ขอโทษที ปล่อยให้ค้าง
++++++++++++++++++++++
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 18 L'honneur - L'amour : เกียรติยศ กบฏหัวใจ [Part 2]ริมฝีปากบางสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อแนบประกบ สัมผัสถึงความอ่อนนุ่ม อบอุ่น มือหนารั้งกายบอบบางเข้ามากอด ลูบเรือนผมบางเบา แม้จะอ่อนโยนก็ยังรู้สึกถึงความเฉยชา ความหวานก็เหมือนกับสิ่งลวงใจ ไม่มีจริง ไม่อาจสัมผัส ลึกๆปวดร้าวและหนาวสั่น ยิ่งสัมผัสยิ่งนึกตัวเองอยู่ในเงาของใครบางคน ไม่อาจรั้งกลับคืน ได้แต่ทดลองใจ กิ่งไผ่สัมผัสถึงความเบาบาง มันจะเลยเกินไปมากกว่านี้หรือ ธีรเดชคิดด้วยสมองอันงงงวย ร่างกายไม่อาจขยับได้สะดวกเพราะเจ็บแผล ถูกกดทับไว้ด้วยคนแข็งแรงกว่า สัมผัสเย็นๆแนบแผ่นอกแกร่ง สร้างความร้อน สัมผัสได้ถึงหัวใจเต้นแผ่ว... เขาก็เป็นมนุษย์ มีความรู้สึก ชิงชัง โกรธแค้น รักใคร่ บางที...ความปวดร้าวที่สะสมมานานอาจระเบิดขึ้น หลงอยู่ในเวิ้งว้าง มือหนาประคับประคองอีกฝ่ายออกเบาๆ เสี้ยวหน้าที่เคยเข้มแข็งมาตลอดกลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที เลือดในกายมันร่ำร้องจนไม่อาจห้าม หนึ่งสติที่พยายามรั้งกลับ กายอบอุ่นแนบชิดเกินกว่าจะย้อนกลับไปสู่เริ่มต้น ความฝันว่าได้สัมผัสความอ่อนโยน... มันเป็นจริงใช่ไหมนะ... ในใจลึกกิ่งไผ่ครวญคร่ำ ราวดวงดาวที่ห่างไกลพร่างพรมลงใส่กาย อาบให้ดวงใจลุกโชติช่วง ธีรเดชดันร่างของกิ่งไผ่ลงเป็นฝ่ายคร่อมเสียเอง ปัดเรือนผมละใบหน้า มองดวงตาอ่อน ปราศจากเค้าโครงกิ่งไผ่คนเดิม ใบหน้าตอนนี้ช่างอ่อนหวาน เหมาะควรที่จะได้รับการปกป้อง
“แน่ใจแล้วหรือ...”
ประโยคนี้ควรตะเป็นคำถามที่ธีรเดชน่าจะถามตัวเองมากกว่าอีกฝ่าย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ขนตาเป็นแพหนาขยับไหวคล้ายให้คำตอบที่ชายหนุ่มไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ก้มใบหน้าฝังลำคอของอีกฝ่าย นุ่มนวล ไม่รุนแรง ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา ธีรเดชเงยหน้ามองกิ่งไผ่ซึ่งสะท้าน ใบหน้าแดงจัด เม้มปากแน่น นิ้วแกร่งลูบไล้ริมฝีปากที่ราวกับบัวแย้มกลีบ ให้มันเผยเสียงที่ข่มกลั้นไว้
“อ๊ะ...”
เสียงครางหลุดจากปากโดยไม่ได้ตั้งใจ สร้างความอับอายให้กิ่งไผ่เป็นอย่างมาก พยายามถอนกายออกหากมือหนาตรึงร่างไว้แน่น เสื้อผ้าที่ถูกถอดออกไปเกือบครึ่ง พร้อมกับน้ำหนักทับถม เหมือนใจจะหนักอึ้งเรื่อยๆ
...มันเป็นแบบนี้ดีแล้วหรือ...
ริมฝีปากอุ่นๆแทะเล็มยอดอก ใบหน้าของผู้ถูกสัมผัสคล้ายกับจะจมดิ่งไปในห้วงสัมผัสอันอ่อนหวาน สำนึกมืดหม่นอยู่ในซอกลึกของหัวใจ วงแขนเรียวโอบกอดกระชับราวกับกลัวว่าสัมผัสจากกายแกร่งจะจางหายไป ธีรเดชหลงไปกับเรือนกายที่เต็มไปด้วยปริศนา ไม่รู้จักเบื้องหลัง เก่งและฉลาดสวยงาม... เอื้องคำดอกนี้ผ่านมือของใครมาบ้างนะ...ชายหนุ่มคิดเมื่อสัมผัสไปทุกสัดส่วน เรื่อยลงต่ำไม่ว่าตามชายโครง ร่างกายอ่อนไหวไปกับสัมผัส ยอมโอนอ่อนง่ายๆ พยายามปัดความคิดนั้นออกไปจากใจ ดื่มด่ำกับเรือนร่างเปราะบางผิดกับภายนอก เจ้ากลีบเอื้องคำราวกับปลิดปลิวไปตามกระแสลม คอยให้ใครสักคนเอื้อมคว้ากลีบหอมที่ล่องละลอยไปเดียวดาย รอให้ค้นหาช่อดอกที่แท้จริง นายทหารหนุ่มลุ่มหลงไปกับเรือนกายอ่อนนุ่ม จูบแนวไหปลาร้า ก่อนขยับไปยังริมปากอิ่มคล้ายกับไม่รู้จักพอ ส่วนมือที่ว่างอยู่ปฏิบัติกับส่วนอ่อนไหว เคล้นคลึงแผ่วเบาสลับหนักแน่น เสียงครางพยายามลอดจากริมฝีปาก หากถูกสะกดกลั้นเอาไว้
“อึ้ก...อืม..”
จูบดุดันรุนแรงจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน ไม่คิดว่าตัวเองจะหลงไปไปกับสัมผัสจากมือแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ธีรเดชมัวเมาไปกับความหอมหวาน จนกระทั่งลืมตัวลืมตน
“ผมรักคุณ...ผมรักคุณ”
จูบพรมไปทั่ววงหน้า กิ่งไผ่ได้ยินคำสารภาพรัก ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มพูดถึงตัวเองหรือเปล่า ด้วยความที่ไม่แน่ใจนักจึงฟังให้ดี คำบอกรักพร่ำซ้ำซาก ร่างโปร่งพยายามดิ้นออก
...ไม่ได้...แบบนี้มันเกินไป...
กิ่งไผ่พยายามขยับกาย หากเรี่ยวแรงถูกฉกชิงไป ไร้พละกำลัง ในใจมืดหม่น เย็นชา ร่างเหมือนจมลึกไปเรื่อยๆ สัมผัสจากธีรเดชกลายเป็นความด้านชาของจิตใจ มือของร้อยเอกหนุ่มแตะแก้ม สัมผัสถึงความเย็นเฉียบ ดึงร่างของกิ่งไผ่ขึ้นมากอดช้าๆ ละมือจากชายโครง สอดวงแขนรอบเอว ไร้เสียงใดๆ... ใบหน้าที่ซบอยู่บนไหล่กำลังร้องไห้อยู่...น้ำตาที่ไม่อาจข่มกลั้น ไหลพร่างพรูอีกครั้ง ...มันเป็นความเศร้าครั้งที่สอง เมื่อธีรเดชโอบกอดอ่อนโยน
ธีรเดชไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะผลักไสหรือตอบรับ...ไม่รู้เลย...สุดท้ายแล้วมองเห็นแววตาเศร้าแฝงอยู่จึงดึงร่างออกห่าง ชายหนุ่มเสยผม ไม่กล้าสบดวงตาที่สับสนเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบงัน กิ่งไผ่แหงนหน้ามองฟ้า พร้อมกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเอง
“ทำแบบนี้เราทั้งคู่อาจจะรู้สึกผิดไปมากกว่านี้”
ธีรเดชพูดเพราะอีกฝ่ายไม่พูดอะไร
“ทำไม?”
กิ่งไผ่ถาม เขาไม่เข้าใจในความคิดของอีกฝ่าย สิ่งที่ชายหนุ่มทำผสมกับการกระทำของเขากลายเป็นสิ่งที่ผูกรัดเอาไว้จนเจ็บปวด ธีรเดชไม่ตอบ กิ่งไผ่ก็ได้เดาเอาว่าเป็นเพราะสาเหตุใด
“นึกถึงคนๆนั้นสินะ”
น้ำเสียงขื่นขมเก็บซ่อนอย่างแนบเนียน สำหรับเขาพอแล้วที่เจ็บปวดใจ นายทหารหนุ่มยอมรับว่ามันเป็นความจริงตามที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ
“ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ ที่คุณจะนึกถึงเขา”
พูดไปแบบนั้น ดูดีว่าเป็นการโกหก กิ่งไผ่จบสาบเสื้อปิดเข้าหากันหลังจากผละออกจากอกแกร่ง นิ้วเรียวกลัดกระดุมด้วยท่าทางใจลอย
“คุณบอกว่ามันอาจจะผิด...แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่เลย”
ธีรเดชสงสัย คิ้วขมวดน้อยๆ
“ยังไง”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึม หลังจากเห็นท่าทีเย็นชาเหมือนทุกครั้ง ไม่ยี่หระต่อเหตุการณ์ที่เกิด ไม่มีสีหน้าเวิ้งว้าง ไม่มีอะไรทั้งนั้น เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น
“ก็ผมวางแผนไว้ ลองทดสอบคุณว่าจะทำยังไงดีละสิ”
ดวงตาธีรเดชฉายถึงความงุนงงจนเห็นได้ชัด กิ่งไผ่กอดเข่าตัวเอง ซุกกายหาไออุ่นที่ยังอวลจางๆทั่วกาย กลิ่นของความอ่อนโยน...อีกไม่นานก็จะจางหายไป
“ก็ถ้าคุณมีอะไรกับผมเท่ากับว่าเชื่อถือไม่ได้ แต่ผิดคาดคุณนี่ทึ่มจัง ต่างจากคนอื่นๆที่ผมเจอ”
อีกฝ่ายพูดราบเรียบ ใบหน้าเบือนมองยิ้มหยัน ดวงตาคู่นั้นเข้มและกร้าว ซ่อนรอยเปราะบางเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็นนอกจากตัวเอง
“เชื่อถือไม่ได้...?”ธีรเดชยิ่งไม่เข้าใจ
“คุณโง่เอง ขุดหลุมพรางให้ผมใช้แล้วก็ตกไปเอง ที่ผมหงุดหงิด โมโหใส่คุณก็เพื่อทดสอบ”
เขาถูกทอสอบ คนตรงหน้าไม่ไว้ใจเขาหรือ
“ทำไม...”ธีรเดชถามเสียงแผ่ว
กิ่งไผ่ยิ้มประดุจแมงแมงมุมพิษ
“คุณไม่ไว้ใจผมและผมก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ใจคุณเช่นกัน”กิ่งไผ่ตอบ ท่าทีเป็นดังผู้ชนะที่กุมบังเหียนเอาไว้
“คุณไม่ไว้ใจผมสักครั้ง?”ธีรเดชถาม เขาไม่เข้าใจกับเหตุผลของเรื่องที่ผ่านมา
“การที่ผมไว้ใจคุณมันง่ายเกินไปมั้ง”กิ่งไผ่กล่าว เขาเป็นมือสังหารนี่...นึกในใจเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิด
“ไผ่ ผมไม่นึกเฉย...”ชายหนุ่มคราง....รู้สึกเหมือนกับไอ้โง่ขึ้นมาทันที
“คุณเลยยอมทอดร่างให้ผมเพื่อพิสูจน์ความเข้าใจโง่ๆนั่นน่ะรึ”ธีรเดชโกรธจัด
“คุณอยากโง่เอง”
คำพูดของกิ่งไผ่ประดุจคำดูถูก ใบหน้าแกร่งชาด้าน
“จริงสิ...ผมโง่....”
ย่างก้าวเข้าไปหา กิ่งไผ่ถอยหลังหนีเมื่อเค้าโครงหน้าอ่อนโยนเปลี่ยนไป ธีรเดชรู้สึกเหมือนถูกงูเห่าแว้งกัด
...เลี้ยงไม่เชื่อง...เป็นงูเห่าที่แสนดี ซ่อนคราบของงูพิษไว้แนบเนียน พอได้จังหวะก็แว้งกัด...เจ็บ...แสบ...และสุดทนทาน
“คุณจะทำอะไร”
กิ่งไผ่ตวาด ตั้งท่ารับอย่างมั่นคง ลุกขึ้นประจันหน้ากับร่างสูงตรงๆ
“ไหนๆคุณไม่เชื่อใจผมแล้ว ผมก็สมควรฆ่าคุณดีไหม”
เหตุการณ์เปลี่ยนไปจนนึกไม่ถึง กิ่งไผ่คิดปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดแท้ๆ ไม่คิดว่ามันจะสะกิดโทสะของชายหนุ่ม
“เอาซิ ถ้าคุณทำได้!”
กิ่งไผ่ปรามาส ตัวเขาประมาทเกินไป ไม่คิดว่าคนเจ็บจนไม่น่าเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว รุกประชิดตัว ถูกกดจนต้องนิ่วหน้าเมื่อถูกตรึงแขนแน่น หากชายหนุ่มก็ไม่ปล่อย ธีรเดชจับแขนล็อคไว้ กิ่งไผ่ขัดขืนจนบาดแผลบนไหล่ชายหนุ่มมีเลือดไหลซึมแดงคล้ำ
“จะฆ่าก็ฆ่าเสียตรงนี้ซี่”ปากก็ไม่หยุดท้าทายอย่างอวดดี แม้จะตกเป็นเบี้ยล่าง
ธีรเดชไม่เสี่ยง เขาจะจัดการอย่างไรดีกับคนๆนี้ จะปราบความพยศ อวดดีและดื้อดึง ...ทั้งๆที่คิดว่ามีบุญคุณแล้วแท้ๆ... ธีรเดชไม่มีทางเลือก... เขาดันขาของกิ่งไผ่ให้ล้มลง หัวเข่ากระแทกกับพื้นอย่างแรง ดีที่ยังมีใบไม้แห้งสุมหนาซับแรงกระแทก
“คุณจะมีปัญ...”
ยังไม่พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากหนาเบียดรุก แทรกสอดอย่างถือสิทธิ์ จูบผู้ขัดคืนหยุดทันใด
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ต่อกันจนจบไหมจากเมื่อกี้ จะได้เป็นไอ้เลวโดยสมบูรณ์แบบไงล่ะ”
กิ่งไผ่พูดหลังจากที่ริมฝีปากถอนออก ลมหายใจกระชั้น
“มันยังน้อยไป...”ธีรเดชฝังริมฝีปากบนซอกคอขาว
กิ่งไผ่ลดการขัดขืนลง เขาขยุ้มเสื้อแน่น อยากฉีกทึ้งออกไปให้หมด หากเขาหยุดไปอีกครั้งเพราะสติรั้งไว้...แม้จะโกรธก็ไม่ควรทำเช่นนี้ กิ่งไผ่หอบหายใจหนักๆ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นติดต่อกันโดยที่ไม่มีโอกาสไปอยู่ในหัวใจใคร...
------------------------------------------------
ทางด้านกฤษดาที่กำลังหัวเสียเมื่อทราบข่าวว่าลูกน้องทำพลาดไป ชายหนุ่มสบถลั่น พลางตบหัวลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆระบายอารมณ์
“พวกมึงทำงานยังไงกันวะ ถึงพลาดท่าคนๆเดียวได้”
ดวงปูดโปน นิ้วชี้กราดไปยังลูกน้องที่กลัวหัวหด
“มึงทำยังไงกัน”
น้ำเสียงของลูกพี่เยียบเย็น ไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใดๆ
“มันเคยเป็นเจ้านายมึง...พวกมึงน่าจะรู้จุดอ่อนมัน น่าจะจัดการได้ง่ายๆ ทำไมพวกมึงไม่มีปัญญากันห๊ะ”
กฤษดาเตะเก้าอี้กระเด็น มือล้วงกระเป๋า หาที่ระบาย
“มันมีคนเดียว มึงมีเป็นสิบมึงยังพลาด ไอ้พวกไร้น้ำยา !”
เจ็บแค้นที่ถูกกิ่งไผ่หักหน้าเสียเจ็บ สังหารลูกน้อง ตีจนแตกกระเจิงด้วยตัวคนๆเดียว
“มันเก่งเหลือเกินครับ เก่งจนน่ากลัว”
ลูกน้องเอ่ยด้วยอาการปากคอสั่น ส้นเท้าของกฤษดากระแทกหน้าจนมันดั้งหักทันใด เลือดสดๆไหลอาบ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บดังขึ้น
“อ้ายเวร เก่งจนน่ากลัวเร๊อะ ไอ้พวกไร้น้ำยามันก็ดีแต่พูดแบบนี้ละวะ”กฤษดาด่าซ้ำ
ลูกน้องที่เคยอยู่ภายใต้อำนาจของนายพลอินคานเงียบกริบ
“แล้วนี่พวกมึงสืบหาตัวท่านนายพลเจอยังวะ ไอ้แก่นั่น... มึงหาตัวพวกมันเจอรึยัง”
ย่างสามขุมเข้ามาหาลูกน้องทีละก้าว ทีละก้าว ใบหน้าของกฤษดาดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
“ย...ยังเลยครับนาย แต่อีกไม่นานต้องเจอตัวแน่ครับ”
ฝ่ายลูกน้องผู้ทรยศตอบเสียงต่ำ ซึ่งผู้เป็นลูกพี่ซัดพลัวะเข้าที่แก้ม
“ตามเจอเร๊อะ...กี่ชาติพวกมึงจะตามเจอ ให้กูตายก่อนไหม”
ชายหนุ่มประชดประชัน เท้าเอวด้วยความหงุดหงิดเหลือแสน.... อยากบีบเค้นลำคอขาวๆให้สิ้นลม อยากย่ำยีจนมันกลายเป็นหมาข้างถนน ซมซานลงแทบเท้าของเขา ฆ่าพ่อของมันให้ตาย เพื่อชดใช้กับสิ่งที่มันทำกับกู เตะก้อนหินกระเด็นไปไกล นึกหงุดหงิดเหลือแสนโดยเฉพาะไอ้ลูกชายหน้าสวยของท่านนายพล ภายนอกช่างดูอ่อนหวานราวกับกุหลาบหนามพิษ !
“มึงจัดกำลังคนไปจับมันสองพ่อลูกให้ได้ กูเชื่อว่าหมาจนตรอก มันก็คือหมาจนตรอก สู้ไปสุดท้ายก็อ่อนแรงเอง”
ขบเขี้ยวเข่นฟันขณะเอ่ย ร่างของลูกน้องวิ่งมาอย่างกังวลใจ
“นายครับท่านนายพลคะฉิ่นจะมาเยี่ยมท่านครับ”ลูกน้องรายงาน
ดวงตากฤษดาหรี่ลง
“จัดเตรียมต้อนรับด่วน”
ชายหนุ่มสั่ง หันหลังก้าวฉับๆอย่างว่องไวขึ้นบ้านสมัยอดีตที่นายพล ภายในใจตกแต่งหรูหราผิดกับภายนอกที่มีแต่ความสกปรก เสียงเฮลิคอปเตอร์แล่นตัดอากาศ พาร่างน้องชายผู้ทรยศพี่ชายแท้ๆตัวเองมาถึงฐานกลุ่มกองโจรกู้แผ่นดินที่ล่มสลาย นายพลคะฉิ่นยิ้มกว้างหลังลงจากเฮลิคอปเตอร์
“นายท่านดูเปลี่ยนไป”
กฤษดาทักแขกที่มาเยี่ยมเยือนแบบนานๆครั้ง ผู้เป็นแขกยิ้มกริ่ม ดวงตาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แฝงประดับในแววตา ตลอดเวลาที่พบกันมักมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อเป็นความลับในการพบกันเงียบๆ สายตาสีดำดั่งพญาเหยี่ยวยิ้มรับ นายพลติดเครื่องอิสริยยศเต็มที ท่วงท่าเลียนแบบจากกษัตริย์ในอังกฤษ งามสง่าและแฝงกลิ่นอายความเลือดเย็น....ข้าเบื่อแล้วกับการอยู่ใต้อำนาจของใครบางคน...ในใจของคะฉิ่นร่ำร้องอยากกระทำรัฐประหาร ผู้ที่ทรยศอดีตเจ้าเมืองนวรัฐะ ฆ่าได้แม้กระทั่งครอบครัวของพี่ชาย เพื่ออำนาจ
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสักหน่อยนี่”
ท่านนายพลคะฉิ่นหัวเราะ มองอาหารที่จัดต้อนรับไว้บนโต๊ะยาว มีน้ำเมาตั้งไว้ เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุด
นายพลคะฉิ่น เจ้าเมืองเวียงนวรัฐะปัจจุบันทรุดนั่งตามคำเชิญของกฤษดา ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของท่านนายพลแผดลั่น
“ท่านอยู่ไหนคะ”
เสียงหญิงสาวแผดเสียงในโทรศัพท์ นายพลคะฉิ่นเอื้อมรับ กรอกเสียงหน่ายๆก่อนปิดโทรศัพท์ทันที
“ขอโทษที... เดี๋ยวนี้ช่างวุ่นเหลือเกิน”
แม้ปากจะพูดเช่นนั้นหากรอยยิ้มประดับ พาดบนสีหน้าเย็นชา ยังมีความสนุกใดๆอีกนอกจากความใคร่ทางเรือนร่าง นายพลคะฉิ่นยิ้ม มองใบหน้าคนหนุ่มซึ่งได้ยินคำพูดของตัวเองกับอนุภรรยา
“ใช่ครับ ช่างวุ่นวายนัก”
กฤษดาตอบรับ เห็นด้วย...มองสายตาของหุ้นส่วน ก็อดยิ้มอย่างเหน็บหนาวไม่ได้...เงิน..คืออำนาจ...ใบเบิกทางอำนวยความสะดวกสบาย... จะเอาอะไรก็ได้ ผู้หญิง ...ความไว้เนื้อเชื่อใจแม้กระทั่งความมั่นคง
“จับอดีตเจ้าเมืองและเจ้าชายได้รึยัง”
นายพลคะฉิ่นเสียดสี รอยยิ้มของกฤษดาหยักขึ้น
“อีกไม่นานหรอกครับ จับมันได้แน่”
กฤษดาให้คำรับรอง เขารวมมือกับนายพลคะฉิ่นที่ทรยศพี่ตัวเองทำการรัฐประหารยึดอำนาจของผู้เป็นพี่ชาย แทรกซึมมาในกองโจรเวียงนวรัฐะเพื่อกำจัดต้นตอของเรื่องทั้งหมด ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยเหลือทางด้านการเงิน กฤษดาบ่อนทำลายจากภายใน ส่งหนอนบ่อนไส้ไปทำงานตามที่วางแผนเอาไว้อย่างปราดเปรื่อง จนทุกอย่างล้ม แตกพ่าย....นายพลอินคานซึ่งรวบรวมคนเพื่อแย่งชิงเมืองคืนกลับถูกทรยศจนย่อยยับ
“ดี...ต่อไปนี้เราคือหุ้นส่วนที่แท้จริง”
ท่านนายพลคะฉิ่นว่า ท่าทางภูมิใจกับอำนาจมีที่มักอยู่ในมือ
“ครับ...ท่าน”
ชูแก้วเครื่องดื่มขึ้น ช่างสบายใจเหลือเกิน ไม่ต้องกลัวว่าใครมาอาจหาญ...ยอดเยี่ยม... อดีตโศกของกิ่งไผ่ และท่านนายพลอินคาที่เชื่อใจนายพลคะฉิ่นจนถูกยึดอำนาจ....ลุงที่ทำตัวราวกับยูดาผู้ทรยศพระเจ้า... โหดร้าย...และไร้เมตตา ทรยศจนอำนาจเจ้าเหนือหัวเวียงนวรัฐะล่มสลายไปแล้ว ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้เพาะแต่ความชิงชังลงไปในหัวใจหลานจนหยั่งรากลึก !
“เพื่องานที่ก้าวหน้าของเรา”
แก้วเหล้ายกขึ้นซด พร้อมกับชนแก้ว
“เรื่องที่ไทยก็ยังไม่มีใครระแคะระคายใช่ไหม?”
“ยังครับ คนของผมไว้ใจได้”
ชายหนุ่มเอนหลัง เฝ้านึกถึงความสำเร็จของกรุยเส้นทางการค้ายาเสพติดและได้อาศัยอิทธิพลของเจ้าเมืองเวียงนวรัฐะอันแสนเกรียงไกล...
“แล้วเรื่องพวกที่หนีไปสบทบพี่ชายฉันล่ะ จัดการเรียบร้อยรึยัง ?”
นายพลถามถึงเสี้ยนหนามยอกอก แม้ทลายอำนาจของนายพลอินคาด้วยการซื่อลูกน้อง แต่ก็ยังมีบางรายที่ยังภักดี ไม่ยอมขายชีวิตกับเงินตรา หนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
“ให้ลูกน้องจัดการตัดไฟแต่ต้นลมอยู่ครับ ไม่ให้มันรวบรวมกำลังพลได้”
ท่านนายพลคะฉิ่นพอใจในข่าวที่ได้รับ...อำนาจเอ๋ย...เทพเจ้าแห่งชัยชนะอยู่เคียงข้างท่าน
“อย่างนี้คงหมดห่วงได้ ขอให้คุณทำงานอย่างดีแล้วสิ่งที่ต้องการจะอยู่ในมือของท่าน ตอนนี้ผมขอตัวก่อนมีธุระติดประชุม”
รอยยิ้มโค้งขึ้นบนสีหน้า กฤษดามาส่งท่านนายพลคะฉิ่นขึ้นเฮลิคอปเตอร์ คอยมองเจ้าแมลงปอยักษ์ยกปีกบินไปไกล
... เงินทองรึ?....
แล้วนายกฤษดาก็หัวเราะลั่น...สิ่งที่เขาต้องการมีมากกว่านั้น...หากนายพลคะฉิ่นรู้ คงได้ตกใจเป็นแน่แท้ !
------------------------------------------------