กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ  (อ่าน 302989 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


เป็นไงบ้างคะ ยาวเกินไปไหม ^ ^" พอดีเห็นความหวานมันต่อเนื่อง นักอ่านจะได้ไม่เข้าใจริวยะผิด ถึงจะขี้เก๊กและหื่นแต่ก็แอบหวานนะเอ้อ~

ถ้ายาวจนตาลายเกินไปไว้ครั้งหน้าจะโพสทีละตอนแล้วจ้า~

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
ตอบค่ะ ไม่ยาวเกินไป ยาวกำลังดีเลยค่ะ >//////<

แต่ๆๆ เหตุผลของริวยะซังนี่ไม่ไหวจะเคลียร์นะคะ พูดไม่เก่ง อาย เลยจับปล้ำซะเนี่ยนะ
แหม่ๆๆ คิดด๊ายยยยยยยยยยย :m20:

ปล.ทาคุกะอากิระเท่โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ๊า ริวยะเริ่มเปิดใจแล้ว อย่าปล่อยให้ยูคิเข้าใจผิดอีกเลยนะ ที่จริงก็รักเค้านิ่

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ขี้อายและพูดไม่เก่ง ก็เลยบอกด้วยการกระทำ
แต่พี่ท่านเล่นเข้ามาจูบ จูบ จูบ แล้วออกไปอย่างนี้
มันหน้าจะงงกว่าเดิมไหมห๊า ปากหนักจริงพ่อคุณ

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
:-[
รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พระเอกนี่ ปากแข็งจริงๆ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
ตอนนี้ทาคุเอาไปเลย 100คะแนนเต็ม  ริวยะแอบน่ารักน่ะ  ตอนหน้าขอหวานๆน๊า

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 o13
อย่าอีกเค้าเสียใจน้า

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
โพสยาว ๆ แบบนี้ชอบค่า ไม่ลายตาเลยค่า อิอิ

เข้าใจริวยะขึ้นมาบ้างแหละ แต่แสดงออกบ้างอะไรบ้างก็ดีนะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






JipPy

  • บุคคลทั่วไป
ขี้อาย พูดไม่เก่ง  ตลกหล่ะ


ตัวเอกเรานี้ไม่ไหวนะ


แล้วเข้าไปเคลี่ยเนี้ยมันคืออะไร จูบนี้นะะะ   

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ริวยะ ไม่ถนัดในการตอบคำถามแบบบรรยาย
เลยตอบแบบใช้ภาคปฏิบัติแทน หุ หุ หุ
น้องยูคิ คงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ใช่ปะคะ

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
อ่านไปยิ้มไปเลยนะครับ  ทั้งๆที่ก่อนหน้าน้ำตาแทบใหล
แต่ได้ไรเตอร์ยืนยันว่าไม่เศร้า  ก็เลยทำใจได้หนอย
เนื้อเรื่องแต่งให้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น  แต่ตัวลครไม่มากนัก
ก็เลยจำชื่อได้ง่ายหน่อย
บางเรื่องตัวละครเยอะก็เลยจำชื่อตัวละครไม่ได้ ทำให้ยิ่งอ่านยิ่งงง


b27072010

  • บุคคลทั่วไป
ดีนะที่มีมีคนท้วงเตือนแล้วก็รับฟัง

ไม่งั้นแย่กันทั้งนั้น

KM

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ภาษาพูดมันสื่ออกมายาก ริวยะเลยใช้ภาษากายบอกแทนชิมิ
แต่ยูคิก็ยังไม่รู้ต่อไป 55

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ชอบโพสยาว ๆ แบบนี้ชอบมากเลยจ้า :pig4:
อืมนะ ริวยะพ่อคนขี้อาย มาถึงก็จูบเอาๆ อายมากเลยนะนั่น :laugh:

tawan

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนที่เจ็ดแปดอยู่นะ o13
 :call:

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
พูดไม่ค่อยเก่ง ขี้อาย เลยใช้การกระทำบอกความรู้สึกแทนใช่ป่าวริวยะ  :m12:
แต่บางทีต้องกระทำพร้อมคำพูดด้วยนะ จะได้เคลียร์ใสกิ๊ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2010 21:51:38 โดย knightofbabylon »

ออฟไลน์ Red_sister

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
อ้ายยยย ริวยะ คำตอบแบบนี้กำกวมเกินไปน้า 55555
ริวยะสุๆๆๆๆ อ่อนโยนแบบนี้ไปตลอดไปนะ 5555

เป็นริวยะแบบนี้รักตายเลย
ยูคิ อ่า พูดแล้วเขิน ยูคิ มะ เหมือ..เหมือนแมวเลยอ้ะ -///- อะ..อ้ายยย น่ารักมากกมายยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ต๊ายยยยยยยย พระเอกของเราเป็นคนขี้อาย แถมยังพูดไม่เก่งด้วยค่ะคู๊นนน
เชื่อค่ะ เชื่อมากเลยเถอะ

บอกด้วยการกระทำแบบนี้แล้วยูคิจะเข้าใจหรือเปล่้าเนี่ย  :เฮ้อ:


ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
ริวยะ ท่านริวยะ >_<

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
แหมริวยะแสดงออกอย่างเดียวมันไม่พอ


พูดออกมาด้วยดิมันไม่ค่อยเคลียร์อ่ะ



อิอิน่ารักจริงอ่ะขี้อายไม่กล้าพูดจริงอ่ะ

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3


แอร๊ยยยยยยยยยยย ยยยยยย...เขิลจริงอะไรจริง...ริวยะอ่ะ...ทำอะไรก็ไม่รู้...เล่นเอาคนอ่านเขิล

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ยูคิก็ยังมึนและไม่รู้อะไรเหมือนเดิม...5555555555555+


เอาน่าเรื่องแบบนี้บางทีคำพูดมันก็ต้องมาควบคู่กับการกระทำด้วยนะ...บอกยูคิไปตรง ๆ ดีกว่านะริวยะ

แม้ว่าริวยะจะทั้งขี้อาย และพูดไม่ค่อยเก่งก็เถอะ (เหรอ)...นี่เค้าเชื่อแบบหมดใจเลยนะเนี่ย...กร๊ากกกกกกกกกกก กกกกส์ =^= b

งานนี้สงสัยคงต้องขอบคุณทั้งทาคุ และอากิระ สำหรับคำแนะนำดี ๆ...แต่จะดีกว่านี้มาก ถ้าริวยะพูดตรง ๆ อ่ะนะ



ตอนนี้เค้าเตรียมถังรองเลือด และไบรกอนไว้พร้อมต้อนรับความหวานแล้วนะฮะไรท์เตอร์...จัดมาเลยฮะ จัดมาเลย...คริคริ  >//////////<

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
ต้องย้ำว่า พระเอกขี้อาย

จะพยายามเชื่อนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
พระเอกเรากลายเป็นที่น่าหมั่นไส้ซะแล้ว เพราะความ ขี้อาย (ตายล่ะ) ของเจ้าตัว (หุ ๆ)

มาต่อแล้วนะคะ ให้ควบสองตอนตามคำเรียกร้อง~



====
บทที่ี่ 7
====


    ยูคิลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย  แสงแดดบาง ๆ ที่ลอดผ่านเข้ามาทางกระจกหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้เขาต้องเอามือบังแสงไม่ให้แยงตา
    “คุณยูคิคะ เช้าแล้วค่ะ ได้เวลาตื่นแล้ว วันนี้คุณริวยะจะพาคุณไปโรงเรียนนะคะ”
    “หือ? โรงเรียน?”  ยูคิทวนคำงง ๆ ก่อนจะเบิกตาโพลงในเวลาต่อมา
    “โรงเรียนใหม่ยังงั้นหรือครับ!”
    ชิโนะแย้มยิ้มอ่อนโยนให้ และหยิบชุดเครื่องแบบของโรงเรียนที่ยูคิมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของโรงเรียนเอกชนเกรดหรู
    “ง่า...คุณริวยะ จะให้ผมไปเรียนโรงเรียนนี่จริง ๆ หรือครับ”
    ชิโนะเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถามยิ้ม ๆ
    “ทำไมล่ะคะ  โรงเรียนเอกชนยามิคุระ ไม่ถูกใจคุณยูคิตรงไหนหรือคะ ดิฉันว่าที่นั่น การเรียนการสอนก็ดี และเครื่องมืออุปกรณ์ก็ทันสมัย  คนในตระกูลมุราคามิส่วนใหญ่ก็จบจากที่นั่นแทบทุกคนล่ะค่ะ”
    พอได้ยินชื่อโรงเรียน ยูคิก็กลืนน้ำลายลงคอ โรงเรียนเอกชนยามิคุระ  โรงเรียนที่ชาตินี้ แม้แต่ฝันเขาก็ยังไม่อยากจะกล้านึกถึง
    โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อ เรื่องความหรูหรา ไฮโซ ของบรรดานักเรียนในโรงเรียน  ระดับของแต่ละคนก็ขนาด ลูกผู้จัดการ ประธานบริษัท  หรือ นักการเมือง ประมาณนั้น
    ด้วยค่าเทอมที่แพงหูฉี่ ชนิดเงินเดือนทั้งปีของพ่อเขา ก็ส่งเขาเรียนแทบจะไม่ไหว และไม่ต้องสงสัยว่าตลอดการเรียนทั้งเทอม จะมีกิจกรรมให้ต้องควักกระเป๋าใช้จ่ายอีกเท่าไหร่  ซึ่งสรุปแล้ว เป็นโรงเรียนที่อยู่กันคนละโลกกับที่ยูคิเคยอยู่มา
    ...แล้วริวยะ จะส่งเขานี่นะ ให้ไปอยู่ในสังคมแบบนั้น ...
    “ง่า...ผมว่า คงไม่ไหวหรอกมั้งครับ  อย่างผมนี่นะจะให้ไปเรียนในที่แบบนั้น ไม่อยากนึกเลยเชียวล่ะ”
    “แต่คุณริวยะตัดสินใจเรียบร้อยแล้วค่ะ  คุณยูคิคงจะไม่...”
    ชิโนะกล่าวเตือนด้วยความหวังดี ซึ่งยูคิก็พยักหน้ารับอย่างปลง ๆ
    “ครับ ผมทราบ...แค่ไม่กี่วันที่อยู่ที่นี่ ทำให้ผมพอจะเข้าใจนิสัยของคน ๆ นั้นดีพอควรเลยล่ะ”
    เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงประชดนิด ๆ ซึ่งชิโนะก็ยิ้มรับอย่างไม่สู้ดีนัก และจึงขอตัวเลี่ยงไปเตรียมอาหารเช้าต่อไป
    ...คิดยังไงของเขากันแน่นะ จับเราไปอยู่ในโรงเรียนแบบนั้น  เฮ่อ!  แต่ถ้าถามก็คงไม่ได้คำตอบอีกตามเคยนั่นล่ะ...
    ยูคิคิดในใจแล้วก็ต้องหน้าแดงวาบ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นตอนหัวค่ำเมื่อวาน
    ...บ้าชะมัด คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยว่าคิดอะไรอยู่กันแน่! …
    เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ เหลือบไปมองเครื่องแบบบนเตียง ก็ยิ่งกลุ้มหนัก จากนั้นเจ้าตัวก็หายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก และกลับมาหยิบชุดเครื่องแบบไปใส่อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

    ริวยะวางกาแฟลงช้า ๆ โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบอบบางที่ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร
    ...เหมาะจริง ๆ นั่นล่ะ...
    ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในสมองของชายหนุ่ม เครื่องแบบของยามิคุระ เป็นของแบรนด์แนมอยู่แล้ว ไม่ว่าใครใส่ก็หรูหราดูดีขึ้นมาแทบทั้งนั้น  แต่สำหรับยูคิ ต้องบอกว่า เครื่องแบบนักเรียนดังกล่าว เหมาะกับเด็กหนุ่มมากทีเดียว...แต่พอดู ๆ ไปเขาก็ชักเริ่มไม่ค่อยชอบใจนิด ๆ เสียแล้วสิ
    เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูร้อน เครื่องแบบจึงถูกดีไซน์เป็นแขนสั้น เนื้อผ้าก็บาง ๆ พลิ้ว ๆ ชนิดว่าถ้าเปียกน้ำ คงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน ...ริวยะขมวดคิ้วนิด ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งไม่ค่อยจะสบอารมณ์  ดูท่าเขาคงจะต้องไปปรึกษากับ ยามิคุระ อิชิโจ  เจ้าของโรงเรียนยามิคุระ คนปัจจุบัน เสียหน่อยแล้วว่า ควรจะให้ทางโรงเรียนเปลี่ยนดีไซน์เสื้อผ้าฤดูนี้ ให้มันมิดชิด ไม่ล่อแหลมต่อสายตาคนมองจนเกินไปนัก
    ยูคิเข้ามานั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มด้วยท่าทางหวาด ๆ ยิ่งเหลือบมองคนตรงหน้า ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมชายหนุ่มถึงจ้องเขาเขม็ง แถมยังมีสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจแบบนั้น ... บางทีคงจะคิดได้แล้วมั้งว่า คนธรรมดาเดินดินอย่างเขาไม่เหมาะกับเครื่องแบบโรงเรียนชื่อดังแบบนี้ นี่ขนาดเสื้อผ้า ยังถูกจับผิดเสียขนาดนี้แล้ว
    เด็กหนุ่มคิดเอาเองฝ่ายเดียว โดยไม่ได้รู้ถึงต้นสายปลายเหตุอันแท้จริงแม้แต่น้อย และเมื่อชิโนะยกอาหารเข้ามา ริวยะจึงรู้ตัวว่าเขาจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป จนผิดสังเกต
    “ทานข้าวได้แล้ว”
    ริวยะกล่าวสั้น ๆ ห้วน ๆ ซึ่งยูคิก็รีบก้มหน้าก้มตาทานทันที ด้วยความหวั่นเกรง  ขณะทานอาหารเขาเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อวาน ชายหนุ่มดูอ่อนโยน นุ่มนวล ขนาดนั้น แต่ไหงมาวันนี้ ถึงกลับมาบึ้งตึง เย็นชาใส่เขาอีกแล้ว

    “เชิญครับ คุณยูคิ”   ทาคุซึ่งยืนรออยู่ที่รถ เปิดประตูให้ยูคิก้าวขึ้นไปบนรถ ซึ่งเด็กหนุ่มก็มีทีท่าเขิน ๆ เล็กน้อย เพราะไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเขาแบบนี้มาก่อน
    และประตูอีกด้าน อากิระ ก็เปิดให้ริวยะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังเคียงข้างเด็กหนุ่ม ซึ่งมีสีหน้ากระอักกระอ่วน อย่างเห็นได้ชัด จนคนเปิดประตูต้องหันไปลอบยิ้มอีกด้านหนึ่ง
    “ออกรถได้แล้ว”  
    ริวยะสั่ง จากนั้นอากิระซึ่งเป็นคนขับ ก็เคลื่อนรถออกจากบริเวณบ้าน โดยมีทาคุนั่งไปด้วยกันที่เบาะด้านหน้า

    ยูคิเดินตามร่างสูงต้อย ๆ เข้าไปยังห้องผู้บริหาร ซึ่งภายในนั้นมีชายหนุ่มหน้าตาดี วัยพอ ๆ กับริวยะ นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหาร พลางมองมายังพวกเขาทั้งสองด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแปลก ๆ
    “ไงริวยะ มาเลทไปหลายวันเลยนะ ไหนนัดว่าจะฝากเด็กนักเรียนให้ฉันดูแล ตั้งแต่เมื่อ 3 – 4 วันก่อนไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมเพิ่งมาวันนี้ล่ะ”
    น้ำเสียงนั้นถามค่อนข้างจะยั่วเย้า มากกว่าจะต้องการคำตอบ ซึ่งริวยะก็เดินตีสีหน้าเคร่งขรึม มานั่งยังโซฟารับแขกภายในห้อง โดยมียูคิซึ่งเดินหน้าแดงตามมาติด ๆ
    “พอดีฉันมีธุระด่วนนิดหน่อย เลยมาไม่ได้”   เจ้าตัวบอกแค่นั้นพลางเหลือบไปมองร่างบางที่นั่งก้มหน้างุด ๆ ใกล้ ๆ ใบหน้าแดง ๆ เขิน ๆ นั้น ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาแวบหนึ่งอย่างลืมตัว
    “จริงสิธุระด่วน ...มิน่าล่ะ มานาเบะมันก็บอกฉันอยู่เหมือนกัน ว่าช่วงนี้ธุระนายมันเยอะ ต้องรีบกลับบ้านแต่หัวค่ำทุกวัน  เพื่อนฝูงชวนไปดื่มก็ไม่ยอมไป”
    ยามิคุระ อิชิโจ  นอกจากจะเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนยามิคุระ รุ่นที่ 5   เขายังเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นของมานาเบะ และริวยะ อีกด้วย  ดังนั้นเรื่องส่วนตัวของริวยะ ถ้าเขาหรือ มานาเบะรับรู้ คนที่เหลือก็จะพลอยได้รับรู้ไปโดยปริยาย
    “ไอ้หมอบ้านั่น...”  ชายหนุ่มสบถบ่นพึมพำเบา ๆ ในลำคอ ซึ่งอิชิโจเห็นดังนั้นก็แอบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า พลางเดินเข้ามาหายูคิ และลูบผมนุ่ม ๆ นั้นเล่นอย่างเอ็นดู
    “ทานากะ ยูคิ ใช่ไหม”
    ยูคิพยักหน้ารับอย่างเขิน ๆ แต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ ถลึงตามองมายังเพื่อนเก่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว
    อิชิโจหันไปเห็นสีหน้าริวยะ ก็ยิ่งนึกอยากแหย่เข้าไปอีก เขาดึงให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นและเดินโอบไหล่พาไปด้วยกันที่ประตูห้อง โดยที่ยูคิก็ยังคงงง ๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกขณะที่ชายหนุ่มอีกคนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะตามมาด้วยอารมณ์โกรธ อย่างยากจะควบคุม
    “อิชิโจ!”
    ริวยะเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงห้วน ทำเอาคนทั้งคู่หันมามอง โดยที่อิชิโจยังคงมีสีหน้าระรื่นเป็นปกติ หากยูคิกลับหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เพิ่งเคยจะได้เห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก เนื้อตัวมันเลยพาลสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
    “อะไรอีกล่ะ ฉันแค่จะพานักเรียนใหม่ ไปส่งที่ห้องเรียนเอง แค่นี้ก็ทำเป็นหวงไปได้”  อิชิโจบอกยิ้ม ๆ พลางปล่อยมือที่จับบ่าร่างบางออก ไม่ใช่เพราะกลัวริวยะ แต่หากเพราะสงสารคนที่ตัวสั่นอยู่ใกล้ ๆ นี่ต่างหาก
    “นายนี่นะ ริวยะ เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยขี้หึง  โมโหง่ายแบบนี้เสียที ดีนะที่ฉันกับมานาเบะมันพวกมาโซฯ เลยรองรับอารมณ์ของนายได้ ถ้าเป็นคนอื่นน่ะเหรอ เขาเผ่นป่าราบ กันไปนานแล้ว!”
     เจ้าตัวพูดกึ่งจริง กึ่งเล่น ทำเอาคนฟังค่อยคลายอารมณ์หงุดหงิดลงไปได้บ้าง ริวยะสบถกับตัวเองเบา ๆ ตั้งแต่มียูคิมาอยู่ด้วย เขารู้สึกว่าตัวเองจะอ่อนไหวง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะถ้าเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มโดยตรง
    “นายก็เลิกนิสัยแย่ ๆ ชอบแหย่ชาวบ้านได้แล้วเหมือนกันล่ะน่า”
    ริวยะประชดใส่เพื่อนสนิท ซึ่งอิชิโจได้ฟังก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “ฮ่า ๆ มันเป็นสันดานแล้วล่ะ ช่วยไม่ได้นี่ หือ เป็นอะไรไปหรือยูคิคุง”
    เจ้าตัวชะงัก เพราะหันมาเห็นสีหน้า อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของคนข้าง ๆ  
    “คือ...ผม อยากรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ห้องไหนน่ะครับ”
    เด็กหนุ่มตัดสินใจถามออกไป เขาพอจะรู้มาบ้างว่าการจัดการเรียนในสถาบันนี้แตกต่างกันออกไปในแต่ละระดับชั้น โดยตัวแปรของความแตกต่างนั้น มักจะมาจากสติปัญญาของผู้เรียน หรือไม่ก็อำนาจเงินทองของผู้ปกครองเด็ก และเขาจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นถ้าตัวเองได้อยู่ห้องที่มันธรรมดาที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้
    “อ๋อ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย ว่าไงริวยะ จัดให้เด็กนี่อยู่ห้อง Z เลยใช่ไหม”
    “อืม...แล้วเด็กในห้อง...” ริวยะพยักหน้าแต่ยังคงลังเลอยู่บ้างเล็กน้อย
    “ไม่ต้องห่วง  อารากิ ก็อยู่ห้องนั้นด้วย หมอนั่นคนเดียวคุมนักเรียนได้ทั้งชั้นนั่นล่ะ”
    อิชิโจ หมายถึงหลานชายของเขา ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ และเป็นนักเรียนในห้อง Z ที่ยูคิจะไปอยู่ ซึ่งพอได้ฟัง ริวยะก็ค่อนข้างสบายใจขึ้นมาบ้าง
    “อารากิ ...ถ้าเป็นเด็กนั่นก็พอวางใจได้”
    “แต่ไม่รับประกันนะ เพราะอารากิปลื้มนายจะตาย  ยิ่งถ้ารู้ว่ายูคิ เป็นสุดสวาทขาดใจของนาย หมอนั่นอาจจะอิจฉาขึ้นมาก็ได้”
    คำกล่าวทื่อ ๆ ของเจ้าของโรงเรียนยามิคุระ ทำเอาคนฟังทั้งคู่สะดุ้ง โดยเฉพาะ ยูคิ เด็กหนุ่มอยากหาที่ซุกหน้าหลบเสียเหลือเกิน เพราะใบหน้าของเขายามนี้มันคงแดงก่ำไปหมดแล้ว
     “ผะ...ผมว่า ขอผมอยู่ห้องธรรมดาจะดีกว่าครับ ...”
    ....แต่ถ้าเป็นไปได้ขออยู่โรงเรียนธรรมดาจะดีกว่านะ ....
     คำพูดนั้นทำเอาคนฟังทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ซึ่งอิชิโจ ก็ยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู เพราะเข้าใจไปอีกอย่าง
    “เอาน่า ๆ ฉันแค่ล้อเล่น อารากิ หลานฉันไม่ใช่คนชอบระรานใครหรอกน่า และถ้าเธอมีปัญหาอะไร มาปรึกษาฉันได้เสมอ”
    “ไม่ใช่นะครับ!” ยูคิรีบแย้งเพราะเห็นอีกฝ่ายเข้าใจผิด
    “คือ...ที่ว่าขออยู่ห้องธรรมดา เพราะผมไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร จู่ ๆ ให้ไปอยู่ห้องพิเศษแบบนั้น”
   ยูคิบอกออกไปเพราะเข้าใจดีว่า ห้อง Z ของโรงเรียน คือห้องคิงที่รวบรวมเด็กนักเรียนมีความสามารถ ไปจนถึง อำนาจบารมีที่มากกว่านักเรียนทั่วไป
    ทว่าคราวนี้คำพูดของเด็กหนุ่มกลับทำให้ อิชิโจ แย้มยิ้ม ในขณะที่ ริวยะถอนหายใจเบา ๆ
    “ยูคิคุง เธอคิดว่าฉันจะยอมรับเธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนของฉันง่าย ๆ โดยไม่ผ่านการพิจารณาอะไร เพียงเพราะว่าเธอเป็นคนของริวยะเท่านั้นงั้นหรือ?”
    “มะ...หมายความว่ายังไงครับ”  ยูคิถามซื่อ ๆ แต่คำพูดต่อมาของผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่ม ทำให้เขาสะดุ้งโหยง
    “สถาบันการเงิน T.K”
   อิชิโจยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม
    “ไง...จำได้หรือเปล่าล่ะ ว่าผลงานใคร ที่เปิดโปงการทุจริตบริษัทนั้นชนิดดิ้นไม่หลุดน่ะ”
    “คะ...คุณรู้ ...รู้ได้ยังไง ขนาดพ่อผม ยังไม่รู้เลยนะ”
    ยูคิกล่าวเสียงสั่น ชักจะกลัวคนสองคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที  ผลงานที่เขาแอบแฮกเข้าไปในระบบของสถาบันดังกล่าว เพื่อล้วงเอาข้อมูลการทุจริตส่งให้พ่อเขาซึ่งเป็นนักข่าว โดยไม่ได้บอกที่มาที่ไปของแหล่งข่าวนั่น  ทำให้พ่อของเขาได้รับรางวัลสื่อมวลชนยอดเยี่ยมประจำปีนั้นด้วย
    “อย่าดูถูกการตามกลิ่นของ ‘มุราคามิ’ สิยูคิคุง ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าคนพวกนี้อยากรู้ ไม่มีคำว่าไม่มีทางหรอกนะ”  
    อิชิโจกล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เมื่อ ผู้นำตระกูลมุราคามิคนปัจจุบัน ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เมื่อได้ฟังประโยคที่แสนจะทะแม่ง ๆ นั่น
    “...จะเอาไปบอกตำรวจหรือเปล่าครับ”
    ยูคิบอกเสียงอ่อย ๆ เพราะยังไงการกระทำของเขา มันก็ยังคงเข้าข่ายอาชญากรรมอยู่ดี แต่พออิชิโจได้ฟังชายหนุ่มก็เลิกคิ้ว พลางกล่าวกับอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
    “เอาไปบอกให้ฉันโดนหมอนี่ฆ่าทิ้งงั้นรึ!  เรื่องอะไรล่ะ เธอก็ทำถูกต้องแล้วนี่ ถึงวิธีการจะผิดก็เถอะ  อีกอย่างได้บุคลากรที่มีความสามารถระดับนี้มาอยู่ในโรงเรียน ฉันก็ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษอยู่แล้วจริงไหม?”
    ชายหนุ่มกล่าวพลางหันไปยิ้มยั่วริวยะซึ่งกลับไปนั่งที่โซฟาและตีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนลง เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสบายใจของยูคิ  เขาเรียกให้เด็กหนุ่มมานั่งใกล้ ๆ เขาเช่นเดิม ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนลังเลอยู่สักพัก และจึงตัดสินใจเดินไปนั่งข้าง ๆ ร่างสูงอย่างไม่มีทางเลือก
    “เอาเถอะน่า ถ้าเธอมีปัญหาอะไร จริง ๆ ก็บอกอิชิโจได้ เพราะเขามีหน้าที่ดูแลเธอในโรงเรียนนี้แทนฉัน”
    ชายหนุ่มกล่าวปลอบพลางตวัดสายตาคมกริบไปยังคนที่ยืนอยู่ ซึ่งอิชิโจก็ยักไหล่นิด ๆ ให้แทนคำตอบ
    “แต่ถ้าปรับตัวเข้ากับที่นี่ไม่ได้จริง ๆ ...อยากจะย้ายกลับที่เก่าก็ไม่ว่าอะไร”
    ประโยคถัดมา ทำให้ยูคิเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
    “จริงหรือครับ!”
    “อืม”  ริวยะรับคำและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  ซึ่งก็สร้างความตกตะลึงให้คนมองอีกครั้ง แม้กระทั่งอิชิโจเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตา
    ....มานาเบะ  นายน่าจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่จริง ๆ ว่ะ  สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยเชียวนะเพื่อนเอ๋ย...
    และเหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว ชายหนุ่มกระแอมเบา ๆ และวางท่าทีให้กลับเป็นเคร่งขรึมเช่นเคย จนคนที่คบกันมานานต้องแอบหันไปกลั้นหัวเราะทางอื่น ในขณะที่เด็กหนุ่มนั่งเอ๋อ ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
    “เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันพาไปที่ห้องเอง!”
    อิชิโจบอกหลังจากที่หายหัวเราะได้แล้ว ซึ่งยูคิก็หันมาพยักหน้ารับค่อย ๆ ในขณะที่ริวยะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการหนุ่มพาคนของเขาไปแนะนำตัวกับเพื่อนในชั้นต่อไปแทน
 


====
TBC
====
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2010 18:15:34 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
====
บทที่ 8
====


    ยูคิเดินตามอิชิโจ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างทางชายหนุ่มก็ชวนเขาคุย พลางอธิบายเกี่ยวกับห้องต่าง ๆ ที่สำคัญในโรงเรียน และแล้วสักพัก พวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง ม.5 /Z
    เสียงเปิดประตูพร้อมกับการปรากฏกายของท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้นักเรียนทั้งชั้นซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 25 คน ต่างหันมามองแขกผู้มาเยือนด้วยความประหลาดใจ
    “ขออนุญาตนะอาจารย์มิซาวะ  ผมพาเด็กนักเรียนใหม่มาแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักหน่อย”
    อาจารย์มิซาวะ  อากิ อาจารย์ที่ปรึกษาห้อง ม.5 / Z ซึ่งกำลังทำการโฮมรูมนักเรียนอยู่หันมาโค้งให้ผู้อำนวยการ และเลี่ยงไปยืนข้าง ๆ เมื่ออิชิโจ พายูคิ มายืนอยู่กลางหน้าชั้นเรียน
    เด็กหนุ่มกลายเป็นที่จับตามองทันที เพราะไม่เคยมีนักเรียนคนใดที่จะพิเศษจนถึงขั้นท่านผู้อำนวยการพามาแนะนำด้วยตัวเองมาก่อน
    “เด็กคนนี้จะย้ายมาเรียนกับพวกเราตั้งแต่วันนี้  มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย จึงทำให้เขาต้องย้ายเข้ามาโรงเรียนเราตอนกลางเทอม หวังว่าทุกคนคงจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเขานะ”
    “เอ่อ ทานากะ ยูคิ ครับ ยินดีที่รู้จักทุกคน”
    ยูคิแนะนำตัวเองหลังจากที่อิชิโจกล่าวจบ  ก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นอื้ออึงไปทั่วห้อง แต่บางประโยค เด็กหนุ่มก็พอจะจับใจความได้เช่นกัน
     “ทานากะ ...นามสกุลนี้นายเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า”
    “ไม่เคยได้ยินนี่นา  นามสกุลประธานบริษัทที่ไหนล่ะมั้ง”
    “จะว่าเป็นนามสกุลตระกูลเก่า ก็ไม่น่าใช่  นามสกุลฟังดูพื้น ๆ จังเลยแฮะ”

    ยูคิหน้าเข้มขึ้นนิด ๆ ก็รู้อยู่หรอกว่าเขามันคนละชั้นกับคนพวกนี้ แต่พอได้ยินแล้วมันก็ชักจะ เจ็บ ๆ คัน ๆ ในหัวใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เสียนี่
    “ขอโทษนะ นามสกุลฉันมันไม่ใช่ นามสกุลผู้รากมากดีอะไรที่ไหนหรอก พ่อแม่ฉันก็แค่คนธรรมดาทั่วไป เพราะฉะนั้นพวกนายไม่ต้องคิดให้ปวดสมองหรอกว่า มันเป็นนามสกุลของประธานบริษัท หรือเชื้อสายเหล่ากอของตระกูลผู้ดีอะไรที่ไหน!”
    ทุกคนในห้องพากันอึ้ง เงียบกริบ เพราะคนตัวเล็ก บอบบาง หน้าตาหวาน ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเรียบร้อยหัวอ่อนตรงหน้า จู่ ๆ ก็พูดขึ้นห้วน ๆ ชนิดไม่ไว้หน้าใครเลยแม้แต่น้อย
    “ปัง!”  เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นกลบความเงียบในห้อง ร่างสูงของเด็กหนุ่มซึ่งนั่งอยู่หลังชั้นจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน ใบหน้าคมเข้มจ้องมองมายังยูคิเขม็ง ก่อนจะแย้มยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก
    “พูดได้ดี! คุณอา...ไม่ใช่สิ ผู้อำนวยการ ให้เขามานั่งข้าง ๆ ผมก็ได้  โต๊ะมันยังว่างอยู่”
    เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะคนที่กำลังเอ่ยปากชักชวนอยู่ขณะนี้ก็คือ ยามิคุระ อารากิ คนที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนเดียวที่คนทั้งชั้นยอมซูฮกให้อย่างศิโรราบ
    อิชิโจ ซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้าอย่างพึงพอใจ ที่เห็นอารากิ ที่เขาตั้งใจจะฝากฝังให้ดูแลยูคิ สนใจเด็กหนุ่มด้วยตัวเองเช่นนี้…แต่เมื่อคิดถึงสถานภาพของยูคิในสายตาของคนทั้งห้อง เขาก็ตัดสินใจกล่าวอะไรบางสิ่งออกไป
    “ขอบใจอารากิ  ว่าแต่ฉันมีเรื่องหนึ่งจะบอกทุกคนให้รับรู้เอาไว้ก่อน”
    ทุกคนมองไปยังผู้อำนวยการเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งยูคิ
    “ถึงยูคิคุงจะแนะนำตัวเองกับพวกเธอว่าเขาคือ ทานากะ  ยูคิ  แต่อีกไม่กี่วันนี้ เขาจะกลายเป็นมุราคามิ ยูคิ แล้วล่ะนะ”
    “อะไรนะ!” ยูคิตะโกนด้วยความตกใจ จนคนอื่น ๆ ที่เตรียมจะอ้าปากอุทาน ต้องสะดุ้งโหยง
    “คุณพูดอะไรของคุณ เรื่องอะไรผมต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคุณริวยะด้วยล่ะ!”
    คำพูดยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ของตัวเองและตระกูลมุราคามิ คนอื่น ๆ ในห้องมองตากันปริบ ๆ  ทุกคนรู้จัก มุราคามิ ริวยะ ดี .....คน ๆ เดียว ที่พ่อแม่ของพวกเขาแต่ละคน ไม่อยากเสี่ยงมีปัญหาด้วย
    “คนของคุณริวยะ?”  อารากิถามด้วยความสงสัย  ซึ่งยูคิก็หันขวับมาทางอีกฝ่ายก่อนจะตวาดหน้าแดงนิด ๆ ด้วยความลืมตัว
    “ไม่ใช่!  .... อ๊ะ...ขอโทษ”
    บอกไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ว่าคนที่ถามไม่ได้เจตนาถึงความสัมพันธ์อย่างว่า ของเขากับริวยะ  และเมื่อนึกถึงคำพูดของอิชิโจตอนอยู่ในห้องก็ยิ่งลำบากใจมากขึ้นไปอีก
    …“แต่ไม่รับประกันนะ เพราะอารากิปลื้มนายจะตาย  ยิ่งถ้ารู้ว่ายูคิ เป็นสุดสวาทขาดใจของนาย หมอนั่นอาจจะอิจฉาขึ้นมาก็ได้”…
    “คือ...พ่อฉันตาย ที่บ้านเหลือฉันคนเดียว เขาเลยรับฉันมาอุปการะน่ะ”
  ยูคิรีบเปลี่ยนเรื่องคุย แต่พอบอกออกไปก็ก้มหน้าลงนิด ๆ เมื่อหวนคิดถึงบิดาผู้ล่วงลับขึ้นมาอีก ความเศร้าฉายอยู่ในแววตาและสีหน้านั้น จนคนที่มองรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย
    “ไม่เห็นเป็นไรเลย จะทานากะ หรือมุราคามิ มันก็คน ๆ เดียวกันนี่นา”  
    อารากิโพล่งขึ้น ขจัดความเงียบที่เริ่มเข้ามาเกาะกุมภายในชั้นเรียน
    ยูคิเงยหน้ามองคนพูดชัด ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ รู้สึกถูกชะตาอีกฝ่ายอย่างประหลาด
    “ขอบใจ”  
    บรรยากาศในห้องเริ่มกลับมาเป็นปกติ ยูคิเดินผ่านคนอื่น ๆ ไปหลังชั้นเรียน และนั่งอยู่ข้าง ๆ อารากิ ที่แสดงความเป็นมิตรให้เขาอย่างเปิดเผย
    “เอาล่ะ! ทีนี้ก็หมดหน้าที่ฉันแล้ว พวกเธอก็เชิญเรียนต่อกันตามสบาย อ้อ! แล้วเป็นเพื่อนที่ดีของยูคิคุงกันด้วยนะ”
    อิชิโจกล่าวทิ้งท้าย ซึ่งนักเรียนแต่ละคนก็ส่งยิ้มฝืน ๆ ให้  เพราะตอนนี้รู้สถานภาพที่แท้จริงของยูคิดีแล้ว ใครกันจะกล้าเสี่ยงเป็นศัตรูกับตระกูลนี้กันเล่า ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นแค่คนที่ถูกอุปการะก็ตามเถอะ
 
    ยูคิ สนิทสนมกับอารากิ อย่างรวดเร็ว เพราะความที่เป็นคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กันหลายอย่าง พอเวลาพักกลางวันอารากิ จึงชวนยูคิไปทานอาหารกลางวันบนดาดฟ้าของโรงเรียน ที่ประจำของเขากันสองคน
    “นายก็ชอบคอมพิวเตอร์งั้นเหรอ ยูคิ”
    “อืม ชอบแต่ไม่มีปัญญาซื้อเอง ต้องใช้คอมของโรงเรียนตลอด”
    ยูคิตอบซื่อ ๆ ซึ่งคนฟังก็มองอย่างเห็นใจ
     “เอาน่า ตอนนี้มาอยู่กับคุณริวยะแล้ว ก็ให้เขาซื้อให้สิ จะเอาอย่างดีแค่ไหนก็ได้”
    “บ้าเหรอ! เรื่องอะไรฉันต้องให้เขาซื้อให้ด้วยล่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันสักหน่อย อีกอย่างแค่มาขออาศัยด้วย บุญคุณก็ท่วมหัวจนชดใช้ไม่หมดอยู่แล้ว!!”
    ท้ายประโยคน้ำเสียงติดประชดอย่างลืมตัว ทำให้คนฟังเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
    “นายพูดเหมือนกับไม่ค่อยพอใจคุณริวยะอย่างนั้นเลยนะ”
    ยูคิสะดุ้ง ก่อนจะรีบแก้ตัวทันที
    “ปะ...เปล่าสักหน่อย” บอกออกไป ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายมองเขม็งกลับมา
    “ยูคิ...”
    “อะ...อะไร”  เด็กหนุ่มถามอย่างหวาด ๆ ก็สายตาจับผิดของอารากิ มันเหมือนกับจะมองทะลุไปถึงสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาได้ยังไงยังงั้น
    “มีใครเคยบอกนายหรือเปล่า ว่าโกหกได้ห่วยมาก ๆ น่ะ”
    คำพูดตรง ๆ ทำเอาคนฟังแทบสะอึก อ้าปากพะงาบ ๆ สมองก็พยายามหาเรื่องแก้ตัวสุดฤทธิ์
    “เห็นอย่างนี้ฉันเป็นคนเก็บความลับเก่งนะ”
    อารากิบอกยิ้ม ๆ แต่สายตากลับคาดคั้น ทำเอาคนฟังยิ้มแหย ๆ เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองยามนี้ดีว่า กำลังถูกบีบให้เล่าความจริงออกมา
    “คือ...ฉันไม่ค่อยชอบเขา...ตรงที่ชอบบังคับ ใช้กำลัง....เอ่อ ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเย็นชา เอาแต่ใจ แล้วก็ชอบฝืนใจคน...คือ...ก็ไม่ได้ถึงกับเกลียด แต่ว่า...บางทีมันก็เกินไป...”
    เจ้าตัวเกาศีรษะแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ พยายามจะไม่บอกถึงเรื่องความสัมพันธ์ลับ ๆ ของเขากับริวยะ ให้อีกฝ่ายได้ทราบ แต่ยิ่งเลี่ยง ก็ดูเหมือนมันจะวก ๆ กลับมาอย่างน่าปวดหัว
    “อืม....หมายความว่าคุณริวยะ ชอบใช้กำลัง กดขี่ แล้วก็ฝืนใจนายบ่อย ๆ ใช่ไหม”
    อารากิถามอย่างไม่ได้คิดอะไรในใจ แต่คนฟังกลับคิดมากจนหน้าแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว
    “หือ?”  ปฏิกิริยาโต้กลับอย่างน่าประหลาด ทำให้อารากิเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เมื่อมาหวนคิดถึงถ้อยคำที่กล่าวออกไป ประกอบกับท่าทีของคนตรงหน้า ก็ทำให้เขาชักจะเอะใจอะไรบางประการ
    “หรือว่าคุณริวยะ กับนาย...”  อารากิพูดค้างไว้แค่นั้น ก็ยิ่งมั่นใจ เมื่อใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว ยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก จึงทำให้เจ้าตัวต้องถอนหายใจออกมาเบา ๆ
    “เฮ่อ...คุณริวยะนี่นะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
    ยูคิฟังแล้วก็หวนนึกถึงคำพูดของอิชิโจ เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง พลางกล่าวอุบอิบ
    “ขอโทษด้วยนะ”
    “หือ? ขอโทษฉันน่ะเหรอ ทำไมล่ะ”
    อารากิถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นสีหน้าเขิน ๆ ปนลำบากใจของยูคิที่มองมายังเขา ก็ทำให้เด็กหนุ่มพอจะเดาได้ไม่ยาก
    “เฮ่ย! เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่านายคิดว่าฉันจะ...เอ่อ...คิดแบบนั้นกับคุณริวยะ”
    “แล้วไม่ใช่หรือไง”  น้ำเสียงซื่อ ๆ ถามกลับมา คราวนี้กลายเป็นอารากิหน้าแดงแทน แต่เป็นอาการหน้าแดงด้วยความเขิน ปนตกใจ และฉุนเฉียวนิด ๆ
    “ไปเอามาจากไหนกัน ว่าฉันคิดอะไรแบบนั้นกับคุณริวยะน่ะ!!”
    “ก็...ผู้อำนวยการบอก”  
    แค่นั้นเอง เด็กหนุ่มก็สบถเบา ๆ ให้กับอาของเขา ก่อนจะจับบ่ายูคิ ให้หันมาสบตากับตน  และกล่าวเน้น ช้า ๆ ชัด ๆ ทีละประโยค ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
    “ฟังนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณริวยะแบบนั้น ฉันแค่ชอบที่บุคลิกของเขา  คุณริวยะเป็นแบบอย่างลูกผู้ชายที่ฉันอยากเป็นในอนาคตก็แค่นั้นเอง อย่าไปฟังคำพูดงี่เง่าของไอ้อาบ้านั่น!  เข้าใจแล้วใช่ไหม!!”
    ยูคิพยักหน้าหงึก ๆ ทันที เพราะขืนปฏิเสธไป อาจจะถูกคนตรงหน้าโกรธเอาก็เป็นได้
    อารากิถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นอีกฝ่ายเข้าใจ แล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ที่เห็นสีหน้าอึ้ง ๆ ของยูคิ
    “ขอโทษที ฉันมันพวกหน้าโหด ใครเห็นก็กลัว เวลาปกติยังไม่ค่อยมีคนอยากเข้าใกล้เท่าไหร่เลย”
    “ง่า...ก็น่ากลัว แต่ยังน้อยกว่าคุณริวยะ”
    ยูคิบอกไปตามความเป็นจริง ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายขึ้นไปอีก จากที่เคยสนใจตอนนี้อารากิชักจะเริ่มถูกใจเด็กหนุ่มเข้าจริง ๆ เสียแล้ว
    “น่าสนใจจริง ๆ นะนายเนี่ย ถ้าไม่ใช่ของคุณริวยะ คงจะมีคนเข้าหาตรึมแน่”
    “มะ...หมายความว่ายังไง คนเข้าหา”
    ยูคิถามอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
    “อ้าว! โรงเรียนนี้มันโรงเรียนชายล้วน โฮโมก็เยอะ แต่นายไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีใครกล้าเอาคอขึ้นเขียงไปเสี่ยงกับคนของมุราคามิหรอกน่า!”
    ยูคิกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ประโยคหลังมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ประโยคแรกนี่สิ
    “โฮโมเหรอ...”  
     “ใช่! มันเป็นเรื่องธรรมดาของโรงเรียนชายล้วนน่ะ แต่พวกที่นี่ไม่ค่อยเปิดเผยเท่าไหร่หรอก เพราะชื่อเสียงของตระกูลมันค้ำคออยู่ ก็เลยหลบ ๆ ซ่อน ๆ รักกัน  พวกที่ไม่แคร์ชื่อเสียงก็มีบ้าง แต่พวกนั้นมีแบล็คอัพอย่างดีหนุน จะทำอะไรก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย”
    อารากิอธิบายราวกับว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ธรรมดา จนยูคิต้องยิ้มแหย ๆ เมื่อฟังจบ
    “ง่า...มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลนี่นะ ถ้าไม่เดือดร้อนอะไรกับคนอื่น ก็คงไม่มีปัญหาหรอก”
    อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยทันที  
    “ใช่ ๆ นายพูดถูก ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่คนที่ฉันอยากให้คิดแบบนั้นด้วย กลับไม่ยอมคิด เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังทีไร ก็พยายามเลี่ยงฉันทุกที แย่ชะมัด!”
    คำบอกเล่ากึ่งบ่นนั้น ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายเอื๊อก พอจะเดาได้ว่า คน ๆ นั้นที่อารากิพูดถึง คงจะไม่ใช่ผู้หญิงแน่นอน…
    “อะ...ก็เอาใจช่วยนะ” บอกออกไปพลางยิ้มให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบอย่างพอใจ
    “อืม ขอบใจ”  
    ยูคิลอบถอนหายใจเบา ๆ เรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาก็ไม่คิดจะไปยุ่มย่าม  อีกอย่างลำพังตอนนี้ตัวเขา คงไม่มีหน้าไปบอก หรือให้คำแนะนำปัญหาความรัก ของใครต่อใครนักหรอก ก็ในเมื่อเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่า แท้จริงแล้วริวยะคิดยังไงกับเขากันแน่ด้วยซ้ำไป ....






===
TBC
===
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2010 18:19:25 โดย Xenon »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
เอร๊ยยยยยยยยยยยยย
ตอนหน้าจะเปิดตัวคนคนนั้นของอารากิรึเปล่าคะ?

อยากจะทำความรุ้จัก งุงิ >///////<

ริวยะซามะ ชักจะหลุดบ่อยแล้วนะเจ้าคะ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกส์

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
2บท ยาวๆ ลัลล้า อ่านก่อนเดี๋ยวกลับมาเม้น
------------------
นิสัยแบบริวยะนี่แหละ มันช่างน่าแกล้งเป็นยิ่งนัก  :laugh:
ดีจริงๆ ยูคิได้เพื่อนใหม่แล้ว แล้วอารากิ..ดูท่าจะเป็นเพื่อนที่ดีด้วย

แอบอยากรู้อีกนิดว่าอารากิชอบใคร ฮ่าๆๆ


 :กอด1:ให้กำลังใจคุณปัทม์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2010 18:51:51 โดย knightofbabylon »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด