กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ  (อ่าน 302991 ครั้ง)

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อ ก็รู้นะว่า ริวยะ ทำผิด ที่ทำให้ยูคิไม่ได้ไปเรียน

แต่......


คนอ่านชอบอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เฮ้อ  ทั้งคืนเลยเหรอ  ใช้แรงงานเด็กเยอะไปเปล่านี่ครับ 
แต่น่ารักขึ้นนะนี่   

ออฟไลน์ Red_sister

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
อ้ายยยยย ยูคิเพิ่งได้ไปเรียนแค่วันเดียวเองนะ
สนใจการเรียนของยูคิหน่อยดิ

เล่นแบบทั้งวันทั้งคืน แบบนี้ำไม่ไหวนะ :haun4: 5555

ขอบคุณค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #154 เมื่อ03-11-2010 23:02:15 »

=====
บทที่ 10
=====


    หลังจากที่ต้องหยุดเรียนอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ พอวันรุ่งขึ้นยูคิคิดจะไปโรงเรียนก็ต้องผิดหวังเพราะว่าตรงกับวันอาทิตย์พอดี
    “บ้าจริง...ขืนเป็นแบบนี้บ่อย ๆ เวลาเรียนไม่พอต้องซ้ำชั้นแน่ ๆ เลย”
    เด็กหนุ่มบ่นอุบกับตัวเองแล้วก็ต้องเผลอหน้าแดง เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้เขาอาจจะซ้ำชั้นได้ในอนาคต
    “คนเอาแต่ใจ”   
    บ่นอุบอิบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเลื่อนห้องของเขาดังขึ้น
    “อ๊ะ...คุณชิโนะนั่นเอง ตกใจหมดเลย”
    “ทำไมคะ ดิฉันก็มาเก็บกวาดห้องคุณทุกเช้าอยู่แล้ว หรือคิดว่าเป็นคนอื่น”
    ชิโนะย้อนถามยิ้ม ๆ ทำไมหญิงวัยกลางคนจะดูไม่ออกว่าเด็กหนุ่มหมายถึงใคร
    “ปะ...เปล่าครับ”   ยูคิรีบปฏิเสธแก้ตัว ก่อนจะรีบคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
    ชิโนะยิ้มตามหลังเด็กหนุ่มไป ก่อนจะสั่นศีรษะนิด ๆ กลุ้มใจที่อีกฝ่ายยังคงวางตัวสุภาพกับเธอเกินความจำเป็นอยู่แบบนี้ไม่ยอมเปลี่ยน
    “คงต้องไปปรึกษาคุณทาคุดูสักหน่อยดีกว่า”
 
    “ผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันครับ เรื่องนั้น”
    ทาคุบอกยิ้มๆ เมื่อหญิงวัยกลางคนเข้ามาหาเขาที่ห้องเพื่อขอคำปรึกษา    
    “ดิฉัน กลุ้มใจจังค่ะ ทั้ง ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตระกูลมุราคามิแล้ว คุณยูคิก็ยังคงวางตัวเกรงใจเหมือนกับเป็นผู้อาศัยอยู่ตลอดเวลาแบบนี้”
    “เขาเป็นเด็กสุภาพ อ่อนโยน”
    ทาคุทวนคำ ยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงอีกฝ่าย 
    “แต่หากเมื่อเข้ามาเป็นมุราคามิแล้ว ต้องรู้จักการวางตัว และใช้อำนาจให้เป็น ถึงจะคู่ควรที่จะใช้นามสกุลนี้”
    ชายหนุ่มหยุดเว้นวรรคสักครู่ ก่อนจะกล่าวต่อ
     “เราคงต้องฝึกเขาตั้งแต่ตอนนี้เสียแล้วล่ะครับ”   
    ทาคุบอกพลางส่งยิ้มอย่างนักวางแผน ที่นาน ๆ ที ชิโนะจะได้เห็นสักครั้ง
    “ลองคุณทาคุ เอาจริงแบบนี้ คงจะสำเร็จแน่เชียวค่ะ”
    หญิงวัยกลางคนเอ่ยชื่นชม แต่คนฟังกลับอมยิ้ม
    “อาจจะไม่ได้ผลก็ได้นะครับ ก็ดูอย่างคุณชิโนะเอง ผมยังไม่สามารถทำให้คุณวางตัวกับผมแบบปกติได้เลยจนถึงป่านนี้”
    ชิโนะสะดุ้ง ก่อนจะค้อนขวับตอบอย่างงอน ๆ
    “แหม! คุณทาคุล่ะก็ แซวดิฉันอีกแล้ว ก็ฐานะอย่างคุณทาคุ กับคุณอากิระ ดิฉันจะกล้าตีตนเสมอเทียบเท่าได้ยังไงคะ คุณทาคุเสียอีกนั่นล่ะ ที่สุภาพกับดิฉันตลอดเชียว”
    ทาคุหัวเราะออกมาเบา ๆ  พลางกล่าวกระเซ้าอีกฝ่ายเล่น
    “ต้องสุภาพสิครับ ก็คุณชิโนะเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานในบ้านนี้นี่ครับ” 
    “ค่ะ ๆ ดิฉันก็มีดีแค่เรื่องทำอาหารนี่แค่นั้นล่ะค่ะ” 
    แม่บ้านหญิงวัยกลางคนกล่าวตอบงอน ๆ และเดินกลับที่พักไป ทาคุยิ้มมองตามไป ก่อนจะนึกถึงอีกคนหนึ่งที่กำลังเป็นปัญหาสำหรับเขาในตอนนี้
    “คงต้องเล่นไม้แข็งเสียแล้วล่ะนะ งานนี้”

    ยูคิเดินออกมาเตร็ดเตร่รอบ ๆ บ้าน หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก็นึกแปลกใจที่วันนี้ไม่เห็นหน้าริวยะเลยแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่ตามปกติ ชายหนุ่มมักจะรอเขาทานข้าวเช้าพร้อมกันเสมอ
    “ทำอะไรอยู่หรือครับ คุณยูคิ”
    น้ำเสียงทุ้ม ดังมาจากเบื้องหลัง ยูคิหันกลับไปมอง แล้วก็ยิ้มรับน้อย ๆ 
    “คุณทาคุ”
    ชายหนุ่มมองหน้าฝ่ายตรงข้าม พลางยืนนิ่ง มิได้กล่าวอะไรต่ออีก แต่กลับคอยเดินตามเด็กหนุ่มอยู่เงียบ ๆ จนคนถูกตามชักขัดใจ
    “ผมเข้าใจครับว่าคุณได้รับคำสั่งคุณริวยะ ให้คอยดูแลผม แต่ที่นี่มันในบริเวณบ้านคงไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ และอีกอย่างก็ไม่ต้องกลัวผมหนีหรอก เพราะผมไม่มีที่จะกลับไปเหลืออีกแล้ว!”
    น้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดนั้น ทำให้คนฟังลอบยิ้ม ก่อนจะกล่าวตอบกลับไปอย่างสุภาพ
    “วันนี้คุณริวยะไม่ได้สั่งให้ผมตามคุณหรอกครับ แต่ผมคอยตามเองต่างหาก”
    ยูคิอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ เด็กหนุ่มบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างฉุนเฉียวเล็กน้อย
    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องตามแล้วครับ ผมแค่อยากขอเดินเล่นเงียบ ๆ เท่านั้น”
    “งั้นคุณก็ออกคำสั่งสิครับ ถ้าคุณออกคำสั่ง ผมก็จะปฏิบัติตาม”
    ยูคิชักเอะใจกับใบหน้ายิ้ม ๆ นั้น แต่ก็ยอมออกคำสั่งตามที่อีกฝ่ายบอก
    “ก็ได้!  ถ้าอย่างนั้น ผมขอให้คุณปล่อยให้ผมอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก”
    “ไม่ขอปฏิบัติตามครับ”
    ทาคุตอบหน้าตาย จนคนสั่งสะดุ้ง 
    “อะไรกันครับ ก็ไหนคุณบอกว่าให้ผมออกคำสั่ง คุณจะทำตามยังไงล่ะ!”
    “ครับ...ถ้าเป็นคำสั่งในฐานะที่เป็น มุราคามิ ยูคิ ผมก็จะปฏิบัติตาม แต่นี่คุณออกคำสั่งในฐานะที่เป็น ทานากะ ยูคิ  ผมเห็นทีจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณไม่ได้หรอกครับ”
    คำตอบของชายหนุ่มทำเอายูคิเกาศีรษะแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ ก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงห้วน
    “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงกันเล่า!”
    ทาคุยิ้ม พลางตอบฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
    “ก่อนอื่นก็เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวที่ใช้เป็นอันดับแรกเลยครับ”
    “สรรพนาม?”  ยูคิทวนคำงง ๆ
    “ใช่ครับ... ไม่ควรใช้ ‘ผม’  เพราะตอนนี้คุณอยู่ในฐานะเหนือทุกคนในบ้านหลังนี้ จะเป็นรองก็แค่คุณริวยะเท่านั้นเองครับ”
    เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบหุบปากทันควัน ไม่คิดว่าฐานะลูกบุญธรรมของเขา มันจะยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ทีแรกก็คิดว่าริวยะแค่ให้เขายอมรับที่จะใช้นามสกุลมุราคามิ เพื่อบังคับให้เขาอยู่ที่นี่กับตัวเองตลอดไปเสียอีก ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์พิเศษต่าง ๆ เหนือคนในคฤหาสน์ หลังนี้มาก่อนด้วยซ้ำไป
    “แต่ผม...ไม่ชิน”
    “ฝึกกันได้ครับ อย่าลืมนะครับ ว่าคุณยอมรับนามสกุลมุราคามิแล้ว คุณก็ต้องวางตัวให้ สมกับนามสกุลนี้”
    ทาคุบอก และก็ต้องแอบยิ้ม เมื่อได้ยินอีกฝ่ายบ่นอุบอิบเบา ๆ
    “ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย ถูกบังคับให้ยอมชัด ๆ”
    “และถ้าคุณอยากมีเพื่อนคุยคนอื่น นอกจากคุณริวยะ คุณก็ควรวางตัวอย่างที่ผมบอก ถ้าคุณสุภาพกับทุกคนในบ้าน แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ก็จะลำบากใจ และจะพยายามหลบหน้าคุณทุกครั้งที่มีโอกาส นอกจากหน้าที่บังคับเท่านั้น จึงจะยอมเผชิญหน้าด้วย  ไม่เชื่อคุณก็ลองสังเกตดูก็ได้ เริ่มจากวันนี้ไปเลยครับ”
    บอกเสร็จแล้วทาคุก็โค้งให้น้อย ๆ และเดินจากไป ทิ้งให้ยูคิเฝ้าขบคิดอย่างหนักตามลำพังแถวนั้นสักพัก  แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ครึ่งวัน เด็กหนุ่มก็ต้องประจักษ์กับตัวเอง ถึงประโยคที่ชายหนุ่มกล่าวทิ้งไว้ แทบจะไม่มีใครในบ้านยอมพูดคุยกับเขาตามปกติ ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายชวนสนทนาก่อน ก็ตาม  คำตอบที่ได้รับแต่ละคนก็แทบประหยัดคำพูด หรือยอมตอบเฉพาะ ที่ถามเพียงสั้น ๆ เท่านั้น

    “อะไรกัน คนบ้านนี้ แล้วจะให้ฉันทำตัวยังไงเล่า ฉันเองก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้สักหน่อยนี่นา!”
    เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งบนทางเดินระเบียง  พลางมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ การที่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โต เต็มไปด้วยความสะดวกสบายพร้อมพรั่ง แต่กลับไม่มีคนที่จะพูดคุย ปรึกษาด้วยสักคน มันทำให้เหงาได้ขนาดนี้เชียวงั้นหรือ...
    “คุณยูคิ ทำไมมานั่งอยู่แถวนี้คนเดียวล่ะครับ ข้างนอกอากาศร้อนออก เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ”
    ทาคุซึ่งเดินผ่านมากล่าวทัก และยื่นมือช่วยฉุดเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น  ยูคิจ้องหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือใหญ่นั้น และเมื่อลุกขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มก็กล่าวกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสั่น
    “แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็แค่อยากให้มีคนพูดคุยด้วยก็แค่นั้นเอง”
    ทาคุมองร่างบางตรงหน้า ก็พอจะทราบว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นสะอื้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเบา ๆ อย่างระอา
    “ขอโทษครับ ผมคงคาดคั้นคุณมากเกินไป คุณยูคิอยากวางตัวแบบไหนก็เชิญเถอะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน”
    และเมื่อทาคุกำลังจะเดินจากไป มือเล็กก็คว้าหมับที่ตรงข้อมือของเขาทันที
    “คุณก็ไม่อยากพูดกับผมด้วยใช่ไหมครับ  ทั้งบ้านนี้ ก็มีแต่คุณนั่นล่ะ ที่เป็นฝ่ายยอมพูดทักทายกับผมก่อน  ถ้าคุณไม่พูดด้วยอีกคน ผมคง...”
    เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง ทาคุหันหน้ากลับมา และจับมือทั้งสองของเด็กหนุ่ม จนยูคิตกใจเงยหน้าขึ้นมา และก็ได้เห็นแววตาหนักแน่น จริงจัง มองมายังเขา
    “งั้นก็วางตัวอย่างที่ผมบอกสิครับ คุณไม่ต้องกังวลว่าใครจะตำหนิอะไร คุณมีสิทธิ์เต็มที่ ในฐานะมุราคามิ คนหนึ่ง  ตอนนี้คุณไม่ใช่ทานากะ ยูคิ แล้วนะครับ แต่คุณคือ มุราคามิ ยูคิ คือคนที่มีศักดิ์และสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ทุกประการ”
    “คุณทาคุ...”
    “ทาคุครับ ลองเรียกดูสิครับ”
    “ทาคุ”  เด็กหนุ่มยอมพูดตามที่อีกฝ่ายบอก และก็ต้องยิ้มออก เมื่อคนตรงหน้ายิ้มรับกับคำเรียกนั้น
    “ครับ แล้วกับคนอื่น ๆ ก็วางตัวให้เหมือนกันด้วยนะครับ”
    “ครับ...เอ่อผม....ไม่สิ หมายถึง ฉันจะลองดูแล้วกัน... ครับ”
    ทาคุหัวเราะเบา ๆ  กับคำลงท้ายที่เผลอหลุดออกมาของอีกฝ่าย ดูท่าเขาคงจะต้องจับฝึกเด็กหนุ่มอีกสักพักใหญ่เชียวล่ะ กว่าจะกลายเป็นมุราคามิ ที่สง่างามและมีอำนาจบารมีขึ้นมาได้  แต่ดูเหมือนว่าก่อนอื่นคงต้องไปบอกคนในบ้านว่าไม่ต้องวางตัวห่างเหินกับเด็กหนุ่มอีกแล้ว 
     ความจริง ยูคิไม่ได้ทราบเลยว่า เพราะทาคุ ได้เรียกประชุมคนงานทุกคนในบ้าน ให้ช่วยร่วมมือในเรื่องการฝึกฝนตนเองในครั้งนี้  จึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกปล่อยเกาะ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว แทบทุกคนในบ้านก็อยากจะเข้ามาคุยกับนายน้อยคนใหม่คนนี้ด้วยกันทั้งนั้น
    ถึงแม้ตอนแรกพวกเขาจะได้รับคำสั่งจากริวยะ ที่ไม่ให้วางตัวสนิทสนมกับยูคิมากเกินหน้าที่  เพราะจุดประสงค์ของชายหนุ่มก็คือต้องการให้ยูคิโดดเดี่ยว และหันมาพึ่งพาเขาได้คนเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้คำสั่งดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ทุกคนในบ้านจึงอยากจะหาโอกาสทำความรู้จักเด็กหนุ่ม หรือใกล้ชิดสักนิดตามแต่โอกาสจะอำนวย

    ริวยะกลับมาจากข้างนอกพร้อมอากิระ ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ ที่เห็นเด็กหนุ่มทักทายพูดคุยกับคนในบ้านไม่เหมือนเดิม ถึงแม้จะติดขัดอยู่บ้าง แต่ก็วางตัวในแบบที่เขาอยากให้เป็นมานานแล้ว
    “ฝีมือทาคุแน่ ๆ แบบนี้” 
    “ผมก็ว่างั้นล่ะครับ”   อากิระตอบยิ้ม ๆ พลางคิดในใจ
    ...หมอนี่ ทำจนได้สินะ ...
    ความจริงแล้วทาคุคิดเรื่องการวางตัวของยูคิ ตั้งแต่ก่อนที่ริวยะจะรับเด็กหนุ่มเป็นบุตรบุญธรรม หรือจะพูดให้ถูกก็คือตั้งแต่ที่เขาได้รับหน้าที่ให้เป็นคนคุ้มกันของยูคินั่นเอง
    เพราะความที่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง และยึดมั่นในเรื่องหน้าที่ของตนเป็นพิเศษ จึงทำให้อากิระแน่ใจว่า ทาคุคงจะไม่ชอบที่เห็นเด็กหนุ่มปฏิบัติตัวนอบน้อมต่อตนเองมากเกินไปนัก
     “แล้วไม่หึงเลยหรือครับ”   
    อากิระเอ่ยแซว เพราะสังเกตเห็นยูคิ ค่อนข้างจะติดทาคุแจเป็นพิเศษมากกว่าใคร
    “หึง? กับทาคุน่ะหรือ...ไม่หรอก เพราะฉันรู้ว่าหมอนั่นไม่คิดอะไรกับยูคิเกินเลยอยู่แล้ว”
    “แต่คุณยูคิอาจจะคิด”
    เจ้าตัวยังไม่เลิกแหย่ ยังผลให้สายตาคมกริบตวัดมามองอย่างเอาเรื่อง
    “ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกนะอากิระ”
    “ผมก็แค่พูดไปตามที่ตาเห็นล่ะครับ และอีกอย่างเห็นแบบนั้น แต่ผมว่าคุณยูคิค่อนข้างติดคนง่ายนะครับ”
    อากิระปล่อยระเบิดแล้วเจ้าตัวก็รีบชิ่งหลบไปโดยไว ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนหัวเสียอยู่ตามลำพัง
    “อ๊ะ...คุณริวยะ”
    ยูคิอุทาน เมื่อหันมาเห็นร่างสูงที่ยืนมองเขาอยู่ห่าง ๆ
    “มัวแต่คุยกันเพลินจนไม่ทันเห็นฉันเลยสินะ”
    ริวยะบอกเสียงเข้ม ซึ่งคนงานคนอื่น ๆ ก็ต่างรีบสลายตัวไปอย่างว่องไว เหลือก็แต่ทาคุ ที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มเท่านั้น
    “ทาคุวันนี้พอแค่นี้ ที่เหลือฉันดูแลต่อเอง”
    “ได้ครับ คุณริวยะ...เอ่อ” ชายหนุ่มชะงักและลังเล จนริวยะต้องเอ่ยถาม
    “มีอะไรงั้นหรือ?”
    “พรุ่งนี้วันจันทร์นะครับ แล้วอีกอย่างเพิ่งไปเรียนคุณยูคิก็ขาดเรียนแล้ว  ผมคิดว่าพรุ่งนี้น่าจะให้คุณยูคิไปเรียนดีกว่า...”
    ริวยะยืนอึ้งกับคำเตือนซื่อ ๆ และจริงใจของอีกฝ่าย  เขาแน่ใจว่าถ้าหากอากิระยืนอยู่ใกล้ ๆ ป่านนี้เจ้าตัวคงแอบหัวเราะเขาไปแล้วแน่ ๆ
    “เออ! ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องเตือนหรอก!”
    ชายหนุ่มบอกออกไปอย่างหงุดหงิด ทาคุโค้งให้ทั้งสอง แล้วเดินจากไป เหลือแต่ยูคิที่ยืนหน้าแดงก่ำ เพราะรู้ถึงความหมายที่ทาคุเอ่ยเตือนอย่างดี
    “ยูคิ”
    เสียงเรียกชื่อตนทำเอาคนฟังสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเอ่ยตอบตะกุก ตะกัก
    “คะ...ครับ”
    “เป็นอะไรไป กลัวฉันนักงั้นหรือ”
    ริวยะแกล้งถามเสียงเข้ม ทั้ง ๆ ที่ในใจก็อดนึกสงสารท่าทางหวาดระแวงของเด็กหนุ่มไม่ได้
    “มานี่สิ มาให้ฉันกอดหน่อย”
    ยูคิยืนขาแข็งไม่ยอมทำตาม ใบหน้าแดงระเรื่อ กับคำพูดทื่อ ๆ ของอีกฝ่าย
    ...ผู้ชายคนนี้ ไม่เคยคำนึงถึงสถานที่เลยสักนิด ถึงจะไม่แคร์ว่าอยู่ในบ้านของตัวเองก็เถอะ แต่เขาไม่เหมือนกันนะที่จะยอมปล่อยให้ถูกกอด ถูกจูบ ในห้องนั่งเล่น ที่ใคร ๆ ก็สามารถเดินผ่านไปมาได้แบบนี้…
    “ดื้ออีกแล้วนะ”
    ชายหนุ่มบ่น และไม่รอให้อีกฝ่ายเดินมาหา เขากลับเป็นฝ่ายเดินเข้าไป และดึงร่างบางเข้ามากอดเสียเอง
    “ยะ...อย่าครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
    คำปฏิเสธนั้นทำให้คนฟังลอบยิ้ม ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร  แต่เขาก็แค่อยากจะแกล้งเด็กหนุ่มเท่านั้น เพราะเจ้าสีหน้าเขินอาย ปนลำบากใจนั่น มันช่างน่ารัก น่าเอ็นดู ชนิดที่ว่า มองเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ
    “ไม่เห็นเป็นไร อยากเห็นก็เห็นไป ขอแค่ไม่เข้ามาขัดจังหวะก็ใช้ได้แล้ว”
    บอกออกไปพลางเฝ้ารอดูปฏิกิริยา แล้วก็เป็นดังเช่นคาด อีกฝ่ายใบหน้าแดงก่ำ พลางพยายามดันร่างออกจากอ้อมกอดเขาให้ได้
    “ไม่เอาครับ... อ๊ะ!”
    ยูคิสะดุ้งเฮือก อุทานออกมาเบา ๆ เมื่อมือใหญ่แหวกสาบเสื้อของตน เข้ามาลูบคลำผิวใต้ร่มผ้าไปมา สร้างความเสียวซ่าน และปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาให้ตื่นขึ้นอย่างง่ายดาย
    “รู้สึกง่ายเหมือนเดิมนะ น่ารักเสียจริง…”
    ริวยะกล่าวชมเสียงแหบพร่า พลางช้อนร่างบางอุ้มขึ้นตรงกลับห้องนอนของตนทันที เพราะขืนอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีกนิด เขาคิดว่า คงจะควบคุมตัวเองไม่ให้แตะต้องเด็กหนุ่มมากไปกว่านั้นไม่ได้แน่
    ร่างบางซุกหน้ากับอกกว้าง พลางขยุ้มเสื้อสูท และบ่นพึมพำอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มอุบอิบ ใบหู หน้าตา ตลอดไปจนถึงลำคอ แดงก่ำไปหมด  ซึ่งพอริวยะได้ฟังแล้วก็ต้องเหยียดยิ้ม ก่อนจะกระซิบตอบกลับอีกฝ่ายแผ่วเบา
    “โอเค ๆ ฉันเข้าใจ คราวนี้ฉันไม่ทำให้เธอต้องขาดเรียนอีกแน่ สัญญา”
    แล้วทั้งคู่ ก็หายเข้าไปในห้อง แม้กระทั่งเวลาอาหารเย็นแล้วก็ยังไม่ออกมา ซึ่งคนในบ้านก็ไม่มีใครคิดไปตาม เพราะเป็นอันรู้กันว่า หากทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองภายในห้อง ถ้าไม่มีธุระด่วนชนิดคอขาดบาดตายจนถึงขนาดต้องเข้าไปตาม  ห้ามเฉียดเข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าวเด็ดขาด 
    และวันนี้ก็เช่นกัน กว่าริวยะจะยอมปล่อยตัวยูคิออกมาได้ ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่า ซึ่งเด็กหนุ่มพอกลับถึงห้องก็ฟุบหลับทันทีด้วยความอ่อนเพลีย ไปตื่นอีกทีก็เกือบแปดโมงเช้า  ซึ่งก็ทำให้เขาเกือบจะต้องขาดเรียนไปอีกวันเสียแล้ว


====
TBC
====

ทยอยแปะจ้า เร็วบ้าง ช้าบ้าง เยอะบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับความยุ่งส่วนตัวนะคะ ช่วงนี้ใช้สายตาตรวจทานนิยาย(เรื่องอื่น)อย่างหนักจนตาล้าเลย (พันกว่าหน้า เอ 5 ตรวจมาหลายรอบจัด - - แต่ตรวจทีไรก็เจอคำผิดหลุดมาประจำ- -*)

แล้วเจอตอนใหม่พรุ่งนี้ค่ะ พรุ่งนี้จะแปะชดเชยให้ 2 ตอนนะคะ  วันนี้ลาไปนอนก่อนล่ะค่ะ --/

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #155 เมื่อ03-11-2010 23:20:47 »

ชอบให้ยูคิ อ่อนน้อมถ่อมตนแบบเดิมอะ
ไม่อยากให้เป็นเหมือนริวยะ มันดูไม่ใช่ยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #156 เมื่อ03-11-2010 23:26:50 »

ริวยะนี่ก็ฟิตเกินเนอะ  :o8:

tawan

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #157 เมื่อ04-11-2010 00:02:05 »

ขอ 2 ตอนแบบยาว ๆ :impress2:
 :pig4: ล่วงหน้าเลย
 :call:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #158 เมื่อ04-11-2010 00:13:53 »

อ่า คึกจริง พระเอกเรา  :z1:

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #159 เมื่อ04-11-2010 00:41:01 »

เอิ้กๆๆ รออัพต่อ นะจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
« ตอบ #159 เมื่อ: 04-11-2010 00:41:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






doomare

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #160 เมื่อ04-11-2010 04:30:14 »

จะได้ไปเรียนเหรอ ?

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #161 เมื่อ04-11-2010 07:31:54 »

 :L2:

ออฟไลน์ kaporzung

  • magKapleVE
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
    • Get vivid impressions and unforgettable emotions
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #162 เมื่อ04-11-2010 07:53:12 »

คุณริวยะ หื่นโคตร 5555555+

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11
«ตอบ #163 เมื่อ04-11-2010 16:22:00 »

=====
บทที่ 11
=====


   เช้านี้ยูคิมาโรงเรียนได้ทันเวลาเข้าเรียนเกือบฉิวเฉียด แต่เขาก็ต้องประหลาดใจกับสายตาแปลก ๆ ของคนอื่นที่จับจ้องมองมายังเขา จนกระทั่งมารู้คำตอบจากอารากิในภายหลัง
    “ก็อาฉันเขาเข้ามาบอกตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ว่า คุณริวยะ รับนายเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้วน่ะสิ”
    “อะไรกัน! เรื่องส่วนตัวแบบนี้ไม่เห็นต้องเอามาบอกคนอื่นนี่นา!”
    ยูคิโวยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่อารากิก็อธิบายสวนกลับทันที
    “ใครว่า เรื่องนี้สำคัญมากนะ คิดดูสิ นายเป็นเด็กเข้าใหม่กลางเทอม หรือจะให้พูดก็คือ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีบริษัทใหญ่โต ไม่มีนักการเมืองหนุนหลัง แต่กลับได้เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ แน่นอนว่าคนฐานะธรรมดาอย่างนาย ต้องถูกไอ้พวกนิสัยเสีย ๆ ที่ชอบวางอำนาจเขม่นข่มเอาเป็นลูกไล่แน่ ๆ นายก็รู้ว่าแต่ละโรงเรียนมันก็มีพวกงี่เง่าแบบนี้อยู่เยอะใช่ม้า  ที่สำคัญ นายน่ะน่ารักออก ถ้าอาไม่บอกว่านายเป็นคนของคุณริวยะตั้งแต่วันแรก ป่านนี้นายถูกเจ้าพวกนั้นแกล้ง หรือไม่ก็ถูกพวกหื่นกามที่ไหนฉุดไปปล้ำแล้วล่ะมั้ง”
    อารากิอธิบายยาวเหยียดด้วยสีหน้าเฉย ๆ แต่คนฟังกลับกลืนน้ำลายเอื๊อกกับคำพูดตรง ๆ ทื่อ ๆ ของอีกฝ่าย
    “โอเค ฉันเข้าใจ และซาบซึ้งใจผู้อำนวยการมาก ๆ เลยล่ะ ที่มองการณ์ไกลขนาดนั้น”
    ยูคิตอบพลางยิ้มฝืด ๆ ซึ่งอารากิ ก็หัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจ
    “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบ แต่เชื่อเถอะ ใช้นามสกุลมุราคามิในโรงเรียนนี้ มีแต่ได้ ไม่มีเสียหรอกน่า”
    ทั้งสองคนคุยกันอีกสักพัก ก็ต้องเงียบ เพราะเสียงกระแอมเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบของอาจารย์มิซาวะ อากิ อาจารย์หนุ่มที่ปรึกษาของห้อง ม.5 / Z นั่นเอง

    “ฉันว่าอาหารกลางวันของโรงเรียนก็อร่อยดีนะ แต่ทำไมนายถึงกินขนมปังพวกนี้แทนล่ะ เดี๋ยวก็ขาดสารอาหารกันพอดี”
    ยูคิบ่น เมื่อเห็นอารากิซื้อพวกขนมปังมากิน แทนที่จะเป็นอาหารกลางวันชุดของโรงเรียน
    “ฉันก็ไม่ใช่ชอบเจ้าพวกนี้นักหรอก ก็แค่กินเพราะต้องการประชดคนเท่านั้นล่ะ”
    อารากิตอบ ขณะเคี้ยวขนมปังอย่างเซ็ง ๆ
    “ประชด?” ยูคิทวนคำงง ๆ
    “ใช่! ประชด ฉันจะกินจนเป็นโรคขาดสารอาหารอย่างที่นายบอก จนกว่าเขาจะยอมทำข้าวกล่องมาให้ฉันกินบ้าง”
    ยูคิหน้าแดงนิด ๆ ยังไม่รู้หรอกว่า ‘เขา’ ของเพื่อนคนนี้เป็นใคร เพียงแต่คงจะต้องสำคัญมากกับเจ้าตัวพอดู ถึงกับเสี่ยงเอาร่างกายตัวเองมาเป็นของเดิมพันแบบนี้
    “ไหน ๆ เด็กใหม่ที่ว่าเป็นคนของมุราคามิ ริวยะน่ะ คนไหนกัน หือ?”
    เสียงที่ดังโพล่งมาจากอีกฟากหนึ่งของโรงอาหาร ทำเอาคนที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ถึงกับสำลัก และหันไปมองยังต้นเสียงทันที
    “ใครน่ะ หมอนั่น!”
    ยูคิถามอารากิ ซึ่งกินขนมปังหมดไปเป็นอันที่สาม และกำลังดื่มนมต่อ
    “หนึ่งในจำพวกงี่เง่าที่บอกไงล่ะ  แต่ไม่ใช่พวกชอบวางอำนาจหรอกนะ หมอนั่นมันเป็นประเภทหื่นกามน่ะ”
    คำตอบที่ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีไปด้วยแม้แต่น้อย แถมยังทำให้กังวลหนักไปอีก ว่าคนประเภทอย่างนั้น มาถามหาเขาทำไมกัน
    “อ้าว ๆ นั่นเอง ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนี่ ใช่แน่ ๆ”
    บอกแล้ว ก็เดินตรงรี่เข้ามาหา ซึ่งยูคิกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกด้วยความหวั่นวิตก และทำท่าจะลุกหนี แต่อารากิฉุดแขนเขาเอาไว้ก่อน
    “ไม่เป็นไรหรอก ถึงหมอนั่นจะหื่นกามขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดจะทำต่อหน้าคนเป็นร้อยในโรงอาหารนี่หรอก”
    คำกล่าวของเด็กหนุ่มทำให้ยูคิยอมอยู่ต่อ และเมื่อคนผู้นั้นเข้ามาใกล้ ยูคิก็สังเกตเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตา และบุคลิกดีมากคนหนึ่งทีเดียว
    “สวัสดีครับประธานนักเรียน ทีหลังอย่าทำตัวโวยวายแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวเด็กใหม่ก็ตกใจกลัวหมดพอดี”  
    อารากิทักขึ้นด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ซึ่ง ยูคิก็อ้าปากเหวอ ไม่คิดว่าผู้ชายหื่นกามที่อารากิเรียกจะเป็นถึงประธานนักเรียนของโรงเรียนยามิคุระแห่งนี้
    “เขาจะกลัวฉันก็ต่อเมื่อได้ยินคำใส่ร้ายจากใครบางคนต่างหาก อารากิ”
    เด็กหนุ่มผู้มาใหม่กล่าวยิ้ม ๆ ซึ่งอารากิก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งที่ก็แอบสะดุ้งเล็ก ๆ ที่ถูกอีกฝ่ายมองออก
    “สวัสดีครับ ทานากะ...เอ่อ  มุราคามิ ยูคิ ครับ”
    ยูคิทักทายเบา ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็หันขวับมายิ้มรับทันที
    “สวัสดียูคิ ฉัน มิยาโมโต้  คาสึกะ เป็นประธานนักเรียนของที่นี่... อืม เป็นมาปีที่ 3 แล้วล่ะ”
    ยูคิฟังแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ตกตะลึงอีกเป็นรอบที่ 2
    “ปีที่ 3 ก็หมายความว่าเป็นมาตั้งแต่  ม.4 หรือครับ!”
    คาสึกะยิ้มรับ เห็นปฏิกิริยาตอบรับซื่อ ๆ ตรง ๆ แบบนี้แล้ว ก็ยิ่งชอบใจเด็กตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
    “ใช่! แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก ยูคิคุง เธอมาเป็นเลขาฯ ฉันไหมล่ะ สภานักเรียนยินดีต้อนรับเธอเสมอนะ”
    คราวนี้ไม่ใช่ยูคิคนเดียวที่ตกใจ แต่อารากิกลับลุกขึ้นพรวด และเผชิญหน้ากับคาสึกะแทน
    “ประธาน! ยูคิเป็นคนของคุณริวยะนะครับ ประธานคงไม่…”
    “มุราคามิ ริวยะ ไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย ที่ฉันอยากได้ยูคิน่ะ ความสามารถของเขาต่างหาก ไม่ใช่ตัวเขา”
    “ยืนยันได้หรือครับเรื่องนั้นน่ะ!”  อารากิคาดคั้นอย่างไม่ไว้ใจสุด ๆ
    “หวาดระแวงจริง ๆ นะ  ถ้านายกลัวฉันจ้องแอ้มเพื่อนนายขนาดนั้น ก็เข้าสภานักเรียนเสียด้วยกันเลยสิ อารากิ”
    ข้อเสนอของคาสึกะ ทำให้อารากิขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก่อนที่จะตอบปฏิเสธออกไปเช่นเคยอย่างทุกครั้ง  อีกฝ่ายก็สวนกลับมาเสียก่อน
    “แต่เรื่องของยูคิคุงน่ะ ทางท่านผู้อำนวยการเป็นคนเสนอให้ฉันเองนะ เธอคงจะไม่คิดปฏิเสธหรอกนะ จริงไหม?”
    เด็กหนุ่มหันมาทางยูคิ ที่ยืนอึ้งฟังอยู่ ส่วนอารากิเมื่อได้ยินดังนั้น จึงโพล่งขึ้นแทน
    “อาน่ะเหรอ เป็นคนเสนอ ทำไมผมไม่รู้ล่ะ!”
    “ลองไปถามดูได้เลย นายเองไม่รู้หรอกว่า ความสามารถที่แท้จริงของเด็กคนนี้มีมากขนาดไหน”
    ประโยคสุดท้ายหันมาขยิบตากับยูคิ ซึ่งก็สะดุ้งเฮือก พลางโพล่งถามออกไปอย่างลืมตัว
    “หรือว่า ผอ. เล่าเรื่องนั้นให้คุณฟังด้วย!”
    คาสึกะยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับค่อย ๆ ซึ่งยูคิก็หน้าซีด คิดหนัก เพราะหากปฏิเสธออกไปบางทีอีกฝ่ายอาจจะเอาเรื่องของเขาไปโพนทะนา ให้คนอื่นรู้ต่อก็ได้
    “คนเจ้าเล่ห์”  อารากิกล่าวอย่างหงุดหงิด ที่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนปฏิเสธได้ยังไง
    “ไม่เอาน่าอารากิ ฉันก็แค่ทำเพื่อโรงเรียนของเรา อีกอย่างการที่มีบุคลากรซึ่งมีความสามารถเข้ามาร่วมงานด้วย ยิ่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีเท่านั้น จริงไหม?”
    อารากิเถียงไม่ออก หันไปทางยูคิ เด็กหนุ่มก็มองเขาด้วยแววตาอ้อนวอน จนเขาพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างนึกปลง
    “งั้นผมขอเข้าเป็นสมาชิกด้วยคนแล้วกัน”
    “เยี่ยม! ได้บุคลากรชั้นยอดทีเดียวสองคน อย่างนี้สภานักเรียนก็มีอำนาจต่อรองมากขึ้นไปอีก”
    ประธานนักเรียนหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี ซึ่งอารากิก็ถอนหายใจยาวอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรมากนัก เพราะสนิทและคบกันมานานจึงทำให้รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี  ซึ่งถ้าไม่นับเรื่องเป็นคนเจ้าชู้ และปากว่ามือถึงแล้ว คาสึกะก็จัดว่าเป็นคนดีที่น่าคบคนหนึ่ง
    “แต่ห้ามยุ่มย่ามกับยูคิเด็ดขาดนะ!”
    อารากิกระซิบดุ ๆ เตือนลอดไรฟัน จนยูคิที่อยู่ใกล้ ๆ สะดุ้ง และหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนคาสึกะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้ม
    “เออ ๆ รู้น่า ฉันยังไม่อยากถูกจับโบกปูน ถ่วงทะเล นักหรอก!”
    อารากิถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยูคิ ตงิด ๆ กับคำพูดกึ่งจริงกึ่งเล่นของประธานนักเรียนหนุ่ม โดยส่วนตัวแล้ว เขาไม่คิดหรอกว่า เพื่อตัวเขาแล้วริวยะจะถึงขนาดฆ่าคนได้แบบนั้น  แต่ดูเหมือนคนอื่น ๆ ที่นี่ จะคิดว่าชายหนุ่มทำเช่นนั้นได้จริง ๆ ไปเสียหมด
    ระหว่างที่ทั้งสามยืนคุยกันอยู่ คนอื่น ๆ ก็พากันจับกลุ่มมองอยู่ห่าง ๆ ...ประธานนักเรียน  หลานชายผู้อำนวยการ  และบุตรบุญธรรมของมุราคามิ  ริวยะ  ช่างเป็นการรวมตัวของผู้ทรงอิทธิพลในโรงเรียนอย่างที่ไม่อยากมีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่ามด้วย
    และจู่ ๆ สายตาของคาสึกะ ก็เผอิญเหลือบไปสะดุดเข้ากับคน ๆ หนึ่ง  ริมฝีปากได้รูปจึงเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น
    “อารากิ ...พักนี้ ไปได้ไม่ดีกับ ‘เขา’ ใช่ไหมล่ะ”
    อารากิสะอึก ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ยูคิฟังแล้วอึ้ง ๆ แสดงว่า คาสึกะคงต้องสนิทกับอารากิพอสมควร จึงทำให้รู้เรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายได้แบบนี้
    “ช่วยให้เอาไหม?”
    คาสึกะก้มลงกระซิบถามอีกฝ่ายใกล้ ๆ  แต่ก็ช่างน่าหวาดเสียวในสายตาคนมอง
    “ไม่ต้องยุ่งน่า ผมจัดการเองได้!”
    อารากิตัดบทห้วน ๆ และขณะที่กำลังจะเดินผ่านอีกฝ่ายไป จู่ ๆ ก็ถูกดึงมือเอาไว้ และเมื่อเด็กหนุ่มจะหันกลับมาต่อว่า ก็ต้องตะลึงเมื่อคาสึกะชะโงกหน้ามารออยู่แล้ว
    ยูคิยืนหน้าแดง เมื่อเห็นเพื่อนของเขาถูกประธานนักเรียนขโมยจูบเอาดื้อ ๆ ต่อหน้าต่อตา  ซึ่งคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็พากันกลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ขยาดกับอิทธิพลของคนทั้งสองมากเกินกว่าจะเสี่ยงล้อเลียน หรือ วิพากษ์วิจารณ์อะไรออกไป
    “คาสึกะ! ไอ้บ้า! นาย...”   อารากิช็อคจนหลุดเรียกอีกฝ่ายออกไปตามอารมณ์โกรธ ซึ่งคาสึกะก็ยักไหล่พลางเลียปากเล่นอย่างพึงพอใจ
    “น่า ๆ อย่าโกรธสิ ผลงานฉันได้ผลนะ ท่าทางจะโกรธจนหนีไปแล้วล่ะ แสดงว่านายเองก็ยังมีหวังจริงไหม?”
    อารากิชะงัก  หันไปมองคนอื่น ๆ ที่มุงดูอยู่ทันที  ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อเพิ่งจะนึกขึ้นได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันนี้
    “ไอ้บ้า! เมื่อครู่นี้ เขาอยู่ด้วยงั้นเหรอ!”
    “ก็เออน่ะสิ ไม่งั้นจะจูบทำไมกันล่ะ”
    คาสึกะตอบหน้าตาย อารากิกัดฟันกรอด และก่อนที่ใครจะนึกอะไร เด็กหนุ่มก็เตะหน้าแข้งอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง
    “โอ๊ย!”  
    คาสึกะร้องเสียงหลง ทรุดกุมหน้าแข้งด้วยความเจ็บในขณะที่อารากิวิ่งพรวดออกจากโรงอาหารไปอย่างรวดเร็ว
    “ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ อ๊ะ ขอบใจยูคิคุง”
    ประธานนักเรียนหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ เมื่อเห็นยูคิยื่นมือมาช่วยฉุดเขาให้ลุกขึ้น
    “เอ่อ ... ประธานรู้จัก ... ของอารากิด้วยหรือครับ”
    ยูคิถามตะกุกตะกัก หน้าแดงนิด ๆ อย่างเขินอาย  คาสึกะมองแล้วลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่คนของ มุราคามิ  ริวยะ เขาคงไม่ยอมปล่อยเอาไว้เฉย ๆ แน่  
    “ใช่! แต่มันเป็นความลับนะ เธออยากรู้ก็ได้  แต่ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย”
    บอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ยูคิเลยรีบกระเถิบหนีออกไปห่าง ๆ ด้วยความหวาดระแวง
    “อ่ะ... ไม่เป็นไรครับ ไว้ถามเองก็ได้ ขอตัวก่อนนะครับ”
    แล้วเจ้าตัวก็รีบแผ่นแนบตามเพื่อนไปอีกคน คาสึกะหัวเราะเบา ๆ เขาก็ไม่คิดจะยุ่มย่ามอะไรอีกฝ่ายหรอก แต่แค่แตะนิดแตะหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

    กว่ายูคิจะหาตัวอารากิเจอ ก็หมดเวลาพักกลางวัน แต่พอเข้าชั่วโมงเรียน เด็กหนุ่มก็เอาแต่ตีสีหน้าเคร่งขรึม  ซึ่งก็ทำเอายูคิกลัวจนไม่กล้าพูดด้วย  
    จนกระทั่งเวลาเลิกเรียนมาถึง …
    “งั้นฉันกลับก่อนนะอารากิ” ยูคิกล่าวลา หลังจากที่อารากิบอกว่าจะขออยู่ที่โรงเรียนต่ออีกสักพัก
    “อืม พรุ่งนี้ก็อย่าขาดเรียนอีกล่ะ”  อารากิยิ้มแย้มทักทาย ดูอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
    “ฉันก็ไม่อยากจะขาดเรียนสักหน่อย...”  เด็กหนุ่มอุบอิบตอบหน้าแดง และรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดทั้งห้องก็เหลือเพียงแต่อารากิ เขาหยิบสมุดเช็คชื่อที่แอบไปเอามาจากห้องพักครูเมื่อตอนกลางวันขึ้นมาวางบนโต๊ะ พลางนั่งรอเจ้าของสมุดมาเอาคืนอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุด เจ้าของสมุดก็ปรากฏกายขึ้น...

    “อ๊ะ! ตายจริง ลืมสมุดโน้ตวิชาภาษาอังกฤษไว้ในห้องนี่นา”
    ยูคิอุทานเบา ๆ ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ
    “ทาคุ เดี๋ยวรอผมอยู่ที่รถก่อนได้ไหม เดี๋ยวผมมา”
    “ไม่ใช่ผมครับ ‘ฉัน’ ต่างหาก”  ทาคุช่วยแก้สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองของเด็กหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวก็ขมวดคิ้วยุ่ง แล้วกระชากเสียงใส่อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
    “รู้แล้วน่า! เดี๋ยวฉันมา พอใจไหม!”
    “ครับ ผมจะรอที่รถ แต่อย่าให้นานนักนะครับ เดี๋ยวกลับบ้านผิดเวลาคุณริวยะจะไม่พอใจ”
    คำบอกนั้น ทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินไปที่ห้อง เปลี่ยนฝีเท้าเป็นวิ่งไปทันที  ซึ่งทาคุก็มองตามไปด้วยความเอ็นดู

    “อย่านะ....เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า.....อื้ม....อย่าสิ”
    ประโยคที่ดังออกมาจากในห้อง ประกอบกับความเงียบสงัดของอาคารเรียนที่ไร้ผู้คน ทำให้ยูคิชะงักกึก หน้าแดงนิด ๆ กับถ้อยคำนั้น  มันไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจาก...
    “อารากิ...บอกว่าพอก่อนยังไงล่ะ”  น้ำเสียงกระเส่านั้น ทำเอายูคิกลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ยังไม่เท่ากับชื่อของเพื่อนใหม่ที่หลุดออกมาให้ได้ยินจากเจ้าของเสียงนั่น
    …หรือว่า เป็น นั่นของอารากิ? …
    ใจหนึ่งก็อยากจะแอบดู แต่อีกใจก็บอกกับตัวเองว่าเป็นการเสียมารยาท พอตัดสินใจไม่ถูกเข้า ก็เลยได้แต่ยืนขาแข็งอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าขยับไปไหน
    “ไม่พอหรอก...ก็คุณอยากใจร้ายกับผมก่อนทำไมล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าผมคิดอย่างไงกับคุณ แต่ก็แกล้งทำตัวเย็นชา ไม่สนใจผมเลยสักนิด”
    เสียงอารากิดังขึ้นมา ยูคิกลืนน้ำลายอีกครั้ง เรื่องสมุดโน้ตวิชาภาษาอังกฤษลืมไปได้เลย เพราะเขาไม่คิดจะเปิดประตูห้องแล้วเข้าไปหยิบมันตอนนี้หรอก
    “ก็เธอเป็นลูกศิษย์...”  น้ำเสียงของอีกคนในห้องดังขึ้นมาอีก ยูคิสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินประโยคนั้นชัดเจน
    ...ลูกศิษย์งั้นเหรอ แสดงว่านั่นก็... แต่เสียงคุ้น ๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ...ไม่จริงน่า....เสียงนั่น....
    “ทำอะไรอยู่หรือครับคุณยูคิ”
    ทาคุที่เห็นว่าเด็กหนุ่มหายไปนานจึงขึ้นมาตาม ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ยูคิยังคงยืนลังเลอยู่หน้าห้องไม่กล้าเข้าไปสักที
    “เหวอ ทาคุ!” ยูคิเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงดังกรอกแกรกจากภายในห้อง
    “มานี่เร็วเข้า!”  
    ยูคิจูงมือชายหนุ่ม วิ่งแผ่นแนบจากหน้าห้องไปอย่างรวดเร็ว  ซึ่งพอคนที่อยู่ในห้องเปิดออกมาก็เห็นเพียงหลังไว ๆ เท่านั้น
    “ยูคิ?”  อารากิพึมพำ  ก่อนจะยักไหล่ เพราะถ้าเป็นยูคิ คงไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นเจ้าตัวก็จัดการปิดล็อกห้อง และเดินตรงเข้ามาหาคนที่นอนตาปรือรอคอยเขาอยู่บนพื้นห้องเรียน
    “ต่อเลยนะครับอาจารย์มิซาวะ”  เด็กหนุ่มกล่าวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งก็ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ เพราะเขาจัดการรุกเผด็จศึกต่อทันที เพื่อไม่ให้โอกาสดี ๆ ที่อุตส่าห์ได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสองแบบนี้ ต้องหลุดลอยไปเหมือนกับหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา ...


===
TBC
===
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2010 20:21:33 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 12
«ตอบ #164 เมื่อ04-11-2010 16:26:20 »

=====
บทที่ 12
=====



    พอยูคิกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมุราคามิ ก็พบว่าริวยะกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
    “ทำไมกลับสายเกือบ 10 นาที”
    ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด และทำสัญญาณให้ทาคุ และคนอื่น ๆ แถวนั้นออกไป จนกระทั่งเหลือเขากับยูคิเพียงลำพังสองคนเท่านั้น
    “มานั่งข้าง ๆ นี่”  น้ำเสียงวางอำนาจกล่าวดุ ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งก้มหน้าอยู่ตรงข้ามกับเขา
    “ครับ...” ยูคิรับคำเสียงอ่อย ไม่กล้าเถียง หรือปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่ามันจะทำให้คนตรงหน้าอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
    “ไหนเล่ามาสิ ทำไมถึงกลับช้า”  ริวยะกระซิบถามพลางดึงร่างบางมานั่งตักตนเองหน้าตาเฉย  โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดเขินนั่นแม้แต่น้อย
    “คือ...ลืมสมุดโน้ตทิ้งไว้ที่ห้องเรียน เลยกลับไปเอาครับ”  พอบอกถึงตอนนี้ก็ดันไปนึกถึงเรื่องที่เกิดในห้องเรียน เลยยิ่งทำให้ใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่แล้ว แดงหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก
    “ทำไม? มีอะไรในห้องเรียนกันแน่ ถึงทำหน้าแบบนี้!”  ริวยะที่สังเกตเห็นคาดคั้นหนัก แต่ยูคิก็ไม่กล้าพูด ได้แต่ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จนชายหนุ่มขัดใจ
    “พูดมาสิ!”  คนสั่งบังคับถาม โดยมือใหญ่แข็งแกร่งจับคางกลมมนให้หันหน้ามาประสานสายตาเขาไม่ยอมให้หลบ
    “คือ...”  ยูคิใบหน้าแดงก่ำ  แต่ก็จำต้องบอกอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและแผ่วเบา
    “หือ?”  ริวยะปล่อยใบหน้างามให้เป็นอิสระ พอได้รับรู้ถึงสาเหตุทั้งหมด เจ้าตัวก็คลายอาการหงุดหงิดลง แถมยังนึกขำที่เห็นเด็กหนุ่มเขินอายหนักแบบนี้อีกด้วย
    “อะไรกัน...ทำอยู่บ่อย ๆ เจอแบบนั้นยังไม่ชินอีกหรือไง?”
    ยูคิสะดุ้ง เงยหน้ามองใบหน้าคมเข้ม แล้วก็รีบหลบตา ทั้งหน้า หู และคอ แดงแป๊ดไปหมด
    “ว่ายังไงล่ะ หรือต้องให้ฉันช่วยเพิ่มภูมิต้านทานเรื่องแบบนั้นให้กับเธอกัน หือ?”
    น้ำเสียงทุ้มกระซิบใกล้ ๆ หู ก่อนจะขบกัดติ่งหูนุ่ม ๆ เล่น อย่างหยอกเย้า
    “อ๊ะ!” ยูคิสะดุ้ง เมื่อถูกสัมผัสกระตุ้นอารมณ์จากอีกฝ่าย  เขาพยายามเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนเจ้าของอ้อมกอดจะไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยเลยสักนิด
    “ดื้ออีกแล้ว เมื่อไหร่จะยอมว่าง่าย ๆ ไม่ขัดขืนเสียทีนะ”
    ริวยะกระซิบพลางซุกไซ้ไปทั่วซอกคอขาวนวลเนียนนั้น ไม่ได้เอาจริง แต่ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นมากกว่า
    “ถ้าผมยอมง่าย ๆ คุณคงจะพอใจสินะครับ ... เพราะประโยชน์ของผมก็คงมีเท่านี้...”
    น้ำเสียงตัดพ้ออย่างไม่ตั้งใจ ดังขึ้นแผ่วเบา ทำเอาคนฟังชะงักกึก
    “อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้นกัน”  ริวยะเงยหน้าขึ้นถามร่างบางในอ้อมกอด ทว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม อย่างน่าหวั่นเกรง
    “ก็คุณ...” ยูคิพูดได้แค่นั้นก็พูดไม่ออก ก้มหน้านิ่ง จนคนรอคำตอบขัดใจ
    “ฉันทำไมกัน! หรือเธอจะคิดว่า ที่ฉันรับเธอมาอยู่ด้วยกับฉัน เพราะต้องการแค่ตัวเธอเท่านั้นหรือไง!”
    “แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะครับ!” ยูคิสวนกลับ ชักจะหมดความอดทนเหมือนกัน ที่เขาเหมือนจะโดนข่มขู่เอาฝ่ายเดียวแบบนี้
    ยูคิคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าหงุดหงิด กราดเกรี้ยวจากร่างสูง ทว่าเด็กหนุ่มเห็นแต่เพียงแววตาที่สลดวูบลง และใบหน้าที่เศร้าหมองแทน
    “ฉันคิดว่าเธอจะรับรู้ความรู้สึกของฉันที่ผ่านมาเสียอีก กลายเป็นว่าเธอมองฉันในอีกแบบตลอดมางั้นสินะ”
      ยูคิรู้สึกว่าหัวใจโหวงเหวง ว่างเปล่า  เมื่อชายหนุ่มปล่อยร่างเขาให้เป็นอิสระ และลุกขึ้นเดินจากห้องไป เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่งคิดอะไรบางอย่างสักพัก  ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ประกายตาเปลี่ยนไป เป็นมุ่งมั่นและจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
    ริวยะเดินเรื่อย ๆ เพื่อตรงกลับเข้าห้องพักของตน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อร่างบางที่วิ่งตามมา ปราดเข้าขวางหน้าเขาเอาไว้เสียก่อน
    “มีอะไร!”  ถามด้วยน้ำเสียงวางอำนาจเช่นเคย แต่คราวนี้คนฟังไม่ได้หวาดหวั่น แม้แต่น้อย กลับตวาดเผยออกไปถึงความในใจ ที่อัดอั้นมานานของตัวเอง ให้อีกฝ่ายรับรู้
    “ผมจะไปรู้ความรู้สึกของคุณได้ยังไงกัน! ในเมื่อคุณไม่เคยบอกอะไรผมมาก่อน! ผมไม่ได้อ่านใจคุณได้นี่ ถึงจะได้รู้ว่าคุณคิดยังไงกับผม!”
    คนอื่น ๆ ที่ทำงานอยู่แถวนั้น โผล่หน้าออกมาดูทีละคนสองคน เพราะแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มขึ้นเสียงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
    “ยูคิ...”   ชายหนุ่มอึ้งไปชั่วครู่ กับถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา และก็ต้องเม้มปากนิ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียง และดวงตาเว้าวอนที่จับจ้องมายังเขา
    “พูดสิครับ ...พูดออกมาเถอะ ผมอยากฟังจากปากของคุณเอง...”
    ริวยะนิ่งเงียบไปนาน จนยูคิใจคอไม่ดี ใบหน้าหวาน สลดลง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอของอีกฝ่ายดังขึ้น
    “หึ...เธอนี่  ทำให้ฉันประหลาดใจได้ทุกครั้งเลยนะ อยู่กับเธอฉันไม่เคยเบื่อเลยจริง ๆ”
    ยูคิมึนงง กับปฏิกิริยาตอบรับดังกล่าว และเมื่อริวยะหันมาเห็นสีหน้าสงสัยของเจ้าตัว เขาก็ยิ้มน้อย ๆ พลางชะโงกหน้ากระซิบอีกฝ่ายเบา ๆ
    “ตกลงว่าเธอจะให้ฉันสารภาพความในใจกับเธอตรงนี้แน่นะ...”
    ยูคิสะดุ้ง  เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นคนงานในบ้านผลุบหน้าหลบกันเป็นแถว ๆ ในทันที
     จากนั้นเจ้าตัวจึงรีบสั่นศีรษะหน้าแดงก่ำ  ริวยะหัวเราะในลำคออีกครั้ง และช้อนร่างบางอุ้มขึ้นไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างทะนุถนอม
    “ฉันจะบอกเธอทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวฉัน...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เธออยากรู้... ยูคิ”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน ยูคิซุกหน้านิ่งกับอกกว้าง แขนเรียวบางยกขึ้นโอบรอบคอของชายหนุ่ม และปล่อยให้อีกฝ่ายพาเขาไปที่ห้องโดยไม่คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด
 
    “คุณทาคุ  คุณอากิระ จะดีหรือคะ ...ท่านริวยะ อยู่แต่ในห้องนอนกับคุณยูคิมาสองวันแล้วนะคะ พอดิฉันไปเชิญทานข้าว ก็ได้แต่บอกว่า ให้นำสำรับมาวางไว้หน้าห้องเท่านั้นเอง”
    ชิโนะบ่นอย่างเป็นห่วง แต่คนฟังสองคน หนึ่งในนั้นหัวเราะ ส่วนอีกหนึ่งสั่นศีรษะอย่างระอา
    “เอาน่า ๆ คุณชิโนะไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ล่ะ เดี๋ยวพอเบื่อก็ออกมาเองแหละครับ”
    ชิโนะกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะสบตากับทาคุ คิดตรงกันว่า หากขืนรออย่างที่อากิระบอก บางทีทั้งคู่อาจจะไม่ได้ออกจากห้องนั้นอีกนานเลยก็ได้
    “คุณอิชิโจ โทรศัพท์มาตามคุณยูคิให้กลับไปเรียนด้วยนะคะ”
    ชิโนะบอกต่ออย่างเป็นกังวล ซึ่งอากิระก็แก้ตัวแทนเจ้านายอีกตามเคย
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  เวลาเรียนปีหนึ่งขาดได้ตั้งหลายหน แล้วคุณยูคิ ก็ขาดแค่ไม่กี่วันเอง”
    “จะดีหรือคะ” อีกฝ่ายยังคงกังวลไม่หาย อากิระจึงบอกด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ แต่ทำเอาคนฟังเงียบกริบ
    “ไม่เป็นไรครับ แล้วถึงจะเป็นปัญหาจริง ๆ  ใครที่นี่จะกล้าเข้าไปขัดจังหวะทั้งคู่ตอนนี้กันล่ะครับ”
     ชิโนะหน้าแดงนิด ๆ เมื่อได้ฟัง ก่อนจะหันไปมองทาคุอย่างขอร้อง ซึ่งอีกฝ่ายก็สั่นศีรษะปฏิเสธ เป็นเชิงว่าตัวเองก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้เช่นกัน
    “โธ่เอ๋ย คุณยูคิ เพิ่งจะได้ไปเรียนแท้ ๆ ”  แม่บ้านแห่งตระกูลมุราคามิบ่นอย่างกลัดกลุ้ม ซึ่งอากิระก็ปลอบให้อีกฝ่ายหายกังวล
    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  คุณริวยะไม่ปล่อยให้คุณยูคิต้องซ้ำชั้นอยู่แล้ว”
    “ข้อนั้นดิฉันเข้าใจค่ะ เพียงแต่...”  หญิงวัยกลางคนกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ปนเขินอาย
    “ดิฉันห่วงสุขภาพของคุณยูคิน่ะค่ะ ดูเธอยิ่งไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่ แล้วท่านริวยะเองก็ไม่ค่อย...เอ่อ...ถนอมสุขภาพเธอเท่าไหร่ด้วยน่ะค่ะ”
    พอได้ฟัง อากิระก็รีบหันไปกลั้นหัวเราะทางอื่น เพราะกลัวเสียมารยาท ในขณะที่ทาคุได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เห็นอย่างนั้นคุณริวยะก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงนะครับ ผมว่าไม่เกินวันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องออกมาจากห้อง เพราะงานที่บริษัทหลายอย่างก็เร่งด่วน และรอคำสั่งของคุณริวยะอนุมัติอยู่ด้วย”
    อากิระอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง หลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ซึ่งคำพูดในครั้งนี้ของชายหนุ่ม ก็ได้รับการยืนยันจากทาคุด้วยเช่นกัน
    “อย่างที่อากิระบอกนั่นล่ะครับ คุณชิโนะ”  ชายหนุ่มเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเก้อเขินเล็กน้อย
    “ส่วนเรื่องสุขภาพของคุณยูคิ ผมจะคอยเตือนคุณริวยะให้เอง”
    อากิระอมยิ้มให้คำพูดของเพื่อนสนิท  ก่อนจะขอตัวไปจัดการธุระที่บริษัทต่อ หลังจากแวบกลับเข้ามาดูว่า ผู้เป็นนายยอมออกจากห้องแล้วหรือยัง

    เช้าของวันที่ 3 ซึ่งทั้งคู่เข้าไปอยู่ในห้องด้วยกัน  ริวยะออกมาจากห้องเพียงลำพัง เขาอยู่ในชุดสูทเรียบร้อย พร้อมเตรียมตัวไปทำงาน
    “ท่านริวยะ แล้วคุณยูคิล่ะคะ” ชิโนะถามถึงนายน้อยคนใหม่ด้วยความเป็นห่วงซึ่งริวยะก็แย้มยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
    “หลับอยู่น่ะ คงจะเพลีย ชิโนะปล่อยให้นอนไปก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปปลุกเลยนะ”
    ชิโนะพอได้ฟัง ก็รับคำสั่งนั้นแต่โดยดี
    “ค่ะ...งั้นดิฉันไปเตรียมอาหารเช้าให้ตัวท่านก่อนนะคะ”
    “อืม ขอบใจ”
    ริวยะบอก พลางเดินออกไปชมสวนญี่ปุ่นคั่นเวลาในการรออาหารเช้า ซึ่งคนงานก็ล้วนแต่พากันแปลกใจที่เห็นเช่นนั้น  เจ้านายของพวกเขาดูอารมณ์ดีอย่างไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ทว่าทุกคนก็ได้แต่เพียงคิด ไม่มีใครกล้าหลุดปากสนทนา วิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้น...
    “อ้าว! คุณริวยะ ผมคิดว่าเช้านี้จะไม่ได้พบคุณเสียแล้ว เป็นยังไงครับ สบายดีไหม”
    “อากิระ...ถ้อยคำเหน็บแนมของนาย มันทำให้ฉันอารมณ์เสียตอนนี้ไม่ได้หรอก”
    ร่างสูงกล่าวตอบ ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ สบายใจ อย่างที่คนมองเลิกคิดจะแหย่ เปลี่ยนกลับมาสนทนาอย่างจริงจังแทน
    “ไปกันด้วยดีแล้วสินะครับ”
    “อืม...อย่างที่ทาคุเคยบอกไว้ พอพูดเปิดอกไปแล้ว อะไร ๆ มันก็ดีขึ้นกว่าเดิม”
    ริวยะบอก และหันกลับมาซักถามอีกฝ่ายแทน
    “ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
    “ก็มีเอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติ แต่ไม่มีชิ้นไหนสำคัญเร่งด่วน เป็นพิเศษครับ”
    อากิระตอบอย่างเป็นการเป็นงาน ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้
    “ขอบใจที่ช่วยเป็นธุระให้ เดี๋ยววันนี้ฉันจะเข้าบริษัทไปเคลียร์งานให้เสร็จ นายช่วยเตรียมเอกสารให้ฉันด้วยแล้วกัน”
    “ครับ”  อากิระโค้งรับคำสั่ง ก่อนจะปลีกตัวออกไป ทิ้งให้ริวยะยืนชมความงามของธรรมชาติในสวนตามลำพัง  ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนชายหนุ่มไม่เคยให้ความใส่ใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด ทว่า ตั้งแต่ยูคิมาอยู่ด้วย เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย มาถึงวันนี้ ริวยะไม่อยากคิดเลยว่า หากวันใดวันหนึ่งข้างหน้า เขาต้องสูญเสียยูคิไป  เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน....
 

===
TBC
===

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
«ตอบ #165 เมื่อ04-11-2010 16:28:56 »


มาต่อให้แล้วนะคะ 2 บทรวดอย่างที่บอกค่ะ คนปากหนักขี้เก๊กในที่สุดก็ยอมเผยความในใจสักที
แต่เผยอีท่าไหนไม่รู้ หนูยูคิก็ต้องหยุดเรียนต่อไปอีก 3 วันจนได้ - -....

จะทยอยมาอัพให้เรื่อย ๆ นะคะ เพราะช่วงนี้เรื่องหลักที่ค้างไว้ ยังไม่มีกำหนดต่อเลย ถ้าเคลียร์งานนิยายทำมือเสร็จก็คงว่างมาปั่นต่อล่ะค่ะ ติดไว้ก่อนนะคะ สำหรับเรื่องคุณตำรวจยอดรัก ^ ^" ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
หวานเนอะ


ขอบคุณมากครับ

hahn

  • บุคคลทั่วไป
น้ำตาลขึ้น ยูคิจะไหวมั๊ยเนี่ย 

thisispom

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ส่งสัยต้องส่งเอ็ม150 ให้ยูคิสักลังสองลังแล้วละ

ริวยะเล่นกดข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
เราสงสารยูคิอ่ะ

แต่ยูคิคงบอกว่า "ไม่ต้องมาสงสารฉันหรอก ฉันมีความสุขดี!!!"

อ๊ายยยยยยยยยยยยย >////<

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
อยากรู้จังเค้าเข้าไปทำไรกัน ฮิฮิ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
เค้าไปสารภาพเปิดอกกันท่าไหนก็ไม่ทราบเนอะคะ  :-[ :o8: แหะๆ

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
ขำกับทุกเม้นท์ก่อนหน้านี้ 555

ซุปไก่ รังนก โสม ไข่ลวก พร้อมมม

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
ริวยะซามะนี่ สมกับฉายามารการศึกษาจริงอะไรจริงนะเจ้าคะ  :m20:

ปล.อยากรู้เรื่องของอารากิจังกะอาจารย์อ้ะค่ะ งุงิงิงุ
....................

แอบเอาของฝากมาให้คุณปัทม์ค่ะ
เอาเรื่องของเขาไปโพทะนา (โพนทะนา)
อารากิกระซิบดุ ๆ เตือนรอดไรฟัน (ลอดไรฟัน)
ไม่อยากมีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่าม (ยุ่มย่าม)

Pororo

  • บุคคลทั่วไป
อยากเอาสว่านไปเจาะห้องริวยะ คิคิ :z1:

annis204

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อ...ขอโทษนะถ้าจะถามว่า อ.มิซาวะเนี่ยผู้หญิงหรือว่าผู้ชายอ่ะ จะโดนประนามหรือเปล่า
คืออยากรู้จริงๆอ่ะ แหะแหะ ถามแล้วก้อแอบอาย ฟิ้ววววววววววว

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ริวยะซามะนี่ สมกับฉายามารการศึกษาจริงอะไรจริงนะเจ้าคะ  :m20:

ปล.อยากรู้เรื่องของอารากิจังกะอาจารย์อ้ะค่ะ งุงิงิงุ
....................

แอบเอาของฝากมาให้คุณปัทม์ค่ะ
เอาเรื่องของเขาไปโพทะนา (โพนทะนา)
อารากิกระซิบดุ ๆ เตือนรอดไรฟัน (ลอดไรฟัน)
ไม่อยากมีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่าม (ยุ่มย่าม)


ขอบพระคุณค่าที่ช่วยเช็คให้ นำไปแก้ไขแล้วนะคะ ^ ^ เรื่องของอารากิกับอาจารย์มิซาวะ ไม่ได้เขียนถึงในเนื้อเรื่องหลักค่ะ แต่บางทีอาจจะแตกมาเป็นตอนพิเศษก็ได้ ถ้านักอ่านสนใจ เพราะเรื่องนี้กะว่าจะเขียนตอนพิเศษเพิ่มหลังจากว่างแล้วน่ะค่ะ

เอ่อ...ขอโทษนะถ้าจะถามว่า อ.มิซาวะเนี่ยผู้หญิงหรือว่าผู้ชายอ่ะ จะโดนประนามหรือเปล่า
คืออยากรู้จริงๆอ่ะ แหะแหะ ถามแล้วก้อแอบอาย ฟิ้ววววววววววว

อ.มิซาวะ อากิ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของทั้งสองหนุ่มนี่ล่ะค่ะ (เป็นผู้ชายแน่นอนค่ะ)  พอดีออกฉากมานิดเดียว แถมไม่มีบทพูดเลยไม่เด่นเท่าไหร่ค่ะ ^^" อาจจะอ่านผ่านตาไปได้

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ป้าดดดดดดดดด 3 วันกันเลยเหรอ

อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องอะ เค้าเ้ข้าไปทำอะไรกันเหรอ  :z1:


มาต่อเร็ว ๆ นะ รออยู่จ้ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด