”
“เอ๊ะแต่....
“กล้าปฏิเสธกูเหรอ” เอาแต่ใจจริงเว่ยเฮ้ย
ผมนั่งมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่งนึกอะไรดี ๆ ออก แกล้งกวนตีนคุณชายเล่นหน่อยดีกว่า ผมเลยคลาน ๆ ๆ เข้าไปนั่งใกล้ ๆ พี่เขาอีกครั้ง
“พี่เอย์” ผมสะกิด มันหันมาหามองหน้าผม
“พี่เอย์”ผมสะกิดอีก คราวนี้มันวางช้อนลงที่จานเลย หันมาจ้องหน้าผมใหญ่
“อะไรของมึงเรียกกูทำไม”
“ผมถามไรพี่อย่างดิ”
“อะไร”
“วันก่อนที่ผมค้างที่นี่อ่ะ”
“...........” พี่เอย์จ้องหน้าผมนิ่งคงรอฟังว่าผมกำลังจะพูดอะไร แต่ผมดันเงียบไปซะงั้น
“ปิง มึงจะพูดอะไรวะ”
“พี่เอาเสื้อพี่ห่มให้ผมเหรอ” ผมหลับตาปี๋ถามออกมารวดเดียว ยกมือปรก ๆ ไหว้มันอย่างคนกำลังขอโทษขอโพย อย่าถีบกูนะ อย่าถีบกูนะ ก็มันคาใจนี่หว่าอยากรู้ก็ต้องถาม เป็นคุณชายจริงเหรอที่ทำให้ผมแบบนั้น
“เหี้ยเหอะ! มึงฝันกลางวันเหรอใครจะไปห่มผ้าให้มึงกัน อยากนอนหนาวยังไงกูก็ไม่สนใจหรอก จิ๊ เรื่องของมึงดิ่ จะตัวร้อนจะเป็นไข้ก็เรื่องของมึงเลย ”
“อ้าวแต่ตอนผมตื่นมาเสื้อพี่อยู่บนตัวผมอ่ะ”
“ก็ใช่ไง แล้วมึงไม่เห็นโน้ตที่กูเขียนไว้หรือไง”
“เห็นสิครับ แล้วยังไงอ่ะ” เออผมก็งงนะ
“ก็กูบอกว่าให้มึงเอาเสื้อนอกไปซักให้กูด้วยใช่ไหม กูกลัวมึงไม่รู้ว่าเสื้อตัวไหนเลยหยิบ ๆ มาโยนไว้ใกล้ ๆ มันไปกองอยู่บนหน้าอกมึงเองเหอะ”
“.....อ้อ เหรอครับ แบบนั้นเรียกว่ากองเหรอ”
“ไอ้ปิง!” พี่เอตะคอกเสียงเขียว ผมเลยรีบหยุดไว้แค่นั้นจะดีกว่า ลุกขึ้นแล้วเดินมาลากเอาเครื่องดูดฝุ่นเข้าไปเก็บ พอผมหันไปมองก็เห็นคุณชายเขามองผมอยู่ตางี้เขียวปั๊ดเชียว ผมเลยส่งยิ้มหวาน ๆ ไปที
“กวนกูจริง ๆ นะมึง เดี๊ยะๆ” ครับ ๆ คุณชายบอกไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ แต่ใบหน้านี่โคตรแก้ตัวเลย แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าพี่เอย์เป็นคนปากร้ายแต่ใจดีนะ
-เย็นวันเสาร์-โอ๊ยๆๆๆ ตาย ๆๆ นี่กูต้องเดินยังไงกันล่ะวะเนี่ย ต้องค่อย ๆ เดินรึเปล่า กลัวไอ้หูกระต่ายนี่มันจะหลุดร่วงลงมาจริงๆพับผ่าเถอะ แล้วยังไอ้ชุดสูทหรูหราแบบนี้ถ้าเผลอเดินแรงไปหน่อยมันจะยับหรือเปล่าวะ เวลาเดินอาจจะต้องหนีบก้นนิดหน่อยเนื้อผ้ามันจะได้ไม่สึกหรอมาก โอ๊ยตาย ๆ อึดอัดฉิบหายเลยรัดติ้วไปทั้งคอทั้งตูดทั้งพุงแล้วเนี่ย โอ๊ยน้อกี่ทุ่มกี่ยามจะได้กลับห้อง คอยดูนะกลับมาพ่อจะถอดแล้วจับฟาดใส่เข่งเอาให้หายเครียดไปเลย
แล้วเย็นย่ำของวันเสาร์ก็มาถึง คุณชายเอย์กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ภายในห้องบรรทม เย้ยย ไม่ใช่แล้ว พี่เอย์เขากำลังแต่เนื้อแต่งตัวอยู่ในห้องขณะที่ผมแต่งตัวเสร็จก่อนเพราะคุณชายจัดการให้ อย่าเข้าใจผิดครับ พี่ท่านไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก ก็แค่โยน ๆ แล้วก็โยน บอกว่าชิ้นไหนใส่ก่อนใส่หลังแค่นั้นแหละครับ อย่าได้คิดว่าคุณชายจะมาสวมใส่ช่วยติดกระดุมผูกโบว์ให้แบบนั้นไม่มี๊ไม่มีนะ ผมตอนนี้เลยได้แต่เดินงุ่นง่านรออยู่หน้าห้องไม่ต่างไปจากหนูติดจั่น(เอ๊ะไม่รู้ถูกรึเปล่านะครับคุ้น ๆ สุภาษิตนี้) เหตุที่ไม่นั่งเพราะกลัวว่าชุดสูทใหม่เอี่ยมตัวนี้จะยับ
ไม่อยากจะโม้หรอกแต่วันก่อน หลังจากผมทำความสะอาดห้องเสร็จพี่เอย์ลากผมไปถอยออกมาใหม่เลย ยี่ห้อดัง ๆ ที่มันชอบใส่ด้วยนะ อามานี่อามาแน่ อะไรนี่แหละ รองเท้าถุงเท้าครบชุด ตอนแรกมันก็กะจะเอาชุดของตัวเองให้ผมแต่บังเอิญว่าไซน์มันไม่ได้เลยต้องพาไปซื้อกันถึงที่ ดูเหมือนผมจะวาสนาดีใช่ไหม คุณอย่าเข้าใจผิด มันไม่ใช่เลยนะครับ อะไรที่มันไม่ใช่เราถึงจะหรูหรามีระดับขนาดไหนมันก็ทำให้เราอึดอัดได้นะ
“ไปกันได้แล้ว”
“โอ้โหวววววว!”
ผมอุทานออกมาอย่างลืมตัว ขณะคุณชายเดินออกมาจากห้องด้วยชุดสูทสากลหรูหราเต็มชุด เชิ้ตสีดำด้านในกับสูทมันแผล็บสีเทาเข้ม โคตรจะดูผู้ดีและหล่อลาก แถมวันนี้พี่เอย์หวีผมปัดขึ้นไปทั้งหมดอีกต่างหาก เปิดโชว์หน้าผากสวย ๆ ของมันให้เห็นกันแบบเต็ม ๆตา
“พี่เอาเปรียบผมนี่ ทำไมผมต้องใส่ไอ้หูกระต่ายนี่ด้วย แล้วพี่อ่ะ ขนาดเนคไทพี่ยังไม่ใส่เลย” ผมบ่นเมื่อมองดูเสื้อผ้าของตัวเองและของคุณชาย
“ชิ๊ มึงจะรู้อะไร หุ่นแบบกูแต่งแบบไหนก็ดูดี แต่ผอม ๆ อย่างมึงมันต้องใส่เสริมให้ดูมีระดับขึ้น ความจริงถ้าไปงานธรรมดากูก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก แต่นี่มันงานวันเกิดคุณหญิงย่า ขืนเอาคนขับรถที่แต่งตัวไม่เป็นโล้เป็นพายไป กูได้โดนบ่นจนหูชาแล้วมึงคงต้องโดนคุณย่ากูไล่ตะเพิดให้ห่างจากกูภายในสองวันแน่”
“โห ดุขนาดนั้นเชียว ผมคิดหนักนะเนี่ย ความจริงพี่จะเอาผมไปด้วยทำไม ผมอยู่เฝ้าห้องให้ไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวพอพี่กลับมาผมจะทำอาหารดี ๆ อร่อย ๆ ไว้ให้กินไง”
“ฮึ อาหารแปลก ๆ ที่มึงชอบทำน่ะเหรอ”
“ไม่ครับไม่ คราวนี้ไอ้ปิงจะทำอาหารฝรั่งรสชาติต้นตำหรับไว้รอคุณพี่เอย์เลย” แน่นอนครับผมโม้
“หึหึหึ นี่มึงเห็นกูเป็นเด็กอมมือรึไง พูดจาเหมือนจะหลอกให้กูเชื่อ ไปกันได้แล้ว มัวแต่ร่ำไรอยู่กูจะถึงงานไหมวันนี้ เดี๋ยวถ้ามึงทำตัวดีกูจะจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเลย พยายามรักษามารยาทหน่อยละกันคุณย่ากูท่านไม่ชอบคนขี้โวยวาย ซุ่มซ่าม ไม่เป็นระเบียบ ยิ่งเรียบร้อยเท่าไหร่ได้ยิ่งดี อย่าทำตัวให้มีปัญหาล่ะ”
“ครับ ๆ ไอ้ปิงคนนี้จะรักษามารยาทให้งามที่สุดเลย รับรองไม่มีปัญหาอะไรให้คุณพี่เอย์ต้องลำบากใจแน่นอน”
“ให้มันได้อย่างนั้นจริง ๆ เถอะวะ”
ตอนนี้เราสองคนกำลังลงลิฟต์กันแล้วนะครับ ผมแอบมองตัวเองอีกครั้งในกระจก แหม่ผมนี่ก็หล่อนิด ๆ เหมือนกันนะเสื้อผ้าสวย ๆ มันทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ดีขึ้นมาได้เลยเหรอวะ เอาเหอะถึงผมจะไม่ชอบเพราะมันดูไม่เป็นผม แต่วันนี้ผมจะทนไปก่อน ผมมองผ่านไปเจออีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ออร่าความหล่อผมดิ่งวูบลงทันที โถ่ทำเป็นเก็กหน้านิ่ง อยู่ในลิฟต์คุณชายจะยืนล้วงกระเป๋าทำเท่ทำไมไม่ทราบ
….♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ เหมือนเราอยู่คนละฟ้า อยู่คนละชั้น รักเอยไม่เคยนึกฝัน จะบินลัดฟ้า
เพราะเธอคือดวงดาว เพราะเราคนธรรมดา แต่คืนนี้ดาวลอยจากฟ้าลงมา ลงดินด้วยรัก ชโลมหัวใจ ♪ ♫♪ ♫ ♩ ♬
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ รู้ตัวว่าดีไม่พร้อม ดั่งใจนึกฝัน แม้เธอจะบอกรักฉัน แต่ใจฉันหาย
เพราะเธอนั้นสูงค่า แต่ฉันมันไม่มีอะไร แค่เพียงใจดวงเดียวเท่านี้ที่มีให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♬。 ♫ ♫ รักเธอเท่าไร รักเธอเท่าไร ทุกลมหายใจก็ยังลอยไปที่จะให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
เพราะมีน้อยไป นึกยังน้อยใจอยู่เสมอ ใจที่มีแต่เธอก็ยังน้อยไป ♪ ♫ ♫ ♪ ♫ ♩ ♬
♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ แสงดาวไม่เคยลับหายจากใจของฉัน แล้วเธอผู้เป็นเหมือนฝันได้ยินฉันไหม
แม้มันจะมืดมนหม่นหมองมองไม่เห็นทางใด แต่ในใจของฉันคนนี้ยังมีแสงดาว ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ แต่ในใจของฉันคนนี้จะมีแต่เธอ เสมอไป……..
เสียงเพลงไทยสากลเพราะ ๆ ความหมายดีที่สวนสวยกว้างขวางภายในคฤหาสน์หรูที่ใหญ่โตมโหฬาร ช่วยเสริมบรรยากาศให้งานเลี้ยงภายในเต็มไปด้วยความมีระดับ ผมเดินตามหลังคุณชายสุดหล่อเข้ามาแบบห่าง ๆ แต่ดูแล้วคือรู้แหละว่าผมเป็นผู้ติดตามของคุณชายท่าน อย่าเรียกว่าคนขับรถเลยนะขอเหอะ
“หวัดดีครับแม่”
“น้องเอย์ลูก! นี่มาๆ สวัสดีคุณหญิงเรียมเร็วเข้า คุณพี่คะนี่เอย์ตั้นค่ะลูกชายคนเล็ก น้องเอย์คุณป้าเรียมภรรยาของท่านทูตบวรไงลูก น้องเอย์จำได้ไหมครับ เมื่อก่อนลุงบวรมาบ้านเราบ่อยเลยนะ”
พี่เอย์ตรงเข้าไปหาผู้หญิงสวย ๆ ท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง พอมันทักขึ้นเท่านั้นผมถึงได้รู้ว่าเธอคือคุณแม่ผู้สูงศักดิ์ของเจ้าชายเอย์ คุณแม่คนสวยกำลังยืนคุยอยู่กับแขกผู้มีเกียรติ เลยได้โอกาสแนะนำลูกชายเธอด้วยเลย
“ต๊ายๆ หล่อไม่แพ้ซีซ่าร์เลยนะเนี่ย คุณรันนี่มีแต่ลูกชายหน้าตาดีนะคะนะ เอ๊ะเดี๋ยวก่อน! เอย์ตั้นเหรอ ใช่เอย์ตั้นที่คุณหญิงโฉมเปรยถึงบ่อย ๆ น่ะเหรอคะ”
“คิคิ ใช่แล้วค่ะ นี่น่ะหลายชายคนโปรดของคุณแม่ท่านล่ะ คุณพี่เรียมอาจจะจำหลานไม่ได้ ก็แหมคุณพี่เล่นไปอยู่ต่างประเทศนานเป็นสิบ ๆ ปีเพิ่งกลับมาได้แค่เดือนเดียวเองนี่คะ ยังไงรันฝากเนื้อฝากตัวลูกชายด้วยนะคะนะ”
“ด้วยความเต็มใจค่า ทางนี้เสียอีกต้องฝากเนื้อฝากตัวกับทางคุณรันน่ะ”
แล้วเสียงหัวเราะแบบผู้ดีของผู้หญิงสูงศักดิ์สองคนก็ดังขึ้นพร้อมกันเบา ๆ
“ป๊าล่ะครับแม่” เสียงพี่เอย์ถามขึ้น
“อยู่ด้านในแหน่ะจ๊ะ คุยกับท่านรัฐมนตรีอยู่มั้ง น้องเอย์เข้าไปกราบคุณย่าท่านหรือยัง”
“ยังเลยครับ เดี๋ยวจะเข้าไปตอนนี้แหละ”
“คุณย่าอยู่ที่สวนแน่ะลูก พวกญาติๆเราทยอยมากันแล้วน้องเอย์รีบเข้าไปเถอะ”
พี่เอย์ยกมือไหว้ลาคุณหญิงแม่และขอตัวเดินแยกออกมา ผมที่ยังยืนมองโน่นนี่อยู่เลยต้องซอยเท้าตาม หลงไม่ได้นะครับที่สวนนี้กว้างมากคนก็เยอะพี่เอย์เจอใครก็ยกมือไหว้ไปหมด มีพนักงานชายและหญิงใส่ชุดสูทเรียบร้อยประจำอยู่แทบทุกจุดสำคัญ ผมทั้งเดินทั้งเกร็งชีวิตไอ้ปิงรันทดนัก เกิดมาเพิ่งเคยมางานเลี้ยงไฮโซหรูหราแบบนี้เป็นครั้งแรก จะว่าไปผมว่าผมเหมือนบอดี้การ์ดเลยนะ เดี๋ยวต้องวางมาดเข้ม ๆ หน่อยดีกว่าจะได้ดูเท่อย่างคุณชายเขาบ้าง ปัดโถ่ลืมพกแว่นดำมา
“ปิง มึงยืนรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูเข้าไปไหว้ย่ากูแปป”
พี่เอย์เดินมาบอกไว้แค่นั้นก่อนที่จะทิ้งผมให้ยืนเก้ๆกัง ๆ อยู่ใกล้กับต้นลีลาวดีดอกสีขาวต้นใหญ่ต้นหนึ่ง ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินเข้าไป คุณหญิงย่าที่พี่เอย์พูดถึงเธอนั่งแผ่บารมีอยู่ตรงที่กระโจมรับรองกลางสวน เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะนั่นมันพี่ซีซ่าร์ผมนี่หว่า กำลังนั่งคุยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับคุณหญิงท่าน ตาย ๆ ผมก็ลืมไปเลยนะ พี่เอย์เคยบอกว่างานนี้เป็นงานรวมญาติแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีไอดอลคนโปรดของผมมาด้วยสิ หึหึ ดีแล้วพี่ซีซ่าร์นั่งคุยต่อเลยครับผมคนนี้จะนั่งมองพี่จากจุดนี้เอาให้เต็ม ๆ ตากันไปเลย
“เชิญรับเครื่องดื่มค่ะ”
เสียงพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นใกล้ ๆ ในมือเธอถือถาดที่มีแก้วเครื่องดื่มสีแดง ๆ ทรงสูงสวย เหมือนเธอจะยื่นให้ผมเลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งใบ
“อะ....เอ่อ ผมหยิบทานได้เหรอครับ”
“ทานได้ค่ะ เชิญหยิบเลยค่ะ” แหมเธอทำไมเสียงเพราะจัง ถึงจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ก็เถอะ
“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้เธอแล้วเลือกหยิบออกมาหนึ่งแก้ว พอเธอเดินออกไปผมก็เอาแก้วขึ้นมาดม ๆ นี่มันน้ำอะไรวะแดง ๆ กลิ่นแปลก ๆ นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกไวน์ที่พวกคนรวย ๆ ชอบกิน รสชาติมันจะเหมือนสปายขวดละสี่สิบบาทแถวบ้านผมป่ะวะ ลองชิม ๆ ดูดิ๊
อิ๊! ตลก รสชาติปะแล่ม ๆ ยังไงไม่รู้ แบบนี้เรียกอร่อยเหรอวะ ผมว่า....
“ทำหน้าอะไรน่ะครับ ตลกจัง”
“เย้ยย!!”
ผมตกใจเผลออุทานขึ้นมาอย่างดังจนคนที่เขากำลังทักต้องยกมือขึ้นอุดปากผมไว้ ไวน์สีแดงที่ผมถืออยู่กระฉอกไปมาดีนะไม่หกรดใส่เสื้อผ้า
“ห๋า!!!!!!!!!”คุณคงแปลกใจใช่ไหม ทำไมผมถึงอุทานอีกเป็นครั้งที่สอง จะไม่ให้ตกใจยังไงล่ะล่ะครับถ้าคุณรู้ว่าใครที่เป็นคนเข้ามาทักทายผมแล้วคุณจะตกใจยิ่งกว่าผมอีก
“ชู่ว์ อย่าเสียงดังสิครับ คุณย่าท่านไม่ชอบคนโหวกเหวก ไม่ร้องนะแล้วเดี๋ยวปล่อย”
ผมที่โดนมือหนา ๆ ปิดปากไว้รีบพยักหน้ารับแทบไม่ทัน คุณรู้ไหมใครที่กำลังพูดกับผม ใครที่ใช้มืออุดปากผม ใครที่กำลังชักสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ใกล้ ๆ ผม หน้าเราห่างกันแค่ไม่ถึงคืบเลยนะ
....พี่ซีซ่าร์.....
โอ๊ยยยตายๆๆ อย่าร้องไอ้ปิง อย่าร้อง
“มานั่งตรงนี้ดีกว่ามา ยืนรอเจ้าเอย์อยู่แบบนั้นเมื่อยตายพอดี”
“พะ.....พะ......” พี่ซีซ่าร์กำลังพูดกับผม
“ยังตื่นเต้นอยู่เหรอ นั่งตรงนี้หลบสายตาคนได้หน่อย วันนี้แขกเยอะมีแต่ญาติๆทั้งนั้น เจ้าเอย์คิดยังไงนะถึงให้เรามาด้วยแบบนี้”
“พะ....พะ....พี่...
“ค่อย ๆ กินสิครับ ใครเขากินกันแบบนี้ ไวน์มันต้องจิบ ค่อย ๆ จิบนะ ตลกจังไม่เคยกินเหรอ”
พี่เขาคงเห็นผมยกกรอกรวดเดียวหมดเลยบอกมาแบบนั้น จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ผมอยากพูดกับพี่ซีซ่าร์นะ แต่ผมพูดไม่ออกนี่หว่า หวังใช้ไอ้เครื่องดื่มนี่ย้อมใจ จะได้กล้า ๆ ขึ้นมาบ้าง ขนาดกรอกจนหมดแก้วคำพูดยังไม่ยอมออกมาเลย
“พะ...พี่....
ผั๊วะ!!!“เอ้า หายตื่นเต้นยัง”
“หาย-แล้ว-ครับ-พี่” ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ
ผมตอบหน้านิ่ง คุณรู้ไหมพี่ซีซ่าร์สุดหล่อของผมทำอะไร พี่เขาเล่นตบผั๊วะลงมาที่กลางหลังผมแบบเต็ม ๆมือ นี่ถ้าผมยังอมไอ้น้ำแดง ๆ นั่นอยู่ก็คงพุ่งพรวดออกมาทางเดิมแล้วล่ะ
“ตื่นเต้นทำไมครับ พี่ก็คนธรรมดานี่แหละ” ผมหันไปมองทันที อยากหยิกตัวเองฉิบหายไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยพี่ซีซ่าร์ไอดอลคนดังจะมานั่งคุยกับผมอยู่แบบนี้ แต่อาการตื่นเต้นค่อยลดลงหน่อยหนึ่งแล้ว มันช่วยไม่ได้นี่ครับผมปลื้มพี่เขามาเป็นปี ๆ พอได้มาพูดคุยด้วยตัวเป็น ๆ แบบนี้ผมยิ่งประหม่ามากเป็นธรรมดา
“ผะ....ผม ดีใจ”
“ฮ่าๆๆ รู้ครับรู้ ถ่ายรูปกันไหมล่ะ ปิงเอาโทรศัพท์ปิงมาสิ เดี๋ยวเราเซลก้ากันดีไหม”
“เฮ้ย! พี่รู้จักชื่อผมด้วยเหรอครับ” นี่ผมหูฝาดป่ะวะไอ้ปิงมึง อย่าร้อง อย่าร้อง พี่ซีซ่าร์เรียกชื่อมึงแล้ว อย่ากรรแสงอย่าร้องออกมาตอนนี้
“รู้จักสิ โทรคุยกับไอ้เอย์มันบ่นถึงเราให้พี่ฟังบ่อยออก”
โป๊ะเช๊ะ! ผมเพิ่งนึกได้ จริงสิวะ นี่ผมคุยเพลินจนลืมว่าผมมางานนี้กับคุณชายเอย์ แล้วผมมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออะไรอยู่ตรงนี้เนี่ยวะครับเนี่ย ป่านนี้ไม่รู้คุณชายผมออกมาจากกระโจมตรงนั้นแล้วหรือยัง จะรู้ไหมว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน
“ยังหรอก เอย์น่ะหลานคนโปรดของคุณย่า ถ้าได้เข้าไปคุยด้วยแล้วเนี่ย เป็นชั่วโมงแหละกว่าท่านจะปล่อยตัวมันออกมาได้” ผมเริ่มชะเง้อคอเมียงมองไปทางนั้น พี่ซีซ่าร์คงจะดูออกแหละว่าผมกำลังมองดูเจ้านาย
“เอ่อขอโทษนะครับ แต่ผมคิดว่าผมควรไปยืนอยู่ที่เดิมจะดีกว่า พี่เอย์สั่งให้ผมรออยู่แถวนั้นน่ะครับ”
แม้จะเสียดายที่ต้องขอปลีกตัวออกไป แต่เดี๋ยวคุณชายออกมาแล้วไม่เห็น ผมจะโดนน่ะสิ ยิ่งมันสั่งความกำชับไว้แบบนั้น พอบอกพี่เขาแล้วผมเดินแยกออกมาเลย พี่เขาก็เดินตามมานะ สรุปคือเรามายืนคุยกันต่อ แต่เป็นที่ ๆ ผมสามารถมองเห็นคุณชายของผมได้คือมันต้องอยู่ในสายตาผมและผมต้องอยู่ในสายตามันนั่นแหละพูดง่าย ๆ เผื่อเรียกหาขึ้นมาผมจะได้ไม่โดน(หักเงิน คึคึ) ตอนนี้เห็นมันมองมาทางผมด้วยแหละ อึ๋ยยย สายตาเหมือนคนกำลังต่อว่า นี่คงคิดว่าเมื่อกี้ผมหายไปไหนมาแน่ ๆ เลย
“ปิงอายุเท่าไหร่เหรอ” พี่เขาถามขึ้น
“19 ครับ”
“เด็กจังนะ พี่ถามได้ไหม ปิงรู้จักเอย์ได้ยังไงอ่ะ ทำไมถึงมาขับรถให้มันได้”
“อ๋อ ความจริงผมเป็นแค่คนทำความสะอาดห้องให้พี่เอย์น่ะครับ แต่บางวันก็เป็นคนขับรถบ้างคนถือของบ้างแล้วแต่พี่เขาจะใช้”
“อ้ออย่างงี้นี่เอง ก็แปลกใจอยู่นะ ปกติเอย์มันไม่ค่อยติดใครหรอก ไปไหนมาไหนคนเดียว พอมาเจอปิงอยู่กับมันสองครั้งแล้วพี่เลยสงสัยน่ะ นึกว่าเราเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่มหาลัยซะอีก แล้วเราเรียนที่ไหนล่ะ ยังเรียนอยู่รึเปล่า”
“เรียนครับ ผมเป็นเด็กช่างยนต์นะ เรียนที่......” ผมบอกชื่อวิทยาลัยออกไป
“เฮ้ยเด็กช่างเหรอเนี่ย น่ากลัวไปรึเปล่า หน้าไม่ค่อยให้เลยนะ”
“โถ่พี่ครับอย่าทำหน้าไม่เชื่อแบบนั้นสิครับ คนจะแมนๆที่ใจใช่ใบหน้า พี่คงเคยได้ยินใช่ไหมล่ะ”
ความจริงผมก็ไม่ได้หน้าสวยหวานจ๊ะจ๋าอะไรแบบนั้นเลยนะ แต่คนที่มองผมแต่ภายนอกเนี่ยชอบคิดว่าผมเป็นผู้ชายน่ารักอยู่เรื่อยไม่รู้ทำไม ผมก็สูงนะ คือเป็นผู้ชายธรรมดาแมน ๆ เลยคนนึงว่างั้นเถอะ แต่ผมแค่ขาวและหน้าตาเหมือนแม่มากไปหน่อย คุณต้องเรียกผมว่าหล่อถึงจะถูกต้องนะผมว่า นั่นแหละเป็นสาเหตุให้ผมต้องทำตัวโครตแมนเข้าไว้ ออกกำลังกายเตะบอลเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พูดจาโผงผางทำตัวกร่าง ๆ นิดหน่อยพวกเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเห็นจะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกผม
“โทษทีๆ พี่ก็ถามไปเรื่อย อย่าถือกันนะ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับถามได้ทุกอย่างเลย” เพราะเวลาพี่คุยกับผม ผมจะได้มองหน้าพี่นาน ๆ คึคึ
“แล้วว่าไง ตกลงจะถ่ายรูปกันไหมล่ะ ปิงเอามือถือขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้”
“ถ่ายๆครับถ่าย” โถถถถถถถโอกาสงาม ๆ แบบนี้ผมจะปล่อยให้หลุดมือไปเหรอครับ รีบล้วงมือถือขึ้นมา อายนิดหน่อยมือถือกากๆแต่ช่างหัวมันผมรีบเช็ดๆแล้วยื่นส่งให้พี่เขาทันที พี่ซีซ่าร์ใจดีมากเอนศีรษะชิดมาที่ผมแล้วกดแชะ ผมยิ้มหน้าแดงเลยสิครับได้ถ่ายรูปคู่กับขวัญใจผมทั้งที โหยยย คอยดูนะผมจะตั้งรูปนี้เป็นวอลเลยเอาให้พวกไอ้บาสไอ้วุฒิไอ้เปรี้ยวไอ้บลา ๆๆ มันอิจฉาผมเล่น คึคึคึ คิดแล้วมีความสุข
“เรานี่ตลกดีนะ คิดอะไรคงจะออกทางสีหน้าหมดเลยสิเนี่ย” ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอบไปหรอกครับ ทั้งดีใจปลาบปลื้ม เลยส่งยิ้มให้พี่เขาไป
(ต่อด้านล่างค่ะ)