ไล๊เหลี่ยวไล้เหลี่ยววววววววว มาแล้วจ๊า
รักจัง ลอยกระทง
ช้าไปสองวัน แต่ยังไงก็สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ
ตอนพิเศษ ลอยกระทง
“ปุจฉา กูมียีราฟหนึ่งตัวกับตู้เย็นหนึ่งหลัง กูอยากเอายีราฟตัวนี้เข้าไปอยู่ในตู้เย็น ถามว่าต้องทำยังไง” คำถามบั่นทอนปัญญาจากไอ้อ่อนดังขึ้นกลางวงข้าวกลางวัน เหมือนเคย
“อ้าว ยีราฟของมึง ตู้เย็นก็ของมึง แล้วทำไมพวกกูต้องเป็นคนตอบ” ไอ้โยมทะลุกลางป้องพลางจิ้มลูกชิ้นปิ้งจากถุงกลางโต๊ะใส่ปาก
“ใช่ เกิดช่วยตอบไป มึงได้ไอเดียดี นำยีราฟส่งออกนอกกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ปีนึงทำเงินได้หลายร้อยล้าน ปล่อยพวกกูเป็นบัณทิตตกยากส์ ทำงานเงินเดือนเท่าขี้แกล… โอ้ย”
“สาด ไอ้พวกคิดการไกล คิดไม่ออกก็บอกมาเหอะ” ไอ้อ่อนว่าหลังเบิ้ดกระโหลกไอ้โอ้ไปเต็มมือ
“ฆ่าหั่นศพยีราฟก่อนเลย ตัวใหญ่ๆยาวๆอย่างนั้นต้องหั่นสักห้าส่วนครึ่ง เริ่มจากคอตามด้วยขา” ไอ้บีตอบมาหน้าตายก่อนสูดน้ำกระเจี๊ยบให้หยดย้อยประกอบคำตอบ
“โหดไปแหละไอ้บี ยีราฟนะไม่ใช่ไก่ตอน มึงเห็นตามันปิ้งๆยังงั้นมึงชำแหละมันลงหรือไง… นี่เลย เอาตู้เย็นสัปรังเคไปขายแล้วซื้อตู้แช่ขนาดใหญ่พิเศษ บ้านกูมี ตัดสินใจตอนนี้ลดยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์เลยไอ้อ่อน” ไอ้เดย์เริ่มประพฤติตัวเป็นนายหน้า
“เฮ้ย หรือไม่มึงก็ไปขอยืมไฟฉายย่อส่วนจากโดเรม่อนพี่ชายโดเรมี”
แต่ละคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ร่วมสิบชีวิตตะโกนตอบกันไปคนละทางสองทาง ฟังแต่ละคำตอบแล้วไม่น่าเชื่อว่าอีกไม่เกินปี ไอ้พวกนี้จะออกไปใช้ความรู้พัฒนาประเทศ
“โอเคเพื่อน พวกมึงทำให้กูรู้แล้วว่าสอบคราวต่อไปไม่ควรลอกใคร ไหนไอ้กิม อย่ามัวแต่เหม่อคิดถึงแฟน ช่วยตอบคำถามให้กูอย่างชาญฉลาดหน่อยเหอะ”
“ปัญหามึงยากส์โคตร ไม่น่าแปลกใจทำไมไม่มีใครตอบได้” ผมว่าพลางคว้าชามะนาวขึ้นจิบลดอาการฝืดคอ “โง่ๆอย่างกูเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดตู้เย็นแล้วจูงยีราฟเข้าไป”
“ถูก! ถูกต้องนะคร้าบ ค่อยยังชั่วเว้ยเฮ้ย เพื่อนกูยังหาที่สมองปกติได้อยู่” ไอ้อ่อนตบโต๊ะดังป๊าบ แล้วยิงคำถามต่อทันที
“แล้วช้างล่ะ ถ้ากูยังมีช้างอีกตัว อยากเอาช้างเข้าตู้เย็นต้องทำไง?”
“มึงปิดตู้เย็นไปยังล่ะ ถ้ายังไม่ปิดก็จูงช้างเข้าไปซิวะ” ไอ้โยมชักเห็นมัน อยากมีส่วนร่วมขึ้นมาทันควัน
“ผิดล่ะมึง ถ้าเล่นงี้มึงต้องไล่ยีราฟออกมาก่อน ใช่เปล่าไอ้อ่อน” ไอ้จั๋วเริ่มจับจุดได้
“ถูก งั้นเอาไปอีกข้อ” ไอ้อ่อนทำท่าคิดเหมือนจะตั้งโจทย์ฟิสิกส์ “ป่าแห่งหนึ่งมีสิงโตเป็นเจ้าป่าน่าเกรงขาม เจ้าป่าเรียกประชุมสัตว์ทุกตัวในพื้นที่ แต่มันจะมีสัตว์ประเภทหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วม ขอถามว่าสัตว์ที่ว่าคืออะไร”
“กูว่าหมูป่าชัวร์ แม่ง มัวแต่ไล่ขวิดคน” ไอ้โอ้ตอบมาให้ได้นึกภาพตาม
“กูเดาว่าไม่พ้นสิงโตเจ้าป่า มันลืมไง เรียกประชุมแล้วลืมเอง ป๊าด”
“เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งเฉลย ให้เวลากูคิดอีกสองวิ” ไอ้เดย์ถ่วงเวลา “… อะนั่นๆแน่ ช้างใช่เปล่าไอ้อ่อน มึงขังช้างไว้ในตู้เย็นมันเลยไปประชุมไม่ได้”
“เออ เก่งมาก! งั้นเจอคำถามเด็ดกู มึงยืนอยู่ริมแม่น้ำที่มีไอ้เข้ไอ้โขลงคลุมพื้นที่ตลอดสาย มึงจะข้ามฟากไปอีกฝั่ง ต้องทำไง บอกก่อนนะเว้ย งานนี้ไม่มีสะพานไม่มีเรือ ไม่มีชุบชีวิต ความสามารถล้วนๆ”
“ไม่ต้องรอให้ถึงมือไอ้กิม งานนี้กูตอบให้เอง มึงก็เตะขาเหยียบปากไอ้เข้ ใช้วิชาตัวเบาลอยละล่องท่องไปให้ถึงอีกฝั่ง จริงเปล่าวะ” ประโยคสุดท้ายไอ้จั๋วหันมาทางผมแทนที่จะเป็นไอ้อ่อน ดูจากสีหน้าแล้วเพื่อนยังเคืองคำแนะนำในเวลาคับขันของไอ้กิมอยู่ไม่น้อย
“ห่านจั๋ว ตอนนั้นกูตกใจคิดอะไรไม่ออก เห็นหน้าซีดเป็นตูดไก่ของมึงกูก็อยากช่วย” ผมเบ้ปาก “แล้วแค่จะข้ามคลองทำไมต้องใช้กำลังภายใน มึงก็ว่ายน้ำข้ามเอาซิวะ ไอ้เข้ไอ้โขลงมันไปประชุมป่าอยู่นู่น”
“ป๊าด กูว่าแล้วมันต้องมาไม้นี้” ไอ้โอ้ตบเข่าฉาด หน้าตาขัดใจที่โดนตอบตัดหน้า
“เฮ้ย!? วันนี้พวกมึงไปแอบโด๊ปอมิโนเป็บไทด์ที่ไหนมา ทำไมฉลาดกันได้โล่ห์” ไอ้อ่อนมีสีหน้ามึนงง ถึงขั้นคีบผิดคีบถูกจากลูกชิ้นหมูในชามตัวข้ามไปเจอลูกชิ้นกุ้งในชามไอ้บี
“แล้วนี่ไอ้มิคไปไหนใครช่วยบอก ปล่อยสาวมานั่งแอบมองกูอยู่ได้ ไอ้กิม?” ไอ้โยมเหล่ข้ามโต๊ะมาทางผมที่นั่งหัวโด่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อ้าวเฮ้ย เงียบอย่างนี้ ทะเลาะกันอีกแล้วดิ” ไอ้โยมตั้งข้อสันนิษฐาน “อะไรของพวกมึงวะ ยังไม่ทันได้แจกของชำร่วยก็มีปากมีเสียงกันซะแล้ว งานนี้มึงงี่เง่าอะไรอีก”
ผมคว้าชามะนาวขึ้นดูด ขบฟันบี้เม็ดมะนาวที่สูดติดมากับหลอดให้เละคาปาก แล้วยื่นมือไปตบกระโหลกคนถามดังป๊าบก่อนคว้าหัวไอ้โยมข้ามโต๊ะมาล็อคเข้ารักแร้แบบไม่ให้มันตั้งตัว ไอ้โยมที่ต้องทะลึ่งขึ้นยืนพยายามหาทางหนีโดยการทำตัวพลิ้วไปซ่อนหลังไอ้จั๋ว แต่โดนไอ้อ่อนสะกัดดางรุ่งดึงศูนย์หน้าฉีกไปอีกทาง
“โอ้ยย! ไอ้มิคช่วยกูด้วย” ไอ้โยมยังมีการหลอกล่อ ตะโกนชื่อบุคคลที่สามขึ้นหลอกจนผมชะงัก เปิดจังหวะให้คนใต้รักแร้ดึงหัวหลุดไปยืนหัวเราะหน้าดำหน้าแดงก่อนหันไปเล่นงานไอ้อ่อนคู่กรณีใหม่
ผมทิ้งก้นนั่งแบบหมดอารมณ์จะสานต่อแล้วคว้าชามะนาวที่เหลือแต่น้ำแข็งขึ้นสูดเต็มโฮก ก่อนเหลือบไปเห็นอะไรวิ้งๆแว็บๆเคลื่อนที่ตรงมา ไม่ต้องหันคอมองให้เต็มตาก็รู้ บุคคลที่สามของไอ้โยมนั่นเอง
บุคคลที่สามเดินหล่อเข้ามาถึงโต๊ะแล้วพยักหน้าตอบรับคำทักทายจากเพื่อนฝูงด้วยหน้านิ่งสนิท ก่อนทิ้งมือหนักๆลงบนไหล่ผมที่คว้าข้าวเหนียวหน้ากุ้งไอ้เดย์มากินกลบเกลื่อนอารมณ์ ผมเคี้ยวข้าวเหนียวในปากแบบแทบจะไล่บี้ทีละเม็ด ยืดเวลาไม่เงยหน้ามองเจ้าของมือหรือแม้แต่จะเปิดปากทักทาย คนข้างหลังผมที่แม้ว่าจะยังวางมืออยู่บนไหล่ แต่ไอ้มิคก็แค่ยืนเฉย ไม่มีการก้มมาเอ่ยทักแบบสนิทชิดเชื้อเหมือนที่ทำอยู่ทุกคราว
อาการเงียบและท่าทางที่ผิดแผกระหว่างผมกับอีกคนเหมือนจะทำให้เพื่อนร่วมวงที่กำลังเฮฮากับปัญหาเชาว์ไอ้อ่อนหยุดชะงัก ไอ้โอ้ไอ้โยมที่กำลังจะเอ่ยแซวตามนิสัยถึงกับหุบปากฮุบลมแล้วมองกันไปมา ไอ้เดย์ที่นั่งอยู่ชิดติดผมถึงกับเขยิบก้นเบียดไอ้จั๋วแทบตกเก้าอี้ ขยับที่เปิดทางให้ไอ้มิคได้ทิ้งก้นมาข้างไอ้กิม
ไอ้มิคที่ก้าวข้ามเก้าอี้ลงนั่งชักมือตัวเองกลับไปไว้กับเนื้อกับตัวแล้วล้วงมือถือขึ้นกดรับโดยไม่ได้เหลือบแลมาทางผมที่นั่งอยู่ชิดติดกันแม้แต่น้อย เสียงทุ้มๆกรอกซาวว์แทร็กตอบรับคู่สนทนาไม่กี่ประโยคด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนกดวางสาย ไอ้มิคหยุดนิ่งไปหนึ่งจังหวะหายใจก่อนหันมาทางผม หน้าหล่อเหลาคุ้นตาเปิดยิ้มบาง แต่กลับเป็นยิ้มที่ทำให้ช้อนในมือผมชะงัก ทำให้อะไรบางอย่างในใจมันวูบโหวง ยิ้มที่ไม่ต้องพยายามมองก็รู้ว่าฝืนใจ
“เย็นนี้คงไปรับช้าหน่อย” คนที่ยังมียิ้มจางติดริมฝีปากบอก ก่อนหันไปทางไอ้โอ้ไอ้อ่อนที่เริ่มเปิดวงตั้งคำถามกันอีกรอบ
“ยุ่งเหรอวะ” ผมถามและได้คำตอบเป็นการพยักหน้า ไอ้มิคตอบรับโดยไม่ได้หันมาก่อนล้วงมือถือขึ้นกดรับอีกครั้ง วันนี้ของทุกปีไอ้มิคจะถูกตามตัวกลับบ้านไปทำหน้าที่กิตติมศักดิ์ต่างๆนาๆในฐานะลูกชายคุณหญิงแม่ ไปออกงานการกุศลนู้นนี้ กว่าจะโผล่หน้ามาร่วมวงเหล้าฉลองวันลอยกระทงกับเพื่อนกับฝูงได้ก็ล่วงเลยวันใหม่ไปแล้วประจำ
“... คืนนี้กูไปกับพวกไอ้อ่อน นัดกันไว้แล้วที่หอกู มึงไม่ต้องมารับหรอก” ผมบอกเมื่ออีกฝ่ายกดวางสาย “คนเยอะ รถติด ขับวนไปวนมา เสียเวลามึงเปล่าๆ อยู่ลอยกระทงกับที่บ้านไปเหอะ”
“....................”
“ทางนี้ยังไงก็ลอยกระทงหมู่อยู่แล้ว เดี๋ยวกูอธิฐานเผื่อ... ไว้พรุ่งนี้เจอกันคาบเช้าเลยแล้วกัน” ผมว่าไปอย่างนั้น ยิ้มอย่างเคย ตบไหล่อีกฝ่ายแล้วลุกออกจากโต๊ะมาโดยไม่รอฟังคำตอบ ที่จริงถึงผมไม่รีบลุกรีบเดินออกมาอย่างนี้ผลก็คงไม่ต่างกัน เพราะไอ้มิคก็คงไม่มีคำตอบ คงนิ่งเฉย เหมือนกับที่อีกฝ่ายไม่ได้ก้าวตามผมมาเหมือนทุกที
เรื่องระหว่างผมกับไอ้มิคมันกลายมาเป็นแบบนี้ตอนไหน ระหว่างทางที่ก่อร่างสร้างสัมพันธ์ เปลี่ยนความสนิทจากคำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนเป็นความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างคนสองคน ผมว่าทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรเพี้ยน แล้วเมื่อไหร่กันที่รอยยิ้มของไอ้มิคไปไม่ถึงตา เมื่อไหร่กันที่ใจผมมันวูบโหวงเวลาเห็นอีกฝ่าย รอยยิ้มคุ้นตาแต่ไม่คุ้นใจ ความหวิวโหวงที่เข้ามาแทนที่ความยินดี
จะว่าไปจุดเริ่มคงเป็นเพราะอาการหยุดชะงัก หยุดชะงัก ตาสว่าง และคิดได้ของคนที่เคยบอกกับผมว่าความรักนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน ใจไอ้กิมที่ได้ไปจะไม่โดนเปลี่ยนไม่โดนคืน มาวันนี้เจ้าของคำสัญญากลับตาสว่างว่าสิ่งที่ได้ไปก็แค่ความรู้สึกของคนๆหนึ่ง ไม่ได้มีค่ามากมายเหมือนที่คิด เหมือนที่เคยอยากได้
สิ่งที่ทำให้ไอ้มิคตาสว่างคงเป็นเพราะคำปฏิเสธการโอนสัมโนครัวเข้าไปอยู่ร่วมคอนโดไฮโซครั้งแล้วครั้งเล่าของผม ในครั้งแรกๆของการบอกปัดคำชวน ไอ้มิคยังคนตื้อ ตื้อยกเรื่องเดิมมาเป็นประเด็นทุกครั้งหลังอาหาร แต่หลังจากผมปฏิเสธอย่างจริงจังในครั้งสุดท้าย บอกไปว่าหากยังยกเรื่องเดิมเรื่องเดียวเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง ไอ้กิมจะโกรธจริงไม่โกรธเล่น จะยึดกุญแจดอกเดียวดอกเดี่ยวของหอคืน โทษฐานทำตัวพูดไม่รู้เรื่อง หลังจากโดนไม้นี้ไอ้มิคก็เงียบไป ไม่มีการยกเรื่องแพ็คเสื้อผ้าลงกล่องลงลังย้ายที่อยู่กันอีก ไอ้มิคเงียบแล้วใช้การปล่อยรังศีออกมากดดันกันแทน ผมที่เจออีกฝ่ายเล่นไม้นี้เลยงัดไม้นิ่มไม้นวมเข้าสู้ เอาอกเอาใจ ง้อไว้ก่อนทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกว่างอนหรือไม่พอใจอะไรอย่างโจ่งแจ้ง
ที่จริงแล้วไอ้มิคไม่ได้แสดงอาการปั้นปึ้งบึ้งตึงกับเรื่องนี้เรื่องนั้นหรือเรื่องไหนแม้แต่น้อย ไอ้มิคยังคงทำตัวเหมือนเคย เทคแคร์ดูแลไอ้กิมไม่ขาดตกบกพร่อง มีเพียงบางครั้ง บางครั้งที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ว่าผมเห็น บางครั้งที่ดวงตาสีอ่อนจ้องมาด้วยแววที่เปลี่ยนไป บางครั้งที่รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลามันฝืดเฝื่อน บางครั้งที่กลายเป็นบ่อยครั้ง บ่อยครั้งที่ทับทมพอกพูนจนผมเองต้องเป็นฝ่ายเสหน้าหลบสายตา
สำหรับผม สิ่งที่เห็นอยู่เต็มสองตาตีความได้ไม่ยาก ไอ้มิคที่ไม่เคยเอ่ยปากขออะไรกับใคร เพราะผู้คนรอบข้างพร้อมจะนำเสนอ จะเอาใจ ไอ้มิคที่ไม่เคยได้รับคำปฏิเสธ สิ่งที่ผมแสดงออก คำปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าของผมคงทำให้อีกฝ่ายเซ็ง เซ็งจนหยุดชะงัก หยุดคิด สุดท้ายก็ได้สติ ว่าทำไมเล่า ทำไมคนอย่างไอ้มิคถึงต้องมาคอยรับคำปฏิเสธของไอ้กิม ทำไมคนที่เป็นที่ต้องการของใครต่อใครอีกเป็นร้อยเป็นพันต้องมารู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการสำหรับคนอย่างผม
__________________________________