ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0-----------------------------------------------------------------
ฝากกันอีกเรื่องหนึ่งนะครับ เป็นวันแมนฯของพี่ชายใบหน้าคมหัวนมฟิตของผมเองครับ แฮ่ๆๆ (พี่ชายคาโอรุ...ณ Dir en grey)
One man story 1
“เฮ้ออออ ! ไม่ไหวแล้วน้า!" สุดละเหี่ยใจเหลือหลาย ใจอ่อน อ่อนใจ วันนี้ผมถอนหายใจเป็นรอบที่สองร้อยสองแล้วมั่งครับนี่ เป็นอะไรที่เซ็งสุดขีดเลยล่ะครับ ที่ต้องมานั่งรอไอ้เพื่อนบ้าอยู่หน้าห้องมันแบบนี้ เหนื่อยก็เหนื่อย หนาวก็หนาว หิวก็หิว มันไปไหนของมันว้อย!เนี้ยนะพอ teen แตะสนามบินปุ๊บ ผมก็รีบจับแท็กซี่มายังที่พักของมันทันที หิวจนตาลายแทบจะจับคน(ผู้ชาย)แถวนี่กินได้แล้วนะมึง ไอ้จี้! มึงตายแน่!...ผมคำรามอยู่ในลำคอ ด้วยความเหนื่อยและโมโหหิว
ดูสิครับมีอย่างที่ไหนเมื่อ ประมาณ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ ผมได้รับเมล์จากไอ้เพื่อนบ้า ไอ้จี้มันครับ มันชวนผมให้มาเที่ยวโตเกียวแล้วมาพักอยู่กับมัน ทีแรกผมก็ไม่อยากมาหรอกครับ แต่มันก็รบเร้าอยู่นั่นแหละ และอีกอย่างผมก็เรียนจบมาได้เดือนกว่าๆแล้ว ก็เลยอยากมาหางานทำไปในตัวด้วย ตามประสาเด็กบ้านนอกแหละฮะ พอเรียนจบก็เข้ากรุง ทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้อยู่รอด ผมว่าสภาพแวดล้อมภายในเมืองใหญ่ๆมันดูเครียดและเหนื่อยยังไงไม่รู้ คิดดูนะฮะ แค่นั่งรถเมล์หรือรถไฟเฉยๆก็ยังเหนื่อยได้เลย แถมยังต้องดิ้นรนถีบตัวเองอยู่ตลอดเวลาอีก ผมเห็นอาการเพื่อนผมแต่ละคนแล้ว ต้องบอกเลยล่ะฮะ ว่าผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่คิดที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ๆแบบนี้ ไม่น่าอยู่เหมือนบ้านนอกเราหรอกครับ ผมรักสงบ เงียบๆ อะไรที่มันดูวุ่นวายสับสนรู้สึกมันไม่เข้ากับผมซักเท่าไหร่
มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องคิดหนักมากถึงมากที่สุด คิดแล้วคิดอีกกว่าจะตัดสินใจแพ็กกระเป๋าออกจากบ้านเกิดที่เฮียวโงได้ น้ำตาร่วงไปหลายปี๊บครับ
ผมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองแล้วก็เป็นเดือดเป็นแค้นให้ไอ้เจ้าจี้มันต่อ ก่อนจะมาไอ้ผมหรือก็โทรมาบอกย้ำแล้วย้ำอีกแล้วนะ ฮึ่ม !ไอ้จี้ แกตาย !!!...แค้นมันขึ้นมาอีกรอบ ยิ่งนึกก็ยิ่งหงุดหงิดถึงโตเกียวผมก็โทรหาไอ้เพื่อนตัวดีทันที แต่แล้ว... หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ...น้าน!มันดันเสือกปิดโทรศัพท์ทำเตี่ยมันทำไมมิทราบ!... ผมกด ๆ จิ่ม ๆเบอร์ของไอ้จี้จนเครื่องจะพังอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันหายหัวไปไหนของมัน เล่นแบบนี้ผมก็แย่ซิฮะ!... แย่แน่ๆ มันทำอะไรของมันอยู่
ผมมืดแปดด้านไปหมดไม่รู้จะทำยังไง เด็กใสซื่อบริสุทธิ์แบบผมมาโตเกียวกับเค้าเป็นครั้งแรกด้วย ไม่รู้จะไปทางไหนถนนหนทางก็ไม่รู้
แต่ในที่สุดหลังจากที่นั่งคอยมันอยู่ที่สนามบินจนทนไม่ไหว ผมก็ตัดสินใจนั่งแท๊กซี่มาคอยมันอยู่ที่หน้าห้องพักของมันแทน แล้วตอนนี้ผมก็คอยมันมาสี่ห้าชั่วโมงแล้วครับ
โธ่!... มันไปไหนของมันนะ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้จดที่อยู่และเบอร์ห้องผิดหรอกครับ หิวข้าวจนไส้จะขาดอยากจะไปหาอะไรใส่ท้องก็กลัวว่าไอ้จี้กลับมาจะไม่เจอผมเข้า คอยมันต่ออีกซักหน่อยแล้วกันไหนๆก็มาถึงแล้วนี่ ตาก็จะปิดอยู่ร่อมมะรอแล้ว การเดินทางจากเฮียวโงถึงตัวเกียวมันเหนื่อยไม่น้อย พอง่วงแบบนี้ใจมันนึกถึงเตียงนุ่มๆที่บ้านนอกขึ้นมาทันใดเลยฮะ...
ผมวางสัมภาระลงบนพื้นหน้าประตูห้อง แล้วก็นั่งคอยมันหน้าห้องนี่แหละ ช่างมันไม่องไม่อายไม่สนใจแล้ว ชั้นนี้ก็ไม่เห็นจะมีคนเข้าคนออกซักเท่าไหร่หรอก ยิ่งดึกดื่นแบบนี้ไม่มีใครมาสนใจผมหรอกฮะ...เงียบและสงบพอจะนั่งหลับคอยมันได้น่า
ฟี้ๆๆๆ.....
................
“ เฮ้ ๆ ตื่นๆ ได้แล้ว”
“ งะ ฮะ อะไรๆ “ ผมตาลีตาลานสะดุ้งตื่น ตกใจเมื่อมีตัวอะไรไม่รู้มันมาสะกิดที่ต้นแขน ไหน ๆ ใครบังอาจมาขัดจังหวะการหลับการนอนของผม ผมขยี้หูขยี้ตามองหาตัวมารที่บังอาจมารบกวนเวลาหลับของผมได้
เจออะไรเข้ารู้มั๊ยครับ...นี่เลยครับ เบ่อเร่อเลย เท้าใหญ่ๆภายใต้รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังที่เห็นได้ตามป้ายโมษณาอยู่ข้างสนามบอลบ่อยๆมันอยู่ห่างจากหน้าผมไปแค่คืบเดียวเองอะ...พอผมทอดสายตาไล่มองสูงขึ้นไปอีกนิด...
กร๊าซซซซซซซซซซ แทบบ้าตาย!...ขาแม่งมันสวยชิบหาย!...ภายใต้กางเกงยีนส์ขาดๆเข้ารูป เห็นหน้าแข้งที่ไร้ขนวับๆแวมๆด้วย......
เสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ อยากจะกร๊าซอีกแล้ว!...ไอ้บ้านี่มันแต่งตัวได้ใจผมชิบหายเลยครับ...
ขอยืนดูหน้าตามันหน่อยเถอะ ปล่อยให้กูแหงนมองจนเมื่อยคอแล้วนะเฟ้ย!
ผมลุกขึ้นยืนประชันความหน้าตาดีกับมัน...อะนะ...ขอบอกว่าผมสูงเพียงแค่คางมันเองครับ ผมยักคิ้วให้ทักทายมันก่อน นิ้วชี้ๆเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามไอ้บ้าหัวแดงที่มันมาจากไหนไม่รู้ ยืนอยู่ข้างหน้าผมในขณะนี้ ท่าทางมันเหมือนยากูซ่าที่หลุดออกมาจากในโทรทัศน์เลยล่ะ หน้าตากวนส้นตีนสิ้นดี!
หมอนี้...มันหมายถึงผมเหรอ...ไอ้ที่เรียกเมื่อกี้อะ?
ผมหันซ้ายหันขวา หันหน้าหันหลัง หว่า... ก็แถวนี้มันมีผมอยู่แค่คนเดียว ไอ้หัวแดงท่าทางขี้เก๊กชิบโป้ง พยักหน้าหงึกๆ ท่าทางโกรธ ๆ ทำหน้าตึงๆเชิดๆหยิ่งๆเข้าใส่ เชอะ! นึกว่ากูอยากจะคุยกับมึงนักเหรอไง...แอ๊คอยู่ได้ ...จะหาเรื่องกูใช่ม๊ะ...? ผมชักยัวะฮะ หิวก็หิว ยุงก็กัด โกรธให้ไอ้จี้จนผมว่าตัวเองชักจะพาลแล้วครับ แต่ผมเปล่ากวนประสาทตาหัวแดงนี่นะ ...ท่าทางมันเป็นของมันเอง ...จะหาเรื่องผมเหรอ ตัวมันใหญ่โคตรเลยครับสูงยังกับเปรต...ซวยละสิ
ซวยอีกแล้วสิกู ซวยอีกเลยซิว้อยไอ้ม่า มึงโดนฆ่าหมกอ่าวโตเกียวแน่ๆ...วันนี้มันเป็นวันอะไรเนี้ย เจอแต่เรื่อง ผมจะสู้หมอนี่ได้ไหมตัวแม่งก็โคตรใหญ่ ประมาณจากสายตาแล้วท่าทางผมจะเจอคู่ต่อสู้ที่ลำบากเข้าให้แล้ว เอาวะเต๊ะจุ้ยมาก็เต๊ะจุ้ยไปแล้วกัน กวนโอ้ยเป็นบ้า ผมลุกขึ้นยืนกอดอกพร้อมจะมีเรื่อง หน๋อย! ไม่รู้จักคาสุม่า ณ เฮียวโงซะแล้ว แบบนี้ต้อง..
“ ก็นายนั่นแหละ” อัยขี้เก๊กหัวแดง หน้าตาก็...งั้นแหละฮะ อย่าไปชมว่ามันหน้าตาดีเลย...น้อยกว่าผมเยอะครับ มันตอบผมขึ้น ก่อนที่ผมจะทันได้ฝ่าไฟแดงกลางสี่แยกอันตราย พลางปรายสายตาคมดุมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ...บอกไว้ก่อนนะเฟ้ยถึงจะตัวเล็กแต่ใจสู้นะเว้ย! ผมร้องท้าอยู่ในใจ พลางยักไหล่เป็นเชิงถาม
“มีไร...?” ไอ้ท่าทางหยักไหล่ถามนี่มันก็เป็นของมันเองนะฮะ ผมเปล่ากวนตีนมันซักนิด...มันเป็นของมันเองครับ...
"เด็กๆ.."
"ตรงไหน...?"หน๋อยว่ากูเด็ก...มึงอะจะแก่กว่าปีซักกี่ปีเชียว...ไอ้นั้นน่ะใหญ่กว่ากูซักแค่ไหนวะ...
ผมไม่ชอบสายตาดุๆของมันนัก...แม่งมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า..มันยิ้มขื่นๆตรงมุมปากได้อย่างกวนโทสะมากเลยครับ
“หลีก” โห! อะ...ไอ้แดง!...มันพูดแค่เนี้ยแล้วก็ทำเป็นเดินผ่านแถมชนไหล่ผมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เอ่อ... หมอนี่เล่นเอาผมงงเต็กอะ เอ๋อ ไปพักใหญ่ในใจนึกว่าจะต้องได้วางมวยกับมันซะอีก...
แล้วมันก็ล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงออกมา ...ผมก็ดันเผลอมองตามมันด้วยความสงสัย...มันจะทำอะไรวะ...?...อะนั้น กุญแจ !!! เปิดประตูห้องเข้าไปแล้ว
เฮ้ ! ช้าก่อน ๆ หมอนี่ มันยังไงกันแน่ ก็ห้องนี้มันห้องท็อตจินี่หน่า ผมเดินตามเขา แฮ่ๆๆ ขอเรียกมันด้วยความสุภาพขึ้นมาบ้างนะฮะ ลางสังหรณ์มันเริ่มบอกผมว่า ผมควรจะเป็นมิตรกับมันเอาไว้น่าจะดีกว่าอะครับ...ผมเดินตามมันเข้าห้องพร้อมกับลากกระเป๋าใบโตเข้าไปด้วยความว่องไว กลัวหมอนี่จะปิดประตูห้องใส่หน้าผมซะก่อนนะสิ เขาหันมามองผมท่าทางโกรธๆ...ผมรู้...มันคงไม่พอใจในพฤติกรรมของผมแหละฮะ
ชักสยองขึ้นมานิดๆแฮะ ผมแอบบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ...เมื่อเห็นสายตาดุๆของคนหัวแดงข้างหน้าตัวเอง
“นาย เข้ามาทำไม!...?” มันเท้าสะเอวถามผมอะ
“ อ้าว ก็นี่มันห้องเพื่อนชั้นอะ นายนั่นแหละเป็นใคร...?" ผมเท้าสะเอวตอบและถามกลับบ้าง...สยองฮะสยอง...เห็นสายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อของหมอนี่แล้วผมก็อยากให้ประโยคเมื่อกี้กลับเข้าไปทางเก่าจัง ชักปอดแหกขึ้นมายังไงไม่รู้
2 ขาก้าวถอย แล้วหันหลังวิ่งกลับไปที่ประตูห้องเพื่อตรวจสอบความถูกต้องให้อุ่นใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วผมก็ยิ้มออกก่อนที่จะรีบวิ่งกลับมายืนที่เก่า หมอนี่ทำหน้างงติดตลก คงสงสัยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ละซิ
“เอาล่ะ ไม่ผิดแน่” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พลางเป่าลมออกปาก ถนนก็ถูก ชื่อคอนโดก็ถูก เลขที่ห้องก็ถูกนี่หว่า หมอหัวแดงนี่มันมีกุญแจ เปิดเข้ามาได้ก็แสดงว่ามันต้องเป็นเจ้าของห้องหรือไม่ก็เพื่อนไอ้ท็อต หรือไม่ก็...ช่างหัวมันเถอะมันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ยังไงๆตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าที่มันสามารถเข้าออกห้องนี้ได้ บางทีหมอนี่อาจจะรู้เรื่องท็อตจิบ้างก็ได้...ลองถามมันดูก่อนก็ไม่ผิดนี่หว่า...
ผมสรุปข้อสันนิษฐานของตัวเอง แล้วเริ่มยิ้มเรี่ยราดตีสีหน้าไม่ถูกให้หมอนี่ก่อนที่เขาจะหมดความอดทนกับผมเอาได้
“เอ่อ... ชั้นเป็นเพื่อนท็อตจิ นี่ ๆ เอ้า! ดูซิ" ท็อตจิก็คือไอ้จี้นั้นแหละฮะ...ผมควักกระดาษที่จดชื่อที่อยู่พร้อมเลขที่ห้องให้หมอหัวแดงดู ชักใจแป้วเหมือนกันครับกลัวคำตอบของหมอนี่ ถ้าเขาไม่รู้จักท็อตจิล่ะก็..
“เป็นเพื่อนท็อตจิ...?” เค้าเงยหน้าถามผม ชื่อของไอ้บ้าท็อตจิที่เค้าเอ่ยออกมาทำให้ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก รีบพยักหน้าตอบแล้วส่งยิ้มให้ก่อน ต้องทำเป็นผูกมิตรไว้ ไม่งั้นคืนนี้ผมอาจมีสิทธิ นอนตากยุ่งและลมหนาวอยู่นอกห้องถ้าเผลอแผลงฤทธิ์ให้หมอนี่เห็นไปมากกว่านี้นะครับ
“ท็อตจิมัน ไม่อยู่หรอกนะเห็นบอกว่ามีงานถ่ายแบบด่วนเข้ามา ต้องไปโชว์ตัวที่ปารีส 2 อาทิตย์"
“ ฮึ่ม ! เข้าใจล่ะ ห๋า !!! อะไรนะ ไหงเป็นงั้นล่ะ” ผมแหกปากลั่น โธ่ !อัยทอดกล้วย กล้วยทอด ทำตูจนได้ มันไม่อยู่แบบนี้แล้วมันเสือกโทรชวนผมมาโตเกียวทำหอยอะไรของมัน ทำเป็นว่าอยากเจอผมอย่างนู่นอย่างนี้ คิดถึงผมใจจะขาด แหวะ! ไอ้ตอแหล คิดแล้วผมก็อยากจะตึ้บหน้าหล่อ ๆ ของมันขึ้นมาตะหงิดๆ รู้ว่าตัวเองไม่อยู่แล้วทำไมไม่บอกนะ
“เอ้านี่!... หมอนั้น ฝากไว้” ตาหัวแดงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม เมื่อคงจะเป็นว่าผมยืนเอ๋ออยู่นาน แล้วเขาก็เดินไปปิดประตูห้องเข้ามาและเลยเดินไปที่ห้องครัว อะนะน่าจะใช่ห้องครัว ก็เขาหาอะไรบางอย่างอยู่ในตู้เย็น อ๊ะ! หลายมือ ท็อตจิ
‘ Hi bybe and my darling' โธ่ ! อัยท็อตจิยิ่งอยากเหยียบให้มันจมธรณีชะมัด
‘ I ขอโทษด้วยน้า มันเป็นงานด่วนจริงๆ พึ่งจะรู้เมื่อเช้านี้เอง อย่าโกรธน้า แล้วก็อย่าหนีกลับเฮียวโงล่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้วต้องรออยู่พบนะ ก็แกน่ะทำเป็นมายากมาเย็นนักนี่ไอ้โตเกียวเนี้ย!... ทีแรกชั้นก็กะจะโทรไปบอกแกตั้งแต่เช้า แต่ก็กลัวจะไม่มาหาอย่าโกรธเลยนะแกที่ไม่ได้บอกก่อน แต่ถ้าโกรธก็อย่าหนีกลับเฮียวโงเป็นอันขาดนะ รอชั้นก่อนเดี๋ยวจะกลับไปให้กระทืบสัญญาเลยเอ้า!.. และถ้าม่าได้อ่านแล้วก็แสดงว่าได้เจอไดสุเกะแล้วสินะ’ อ๋อหมอนี่ชื่อไดสุเกะเหรอ ...ตั้งชื่อไม่เข้ากับหน้าอย่างแรง.. ผมแอบมองไดสุเกะคุงแวบหนึ่งก็เห็นเขากำลังชูขวดเบียร์ในมือให้...
ไดสุเกะเป็นเพื่อนและ Room mate ของฉันเอง แล้วชั้นก็ฝากม่าจัง (อย่าเรียกกูว่าม่าจังอีกนะมึงอีจี้)ให้ไดสุเกะมันช่วยดูแลไว้แล้ว มีอะไรก็ถามมันได้ มันจะช่วยได้ทุกอย่าง รบกวนมันได้ทุกเมื่อ ถ้ามีอะไรไม่พอใจเดี๋ยวกลับไปแล้วจะไปกระทืบไอ้ได(ไดสุเกะ)มันคืนให้ ม่าจังเข้าใจชั้นน้า ...ไม่เข้าใจวะ.. ทำไมต้องฝากชั้นไว้กับเจ้าลิงหัวแดงนี่ด้วย ท่าทางนักเลงออกปานนั้น
‘ ห้ามหนีกลับเฮียวโงะเป็นอันขาดถ้าชั้นกลับไปแล้วไม่เจอนายละก็ ตัดเพื่อน OK นะ แล้วค่อยเจอกัน บาย บ่าย bybe' เอา ๆ ขู่กันเข้าไปเหมือนกับไอ้จี้มันจะรู้ว่าผมต้องหนีกลับบ้านแน่ๆ ถ้าไม่พบมันถึงขนาดย้ำแล้วย้ำอีกแบบนี้... ผมเผลออมยิ้มน้อย ๆ เมื่อคิดถึงเพื่อนตัวดีตัดสินใจอยู่แป๊บหนึ่ง มาแล้วนี่จุดมุ่งหมายและจุดประสงค์หลักคือหางานทำ ไดคุง...ผมขอเรียกมันแบบนี้นะครับ ชื่อเต็มของมันยาวอะ ไดคุงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มองผมที่จ้องกระดาษโน้ตของท็อตจิอยู่พลางส่งกระป๋องเบียร์ให้ ผมมองไดคุงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจในที่สุด...ไหนก็ไหนๆแล้ว
“ไดสุเกะคุงรบกวนด้วยนะ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" ผมค้อมหัวให้ไดคุงนิด ๆ พอเป็นพิธี แล้วก็รับกระป๋องเบียร์ยกขึ้นดื่ม
“คาสุม่าซินะ... นึกว่าจะเป็นผู้หญิงซะอีก" หมายความว่ายังไงไอ้ได...! ถ้าชั้นเป็นผู้หญิงจะต้อนรับให้ดีกว่านี้เหรอ ชักเคืองๆ กับประโยคของไดคุงแล้วครับ
“ ถ้าเป็นผู้หญิง แล้วไงล่ะ ผู้ชายครับบอกไว้ก่อน" ผมยืดอกอวดเบ่งจนคับห้องมองไดคุงอย่างไม่ค่อยพอใจ เห็นทีผมคงจะได้เปิดศึกย่อยๆกับไอ้ไดก่อนเป็นแน่ ถ้าหากว่าไดยังคงพูดไม่เข้าหูแบบนี้
“ อ่าๆๆ ก็มันเหนือความคาดหมายนะสิคาสุม่า... ไอ้ท็อตมันบอกว่าเพื่อนมันนะเจ๋ง ขาว สวย หมวย อึ๋ม แถมเซ็กซี่ด้วยนะ แล้วดูนายสิ โถ!สวรรค์ชั้นเจ็ดของชั้นล่มซะแล้ว” สวรรค์ล่มเหรอ ดูมันพูดได้กวนส้นไหมล่ะฮะ...ไอ้บ้าท็อตจิพอๆกันเลยกับไอ้บ้าได..มิหน่าพวกมันถึงได้อยู่ด้วยกันได้
“บอกไว้อีกข้อนะไดคุง ชั้นนะวิเศษและสุดยอดกว่าอัย ขาว สวย หมวย อึ๋ม ของนายและอัยท็อตเยอะเฟ้ย” เล่นกับใครไม่เล่น ต้องเอาให้สะอึก
“ ฮ่า ๆ ๆ นายนี่ตลกเป็นบ้า พอแล้ว ๆ ชั้นไม่อยากทะเลาะกับนาย เกิดเดี๋ยวนายหนีกลับบ้านท็อตจิเอาชั้นตายพอดี แต่นายนี่ท่าทางหาเรื่องดี เอาเรื่องน่าดูเลยนะ... พอแล้วอย่ามองชั้นแบบนั้นเอาของไปเก็บในห้องนอนนู้นไป๊ แล้วก็ทำตัวตามสบายเลยนะคาสุม่า คิดว่าเป็นบ้านของนายแล้วกัน" ผมส่งสายตาร้ายให้เค้าก่อนที่ไดคุงจะบอกให้เอากระเป๋าไปเก็บ
“ดุและเอาเรื่องอย่างกับแม่เสือเลยวุ้ย ตัวก็เล็กนิดเดียว ไอ้ท็อตสงสัยกูจะเละก็คราวนี้แหละ"
“ว่าไงนะครับไดคุง” ผมหันกลับทันทีเมื่อ ประโยคแปลกๆมันเข้าหูอีก
“หูแกว่งจังวุ้ย เอ่อ เปล่า ๆ ๆ ไม่มีอะไรนี่ ไม่ได้พูดอะไร" ดายหันมาบอก โบกไม้ โบกมือให้ยุ่งไปหมด
"แล้วไป..เอ่อ..เรียกฉันว่าม่าก็ได้นะ"
"ม่าเหรอ...โอเค...ม่าคุง...แล้วนายอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?"
"แก่แล้วล่ะ...อย่าถามเลยอายุมันเป็นเพียงตัวเลข"ผมเอาคำตอบสุดฮิตขึ้นมาใช้ ...ไม่อยากบอกอายุจริงๆกับไดมันหรอกฮะ...มันยิ่งว่าผมเด็กๆอยู่
"บรรลุนิติภาวะยังล่ะ..เอ่อจะได้ทำตัวถูก..."แล้วมันเกี่ยวไรด้วย...กูเลยมาสองปีแล้วว้อย ทำตัวตามปกติของแกนั้นแหละ
"เลยแล้ว.."ผมบอกพร้อมกับมองไปทั่วห้อง
“เหรอ...?"
"เออดิ..."ไม่เชื่อหรือไง...?
"อ้อ แล้วนายหิว มะ" คุยกันตั้งนานเพิ่งจะมีประโยคนี้ที่เข้าหูนี่แหละ ผมยิ้มหวานให้ไดทันทีครับ แล้วเดินกลับไปใกล้ ๆ เขา
“หิวจะแย่แล้วได ฉันรออยู่หน้าห้องเป็นชาติยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หิวจนไส้บิดพันกันไปหมดแล้วอะ"อ้อนไว้ ๆ แล้วท้องเราจะสบาย ก็มันหิวจริงๆนี่หน่าช่วยไม่ได้ ไดคุงนี่น่าจะเป็นประเภทอาแป๊ะหลงตัวเองแพ้คำพูดหวานๆ อ้อนๆ แน่ๆ แบบเดียวกับไอ้ท็อต
“ ไดคงทำกับข้าวอร่อยสินะ เห็นท็อตจิ เล่าให้ฟังบ่อย ๆ"
“ ฮ่าๆๆ ไม่ต้องมายอเลย ไปไป๊ ไปอาบน้ำเดี๋ยวทำอะไรง่ายๆ ให้ทานแล้วกัน ดึกดื่นป่านนี้ร้านค้าคงปิดหมดแล้ว" เห็นมะในที่สุดก็สำเร็จ แลกกับยอมให้ไดมันตบหัวที สองทีเพราะไล่ผมไปอาบน้ำ
อืม...ห้องนี้ใหญ่และกว้างน่าดู ผมเดินเข้าห้องน้ำพลางสำรวจนู่นสำรวจนี่รอบๆห้อง แต่ไม่ไหวไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเอาซะเลย ของก็วางรกไปหมด แถมยังมีเตียงเดียวซะอีก ถึงเตียงจะกว้างอะนะ แต่ผมก็ว่ามันไม่ดีอยู่ดี หว้า!แล้วอย่างนี้ผมจะนอนที่ไหนดีหว่า ผมยืนคิดสอดส่องสายตาหาทำเลให้ตัวเอง นั่งไงเจ๋งเป้ง!... โซฟาหน้าทีวีนี่แหละเจ๋งที่สุด มันอยู่เบี่ยงออกมาทางเตียงไกลพอดู ผมยิ้มให้กับตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“ม่า! จะทำอะไรน่ะ?” ดายร้องถามเสียงหลงเลยครับ
หลังจากกินข้าวกินปลาอิ่มและด้วยความเจริญอาหาร ทำให้ผมซัดข้าวเกลี้ยงหม้อ อดชมฝีมือคนทำไม่ขาดปาก นั่นก็อะไร นี่ก็อร่อย นู่นก็อร่อย อู้ย อร่อยไปหมด ไดคุงอิ่มกับคำชมของผมจนตัวพอง แล้วผมก็ไปช่วยล้างถ้วยล้างจานจนเสร็จแล้วจากนั้นผมก็เร่ไปที่เตียงทันทีก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ซักพักก็หยิบหมอนกับผ้าห่มออกมานี่แหละฮะ
“ อ้าวก็ไปนอนไง ง่วงจะตายชัก" ผมว่าพลางดึงผ้าห่มคลุมตัวเอง พันๆตัวเอาไว้ ก็มันหนาวนี่หน่า แล้วก็กระดึ๊บๆ ไปที่โซฟา
“จะไปนอนไหน...?”
“ นี่ไง โซฟาตรงนี้น่าจะสบาย"
“ จะบ้าเหรอ ได้หนาวตายกันพอดี ห้องนี้มันไม่มีฮีตเตอร์ เดี๋ยวนายก็ไม่สบายหรอก อากาศติดลบขนาดนี้... ไม่ต้องมาเถียง ชั้นขี้เกียจพานายส่งโรงพยาบาล นู่นไปนอนเตียงนู่น" จะอ้าปากบอกว่าผมแข็งแรงจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แต่ก็ดันคันจมูกขึ้นมาจนต้องจามออกไปเสียก่อน ปล่อยให้ไดยกมือห้ามว่าผมไปแล้วกัน
“ ทำยังกับเป็นผู้หญิง ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า..." ไดว่าพร้อมกับคว้าเอาหมอนจากมือผมไป และดึงชายผ้าห่มให้ผมกระดึ๊บ ๆ ตามไปที่เตียง
“จริงๆ เลยนะนายเนี้ย!" ดายส่ายหน้าแต่ก็แอบขำกับท่าทางของผมนะ
“เด็กจริงๆ นายอายุเท่าไหร่หรือคาสุม่า เอ๊า! นายไปนอนฝั่งนู่นไป" ช่างเถอะอยากว่าอะไรก็ว่าไปแล้วกันตอนนี้อิ่มและอยากนอนจะแย่ รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ยังไงไม่รู้ฮะ
“ นอนดิ้นหรือเปล่านายน่ะ "
“ไม่หรอก” ผมตอบ หนังตาหนักไปหมด
“ ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะต้องนอนผวากลัวตกเตียงไปทั้งคืนซะอีก”
“บ้า” ผมแลบลิ้นให้ได พูดประชดดีนักเดี๋ยวก็แกล้งถีบตกเตียงจริงๆ ซะเลย ไดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ครู่ก็ล้มตัวนอนตะแคงหันหลังให้ผม ผมถอนหายใจเบาๆ เหนื่อยเหมือนกันแฮะกับการต่อปากต่อคำกับได มือไม้ก็พลางตบหมอนตบผ้าห่มไปตามเรื่อง ไม่ใช่ไม่อยากนอนเตียงเดียวกับไดหรอกเอ้ย !ไม่ใช่ ๆว่าผมไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้ชายหรอก แต่ผมไม่คุ้นที่จะนอนกับคนแปลกหน้าต่างหาก ผมหันไปมองได... ทำไมต้องใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ด้วยนะ ...ไดไม่เห็นจะหล่อ...หล่อ...ตรงไหน?
แล้วมันเกี่ยวกับดายไม่หล่อยังไงวะ อย่านะ อย่าคิดเชียวนะว้อยไอ้ม่า... อย่าแม้แต่จะคิด มึงจะบ้าเหรอ ทำไมจะต้องรู้สึกตะขวิดตะขวงใจกับไดมันด้วย
ที่เมื่อก่อนนอนกับไอ้ท็อตไม่เห็นเป็นไร หรือกูจะเป็นตุ๊ด ว๊าก!!!...ใกล้ชิดผู้ชายหน้าตาดี...เอาวะมึงอะไอ้ไดหน้าตาดีก็ได้ อยู่ใกล้ผู้ชายที่ตรงสเปคทีไรใจมันหยิวๆทุกที...ไม่อยากจะบอกเลยครับว่าในหัวผมมันเห็นไดคุงตรงสเปคของผมตั้งแต่แรก.
ใจผมกับสมองมันเถียงกันไปมาไม่มีใครยอมใคร เฮ้ย! แล้วผมจะนอนหลับไปมั๊ยเนี้ย...ดายหลับไปตั้งนานแล้ว เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้รู้ ผมก็ได้แต่นอนพลิกซ้ายพลิกขวาไปมา
นี่หมอนี่ไม่รู้สึกไม่คิดอะไรเลยเหรอ ...ไม่คิดอะไรกับผมเลยเหรอ...หรือว่าเราไม่มีแรงดึงดูด...^O^
ให้ตายเถอะปล่อยให้เรานอนไม่หลับอยู่ได้ ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆไดสุเกะมันตะแคงพลิกตัวหันหน้ามาทางผมแล้ว แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ มันคงเป็นเพราะ(สัญชาตญาณความหื่น)ไออุ่นกระมัง ถึงทำให้เด็กขี้หนาวต้องการความอบอุ่นแบบผมโหยหาและขยับเข้าไปใกล้โดยอัตโนมัติ กลิ่นกายของไดคุงกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆก็กระตุ้นความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้ผมอยากเข้าไปใกล้ไดมันมากกว่านี้ แต่ก็ระวังไม่ให้ถูกตัวไดนะครับ เดี๋ยวเขาตื่นผมก็แย่นะสิ
ผมนอนจ้องสำรวจใบหน้าที่หลับไม่รู้เรื่องนี่เพลินๆ ไม่มีไรทำ นอนก็ไม่หลับ ขอจ้องไดมันหน่อยแล้วกัน
ให้ตายเหอะครับไม่อยากจะเชื่อ และไม่อยากยอมรับอะครับว่ามองใกล้ ๆแล้ว ไดคุงจะดูดีได้ถึงเพียงนี้ ...รู้สึกเขินๆยังไงชอบกลแฮะไดจะรู้มั้ยเนี้ยว่าผมแอบจ้องเขา คิ้วเรียวรับกับสันจมูก จมูกก็โด่งเป็นบ้า! ริมฝีปากก็หยักสวยได้รูป โหนกแก้มที่สูงเน้นโครงหน้าให้คมเข้ม เรียวปากสวยสีแดงนิด ๆ แถมยังเผลอหน่อย ๆ อ๋อย !!! อยากจูบ ว๊ากๆๆ ไม่ใช่ๆ มันหล่ออะ...หล่อจริงๆด้วยวุ้ย! หน้างี้ใสเชียวนะมึง
ฟังเสียงหัวใจผมสิครับเต้นรัว เร็วและแรงเกินไปแล้ว อย่าพึ่งตื่นขึ้นมาเชียวนะได อย่าพึ่งตื่น!...(ขอกูแอบสำรวจมึงอีกนิดเถอะ)
ดูเหมือนคำขอของผมมันจะไม่เป็นใจ คงเพราะความตื่นเต้นและความกระสับกระส่ายของผมเลยพลอยทำให้คนถูกแอบมองรู้สึกตัวขึ้นมา ไดคุงขยับตัวแล้วครับ.. ไม่ได้ๆ เดี๋ยวความแตก รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมหลับตาลงทันที ทำเป็นหลับไปซะงั้น รู้สึกว่าไดสุเกะจะตื่นจริงๆ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขารดอยู่เหนือใบหน้าจนรู้สึกได้
เอ๋...อย่าบอกว่าดายแอบมองผมคืนนะ ชักทำตัวไม่ถูกแล้ว จะลืมตาดีไหม? แล้วดายจะทำมากกว่าจ้องมั้ย ? อ๊ากก...อย่านะ อย่า ๆ คิดอีกซิคาสุม่า!
โธ่! ความคิดเจ้ากรรมเลยเถิดคิดไปถึงไหนต่อไหน ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ไม่ต้องบอกป่านนี้มันคงจะแดงประจานให้ไดเห็นแน่ ๆ ในหูของผมได้ยินเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่อยู่ข้างหน้าก็ยิ่งอยากเอาปิ๊บคลุมหัวขึ้นมาทันที
“เป็นไข้เหรอ แก้มแดงเชียว" อึก! นั่นประไรโดนเข้าอย่างจัง ดายพูดประชดปนขันอยู่ข้างๆ หู ...มันรู้ว่าผมแกล้งหลับ
“ฮือ” ผมครางอยู่ในลำคอแกล้งเป็นไข้ขึ้นมาซะงั้น...รู้จักผมน้อยไปแล้วพี่ได... แล้วก็กระเถิบตัวเข้าไปติดตัวไดมากกว่าเก่าอีก อยากว่ามาก่อนนี่ เสียงหัวเราะของไดยิ่งดังขึ้นกว่าเดิมอีกครับ
“เด็กบ้า!” ไดว่าที่ข้างๆหูจนผมรู้สึกจั๊กจี้ พลางลูบหัวผมไปด้วย แล้วด้วยความคาดไม่ถึงวงแขนยาวก็ทาบลงบนตัวผม ตามด้วยขาหนักๆ ที่ยกขึ้นมาก่ายบนขาของผม
โอ้ย! หนักอะผมไม่ใช่หมอนข้างนะ ผมแกล้งดิ้นและครางอย่างขัดใจ ทำเป็นว่ารำคาญให้ไดรู้ แต่ก็อีกนั่นแหละไดยิ่งแกล้งรัดแน่นเข้าไปใหญ่ ผมคงไม่มีทางหลุดจากวงแขนแกร่งของอัยคนตัวโตขี้แกล้งได้แน่ แต่ก็อุ่นนะสุขใจอย่างประหลาด อุ่นจังเลย ไม่คิดมาก่อนว่านอนกับผู้ชายด้วยกันจะให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้
ไดเอื้อมปิดไฟบนหัวเตียงแล้วหันมาหนีบผมต่อ ผมซุกหน้าลงกับอกแกร่งทันที แอบสูดกลิ่นกายของไดเข้าเต็มปอด ผมคงหลงไหลกลิ่นกายที่เร้าใจนี้เข้าให้แล้ว ตอนนี้ผมกำลังอุ่นสบาย หลับละนะดาย กอดให้ถึงเช้าเลยล่ะ ผมขดตัวและยกแขนกอดไดบ้างก็มันเมื่อยนี่นา แขนมันคู้อยู่แบบนี้ ให้ผมมีโอกาสได้เก็บเล็กผสมน้อยบ้างสิ (มันก็เก็บเล็กผสมน้อยเหมือนกันนั่นแหละ : ได)
ผมไม่ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองหรอกครับ... ก็ดีแล้ว 2 อาทิตย์ที่อยู่กับไดจะได้ไม่น่าเบื่อ อาจจะมีอะไรสนุกๆตื่นเต้นเร้าใจบ้างก็ได้.
To be continue...
รบกวนด้วยนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย