หัวใจซ่อนรัก
ตอนที่ ๑ ซ่อนรักใต้เงาร้าย
หลายปีก่อน ณ คฤหาสน์เฟอร์ริงตัน
มิลเลอร์ คาร์ล พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ได้พาหลานชายมาฝากฝังกับผู้เป็นนาย เด็กชายอัลเบิร์ตในวัย 13 แหงนเงยมองความยิ่งใหญ่ของสถานที่ที่ตนเองได้ย่างก้าวเข้ามาด้วยความตื่นตา เสียงของผู้เป็นลุงเอ่ยเรียกให้รีบเดินตามทำให้ตัวผอมโย่งต้องออกก้าวเดินให้ทัน เขาถูกพาเข้ามายังตัวคฤหาสน์ ภายในห้องโถงใหญ่ที่ไม่ว่าหันไปมองทางไหนก็มีแต่ความหรูหราซึ่งบ้านเขาเทียบไม่ติดสักน้อยนิด บนเก้าอี้ยาวฉะลุเนื้อไม้เป็นลวดลายอย่างดี ชายคนหนึ่งพร้อมลูกชายนั่งอยู่ที่ตรงนั้น ดวงตาสีฟ้าของเด็กชายคนดังกล่าวต่างจากผู้เป็นบิดามองมาที่อัลเบิร์ตนิ่ง ไม่มีคำพูดแต่มันกลับทำให้เด็กชายอัลเบิร์ตรู้สึกกดดันยิ่งกว่าอะไร เขาไม่กล้าแม้จะขยับตัวด้วยกลัวจะไม่เป็นที่ถูกใจ
มิลเลอร์แนะนำเจ้านายของตนให้หลานชายได้รู้จักและเข้าไปฝากตัว ครอบครัวของเขาค่อนข้างยากจนจึงต้องรอนแรมมาไกลถึงในเมืองใหญ่อย่างลอนดอน การศึกษาที่มีไม่เท่าคนอื่นทำให้มิลเลอร์ถูกนายจ้างโกงอยู่บ่อยครั้งจนได้มาพบกับคนของเฟอร์ริงตันและได้ทำงานที่นี่ ทำอยู่นานหลายปีจนรู้เรื่องราวของคนในคฤหาสน์นี้เป็นอย่างดีเพราะเป็นที่ไว้วางใจ วันนี้เขาจึงได้ขออนุญาตพาหลานชายมา หวังอย่างยิ่งว่าอัลเบิร์ตจะได้รับความเอ็นดูและให้การศึกษาที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งวิคเตอร์ก็ไม่ได้ทำให้ความคาดหวังนั้นผิดไป ซ้ำยังเกินกว่าที่มิลเลอร์หวังเสียอีก เพราะอัลเบิร์ตได้เข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับอเล็กซานเดอร์ บุตรชายของผู้เป็นนายอย่างวิคเตอร์เลยทีเดียว
ตั้งแต่แรกที่เจอกันอเล็กซานเดอร์ก็ไม่ค่อยได้พูดกับอัลเบิร์ต ทำให้หลานพ่อบ้านหงอเสียยิ่งกว่าหงอเพราะไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ ไม่รู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร มันพาลกลัวไปเสียทุกอย่าง แม้ตัวเขาจะไม่ได้เล็กจ้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอเล็กซานเดอร์มันยิ่งกว่าเล็กจิ๋ว
ช่วงนั้นเองที่วิคเตอร์มีภรรยาสาวสวยสดเพิ่มเข้ามาในบ้าน อเล็กซานเดอร์ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไร ก่อนนี้บิดาของเขาก็มีหญิงสาวมากมายรายล้อม จะยกใครออกหน้าออกตาสักคนมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา แค่ต่างคนต่างอยู่ ไม่เข้ามาวุ่นวาย แต่นั่นดูเหมือนเขาจะหวังมากไป เพราะเธอคนนี้ นาตาเซีย ผู้หญิงคนใหม่ของบิดา ดูเหมือนเธอจะเล็งเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกที่พบกัน
มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอเล็กซานเดอร์ที่จะมีใครมาหมายตา แต่นาตาเซียที่ถูกบิดายกให้เป็นภรรยา แม้ไม่ใช่ทางนิตินัยเหมือนเช่นมารดาของเขาและมารดาของอลัน แต่ก็ถือว่าเป็นแม่เลี้ยงที่เขาไม่เต็มใจคนหนึ่ง การเข้ามายุ่งวุ่นวายกับลูกเลี้ยงอย่างเขาเกินจำเป็นมันใช่เรื่องดีที่ไหน เพื่อตัดปัญหาทำให้น้อยครั้งนักที่อเล็กซานเดอร์จะกลับมาที่คฤหาสน์ เมื่อเข้ามัธยมปลายเขาก็ไปพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมอย่างถาวรมันเสียเลย โดยมีเจ้าหลานพ่อบ้านหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมติดตามมาเป็นลูกไล่
อเล็กซานเดอร์มักออกเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนแทบทุกคืน บอดีการ์ดต้องทำงานหนักโดยใช่เหตุเพราะเขา แต่มีหรือที่เขาจะต้องสนใจ หน้าที่ใคร ใครคนนั้นก็ทำไป มันเป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เจ้าหลานพ่อบ้านจะมาอยู่กับเขาเสียอีก เขาไม่มีทางจะเปลี่ยนแปลงมัน ไม่มีทาง
นาฬิกาบอกเวลาล่วงเข้าสู่หนึ่งนาฬิกาของวันใหม่ หลานพ่อบ้านที่รออยู่ที่ห้องก็ชะเง้อแล้วชะเง้ออีก ลูกชายเจ้านายของลุงกลับดึกทุกคืน เขาอดห่วงไม่ได้จนต้องอยู่รอ หน้าที่เขาคือดูแลอเล็กซานเดอร์ คุณวิคเตอร์ท่านฝากฝังมาเขาจึงต้องทำมันให้ดี แม้อีกฝ่ายจะไม่อยากได้รับการดูแลจากเขาก็ตาม รออยู่นานจนแทบหลับคนที่เขารอก็เปิดประตูเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้อง เตะร้องเท้าทิ้งไปคนละทางก่อนมาล้มตัวลงนั่งแหมะบนโซฟาตัวที่อัลเบิร์ตนั่งอยู่เมื่อครู่ มองสภาพแล้วท่าจะไม่ไหว อัลเบิร์ตจึงได้ไปหาอะไรมาให้กินพร้อมผ้าเย็นสำหรับเช็ดหน้าเผื่อดีขึ้น
“อเล็กซานเดอร์ ดื่มน้ำหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น”
อัลเบิร์ตถือแก้วน้ำมาให้แต่อีกฝ่ายไม่ยอมดื่ม มือไม้ป่ายปัดจนน้ำจะหก เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจวางแก้วไว้บนโต๊ะก่อนไปค้นตู้เย็น เมื่อเห็นสิ่งที่ตนเองต้องการริมฝีปากก็ยกยิ้ม มะนาวลูกโตถูกนำมาผ่าแล้วบีบเอาแต่น้ำใส่ในแก้วเล็กๆ อัลเบิร์ตมองผลงานของตนเองแล้วหัวเราะเบาๆ
แก้วน้ำมะนาวเข้มข้นถูกนำมาให้อเล็กซานเดอร์ แน่ล่ะว่าอเล็กซานเดอร์ไม่มีทางดื่มมันแน่ อัลเบิร์ตจึงจัดการจับกรอกปากอีกฝ่ายเสียเลย อเล็กซานเดอร์ตาเหลือก ร้องโวยวายแล้วไอแค่ก อัลเบิร์ตคว้าแก้วน้ำมาให้ดื่ม แต่มือหนาปัดแก้วทิ้งแล้วคว้าคอเขาไปหา ประกบปากลงมารวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ลิ้นสากกวาดตวัดปาดไล้ลิ้นของเขาทำให้รู้รสเปรี้ยวจากปากของอีกฝ่ายไปด้วย อัลเบิร์ตพยายามดันตัวอีกฝ่ายออกห่าง แต่คนเมากลับยิ่งกดแรงกว่าเดิมจนเขาหงายลงไปนอนบนโซฟา มีผู้ชายตัวโตๆทาบทับไม่ให้ดิ้นหนี
“เปรี้ยว อเล็กซ์... มันเปรี้ยว…!” เอ่ยประท้วงตะกุกตะกัก พยายามเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่ยังคงตามติดไม่เลิก
“เปรี้ยวที่ไหน หวานจะตาย ไม่งั้นนายจะเอามันมากรอกปากฉันเรอะ!” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแค้นจัด น้ำมะนาวที่เหลือในแก้วจึงถูกเทกรอกปากตัวเองแล้วประกบปากอัลเบิร์ตอีกรอบ
“อื้อ อะ...”
ริมฝีปากหยักบดเบียดเข้าหาไม่ให้คำประท้วงใดหลุดรอดออกมาได้ จากแค่แกล้งกลับกลายเป็นจูบอย่างจริงจังไปตอนไหนไม่รู้ รสจูบแสนประหลาด เปรี้ยวเข็ดฟันแต่ก็ยังอยากจูบ อัลเบิร์ตขยุ้มกำเสื้อของอีกคนแน่น รู้สึกแปลกไปหมดกับสัมผัสที่ได้รับ อเล็กซานเดอร์ค่อยถอนจูบช้าๆ มองเจ้าเด็กโย่งที่นอนหอบแล้วก้มลงไปขบปลายคางเบาๆ
“รสชาติห่วยชะมัด”
เสียงทุ้มออกจะแปร่งเล็กน้อยเอ่ยลอดไรฟันขณะก้มลงจูบต้นคอของคนใต้ร่าง อัลเบิร์ตสะดุ้งเฮือก ดันตัวอเล็กซานเดอร์ออกสุดแรงด้วยความตกใจ ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“ทำหน้าตาตื่นอะไร นึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยเรอะ?”
อเล็กซานเดอร์ดีดหน้าผากเจ้าหลานพ่อบ้านหน้าตื่น ก่อนขยับลุกเดินโซเซเข้าห้องตนเองไป อัลเบิร์ตกะพริบตาปริบ รีบลุกพรวดแล้ววิ่งเข้าห้องของตัวเองเช่นกัน
เช้าวันต่อมาอัลเบิร์ตก็ยังคงทำอาหารเช้าให้อีกคนตามปรกติ อเล็กซานเดอร์เปิดประตูออกจากห้องนอนมาเห็นเจ้าหลานพ่อบ้านทำอะไรกุกๆกักๆอยู่ในครัว ร่างสูงใหญ่จึงก้าวเข้าไปหาแล้วหยุดยืนอยู่ด้านหลัง
“หิว”
เสียงออกจะแหบเล็กน้อยเอ่ยบอก อัลเบิร์ตชะงักมือกับเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง คงเพิ่งตื่นนอนกระมัง กลิ่นสบู่อ่อนๆหลังอาบน้ำทำให้ใจเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะ “รอก่อนครับ กำลังจะเสร็จแล้ว...”
คนถูกบอกให้รอเอื้อมมือข้ามไหล่มาหยิบของกิน อัลเบิร์ตสะดุ้ง ยืนนิ่งอยู่ท่าเดิมรอให้อีกฝ่ายผละไป ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดต้นคอนั่นยิ่งทำให้อัลเบิร์ตไม่กล้าขยับ อดใจเต้นตุ้มๆต่อมๆไม่ได้ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ก็ตาม
อเล็กซานเดอร์มองเจ้าหลานพ่อบ้านที่ยืนตัวแข็งทื่อแล้วยกยิ้มมุมปาก ก้มลงไปใกล้แล้วกดริมฝีปากกับท้ายทอยจนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง หันมามองเขาหน้าตาตื่น
“หิวแล้ว รีบๆล่ะ”
หัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนผละออกไปรอที่หน้าโทรทัศน์ เปิดข่าวช่วงเช้าดูไปเรื่อย เหลียวกลับมามองคนที่กำลังจัดเตรียมอาหารไปวางบนโต๊ะทานข้าวแต่ไม่ได้พูดอะไร ทุกอย่างเป็นไปแบบเดิมๆราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
------------------
“อเล็กซ์”
อเล็กซานเดอร์หันมาตามเสียงเรียกของเพื่อนในกลุ่ม ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงเรียน และเจ้าหลานพ่อบ้านนั่นก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน แค่นึกถึงก็พาลหงุดหงิดขึ้นมา ถึงจะบอกย้ำกับตนเองว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขากลับจำได้ไม่ลืมเสียนี่ว่าคืนนั้นเขาทำอะไรกับมันบ้าง เมื่อเช้านี้ก็ด้วย แย่ชะมัด
“เจ้าเด็กโย่งนั่นใคร ฉันเห็นมันตามนายต้อยๆ”
เพื่อนของเขาพยักพเยิด อเล็กซานเดอร์เหลือบมองเจ้าเด็กโย่งที่เพื่อนเอ่ยถึง เดาะลิ้นเบาๆกับท่าทีเจี๋ยมเจี้ยมของมัน เลิกเรียนเจ้าหลานพ่อบ้านก็มายืนรอกลับห้องพร้อมเขา จะไปไหนมาไหนก็พลอยไม่ได้ไปจนหงุดหงิดอยู่แบบนี้
“สนใจหรือไง?”
คำถามของอเล็กซานเดอร์ทำให้เพื่อนตาวาว เด็กหนุ่มทำเสียงหยันในลำคอ ไม่เคยเก็บหางให้พ้นตาคนเขาเสียบ้างเจ้าพวกนี้
“หน้าตามันดูซื่อๆดี... ขอได้ไหมล่ะ?”
สายตาคมปลาบตวัดมองคนพูดจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก หลังจากนั้นถึงค่อยยิ้มออกเมื่ออเล็กซานเดอร์บอก
“เอาไปสิ ฉันยกให้... คิดว่าฉันจะพูดแบบนั้นหรือไง?”
รอยยิ้มที่มีหุบฉับ สีหน้าเพื่อนไม่สบอารมณ์เท่าที่ควร
“อยากได้มากหรือไง?” อเล็กซานเดอร์ยังเอ่ยถาม
“อย่าถามเลยถ้านายไม่ให้”
“หึ” เด็กหนุ่มยกยิ้มมุมปากขณะลุกขึ้นยืน สายตามองเจ้าหลานพ่อบ้านที่ยืนกระสับกระส่ายรอเขาอยู่ไม่ไกล
“ขอโทษที คนนี้ยกให้ไม่ได้”
ว่าแล้วอเล็กซานเดอร์ก็ออกเดิน เพื่อนในกลุ่มส่ายหน้าเซ็งอารมณ์ ของที่พวกเขาอยากได้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอามาให้ได้ แต่หากของชิ้นนั้นมันมีเจ้าของเป็นของอเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตันแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะอยากได้แค่ไหนก็ต้องตัดใจ พวกเขาไม่คิดอยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนขนาดนั้น เพราะรู้ดีว่าของๆอเล็กซานเดอร์ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตใครก็ห้ามแตะ
อัลเบิร์ตมองคนที่เดินมาหาด้วยความดีใจ เขาไม่กล้าเข้าไปตามเพราะกลุ่มของอเล็กซานเดอร์มันคนละระดับกับเขา แถมแต่ละคนยังมีรังสีความไม่น่าไว้ใจแผ่ออกมาจนรู้สึกได้อีกด้วย
“ยืนเซ่ออยู่ทำไม?”
ความดีใจเมื่อครู่หายวับไปกับตา มาถึงก็ดุเขาเลยอเล็กซานเดอร์นี่
“จะกลับไม่กลับ?”
น้ำเสียงหงุดหงิดเร่งมา อัลเบิร์ตรีบวิ่งตามให้ทัน เขาไม่อยากถูกทิ้งไว้ที่นี่แล้วหารถกลับห้องเองหรอก อเล็กซานเดอร์ชอบทำแบบนั้น นึกจะไปไหนก็ไปเหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกันกระนั้น
“คุณอเล็กซ์อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ ผมจะได้ซื้อกลับห้องด้วย” เมื่อขึ้นมานั่งด้วยกันบนรถอัลเบิร์ตก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ ปรกติอาหารแต่ละมื้อเขาคิดเองทำเอง ไม่รู้ว่าอเล็กซานเดอร์ชอบมันไหม
“อย่าทำตัวเหมือนแม่ ฉันไม่ชอบ”
อัลเบิร์ตสะอึกกับคำพูดเรียบๆแต่เหน็บเขาโดยตรงนั้น จากที่ทำใจกล้าเอ่ยถามออกไปตอนนี้ใจดวงน้อยมันห่อเหี่ยวจนพาให้ตัวเล็กลีบ ขยับออกห่างอเล็กซานเดอร์อย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองด้วยหางตา ท่าทีของเจ้าเด็กโย่งมันพาให้เขาอยากเตะส่งมันลงจากรถ
“ถ้าขยับออกไปอีกนิดเดียว ฉันจะให้นายเดินกลับเอง”
ตัวสูงโย่งชะงัก นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จาตลอดทาง อเล็กซานเดอร์เดาะลิ้นขัดใจ ทำเหมือนเขาเป็นยักษ์เป็นมาร พูดอะไรนิดๆหน่อยๆก็กลัวหัวหด ชิ!
การใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกันของสองหนุ่มก็ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ อเล็กซานเดอร์ก็ยังขยันไปเที่ยวราตรี ปล่อยให้อัลเบิร์ตอยู่เฝ้าห้องไปอย่างนั้น แต่ละวันทักทายกันแทบนับได้ การเป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหาของอัลเบิร์ตในวันนั้นแต่ถูกตอกกลับด้วยความเย็นชา อัลเบิร์ตก็ไม่กล้าที่จะทำอีก กลัวจะเป็นการตีตนเสมอนาย ต่อให้นั่งทานอาหารเช้าด้วยกันพวกเขาก็ยังแทบจะไม่พูดอะไรกันเลย ช่างเป็นการอยู่ร่วมกันที่ประหลาดดีแท้
ทุกครั้งที่อัลเบิร์ตมารอกลับห้องพร้อมอเล็กซานเดอร์ สายตาแปลกประหลาดจากกลุ่มเพื่อนของอเล็กซานเดอร์ก็มักทำให้อัลเบิร์ตแขยง เขาไม่รู้จุดมุ่งหมายของคนพวกนั้น และไม่อยากจะรู้ จนกระทั่งคืนหนึ่งที่อเล็กซานเดอร์ออกท่องราตรี มันเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง แม้จะรู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นอัลเบิร์ตที่รอจนติดเป็นนิสัยก็ยังคงนั่งรออยู่ทุกคืน คล้อยหลัง กลุ่มเพื่อนของอเล็กซานเดอร์ก็มาที่ห้อง อัลเบิร์ตเปิดประตูออกมาด้วยความมึนงง บอกกับพวกเขาว่าอเล็กซานเดอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ คนกลุ่มนั้นกลับยกยิ้มแสยะ ดูเหมือนเป้าหมายของพวกเขาจะไม่ใช่อเล็กซานเดอร์...
-------------------
อเล็กซานเดอร์กลับจากข้างนอกในเวลาเพียงไม่นาน คลับที่เขาเคยไปแล้วสนุกสุดเหวี่ยงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เดี๋ยวนี้มันกลับกร่อยสิ้นดี ไม่ใช่เพราะคลับแห่งนั้นด้อยคุณภาพ สถานที่มันไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่เปลี่ยนคือใจของเขาต่างหาก แค่คิดว่ามีคนรออยู่ที่ห้องก็พาลหมดอารมณ์เที่ยวแล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เปิดประตูเข้ามาด้านในแล้วอเล็กซานเดอร์ก็ชะงัก ความเย็นเยียบแล่นปราดไปทั่วทั้งประสาทรับรู้ ขายาวก้าวเร็วไปที่ห้องอัลเบิร์ต ประตูถูกกระชากเปิดรุนแรง สายตาคมกวาดมองไม่พบแม้แต่เงาเจ้าของห้อง อเล็กซานเดอร์เรียกบอดีการ์ดมาถามถึงได้ความว่าอัลเบิร์ตถูกเพื่อนของเขาพาออกไปตอนที่เขาไม่อยู่ เห็นทางนั้นบอกว่าเขาเป็นคนให้มารับ ยิ่งได้ฟังความโกรธยิ่งแล่นริ้ว ดวงตาวาวโรจน์โกรธเกรี้ยว พวกมันคิดจะท้าทายเขา!
ไม่รอช้า อเล็กซานเดอร์ตามไปถึงที่ เขารู้ดีว่าพวกมันชอบสุมหัวกันที่ไหน ทั้งยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายคนพวกนั้นมีไว้ในครอบครองแทบทุกสิ่ง ถ้าไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันเขาไม่คบให้เสียเวลา ห้องชุดของหนึ่งในนั้นคือที่ซ่องสุมชั้นดี เพราะระบบตรวจสอบคนนอกที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้เป็นที่ที่ปลอดภัยจากจมูกตำรวจ อเล็กซานเดอร์ที่เคยเข้าออกที่นี่มาหลายหน เป็นเรื่องไม่ยากนักที่จะเข้าไปด้านในพร้อมบอดีการ์ดอีกสองนาย เขาคือทายาทเฟอร์ริงตัน การพกบอดีการ์ดติดตัวไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับที่นี่มันก็ต้องมีลูกไม้กันบ้าง
เมื่อมาถึงอเล็กซานเดอร์ก็ไม่คิดจะรอช้าให้เสียเวลาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ บานประตูถูกบอดีการ์ดของเขาจัดการลงจนราบ เพียงก้าวเข้าไปในห้องอเล็กซานเดอร์ก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ภาพที่เห็นทำเอาเขาแทบเก็บอารมณ์ไม่อยู่ บนพื้นห้องนั่นอัลเบิร์ตถูกจับขึง ผู้ชายวัยกำดัดรุมล้อมแทบมองไม่เห็น มีเพียงขาเปลือยที่ถูกจับยึดโผล่มา กับสภาพเพื่อนของเขาที่กึ่งเปลือยท่อนล่าง พวกมันมองมาที่เขาด้วยความตื่นตะลึง อเล็กซานเดอร์กำหมัดแน่น จุกไปทั้งอกเมื่อพวกมันผละออกห่างทำให้มองเห็นอัลเบิร์ตในสภาพบอบช้ำ ใบหน้าและริมฝีปากแตกจนเลือดซึม น้ำตาของอีกฝ่ายไหลพรากขณะมองมาที่เขาอย่างขอความช่วยเหลือ
“อเล็กซ์…” หนึ่งในนั้นเอ่ยเรียกเสียงสั่น รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
สายตาอเล็กซานเดอร์ยังคงจับจ้องอัลเบิร์ตที่หอบหายใจสะท้อน ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่หายใจ ทุกคนภายในห้องกำลังหวาดหวั่นกับสถานการณ์ เหมือนอเล็กซานเดอร์จะไม่สนใจพวกเขา แต่ที่จริงแล้วพวกเขารู้ดีว่าเพียงขยับตัว ดวงตาสีฟ้านั่นหันมาเล่นงานพวกเขาแน่
“อเล็กซ์ ฉันอธิบายได้ คือ…” ชายคนเดิมพยายามจะแก้ตัวในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่อเล็กซานเดอร์มีหรือจะฟัง “อเล็กซ์…”
ผลัวะ!!หมัดแรกถูกส่งออกไปสุดแรงจนเพื่อนคนนั้นเซลงไปกอง อเล็กซานเดอร์ตามไปกระชากคอมันกลับมากระหน่ำทั้งหมัดทั้งเท้า ก่อนที่จะยกเท้าเหยียบใจกลางร่างของมันจนร้องโอดโอย ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลตอนนี้กลับกลายเป็นสีฟ้าหม่น พวกที่เหลือลนลานใส่กางเกง หมายจะเอาอาวุธเข้าไปช่วยเพื่อนที่ถูกยำ แต่บอดีการ์ดของอเล็กซานเดอร์กลับทำให้พวกเขาชะงักกึก เมื่อปลายกระบอกปืนถูกเล็งมาเพียงแค่เห็นพวกเขาขยับตัว สีหน้าสองบอดีการ์ดดูเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก พวกเขาไม่อยากเสี่ยงแลก ได้แต่มองเพื่อนอีกคนนอนตัวบิดตัวงออยู่ที่พื้น และลำดับต่อไปคงเป็นพวกเขาเองที่กลายเป็นกระสอบทรายให้อเล็กซานเดอร์ซ้อม
อัลเบิร์ตพยายามยกศีรษะขึ้นมามองด้วยสายตาพร่ามัว ความไม่ชัดเจนนั้นทำให้เขาเห็นเพียงอเล็กซานเดอร์เลือนรางและเสียงโอดโอยที่ดังมาไม่ขาดระยะ
“อเล็ก...ซ์...”
เสียงผะแผ่วที่ดังแทบไม่พ้นคอเอ่ยเรียก แต่อเล็กซานเดอร์คงไม่มีทางได้ยิน เขาอยากเรียกให้ดังกว่านี้ แต่มันเจ็บร้าวไปทั้งตัวเหมือนสติจะหลุดลอย ก่อนที่สติรับรู้จะหมดไปอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนเข้ามาโอบประคองเขา ในความพร่าเลือนนั้นเขาเห็นคนๆนั้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาพยายามยกมือขึ้นมา แต่มันก็ตกลงข้างตัวเมื่อแรงที่เหลืออยู่หมดลงไป
---------------
อัลเบิร์ตฟื้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่ห้องของอเล็กซานเดอร์ในคฤหาสน์เฟอร์ริงตันแล้ว เด็กหนุ่มที่ยังสะลึมสะลือมองรอบด้านงงๆ พ่อบ้านมิลเลอร์เข้ามาดูอาการหลานชาย นำอาหารและยามาให้ ทั้งยังวัดไข้และทำแผลให้หลานด้วยตนเอง อัลเบิร์ตมองผู้เป็นลุงที่ลงมือทำแผลให้เขา ภายในห้องมีแต่ความเงียบ ลุงไม่ได้พูดอะไรและเขาก็ไม่กล้าถาม เพราะรู้สึกได้ว่าลุงของเขาเครียดเอามากๆ
เด็กหนุ่มค่อยเอื้อมไปแตะมือของผู้เป็นลุงที่ทำแผลที่ต้นขาให้เขา พ่อบ้านมิลเลอร์ชะงัก รู้สึกเจ็บในอกจนไม่กล้าจะเงยมองหน้าของหลานชาย กลัวแววตาของเขาจะแสดงความสงสารเวทนาออกมาทำให้หลานชายของเขารู้สึกย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา พ่อบ้านมิลเลอร์ขยับลุกอย่างรู้หน้าที่ อเล็กซานเดอร์เดินเข้ามาหาสองลุงหลาน มิลเลอร์จึงเอ่ยขอตัว ก่อนไปยังกำชับให้อัลเบิร์ตอย่าลืมทานยา เมื่อเด็กหนุ่มรับคำแล้วผู้เป็นลุงจึงออกจากห้องไป
อเล็กซานเดอร์ค่อยนั่งลงบนเตียงข้างอัลเบิร์ต มองสภาพคนเจ็บอยู่นานโดยไม่พูดอะไร มือใหญ่เอื้อมมาหา อัลเบิร์ตเบี่ยงหน้าหลบอย่างไม่ตั้งใจ มือนั้นชะงักพลอยทำให้เขาชะงักไปด้วย ก่อนจะหยุดอยู่นิ่งๆเมื่อเห็นแววบางอย่างในดวงตาสีฟ้านั่น
“ฉัน...”
เพียงเอ่ยคำแรกก็พูดต่อแทบไม่ออก อเล็กซานเดอร์แตะแก้มของอีกฝ่ายแผ่วเบาราวกลัวว่ามันจะช้ำไปมากกว่าที่เป็นอยู่
“ฉันไปทันหรือเปล่า ไปทัน... ใช่ไหม?”
ดวงตาสีเข้มเฉหลบ แค่นึกถึงมันขึ้นมาอัลเบิร์ตก็หายใจติดขัด “พวกเขาบอกว่าคุณยกผมให้พวกเขา”
ลำคอแห้งผากเมื่อเอ่ยถึงสิ่งที่ได้ยินมา ถ้อยคำหยามหยาบเย้ยหยัน เสียงหัวเราะเยาะบาดหู ความกักขฬะของคนพวกนั้นและความสกปรกบนร่างกายของเขา
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ นายจะเชื่อไหม?” ดวงตาสีฟ้าเว้าวอนไม่ตั้งใจ มือใหญ่กุมมือของอีกคนที่กุมกันอยู่บนตักของเจ้าตัวเขา “ฉันเป็นพวกหวงของถ้านายยังไม่รู้”
คิ้วอัลเบิร์ตขมวด อยู่ด้วยกันมาตั้งนานเขาพอรู้หรอกว่าอเล็กซานเดอร์เป็นคนอย่างไร เด็กหนุ่มมองสบสายตาอีกคนอย่างค้นคว้า
“กับนาย... ฉันก็หวง...”
เอ่ยบอกเช่นนั้นแล้วอเล็กซานเดอร์ก็ฉกจูบอีกฝ่ายรวดเร็ว ดวงตาซื่อเบิกกว้างตกใจ แต่ไม่ได้ผลักเขาออกห่าง อเล็กซานเดอร์มองแววตาสับสนในระยะประชิดเมื่อเอนร่างอีกฝ่ายลงไปบนเตียง ขณะที่ร่างกายสูงใหญ่ของเขาขยับขึ้นมาคร่อมกาย
“นายเป็นของฉัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์”
น้ำเสียงเอาแต่ใจเอ่ยบอก เสื้อที่สวมใส่ถูกถอดทิ้งไป เปิดเปลือยกล้ามเนื้อได้รูปสวย อัลเบิร์ตเม้มปาก ใจเต้นผิดจังหวะ มือค่อยยกขึ้นแตะกล้ามเนื้อหน้าท้องของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งเจ้าของเขาก็จับข้อมือเอาไว้ก่อนนำพาให้ลูบขึ้นไปยังแผ่นอก หัวใจเด็กหนุ่มเต้นระรัวแรงเมื่ออเล็กซานเดอร์โน้มลงมาหา เพียงริมฝีปากกระกบพบกัน รสจูบแสนดูดดื่มก็พาให้หลงเพ้อ มือหนาลูบคลำฟอนเฟ้นไปตามร่างกายของคนข้างใต้ ใจกลางร่างเสียดสีปลุกเร้าเพลิงอารมณ์
“รับปากมาสิอัลว่าจะอยู่กับฉันไม่ไปไหน จะเป็นของฉันแค่คนเดียว” อเล็กซานเดอร์ราวหลงเพ้อ
“อเล็กซ์... อเล็กซ์...”
อัลเบิร์ตละล่ำละลัก หัวเขาหมุนจากการถูกโจมตีจุดอ่อนไหวบนร่างกาย ปลายเล็บมนจิกบนไหล่หนาเมื่อริมฝีปากร้อนรวบยอดอกแข็งเกร็งแล้วตวัดปาดลิ้นชื้น
“พูดสิอัล”
อเล็กซานเดอร์โลมเล้าไม่หยุดขณะสั่งให้อีกคนรับปากตน อัลเบิร์ตบิดตัวเมื่อความอึดอัดกดแทรกอยู่ในร่างกาย มือหนาดันต้นขาของเขาให้แยกกว้าง ความร้อนเร่าที่เต้นตุบกดแนบก่อนโจนจ้วงเข้าสู่ความคับแน่นจนร่างกายแทบปริแยก อเล็กซานเดอร์คำรามในลำคอ ก้มลงแลกจูบกับอัลเบิร์ตที่ดิ้นพล่านด้วยความเจ็บ มือหนายกสะโพกหนั่นเนื้อขึ้นรับเมื่อตนเองเริ่มขยับหมุนวน ริมฝีปากไม่ละจากการมอบจุมพิตหลอกล่อให้อีกฝ่ายคล้อยตาม ซุกไซ้ดุนดันขณะที่สะโพกสอบโยกคลึง ร่างกายเกร็งเยือกกับความเสียวปลาบที่แล่นสู่ปลายประสาททุกจุด
“อเล็ก...ซานเดอ...ร์”
เสียงครางเรียกชื่อดังแทรกเข้ามาในห้วงอารมณ์ร้อนเร่า ร่างกายร้อนผ่าวจนอยากปลดปล่อยความร้อนรุ่มนี้ให้หมดไป อเล็กซานเดอร์แทรกกายดำดิ่งสู่ความคับแน่น เตียงนอนถูกใช้เป็นสมรภูมิรัก เสื้อผ้าอาภรณ์ที่หล่นเกลื่อนไร้คนสนใจ เมื่อกิจกรรมที่ทำอยู่ตอนนี้มันน่าสนมากกว่าอะไรทั้งหมด เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราย ความร้อนแทรกซึมทุกอณู
สองร่างที่โรมรันกันแทบลืมทุกสิ่ง สะโพกหนั่นแน่นของคนใต้ร่างถูกจับยึด กายหนาหนักทาบทับโถมกระชั้นถี่ มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมรั้งให้คนใต้ร่างหันมารับจูบร้อน ขณะที่ขยับสวนกายไม่หยุดพักพร้อมจะปลดปล่อย ลมหายใจขาดห้วงทั้งเสียงคำรามก้องเมื่อร่างกายเกินทานทนไหว สะโพกสอบขยับรัว หูอื้อไปชั่วขณะเมื่อความรุ่มร้อนถูกสาดซัดพัดพาจนตาพร่าด้วยความสุขสม สองร่างเกร็งยะเยือก ก่อนที่คนด้านบนจะทรุดกายลงมาทับอีกคนทั้งตัว ปลายจมูกโด่งกดแนบซอกคอ เสียงลมหายใจหอบแรงดังอยู่ใกล้หู ก่อนที่ร่างนั้นจะลุกจากไปในเวลาต่อมา
อัลเบิร์ตนอนซบหน้านิ่งอยู่บนที่นอน ยังไม่คิดที่จะขยับเขยื้อนไปไหน เจ็บหน่วงไปทั้งตัว หัวก็ปวดจนเกินทนจนต้องอยู่นิ่งๆไปสักพัก เด็กหนุ่มถอนใจยาว ค่อยพลิกกายกลับมานอนหงาย มองเพดานที่มันไม่มีสิ่งน่าสนใจอะไรเลยอยู่ครู่ใหญ่ถึงได้ผล็อยหลับไปอีกหน หยูกยาก็ไม่ได้กินเพราะความบ้าระห่ำของทั้งสองแท้ๆทีเดียว
บนเตียงนอนในเวลาต่อมา อัลเบิร์ตรู้สึกตัวขึ้นมาภายใต้วงแขนกว้าง ออกจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่ตนเองมานอนอยู่ในท่านี้ได้ ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้วไม่รู้ ท่าทางคงค่ำแล้วกระมังอเล็กซานเดอร์ถึงได้ขึ้นมานอนข้างเขา เด็กหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองโครงหน้าคนหลับที่ตนเองอิงแอบแนบชิด ที่เห็นเด่นชัดกับสายตาคงเป็นปลายคางที่เริ่มมีไรเคราบางๆ กับจมูกโด่งเป็นสันสวย สายตาของเด็กหนุ่มไล่มองจนถ้วนทั่วก่อนจะถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงสถานะของตนเองในเวลานี้ เป็นอะไรไม่รู้ล่ะ ไม่มีคำนิยาม แค่คำสั่งที่บอกให้อยู่ข้างกายและเป็นของคนๆนี้แค่คนเดียว เขาอาจจะโง่ก็ได้ที่ยินยอม แต่ใจเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่
กายแกร่งขยับทำให้อัลเบิร์ตเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา แต่ก็ไม่ใช่ เมื่ออเล็กซานเดอร์เพียงขยับตัวตะแคงพาดแขนกอดเขาเอาไว้ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดหน้าผาก อัลเบิร์ตชะงักนิ่งอยู่ครู่ใหญ่จึงค่อยสอดแขนพาดโอบเอวหนาของอีกฝ่ายบ้าง ริมฝีปากเผยยิ้มเจือจางขณะหลับตาลงในอ้อมกอดที่อีกฝ่ายเพียงเผลอไผล...
-----------------
ต่อด้านล่างค่ะ