ขอโทษค่ะ ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยก็เลยมาตอบช้า
เนื้อเรื่องน่าติดตามมาดเยย
เปนกำลังใจให้คร้าบบบ
สุขสันต์วันปีใหม่
ขอบคุณค่ะ สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ
..............................................................
...............................................................................*
นอกจากเชนแล้ว คนที่มักมาเยี่ยมเยียนไผ่ที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ ก็คือแพรวา
แพรวามักมาอยู่เฝ้า ดูการตรวจการรักษาของแพทย์ราวกับมาตรวจให้แน่ใจว่าเขาดูแล"วีรบุรุษ"ของเธอดีที่สุดจริง ๆ
"คุณแพรวาครับ.." ไผ่เรียกเธอในวันหนึ่ง
"เรียกว่าแพรเฉย ๆ เถอะค่ะ" หญิงสาวบอก
"คุณไม่ต้องช่วยผมขนาดนี้ก็ได้นะครับ ผมรู้สึกว่ามันแปลก ๆ"
แพรหัวเราะราวกับมันเป็นมุขตลกไร้สาระที่ไผ่ปล่อยมาให้เธอขำเล่น ๆ
"พวกคุณทำงานที่ไหนกันเหรอคะ" เธอเอ่ยปากถามเมื่อหยุดหัวเราะ
"ผมเป็นสถาปนิกครับ" เชนตอบ "รับงานออกแบบบ้านอาศัยทั่วไป..."
แพรวาพยักหน้าแล้วหันมาส่งสายตาเป็นคำถามไปยังชายหนุ่มอีกคน
ไผ่เงียบอยู่พักหนึ่ง อึกอักราวไม่อยากตอบ "ผมไม่มีงานทำครับ"
เชนงุนงง การแต่งตัวของไผ่นั้นไม่ใช่ทีท่าของคนที่จะว่างงานเลย ท่าทีของเขาก็ไม่ใช่คนที่จะว่างอยู่ได้ตลอดวัน เขาไม่กลัวอดตายหรือไง...ไม่ทำงานเลยรึ...
"คุณรับงานในบริษัทของคุณพ่อได้นะคะ" แพรรีบบอก แล้วตัดบททันทีเมื่อไผ่อ้าปากจะปฏิเสธ "ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ คุณพ่อเต็มใจอยู่แล้ว งานที่ว่างในบริษัทมีเยอะแยะ"
ชายหนุ่มผู้โชคดีส่ายหน้า "ผมเกรงใจครับ แล้วสุขภาพของผมคงไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานเป็นพนักงานบริษัทแน่ ๆ"
"คุณไม่สบายเหรอคะ" น้ำเสียงของแพรตกใจมาก "คุณเป็นโรคอะไรคะ ถ้าช่วยได้ฉันยินดีส่งเสียรักษาคุณนะคะ คุณจะต้องหาย"
ไผ่ส่ายหน้าอีกครั้ง เขาไม่ยอมตอบว่าเขาเป็นโรคอะไรแม้หญิงสาวจะพยายามเค้นคำตอบเท่าใดก็ตาม สุดท้ายแพรวาก็ออกจากห้องไปหาคำตอบด้วยตัวเธอเอง
เมื่อสิ้นเสียงฝีเท้าของหญิงสาว เชนก็เข้ามานั่งข้างเตียงผู้ป่วยแทนที่แพร แล้วเลียบเคียงถามหลังจากนั่งจ้องหน้าไผ่อยู่นาน
"นายเป็นโรคอะไรเหรอ" เชนเอ่ยขึ้นมา แต่ไผ่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
"อย่าเก็บเลยน่า ฉันไม่เห็นว่านายจะป่วยตรงไหนเลย"
ไผ่ไม่สนใจ จ้องไปที่ผนังห้องข้างหน้า ทำราวกับชายหนุ่มอีกคนไม่ได้อยู่ที่นั่น
"นี่..บอกฉันเถอะนะ" เชนอดใจหายไม่ได้พอคิดว่า ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาที่ริมหาดทุกวันอาจจากไปในเร็ววันนี้
"ทำไมฉันต้องบอกด้วย นายมีเหตุผลอะไร" ไผ่ยังไม่มองหน้าเชน
...หยิ่งชะมัด...เชนคิด แต่ก็ยังรู้สึกเป็นห่วง
"ฉันไม่อยากให้นายตายนี่นา" เขาตอบ "รู้มั๊ย...นายเป็นคนเดียวที่นั่งเป็นเพื่อนฉันเสมอเวลาฉันเก็บขยะอยู่ที่หาดนั่น ตอนเย็น ๆ บรรยากาศดีก็จริง แต่มันเงียบสงัดวังเวงจะตาย"
"ฉันไม่ได้นั่งเป็นเพื่อนนายซักหน่อย" ไผ่บอก
"ทำไมต้องปิดกั้นฉันด้วยเนี่ย" ชายหนุ่มอีกคนรู้สึกแย่ ทำไมไผ่ถึงมนุษยสัมพันธ์แย่อย่างนี้นะ เขาไม่คิดจะคบค้าสมาคมกับใครเลยใช่ไหมนี่ ขนาดแพรวา หญิงสาวสวยงามบริสุทธิ์น่ารัก ยังไม่อาจทำให้ไผ่หวั่นไหวได้แม้แต่น้อย
"ถ้านายตาย ฉันก็คงรู้สึกเหงา บอกให้ฉันรู้ก็ยังดีว่านายจะตายวันไหน ฉันจะได้ทำใจถูก"
"นายพูดยังกะแช่งให้ฉันตายแน่ะ" ไผ่ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ความจริงเขาแอบขำในใจลึก ๆ
"ฉันเปล่าซักหน่อย ก็ฉันไม่รู้นี่นา นายพูดเหมือนนายจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน" เชนทำหน้าเครียดจริงจังราวกับไผ่จะตายลงพรุ่งนี้
...ฉันพูดเมื่อไหร่กัน...คน'จะอยู่บนโลกนี้อีกไม่นาน'คิดอย่างขำ ๆ แต่หน้าตายเหมือนเดิม ...แกล้งเล่นซะหน่อยดีมั๊ยเนี่ย...
"นั่นสินะ" ไผ่แสร้งทำหน้าเศร้า ซึ่งมันทำให้เชนเชื่อได้สนิทเพราะเขาเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนที่มีแววตาเศร้าสร้อยเสมออยู่แล้ว "เวลาที่เหลือในชีวิตฉันมันก็น้อยลงทุกที..."
"นาย...นายไม่ต้องเสียใจนะ" เชนบอกอย่างรวดเร็ว "ฉันยังจะอยู่เป็นเพื่อนนาย ถึงชีวิตนายจะไม่เหลือใคร แต่เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม นายไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแต่นายก็เป็นเพื่อนของฉันนะ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนที่นั่งดูฉันเก็บขยะ"
หัวข้อสนทนานั้นทำให้จิตใจของไผ่หดหู่ลงจริง ๆ เขารีบเปลี่ยนเรื่อง "แล้วนายไปเก็บขยะที่นั่นทุกวันทำไมกัน"
ชะงักกึก...เชนไม่ได้ตอบตรง ๆ "เหตุผลส่วนตัวน่ะ"
"ฉันไม่มีสิทธิ์รู้เหรอ" ไผ่ถาม รู้สึกสงสัยขึ้นมาจริง ๆ "เวลาที่เหลือของฉัน..ให้ฉันได้ช่วยอะไรนายบ้างเถอะ"
ความจริงแล้วไผ่ก็แค่อยากรู้...แต่เชนดูเหมือนจะไม่อยากตอบจริง ๆ เขารีบลุกหนีออกไปนอกห้อง ทิ้งไผ่ให้นั่งเก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงลำพัง
.......................................................*