ขอบคุณ คุณ โอนรีโอ้ ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน
ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ โอนรีโอ้ ก่อนนะครับ
ขอบคุณครับ
หมูพูห์
**********************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขอนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0**********************************************************
[Short Story] เอส by โอนรีโอ้เสียงริงโทนจากโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นขณะกำลังนั่งทานไอศกรีมอยู่ในห้องอาหารของบริษัท ซึ่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ต้อนรับของโรงแรมที่ผมทำงานอยู่ ผมเป็นพนักงานต้อนรับครับ ลักษณะการทำงานก็จะเข้าเป็นกะครับ ที่นี่เรามีอยู่ 3 กะ คือเช้าเริ่มที่ 6 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง กะบ่ายจะเริ่มที่บ่าย 2 โมงถึง 5 ทุ่ม และสุดท้ายกะดึกจะเริ่มที่ 4 ทุ่มซึ่งจะไปเลิกงานเอาตอน 7 โมงเช้าของอีกวันหนึ่งครับ
หน้าจอโชว์เบอร์ที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้เป็นชื่อ ผมทำหน้าสงสัยแต่ก็กดรับสาย
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวก่อน “ขอสายโอ๊ตครับ” ปลายสายพูด
“โอ๊ตพูดครับ” ผมตอบ
“ไงโอ๊ต เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันนานเลย นี่เอสพูดนะ”
ผมเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยความตื่นเต้น เมื่อจำได้ว่าคนที่คุยด้วยเป็นใคร
“เฮ้ย! เอส...”
ผมรู้จักเอสเมื่อเดือนมีนาคมของปีก่อน ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย และกำลังเครียดกับสิ่งที่จะมาเยือนในเดือนเมษายน ไม่ใช่ความร้อนหรอกนะครับที่ทำให้ผมเครียด แต่เป็นการเกณฑ์ทหารต่างหากล่ะครับ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน เดี๋ยวก่อนนะครับ อย่าเพิ่งกล่าวหาว่าผมขี้ขลาด ไม่ใช่ลูกผู้ชาย แค่เรื่องไปเป็นทหารแค่นี้ยังกลัวเลยนะครับ ความจริงก็กลัวจริงๆนั่นแหล่ะครับ
เพราะว่าแม้ผมจะเป็นผู้ชาย แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เป็นผู้ชายหรอกนะครับ อย่าเพิ่งงงครับ ที่ผมบอกอย่างนั้นก็เพราะว่าผมเป็นเกย์น่ะครับ เกย์บางคนก็เข้มแข็งนะครับ ร่างกายบึกบึนมีกล้ามเป็นมัดๆ บุคลิกท่าทาง การพูดการจาก็เป็นผู้ชายปกติดีๆนี่เองก็มีนะครับ แต่ที่พวกเขากลายเป็นเกย์ก็อาจจะเป็นมาจากสาเหตุอื่นหลายๆปัจจัย เช่น อยากลองตามประสาอยากรู้อยากลองอันซุกซนของผู้ชาย และก็มีโอกาสได้ลอง แต่พอได้ครั้งหนึ่งแล้วก็ติดครับอยากลองครั้งต่อๆไปจนถอนตัวไม่ขึ้น หรือไม่ก็โดนแฟนผู้หญิงบอกเลิกจนเกลียดเพศหญิงหันมาชอบเข้าป่าเดียวกันก็มี และก็อีกหลายๆปัจจัยครับ อันเป็นผลมาจากระบบพันธุกรรมและการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีอีกจำพวกแบบผมล่ะครับที่จะดูอ่อนโยน บอบบาง อ่อนไหว น่าทะนุถนอม (รึเปล่าไม่รู้) ก็มีด้วยครับ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาบ่มเพาะให้พวกเกย์แบบผมนั้นมีจิตใจเบี่ยงออกจากจิตใจห้าวหาญตามลักษณะของผู้ชายครับ
เอ้ะ อ่านมาตั้งหลายบรรทัด หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าเกย์เป็นอย่างไร (ตอนนี้น่าจะรู้กันหมดแล้ว เพราะมีเยอะเหลือเกิน ขนาดคุณยายข้างบ้านยังรู้เลย เพราะว่าหลานแก (ผู้ชาย) พาแฟน (ผู้ชาย) มาไหว้เรียบร้อยแล้ว) เกย์ก็คือผู้ชายที่ชอบและรักผู้ชายด้วยกันเองครับ แต่ก็มีจำแนกลงไปอีกในรายละเอียดว่าเป็นเกย์รับ เกย์รุก เกย์คิง เกย์ควีน อันนี้ไม่ขอลงรายละเอียดนะครับเพราะไม่งั้นจะต่ออีกยาวครับ คิดง่ายๆก็เหมือนผู้ชายผู้หญิงครับ เกย์ก็มีคิงมีควีนเป็นตัวแทนฝ่ายชายและฝ่ายหญิงล่ะครับ (เข้าใจมั้ยครับ)
ไม่รู้ว่าเกย์หลายคนจะกลัวการเป็นทหารเหมือนผมหรือเปล่านะ แต่เกย์หลายคนก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีมากกว่านะครับที่ได้เข้าไปในค่ายทหาร ไปตกอยู่ในวงล้อมของผู้ชาย
ผมกลัวการฝึกที่เล่ากันว่าโหดนักหนา เพราะว่าตัวผมเองเป็นคนอ่อนบาง คือตัวเล็กๆ ผอมๆนะครับ ไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกาย เพราะตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมก็จะเป็นเด็กเรียนมาตลอด จะสนใจแต่อ่านหนังสือ ไม่ชอบเล่นกีฬาครับ ตอนคาบพละก็จะเป็นอะไรที่ทรมานจิตใจมากๆ โดยเฉพาะฟุตบอล ตะกร้อ บาสเกตบอล มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนเรียน ม.1 คาบฟุตบอลอาจารย์ให้เป่ายิงฉุบฝ่ายไหนแพ้ก็ต้องถอดเสื้อเล่นบอลทั้งทีม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทีมผมได้ถอดเสื้อ อายครับ แบบว่าไม่เคยถอดเสื้อต่อหน้าผู้คนอ่ะครับ จะรู้สึกเหมือนผู้หญิงที่ต้องปกปิดร่างกายไม่ให้ใครเห็นง่ายๆ (ผิดกับผู้หญิงจริงๆสมัยนี้ที่จะภูมิใจนำเสนอเนื้อหนังของตัวเองมาก) นั่นคือธรรมชาติที่ผมเป็นในตอนเด็กๆครับ กลับมาเข้าเรื่องนะครับ สรุปก็คือกลัวเป็นทหารอ่ะครับ แล้วยิ่งวันคืนขมวดใกล้เข้ามาใจก็ยิ่งตุ้มๆต่อมๆไปใหญ่ ถามคนนั้นคนนี้ ปรึกษาไปทั่วว่าจะทำอะไรยังไงดี และข้อมูลที่ได้รับกลับมาก็ยิ่งทำให้ขนหัวลุกไปใหญ่เลย
“โดนข่มขืนแน่ อย่างเธออ่ะ” เพื่อนคนหนึ่งที่ผ่าน รด. มาแล้ว บอก
“ไม่เป็นไรน่า แค่ปีเดียว เดี๋ยวออกมาจะได้หุ่นดีไง เธออยากมีกล้ามหน้าอกมานานแล้วไม่ใช่เหรอ” เพื่อนอีกคนที่เป็นกระเทยซึ่งถูกละเว้นมาเมื่อปีก่อนโดยมีเหตุผลในใบ สด. 43 ว่า “จิตวิปริต” ปลอบผมให้คิดในแง่บวก เพราะผมออกจะเป็นคนหุ่นบาง เรียกว่าผอมด้วยซ้ำ
“ไม่เห็นต้องคิดไรมาก เป็นก็เป็นสิ คิดเสียว่าไปรับใช้ชาติละกัน สนุกดีออก”
รับใช้คนที่รับใช้ชาติมากกว่าล่ะสิ ผมคิด ไม่ได้ว่าไม่ดีนะครับ ความจริงการเป็นทหารเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่คงเหมาะกับผู้ชายแท้ๆมากกว่าอ่ะครับ เฮ้อ ก็ทำไงได้ล่ะครับ ผมเองก็ไม่ได้ออกสาวเป็นแบบกระเทยเต็มขั้นนี่นา เขาก็ต้องคิดว่าเราเป็นผู้ชายอยู่แล้ว
แต่ละคำปลอบ ดีๆทั้งนั้น เพื่อนๆผมก็น่ารักอย่างนี้แหล่ะครับ มีปัญหาทีไรปรึกษาพวกมันก็จะได้คำแนะนำมาประมาณนี้แหละครับ (อาจจะได้ความกังวลเพิ่มขึ้น) ยิ่งผมไปอ่านประสบการณ์การเป็นทหารของรุ่นพี่ที่เขียนไว้ในอินเตอร์เน็ต ผมถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่กับประสบการณ์ (กาม) ครั้งใหญ่ในชีวิตของเกย์ทหารเกณฑ์คนหนึ่งที่เขาเอามาเล่าได้อย่างเห็นมโนภาพ เขาไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนน่ะครับ แล้วก็ถูกเพื่อนทหารด้วยกันบังคับให้มีเซ็กส์ด้วย แต่ก็มีทั้งที่เต็มใจด้วย แต่ที่ผมอ่านแล้วรับไม่ได้คือผู้บังคับบัญชาเรียกตัวแล้วบังคับ เรียกว่าข่มขืนก็ได้ ผู้เขียนเล่าว่าผู้บังคับบัญชาคนนั้นมีลักษณะดังนี้ครับ อ้วนลงพุง หน้าตาอัปลักษณ์ ปากหนาๆคล้ำๆ หัวเถิกอีกตะหาก ผมอ่านไปใจหายวูบวาบคิดตามว่าถ้าเราโดนแบบนั้น ... ไม่เอาอ่ะครับ ถ้าเป็นอาตี๋ขาวๆสะอาดๆก็ว่าไปอย่างนะครับ
TBC....