เด็กหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงแสงแดดที่กระทบใบหน้าขาว คิ้วเรียวขมวดพลางขยับหนีความร้อนนั้นก่อนจะค่อยๆลืมตา ภาพเลือนลางของผ้าม่านผืนใหญ่ที่ไล่จากหน้าต่างลงมาถึงพื้นห้อง นั้นทำให้เขาต้องพึมพำออกมาเบาๆ
" อือ..หลับไปได้ไงวะ..เนี่ย " ร่างบางค่อยๆยันตัวเองลุกจากพื้นพรมที่นอน แล้วหันหน้ามาทางโซฟา แต่เมื่อเห็นว่าใครกำลังนั่งอยู่บนนั้น ความง่วงงุนก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ชายหนุ่มร่างสูง อดีตพี่เขย..และคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักแต่เพียงลับๆ กำลังนั่งมองเขาอยู่...นานเท่าไรแล้วไม่รู้..
"พี่..มาอยู่นี่ได้ไงน่ะ? " จุนเจือขยับห่างจากบริเวณที่นอนอยู่โดยอัตโนมัติ .. นี่มันอะไรกัน..
"ถามอะไรแปลกๆ บ้านพี่ พี่ก็กลับบ้านซิ่ครับ" ทินกฤตยิ้มพลางยื่นมือออกไปหาเด็กหนุ่ม
"หนีไปไหนเล่า มานั่งนี่มา"
หากแต่เด็กหนุ่มที่กำลังตกใจและสับสนดูจะขยับออกห่างไปอีกนิด แต่ก็ยังปากดี.. ดูเหมือนกับว่าจะใช้ท่าทางแบบนี้เข้าข่มทินกฤตไม่ต่างจากตอนที่ยังไม่ญาติดีกันเลย
" มะ..ไม่ใช่ซักหน่อย นี่บ้านผมต่างหาก พี่เจนให้กุญแจมา บอกว่าให้ดูแลบ้านให้ด้วย .. พี่มาอยู่ได้ยังไง? "
"เจน? ให้กุญแจ?" ทินกฤตเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
"แต่พี่ก็ยังอยู่ที่นี่..อย่างน้อยก็ช่วงนี้ พ่อกับแม่ขอเรานั่นล่ะเป็นคนอนุญาตให้พี่ยังอยู่ที่นี่ได้ ระหว่างที่รอให้พี่ไป "ง้อ" เจนกลับมา" ทินกฤตว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
"มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน...." ท้ายเสียงนั้นสั่นเล็กๆเมื่อนึกถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ของหญิงสาวที่คงจะเป็น “คนๆเดียว” ที่กล้าทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี
"ตะ..แต่พี่เจนให้บ้านผมแล้ว นี่บ้านของผมนะ! "ท่าทางอารมณ์ดีของทินกฤตทำให้จุนเจือฉุนเล็กๆ ร่างเพรียวลุกขึ้นจากพื้นที่นอน พลางส่งเสียงดังเพื่อย้ำความเป็นเจ้าของในประโยคหลัง
มือแกร่งฉวยมือเรียวของคนที่กำลังใช้เสียงดังกับเขาเอาไว้ทันที
"ถ้าอย่างนั้นให้พี่อยู่ที่นี่กับเจือจะได้ไหมล่ะครับ"" ฮะ?...............อะไรนะ? " คำถามของคนอายุมากกว่าทำให้เจ้าของบ้านต้องถามย้ำ มืออุ่นที่จับมือของเขาไว้..สัมผัสที่ห่างหายไปนานราวกับว่าจะไม่ได้จับมือนี้อีกแล้ว
"ก็ที่นี่เป็นบ้านของเจือไม่ใช่เหรอ พี่มันก็แค่....." ดวงตาคมมองไปรอบๆ
"คนที่อาศัยอยู่เท่านั้นล่ะมั้ง ตอนนี้...อีกซักพัก คงมีเหตุผลที่หนักแน่นกว่านี้สมจริงสมจังกว่านี้ที่จะอ้างแล้วย้ายออกไป" น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นนั้นแผ่วเบา แม้จะยังไม่เข้าใจความคิดของเจนสุดาว่าทำไมถึงส่งต่อกุญแจบ้านให้กับน้องชาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะตั้งข้อสงสัยมากไปกว่านั้น บางทีเจนสุดาอาจจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยก็ได้
ท่าทางกับน้ำเสียงของทินกฤตนั้นทำให้เด็กอย่างจุนเจือใจอ่อน เขาถอนหายใจก่อนจะบีบมือของอีกฝ่าย
" ถ้าพี่ยังหาที่อยู่ไม่ได้..ผมให้พี่ยืมบ้านก่อนก็ได้ " มือเรียวบีบมืออีกฝ่ายแรงขึ้นอีกนิด ใบหน้าสวยก้มลงเล็กน้อย
" พอดีผมเพิ่งไปส่ง...พี่เจนที่สนามบิน..มา "
"อืม...เจนเขาคุยกับพี่แล้วล่ะ" ทินกฤตรับคำ ดวงตาคมสบตาของเด็กหนุ่ม อย่างน้อยก็พยายามที่จะสบตาใบหน้าสวยที่ก้มลงมา
" ....................... "
" พี่เทียน... "ริมฝีปากบางเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆโดยที่ไม่ยอมเงยหน้าสบตาเลยแม้แต่น้อย
"อะไรเหรอ?..."
"
พี่เจน..เค้าไปแล้วจริงๆ..ผม.. "จู่ๆ ความรู้สึกที่เรียกได้ว่า ถูกทิ้ง นั้นก็เกาะกินขึ้นมาในใจของคนอ่อนไหวอย่างเด็กหนุ่มคนนี้ พี่สาวที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด จากเขาไป และคงจะไม่กลับมาหากันง่ายๆ..เท่ากับว่าต่อไปเขาก็ต้องอยู่เพียงคงเดียวไม่ใช่หรือ
ทินกฤตผ่อนลมหายใจยาว มือแกร่งดึงมือของอีกฝ่ายอีกครั้งให้ขยับเข้ามาหาตัวเอง
"
เข้มแข็งนะเจือ...พี่อยากให้คนดีของพี่เข้มแข็งนะครับ" มืออีกข้างค่อยโอบเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ ส่งความอบอุ่นผ่านไปให้อีกฝ่าย
ความอบอุ่นจากร่างที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเสพติด จุนเจือกอดตอบอีกฝ่ายแทบจะทันที ใบหน้าสวยซบกับไหล่กว้าง
" ผม..อยากอยู่กับพี่..แต่มันจะเป็นไปได้ไหม? ""
ถ้าเจืออนุญาตให้พี่อยู่กับเจือ เราคงพอจะทำให้มันเป็นไปได้ก็ได้..." ทินกฤตเอ่ย มือแกร่งยกขึ้นไล้เส้นผมสีน้ำตาลแดงที่ยังอุ่นมือด้วยสัมผัสของแสงแดดที่ยังคงหลงเหลืออยู่
" ..............
อือ.. "เสียงรับคำในคอเบาๆ พลางกระชับอ้อมแขน ปลายจมูกโด่งสูดกลิ่นน้ำหอมผสานกลิ่นกายของทินกฤต เขาห่างจากอีกฝ่ายไปนานเหลือเกิน
.. คิดถึงเหลือเกิน..
.....เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่สินะ..
...อย่างน้อยก็ขอแค่ช่วงนี้..."ขอแค่มีเจืออยู่กับพี่.. เลือกพี่ เชื่อใจพี่ พีก็มีกำลังที่จะพยายามที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ต่อไป..." มือแกร่งกระชับอ้อมแขนเข้า กอดรัดร่างบางที่แสนคิดถึงเข้าหาตัว
"พี่รักเจือนะครับ" เสียงทุ้มกระซิบลอดริมฝีปากได้รูปของชายสูงวัยกว่า เขาไม่เคยคิดจะพูดกับใครแบบนี้ แต่ตั้งแต่คิดมั่นแน่วแน่แล้ว เขากลับพูดคำๆนี้ออกมาได้ตลอดเวลา ...ตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าอักฝ่าย เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
คำรักที่อีกฝ่ายพูดกับเขานั้นทำให้หัวใจพองโตได้อย่างประหลาด จุนเจือเงยหน้ามองอีกฝ่าย สบดวงตาคู่คมนั้น เขาเห็นความมั่นคงในแววตาของชายหนุ่ม
.. เขาควรจะไว้วางใจให้อีกฝ่ายจัดการทุกสิ่งอย่าง จากนี้ไป ไม่ว่ามันจะลำบากเพียงใด แค่มีคำนี้..เขาก็ไม่ควรจะหวาดกลัวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว...
" ผมก็รักพี่ " ริมฝีปากบางเอ่ยคำรัก ก่อนจะยิ้มให้คนที่เขารักเหลือเกินคนนี้
++++++++++++++
การตัดสินใจของจุนเจือ ทำให้เขาต้อง
"โกหก" คนที่บ้านอีกครั้ง เด็กหนุ่มเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับเรียนหนังสือในเทอมสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาไปเก็บไว้ที่คอนโดกลางเมืองของตน ด้วยเหตุผลเดิมว่ามันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่าและง่ายต่อการทำโปรเจคจบร่วมกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอย่างพวกบาส ซึ่งในบางครั้งก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ในใจรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะเลือกความสุขของตนเองแล้ว เด็กหนุ่มถึงได้ยอมทำเช่นนั้น
จุนเจือย้ายมาอยู่เรือนหอของพี่สาวอย่างลับๆ การเดินทางไปไหนต่อไหน อาศัยรถไฟฟ้า เขาไม่เคยไปไหนมาไหนกับทินกฤตเลย ราวกับว่าหลังจากที่ชายหนุ่มหย่ากับพี่สาวแล้ว พวกเขาเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันเลยเท่านั้น ... ความลับนี้ มีเพียงแค่แม่บ้านคนเก่าแก่ของโครงการบ้านจัดสรร และยาม ที่ไว้ใจได้เท่านั้น นั่นเป็นเพราะทินกฤตยัดเงินใส่มือให้ทั้งสองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยามขอโครงการที่ทินกฤตเป็นคนกำชับไว้ว่าจะต้องให้เป็นคนเดียวกันนี้มาเฝ้ายามในช่วงที่จุนเจือจะเข้าจะออกจากหมู่บ้าน
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครอื่นมาเห็นว่าจุนเจือมาที่นี่นอกจากยามคนนี้เท่านั้น
++++++++++++++
เสียงทินกฤตเดินวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอินอยู่นาน ได้ยินเสียงเปิดลิ้นชัก เปิดตู้อยู่หลายรอบ จนจุนเจืออดสนใจไม่ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร
"พี่ทำอะไรน่ะ เจือเห็นเดินวนมาหลายรอบแล้ว" จุนเจือที่เดินขึ้นมาหยิบของที่ห้องของทำงานเก่าของเจนสุดาซึ่งตอนนี้เขายึดครองเอามาเป็นที่สำหรับทำงานของตัวเอง เดินเข้ามาถามคนรักที่เห็นเดินวนซ้ายวนขวาอยู่ในห้องนอน
"อ๋อ...หาเนคไทน่ะ...หายไปไหนไม่รู้ว่าจะเอามาใส่กับสูทตัวเนี้ยะ" ทินกฤตว่าชี้ไปที่สูทสีดำสนิทตัดเย็บอย่างดีดูเรียบหรูที่วางอยู่บนเตียง
" ลองดูอันนี้สิ " เด็กหนุ่มเปิดลิ้นชักตู้เสื้อผ้าฝั่งของตนเอง ก่อนจะหยิบเนคไทที่ทำจากผ้าเนื้อดี มีลูกเล่นตรงที่เนื้อผ้าให้กับชายหนุ่ม
" เจือว่ามันเข้ากันดีนะ " เขายิ้มให้กับคนรัก แล้วยื่นให้
" ว่าแต่ .. วันนี้พี่จะไปงานนั้นน่ะเหรอ? " เด็กหนุ่มถาม ลองถ้าทินกฤตต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนี้คงเป็นงานใหญ่แน่ๆ
"อืม จะไปงานการกุศลอะไรของคุณแม่เขาน่ะ...ได้ยินว่าบ้านเราก็จะไปด้วยนี่ แม่เราบอกยัง?"
" อื้ม แม่บอกให้เจือขึ้นเวทีไปเล่นเปียโนด้วย แต่เจือไม่เอาด้วยหรอก " เด็กหนุ่มทำหน้าหน่ายๆ แล้วเดินไปนั่งบนเตียง พลางบ่น
" แต่ก็ต้องไปอยู่ดี...แย่แล้ววว " ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อนึกอะไรออก
" พี่เทียน~ .. เจือต้องกลับคอนโด แม่จะให้คนเอาชุดมาส่งให้เย็นนี้แล้ว .. ลืมสนิทเลย "
"อ้าว?...."ทินกฤตเองก็เลิกคิ้วสูงเช่นเดียวกัน
"ทำยังไงล่ะ ...ให้พี่ไปส่งไหม จะเข้าไปทันไหมนะ" ทินกฤตว่าพลางขมวดคิ้ว
" โอ๊ย ไม่ได้หรอกฮะ..ต้องไปรอเอาชุด ดีไม่ดี แม่จะเอามาให้เองด้วยซ้ำ .. คืนนี้อาจจะไม่ได้กลับบ้านนะ "คนอายุน้อยกว่าช้อนตามองคนรักปริบๆ แม้แรกๆจะต้องระวังตัวบ้าง แต่หลังจากใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นเดือนๆ เด็กหนุ่มก็เริ่มชินกับการโกหกของตัวเองเสียแล้ว ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าทินกฤตเองก็กำลังอยู่ในช่วงที่พยายามทำให้ใครก็ตามที่อาจจะสงสัยว่าเขารีบหย่ากับเจนสุดาเพราะมี”ผู้หญิงใหม่”หรือเปล่า ด้วยการ “กลับมารอเมียที่บ้าน” แบบนี้ทุกวัน โดยที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายไม่ได้เอะใจอะไรเลย และนั่นทำให้พวกเขาทั้งสองคนอยู่กันได้อย่างมีความสุขพอสมควร
"อืม งั้นก็...เจอกันที่งานนะ" แต่มือแกร่งกลับจับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้
"เปียโนน่ะ....ถึงไม่ชอบใจ แต่ถือว่าเล่นให้พี่ฟังได้ไหม"ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่งพลางยกมือเรียวนั้นขึ้นมาจูบเบาๆ ดวงตาคมมองเหมือนจะอ้อนขอฟังเพลงเพราะๆจากเด็กหนุ่ม
เสียงหัวเราะเบาๆกับท่าทางอ้อนของคนแก่ พลางดึงมือตัวเองกลับมา
" เอาเพลงพรหมลิขิตดีไหม?..ที่ผมแกล้งพี่บนเวทีแต่งงานไง "
"ฮ่ะๆ...จะให้พี่ขึ้นไปร้องอีกหรือไง...นักข่าวได้เอาไปเขียนกันสนุก..."ทินกฤตอดที่จะขำไม่ได้ เมื่อนึกถึงวันซ้อมของงานแต่งงานที่ จุนเจือเป็นคนเล่นเปียโนให้เจนสุดาเต้นบัลเล่ต์โชว์ ส่วนเขาทำหน้าที่ร้องเพลง ในตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะร้องเพลง พรหมลิขิต อะไรนั่นหรอก แต่เป็นเพราะเจ้าตัวดีคนนี้นี่ล่ะที่ซนนัก กะจะให้เขาร้องไม่ได้เพราะเพลงที่เตรียมมาเป็นเพลงภาษาอังกฤษที่เจนสุดาชอบ จุนเจือกลับเปลี่ยนทำนองใหม่เสียอย่างนั้น โชคยังดีที่เขาร้องได้และเจนสุดาก็มีไหวพริบพอที่จะเปลี่ยนจังหวะการเต้นของตัวเอง ทำให้ผ่านไปได้ด้วยดี...แต่มันก็เป็นวันที่ทำให้เขาเห็นอารมณ์ขันอันแสนจะพิลึกพิลั่นของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย
" งั้น..คิดดูก่อนก็แล้วกัน.. " จุนเจืออดหัวเราะไม่ได้กับความหลังเรื่อง เพลง"พรหมลิขิต"ของพวกเขาก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง พลางยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากของคนรักเบาๆ
" งั้น..เจือกลับคอนโดก่อนนะ .. เจอกันที่งานเลยนะฮะ "
"ครับ ครับ...คืนนี้นอนคนเดียวซิ่นะ..."ไม่วายยังนึกจะอ้อนเด็ก ทินกฤตเปิดเผยด้านอ่อนไหวของตัวเองออกมาต่อหน้าของจุนเจืออย่างที่ไม่เคยแสดงให้ใครได้เห็นมาก่อน
"เดี๋ยวเล่นเปียโนเสร็จแล้ว เราค่อยแวบออกจากงานก็ได้นี่ฮะ "นิ้วเรียวจิ้มแก้มของคนรักเหมือนเล่นกับเด็ก
" นะฮะ..แล้วเจือจะจัดหนักให้พี่เทียนไปเลย "
"จัดหนักอะไร ทะลึ่งใหญ่ละ" ทินกฤตจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ พลางโบกมือไล่
"ไหนว่าต้องรีบไปเอาชุด รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ได้ไปงานกันทั้งคู่หรอก"
"ไม่ต้องเลยนะ..ไปละๆ "รอยยิ้มกวนๆกับคำขู่นั้นทำให้เด็กหนุ่มต้องขยับถอยจากอีกฝ่าย เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กระเป๋าสะพายข้างที่มีพร้อมทุกอย่างถูกหยิบมาใช้
" งั้นเจอกันที่งานนะฮะ ..พี่ไม่ต้องเดินลงไปส่งนะ เดี๋ยวจะมีคนเห็น " ว่าแล้วก็เดินเร็วๆออกจากห้องนอนที่เขาใช้กับอีกฝ่ายไปอย่างเร็ว สมกับเป็นวัยรุ่นเสียจริงๆ
++++++++++++++
talk : เลิฟๆ แถมยังอยู่ด้วยกันแล้วหวานๆ หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ