แวะเอาตอนใหม่ล่าสุดมาส่งนะคร๊าบบบบบ
เป็นกำลังให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกๆคนนะ
เจอกันตอนหน้าครับ !!!**********************************
ร้ายแลกรัก
Stage 10 ร้ายแลกรัก
‘ ผมรักพี่เมฆ ’
‘ พี่ก็รักเฟย … พี่ขอโทษสำหรับเรื่องร้ายๆที่พี่เคยทำลงไป ’
เวลาของผมนิ่งค้างอยู่ ณ ตรงนั้น สายตาของพี่เมฆที่จับจ้องมาที่ยังผมทำให้ผมรู้สึกถึงความมั่นคงในแววตาคู่นั้น ผมยิ้มออกเบาๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปหาพี่เมฆยิ้มรอผม ….
“ ผมไม่ยกโทษให้ครับ … ” คำพูดคำเดียวที่ฟังดูเฉียบขาด หากแต่ทำให้หัวใจของคนตรงหน้าหล่นวูบ ผมเข้าใจว่าคำที่ผมพูดออกไปมันอาจจะทำร้ายจิตใจของพี่เมฆมากมาย
“ เฟย…. ” พี่เมฆหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ เราจบเรื่องร้ายๆไว้ตรงนี้แหละพี่เมฆ ขืนเราพยายามที่จะยื้อมันไปเรื่อยๆ ก็มีแต่เราสองคนนี่แหละที่ต้องเจ็บตัวเปล่าๆ ” ผมจ้องตาพี่เมฆพยายามจะทำให้พี่เมฆเข้าใจและยอมรับกับสิ่งที่ผมพูด
“ แต่ … เฟย พี่ว่าเฟยเข้าใจแล้วไม่ใช่หรอ เฟยเข้าใจพี่แล้ว !!! เฟยทำแบบนี้ทำไม เฟยตอบพี่มาสิ ” พี่เมฆเขย่าไหล่ผมแรงๆ
“ เข้าใจ … แต่ผมทำไม่ได้ครับ ” “ เฟย… ”
“ ผมอโหสิให้นะครับ !!! ” ผมเดินหันหลังจากไป ด้วยแววตานิ่งเฉย
“ ใจร้ายกับพี่มากเลยนะเฟย ” คนดูรอบข้างที่เมื่อครู่ส่งเสียงเชียร์เงียบกริบอย่างเห็นได้ชัด
“ แล้วทีพี่ละครับ … พี่ก็ใจร้ายกับผมมากเลยเหมือนกัน ” นี่แหละมั้งที่เขาเรียกกันว่า ‘กรรมตามสนอง’
“ เฟย !!! ” พี่เมฆวิ่งเข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง ผมรับรู้ได้ถึงหยดน้ำอุ่นที่เปียกชื้นบริเวณหัวไหล่ นี่… พี่เมฆกำลังร้องไห้หรอ คนอย่างพี่เมฆกำลังร้องไห้เพื่อผม รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป
“ ผมจะบอกพี่เมฆว่า … ” ทันทีที่ผมพูดออกไป พี่เมฆก็ออกแรงกอดมากขึ้นจนผมเริ่มหายใจไม่ออก พร้อมกับเสียงกระซิบข้างหูว่า
“ อย่าพูด!!! พี่ไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว พี่กำลังเจ็บ พี่เจ็บ….เฟยได้ยินพี่ไหม !!! ”
“ เพราะพี่ไม่ฟังอะไรไง เรื่องมันถึงได้เลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้ ” ผมเอี้ยวหน้าไปพูดกับพี่เมฆ
“ … ”พี่เมฆนิ่งก่อนที่จะผลักตัวผมแล้วจับให้ผมหันหน้าไปมองหน้าพี่เมฆ
“ ผมล้อเล่นครับ !!! ”
“ นี่ ….!!! ”
ทันทีที่พี่เมฆตั้งสติได้ ตาของพี่เมฆก็เบิกกว้างราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง
“ ผมยกโทษให้พี่เมฆแล้วครับ … พอใจยัง!!! ” ผมยิ้มให้กับพี่เมฆที่ตอนนี้ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
“ …. ”
“ หวา !!! ”
ร่างของผมลอยขึ้นจากพื้น พี่เมฆอุ้มร่างของตรงดิ่งไปยังรถที่พี่ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
“ ปล่อย !!! ”
“ แกล้งพี่ทำไม !!! ” ทันทีที่มาถึงรถที่จอดไว้บริเวณลานจอดรถหลังมหาวิทยาลัย พี่เมฆก็โยนร่างของผมลงที่เบาะหลัง พร้อมกับตามขึ้นมาคร่อมทับตัวของผมไม่ให้ขยับไหน
“ ทีพี่ล่ะ … ยังแกล้งผมเลย ” ผมเสมองไปทางอื่น ไม่อยากจ้องตาพี่เมฆ เพราะสายตานั่นที่กำลังจับจ้องมาทางผมทำให้ใบหน้าของผมร้อนผะผ่าว ลมหายใจติดขัด
ริมฝีปากของพี่เมฆทาบทับลงกับริมฝีปากของผม ก่อนที่พี่เมฆจะส่งลิ้นร้อนเข้ามาตวัดเลียให้ผมเผยอปากออก มือของพี่เมฆสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตนักศึกษาที่ถูกดึงขึ้นจนถึงหน้าอก รุกล้ำเข้ามาจนถึงหน้าอก ไล้ลงมาจนถึงหน้าท้องแล้วกลับขึ้นไปขยำเนินอกอย่างย่ามใจ
“ ฮ่า อา”
ทันที่ผมหอบหายใจ พี่เมฆก็ส่งลิ้นเข้ามาสำรวจโพรงปากของผม ลิ้นร้อนของพี่เมฆต้อนลิ้นของผมจนจนมุม จากนั้นลิ้นของพี่เมฆก็เกี่ยวตวัดลิ้นของผมอย่างหื่นกระหาย
“อื้อ อื้อ”
ผมทุบอกพี่เมฆหวังว่าจะยอมผละออกได้สักห้าวินาทีก็ยังดี ผมจะได้หายใจสะดวกกว่านี้
หัวใจของผมเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เมื่อพี่เมฆปลดเข็มขัดผมพร้อมกับดึงกางเกงไปกองอยู่ที่เท้า พี่เมฆผละออกจากริมฝีปากของผมพร้อมกับดันร่างกายของตัวเองให้บดเบียดเข้ากับกึ่งกลางลำตัวของผม จนผมรับรู้ได้ถึงของพี่เมฆที่กำลังตั้งชันอยู่ในกางเกงที่พี่เขาใส่อยู่
“อย่า!!! … ในรถนะ ปล่อย พี่เมฆ ปล่อย!!!” ผมดันร่างของพี่เมฆออกด้วยลมหายใจที่หอบถี่ ใบหน้าร้อนผ่าว
พี่เมฆพับเบาะรถสองไปด้านหลังทำให้เหลือที่นั่งสำหรับคนสองคนเข้าไปนั่งได้อย่างสบายๆ จากนั้นพี่เมฆก็ถอดเนคไทออกแล้วนำมามัดที่ข้อมือของผมติดกับพนักพิงโดยที่ผมไม่ทันได้ขยับตัว
“ พี่ไม่ทำอะไรเฟยหรอก … แค่จะขอค่ามัดจำน่ะ สำหรับการลงโทษที่โกหกพี่ หึหึ ” พี่เมฆแสยะยิ้มเล็กน้อยแล้วดึงกางเกงชั้นในของผมออกจนส่วนที่ชูชันของผมผงาดขึ้นมาต่อหน้าพี่เมฆ
ผมรีบก้มหน้าหลบด้วยใบหน้าที่แสบร้อนไปหมด เกิดความรู้สึกอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ อ๊ะ … พี่ ….เมฆ อื้อ ”
พี่เมฆรูดส่วนแข็งขึงของผมก่อนที่จะใช้ปากครอบครองส่วนนั้นอย่างรวดเร็ว
“อา อะ อื้ม”
ความเสียวซ่านแล่นผ่านจากโคนขามาถึงปลายนิ้ว มีผลทำให้ร่างของผมต้องบิดไปมาบนแผ่นหลังครูดไปกับพนักพิง
“ อยู่เฉยๆ ”
พี่เมฆส่งเสียงปรามก่อนที่จะก้มหน้าลงไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ ผมมองลอดออกไปนอกกระจกรถที่ติดฟิล์มค่อนข้างทึบ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีใครที่จะมองเห็น แล้วยิ่งเวลากลางวันแบบนี้ …การจะมองผ่านฟิล์มเข้ามาในรถช่างเป็นเรื่องง่ายดายิ่งกว่าตอนกลางคืนนัก
“ พี่….เมฆ ถ้า อ๊ะ … มี คน…อา มาเห็น ”
พี่เมฆไม่สนใจคำพูดของผมเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามพี่เขากลับส่งนิ้วของตัวเองมาลูบวนบริเวณปากทางของผม ก่อนที่จะสอดเข้าไปในปากทางที่คับแน่น
“ อ๊า อา อ๊ะ ”
ผมครางออกมาไม่เป็นภาษาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เมื่อปากของพี่เมฆก็กำลังครอบครองส่วนนั้น แล้วไหนจะนิ้วของพี่เมฆที่รุกล้ำเข้ามาในตัวของผมอีก
“ พี่เมฆ จะ จะออก … ”
ทันทีที่ผมพูดพี่เมฆก็กระชักการกระทำของตัวเองลงทันที จากนั้นก็เงยหน้ามองผม จนผมเห็นคราบน้ำใสๆที่เปื้อนริมฝีปากพี่เมฆ จนทำให้ผมอายแล้วทำเป็นมองไม่เห็น
อาการทรมานเมื่อไม่ได้รับการปลดปล่อยทำให้ร่างของผมเกร็งไปหมด พี่เมฆเชยคางผมขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างผมเบาๆ
“พี่เมฆ … ปล่อยผม”
ผมมองหน้าพี่เมฆยิ้มระรื่นอย่างผู้ชนะ
“หน้าเฟยตอนนี้เซ็กส์ซี่มากเลยรู้ไหม”
พี่เมฆเปิดประตูรถออกโดยที่ยังไม่ได้แก้มัดผม หัวใจของผมกระตุกวาบ … หากมีใครมาเห็น ผมจะทำยังไง ทำไมพี่เมฆเล่นอะไรแผลงๆแบบนี้เนี่ย
“ไปต่อกันที่บ้านนะ ถ้าไม่ไหวก็บอกพี่ได้”พี่เมฆมองมาทางกระจกมองหลังก่อนที่จะยักคิ้วข้างเดียวให้ผม ทำให้นึกโมโหการกระทำของพี่เมฆขึ้นมา
…ไม่น่ายกโทษให้เลย
ผมก้มมองดูแก่นกายของตัวเองที่ชูชัน เริ่มที่น้ำใสๆไหลออกมาเยอะมากจนเปรอะเปื้อนขาด้านในของผมจนรู้สึกเฉอะแฉะ
พี่เมฆแล่นรถออกไปจากมหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่มีรถแล่นแซงหรือสวนมา ผมแทบจะหยุดหายใจทันที ถ้าคนที่อยู่ในรถคันนั้นมองเข้ามาแล้วเห็นผมที่อยู่ในสภาพนี้ขึ้นมา !?!?!?!
“พี่เมฆ …ปล่อย ถ้ามีคนมาเห็น !!!”
“พี่ก็จะบอกว่าเรื่องของ ’ผัวเมีย’” พี่เมฆหัวเราะในลำคอเบาๆ ดูท่าว่ามีความสุข คนเราเนอะคนเรา พอเราไม่ยกโทษให้ก็ทำให้เหมือนหมาถูกทิ้ง พอยกโทษให้หน่อยก็ดีใจจนเหลิง
…รู้แบบนี้น่าจะแกล้งงอนต่อไป น่าจะดีกว่า
ความรู้สึกของผมตอนนี้อยากจะเอามือไปรูดแก่นกายขึ้นลงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เมื่ออารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในทำให้ผมรู้สึกทรมานจนต้องบิดตัวไปมา เอาโคนขาเสียดสีแก่นกายที่กำลังแข็งจนแทบปริเผื่อว่ามันอาจจะช่วยปลดปล่อยตัวผมได้
“ไม่มีประโยชน์หรอก … ถ้าอยากทำ ที่เตียงดีกว่ามั้ยเฟย” ตายห่า!!! พี่เมฆสังเกตเห็นท่าทางของผมได้ไงเนี่ย ขนาดผมพยายามหลบไม่ให้พี่เมฆเห็นแล้วนะ แต่สายตาของพี่เมฆก็สอดส่องจนเห็นจนได้
“เลว!!!” ผมตวัดสายตาใส่พี่เมฆไป ที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเหมือนเมื่อก่อนหรอกครับ แค่โมโหพี่เมฆเท่านั้นเองที่ปล่อยให้ผมอารมณ์ค้างเติ่งอยู่แบบนี้ พอดีกับจังหวะที่รถของพี่เมฆแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่
“ปึง!!”
พี่เมฆเปิดประตูแล้วพุ่งเข้ามาทับคร่อมตัวผม จนน้ำใสๆไหลเยิ้มเปื้อนเสื้อพี่เมฆ
“จะให้พี่ทำตรงนี้ หรือจะไปต่อในห้อง หืมม์” พี่เมฆขบใบหูผมเบาๆขณะรอคำตอบ
“…ชั่ว!!!”ผมยังก้มหน้าก้มตาด่าพี่เมฆต่อไป นึกโมโหตัวเองที่ใจอ่อนง่ายๆแบบนี้ แต่คนตรงหน้านี่สิ ยิ้มระรื่นดีใจราวกับเด็กได้ของขวัญ
“ไม่ชั่วจะได้เฟยมาครอบครองหรอแบบนี้ครับ”พี่เมฆพูดราวกับมันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจนักหนา
“ไม่ร้ายแล้วจะได้ ‘รัก’ จากเฟยหรอครับ”พี่เมฆยังพูดต่อ แต่ผมนี่สิ…ส่วนของพี่เมฆที่บดเบียดเข้ากับของผมที่ไร้ซึ่งสิ่งใดๆปกปิด ทำให้ความรู้สึกอยากปลดปล่อยของผมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“ช่วย ผม!!”
ผมเผลอหลุดปากพูดประโยคน่าอายนั่นออกไป พี่เมฆตาลุกวาวทันที ก่อนที่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ฮะ …. ว่าไงนะ พี่ฟังไม่ถนัด”
“พี่เมฆถ้าพี่เมฆแกล้งผมแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ผมขอถอนคำ ผมไม่ยกโทษให้พี่แล้ว”ผมพูดทีเล่นทีจริงทำให้พี่เมฆหน้าเหวอไปทันที
“ครับๆ จัดให้เดี๋ยวนี้แหละครับ”พี่เมฆจัดแจงแต่งตัวให้ผม แล้วจับน้องชายของผมที่ยังแข็งขึงยัดเข้าไปในกางเกงชั้นในอย่างยากลำบาก แล้วอุ้มผมไปยังทางเดินแคบๆชั้นสองก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ประตูห้องๆหนึ่งซึ่งดูแล้วว่าน่าจะเป็นห้องของพี่เมฆ
“ปล่อย!!! ผมเดินเองได้”
…น่าขายหน้าชะมัด โอ๊ย!!! ผมขอถอนคำพูดตอนนี้จะทันมั้ยเนี่ย !?!?!?!