มนต์รักทะเลใต้ [6]
“นนทร์!!! นนทร์!!!” กันย์วิ่งสุดกำลังพรวดพราดเข้ามาในกระท่อม เขาตรงเข้าไปเขย่าเพื่อนที่หลับอุตุมีความสุขแรงๆ “ตื่นเร็วเข้า”
“หื้อ?? อะไร” ชายหนุ่มดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ก่อน นาทีแรกที่ลืมตาก็รู้สึกปวดตามาก ทุกส่วนในร่างกายปวดเมื่อยเหมือนโดนรถสิบล้อวิ่งทันก็ไม่ปาน เจ็บอะไรอย่างนี้นะ
“ไปช่วยกูหน่อย ไอ้ลุงบ้านั้น....อยู่ที่ลำธารกูแบกมันมาไม่ไหว”
“ฮะ..” นนทร์หัวเราะ แค่ลำธาร อย่างสุรสิงห์ทำไมจะว่ายน้ำไม่เป็น
“กูตีหัวเขาแตกจมอยู่ในน้ำ ตอนนี้ตายห่าแล้วยังไม่รู้”
“หา!!!” ร่างเล็กลุกพรวดพราดออกไปข้างนอกโทงๆไม่สนใจจะเสียเวลาใส่ลิงสักนิด เขาวิ่งออกไปมีกันย์วิ่งถือกางเกงตามไปติดๆ “มึงทำอะไรของมึงว่ะ”
“กูไม่รู้เว้ย”
ชั่วโมงก่อนหน้านี้“เป็นไงล่ะ นั่งแช่เยี่ยวตัวเองเป็นไงบ้าง” สุรสิงห์ย่อตัวลงนั่งยองตรงหน้า ดึงผ้ามัดปากออก
“มึง...”
“อ๊ะๆ จะพูดอะไรก็คิดให้ดีก่อน” เขาชี้นิ้วใส่ กันย์ต้องเม้มปากกลั้นด่าเอาไว้สุดฤทธิ์ อยากกระทืบมันใจจะขาดแต่ต้องอดกลั้นไว้....จะเล่นงานมันต้องอดทนไว้ อยู่ที่นี่มันได้เปรียบมากกว่า
“ปล่อยได้แล้ว เจ็บไปหมดแล้วเนี่ย”
“เอ่อ....แล้วว่าง่ายหน่อยล่ะกัน แล้วฉันจะไม่บอกนนทร์ว่าเราน่ะฉี่ราด”
กูฆ่ามึงแน่.....ไอ้กร๊วก ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอดๆจนมือได้เป็นอิสระ “มึง!!!”
ตุ๊บ!! กันย์ลุกพรวดพราดจะซัดปากมันสักหมัดแต่กลับเข่าทรุดล้มหน้าคว่ำลงบนพื้นทราย จากโกรธมาเป็นโกรธและอาย เขาตะกายพื้นพยายามลุกขึ้นยืน หากเป็นเพราะนั่งอยู่ท่าเดียวมาทั้งคืนเลยไม่มีแรง สุรสิงห์ยิ้มเยาะสมเพช ไอ้หนูนี้หน้าตาก็น่ารักอยู่หรอก แต่นิสัยคนล่ะขั้วกับนนทร์เลย น่าเตะชิบเป๋ง
“เว้ย! จะทำอะไร ปล่อยกูนะ” ชายหนุ่มร้องโวยวายเมื่อโดนจับแบกขึ้นบ่าได้ง่ายๆเหมือนแบกกระสอบนุ่น
“หยุดโวยวาย น่ารำคาญชะมัด จะพาไปล้างตัว เหม็นเยี่ยวขนาดนี้เดี๋ยวก็กินข้าวกันไม่ลงหรอก” ร่างสูงแข็งแรงเดินลิ่วๆผ่านแปลงผักขึ้นเนินลัดเลาะโขดหิน ผ่านพุ่มไม้ใหญ่ไปไกลทีเดียวล่ะกว่าจะได้ยินเสียงน้ำไหล เขาเอี้ยวตัวไปมองที่มาของเสียง น้ำตก....
ตูมมม.....
“ว้ากกกกก” กันย์ร้องลั่นด้วยความตกใจ จู่ๆก็โดนเหวี่ยงตกน้ำ
“ว่ายไปข้างล่างๆหน่อย น้ำนี้ต้องกินต้องใช้นะ อย่าปล่อยของเสียลงในน้ำล่ะ แค่นายคนเดียวก็แย่แล้วฉันไม่อยากมีพยาธิมาเกาะลำไส้เพิ่ม”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองคนที่ยืนเท่าเอวริมตลิ่ง อารมณ์นั้นพุ่งจี้ดเลย ว่าเขาเป็นเหมือนพยาธิเหรอ เขาไม่ต่างอะไรจากสัตว์ไม่มีสมองพวกนั้นเหรอ
“มองอะไร....จะเถียงว่าที่ฉันพูดมานั้นไม่จริงเหรอ งั้นก็ทำตัวให้มีประโยชน์กว่านี้หน่อยล่ะกัน จะได้เบาแรงฉันมั่ง” เขาเหลียวมองไปรอบๆกำลังคิดว่าจะไปขุดหาเผือกก่อนดีไหม หรือว่าไปหาปลาก่อนดี กันย์พุ่งปราดเข้าหาอย่างรวดเร็ว
ผัวะ!!!
ก้อนหินในมือพาดเข้าหลังกกหูสุดแรง ร่างสูงถึงกับล้มทั้งยืนก่อนกลิ้งตกลงลงไปในลำธาร ชายหนุ่มยืนมองนาทีแรกสะใจที่ได้เห็นสภาพหมดท่าเลิกปากมากของไอ้บ้านี้เสียที ก่อนจะใจหายวาบในนาทีต่อมาเมื่อเห็นสีแดงกระจายในน้ำ เขามองก้อนหินในมือ ‘กูทำอะไรไปเนี่ย??’
“ไอ้สิงห์??...นะ...นายสิงห์” ร่างเล็กกระโดดลงไปในลำธาร ดึงร่างหนักอึ้งพลิกหงายขึ้น เลือดแดงๆไหลอาบหน้าทันที กันย์แทบจะโยนทิ้งแล้วหนีไปไกลๆแล้ว ถ้าไม่รู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจ เขายังไม่ตาย “นายสิงห์”
เงียบ ไร้ปฏิกิริยาใดๆ ชายหนุ่มลากร่างอ่อนปวกเปียกมาที่ตื้นประคองหัวให้อยู่เหนือน้ำไว้ก่อน ‘ใจเย็น....ใจเย็นๆๆๆ ต้องทำอะไรก่อน....ทำอะไรก่อนดี’เขามองไปรอบๆมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเสียงนกวิเวกวังเวง ก่อนจะนึกได้ว่ายังมี นนทร์อยู่นี่นา....
“นนทร์...นนทร์ ตื่นเร็วเข้า” เขาเขย่าเพื่อนแทบตายกว่ามันจะลืมตาตื่นได้ ไอ้เวรเมื่อคืนสนุกจนลืมตายไปเลยแล้วเสือกลืมกูได้ มันน่านักเชียว
“อะไร??”
“กูตีหัวมันตกน้ำไปแล้ว ไม่รู้ตายห่าหรือยัง”
“ว่าไงนะ” นนทร์เด้งดึ๋งลุกขึ้นมาคว้ารองเท้าผ้าใบมาสวมทันที “ที่ไหน?”
“ที่ลำธารเลยแปลงไปผักไปอีก ไอ้นนทร์กลับมานุ่งลิงก่อน” กันย์ตะโกนเรียกยังไงก็ไม่สนแล้ว เพื่อนซี้เขาวิ่งไปทั้งอย่างนั้นเลย
“มึงทำบ้าอะไรของมึงว่ะ”
“กูไม่รู้เว้ย” เขาวิ่งตามไปมือถือกางเกงลิงติดไปด้วย ไม่อยากเชื่อว่าไอ้บ้านนทร์จะเห็นผัวดีกว่า มันวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลย พอเห็นร่างที่นอนแผ่ริมน้ำก็กระโดดลงทันที
“เฮ้ยๆๆ ไอ้นนทร์นุ่งลิงก่อนเว้ย เดี๋ยวปลิงก็เกาะตูดมึงหรอก” เขาโยนกางเกงลิงให้เพื่อน ตัวเองก็ประคองคนเจ็บไว้ นนทร์รีบใส่กางเกงแล้วช่วยเพื่อนลากร่างที่หนักอึ้งขึ้นมา แต่กว่าจะลากมาถึงกระท่อมได้นั้น ทุลักทุเลกว่าเป็นร้อยเท่า พวกเขาล้มลุกคลุกคลานไปไม่ถึงไหน ต้องไปหาไม้มารองใต้ตัวสุรสิงห์แล้วช่วยกันลากมาถึงกระท่อม กว่าจะลากร่างหนักอึ้งขึ้นมานอนบนเตียงได้ ทั้งคู่ก็หอบแฮ่กๆ
“ทำไงต่อล่ะ” กันย์เห็นเลือดแดงเถือกเต็มหน้าก็ใจแป๋วแล้ว
“ต้องทำแผลเขาก่อน” นนทร์สูดลมหายใจรวบรวมแรงลุกขึ้นค้นหาอุปกรณ์ในห้องอย่างรีบเร่ง ก่อนค้นกระจุยออกไปถึงนอกห้อง กว่าจะได้มาทีล่ะชิ้น เขาเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาเพื่อให้เห็นแผลชัดๆ
“อี้ย์.....” กันย์ทำหน้าสยองตอนเห็นเพื่อนแหวกผมให้เห็นแผลชัดๆ เขาลุกไปยืนห่างๆทันที นนทร์เห็นเพื่อนไม่ช่วยอะไรเลย เลยไล่ให้ไปอยู่ในห้องครัวแทน
“มึงไปดูสิว่าในครัวมีอะไรพอจะทำเป็นอาหารได้หรือเปล่า กว่ากูจะทำแผลเสร็จก็คงอีกนานล่ะ”
“โอเคๆๆ” เขารีบออกไปเลย แต่พอเข้ามาในห้องครัวก็ได้แต่หมุนรอบตัวมองไปทั่วก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ สุดท้ายก็ได้แต่นั่งเฉยๆเท่านั้น เขาจมอยู่ในความคิดวิตกว่าอีกฝ่ายจะเอาคืนยังไงกันจนไม่รู้สึกกระทั่งนนทร์วิ่งถลาออกมา
“กัน....มึงมัวทำอะไรอยู่ ไม่ได้กลิ่นหรือไง”
“หา??”
“ข้าวไหม้แล้ว บ้าจริง” ร่างเล็กคว้าผ้าขี้ริ้วหยิบหม้อดินออกจากเตา กันย์ถึงรู้ตัวว่าควันลอยเหนือหัวเขา แถมกลิ่นเหม็นไหม้อบอวลไปหมด
“ตายโหง...”
“มึงมัวทำอะไรอยู่” นนทร์หันมาแว้ดใส่ เขาขว้างผ้าขี้ริ้วลงกับพื้นชี้ให้ดูในหม้อที่มีแต่ข้าวดำๆ กันย์หน้าเสียตอนนี้เพิ่งรู้สึกท้องร้องจ๊อกๆ
“โทษที...กูไม่รู้จะทำอะไรดี”
“เฮ่ยยยย” ชายหนุ่มพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย เขาคิดๆๆๆพลางมองไปรอบๆห้องครัวโทรมๆนี่ “โอเค.....กูต้องไปหาปลา คงต้องใช้เวลาสักหน่อย กลับมาแล้วค่อยหุงข้าวล่ะกัน มึง......อยู่ดูพี่เขาหน่อยล่ะกัน”
“หา?? ให้กูดูมันเนี่ยนะ”
“หรือมึงจะไปหาปลา หา??”
“กูดูให้ก็ได้”
“เอ่อก็แค่เนี่ยะ ดูดีๆนะเว้ย ห้ามทำไรด้วย ถ้าเขาเป็นไรไปล่ะก็ มึงได้เป็นฆาตกรแน่”
“ไอ้หอก แช่งมาได้นะมึง”
นนทร์มองอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไร แต่ไม่ออกหาอะไรมากินเลยก็มีหวังได้อดกันทั้งสามคนแน่ เขาหยิบฉมวกสามง่ามกับสน๊อกเกิ้ลออกไปข้างนอก
วิ้ง......วิ้ง...... เสียงแมลงดังอย่างแปลกประหลาด กันย์หันไปมองข้าวไหม้ในหม้ออย่างเสียดาย เขาหิวแล้วสิแต่ก็ไม่มีอะไรกิน ไม่มีอะไรทำจึงเข้ามาดูคนเจ็บ นนทร์ทำแผลแล้วสภาพก็ดูไม่จืดเลย คราบเลือดกระจายไปทั่วห้องเลยแฮะ เขาทนอยู่เฉยไม่ได้เลยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนเจ็บ หื้อ....เพิ่งสังเกตไอ้บ้านี้หล่อดีแฮะ แผงอกก็ล่ำ ปลายคางก็...... ปากก็.....
“อืม...”
“เปล้านะ ไม่ได้ทำไร” กันย์ผวาหนีทันที ไอ้บ้านี้ยังกะรู้แน่ะว่าเขาคิดอกุศลอยู่ แต่ก็แค่ครางอือเท่านั้น เขาจึงลองแตะที่ข้างลำคอกับหน้าผากดูถึงรู้ว่าตัวเย็นมากแล้วเริ่มสั่นแล้ว เขาออกมานอกกระท่อมมองหน้าเพื่อน แต่ก็ไร้วี่แวว ทำไงดีนะ....
10 นาทีผ่านไปก็ไม่เห็นเพื่อนเลย เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกกลัว เหมือนโลกนี้เหลือแต่เขาเท่านั้น หากนนทร์หายไป ไอ้บ้าสิงห์ตาย แล้วเขาจะอยู่อย่างไงล่ะ เขากลับเข้ามาในห้องบนเตียงยังไม่ได้สติหน้านั้นซีดไม่มีสีเลย จึงค้นในห้องได้ผ้าบางๆมาอีกผืนมาห่มให้ ปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ลมเข้าแล้ว ก็เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย
“อย่าเป็นอะไรนะ ขอร้องล่ะ......ไอ้.....นายสิงห์ รู้สึกตัวหน่อย.....” เขาถูมือเย็นๆไปมาให้เกิดความอบอุ่น แต่ถูเท่าไรก็ไม่อุ่นเสียที
ครืน..... เสียงฟ้าคะนองทำให้เขาเริ่มเป็นห่วงเพื่อนแล้ว ฝนตกคลื่นลมแรงแน่ๆ เขาลุกออกมาข้างนอกก็เห็นนนทร์วิ่งกลับมาพอดี ในมือมีปลาตัวเล็กๆแค่ 2-3 ตัวเท่านั้น
“นนทร์”
“ฝนจะตกแล้ว กูเลยต้องกลับมาก่อน พี่เขาเป็นไงบ้าง”
“ท่าทางไม่ดีเลย ตัวเย็นไปหมด” นนทร์เข้ามาดูอาการคนป่วยแล้วชักไม่สบายใจเลย
“ไอ้กัน มึงขึ้นไปนอนกับพี่เขา”
“หา?”
“เร็วๆ ขึ้นไปนอนกับพี่เขา”
“แล้วทำไมมึงไม่นอนเองล่ะ มาใช้ไรกู”
“หรือมึงจะเข้าห้องครัว” เขาชูปลาให้ดู กันย์อึ้งกิมกี่เขาทำกับข้าวไม่เป็น ถ้าไข่เจียวล่ะพอได้
“ก็ได้...” คล้อยหลังเพื่อนแล้ว เขาต้องหันมามองคนบนเตียง นี่เขาต้องนอนกกหมอนี่เหรอ
**********
อูย.....เจ็บชะมัด
ยังกะโดนพาดหัวมางั้นแหละ สุรสิงห์ลืมตามาเห็นเพดานห้องที่คุ้นตาแต่แสงสลัวเห็นลางๆ นี่ค่ำแล้วเหรอ ทำไมเขามานอนอยู่นี่ได้ล่ะ พอจะยกมือขึ้นกลับติดร่างอุ่นๆนอนซบไหล่อยู่ นนทร์เหรอ
อ๋อ...จำได้แล้ว ไอ้เด็กเวรนั้นพาดหัวเขา ใช่.....โอ้ย
ชายหนุ่มค่อยๆยกมือขึ้นแตะแผลบนหัว รู้สึกเจ็บจี้ดๆตลอดเวลา นนทร์คงทำแผลให้แล้วนอนเฝ้า เขาอยากได้ยาแก้ปวดแต่ก็ไม่อยากลุก ขอสักรอบก่อนมีไข้ล่ะกันแทนยาแก้ปวดไปด้วยในตัวเลย เขาหัวเราะกับความหื่นของตัวเอง โบราณว่าไว้ลามกวันล่ะนิด จิตแจ่มใส นี่อดมานานเป็นปีแล้วขอสักหลายๆดอกชดเชยหน่อยล่ะกัน
สุรสิงห์พลิกร่างเล็กลงเบื้องล่าง แล้วรุกรานริมฝีปากเป็นที่แรก สองมือแยกเรียวขาออกแล้วแทรกตัวเองลงกั้นกลาง กดต้นขาส่วนแข็งขืนบดขยี้ผ่านกางเกงแรงๆ พร้อมกับลิ้นที่แทรกเข้าไปในปาก
“อือ...” ใต้ร่างส่งเสียงอู้อี้เบาๆ สองมือเปะปะไปทั่วพยายามดันไหล่เขาออก ชายหนุ่มไม่สนใจเขาเลื่อนมือรูดกางเกงแนบเนื้อของนนทร์ออกไปให้พ้นทาง ก่อนโจนจ้วงเข้าในความชุ่มชื้นฟิตแน่นอย่างรวดเร็ว
ใต้ร่างผวาเฮือกภายในบีบรัดเขาแน่นสร้างความเสียวซ่านจนเกือบทะลักทะลาย สุรสิงห์รู้สึกว่านนทร์ร้อนแรงกว่าปกติ รู้สึกได้จากการรับที่สอดคล้องกับจังหวะของเขา มันช่างหวานฉ่ำถึงใจจริงๆ เขาเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นอย่างไม่นับ รสซาบซ่านนี้สิเป็นยาแก้ปวดได้ชะงักนัก เขาบดขยี้ริมฝีปากอย่างเมามันพร้อมๆกับเสียบแทงสุดลึก ส่งให้ใต้ร่างหวีดร้องกับปากเขา ความสุขอุ่นๆทะลักออกมาเปรอะเปื้อนเนื้อตัวพวกเขาทั้งคู่ ทำให้เขาถึงฝั่งสุขสมด้วยเช่นกัน
“กัน...ข้าวหุงเสร็จแล้ว ออกมากินเร็ว” ข้างนอกส่งเสียงเรียก ทำให้ตาสว่างทันที ประตูห้องเปิดเข้ามาพร้อมแสงสว่าง สุรสิงห์เห็นใบหน้าที่อยู่ใต้ร่างเขาชัดๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามา สีหน้านั้นทำเอาใจหายวาบเลย
ซวยแล้ว กู......
อีกตอนเดียวก็จบแล้วจ้า
มาบอกกล่าวเล่าสิบก่อนเพราะหลายคนคงสงสัยว่าอีกเรื่องนั้นทำไมตัดจบไวอย่างนี้ ก็ไม่มีไรมากนอกเรื่องของแรงบันดาลใจหรือแรงฮึดนั้นแหละ นักเขียนส่วนมากก็คงอยากเขียนเรื่องดีๆสนุกๆมีคนอ่านเยอะๆ
นักเขียนคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ nariza เป็นนักเขียนประเภทอาศัยคอมเม้นท์ให้แรงบันดาลใจ เอ๊ะ..อยากให้เป็นอย่างนี้เหรอ ไม่ๆๆ ไม่ตามใจง่ายๆหรอก ต้องอย่างนี้ดีกว่า มันสะใจดี แต่นานครั้งก็ตามใจคนเม้นต์อยู่เหมือนกัน แต่เรื่องมนตรานี้ยิ่งเขียนนานก็ยิ่งยาก จริงอยู่ว่าพล๊อกล่วงหน้าที่วางแผนไว้ในใจมีอยู่แล้ว แต่แรงกระตุ้นไม่มี ดูจากผลตอบรับที่เหมือนยิ่งเขียนจะยิ่งจางลง ยิ่งเขียนคนอ่านยิ่งน้อย นั้นก็ทำให้ต้องพิจารณาตัวเองแล้วว่า บกพร่องตรงไหน
สุดท้ายถึงรู้ว่าบกพร่องที่ตัวเองนั้นแหละ ที่เขียนแบบไร้เสน่ห์ ไม่ดึงดูดพอ คงเพราะรีบเกินไปถึงคล้ายบทความอธิบายเกินไป ฟิลลิ่งของอารมณ์ตัวละครไม่มีจึงคิดว่าไม่เหมาะที่จะเขียนต่อแล้ว จึงบอกกล่าวให้ทุกคนทราบ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคะ