ห้วงรักเสน่หา ตอนพิเศษ หนึ่งหน้าในสมุดบันทึก(จบตอนพิเศษ)L'amour,Le chagrin,La passion(Love,Sorrowful,Passion)
http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2B04GGAPD&Autoplay=1------------------------------------------------
เพราะได้แต่มอง...เก็บความคำนึงเอาไว้ในใจอยู่เงียบๆ แม้จะเศร้าสักเพียงไหนก็ต้องยิ้ม สำหรับเขาก็คงได้แค่นี้ละมั้ง
ต้นธาราลืมตาตื่นหยาดน้ำตาคลอ ภายในหัวปวดหนึบราวกับมีมีอะไรอยู่ภายใน ได้แต่นอนนิ่งๆ มองเพดานห้องพักด้วยสายตาพร่าพราย กระพริบตาถี่ๆเอี้ยวคอมองเห็นร่างของใครบางคนพิงประตูบ้าน นอนคอพับคออ่อน คุณหมอใหม่หมาดๆรีบลุกทันใด
“ผู้กอง!”
ต้นธาราอุทานเสียงแผ่ว กุมขมับเอาไว้เพราะเวียนศีรษะ ปรับร่างกายสักระยะ ยันกายเพื่อเหวี่ยงตัวเองลงจากเตียง มือข้างหนึ่งลากผ้าห่มกองบนพื้นไม้ คุณหมอไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้น เสียงดังปลุกให้ผู้กองนาคีลืมตาตื่น ตกใจที่เห็นคุณหมอกองอยู่บนพื้นเสียแล้ว
“คุณหมอนอนดีกว่าครับอย่าเพิ่งลุกเลย”
น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าว ต้นธารายิ้มแห้งๆ มือสั่นระริกยามจับลำแขนชายหนุ่มเป็นตัวพยุงให้ลุกขึ้น
“เมื่อคืนคุณหมอซัดเหล้าแรง ทั้งๆที่คออ่อนแท้ๆ”นาคีบอก
คุณหมอเริ่มจำได้เลาๆแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผู้กองพาผมมาหรือครับ”
น้ำเสียงหลุดลอดจากลำคอช่างแหบแห้ง ผู้กองนาคียิ้ม ค่อยๆประคองร่างบอบบางทรุดนั่งขอบเตียง นาคียื่นแก้วน้ำให้คุณหมอ ต้นธาราดื่มจนหมด
“ขอบคุณ ผมทำให้ผู้กองเดือดร้อนจริงๆ”ต้นธาราพึมพำขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
รอยยิ้มชวนให้อุ่นใจ ต้นธาราแม้อึดอัดและเกรงใจรู้สึกดีที่ผู้กองอ่อนโยนต่อเขาซึ่งเป็นแพทย์อาสาคนใหม่
“อ่า...ยังไงก็นอนพักนะครับ รุ่งเช้าผมจะเอายาสร่างเมามาให้รับรองกรึ๊บเดียวได้ผล”นาคีบอก
ต้นธาราขอบคุณสำหรับยา ผู้กองมองใบหน้าขาวซีดชั่วครู่อย่างนึกห่วงก่อนตัดใจลงจากเรือนพัก ทิ้งให้ต้นธารากุมหน้าอกแน่น ทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเมา คุณหมอผะอืดผะอมทรุดอยู่กับเตียงทันที สิ้นสติไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
------------------------------------------------
รุ่งเช้าต้นธาราตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อย หน้าผากมีผ้าประคบไว้ แถมเสื้อผ้ายังเป็นตัวใหม่ คุณหมอไม่เข้าใจ พยายามระลึกถึงเหตุการณ์ หลังจากที่สลบไปก็นึกอะไรไม่ออก อยากรู้ว่าใครจัดการกันแน่ ตัวเขาเองช่างอ่อนแอเหลือเกิน
“โชคดีจังที่คุณไม่เป็นอะไรมาก”
ต้นธารามองตามเสียง เห็นร่างกายสูงใหญ่ของภานุยืนค้ำร่างเหนือเตียง คุณหมอเบิกตากว้างพยายามฝืนยิ้ม
“เจ้านาคีมันฝากผมดูแลหมอ ตอนนี้มันกำลังเข้าเวรอยู่ เมื่อคืนเจ้านาคีสังหรณ์ใจว่าคุณหมอคงอาการแย่แน่ๆจึงย้อนกลับมาดูอีกครั้ง เห็นคุณสลบอยู่ก็เลย...”ภานุเงียบไป
ต้นธาราทำหน้าเป็นการบอกเข้าใจ ผู้กองหนุ่มก้มมองพิศอยู่นาน ไม่ยอมพูดอะไรจนผู้มองหัวใจเต้นแรงอย่างน่าประหลาด
“เจ้านาคีคงมาแล้วมั้ง”
ภานุมองนาฬิกา ท่าทางอยากออกไปเสียเต็มประดา ต้นธาราเสียดาย พอภานุพูดจบร่างสูงใหญ่ของนาคีโผล่ขึ้นมาทันใดพร้อมกับถุงกับข้าว
“ขอบใจโว้ยไอ้เพื่อนรักที่อยู่ดูแลคุณหมอให้ชั่วคราว”
นาคีตะโกน ภานุเพียงโคลงศรีษะไปแกนๆ ลงไปข้างล่างเมื่อมีคนมาเปลี่ยนเวรเฝ้า นาคีเข้ามาภายในบ้านพักของต้นธาราราวกับเป็นเจ้าของ รอยยิ้มอ่อนโยนระบายเต็มสีหน้าผิดกับภานุที่บึ้งตึงคล้ายถูกบังคับให้รับผิดชอบงานที่ไม่ต้องการ
“สงสารคุณหมอ แกมาอยู่นี่ไม่รู้อะไรเลย”
ภานุได้แต่รับฟังแล้วเออออด้วย เจ้านาคีชวนกินข้าวด้วยหากชายหนุ่มปฏิเสธไป ร้อยเอกภานุไม่รู้เลยว่าสายตาคู่หนึ่งไล่ตาม นาคีสังเกตเห็นกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็น เพราะสายตาที่มองแผ่นหลังแกร่งเป็นสายตา ล้ำลึกและอาลัย!
“คุณหมอ....”
นาคีเรียกเสียงแผ่ว ต้นธาราช้อนสายตามอง ร่างสูงใหญ่ขยับกายเข้าใกล้ทรุดลงข้างๆแตะศีรษะร้อนรุ่มๆด้วยพิษไข้
“แย่เลย....”คุณหมอหมาดๆพูดอุบอิบ วันแรกก็ปฏิบัติงานไม่ได้เสียแล้ว
“ผมแจ้งไปทางโรงพยาบาลแล้วครับ ไม่ต้องห่วง คุณหมอดูแลสุขภาพตัวเองก่อนเถอะครับ”นาคีบอก แกะถุงกับข้าวเทใส่จานที่เตรียมมาให้คุณหมอโดยเฉพาะ
“ทานข้าวเถอะครับ แล้วค่อยทานยา”
ต้นธาราส่ายหน้าบอกว่าไม่อยากทานอะไรทั้งนั้นหากผู้กองนาคีขู่บังคับ คุณหมอคนใหม่จำต้องลุกขึ้นรับถ้วยข้าว หากชายหนุ่มไม่ยอมส่งให้กลับป้อนถึงปาก
“อย่าเลยครับ ผมทานเองดีกว่า แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”ต้นธาราบอกเสียงอ่อนเบา
นาคีส่งสายตาดุๆ ส่งช้อนตักข้าวป้อนเข้าปากคนป่วย ต้นธาราจำต้องกลืนเพราะสีหน้าของผู้กองฉายถึงความสุข ซึ่งมันสร้างความหนักหน่วงในหัวใจ!
------------------------------------------------
การที่ต้นธาราคุ้นกับค่ายได้ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้กองนาคีช่วยเหลือ คุณหมอตั้งใจทำงานด้วยความขยัน วันเวลาที่ผ่านไปเชื่องช้า...เขาก็ไม่อาจสร้างความสนิทสนมกับคนที่ใจฝันใฝ่ถึงได้...คนนั้นมองเขาเหมือนไม่มีตัวตน...ไม่เห็นค่ารึความสำคัญใดๆ...แม้เขาจะเป็นฝ่ายไล่ตามมาตลอดเวลา
“คุณหมอทำงานเสร็จยังครับ”
ผู้กองนาคีที่มักโผล่หน้ามาให้เห็นบ่อยครั้ง แม้ต้นธารายินดี แต่ลึกๆแล้วอดคะนึงหาร่างสูงใหญ่ของภานุไม่ได้ รอยยิ้มมอบให้อ่อนโยน นาคีมองเพลิน
“แหม...โผล่มาได้เกือบทุกวันเลยนะคะ”
คุณหมอมาริสากล่าวแซวซึ่งผู้กองนาคีมักหัวเราะแก้เขินทุกครั้งไป
“ผมมาเฝ้าอารักขาเดี๋ยวเกิดเหตุร้ายกับโรงพยาบาลของชุมชนครับ”ชายหนุ่มมักพูดเล่นซึ่งเรียกรอยยิ้มได้เสมอๆ
“ผู้กองมาที่นี่บ่อยๆไม่กระทบถึงงานเหรอครับ”ต้นธาราถาม รวบรวมเอกสารงานลงซองสีน้ำตาล
“ผมทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ อันไหนพอจะฝากเจ้าภานุได้ก็โบ้ยเสีย”
พอพูดถึงชื่อที่ทำให้ใจไหวหวั่น ต้นธาราหรุบตาลงทันใด
“แล้วผู้กองภานุไม่บ่นหรือครับ”
เรียกขานชื่อด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแม้กระทั่งตัวเองยังไม่รู้น้ำเสียงเรียกขานมันเจือความคะนึงหาปานใด ต้นธารารอฟัง นาคีจ้องตาของคุณหมอเนิ่นนาน
“รายนั้นบ้างานยังกับอะไรดี”นาคีบอก ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทมานานจึงทำให้รู้นิสัยกันดี
คุณหมอได้ฟังยิ้มกับตัวตนของภานุ นาคีปวดแปลบเหลือเกิน เหมือนมองภาพบาดตาบาดใจ
“คุณหมอมาริสากับคุณหมอต้นธาราจะกลับเลยไหมครับ ผมจะไปส่ง”
ต้นธารายกมือปฏิเสธบอกว่าตัวเองติดเวรต้องอยู่โยงที่โรงพยาบาล นาคีจึงไปส่งคุณหมอมาริสา คงเหลือแต่ต้นธารานั่งในห้องทำงาน ดึกแล้วทั่วทั้งตึกเล็กๆเงียบสงบจนได้ยินเสียงลานนาฬิกา คุณหมอก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับงานที่ค้างไว้ นานๆทีจะเงยหน้าขึ้นมาสักครั้ง แสงไฟตรงหัวโต๊ะสะท้อนใบหน้าจนดูละมุนตา ต้นธาราทำปากกาตกก้มลงเก็บเงยหน้าขึ้นแล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะร่างของผู้กองภานุเป็นเงาทะมึนกลืนในความมืด
“เดี๋ยวก็ได้สายตาเสีย”ผู้กองหนุ่มว่า
ต้นธารามือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเลย เมื่อเผชิญหน้า “รักแรกพบ”โดยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ
“เป็นปกติครับ อยู่คนเดียวไม่รู้จะเปิดไฟให้เปลืองงบรัฐบาลทำไม”
คุณหมอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ภานุกอดอก ยกเก้าอี้มานั่งใกล้ๆต้นธารา
“ยังไม่กลับอีกหรือ? ดึกแล้วนะ”ภานุเตือนด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
ต้นธารารับฟังเงียบๆจดจ่ออยู่กับงานให้มากที่สุด หากความจริง หัวใจมันกลับเต้นผิดจังหวะ
“งานผมเสร็จ ผมก็กลับ”
ไม่รู้ว่าคำพูดที่เอ่ยออกจะสั่นเครือขนาดไหน ภานุกอดอก มองแผ่นหลังบอบบางตั้งใจทำงาน
“ถึงจะติดเวรขนาดไหนก็ไม่น่าอยู่ดึกป่านนี้ ตอนนี้กำลังมีเรื่องกองโจร ไม่รู้ว่ามันจะบุกมาตอนไหน ทางที่ดีคุณหมอรีบกลับดีกว่า งานเอาไปทำที่บ้านพักก็ได้ ที่นั่นปลอดภัยเพราะใกล้กับค่าย”ภานุเตือน แววตาจริงจัง
ต้นธาราวางปากกาลง ถอดแว่นออกจ้องภานุเขม็ง
“ครับ...แต่คนป่วยก็อาจมาตอนไหนก็ได้ หมอไม่อยู่จะทำอย่างไร?”ย้อนถาม
ภานุไม่ตอบ มองจมูกรั้นๆ แก้มขาวสะท้อนแสงไฟทำให้ดูซีดเผือดกว่าที่เห็น
“ดูเป็นคนดื้อเหลือเกิน”ภานุพึมพำ
คุณหมอขมวดคิ้ว
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรหรือเปล่า?”
ภานุปฏิเสธเสียงสูง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองแผ่นหลังบอบบางทำงานเพลิดเพลิน
“ไม่ต้องรอก็ได้กระมัง”
ต้นธาราหันมาเพราะอึดอัดต่อสายตาคมจับจ้อง หากภานุยังนิ่งเฉย
“ผมไปส่งดีกว่า”
คนดึงดันรั้งจะอยู่ต่อ ต้นธาราวางแฟ้มงานลง เตรียมจัดเก็บ หากขณะเอาแฟ้มเข้าตู้ เสียงร่าเริงของผู้กองนาคีดังแว่วมาก่อนเจ้าตัวจะโผล่หน้ามา
“คุณหมอเสร็จงานยังครับ ผมมารับแล้...”
ชายหนุ่มชะงักเมื่อพบว่าใครอีกคนอยู่ในห้อง ภานุทักทายเพื่อนสนิทโดยการพยักหน้า
“เฮ้ย....ลาดตะเวนเสร็จไม่กลับไปนอนวะไอ้เสือ”
“เห็นไฟในโรงพยาบาลเปิดอยู่เลยมาดู คิดว่าเป็นคุณหมอมาริสาเสียอีก”
คำตอบของภานุส่งผลให้ต้นธารากลืนน้ำลาย มือกำปากกาแน่น
“ไปส่งเธอแล้ว”
นาคีเดินเข้ามาใกล้โต๊ะของคุณหมอหนุ่ม
“ปกติถ้าหมอมาริสาอยู่เวรดึกพวกผมจะผลัดกันมารับเธอไปส่งที่บ้านพักน่ะครับ เป็นคำสั่งของผู้พัน”
ต้นธาราเข้าใจเพราะคุณหมอมาริสาเป็นแพทย์หญิงเพียงคนเดียวของที่นี่ อีกอย่างการอยู่เวรแต่ละครั้งต้องอยู่ดึกดื่น หากกลับบ้านพักในยามราตรีคงอันตรายน่าดู
“แล้วเอ็งมารับคุณหมอต้นธารารึไอ้เสือ”นาคีหันมาทางภานุ หากเพื่อเกลอลุกขึ้นหนี
“มีคนมารับแล้วกันก็กลับซีวะ บ้านอยู่ไกลกว่าบ้านแกโว้ย”
ภานุตอบ พลางลุกขึ้นมอบหมายหน้าที่ดูแลคุณหมอให้เจ้านาคี พอภานุออกไป ต้นธาราพรูลมหายใจ...ความรู้สึกเหมือนถูกกดดันทางสายตาหายไปเมื่อคนจับจ้องไม่อยู่
“กลัวเจ้าภานุมันเหรอครับ?...” นาคีถามลอยเมื่อเห็นกิริยานั้น ต้นธาราส่ายหัวปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้บอกไปว่าเพราะอะไรถึงมีท่าทีเหมือนอึดอัดต่อการปรากฏตัวของผู้กองภานุ
“งั้นเหรอครับ เจ้าภานุทำอะไรก็จริงจัง ดุดัน ทำหน้าตายังกับโจรแบบนั้น แถมยังเป็นไอ้เสือยิ้มยากอีก ใครเจอมันครั้งแรกก็หวาดๆไปเหมือนกัน”
ต้นธาราหัวเราะเบาๆ
“ทั้งๆที่เป็นเพื่อนสนิทกันแท้ๆ”
ดวงตาของนาคีจับจ้องร่างคุณหมอเนิ่นนาน จนคนมองสะท้านในหัวใจ
“ผมเสร็จงานแล้ว...”
ต้นธาราหันมองงานแทนที่จะสบดวงตาคู่นั้น นาคีช่วยเก็บข้าวของชิดใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจ
“คุณหมอจะทำงานที่นี่ตลอดไปไหมครับ?”
ต้นธาราเงยหน้ามองผู้ที่เอ่ยถาม นิ่งไปพักใหญ่ก่อนตอบไป
“ก็อาจจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะถูกเรียกตัวกลับ”
ดวงตาสีน้ำตาลซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้...เหมือนอาวรณ์เมื่อคิดว่าตัวเองจะได้จากไปโดยไม่มี “เงา” ตัวเองประทับในหัวใจของ “คนๆนั้น” มือหนาถือวิสาสะยกแตะแก้มซีดขาวดันขึ้นเล็กน้อย แรกๆคุณหมอขัดขืนทว่านิ่งไปเมื่อสายตาอีกฝ่ายตัดพ้อ
“หน้าคุณหมอซีดตลอดเวลาเลย พักผ่อนบ้างหรือเปล่าครับ”
ต้นธาราเบี่ยงใบหน้าออกจากการเกาะกุม ตอบโดยการหันหน้าไปทางอื่นซ่อนรอยแดงฉานเอาไว้
“ครับ...”
นาคีรู้สึกผิดเมื่อทำให้คุณหมอกลัว ชายหนุ่มจึงเอ่ยขอโทษ ซึ่งต้นธาราไม่ได้ว่ากล่าวอะไร ผู้กองหนุ่มช่วยเก็บของเดินคู่กันเงียบๆ
“ไม่คาดคิดเลยว่าคนอย่างคุณหมอจะอยู่ที่นี่”นาคีว่า
“ทำไมล่ะครับ”
ต้นธาราย้อน มองท้องฟ้ามืดสนิท แสงดาวพราวระยับ สายลมหนาวพัดโชยจนคุณหมอผู้ไม่คุ้นชินสั่นสะท้าน นาคีปลดเสื้อนอกให้ ต้นธาราตกใจกับการกระทำที่แสนอ่อนโยน เตรียมส่งคืน อีกฝ่ายไม่รับคืน ซ้ำมองด้วยสายตากึ่งบังคับ ต้นธาราจึงยอมรับน้ำใจ
“ก็ไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกว่าคุณหมอเหมาะที่จะอยู่ในเมืองมากกว่า”
ต้นธารายิ้มกับคำบอกกล่าว ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเงียบๆ จนคุณหมอเดินสะดุด มืออุ่นๆเกี่ยวกุมมือบางทันทีจนไม่อาจปฏิเสธรึสะบัดออกได้
“ผู้กอง!”ต้นธาราอุทธรณ์
นาคียิ้มเผล่
“เดี๋ยวคุณหมอล้มไป ไม่ดีหรอกครับ”
ต้นธาราพยายามบิดมืออก หากมืออุ่นชวนให้สบายใจ
“มันอาจจะดูแปลกไปบ้าง และคุณหมอได้ฟังอาจตกใจแต่ผมก็อยากคุ้มครองคุณหมอจริงๆ หากคุณหมอทุกข์ใจปรึกษาผมได้เสมอ...”
รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนทอดให้ ต้นธารามอง หากเขาตอบสนองได้ก็คงดี
“บ้านของเจ้าภานุอยู่ฟากนู้น บ้านของไอ้เสือยิ้มยากอันตรายหน่อยนะครับเพราะอยู่นอกเขตเสียด้วย”
ต้นธารามองตาม นาคีเฝ้ามองดวงตาคู่นั้นจึงแสร้งโอบกอดร่างบอบบาง ต้นธาราตัวแข็งกับสัมผัสนุ่มนวล ไออุ่นจากร่างสูงอ่อนโยน สำหรับนาคีแม้รู้สึกพิเศษกับเขาสักเท่าไร ต้นธาราก็ไม่อาจสนองได้
“กลับบ้านเถอะครับ”
อ้อมแขนโอบกอดปล่อยอย่างง่ายดาย ต้นธารามองตามร่างสูง ถึงแม้จะคล้ายคลึงกับผู้กองภานุ หากผู้กองนาคีอ่อนโยนเสมอ เขาน่าจะรู้และเข้าใจ...ต้นธารานิ่งเงียบตลอดเวลา นาคีส่งคุณหมอกลับถึงบ้าน ชายหนุ่มเปลี่ยนทิศทางไปบ้านของเพื่อเกลอ ระหว่างทางมืดสนิทแถมยังเงียบเชียบ ชายหนุ่มคุ้นชินทางดีจึงไม่หวาดกลัว ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของคุณหมอและคำละเมอเพ้อพกในตอนที่ดูแล นาคีสังหรณ์ใจว่าคุณหมอต้องแพ้เหล้าหนักจึงกลับมาดูอีกครั้งและเป็นดั่งที่คาด ต้นธาราครางชื่อที่ไม่คาดคิดออกมาซ้ำซาก...เรียกขานราวกับคิดถึง เป็นชื่อเดียวที่สลักลงในห้วงใจ
------------------------------------------------