ตอนที่ 12สามทุ่มครึ่งแล้ว...แต่พี่โปรดยังไม่กลับ
ผมกลับมาตอนสามทุ่ม กินเค้กเสร็จก็ขอตัวกลับเพราะพี่โปรดสั่งไว้ว่าห้ามกลับเกินสี่ทุ่ม คุณเปรมมาส่งผมก่อนจะขอตัวไปกินเหล้าที่ผับกับพวกคุณกิมต่อ ตอนนี้ผมกำลังนั่งเล่นเฟซ คุยแชทกับคุณเฟรนที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับคุณกิมเท่าไหร่สงสัยยังเคลียร์กันไม่จบ ผมอัพรูปที่คุณเฟรนเป็นคนถ่ายให้ตอนนั่งคุยกันที่ร้านเค้กพี่แขแล้วกำชับให้ผมเอาลงเป็นรูปโปรไฟล์ให้ได้ นี่คงเป็นรูปแรกที่ผมเอารูปหน้าตัวเองลงเฟซ บอกตามตรงไม่ค่อยมั่นใจ ผมไม่ได้หน้าตาดีเหมือนพี่โปรดที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ดูดีนะ -*-
ผมอัพรูปได้แค่สองนาที คนแรกที่เข้ามากดไลค์คือ...พี่โปรด พร้อมกับคอมเม้นว่า ‘แรด’ คำเดียวจบเลย T_T
‘พี่อยู่ที่ไหน เมื่อไหร่จะกลับ’ ผมทักแชทไปทั้งๆ ที่เฟซพี่โปรดไม่ได้ขึ้นออนไลน์ แต่ก็นะมาทั้งไลค์ทั้งคอมเม้นพี่ท่านก็คงจะเล่นอยู่นั่นแหละ
‘อยู่บ้าน เดี๋ยวกลับแล้ว’
‘อือ’
‘เอารูปลงทำไม’
‘คุณเฟรนบังคับ’
‘ใครเป็นคนถ่ายให้’
‘ก็คุณเฟรนนั่นแหละ หน้าปลื้มตลกป้ะ T_T’
‘^^’
ส่งหน้ายิ้มมาให้แล้วก็ไม่พิมพ์อธิบายอะไร ผมเลยเลิกสนใจ ไปนอนดูทีวีดีกว่า คืนนี้มีรายการที่ผมชอบอยู่ด้วย
กว่าพี่โปรดจะกลับมาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ไม่รู้ว่าใครหน้าไหนบอกผมว่าจะกลับสี่ทุ่ม ผมเลยไม่อยากจะสนใจคนที่เดินมาหอมแก้มผมเท่าไหร่ ...ไอ้คำว่าเดี๋ยวกลับแล้วของพี่โปรดอ่ะ เชื่อไม่ได้เลย!
หน้าตามีความสุขขนาดนี้...มีเรื่องดีๆ กับคนนั้นมาล่ะสิ -*-
“อื้ออออออ ปล่อยปลื้มนะ จะดูทีวี”
“งอแงอีกละ เป็นอะไร”
“เปล่า”
“แน่ใจ?”
“ครับ”
พี่โปรดมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มผมอีกครั้ง “บอกสิ...โกรธที่พี่กลับดึกเหรอ”
“ไม่ได้โกรธ”
“เหรออออออออ”
“-*- อะไรเล่า”
พี่โปรดหัวเราะ แล้วยกตัวผมขึ้นนั่งบนตัก ก่อนจะไซ้จมูกไปตามซอกคอผม กระซิบเบาๆ ว่า “เด็กโง่”
“พี่โปรดบอกจะกลับสี่ทุ่ม”
“ก็กลับมานี่แล้วไง ^^”
ยิ้มหล่อก็จริง แต่ในความคิดผมมันกวนตีนมาก -*-
“ดูนาฬิกาด้วย มันเกินมาตั้งหลายชั่วโมงนะ”
พี่โปรดหัวเราะอีกแล้ว เหมือนวันนี้จะอารมณ์ดีมากเลย มีเรื่องอะไรดีๆ รึเปล่านะ...
“ปลื้ม...จูบพี่หน่อย”
อะ...อะไรล่ะเนี่ย แล้วไอ้รอยยิ้มหวานหยดนั่นมันคืออะไร? พี่ท่านเมารึเปล่าครับ? -*-
“จะดูทีวี”
“ไม่ทำพี่โกรธนะ”
อยากโกรธก็โกรธไปสิ อ้าว! แล้วนี่ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้หน้าหล่อๆ ของเขาทำไมล่ะเนี่ย ความจริงผมเหนื่อยใจกับตัวเองมากกว่าพี่โปรดซะอีก เพราะไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ตอนไหน ผมก็แพ้พี่โปรดตลอด T_T
.
.
.
“แหวนนี่มันอะไร ใครให้มาจ้ะสาวน้อย” ผมใช้มือยันหน้าคุณติ๊กที่ลูกตาแทบจะติดอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมให้ออกห่าง ความจริงคิดจะใช้เท้าอยู่เหมือนกันแต่เพราะที่นี่เป็นโรงอาหารคณะเกษตรฯ เลยทำซ่าไม่ลง
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ผมเก็บได้เลยเอามาใส่เพราะเห็นนิ้วมันว่างๆ โล่งๆ”
“ตอแหล”
ผมเลิกคิ้วให้กับคำปรามาสของคุณติ๊กก่อนจะม้วนเส้นใหญ่ใส่ปากตัวเอง ไม่เถียงหรอกเพราะผมตอแหลจริงๆ ฮ่าๆ ความจริงแหวนทองคำขาววงนี้มันไม่ได้มีคนทำตกพื้นแล้วผมบังเอิญไปเก็บมาหรอก แต่เมื่อเช้าตอนผมตื่นด้วยอาการปวดสะโพกอย่างรุนแรงแล้วก็พบว่ามันอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายเรียบร้อย ถามพี่โปรดก็ไม่ได้ความอะไร แค่สั่งผมว่า ‘ห้ามถอด ห้ามหาย’ แล้วพี่ท่านก็เยื้องกายออกมามหาลัยก่อน ทิ้งความงงไว้ให้ผมกับคำถามอีกเป็นร้อยๆ ข้อ
“ตอนนี้มึงมีความสุขมากมั้ยวะปลื้ม”
ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณติ๊กที่ความมืดมนยังคงสถิตย์อยู่บนใบหน้าไม่สร่างซา วันนี้ผมถูกคุณเปรมเนรเทศให้มานั่งทานข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนคุณติ๊กที่ทำตัวเป็นเอกเทศจากคุณกิมกับคุณเฟรนแล้ว ไม่รู้ว่าปัญหาของพวกเขาจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ก็หวังว่าสักวันมันจะดีขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้เวลาจะรวมตัวกันได้ก็เฉพาะจำเป็นจริงๆ เท่านั้นเอง
“ก็...ไม่ทุกข์ไปมากกว่าที่เป็น ถือว่าสุขมั้ยครับ”
“เฮ้อออออ...ความสุขมันคืออะไรวะ”
“ผมว่ามันแล้วแต่มุมคนจะคิดมากกว่า อยู่คนละมุม ความคิดก็ต่าง อยู่คนละช่วงเวลา ความเห็นก็เปลี่ยน พ่อผมเคยบอกว่า ไม่มีหรอกคนที่มีความสุขจริงๆ มีแต่จะทุกข์มาก หรือทุกข์น้อยเท่านั้นเอง แต่ช่วงเวลาที่ทุกข์น้อยอาจจะเรียกว่ามีความสุขก็ได้”
“งั้นตอนนี้กูคงทุกข์มากสินะ”
“ผมก็ไม่รู้...ทานข้าวเถอะครับ เดี๋ยวนี้คุณติ๊กไม่ค่อยทานอะไร ระวังส่วนสูงจะลด”
“มีผัวเป็นว่าที่หมอไม่ได้ทำให้มึงฉลาดเลยนะไอ้ปลื้ม -_-“
“อะไรอ่ะ ผัวใครเป็นหมอเหรอครับ ผมโสดเหอะ ถึงจะไม่ซิง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เดี๋ยวนี้ดูมึงหัวเราะบ่อยขึ้นนะ”
“ก็ไม่นี่ครับ ผมก็ปกติ”
“ปากแข็งไปเถอะ หึหึ”
หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ คุณติ๊กก็ชวนผมมาให้อาหารพวกลูกๆ ของเขาที่บ่อขนาดใหญ่ข้างคณะ ป้ายห้ามตกปลาก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าจะมีคนกลัวป้ายเตือนนี้รึเปล่า แต่เห็นพวกลูกๆ ของคุณติ๊กก็ยังเยอะดูไม่ได้ลดจำนวนลงเลย คนที่รักพวกมันประหนึ่งลูกในไส้คงจะเบาใจลงไปบ้างล่ะครับ
“มึงมีเรียนอีกรึเปล่าวะ”
“ไม่มีแล้วครับ วันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสตอนบ่าย”
“ไอ้เฟรนคงดีใจที่มีเวลาว่างไปดูแลไอ้เจ้ย” คุณติ๊กว่าพลางยิ้มเศร้าๆ ช่วงนี้ชื่อของคุณเฟรนดูจะเป็นคำต้องห้ามสำหรับคุณติ๊กกับคุณกิมเลยทีเดียว แต่พวกเขาก็ขยันพูดถึงบ่อยชนิดที่ผมคิดว่าหายใจเข้าหายใจออกคงนึกถึงแต่คุณเฟรน
“แล้วคุณติ๊กไม่มีเรียนเหรอครับ”
“บ่ายสอง”
“งั้นตั้งใจเรียนนะครับ ผมต้องไปแล้วล่ะ พอดีมีธุระต้องไปทำ”
ธุระของผมก็ไม่พ้นพี่โปรดแหละครับ ทุกความเคลื่อนไหวของผมพี่โปรดเขารู้ดียิ่งกว่าผมซะอีก แค่ไม่กี่นาทีที่ผมรู้ว่าอาจารย์ยกเลิกคลาส พี่โปรดก็ไลน์มาบอกให้กลับห้องทันที แม่งหลอนมากบอกตรงๆ -*-
ผมมาถึงคอนโดฯในเวลาสี่โมงเย็นซึ่งนับว่าเลทจากเวลาที่ควรกลับมาก แต่จะให้ผมตรงกลับห้องเลยผมทำไม่ได้หรอกเพราะไหนๆ ผมก็ว่างแล้วแถมตั๋วหนังวันนี้ก็ลดราคาเป็นพิเศษผมเลยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในโรงหนัง ก็ถือว่าคุ้มค่ากับตังค์ที่เสียไปแต่ไม่รู้จะคุ้มกับพายุอารมณ์ของพี่โปรดรึเปล่านี่สิ ...ขนาดผมยืนเจียมเนื้อเจียมตัวแทบจะก้มลงไปกราบแทบเท้าอยู่แล้วหน้าหล่อๆ ยังไม่คลายความอำมหิตเลย แถมยังใช้ความเงียบกดดันผมแบบสุดๆ T_T
“พี่โปรดกลับมานานแล้วเหรอครับ”
“.....”
“วันนี้เหนื่อยรึเปล่า ปลื้มนวดให้เอามั้ย”
“.....”
“อ่า...ทานข้าวรึยังครับ เดี๋ยวปลื้มลงไปซื้อให้”
“.....”
“เอ้...อาบน้ำก่อนดีกว่านะครับ มาครับๆ ปลื้มอาบให้นะ”
“.....”
“พี่โปรดอ่า...โกรธมากเลยเหรอ”
ผมผวาตามทันทีที่พี่โปรดเดินผ่านผมไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ รู้สึกแย่นะแบบนี้ ถ้าผมผิดมากจะตบจะตีจะด่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่อย่าเงียบใส่เลย ผมทำอะไรไม่ถูก
“พี่โปรดจะไปไหนอ่ะ อย่าโกรธปลื้มเลยนะ ปลื้มขอโทษ”
“แล้วทำทำไม” ในที่สุดก็ยอมพูด แต่เสียงแข็งเอาเรื่องอยู่
“ก็วันนี้ปลื้มว่างพอดี แถมตั๋วหนังก็จ่ายราคาพิเศษนะวันนี้ ปลื้มเลยไปดูหนังมา ขอโทษที่ปิดมือถือด้วย”
“ไปกับใคร”
“คนเดียว”
“แล้วปลื้มมีพี่ไว้ทำไม”
ประโยคนี้เหมือนไม้แข็งๆ มาตีแสกหน้า ผมมึนงงไปเลยกับคำถามเพราะคิดไม่ถึงว่าจะออกมาจากปากสวยๆ ของผู้ชายที่ชื่อมาโปรด มัน...หมายความว่ายังไงกันนะ ผมถามได้รึเปล่า...
แต่...ผมไม่ถามดีกว่า เพราะยังไงคำตอบอาจจะยังคงเป็นความเงียบที่สร้างความเจ็บปวดให้ผมเช่นเคย
“หายโกรธนะ...ปลื้มขอโทษ”
“บ่อยไปนะ...คำนี้น่ะ”
ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้แล้วล่ะครับ ผมปล่อยมือจากแขนของพี่โปรดก่อนจะเดินเข้าห้องนอนมาเงียบๆ ผมรู้ว่าผมพูดคำนี้บ่อย แต่ที่ผมทำผิดในสายตาพี่โปรดเพราะผมก็แค่อยากไปไหนมาไหนตามใจตัวเองบ้าง ความรักของผมมันเริ่มสร้างความอึดอัดมากขึ้นทุกวัน จนบางครั้งผมก็เผลอคิดว่าคงจะดีถ้าผมไม่มีพี่โปรด...
ผมเอาชุดนอนหนึ่งชุด ครีมบำรุงสารพัดที่พี่โปรดเจ้ากี้เจ้าการหามาให้ใช้ ของใช้จำเป็นบางอย่างยัดใส่ถุงย่าม มีแต่ของที่พี่โปรดให้มาทั้งนั้น อาหารเสริม ครีมบำรุงผิว บำรุงหน้า เสื้อผ้า พ่อบ้านคนสนิทของพี่โปรดเป็นคนจัดหามาให้ผมทั้งหมด ทุกอย่างต้องผ่านความเห็นชอบจากพี่โปรดซึ่งไม่จำเป็นต้องมาขอความเห็นจากผมทั้งๆ ที่มันเป็นของที่ผมต้องใช้
“จะไปไหน”
“ปลื้มจะไปนอนที่หอ”
“นี่ยังทำให้พี่โกรธไม่พอรึไง”
“พี่โปรดก็ไม่คิดจะหายโกรธอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“แล้วนี่คือวิธีขอโทษ? ตัวเองทำผิดแล้วทำแบบนี้เหรอ”
ผมเดินเลี่ยงให้ห่างพอที่พี่โปรดจะเอื้อมมือมาไม่ถึง ผมไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดอะไรเลยในตอนนี้ แต่ผมไม่ชอบเวลาที่พี่โปรดโกรธแล้วทำมึนตึงใส่ มันแย่มากในความรู้สึกผม ผมถึงต้องอยู่ห่างจากพี่โปรดจนกว่าอารมณ์เขาจะดีขึ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยตอนนี้หรอก เพราะคุยยังไงก็ไม่รู้เรื่อง
“ปลื้ม! พี่ไม่ให้ไป! ห้ามไปนะ!”
“ถ้าพี่โปรดอารมณ์ดีกว่านี้เราค่อยมาคุยกัน”
“ทำไมเดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่! พี่พูดอะไรจะไม่ฟังแล้วใช่มั้ย!”
“......”
“ห้ามไปนะ! ถ้าออกไปตอนนี้ก็ไม่ต้องกลับมาอีก!”
นี่เป็นคำขาดเหรอ... พี่จะทำตามที่พูดจริงๆ ใช่ไหม ถ้าผมไปก็ห้ามกลับมาอีกจริงๆ น่ะเหรอ... ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอความสัมพันธ์ของเราน่ะ
“แล้วพี่โปรดจะให้ผมทำยังไง... คำขอโทษของผมก็ไม่มีความหมายทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไปไหนมาไหนไม่ได้ ผมไม่ใช่นักโทษของพี่นะครับ”
ผมไม่อยากดราม่าเพราะรู้ว่ามันไม่เท่เลย แต่ต้องมีสักวันที่ต้องพูดกับพี่โปรดในเรื่องนี้ ผมยอมรับได้ถ้าทุกอย่างมันอยู่ในเหตุและผล แต่นี่ผมไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร...เพราะอะไรถึงได้หวงผมมากขนาดนี้
“คิดได้แค่นี้เองเหรอ...” ผมไม่เห็นว่าพี่โปรดทำหน้ายังไงเพราะผมยืนหันหลังให้เขา แต่จากน้ำเสียง...ทำเอาผมใจกระตุกไปนิด
“ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...ผมอึดอัด ผมขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกพี่ แต่เพราะผมรู้ว่ายังไงพี่ก็ไม่อนุญาต ...ผมอยากใช้ชีวิตตามใจผมบ้าง...ไม่ได้เลยเหรอครับ”
“ถ้าอึดอัดมากนัก อยากจะไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็เชิญ!”
แค่นั้นก็เหมือนอะไรบางอย่างในใจพังทลายลง ผมยืนแทบไม่อยู่เมื่อได้ฟังประโยคที่น่าปวดใจนั่น พี่โปรด...ปล่อยผมแล้วใช่มั้ยครับ... ไม่ต้องการผมอีกแล้วใช่มั้ย... ผมไปได้แล้วเหรอครับ... ไปได้แล้วจริงๆ น่ะเหรอ...
“พี่โปรด...”
“อยากไปไม่ใช่เหรอ”
“....”
“นั่นประตู...เชิญ”
“ไม่ต้องไล่หรอกครับ ผมจะไปให้ไกล แล้วพี่จะไม่ได้เห็นหน้าผมอีก ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาครับ”
ผมมาได้แค่นี้ก็คงต้องยอมรับ แต่ไม่ว่าจะหยุดตอนนี้หรือตอนไหนผมก็เจ็บมากอยู่ดี เพราะผมรักเขามาก มากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...เพราะมันมากที่สุดแล้วจริงๆ
“โธ่เว้ย! มานี่!”
โดยไม่ทันตั้งตัว ตัวผมก็ปลิวตามแรงกระชากจากด้านหลัง ประตูที่ผมเพิ่งจะเปิดออกถูกปิดดังปัง ก่อนที่ตัวผมจะถูกกอดไว้แน่น พี่โปรดกำลังจะทำกระดูกผมหักเพราะกอดแน่นมาก แน่นจนหายใจแทบไม่ออก
“ปละ...ปล่อยผมก่อน ผมเจ็บ”
“พูดผมๆ อยู่ได้ แล้วนี่บอกให้ไปก็จะไปจริงๆ ใช่มั้ย! ขัดขืนบ้างสิวะ! โวยวายบ้างสิ หัดเข้ามาอ้อนบ้างมันจะตายรึไง! ปลื้มงี่เง่า”
“พี่โปรดบ้าไปแล้ว”
“แล้วใครมันทำให้บ้าวะ!”
“อย่ามาโทษปลื้มนะ ก็พี่โปรดคิดอะไรใครจะไปรู้ล่ะ!”
“ไม่รู้ก็ถาม!”
“ถามแล้วเคยตอบมั้ยล่ะ ปล่อยเลยไม่ต้องมากอด ปลื้มจะไปแล้ว ไปให้ไกลเลย”
“ไม่ให้ไป”
“พี่โปรดเป็นคนไล่เองนะ!”
“ก็ตอนนี้ไม่ให้ไปแล้วไง อย่างอแง”
“ปลื้มจะไป จะไม่อยู่กับพี่แล้ว นึกอยากไล่ก็ไล่ทำเหมือนปลื้มไม่มีความรู้สึก พี่โปรดแย่มาก”
พี่โปรดทำหน้าอึ้งไปเลย คงเพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรไว้ ทั้งๆ ที่ก็ผ่านมาไม่กี่นาที -_- อะไรกัน คำพูดทำร้ายความรู้สึกผมแบบนั้นทำลืมง่ายๆ ได้ไง
“พี่หายโกรธแล้ว ยังจะไปอีกเหรอ ไม่เอาน่า ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ไง ไปเลย เอาของไปเก็บ”
“เนียนเลยนะ ทีแบบนี้ล่ะเนียนเลย”
“หิวข้าวแล้ว เร็วๆ เลย จะพาไปกินกระเพาะปลา”
“-*- จริงๆ เลยผู้ชายคนนี้”
ผมดึงแก้มขาวอมชมพูของพี่โปรดจนรอยยิ้มระยับนั่นหายไป แทนที่ด้วยการแยกเขี้ยวให้
“จำไว้เลยนะพี่โปรด ถ้าพูดแบบนั้นออกมาอีก ปลื้มจะไปจริงๆ”
พี่โปรดพยักหน้าแล้วจูบที่หน้าผากผม ก่อนจะทำหน้าจริงจังอย่างที่ผมไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
“จะไม่มีอีกแล้ว...สัญญาครับ”
“อือ...ปล่อยได้แล้วจะเอาของไปเก็บ” ผมพยายามขยับตัวออกจากอ้อมกอดของพี่โปรด แต่พี่ท่านก็ไม่ยอมปล่อยกลับเอาแต่จ้องหน้าผมแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น
“ปลื้ม...”
“ครับ?”
“แหวนก็ได้ไปแล้วยังต้องให้พี่พูดอะไรอีกเหรอ...”
“???”
“เฮ้อ...มีเมียงี่เง่าต่อไปชีวิตจะเจริญมั้ยวะเนี่ย -_-“
“O_O!”
“พิเศษกว่าใครเลยนะ...”
“O_O!!”
“สำคัญมากด้วย”
“O_O!!!”
“เอาแต่ใจตัวเองมากกว่านี้ก็ได้นะครับ...”
“O_O!!!!!!!!!!”
คือ...
เอ่อ...
ผม...
ง่า...คือ...ผม...พี่โปรด...
“จะช็อคตายมั้ยเนี่ย ทำไมหัวใจเต้นเร็วแบบนี้วะ”
“อ่า...คือ...พี่โปรด”
“สงสัยต้องจับฉีดยาซะแล้วล่ะ เอากี่เข็มดีนะ หึหึ ^^”
ถ้าผมกรี๊ดตอนนี้พี่โปรดจะตกใจมั้ยอ่ะ มันจะดูไม่แมนรึเปล่า แต่ผมอยากกรี๊ดออกมาจริงๆ นะ พี่โปรดหล่อมากเลย เอ่อ แต่นี่คงไม่ใช่ประเด็น เพราะพี่ท่านก็หล่ออยู่ทุกวินาที แต่...ตอนนี้ดูจะหล่อเป็นพิเศษ เพราะ...คำพูดพวกนั้นรึเปล่านะ ฮืออออออ ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยยยยยยยยยยยยยยย!!
..........................................................To be continue.....................................................
ฮาาาาาา เพิ่งถึง กทม. ค่ะ แทบสลบ เหนื่อยมาก
ขอบคุณคุณ iforgive ที่ทำให้เรื่องของพี่โปรดเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วไม่กล้าไปแนะนำนิยายของตัวเอง แหะๆ
สำหรับตอนนี้...อาจจะผิดคาดในความคิดของหลายๆ คน แต่แค่อยากบอกว่า อยากเผยมุมน่ารักๆ ของเสี่ยก่อนจะถอยหลังสู่ความมืดมน (ตกลงนี่น่ารักแล้วเรอะ??)
อย่ากลัวกันไปเลยค่ะ ถ้าพูดถึงดราม่าแล้ว ไม่หนักแน่นอน รับรองได้เลย (เพราะเคยบอกแล้วว่าไม่ถนัด เห็นหลายๆ คนกลัวกันก็อยากจะปลอบใจไว้ก่อน อาจจะไม่สนุก ไม่เศร้า ทำให้ไม่อินไปตามที่หวังก็ได้ เวลาอ่านแล้วไม่อยากให้ทุกคนที่รอรู้สึกผิดหวังน่ะค่ะ )
เริ่มเห็นนิสัยน้องปลื้มกันแล้วใช่มั้ยคะ ของเสี่ยก็ค่อนข้างจะชัดเจนแล้วนะ ถ้ารู้จักทั้งสองคนนี้แล้ว อาจจะรู้กันแล้วนะคะว่าจะหมู่หรือจ่า (พูดอัลไล งงตลอด 555)
ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น และขอบคุณนักอ่านขาประจำที่เม้นให้กันและติดตามตลอด