ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose  (อ่าน 310531 ครั้ง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เมื่อไหร่จะลงเอยดีๆสักทีเนี่ย

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :m23:  มาติดตามครับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เดี๋ยวเย็นๆมาต่อให้นะจ๊ะ 
ลงเอยกันด้วยดีก็จบเลยดิ  อิอิ 

 :กอด1:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
พ่อตามาเอาเรื่องแล้วววววว ตายแน่ภาณุเอ๋ยยยย  :laugh:
รีบมาต่อให้ไวเลยป้าพิม  :oni1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มาตามสัญญาจ้า  ลุงนารท  :m14:

+++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ 16 Under The Rose: ความลับในความรู้สึก [Part3]

(Under The Rose สำนวนภาษาอังกฤษ แปลว่า เก็บให้เป็นความลับ)


ท่านนายพลพิภพนั่งเงียบกริบ ข้างกายท่านวางกระเป๋าเอกสารใบโต สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆทำให้ท่านนายพลอรุณเกรงใจสหายรัก

“เดี๋ยวจะถึงค่ายแล้ว...”

นายพลอรุณบอกกับชายหนุ่มร่างสูงซึ่งนั่งเคียงกัน บรรยากาศเคร่งขรึมจึงเบาบางลง พันเอกชานเนนผงกศีรษะรับรู้ มองออกไปนอกหน้าต่างเฮลิคอปเตอร์ ผืนป่าเขียวชอุ่ม มีแม่น้ำทอดตัวคดเคี้ยวเลี้ยวเลาะสุดลูกหูลูกตา ไกลลิบๆเป็นภูเขาตระหง่านต่อกันเป็นทอดๆ เสียงใบพัดดังพั่บๆแหวกอากาศ การสนทนาน่าจะจบลงด้วยดีหากนายพลพิภพไม่ถามคำถามที่ชวนให้ตึงเครียด

“แน่ใจนะอรุณว่าธารอยู่ที่ค่ายจริงๆ”

สีหน้าของท่านนายพลพิภพเอาจริงเอาจัง นายอรุณผงกศีรษะช้าๆ เสียงทอดถอนใจราวกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ

“ไปถึงค่ายขอให้ค่อยๆพูดกันนะ”นายพลอรุณพยายามไกล่เกลี่ย

“จะพยายามยาม”

อดีตเสือตอบเป็นกลาง คนฟังชักกลุ้ม เครื่องบินลดระดับต่ำ กลิ่นอายความตึงเครียดยิ่งประทุ

“มองเห็นค่ายแล้วครับ”

พันเอกชานเนนสัมผัสถึงความอึดอัด บอกกับทหารชั้นอาวุโส จนกระทั่งเครื่องจอด ท่านนายพลทั้งสองลงไปก่อนตามด้วยพันเอกหนุ่มแห่งพม่า

“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฉันส่วนหนึ่ง หากจะโทษ โทษฉันเถอะนะพิภพ ที่คนแก่ๆคิดน้อยเกินไป”

นายพลอรุณว่า ออกโรงปกป้องลูกน้องเต็มที่

“ถ้าจะโทษล่ะก็... ฉันคงโทษไอ้บัดซบที่ยืนอยู่ตรงนั้นมากกว่า”

ท่านนายพลพิภพว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ท่านจ้องหน้าผู้มาต้อนรับซึ่งแต่งตัวเต็มยศ หนึ่งในนั้นมีร่างของร้อยเอกภานุยื่นนิ่ง และยกมือวันทยาหัตถ์เมื่อท่านนายพลอรุณพร้อมคณะเดินเข้าใกล้ ชายหนุ่มยืนตัวตรงทำความเคารพเมื่อผู้บังคับบัญชามาทักทายสวัสดี ท่านนายพลอรุณกล่าวทักทายกับผู้พันมีทรัพย์ แนะนำนายพลพิภพและผู้พันชานเนนซึ่งจะมาประสานงานเรื่องของร้อยเอกธีรเดช

“ทางผมได้รับหนังสือแจ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ”

ผู้พันมีทรัพย์ตอบก่อนเชื้อเชิญนายทหารชั้นสูงทั้งสองเข้าไปภายในค่าย ผู้พันมีทรัพย์เป็นฝ่ายนำ ขณะที่นายพลอรุณเดินผ่านทหารยศสัญญาบัตรและชั้นประทวนที่ออกมาต้อนรับ ท่านยิ้มให้ภานุซึ่งทำหน้าเรียบเรียบเมื่อเดินผ่าน ผิดกับสายตาของท่านนายพลพิภพซึ่งลุกโชนด้วยไฟแห่งความชัง ภานุไม่หลบสายตาที่จะฉีกเนื้อ สบมองตรงๆ ท่านนายพลกลับเดินผ่าน ภานุจึงลดมือลง เดินตามคณะต้อนรับเข้าไปภายในห้องรับรอง ผู้บังคับบัญชาการเริ่มพูดคุยเรื่องงาน ภานุยืนฟังเงียบๆ ผู้พันชานเนนเข้ามาคุยด้วย

“ได้ข่าวว่าหมอธารมาที่นี่ ไม่ทราบว่าเขาพักที่ไหนหรือครับ?”

พันเอกชานเนนพูดสุภาพ ด้วยรอยยิ้มและดวงตาอ่อนโยนผิดกับลักษณะทหารหาญ ภานุมองดูชายหนุ่มซึ่งถามแบบผู้ดี

“พักอยู่ในโรงพยาบาลในค่ายนี้ครับ”

ตอบกลับพร้อมส่งสายตาเย็นชา ผู้พันชานเนนมองดวงตาฉายแววไม่พอใจเด่นชัด จึงพรูลมหายใจ

“คุณหมอธารคงสบายดี ออกมาทั้งๆที่ป่วยผมเป็นห่วงเหลือเกิน”คำเสียงแฝงความอ่อนโยน

ภานุฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจกับท่าที ‘ผู้ดี’ผิดกับเขาซึ่ง ‘เถื่อน’ไม่น่ามีอะไรพิสมัย

“คุณหมอสบายดีครับ”ชายหนุ่มตอบกลับเรียบเฉย จ้องนายทหารชั้นสูงที่ปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด

“สายรายงานมาว่า พบร่องรอยการต่อสู้สุดท้ายอยู่ตรงนี้ครับ”

ผู้พันมีทรัพย์ชี้นิ้วลงบนแผ่นที่อธิบายให้ท่านนายพลทั้งสองฟัง

“เรื่องนี้เป็นปัญหาของสองประเทศ ทางพม่าได้ส่งพันเอกชานเนนมาเป็นตัวแทนในการประสานงานการทำงานครั้งนี้”

นายพลพิภพหันไปทางพันเอกชานเนน ผู้พันหนุ่มก้าวเข้าไปในวง อธิบายถึงการมาปฏิบัติงานร่วมกัน ใช้เวลาอธิบายสั้นๆ พอเสร็จสิ้น นายพลอรุณและนายพลพิภพลุกขึ้น

“จะพักอยู่ที่นี่ช่วยเตรียมห้องให้ที ”

นายพลพิภพขอ ซึ่งผู้พันมีทรัพย์สั่งให้คนตระเตรียมทันที

“ไม่ไปพักที่ค่ายใหญ่รึ?”นายพลอรุณถาม

“ไม่ จัดที่พักให้แก่พันเอกชานเนนด้วย”

นายพลอรุณไม่อาจขัดใจเพื่อนรักได้ รู้ว่ากำลังข่มความโกรธเรื่องต้นธาราไว้เพราะกำลังอยู่ในหน้าที่ จึงสั่งลูกน้องตระเตรียมห้องให้แก่พันเอกชานเนน

“ขอเชิญพันเอกชานเนนพักผ่อนตามสบายนะครับ”

ผู้พันมีทรัพย์เอ่ย พันเอกหนุ่มจากพม่ายิ้มให้อย่างเป็นมิตร เดินตามผู้พันมีทรัพย์ไป เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในห้องรับรอง

“คงสบายดีนะพ่อหนุ่ม”นายพลพิภพทักทายภานุ ข่มน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

“ครับท่าน”ชายหนุ่มตอบสั้นๆ

“ได้ทำอะไรธารหรือเปล่า”ท่านถามเข้าเรื่องตรงๆ จ้องเหมือนค้นหาความจริง นายพลอรุณยืนควบคุมสถานการณ์ห่างๆ ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร

“รู้ไหมว่าธารเขามีเวลาไม่มากแล้ว ยังจะดึงดันรั้งเขาไว้อีกทำไม?”

ภานุก้มหน้าลงเล็กน้อย “ผมทราบดีครับ....”

“ทราบงั้นรึ? ทำไมถึงยังทำแบบนี้อีก ปล่อยธารให้เป็นอิสระได้แล้ว เขาเหนื่อยพอแล้ว”น้ำเสียงของนายพลพิภพลดต่ำลง

“ผมโกหกตัวเองไม่ได้ว่าผมรักธาร เพราะผมทำเขาเจ็บมามากพอแล้ว...เวลาที่เหลือ ผมจะชดใช้ให้ธาร”

สีหน้าของท่านนายพลพิภพเข้มขึ้น โกรธจัด

“ธารอยู่กับแกมากเท่าไร ธารก็จะเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม ถ้าแกยังรักชีวิตและอนาคตอยู่ ก็จงเอามือสกปรกๆของแกออกไปจากธารซะ”ท่านนายพลยื่นคำขาด

ชายหนุ่มดึงดั้น ดื้อแพ่งไม่ยอมแพ้

“เฮ้ย...มากเกินไปไหมพิภพ เด็กมันพูดเข้าใจกันแล้วจะให้แตกหักอะไรกันอีก”

นายพลอรุณไกล่เกลี่ยทันทีเมื่อนายพลพิภพใช้ไม้แข็ง

“เรื่องมันน่าจะจบลงไปตั้งนานแล้ว ถ้าแกไม่เห็นแก่ตัว!”นายพลพิภพกล่าวเยือกเย็น

ร้อยเอกหนุ่มเถียงกลับทันใด

“เมื่อก่อนผมเป็นเช่นนั้นจริง ต่อจากนี้ไปผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด”ดวงตาคมกล้าฉายแววเอาจริงเอาจัง

“ดูแลงั้นเรอะ? แกมีปัญญาอะไรดูแลธาร ถ้าแกอยากทำนัก เมื่อก่อนไม่ทำล่ะ”

ท่านพลพิภพปรามาสจนภานุสะอึก

“ถ้าแกจริงจังมากกว่านี้ตัวฉันเองก็อาจจะไม่โกรธ เพราะโกรธคนอย่างแกไปแล้วมันไม่ได้อะไรขึ้นมา แกไม่สมควรพูดว่าจะดูแลธาร จำเอาไว้หากแกเข้าใกล้ลูกฉันเมื่อไร แกได้ตายด้วยคมกระสุนฉันแน่”

นายพลอรุณตบบ่าชายหนุ่มที่ยืนทื่อเมื่อนายพลพิภพเดินออกจากห้องไป

“นายพลพิภพโกรธเรื่องที่ลักพาตัวธารออกมาจากโรงพยาบาล ยังดีที่แกไม่หัวกุด”ท่านว่าแค่นั้นก่อนอวยพรให้ “พยายามแล้วกัน ฉันก็สงสารแกกับหนูธารอยู่หรอก คงปรับความเข้าใจกันได้แล้วใช่ไหม?”

ภานุผงกศีรษะอย่างเลื่อนลอย

“ขอบคุณครับที่ท่านนายพลอรุณช่วยเหลือโดยตลอด”

มือหนาตบแผ่นหลัง นายพลอรุณตามเพื่อนสนิทซึ่งโกรธกริ้ว ส่วนชายหนุ่มยืนนิ่ง นายพลพิภพไม่พูดอะไรมาก หากทุกคำพูดราวกับเป็นเข็มทิ่มแทงใจจนเจ็บ มันเหมือนกรรมสนอง คนที่เคยไล่ตามเขาตลอด คอยให้หันมอง แม้ว่ารู้ดีต้องเจ็บช้ำยังจะไล่ตามเมื่อเขาไม่แลเหลียว ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายต้องไล่ตามต้นธารา คำสั่งของนายพลเด็ดขาด ภานุรู้ดี ถ้าเขาเสี่ยงที่จะละเมิดคำข่มขู่ รับรองว่าเขาหมดอนาคตในหน้าที่การงานแน่ และก็คงได้ตายคาคมกระสุนของท่านพลพิภพจริงๆ

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ต้นธาราลุกขึ้นอย่างงัวเงีย สีหน้าซีดเซียว มองตามต้นแขนพบว่ามันเป็นรอยห้อเลือดเป็นจ้ำๆ แตะรอยช้ำเบาๆ เอนหลังพิงหัวเตียง คุณหมอหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา เหลียวมองร่างใหญ่ แต่แล้วก็ถอนใจเฮือกที่ถูกปล่อยเอาไว้คนเดียว ขณะแต่งตัว ร่างของผู้กองปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าเครียดๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

คุณหมอถามเมื่อเห็นร่างสูงแต่งตัวเต็มยศทรุดนั่งข้างๆตน ดวงตาของผู้กองดูแปลกไป ภานุพิศมองดวงหน้าซีด มือหนาแตะผิวแก้มเย็นเฉียบ ก่อนกอดเอาไว้แนบแน่น

“อะ..อะไร”คุณหมอถามอย่างสงสัย ต้นธาราเป็นฝ่ายดึงตัวผู้กองหนุ่มออก มองใบหน้าคร้ามเข้มที่ทำสีหน้ากังวลใจ

“พ่อของคุณมา”ชายหนุ่มเพียงกล่าวสั้นๆ มองใบหน้าขาวซีด

“อะไรนะ? พ่อผมมาหรือ ท่านอยู่ไหนล่ะ”คุณหมอถาม ดวงตาฉายความไม่สบายใจสักเท่าไร

“ตอนนี้อยู่ที่ค่าย คุณจะไปหาท่านเลยไหม”

ต้นธารามองสภาพตัวเอง มันคงกระอักกระอ่วนใจเมื่อต้องไปเผชิญหน้าบิดาในสภาพนี้

“ขอผมแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน”

คุณหมอพยายามลุกขึ้น หากอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ ยังดีที่ได้ร่างไว้เป็นหลักพักพิง ภานุโอบประคองคนอ่อนแรง

“ขอโทษ หน้ามืดไปหน่อย”

ภานุประคองต้นธาราขึ้น ช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่ งชายหนุ่มก็สังเกตเห็นรอยเขียวช้ำตามแขนและร่างกายบางส่วน คุณหมอเงียบงัน มือหนากุมต้นแขนเขียวช้ำเบาๆ

“ไม่ต้องห่วง มันเป็นเรื่องปกติ”ต้นธารายิ้มอ่อนๆ มองมือที่ลูบไล้เบาๆ

“มันไม่เจ็บหรอก รีบเถอะ พ่อผมคงคอยแย่”

ภานุกอดร่างต้นธาราเอาไว้ สัมผัสของอ้อมแขนช่างมั่นคง หนักแน่น ต้นธาราซบหน้าลง

“มีเรื่องทุกข์ใจก็บอกมาเถอะ”

ภานุคลายอ้อมกอดหลวมๆแล้วเป็นฝ่ายซบหน้าอกต้นธาราแทน ไม่พูดอะไรออกมาเลยได้แต่ซบอยู่บนหน้าอกแบบบางคล้ายหาไออุ่นในวันที่เหน็บหนาว คุณหมอยิ้ม โอบศีรษะภานุเอาไว้ในอ้อมแขน ลูบท้ายทอยชายหนุ่มอย่างใจลอย

“ผมกลัวว่าจะเสียคุณไป”

ร้อยเอกหนุ่มกอดต้นธาราเอาไว้ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นทรายที่สามารถปลิวหายตามสายลม กลัวจะจมอยู่ในความโศกเศร้า มือลูบไล้แผ่วเบาคลายออก

“หัวใจผมอยู่ที่นี่...จะไม่ไปไหนเด็ดขาด” กระซิบแผ่ว ดั่งคำมั่นสัญญา


------------------------------------------------

ภานุและต้นธารา เดินอย่างเร่งรีบไปคู่กัน จนถึงที่พักของท่านนายพลพิภพ ลุงอรุณรออยู่หน้าบ้านเห็นผู้เป็นหลานกับร้อยเอกหนุ่มเดินเคียงกันมา ลุกขึ้นต้อนรับทันที

“สวัสดีครับลุงอรุณ สวัสดีครับคุณพ่อ”

ต้นธาราไหว้ลุงอรุณและบิดาที่นั่งมองหน้าบุตรชายอย่างเย็นชา

“อาการของเราคงไม่กำเริบนะ”นายพลอรุณถามต่อ จับต้นธารานั่งเก้าอี้ใกล้ๆท่าน

“ผมสบายดีครับคุณลุง”

บิดากระแอม ทำให้นายพลอรุณไม่อาจกางปีกปกป้องต้นธาราได้เต็มที่

“รู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความเดือดร้อนมากแค่ไหน?”

นายพลพิภพถาม ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ สายตาของนายพลพิภพตวัดมองภานุโดยเฉพาะ

“ธาร...พ่อห่วงลูกมากแค่ไหนรู้บ้างหรือเปล่า”

ต้นธารานั่งนิ่งกระสับกระส่าย บิดาลุกขึ้น เดินเข้ามาใกล้บุตร

“ลูกโตแล้ว เรื่องบางเรื่องลูกน่าจะรู้ดี โดยที่พ่อไม่ต้องบอกนะธาร”

บิดากล่าวเสียงเรียบเช่นเคย ซึ่งลูกชายมิปริปากเลยสักคำ

“ลูกรู้ว่าลูกป่วยเป็นโรคร้าย ขาดการรักษาไปจะเป็นเช่นไร ไม่รักตัวกลัวตายบ้างรึไง ความรักมันเหนือกว่าชีวิตแกรึไง?”

บิดาพยายามข่มอารมณ์เต็มที่ ไม่ให้โกรธบุตรมากนัก แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

“พิภพ...พอเถอะ แกจะกดดันลูกไปถึงไหนกัน”

นายพลอรุณกล่าว นายพลพิภพตวัดมองด้วยแววตาคมกล้า

“เงียบเถอะ! เพราะความใจดีนี่แหละ เจ้าธารถึงได้เหลวไหลแบบนี้”

บิดาเหลือบมองบุตรชายซึ่งก้มหน้าสลด นายพลอรุณไม่อาจสอดได้อีก ท่านได้แต่ถอนใจมองผู้เป็นหลานถูกตำหนิ

“ผมขอโทษครับพ่อ”

ต้นธาราบอกด้วยน้ำเสียงเสียใจจริงๆ บิดากำมือไว้ก่อนคลายออก ฝ่ามือหนาหนักกระทบไปบนแก้มต้นธารา ไม่มีใครคาดคิดว่าท่านนายพลจะทำ เสียงดังเพี๊ยะแหวกอากาศ ต้นธารานิ่งงัน เมื่อมือของนายพลพิภพลดลง มือบางแตะแก้มตัวเองทันที ไม่เจ็บแต่มันชาไปถึงขั้วหัวใจมากกว่า

“ลูกบอกขอโทษ ทำไมลูกไม่ทำตัวให้มันดีล่ะ”

“ไม่ใช่ความผิดของธารหรอกครับ ผมผิดเอง ถ้าจะโทษก็โทษผม”ภานุออกโรงปกป้อง โดยยืนขวางท่านนายพลเอาไว้ ต้นธาราลดมือลง แก้มซีกนั้นแดงทันที

“ช่างเถอะครับผู้กอง ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของผมด้วย การที่พ่อทำแบบนี้มันสมควรแล้ว”

“คุณก็เช่นกัน เป็นถึงหัวหน้าหน่วย เป็นถึงหัวหน้าหน่วยลาดตะเวนแต่การกระทำของคุณมันไม่สมกับตำแหน่งที่ว่าเลย พาธารที่อยู่ในระหว่างการรักษาออกมา มันควรแล้วหรือที่จะทำ มันเป็นการกระทำซึ่งผิดด้วยวินัยและกฎหมาย คุณย่อมทราบข้อนี้ดีแก่ใจ”ท่านตำหนิรุนแรง

ภานุยืนตัวตรงรับคำตำหนิ ดวงตาดุจตาเสือข่มภานุเอาไว้ นายพลอรุณมองภานุ ส่ายหน้าเพราะสอดไปตอนนี้คงทำให้เรื่องแย่ลง

“คำสั่งที่สั่งไป ขอให้ปฏิบัติด้วย”ท่านเอ่ยเรียบๆหากเย็นเยียบ

ต้นธารามองอย่างสงสัย ภานุกัดปากทันที

“ผมไม่อาจทำได้ครับ ต่อให้ผิดวินัยหรือผิดกฎหมาย ผมก็ไม่เลิกกับคุณหมออย่างเด็ดขาด!”

คราวนี้เสือเฒ่ามองใบหน้าสิงห์หนุ่มเขม็ง

“ผู้กอง....ขอพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น...คุณน่าจะรู้ดีว่าคำสั่งของผู้บังคับบัญชาการสำคัญเพียงใด หากไม่ปฏิบัติตาม คุณซึ่งเป็นทหารกว่าจะเลื่อนยศมาเป็นร้อยเอกได้คงทราบดีว่า ผลของการประพฤติตนขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นเช่นไร?”

ภานุรู้ผลดี เขายังเป็นทหารยศต่ำ หากอยากมีอนาคตไกลต้องนอบน้อม เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซื่อสัตย์จงรักภักดี แต่ตอนนี้เขาทำแบบนั้นไม่ได้

“ผมทราบดีครับท่าน ชีวิตผมจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอให้อยู่เคียงข้างคุณหมอก็พอ”ภานุตอบฉาดฉาน ดวงตาของผู้กองมองต้นธาราที่กำลังนั่งอึ้งกับคำขาดที่ชายหนุ่มได้พูดออกไป

“ผู้กองภานุ!”

ต้นธาราร้องเรียก ชายหนุ่มยิ้มให้ราวกับว่าได้ตัดสินใจดีแล้ว

“ผมตัดสินใจดีแล้ว....”

ภานุหันมาเผชิญหน้ากับนายพลพิภพซึ่งกำลังยิ้มตรงมุมปาก

“สมแล้วที่ผู้กองได้ชื่อว่าเป็นคนเด็ดขาด ยอมหักแต่ไม่ยองอ การที่ผู้กองรับผิดชอบย่อมเป็นเรื่องดีแต่สิ่งที่ทำให้ไม่พอใจที่สุด คือการกระทำที่ผ่านมา ผู้กอง...แน่แล้วหรือที่คุณจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด เพียงเพราะว่ารู้สึกต้องรับผิดชอบ ?”

คำถามนี้ทำให้ภานุกำมือแน่น การที่ท่านนายพลกล่าวเช่นนี้คือการไม่เชื่อใจ และเยาะหยัน

“ผมพูดจริงทุกคำ!”ภานุยืนยันเสียงกร้าว

“ดี !”

เพียงคำสั้นๆที่เอ่ยออก หมัดของเสือเฒ่าปะทะกับใบหน้าของสิงห์หนุ่มทันที จนภานุหน้าหัน เลือดไหลปรี่ออกจากจมูกและมุมปาก

“ผู้กอง...นี่เป็นการลงโทษขั้นเบาะๆ จำใส่หัวไว้ซะ”

ท่านนายพลหมุนกายกลับเข้าห้อง ภานุแตะปาก ซึ่งคงกินน้ำพริกไม่ได้ไปอีกหลายวัน ต้นธาราเข้ามาดู หมัดหนักหน่วงปะทะใบหน้ากร้านตรงๆ เลือดกำเดายังไหลไม่หยุด คุณหมอสั่งให้เงยหน้า หาผ้าเช็ดหน้าวุ่น ผู้ที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าเป็นท่านนายพลอรุณ

“โชคร้ายหน่อยนะผู้กอง”

ภานุสบถเมื่อมือนุ่มแตะขอบปากแรงไปหน่อยเพราะมือไม้สั่น ต้นธารามองใบหน้าของคุณลุงอย่างหวั่นวิตก

“ใจเย็นก่อนนะธาร พ่อคงไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก แกเป็นห่วงและกลัวเท่านั้นว่าธารจะเป็นอะไรไป”

ลุงอรุณปลอบใจ ต้นธาราลุกขึ้น ประคองชายหนุ่มนั่งบนโต๊ะ

“โอ้...เลือดสีแดงสดจัง กรุ๊ปอะไรรึ”

ท่านนายพลอรุณพยายามสร้างสถานการณ์ให้เริงร่า ชายหนุ่มตอบอย่างลำบากยากเย็น

“กรุ๊ปบีครับ”

มือที่เช็ดเลือดให้ชะงัก ต้นธารามองใบหน้าชายหนุ่มทันที

“กรุ๊ปเดียวกันเลย”

คุณหมอเอ่ยอย่างไม่คิดอะไรมากนัก หากนายพลอรุณได้ฟัง ความหวังที่ริบหรี่เริ่มมีแสงแห่งความหวัง.....โอกาสแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น หากได้พิสูจน์ล่ะก็... ทั้งสองไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในแววตาของนายพลอรุณ

“นี่จะเป็นแค่ความบังเอิญรึ?”

นายพลอรุณพึมพำกับตัวเอง แม้มันจะมีโอกาสน้อย...แต่ก็เป็นความหวังริบหรี่ที่น่าจะยอมเสี่ยงดู


“ลุงอรุณมีอะไรหรือเปล่าครับ”ต้นธาราถาม ลุกขึ้นเพื่อนำผ้าเปื้อนเลือดเป็นด่างดวงออกไปซัก

“เพิ่งรู้ว่าผู้กองมีกรุ๊ปเลือดเดียวกับธาร....ผู้กองช่วยไปตรวจไขกระดูกได้ไหม? ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ไขกระดูกของผู้กองตรงกับหนูธารล่ะก็...ธารคงมีโอกาสหายจากลูคีเมีย ”

ภานุยืนนิ่งด้วยความตะลึง...โอกาสที่ธารจะหายมีจริงๆรึ?

คุณหมอไม่ได้ยินประโยคเล่านี้ พอกลับมาอีกทีก็เห็นภานุยิ้มกว้าง ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายจนคุณหมอสงสัย

“ธารไปเอาน้ำมาให้หน่อยไป๊”นายพลอรุณไล่

ต้นธาราจึงยอมไปง่ายๆแม้จะข้องใจ

“แต่มันอาจจะแค่ห้าสิบ-ห้าสิบ หากไขกระดูกไม่ตรงกันเป็นอันว่าล้มเลว”

สิ่งที่ทำให้ผู้กองหนุ่มหวาดหวั่นเกาะกุมจิตใจอีก...กลัว...เปอร์เซนต์แห่งปาฏิหาริย์จะมีสักกี่เปอร์เซนต์กัน?

“ถึงจะได้ผลยังไง ผมก็อยากจะลองครับ แม้ว่ามันจะไม่มีหวังเลยก็ตาม!”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ท่านนายพลมองใบหน้ามุ่งมั่น ไว้วางใจเพราะต้นธาราก็มีคนดูแลที่ไว้ใจได้อยู่จริงๆ เหลือแค่เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันตราบนิจนิรันดร์ หรือฝ่ายต้นธาราจะจากลาโลกนี้ไปก่อน เพียงความคิดนี้ก็ทำให้ใจของท่านเย็นเยือก

“เดี๋ยวฉันขอตัวไปคุยธุระกับนายพลพิภพก่อนนะ”

ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งเงียบๆ ต้นธาราเห็นคุณลุงเข้ามาภายในบ้านก็แปลกใจอีก

“อ้าว...น้ำครับ”

นายพลชราบอกให้ยกไปให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างนอก พอต้นธารายกออกมาให้ชายหนุ่ม เห็นสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นสักครั้งบนสีหน้าของคนรัก สีหน้าอมทุกข์เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ มันทำให้ต้นธารากังวลไม่น้อย ต้นธาราเดินไปหาอย่างเงียบๆ พอวางแก้วน้ำให้ ภานุก็กุมมือเย็นเฉียบไม่ยอมปล่อย

“เป็นอะไร วันนี้คุณดูแปลกๆไปนะ”

คุณหมอตัดสินใจถาม ภานุบืบมือของต้นธาราแรงจนเจ็บ...ขอให้เขารู้ว่าที่ตรงนี้มีคุณหมอผู้เป็นสายน้ำใสเย็นเคียงข้างตอนนี้ก็พอ ในใจของภานุร่ำร้องอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพิ่งรู้ว่าจะเสียสิ่งสำคัญมันรู้สึกเจ็บ ทั้งที่อยู่ใกล้ก็เหมือนกับไกล รอยยิ้มอ่อนโยน...เขาจะได้เห็นอีกนานเท่าไร ได้แต่กลัวฝันร้ายที่ยังมาไม่ถึง กลัว...จนไม่กล้าปล่อยมือต้นธาราอีกต่อไป

------------------------------------------------

Siri_nan

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้สนุก ชอบจ่ะ
นิยายของเรนสนุกหมด ชอบง่ะ

ขอบคุณ โม มูมู่น้อยที่เอามาลงในเล้าเป็ด  o15

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
รอปาฏิหาริย์น่ะครับ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
บทสรุปเรื่องนี้จะออกมายังไงนะ... Happy หรือ Sad ...
ขอบคุณมูมู่สุดสวย(เค้าไม่เรียกตัวเองป้าแล้วน๊า...อย่ามาเรียกเค้าลุงด้วย)  :a14:
 :pig4:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ


ท่าทางกดดันนะนั่น...ผุ้กอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ขอซื้อปาฏิหาริย์ให้ธารได้มั้ยค่ะ ที่ไหนมีขาย  o7

tsuya

  • บุคคลทั่วไป
หายสิ ยังไงธารก็ต้องหาย  :a2:

pupper

  • บุคคลทั่วไป
ผมหวังว่าปาฏิหารย์คงมีจริงนะครับ หากผู้แต่งไม่ใจร้ายจนเกินไป
 ความรักเป็นครึ่งชีวิตของกันและกัน
แต่การปลูกถ่ายไขกระดูกเนี่ยจะกลายเป็นชีวิตของกันและกัน
จะได้เติมเต็มความรักโดยไม่ต้องมีอุปสรรคใดใดมาขัดขวางอีก
หวังว่าปาฏิหารย์คงมีจริงๆ อย่าแกล้งคนอ่านเลยนะครับ กลัวรับความผิดหวังไม่ได้
อีกคู่ก็กำลังง่อนแง่น มาต่อไวไวนะครับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ปาฏิหารย์มีรึเปล่า  มี (มั้ง) 5555
รออ่านกันต่อจ้า  ขอบคุณที่เม้นต์

++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ 17 L'honneur - L'amour: เกียรติยศ กบฏหัวใจ [Part 1]


พอได้ยินชื่อที่บีบคั้นหัวใจ กิ่งไผ่พูดอะไร เขานั่งหันหลังให้ เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น ธีรเดชนั่งนิ่งเฝ้ามองแผ่นหลังเครียดขมึง

“คุณธารเขาเป็นใคร”

กิ่งไผ่อดถามไม่ได้ ใบหน้าเฉยชาราวกับหยาดน้ำค้างเกาะตามดอกไม้ เยือกแข็งและหงอยเหงา ธีรเดชซึ่งนั่งมองหน้าคนสวยอย่างคลางแคลงใจเม้มปากแน่น คำพูดที่เอ่ยถามผิดวิสัยที่อีกฝ่ายเป็น แล้วเขาจะตอบเช่นไรดี สายตาจับจ้องดวงตาสีดำจ้องมองราตรีกาล

“คุณอยากรู้ไปทำไมว่าเขาเป็นใคร?”

ชายหนุ่มใช้ประโยคของอีกฝ่ายมาถาม กิ่งไผ่ตวัดสายตาคมกริบ มองแค้นขุ่น เขาเคยสงบ...ใช่ มันเคยเป็นแบบนั้น แล้วมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน เมื่อไร กิ่งไผ่ก่นด่าตัวเอง ยิ่งมองเค้าโครงของความอ่อนโยน ยิ่งปวดร้าวลึกลงในวิญญาณ เขาควรจะตอบอย่างไรดี ใจหนึ่งอยากจะรู้แต่ใจหนึ่งก็กลัวเสียศักดิ์ศรี

“ผมจะพูดเรื่องที่คุณอยากรู้ให้ฟังแลกกับเรื่องของคุณ”

ธีรเดชต่อรอง ชายหนุ่มมองเข้าไปในแววตา รู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายกระหายที่จะรู้มากเพียงใด และเขาก็กระหายที่จะรู้อีกด้านของกิ่งไผ่เช่นกัน...คนที่มีปริศนาลึกลับ ซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ กิ่งไผ่ได้ฟังคำพูดของทหารหนุ่มจากไทยยิ้มเยาะทันใด

“ค่าความลับผมมีค่าเท่ากับความลับของคุณด้วยรึ”

ธีรเดชคำนวณเอาไว้ว่ามันต้องไม่สำเร็จง่ายๆแน่ๆ แต่ชายหนุ่มก็คิดใคร่ครวญอย่างระมัดระวัง


“จริงอยู่ที่ค่าความลับของผมอาจจะไม่เท่าของคุณ แต่สายตาของคุณก็อยากรู้อยู่ดีว่าคนที่ผมพูดถึงเขาเป็นใคร....”

กิ่งไผ่หน้าชา จริงอย่างที่นายหนุ่มจากไทยเอ่ยว่าเขาต้องการรู้ว่าคนที่ธีรเดชเอ่ยถึงเป็นใครและคนที่พูดถึงด้วยความคะนึงหาถูกเอาไปเปรียบเทียบกับตัวกิ่งไผ่เอง...มันเป็นใคร...ยิ่งใกล้ความจริงที่ไม่ชวนนึกฝันไปทุกทีๆ ธีรเดชสังเกตความแปรเปลี่ยนบนใบหน้า แสดงอารมณ์มากขึ้น สมกับเป็นมนุษย์มากกว่าเครื่องจักรสังหารเหมือนชั่วโมงก่อนหน้านี้

“เขาเป็นคนที่ผมรู้จักมานาน...”

จู่ๆชายหนุ่มก็เริ่มต้น กิ่งไผ่หูผึ่ง...พูดถึงเขาไม่ใช่เธอ คนๆนั้นเป็น....ร่างกายแข็งทื่อ ธีรเดชระบายรอยยิ้มอ่อนๆ

“ผมรักเขาแต่มันก็ไม่สมหวัง เขาเป็นลูกของท่านนายพลที่สมัยก่อนผมเคยรับใช้ท่าน ธาร....หรือต้นธาราเป็นคนที่นุ่มนวล ใจดีและดูอ่อนแอแต่ธารเป็นคนรักใครแล้วรักจริง...และใจแข็ง...เหมือนคุณ”

ธีรเดชเงียบไป กิ่งไผ่มองมือมอมแมมตัวเอง

“คงเป็นคนสวยสินะ”

ธีรเดชไม่ปฏิเสธ

“สวย...อ่อนโยน น่าปกป้อง เสียดายที่ผมไม่ใช่คนที่เขารัก ”

ดวงตาของธีรเดชฉายความเจ็บปวดชัด กิ่งไผ่เงียบงัน ดวงตาของธีรเดชสื่อว่ารักจริงและไม่มีวันไขว่คว้าคนที่หมายปองเข้ามาในอ้อมอกได้

“คนที่ธารรักไม่ใช่ใคร เป็นอดีตครูฝึกของผม มีอนาคตแต่ไม่รู้ทำไมหมกตัวอยู่ในป่าในเขาไม่ยอมแสวงหาเกียรติยศ รึชื่อเสียง”น้ำเสียงบางเบา มือกดที่ปากแผลราวกับเจ็บปวด

“คุณเล่าให้ผมฟังทำไม ?”

กิ่งไผ่มือสั่นระริก ยิ่งกว่าถูกตบหน้า ยิ่งกว่าโดนฆ่าหรือเผชิญกับภัยอันตราย ธีรเดชเอนหลังพิงสบายๆ

“คุณอยากรู้...”คำพูดกระซิบไม่พ้นลำคอ แหบพร่า

“ไหนว่าแลกกับความลับของผมไง คุณพูดออกมาก่อนแสดงว่าผมต้องพูดด้วยสินะ?”

ร่างในความมืดถาม ธีรเดชส่ายหน้า

“ไม่จำเป็นหรอก...ผมแค่อยากระบายให้ใครสักคนฟังก็เท่านั้นเอง อย่างที่คุณพูดความลับของผมมันไม่มีค่าหรอก”

ริมฝีปากกิ่งไผ่เม้มเหมือนเศร้าหมอง

“มันมีค่าสำหรับผม....”

'ความอ่อนโยน'... กร่อนทำลายลงช้าๆ จากคนที่เคยคิดว่าไว้ใจได้ ทำไม....ทำไม...เหมือนกับทำร้ายกันทางอ้อม

“ที่คุณพูดนี้ต้องการหมายถึงว่าผมกับเขาต่างกันสินะ”

ธีรเดชส่ายหน้า

“เหมือนต่างหาก เหมือนในความสวยงามและใจแข็งแต่ต่างกันตรงความอ่อนโยน”

ถล่มทลายลงช้าๆ...โลกของกิ่งไผ่ทลายลงต่อหน้า...โลกที่เขารู้จัก...คุ้นชิน...หนาวเย็น...และ...ไม่มีใคร

“คุณพูดแบบนั้นทำไม”เน้นเสียงหนักสุดท้าย

“กิริยาท่าทางของคุณมันทำให้ผมสงสัย....”

อดีตของเขา ความทรงจำเลวร้าย อาบเลือดไหลหลั่งรินครั้งแรกช้าๆ

“คุณเคยมั่นใจผม เคยไว้ใจตอนนี้คุณถอนมันออกแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น....ก็ฆ่าสิ ผมเคยบอกคุณแล้วว่างูเห่าตัวนี้เลี้ยงไม่เชื่อง”

สูดลมหายใจลึกๆ มองดวงหน้าที่เค้าคิดว่าอ่อนโยนเสมอมา ธีรเดชลุกขึ้นนั่ง มองดวงตาวาววับแปรเปลี่ยนช้าๆ สิ้นหวัง อ่อนแรง หยาดน้ำตาสุกใสกลิ้งจากดวงตาอาบแก้มขาวซึ่งเปื้อนดิน ชำระคราบเป็นทางยาว กิ่งไผ่ร้องไห้ เขาเพิ่งเคยเห็นคนๆนี้ร้องไห้ครั้งแรก! ธีรเดชทำตัวไม่ถูก กิ่งไผ่ปาดน้ำตาออก นานแล้วที่เขาไม่เคยร้องไห้ นับตั้งแต่เวียงนวรัฐะล้ม น้ำตาที่ไหลหลั่งริน กลั่นออกมาจากใจส่วนลึกที่ไม่อาจห้ามได้ มันเศร้า...เย็นชา น่าอึดอัด ในหัววาบหวิว คิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย ร้อง...โดยที่ไม่เสียง...เศร้า....ที่ไม่อาจบ่งบอกความรู้สึกออกไปได้ รอบกายเงียบกริบ แว่วเสียงสัตว์ป่ากู่ร้อง โหยหวน วังเวง

“คุณหงุดหงิดอะไร”

ธีรเดชข่มความเจ็บปวดลุกเข้ามาใกล้ กิ่งไผ่เอี้ยวหลบราวกับอีกฝ่ายเป็นเชื้อโรคร้าย

“คุณช่วยผมเพราะเป็นหน้าที่รึเปล่า คุณช่วยผมเพื่อต้องการคนนำทางออกไปยังเขตแดนไทยแล้วจับผม หักหลังนำเข้าคุกที่ไทยใช่ไหม !”

กิ่งไผ่ขึ้นเสียง ในวินาทีนี้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สิ่งที่เขาเคยไว้ใจ...ใช่...เขาเคยไว้ใจ ทำไมไม่ปล่อยให้ตายไปซะ...เขาไว้วางใจคนที่ไม่สมควรไว้วางใจมากที่สุด

“ที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้นตลอดเลยสินะ?”

กิ่งไผ่พุดน้ำเสียงกระชาก เขาเศร้าใจอะไร....ร้องไห้ทำไม หลั่งน้ำตาให้คนอื่นเห็นมันอ่อนแอชัดๆ แต่ตอนนี้ถึงด่าตัวเองมากเท่าไร ถึงสะกดกลั้นมากขนาดไหนก็ไม่อาจห้ามได้

มือหนายื่นมาใกล้โอบกอดด้วยสัมผัสนุ่มนวล แผ่วเบา...ความใจดีฆ่าเขาทิ้งอย่างช้าๆ...กิ่งไผ่ควรรักตัวเองมากกว่า... สัมผัสที่ชวนเหน็บหนาวมากกว่าอบอุ่น เขาควรจะอยู่ในอ้อมกอดแห่งเลือด ศักดิ์ศรี ความเป็นใหญ่มากกว่าจะมีความรู้สึกอ่อนไหว มองดวงตาฉ่ำด้วยหยาดน้ำตา แม้ปวดร้าวสักเท่าไร แม้อยากเก็บความรู้สึกที่ล้นเอ่อมากเท่าไรมันก็ทำไม่ได้

“ปล่อย...ผมไม่ใช่ต้นธาราอะไรของคุณ”

กิ่งไผ่บิดมืออก หลุดออกจากตัวอย่างง่ายดาย มองด้วยแววตาแวววับ

“ถ้าห่วงก็กลับไปดูแลคนของคุณเถอะ....”

ธีรเดชไม่อาจตามติดคนที่ลุกขึ้นเดินไปนั่งอยู่มุมมืดๆได้ บางอย่างมันห้ามไว้ บอกอย่าตาม เพราะถ้าตามคงได้ทำลายบางอย่างที่บอบบางลงช้าๆ

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
กิ่งไผ่มองความมืด เขามองมือของตัวเอง มันชุ่มเลือดมามากเท่าไร กิ่งไผ่ไม่เคยรับรู้ สิ่งที่เขามีคือการทำเพื่อชาติบ้านเมือง เขาเป็นบุตรชายของเวียงนวรัฐะอันเกรียงไกร องค์มนัสหยาผู้เป็นมารดาคอยยิ้มให้อยู่ใกล้ลิบๆถูกย่ำย่อยยับลง สิ่งที่เขากู้คืนเหมือนกับลมหายใจของเขา ตอนนี้ทั้งแค้นใจ ทั้งโศกเศร้าปะปนกันจนแยกความรู้สึกไม่ออก

...พ่อ...ไอ้ขิ่น...เมืองนวรัฐะ ทุกๆคนกำลังทรยศเขาอยู่หรือ แม้คนชิดใกล้ที่สุดยังหักหลัง....เขาโหยหาถึงบุคคลที่ทำให้หัวใจอันอ่อนล้าได้ลุกโชนด้วยแสงแห่งความหวัง ...


“พ่อ...”

กิ่งไผ่ถูกความเหงา รายล้อมกัดกิน

“ไอ้ขิ่นเอ็งพาพ่อฉันไปไหน แกกับพ่อปลอดภัยไหม คงมีเพียงเอ็งเท่านั้นละมั้งที่ยังชื่อสัตย์กับฉัน”

ภาพในอดีตภายในกองโจรซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองนวรัฐะ โอบอ้อมด้วยมิตรภาพ ความอบอุ่น...ครอบครัว...มาบัดนี้ครอบครัวของเขาถูกลำลายย่อยยับอัปรา กิ่งไผ่เหมือนนกปีกหัก คิดอะไรไม่ออก เสียงดังแกรกกราก กิ่งไผ่ช้อนตามองดูคนกระเสือกกระสนก้าวมาหา...ยังจะตามมาทำไม

“ตามมาทำไม”

ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามเร้นกายกลืนหายเข้าไปในความมืด ผู้กองซึ่งบาดเจ็บทรุดนั่งเคียงข้าง

“จะให้คุณออกมานั่งตากยุงรึไง”น้ำเสียงชายหนุ่มเอื้ออารี

“จะกัดตายช่างหัวมัน”

อารมณ์ขุ่นมัวคำพูดรุนแรงไปนิด หากธีรเดชไม่ถือ เขาแตะบ่าบาง หลังมือเฉี่ยวแก้มเย็นเฉียบ

“เข้าไปเถอะ มันหนาวนะ...”

ห่วง...อยากหัวเราะปนกับเยาะหยัน

“ผมมันพวกหนังหนาหน้าด้าน”กิ่งไผ่ว่า ไม่ยอมขยับไปไหนง่ายๆ

ธีรเดชเจ็บแขนหากก็ฉุดรั้งร่างที่ดื้อดึงให้ลุกขึ้นตามตัวเองไป หากกิ่งไผ่นิ่ง ธีรเดชเริ่มปวดที่แผล รู้สึกว่าแผลจะฉีก สัมผัสถึงความข้นเหนียว กิ่งไผ่เหลือบเห็น เขาจะเย็นชาก็ทำไม่ได้ จึงลุกขึ้น ธีรเดชไม่ทันระวังตัวล้มก้นจ้ำเบ้า ส่งผลให้ธีรเดชล้มตามด้วย เรือนผมยาวปะทะใบหน้า ร่างของกิ่งไผ่ทับด้านบนของลำตัวชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งกดลึกที่แผลจนธีรเดชกัดปากสะกดกลั้นความเจ็บ ดวงตาชุ่มหยาดน้ำตาสบกับดวงตาแกร่งกร้าว ดวงตาที่แวววับหมดประกาย ธีรเดชแตะสัมผัสแผ่วเบา หยาดน้ำตาไหลหล่นกระทบแก้มของชายหนุ่มแทน

“ขอโทษ....”

เตรียมลุกขึ้นหากถูกรั้งเอาไว้

“สิ่งที่ผมพูดไป มันทำให้คุณไม่พอใจตรงไหนกัน”ชายหนุ่มสงสัย

“ผมยอมรับว่าผมไม่เข้าใจพฤติกรรมของคุณ แต่ไม่น่าจะโกรธขนาดนี้”

กิ่งไผ่กัดฟันแน่น....ไม่รู้ เพราะไม่รู้มันถึงทำให้เขาอึดอัด พยายามหาทางบรรเทา กิ่งไผ่มองไม่เห็นหนทางใดเลย

“คุณมีความลับอะไร ผมไม่เข้าใจว่า...”

ยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็ถูกจู่โจมจากอีกฝ่ายเสียแล้ว ริมฝีปากเย็นเฉียบสัมผัสกับริมฝีปากหนา จูบที่ไม่ได้ให้ตั้งตัว ธีรเดชตกใจได้แต่นอนนิ่ง ยอมรับสัมผัสลิ้นอุ่นๆเคล้าคลึง รสชาติริมฝีปากที่ได้สัมผัสครั้งที่สอง รสชาติยิ่งหวานล้ำ ลี้ลับ พอถอนริมฝีปากออกสิ่งที่กั้นเอาไว้มีเพียงเส้นบางๆ

“ครั้งแรกหรือ...”

ธีรเดชถามเลื่อนลอยส่งผลให้สายใยที่ผูกพันกันไว้ขาดสะบั้น ใบหน้ากิ่งไผ่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ มันเฉยชา หน่ายเหนื่อยเสียมากกว่า แต่หากมองเห็นก็จะพบริ้วรอยแดงฉานประดับ ดวงหน้าเศร้าๆส่ายไปมา

“เปล่าหรอก มันไม่ใช่ครั้งแรก”

กิ่งไผ่ตอบ พบว่าน้ำเสียงตัวเองยังคงเย็นเยือกได้น่าแปลกใจ

“ครั้งหนึ่งที่ผมเคยสัมผัสกับริมฝีปากนี้ ไม่ชำนาญเลยไม่ใช่หรือ”

คิดถึงภาพแม่หญิงกลิ่นเอื้องเข้ามาตามหาผู้กองนาคี เขาถูกริมฝีปากนี้สัมผัส...มันทำให้เขาข้องใจ

“คุณไม่รู้อะไรในชีวิตผม อย่าด่วนตัดสิน”กิ่งไผ่ตอบ

ธีรเดชไม่รู้หรอกว่าเขาผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะหล่อหลอมกลายเป็น “กิ่งไผ่”ในวันนี้ได้

“หลอกล่อให้หลงใหลไปกับมายา ผมทำแบบนี้เสมอแหละคุณก็น่าจะเห็นแล้ว”

แม่หญิงกลิ่นเอื้อง....สติของชายหนุ่มหวนถึงมายาภาพกลิ่นหอมจรุงใจ

“คุณตามหาผู้กองนาคีทำไม”

ธีรเดชถามเมื่อระลึกย้อนไปถึงอดีตอันไกลแสนไกล

“อย่างน้อยๆเขาก็ไว้ชีวิตผม ผมอยากเคารพศพเขา”

ดวงตาของผู้กองหนุ่มจากไทยมองไม่เข้าใจนัก

“ขอบคุณงั้นรึ...”

กิ่งไผ่ผงกศีรษะ นับตั้งแต่ร้อยเอกนาคีตาย เขาอยากมาเคารพศพสักครั้ง...เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้กองตาย

“งั้นคุณก็คงได้พบกับธารแล้วล่ะ....คนที่อยู่ในวันที่ผู้กองนาคีตาย นั่นแหละ...ต้นธารา!”

ดวงตากิ่งไผ่เคลือบแคลง สับสน ย้อนไปถึงวันที่ถูกยิง ย้อนไปถึงคุณหมอที่ช่วยทำแผลให้ ร่างกายไม่ขยับ....ภาพของผู้กองนาคีคุมกันคุณหมอคนนั้นจนตัวเองตาย...ผู้กองนาคี กลิ่นอายของความอ่อนโยนแผ่เจือจางมาถึงเขา...โหยหามันยิ่งนัก แต่แล้วทำไมความอ่อนโยนเขาถึงไม่ได้รับแม้กับคนๆนี้ยังมีให้กับคุณหมอที่อ่อนหวาน ธีรเดชรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังลุกจากตัวหากยึดเอาไว้

“ผมทิ้งคุณไปไม่ได้”

สายตาของกิ่งไผ่เหลือบมอง...ใครกันแน่ที่ทิ้งไปไม่ได้ ผู้กองหนุ่มจากไทยหรือตัวเขาเอง

“คุณมองผมว่าเป็นคุณธารอะไรนั่นใช่ไหม”

ธีรเดชงุนงงนท่าทีแรก และนาทีต่อมาเขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เสื้อผ้าของเขาถูกถอดออกช้าๆ แววตาของกิ่งไผ่สะท้อนเด่นชัดในแววตาของเขา...แววตาเศร้าๆ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกหากชายหนุ่มรู้จักมันดีมันเป็นสายตาที่เขาใช้มองต้นธาราเมื่อรู้ว่ารักต้นธารามากแต่ไม่อาจได้ครอบครอง มือหนาตะครุบมือบางเอาไว้ทันที

“คุณทำอะไร แบบนี้มันไม่ใช่นะ....”

ริมฝีปากที่พูดมากถูกปิดแนบสนิท คิดขัดขืนร่างกายไม่ยอมเชื่อฟัง มันเหมือนฝัน...ริมฝีปากที่เคล้าเคลีย นุ่มนวล มือสัมผัสเรือนผมยาวสลวย ปัดมันพ้นใบหน้าที่ล้อมกรอบไว้ มือบางโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่ม ท่าทีเศร้าหมอง ธีรเดชขยับมือตอบรับไม่สะดวกเท่าไร โอบเอวบางเอาไว้ ลูบไล้แผ่วๆ ริมฝีปากของกิ่งไผ่จูบบนแผลเบาๆสัมผัสเจ็บปวด ซ่าบซ่านประดุจขนนกพร่างพรม ดึงดวงหน้าสวยขึ้นจรดริมฝีปากประกบแน่น เนิ่นนาน แม้เหน็บหนาวจนกายสั่นสะท้านขณะค่อยๆเปลือยกายช้าๆ รอคอยแรงพิศวาส มือของกิ่งไผ่ถูกตรึงแน่น เขายังอยู่ที่เบื้องบนของร่างแกร่ง เฝ้ามองดวงตาที่ทอมาอย่างไม่แน่ใจเท่าไรนัก...มันเริ่มเร็ว...ดีแล้วหรือ เขาทำแบบนี้มันดีแล้วหรือ กิ่งไผ่ลังเล วินาทีแรกอยากถอนตัวแต่นาทีต่อมากลับงงงันเคลิ้มไปกับมือแกะแตะสัมผัสแผ่นอกเบาๆ ฝ่ายธีรเดชจับหัวใจที่เต้นถี่แรง ยังไม่เข้าใจอะไรเท่าไร เขาอยากจะผลักไสแต่ก็ไม่อาจทำได้ มือเรียวเริ่มต้นทำหน้าที่แกะกระดุมของอีกฝ่ายด้วยมืออันสั่นเทา ยิ่งแนบกายเบียดชิด รู้สึกว่าเขาได้ทุกๆอย่างกลับคืน ทั้งความอบอุ่น สัมผัสมอมเมาราวกับเหล้าชั้นเลิศเป็นสิ่งที่ไม่มีวันได้หวนคืน !

------------------------------------------------

Bg LoVe NT

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านทันแล้ว เย้ๆ :mc4:

สนุกปนเศร้าจริงๆ




ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


กิ่งไผ่สู้ๆ

เอาเลยๆๆๆ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :m15:  คู่ของผู้กองภานุกับหมอธาร ดูจะมีความหวังแล้วนะครับ แต่คู๋ของธีรเดชกับกิ่งไผ่ท่าจะลำบาก  แล้วจะติดตามต่อไปครับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงน่ะเนี่ย มาต่อเถอะน่ะๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ขอโทษที ปล่อยให้ค้าง  :man1:
++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ 18 L'honneur - L'amour : เกียรติยศ กบฏหัวใจ [Part 2]


ริมฝีปากบางสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อแนบประกบ สัมผัสถึงความอ่อนนุ่ม อบอุ่น มือหนารั้งกายบอบบางเข้ามากอด ลูบเรือนผมบางเบา แม้จะอ่อนโยนก็ยังรู้สึกถึงความเฉยชา ความหวานก็เหมือนกับสิ่งลวงใจ ไม่มีจริง ไม่อาจสัมผัส ลึกๆปวดร้าวและหนาวสั่น ยิ่งสัมผัสยิ่งนึกตัวเองอยู่ในเงาของใครบางคน ไม่อาจรั้งกลับคืน ได้แต่ทดลองใจ กิ่งไผ่สัมผัสถึงความเบาบาง มันจะเลยเกินไปมากกว่านี้หรือ ธีรเดชคิดด้วยสมองอันงงงวย ร่างกายไม่อาจขยับได้สะดวกเพราะเจ็บแผล ถูกกดทับไว้ด้วยคนแข็งแรงกว่า สัมผัสเย็นๆแนบแผ่นอกแกร่ง สร้างความร้อน สัมผัสได้ถึงหัวใจเต้นแผ่ว... เขาก็เป็นมนุษย์ มีความรู้สึก ชิงชัง โกรธแค้น รักใคร่ บางที...ความปวดร้าวที่สะสมมานานอาจระเบิดขึ้น หลงอยู่ในเวิ้งว้าง มือหนาประคับประคองอีกฝ่ายออกเบาๆ เสี้ยวหน้าที่เคยเข้มแข็งมาตลอดกลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที เลือดในกายมันร่ำร้องจนไม่อาจห้าม หนึ่งสติที่พยายามรั้งกลับ กายอบอุ่นแนบชิดเกินกว่าจะย้อนกลับไปสู่เริ่มต้น ความฝันว่าได้สัมผัสความอ่อนโยน... มันเป็นจริงใช่ไหมนะ... ในใจลึกกิ่งไผ่ครวญคร่ำ ราวดวงดาวที่ห่างไกลพร่างพรมลงใส่กาย อาบให้ดวงใจลุกโชติช่วง ธีรเดชดันร่างของกิ่งไผ่ลงเป็นฝ่ายคร่อมเสียเอง ปัดเรือนผมละใบหน้า มองดวงตาอ่อน ปราศจากเค้าโครงกิ่งไผ่คนเดิม ใบหน้าตอนนี้ช่างอ่อนหวาน เหมาะควรที่จะได้รับการปกป้อง

“แน่ใจแล้วหรือ...”

ประโยคนี้ควรตะเป็นคำถามที่ธีรเดชน่าจะถามตัวเองมากกว่าอีกฝ่าย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ขนตาเป็นแพหนาขยับไหวคล้ายให้คำตอบที่ชายหนุ่มไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ก้มใบหน้าฝังลำคอของอีกฝ่าย นุ่มนวล ไม่รุนแรง ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา ธีรเดชเงยหน้ามองกิ่งไผ่ซึ่งสะท้าน ใบหน้าแดงจัด เม้มปากแน่น นิ้วแกร่งลูบไล้ริมฝีปากที่ราวกับบัวแย้มกลีบ ให้มันเผยเสียงที่ข่มกลั้นไว้

“อ๊ะ...”

เสียงครางหลุดจากปากโดยไม่ได้ตั้งใจ สร้างความอับอายให้กิ่งไผ่เป็นอย่างมาก พยายามถอนกายออกหากมือหนาตรึงร่างไว้แน่น เสื้อผ้าที่ถูกถอดออกไปเกือบครึ่ง พร้อมกับน้ำหนักทับถม เหมือนใจจะหนักอึ้งเรื่อยๆ

...มันเป็นแบบนี้ดีแล้วหรือ...


ริมฝีปากอุ่นๆแทะเล็มยอดอก ใบหน้าของผู้ถูกสัมผัสคล้ายกับจะจมดิ่งไปในห้วงสัมผัสอันอ่อนหวาน สำนึกมืดหม่นอยู่ในซอกลึกของหัวใจ วงแขนเรียวโอบกอดกระชับราวกับกลัวว่าสัมผัสจากกายแกร่งจะจางหายไป ธีรเดชหลงไปกับเรือนกายที่เต็มไปด้วยปริศนา ไม่รู้จักเบื้องหลัง เก่งและฉลาดสวยงาม... เอื้องคำดอกนี้ผ่านมือของใครมาบ้างนะ...ชายหนุ่มคิดเมื่อสัมผัสไปทุกสัดส่วน เรื่อยลงต่ำไม่ว่าตามชายโครง ร่างกายอ่อนไหวไปกับสัมผัส ยอมโอนอ่อนง่ายๆ พยายามปัดความคิดนั้นออกไปจากใจ ดื่มด่ำกับเรือนร่างเปราะบางผิดกับภายนอก เจ้ากลีบเอื้องคำราวกับปลิดปลิวไปตามกระแสลม คอยให้ใครสักคนเอื้อมคว้ากลีบหอมที่ล่องละลอยไปเดียวดาย รอให้ค้นหาช่อดอกที่แท้จริง นายทหารหนุ่มลุ่มหลงไปกับเรือนกายอ่อนนุ่ม จูบแนวไหปลาร้า ก่อนขยับไปยังริมปากอิ่มคล้ายกับไม่รู้จักพอ ส่วนมือที่ว่างอยู่ปฏิบัติกับส่วนอ่อนไหว เคล้นคลึงแผ่วเบาสลับหนักแน่น เสียงครางพยายามลอดจากริมฝีปาก หากถูกสะกดกลั้นเอาไว้

“อึ้ก...อืม..”

จูบดุดันรุนแรงจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน ไม่คิดว่าตัวเองจะหลงไปไปกับสัมผัสจากมือแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ธีรเดชมัวเมาไปกับความหอมหวาน จนกระทั่งลืมตัวลืมตน

“ผมรักคุณ...ผมรักคุณ”

จูบพรมไปทั่ววงหน้า กิ่งไผ่ได้ยินคำสารภาพรัก ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มพูดถึงตัวเองหรือเปล่า ด้วยความที่ไม่แน่ใจนักจึงฟังให้ดี คำบอกรักพร่ำซ้ำซาก ร่างโปร่งพยายามดิ้นออก

...ไม่ได้...แบบนี้มันเกินไป...

กิ่งไผ่พยายามขยับกาย หากเรี่ยวแรงถูกฉกชิงไป ไร้พละกำลัง ในใจมืดหม่น เย็นชา ร่างเหมือนจมลึกไปเรื่อยๆ สัมผัสจากธีรเดชกลายเป็นความด้านชาของจิตใจ มือของร้อยเอกหนุ่มแตะแก้ม สัมผัสถึงความเย็นเฉียบ ดึงร่างของกิ่งไผ่ขึ้นมากอดช้าๆ ละมือจากชายโครง สอดวงแขนรอบเอว ไร้เสียงใดๆ... ใบหน้าที่ซบอยู่บนไหล่กำลังร้องไห้อยู่...น้ำตาที่ไม่อาจข่มกลั้น ไหลพร่างพรูอีกครั้ง ...มันเป็นความเศร้าครั้งที่สอง เมื่อธีรเดชโอบกอดอ่อนโยน

ธีรเดชไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะผลักไสหรือตอบรับ...ไม่รู้เลย...สุดท้ายแล้วมองเห็นแววตาเศร้าแฝงอยู่จึงดึงร่างออกห่าง ชายหนุ่มเสยผม ไม่กล้าสบดวงตาที่สับสนเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบงัน กิ่งไผ่แหงนหน้ามองฟ้า พร้อมกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเอง

“ทำแบบนี้เราทั้งคู่อาจจะรู้สึกผิดไปมากกว่านี้”

ธีรเดชพูดเพราะอีกฝ่ายไม่พูดอะไร

“ทำไม?”

กิ่งไผ่ถาม เขาไม่เข้าใจในความคิดของอีกฝ่าย สิ่งที่ชายหนุ่มทำผสมกับการกระทำของเขากลายเป็นสิ่งที่ผูกรัดเอาไว้จนเจ็บปวด ธีรเดชไม่ตอบ กิ่งไผ่ก็ได้เดาเอาว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

“นึกถึงคนๆนั้นสินะ”

น้ำเสียงขื่นขมเก็บซ่อนอย่างแนบเนียน สำหรับเขาพอแล้วที่เจ็บปวดใจ นายทหารหนุ่มยอมรับว่ามันเป็นความจริงตามที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ

“ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ ที่คุณจะนึกถึงเขา”

พูดไปแบบนั้น ดูดีว่าเป็นการโกหก กิ่งไผ่จบสาบเสื้อปิดเข้าหากันหลังจากผละออกจากอกแกร่ง นิ้วเรียวกลัดกระดุมด้วยท่าทางใจลอย

“คุณบอกว่ามันอาจจะผิด...แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่เลย”

ธีรเดชสงสัย คิ้วขมวดน้อยๆ

“ยังไง”

น้ำเสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึม หลังจากเห็นท่าทีเย็นชาเหมือนทุกครั้ง ไม่ยี่หระต่อเหตุการณ์ที่เกิด ไม่มีสีหน้าเวิ้งว้าง ไม่มีอะไรทั้งนั้น เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น

“ก็ผมวางแผนไว้ ลองทดสอบคุณว่าจะทำยังไงดีละสิ”

ดวงตาธีรเดชฉายถึงความงุนงงจนเห็นได้ชัด กิ่งไผ่กอดเข่าตัวเอง ซุกกายหาไออุ่นที่ยังอวลจางๆทั่วกาย กลิ่นของความอ่อนโยน...อีกไม่นานก็จะจางหายไป

“ก็ถ้าคุณมีอะไรกับผมเท่ากับว่าเชื่อถือไม่ได้ แต่ผิดคาดคุณนี่ทึ่มจัง ต่างจากคนอื่นๆที่ผมเจอ”

อีกฝ่ายพูดราบเรียบ ใบหน้าเบือนมองยิ้มหยัน ดวงตาคู่นั้นเข้มและกร้าว ซ่อนรอยเปราะบางเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็นนอกจากตัวเอง

“เชื่อถือไม่ได้...?”ธีรเดชยิ่งไม่เข้าใจ

“คุณโง่เอง ขุดหลุมพรางให้ผมใช้แล้วก็ตกไปเอง ที่ผมหงุดหงิด โมโหใส่คุณก็เพื่อทดสอบ”

เขาถูกทอสอบ คนตรงหน้าไม่ไว้ใจเขาหรือ

“ทำไม...”ธีรเดชถามเสียงแผ่ว

กิ่งไผ่ยิ้มประดุจแมงแมงมุมพิษ

“คุณไม่ไว้ใจผมและผมก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ใจคุณเช่นกัน”กิ่งไผ่ตอบ ท่าทีเป็นดังผู้ชนะที่กุมบังเหียนเอาไว้

“คุณไม่ไว้ใจผมสักครั้ง?”ธีรเดชถาม เขาไม่เข้าใจกับเหตุผลของเรื่องที่ผ่านมา

“การที่ผมไว้ใจคุณมันง่ายเกินไปมั้ง”กิ่งไผ่กล่าว เขาเป็นมือสังหารนี่...นึกในใจเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิด

“ไผ่ ผมไม่นึกเฉย...”ชายหนุ่มคราง....รู้สึกเหมือนกับไอ้โง่ขึ้นมาทันที

“คุณเลยยอมทอดร่างให้ผมเพื่อพิสูจน์ความเข้าใจโง่ๆนั่นน่ะรึ”ธีรเดชโกรธจัด

“คุณอยากโง่เอง”

คำพูดของกิ่งไผ่ประดุจคำดูถูก ใบหน้าแกร่งชาด้าน

“จริงสิ...ผมโง่....”

ย่างก้าวเข้าไปหา กิ่งไผ่ถอยหลังหนีเมื่อเค้าโครงหน้าอ่อนโยนเปลี่ยนไป ธีรเดชรู้สึกเหมือนถูกงูเห่าแว้งกัด

...เลี้ยงไม่เชื่อง...เป็นงูเห่าที่แสนดี ซ่อนคราบของงูพิษไว้แนบเนียน พอได้จังหวะก็แว้งกัด...เจ็บ...แสบ...และสุดทนทาน

“คุณจะทำอะไร”

กิ่งไผ่ตวาด ตั้งท่ารับอย่างมั่นคง ลุกขึ้นประจันหน้ากับร่างสูงตรงๆ

“ไหนๆคุณไม่เชื่อใจผมแล้ว ผมก็สมควรฆ่าคุณดีไหม”

เหตุการณ์เปลี่ยนไปจนนึกไม่ถึง กิ่งไผ่คิดปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดแท้ๆ ไม่คิดว่ามันจะสะกิดโทสะของชายหนุ่ม

“เอาซิ ถ้าคุณทำได้!”

กิ่งไผ่ปรามาส ตัวเขาประมาทเกินไป ไม่คิดว่าคนเจ็บจนไม่น่าเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว รุกประชิดตัว ถูกกดจนต้องนิ่วหน้าเมื่อถูกตรึงแขนแน่น หากชายหนุ่มก็ไม่ปล่อย ธีรเดชจับแขนล็อคไว้ กิ่งไผ่ขัดขืนจนบาดแผลบนไหล่ชายหนุ่มมีเลือดไหลซึมแดงคล้ำ

“จะฆ่าก็ฆ่าเสียตรงนี้ซี่”ปากก็ไม่หยุดท้าทายอย่างอวดดี แม้จะตกเป็นเบี้ยล่าง

ธีรเดชไม่เสี่ยง เขาจะจัดการอย่างไรดีกับคนๆนี้ จะปราบความพยศ อวดดีและดื้อดึง ...ทั้งๆที่คิดว่ามีบุญคุณแล้วแท้ๆ... ธีรเดชไม่มีทางเลือก... เขาดันขาของกิ่งไผ่ให้ล้มลง หัวเข่ากระแทกกับพื้นอย่างแรง ดีที่ยังมีใบไม้แห้งสุมหนาซับแรงกระแทก

“คุณจะมีปัญ...”

ยังไม่พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากหนาเบียดรุก แทรกสอดอย่างถือสิทธิ์ จูบผู้ขัดคืนหยุดทันใด

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ต่อกันจนจบไหมจากเมื่อกี้ จะได้เป็นไอ้เลวโดยสมบูรณ์แบบไงล่ะ”

กิ่งไผ่พูดหลังจากที่ริมฝีปากถอนออก ลมหายใจกระชั้น

“มันยังน้อยไป...”ธีรเดชฝังริมฝีปากบนซอกคอขาว

กิ่งไผ่ลดการขัดขืนลง เขาขยุ้มเสื้อแน่น อยากฉีกทึ้งออกไปให้หมด หากเขาหยุดไปอีกครั้งเพราะสติรั้งไว้...แม้จะโกรธก็ไม่ควรทำเช่นนี้ กิ่งไผ่หอบหายใจหนักๆ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นติดต่อกันโดยที่ไม่มีโอกาสไปอยู่ในหัวใจใคร...


------------------------------------------------

ทางด้านกฤษดาที่กำลังหัวเสียเมื่อทราบข่าวว่าลูกน้องทำพลาดไป ชายหนุ่มสบถลั่น พลางตบหัวลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆระบายอารมณ์

“พวกมึงทำงานยังไงกันวะ ถึงพลาดท่าคนๆเดียวได้”

ดวงปูดโปน นิ้วชี้กราดไปยังลูกน้องที่กลัวหัวหด

“มึงทำยังไงกัน”

น้ำเสียงของลูกพี่เยียบเย็น ไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใดๆ

“มันเคยเป็นเจ้านายมึง...พวกมึงน่าจะรู้จุดอ่อนมัน น่าจะจัดการได้ง่ายๆ ทำไมพวกมึงไม่มีปัญญากันห๊ะ”

กฤษดาเตะเก้าอี้กระเด็น มือล้วงกระเป๋า หาที่ระบาย

“มันมีคนเดียว มึงมีเป็นสิบมึงยังพลาด ไอ้พวกไร้น้ำยา !”

เจ็บแค้นที่ถูกกิ่งไผ่หักหน้าเสียเจ็บ สังหารลูกน้อง ตีจนแตกกระเจิงด้วยตัวคนๆเดียว

“มันเก่งเหลือเกินครับ เก่งจนน่ากลัว”

ลูกน้องเอ่ยด้วยอาการปากคอสั่น ส้นเท้าของกฤษดากระแทกหน้าจนมันดั้งหักทันใด เลือดสดๆไหลอาบ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บดังขึ้น

“อ้ายเวร เก่งจนน่ากลัวเร๊อะ ไอ้พวกไร้น้ำยามันก็ดีแต่พูดแบบนี้ละวะ”กฤษดาด่าซ้ำ

ลูกน้องที่เคยอยู่ภายใต้อำนาจของนายพลอินคานเงียบกริบ

“แล้วนี่พวกมึงสืบหาตัวท่านนายพลเจอยังวะ ไอ้แก่นั่น... มึงหาตัวพวกมันเจอรึยัง”

ย่างสามขุมเข้ามาหาลูกน้องทีละก้าว ทีละก้าว ใบหน้าของกฤษดาดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

“ย...ยังเลยครับนาย แต่อีกไม่นานต้องเจอตัวแน่ครับ”

ฝ่ายลูกน้องผู้ทรยศตอบเสียงต่ำ ซึ่งผู้เป็นลูกพี่ซัดพลัวะเข้าที่แก้ม

“ตามเจอเร๊อะ...กี่ชาติพวกมึงจะตามเจอ ให้กูตายก่อนไหม”

ชายหนุ่มประชดประชัน เท้าเอวด้วยความหงุดหงิดเหลือแสน.... อยากบีบเค้นลำคอขาวๆให้สิ้นลม อยากย่ำยีจนมันกลายเป็นหมาข้างถนน ซมซานลงแทบเท้าของเขา ฆ่าพ่อของมันให้ตาย เพื่อชดใช้กับสิ่งที่มันทำกับกู เตะก้อนหินกระเด็นไปไกล นึกหงุดหงิดเหลือแสนโดยเฉพาะไอ้ลูกชายหน้าสวยของท่านนายพล ภายนอกช่างดูอ่อนหวานราวกับกุหลาบหนามพิษ !

“มึงจัดกำลังคนไปจับมันสองพ่อลูกให้ได้ กูเชื่อว่าหมาจนตรอก มันก็คือหมาจนตรอก สู้ไปสุดท้ายก็อ่อนแรงเอง”

ขบเขี้ยวเข่นฟันขณะเอ่ย ร่างของลูกน้องวิ่งมาอย่างกังวลใจ

“นายครับท่านนายพลคะฉิ่นจะมาเยี่ยมท่านครับ”ลูกน้องรายงาน

ดวงตากฤษดาหรี่ลง

“จัดเตรียมต้อนรับด่วน”

ชายหนุ่มสั่ง หันหลังก้าวฉับๆอย่างว่องไวขึ้นบ้านสมัยอดีตที่นายพล ภายในใจตกแต่งหรูหราผิดกับภายนอกที่มีแต่ความสกปรก เสียงเฮลิคอปเตอร์แล่นตัดอากาศ พาร่างน้องชายผู้ทรยศพี่ชายแท้ๆตัวเองมาถึงฐานกลุ่มกองโจรกู้แผ่นดินที่ล่มสลาย นายพลคะฉิ่นยิ้มกว้างหลังลงจากเฮลิคอปเตอร์

“นายท่านดูเปลี่ยนไป”

กฤษดาทักแขกที่มาเยี่ยมเยือนแบบนานๆครั้ง ผู้เป็นแขกยิ้มกริ่ม ดวงตาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แฝงประดับในแววตา ตลอดเวลาที่พบกันมักมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อเป็นความลับในการพบกันเงียบๆ สายตาสีดำดั่งพญาเหยี่ยวยิ้มรับ นายพลติดเครื่องอิสริยยศเต็มที ท่วงท่าเลียนแบบจากกษัตริย์ในอังกฤษ งามสง่าและแฝงกลิ่นอายความเลือดเย็น....ข้าเบื่อแล้วกับการอยู่ใต้อำนาจของใครบางคน...ในใจของคะฉิ่นร่ำร้องอยากกระทำรัฐประหาร ผู้ที่ทรยศอดีตเจ้าเมืองนวรัฐะ ฆ่าได้แม้กระทั่งครอบครัวของพี่ชาย เพื่ออำนาจ

“ฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสักหน่อยนี่”

ท่านนายพลคะฉิ่นหัวเราะ มองอาหารที่จัดต้อนรับไว้บนโต๊ะยาว มีน้ำเมาตั้งไว้ เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุด


นายพลคะฉิ่น เจ้าเมืองเวียงนวรัฐะปัจจุบันทรุดนั่งตามคำเชิญของกฤษดา ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของท่านนายพลแผดลั่น

“ท่านอยู่ไหนคะ”

เสียงหญิงสาวแผดเสียงในโทรศัพท์ นายพลคะฉิ่นเอื้อมรับ กรอกเสียงหน่ายๆก่อนปิดโทรศัพท์ทันที

“ขอโทษที... เดี๋ยวนี้ช่างวุ่นเหลือเกิน”

แม้ปากจะพูดเช่นนั้นหากรอยยิ้มประดับ พาดบนสีหน้าเย็นชา ยังมีความสนุกใดๆอีกนอกจากความใคร่ทางเรือนร่าง นายพลคะฉิ่นยิ้ม มองใบหน้าคนหนุ่มซึ่งได้ยินคำพูดของตัวเองกับอนุภรรยา

“ใช่ครับ ช่างวุ่นวายนัก”

กฤษดาตอบรับ เห็นด้วย...มองสายตาของหุ้นส่วน ก็อดยิ้มอย่างเหน็บหนาวไม่ได้...เงิน..คืออำนาจ...ใบเบิกทางอำนวยความสะดวกสบาย... จะเอาอะไรก็ได้ ผู้หญิง ...ความไว้เนื้อเชื่อใจแม้กระทั่งความมั่นคง

“จับอดีตเจ้าเมืองและเจ้าชายได้รึยัง”

นายพลคะฉิ่นเสียดสี รอยยิ้มของกฤษดาหยักขึ้น

“อีกไม่นานหรอกครับ จับมันได้แน่”

กฤษดาให้คำรับรอง เขารวมมือกับนายพลคะฉิ่นที่ทรยศพี่ตัวเองทำการรัฐประหารยึดอำนาจของผู้เป็นพี่ชาย แทรกซึมมาในกองโจรเวียงนวรัฐะเพื่อกำจัดต้นตอของเรื่องทั้งหมด ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยเหลือทางด้านการเงิน กฤษดาบ่อนทำลายจากภายใน ส่งหนอนบ่อนไส้ไปทำงานตามที่วางแผนเอาไว้อย่างปราดเปรื่อง จนทุกอย่างล้ม แตกพ่าย....นายพลอินคานซึ่งรวบรวมคนเพื่อแย่งชิงเมืองคืนกลับถูกทรยศจนย่อยยับ

“ดี...ต่อไปนี้เราคือหุ้นส่วนที่แท้จริง”

ท่านนายพลคะฉิ่นว่า ท่าทางภูมิใจกับอำนาจมีที่มักอยู่ในมือ

“ครับ...ท่าน”

ชูแก้วเครื่องดื่มขึ้น ช่างสบายใจเหลือเกิน ไม่ต้องกลัวว่าใครมาอาจหาญ...ยอดเยี่ยม... อดีตโศกของกิ่งไผ่ และท่านนายพลอินคาที่เชื่อใจนายพลคะฉิ่นจนถูกยึดอำนาจ....ลุงที่ทำตัวราวกับยูดาผู้ทรยศพระเจ้า... โหดร้าย...และไร้เมตตา ทรยศจนอำนาจเจ้าเหนือหัวเวียงนวรัฐะล่มสลายไปแล้ว ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้เพาะแต่ความชิงชังลงไปในหัวใจหลานจนหยั่งรากลึก !

“เพื่องานที่ก้าวหน้าของเรา”

แก้วเหล้ายกขึ้นซด พร้อมกับชนแก้ว

“เรื่องที่ไทยก็ยังไม่มีใครระแคะระคายใช่ไหม?”

“ยังครับ คนของผมไว้ใจได้”

ชายหนุ่มเอนหลัง เฝ้านึกถึงความสำเร็จของกรุยเส้นทางการค้ายาเสพติดและได้อาศัยอิทธิพลของเจ้าเมืองเวียงนวรัฐะอันแสนเกรียงไกล...

“แล้วเรื่องพวกที่หนีไปสบทบพี่ชายฉันล่ะ จัดการเรียบร้อยรึยัง ?”

นายพลถามถึงเสี้ยนหนามยอกอก แม้ทลายอำนาจของนายพลอินคาด้วยการซื่อลูกน้อง แต่ก็ยังมีบางรายที่ยังภักดี ไม่ยอมขายชีวิตกับเงินตรา หนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง

“ให้ลูกน้องจัดการตัดไฟแต่ต้นลมอยู่ครับ ไม่ให้มันรวบรวมกำลังพลได้”

ท่านนายพลคะฉิ่นพอใจในข่าวที่ได้รับ...อำนาจเอ๋ย...เทพเจ้าแห่งชัยชนะอยู่เคียงข้างท่าน

“อย่างนี้คงหมดห่วงได้ ขอให้คุณทำงานอย่างดีแล้วสิ่งที่ต้องการจะอยู่ในมือของท่าน ตอนนี้ผมขอตัวก่อนมีธุระติดประชุม”

รอยยิ้มโค้งขึ้นบนสีหน้า กฤษดามาส่งท่านนายพลคะฉิ่นขึ้นเฮลิคอปเตอร์ คอยมองเจ้าแมลงปอยักษ์ยกปีกบินไปไกล

... เงินทองรึ?....

แล้วนายกฤษดาก็หัวเราะลั่น...สิ่งที่เขาต้องการมีมากกว่านั้น...หากนายพลคะฉิ่นรู้ คงได้ตกใจเป็นแน่แท้ !

------------------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
จิ้มกระดานนนนน

 o13 :jul1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
นังดำ  แกมาขัดขวางการลงนิยายสองตอนของฉันได้เยี่ยงไร ยังลงไม่ครบเฟ้ยยยยย  :o
แต่ก็คิดถึงนะ  ดำก็รัก จุ๊บ  :กอด1:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เวลาเดียวกับกับที่นายพลคะฉิ่นกลับเวียงนวรัฐะ ไอ้ขิ่นออกมาหาอาหารให้กับท่านนายพลอินคาซึ่งบาดเจ็บอยู่ มันทำหน้าเคร่งเครียดหลังจากตรวจพบว่า มีผู้ซุ่มดักจับมันอยู่ ไอ้ขิ่นรีบวิ่งกลับไปสู่ที่ซ่อนทันใด

“เป็นอะไรวะ”

ท่านนายพลอินคานถามเมื่อเห็นไอ้ขิ่นลุกลี้ลุกล้นผิดปรกติ

“ไม่มีอะไรครับนาย”

ไอ้ขิ่นตอบ พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดสีหน้าเฉยๆของมันท่านนายพลไม่ยอมเชื่อ

“ไอ้นี่นิ เอ็งเจออะไรรึเปล่า”

ขิ่นที่กำลังรวบรวมกองลูกไม้แห้งๆไว้ด้วยกันนั้นสารภาพ

“นาย เราถูกตามล่า อีกไม่นานเราจะซ่อนที่นี่ไม่ได้ เราต้องย้ายถิ่นซ่อนแล้ว”

ท่านนายพลอินคานมีสีหน้าอ่านยากขึ้นทันที

“มันรู้ที่ซ่อนเราแล้วรึ”

น้ำเสียงของชายชราผู้เคยมีอำนาจใหญ่เหนือเมืองนวรัฐะเคร่งขรึม

“ตอนนี้ยังครับนาย ไม่แน่ถ้าเรายังอยู่ที่นี่ต่อ อาจจะเจอตัวเราอีกในไม่ช้านี้”ไอ้ขิ่นตอบ

ท่านนายพลกำมือแน่น เสือจนตรอกจะทำอะไรได้ นอกจากรอคอยความตาย แต่เสือเฒ่าไม่อาจให้ใครหยามน้ำหน้าได้เด็ดขาด !

“มันคงกางกำลัง ปูพรมพื้นที่ดักทางเราจนทั่ว”

ท่านนายพลสันนิฐาน ไอ้ขิ่นนั่งยองๆ มันพยายามหาทางช่วยท่านนายพลเต็มที่

“นายจะหนีไปอีกไหมขอรับ”

เด็กหนุ่มถามด้วยท่าทีเคร่งเครียด สัญญาที่มันไว้ให้กับพี่ไผ่ มันต้องทำให้ได้

“เอ็งจะให้ข้าหนีไปไหนอีกวะ”

น้ำเสียงของท่านนายพลดูเลื่อนลอย มองดูรอบๆถ้ำที่ใช้ซุกตัว ร่างแก่ชรานี้ ไม่นานคงผุพังไป

“ที่นี่มันบ้านกู กูอยากอยู่”นายพลอินคาเอ่ย

ไอ้ขิ่นแตะแขนท่าน ทำหน้าวิงวอน

“แต่หากมันเจอนาย นายต้องโดนจับไปทรมานจนตายอีกนะ”

ท่านนายพลสะบัดแขนหนีอย่างดื้อดึง เจ้าหนุ่มพยายามอธิบายให้นายเข้าใจจนปากแทบฉีก หากนายเหนือหัวก็ไม่ยอมฟังความใดๆ

“ท่านนายพลครับ กรุณารักษาชีวิตเถอะครับ หากนายกิ่งไผ่รู้เข้าคงเอาผมได้”

มันวิงวอน อ้างชื่อบุตรชายสุดสวาทของท่านนายคนคนเดียวมาอ้าง หากท่านนายพลยังนิ่ง

“โธ่...นายครับ”

มันเริ่มหมดหวังเพราะแววตาของท่านนายพลทอแววจริงจัง นายพลอินคานกลืนน้ำลาย...มนัสหยา...เจ้าช่วยนำทางพี่ด้วยเถอะ...ตอนนี้พี่ตายไปครึ่งตัวแล้ว...ขอให้ลูกของเรารอด...เวียงนวรัฐะก็จะรอดจากมือไอ้พวกเศษนรกนั่น! ..นายพลอินคาซบหน้ากับเข่า ไม่นานนักก็ผงกหัวอย่างอ่อนล้า

“แกจะพาฉันหนีไปไหนวะไอ้ขิ่น”

ไอ้ขิ่นคิดจนคิ้วขมวด ในที่สุดมันก็นึกได้

“บ้านฉันไงนาย”

บ้านของไอ้ขิ่น...นึกถึงพ่อของมันซึ่งเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ...เจ้าเนเมียว....มันรับใช้ท่านตราบจนสุดท้ายของห้วงชีวิต

“ที่นั่นปลอดภัย และเราก็ได้ใช้เวลาหลายๆวันในการครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี”

ไอ้ขิ่นตอบ ระงับความตื่นเต้น บ้านของมันเคยเป็นที่ซ่อนของท่านนายพลและนายกิ่งไผ่ในช่วงระยะหนึ่งหลังจากถอยร่นจากเวียงนวรัฐะที่ล่มสลาย เจ้าเด็กหนุ่มรีบจัดการเก็บข้าวของ คิดหาทางพาให้ท่านนายพลรอดสุดความสามารถ พ่อของมันรับใช้นายจนตัวตาย มันก็คงมีชะตาเดียวกัน คำมั่นที่ให้กับนายกิ่งไผ่ มันจะทำให้ดู เรี่ยวแรงเล็กๆวิ่งไปมา เก็บสัมภาระจนเสร็จประคับประคองเสือเฒ่าออกจากถ้ำ

นายพลอินคานที่กำลังอ่อนล้าลง เหมือนกับมีพลังอาบไล้ให้มีชีวิตอยู่...ท่านแก่ชรา ท่านถึงอ่อนแอถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลย....ดวงตาที่ทอแววสิ้นหวังวูบขึ้น นึกถึงมิตรสนิทที่อยู่ห่างไกล มนัสหยาเจ้าบันดาลกำลังให้พี่....เจ้าทำให้พี่มีกำลังใจสู้ พี่จะกอบกู้สิ่งที่อ้ายชาติหมาชิงไปคืนมาให้หมด!

....แฮร์ฟอร์ดต้องรู้ เขาต้องช่วยเหลือเราได้ นายพลแดลเนียลเช่นกัน....

...มิตรสหายต่างชาติที่เคยฝากฝั่งกิ่งไผ่ให้ดูแลตอนนี้ต้องหาวิธีทางติดต่อให้ได้....

------------------------------------------------

Ps.

ถ้าใครสงสัย แฮร์ฟอรฺดกับนายพลเเดเนียลมาจากไหน ดูที่ตอนพิเศษ "เกียรติยศ กบฏหัวใจ"


ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
จิ้มนังกระดานอีกรอบ

ปล.เอาใจช่วย กิ่งไผ่

 :กอด1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
^
^
รู้นะ  ว่าแกหื่น ดำแล้วยังหื่นอีก  :jul3:

แต่ หื่นก็รักนะ คิดถึงจัง แต่ไม่มีเวลาคุยด้วยเลย  ไปแระน้า   :กอด1:

pupper

  • บุคคลทั่วไป
คู่นี้ท่าทางความรักจะลงตัวได้อยาก
แต่ก็ต้องตามต่อไป ความรักทำได้ทุกสิ่ง
จะได้ทำลายกำแพงบางๆที่ตั้งกั้นกันเอาไว้
แล้วสถานการณ์เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว
กำลังน่าติดตามมากๆ รีบมาต่ออีกไวไวนะครับ
เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะครับ
และที่สำคัญขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
อีกคู่นึงหวังว่าปาฏิหารย์คงจะมีจริงนะครับ
หากผู้แต่งไม่ใจร้ายจนเกินไป

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เริ่มเห้นแสงสว่างรำไรแล้ว

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
นู๋ไผ่เสร็จตาธีไปแย้ว  :serius2: สงสารนู๋ไผ่

รอต่อไป รอวันนู๋ไผ่แก้แค้นตาธี  :a2:

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
ดันแรงๆๆๆ :กอด1:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
+เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ+

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 19 L'honneur - L'amour : เกียรติยศ กบฏหัวใจ [Part 3]


ร่างกายที่หล่อหลอม แผ่ไออุ่นไปทั่วกาย ทำไม....เพราะอะไร....มือของกิ่งไผ่เหนี่ยวไหล่ร่างสูง รั้งเข้ามาแนบชิด
...อ้อมกอดอบอุ่น...และเต็มไปด้วยความเงียบเหงา...

“ไผ่...”

คำเรียกขานแผ่วเบา อ่อนโยน ริมฝีปากแนบนุ่มนวล กิ่งไผ่หลงไปกับคำแว่วหวาน...เขา....กำลังหลงไปกับมัน จมลึกเรื่อยๆจนบางส่วนในหัวใจบอบช้ำ ไม่อาจเข้มแข็งได้เหมือนเคย....

“อย่า.....”

ภาพที่ฝังลึกในส่วนลึกแห่งความทรงจำ ทำให้กิ่งไผ่ดิ้นรน เมื่อความสุขที่อาบไล้ร่างกายกลายเป็นความขลาดกลัว ภาพในสมัยอดีต...จู่ๆการที่กิ่งไผ่ดิ้นรนเมื่อธีรเดชไล้เรื่อยลงจนถึงซอกคอ ชายหนุ่มชะงัก มองใบหน้าเปลี่ยนสีกลายเป็นขาวซีด

“ไผ่....เป็นอะไร....ไผ่”

อ้อมแขนฉุดรั้งร่างของกิ่งไผ่ขึ้นแนบอก

“ไม่....ฉันไม่ทำอีกแล้ว....พอเถอะ...แฮร์ฟอร์ด”

กิ่งไผ่กรีดร้อง ท่าทีคล้ายทรมานใจ ธีรเดชตบใบหน้าของกิ่งไผ่เบาๆเรียกสติ กิ่งไผ่ปิดตาแน่น ขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากกายเกี่ยวกุมให้ได้ ธีรเดชตกอกตกใจต่อท่าทางของกิ่งไผ่

“ไผ่....”

บ่าถูกเขย่าอย่างแรง กิ่งไผ่คู้ตัวสะอึกสะอื้นเงียบๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ธีรเดชไม่แน่ใจว่ากิ่งไผ่ต้องการจะทำอะไร งุนงงครู่ใหญ่ เกรงว่ามันเป็นอาการเสแสร้งของอีก นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่รินหลั่ง ก้มใบหน้าลงจัดการร่างสั่นเทิ้ม ใบหน้าถูกมือบางดันออก ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนที่พันธนาการไว้ ธีรเดชกดมือกิ่งไผ่ลงติดพื้น ร่างที่อยู่ข้างใต้ไม่อาจขยับได้เพราะถูกทาบทับ

“ทำไม...ขัดขืนทำไม”

ธีรเดชกระซิบข้างหู คำพูดจาของชายหนุ่มคล้ายหยัน

....เธอต้องทำนะไผ่...มันเป็นสิ่งที่เธอเลือกแล้ว เธอเลือกแล้ว...


เสียงของแฮร์ฟอร์ดเฉียบเย็น สะท้อนไปมาในหัวของกิ่งไผ่...เขาต้องแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเงิน....แลกทุกอย่าง......ในหัวใจเย็นเยียบ มันเหมือนกับความทรงจำย้อนคืน เป็นความทรงจำที่ไม่น่าจดจำ...ความทรงจำขมขื่น ที่กิ่งไผ่เก็บงำมันไว้เงียบๆแผ่กระจายไปทั่วใจปวดร้าว เขาปิดหน้า เสยผมยาวยุ่งเหยิง หยาดน้ำตาคลอเบ้า ธีรเดชชะงักจริงๆเมื่อรู้สึกว่าร่างที่อยู่ภายใต้ตัวตนขัดขืน ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ จึงถอนตัวออก มองใบหน้าผ่านม่านเรือนผมยุ่งเหยิง ธีรเดชพิศวงเพราะดวงตากระด้างฉายให้เห็นชัดว่าหวาดกลัวต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย คนที่เก่งกาจสามารถฆ่าคนได้โดยไม่มีแม้แต่ความสงสาร ไฉนถึงได้หวาดกลัวถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มไม่อาจเข้าใจได้เลย

“ไผ่....”

มือหนาแตะเรือนผมอย่างอ่อนโยน หากกิ่งไผ่กลับปัดมือมันออก เขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่มีมุมมืดเก็บซ่อนไว้ในใจ เมื่อความชิงชังเอ่อล้นเมื่อความเกลียดชังบดบังดวงตา เขาก็กลายเป็นลูกนกพลัดรัง พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อทำลายอีกฝ่าย แม้ตัวเองจะวอดวายไปก็ตาม

กิ่งไผ่ลุกขึ้น เขาโซซัดโซเซกุมขมับกอดอกตัวเองแน่นสางเส้นผมยาวสยาย ริมฝีปากกัดจนแดงช้ำ....ธีรเดชลุกขึ้นตามติด เขาทรุดนั่งเคียงข้างผู้ที่หวาดผวา พยายามปลอบประโลม

“ออกไป....”

เสียงของกิ่งไผ่แหวกทามกลางความเงียบ...กลัวเหมือนกับเด็กๆ ธีรเดชแตะบ่า ปัดเส้นผมประบ่าออกจากบ่าบาง

“บอกให้ออกไป!”กิ่งไผ่ตวาด

ธีรเดชจึงชะงักมือที่แตะเรือนผม ถอยห่างออกมา เขาไม่มีวันเข้าใจอารมณ์ที่หยั่งลึก อยู่ในดวงใจอันเจ็บปวดได้

“ผมเหลืออะไรบ้างในชีวิต”

คำพูดที่ดูไร้ความหมายสำหรับธีรเดช ชายหนุ่มแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรกิ่งไผ่ถึงพูดคำพูดนี้ออกมา ดวงตาสีดำสนิท ตอนนี้แดงก่ำ ธีรเดชก้มหน้าลง ทรุดนั่งแล้วกำมือแน่น

“ผม...”

ธีรเดชพูดไม่ออก ทุกการกระทำคงกระทบส่วนที่อ่อนไหวในหัวใจที่แข็งกระด้างดวงนั้น...

“ช่างมันเถอะ ลืมมันซะ”

ใบหน้าแหงนมองท้องฟ้า กิ่งไฟสวมเสื้อผ้า รวบเรือนผมให้เข้าที่เข้าทาง นั่งเงียบงันไม่ยอมพูดยอมจา ธีรเดชกำมือแน่น ความรู้สึกผิดเอ่อล้น

“นอนเถอะ”

ชายหนุ่มเอ่ยเมื่อเห็นร่างอันอ่อนเพลียตาปรือ หากกิ่งไผ่ไม่ยอมหลับ

“ผมไม่ทำอะไรหรอก สาบาน”

ชายหนุ่มยกมือขึ้น กิ่งไผ่คุดคู้ตัว ใบหน้าซุกอยู่กับเข่า ผมปรกใบหน้า นั่งได้ไม่นานนัก หนังตาอันหนักอึ้งด้วยความอ่อนเพลียผสมกับความเครียดก็ปิดลง กิ่งไผ่เอนหลังพิงต้นไม้ ธีรเดชมองร่างคู้คุดคล้ายทารกในอ้อมอกมารดา หลับสนิท สีหน้าสงบผิดกับเมื่อครู่ คล้ายกับมีปัญหาอะไรอยู่ในใจ ...เขาไม่เข้าใจ เปลือกนอกที่แข็งกระด้าง เย็นชา ที่แท้จริงแล้วห่อหุ้มดวงใจที่แสนอ่อนไหวและเปราะบางไว้หรือ


------------------------------------------------

ร่างอันแก่ชราของท่านนายพลเดินโซซัดโซเซฝ่าพุ่มไม้น้อยใหญ่โดยมีไอ้ขิ่นตามอยู่ห่างๆ

“อดทนอีกนิดนะท่าน นาย”

เด็กหนุ่มคล้องย่ามไว้อีกข้าง แขนอีกข้างให้ท่านนายพลเกาะ เร่งฝีเท้าให้พ้นดงไม้ใหญ่

“ข้าเหนื่อยแล้วโว้ย”ร่างแก่ชรากล่าว หอบหายใจเหน็ดเหนื่อย

“อีกประเดี๋ยวก็ได้พักแล้ว นายทนหน่อย”

เจ้าเด็กหนุ่มว่า มันพานายพลอินคานข้ามขอนไม้ ก่อนจะให้ท่านนั่งพัก

“อ้ายเวร เอ็งจะให้ข้าตายคาป่าหรือ”

ท่านนายพลกุมหน้าอก เหงื่อไหลแตกพลั่ก เจ้าขิ่นเป็นห่วง

“ท่านนายพล...”

ไอ้ขิ่นรุดนั่งมองใบหน้าขาวซีดของนายพลอินคาน อดีตนายพลแห่งนวรัฐะยิ้มหยัน

“เอ็งไม่ต้องทำหน้าเหมือนข้าใกล้ตายหรอก ข้ายังอยู่”

ท่านนายพลว่า ท่านยื่นมือสั่นระริกขอถุงยา ซึ่งเจ้าขิ่นส่งให้ทันที มองดูท่านนายพลล้วงยาเข้าปาก

“ดูท่าข้าจะอยู่ไม่ถึงวันที่ข้าพบลูกข้าจริงๆ”

ท่านรำพึงมองดูยาลดความดันเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง ไอ้ขิ่นจับเข่าท่านนายพลเอาไว้

“เรื่องยาพอไปถึงบ้านฉันก็หาสะดวกแล้ว ฉันจะไปหาให้จ้ะ”ไอ้ขิ่นปลอบ

“เออ แต่มันหายากไม่ใช่หรือวะไอ้ขิ่น เอ็งต้มสมุนไพรให้ข้ากินก็ได้”

สีหน้าของเด็กหนุ่มดูไม่ค่อยสบายใจ

“แต่ยังไงท่านายพลต้องพึ่งยาพวกนี้อยู่ดีไม่ใช่หรือ”

นายพลกำขวดยาของตัวเองไว้แน่น ไอ้ขิ่นมองดูท่านนายพล สีหน้าหนักใจของท่านเก็บงำมิดชิดผิดกับเมื่อก่อน

“ไปเถอะว่ะขิ่น”

ท่านนายพลลุกขึ้น ปาดเหงื่อเปียกชื้น ไอ้ขิ่นมองแผ่นหลังของท่านนายพล

“นายพลพักก่อนเถอะ ค่อยเดินทางต่อ”

เจ้าขิ่นท้วง หากนายพลนิ่งเฉย

“ระยะทางยังอีกไกลพักเถอะนาย”

พูดสักเท่าไรนายพลอินคานก็ยังนิ่งเฉยเช่นเคย ท่านย้ำอยู่เพียงคำเดียวว่าอยากไปถึงบ้านของเจ้าขิ่นให้เร็วที่สุด เจ้าขิ่นลุกขึ้นเดินตาม

เจ้าหนุ่มที่เดินนำหน้าสอดสายตาดูลุ่ทางก่อนจะนำนายพลเดินตาม เมื่อเห็นว่าปลอดภัย

“เย็นนี้น่าจะถึงบ้านฉันแน่ๆจ้ะ”

นายพลอินคานผงกศีรษะ อย่างน้อยๆก็พ้นการไล่ล่าได้พักหนึ่ง

“พอไปถึงบ้านฉันนายจะทำอะไรหรือ”

เจ้าขิ่นถาม นายพลไม่ตอบกลับหลบเลี่ยงสายตา

“แล้วเรื่องพี่ไผ่ล่ะ นายจะให้ไอ้ขิ่นคนนี้สืบเสาะตามหาไหมนาย ?”เจ้าเด็กหนุ่มอาสา

“ขอบใจเอ็งว่ะขิ่น ฉันเชื่อว่าลูกชายฉันเอาตัวรอดได้ เอ็งอย่าเพิ่งกังวลไปเลย”

“ฉันรู้ว่าพี่ไผ่เอาตัวรอดได้ แต่ก็กลัวพลาดท่าไอ้กฤษดาเอาน่ะสิ มันยิ่งเจ้าเล่ห์”ไอ่ขิ่นบ่น

นายพลอินคานหัวเราะเยาะกฤษดา

“น้ำหน้าอย่างมัน ไม่มีปัญญาทำอะไรลูกข้าได้หรอก ไอ้คนเศษเดนพรรค์นั้นมันเอาเงินซื้อคน มีแต่ไอ้พวกโง่ๆเท่านั้นแหละที่ยอมทำงานให้”

เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ

“แต่มันก็มีพรรคมีพวกนะนาย”

เจ้าขิ่นท้วง เกาหัวแกรกๆไม่รู้ว่าพี่ไผ่ของมันต้องระเห็จหายไปที่ไหนจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร มันมทำได้แต่ภาวนาให้พี่ไผ่ของมันปลอดภัย

“เฮ้ย...ออกเดินทางต่อเว้ย”

นายพลสั่งลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงหลังจากที่ได้นั่งพักสักระยะ เด็กหนุ่มวิ่งตามแทบไม่ทันเมื่อท่านนายพลบุกป่าฝ่าดงเรี่ยวแรงราวกับคนหนุ่ม

“ขิ่น ถ้าข้าตาย ฝากเอ็งดูแลเจ้าไผ่ด้วย มันเป็นพี่มึง ดูแลมันอย่างดีล่ะ”นายพลหันมาบอกเหมือนสั่งเสีย

“ทำไมนายพูดแบบนั้นเล่า ขิ่นใจหายหมด”

นายพลอินคานปิดปาก ไอ้ขิ่นไม่เข้าใจในตัวท่านนายพลเลย ว่าคิดอ่านสิ่งใดอยู่

“เออน่า แกดูแลนายน้อยแกดีๆล่ะ”

นายพลชราสำทับ เจ้าขิ่นผงกหัวหงึกหงัก จำต้องรับคำคล้ายกับสั่งเสียนั่น

------------------------------------------------


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด