เสื้อกาวน์เก่าๆ.......กับเราสองคน ตอนที่ 140 ฉลองปีใหม่กันซักยก เอิ๊กส์บ่ายแก่ๆของวัน เจ้าตัวเล็กนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติกับน้องปุ๋ม
และถ้าผมเดาไม่ผิดอาการซี๊ดซ๊าดแบบนั้น อาหารในจานคงหนีไม่พ้นส้มตำรสเด็ดของชอบของสองเพื่อนซี้คู่นี้เป็นแน่
ผมที่งัวเงียๆ จากการนอนกลางวันตื่นมานั่งร่วมวงก่อนจะอำลาความง่วงแบบฉับพลันด้วยส้มตำรสเด็ดของสองเพื่อนซี๊
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมาจากในบ้านรีบวิ่งไปรับแทบไม่ทัน
“ขอสายพี่ติ๊บหน่อยคร้าบบบบบ” ใครวะ จะโทรหาพี่ติ๊บแล้วดันมาโทรเข้าเครื่องผม
ดูเบอร์ก็เป็นรหัสทางไกล ไม่คุ้นตาเท่าไหร่
“เอ่อ ไม่ทราบว่าใครเหรอคับ”
“โห ลุงจำเสียงน้องชายตัวเองก็ไม่ได้หรอกเหรอ เร็วๆไปตามพี่ติ๊บมารับสายหน่อยก่อนจะถูกตัดสาย”
ผมกดสปีคเกอร์โฟน เพราะก็อยากรู้ว่านายม่อนมีเรื่องอะไรของมัน
“พี่ติ๊บคร๊าบบ ผมมีเรื่องให้พี่ติ๊บช่วยด่วน” เสียงเจ้าม่อนดังมาจากปลายสายแต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร
“พอดีผมมาเที่ยวหลวงพระบางแบบแบกเป้โบกรถไปตามประสา ตอนนี้เที่ยวเสร็จแล้วอยู่ที่ในตัวจังหวัดหนองคาย ผมจะไปหาพี่ติ๊บได้ยังไงคับ”
“อ๋อ งั้นม่อนไปหาท่ารถที่ไปนครพนมน่ะเอาสายที่ผ่านหนองคาย ผ่านอ.ท่าอุเทน แล้วม่อนก็บอกกระเป๋ารถว่ามาลงที่……” เจ้าตัวเล็กบอกที่ตั้งของหมู่บ้านไปก่อนจะทันได้ถามอะไรมากมายเจ้าม่อนก็ ถูกตัดสายไปเรียบร้อย
เจ้าตัวเล็กวางสายลงพร้อมกับความงุนงง ของตัวเอง ที่ไม่ต่างจากผมว่านายม่อนมันมาเที่ยวอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกผมซักคำ แล้วจู่ๆก็มาจู่โจมผมสองคนถึงที่นครพนมเรียบร้อย
“แกแน่ใจเหรอติ๊บว่ายังจะมีรถเมล์อยู่อะ บอกน้องเค้าไปเรื่อย”
“อ้าวก็รถเมล์เที่ยวสุดท้ายมันผ่านตลาดในหมู่บ้านตอนสี่โมงครึ่งนี่หว่า น่าจะทันนะ”
“แล้วแกเคยนั่งจากหนองคายมานี่เหรอแกรู้เหรอว่านั่งรถกี่ชั่วโมง รู้เหรือว่ารถคันสุดท้ายออกจากหนองคายกี่โมง ชั้นว่าคืนนี้นะแกกับพี่ไม้ได้ขับรถไปรับนายม่อนแน่ๆอย่างน้อยก็ที่ บ้านแพงอะ”
ผมรอนายม่อนจนเย็นแล้วก็ยังไม่มีเสียงโทรศัพท์ติดต่อมา
โทรเข้าเครื่องมือถือก็ไม่มีการเปิดเครื่องคงจะแบตหมด
ผมชักจะเป็นห่วงน้องชายคนนี้ซะแล้วซิ
แม้มันจะลุยๆแต่ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมายังไงนายม่อนก็ยังเป็นเด็กในสายตาผมเสมอ
ผมรอด้วยความกระวนกระวายจนมืดค่ำ เกือบๆสองทุ่มก็มีรถสามล้อตุ๊กๆมาจอดหน้าบ้านพอดี
ชาย หนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำไม่แพ้ผม เพราะตอนนี้นายม่อนเป็นนักกีฬาเบสบอลของมหาวิทยาลัยเต็มตัวแล้ว แต่ใบหน้าที่เริ่มรกไปด้วยหนวดเคราออกแนวเข้มๆนี่ซิที่ผมไม่แน่ใจว่ามันยัง เป็นน้องชายของผมอยู่หรือเปล่า สอบถามจึงได้ความว่าออกผจญภัยด้วยการโบกรถสะพายเป้ สะพายกล้องไปเยือนหลวงพระบางด้วยตัวคนเดียวหลายวันแล้ว เที่ยวหลวงพระบางจนหนำใจครบกำหนดสามวันตามที่ได้รับอนุญาตจาก ตม. จึงเดินทางกลับมาฝั่งไทยและรู้ข่าวจากที่บ้านว่าผมมานครพนม จึงจะตามมาสมทบแต่ว่ารถที่ผ่านไปถึงตัวเมืองนครพนมไม่มีแล้ว จึงมาถึงแค่ที่รถหมดระยะแล้วก็อาศัยการโบกรถมายังหน้าหมู่บ้าน ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่รับมันมาด้วยนี่คงเพี้ยนแน่ๆ เพราะดูมันแต่งตัวซิเสื้อผ้าซอมซ่อ แถมไว้หนวดเคราครึ้มซะขนาดนั้น ผมคนนึงแหละที่ไม่กล้าจอดรับ
คืนวันที่ 1 ของเดือนมกราคม ประเพณีของชาวบ้านแถวนี้ที่แสนจะอบอุ่นและเรียบง่าย
และ ทำให้ผมติดใจมากก็ได้เริ่มต้นขึ้น หลายบ้านเริ่มร่วมด้วยช่วยกันเตรียมไม้ไผ่เพื่อที่จะทำข้าวหลามโดยใช้ข้าว ใหม่ที่เพิ่งเสร็จจากการเก็บเกี่ยวมาทำข้าวหลาม นอกจากนั้นก็ยังมีข้าวจี่ให้ได้ลิ้มรสกันผมมีโอกาสได้รับรู้บรรยากาศนี้บ้าง แล้วเลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ผิดกับนายม่อนที่ออกอาการตื่นเต้นและอยากมีส่วนร่วมกับการเผาข้าวหลามเสีย เต็มที่ วันนี้น้องปุ๋มลอดรั้วมาเผาข้าวหลามทำข้าวจี่กับเราด้วย พร้อมเอ่ยปากข้อโทษขอโพยผมเพราะคืนนี้จะขอนอนค้างกับเจ้าตัวเล็กเสียเลยที เดียว
ส่วนผมก็ถูกเนรเทศมานอนกับน้องชายตัวดีที่ผมไม่อยาก จะนอนใกล้มันไหร่เพราะทั้งหมัดทั้งแข้ง ศอก และจระเข้ฟาดหางมักจะถูกโยนมาจากน้องชายตัวดีของผมเป็นระยะๆตลอดทั้งคืนที่ นอนกับมัน
ด้วยเหตุนี้ผมเลยนอนแยกห้องนอนกับนายม่อนมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้วเพราะนายม่อนน้องชายตัวดีของผม คือสุดยอดของการนอนดิ้นแล้วนั่นเอง
วันนี้ป้าบอกกับเราว่าเป็นข้าวหลามใส่เผือกกวนที่ติ๊บชอบให้ด้วยพอดีเผือกในสวนหลังบ้านกำลังหัวโตๆกันทั้งนั้นเลย
เจ้า ตัวเล็กก็ทำเมนูใหนให้ผมได้ลิ้มลองด้วยการนำข้าวต้มผัดที่เหลือจากที่ป้าทำ ไปใส่บาตรเมื่อเช้าออกมาปิ้ง กลายเป็นข้าวต้มปิ้งและรสชาติมันก็เหมือนขนมปิ้งที่วางขายคู่ไข่ปิ้งกล้วย ปิ้งไม่ผิดเพี้ยน
น้องปุ๋มที่นั่งอยู่ไม่ห่างเพื่อนซี้ กำลังขมักเม้นกับการนำกล้วย ข้าวโพด เผือก มันเทศ ออกมาปิ้งแต่เผือกกับมันน้องเค้าใช้ขี้เถ้ากลบแทน บอกว่าให้ความร้อนมันระอุจะได้สุกจะใช้การปิ้งเหมือนกล้วยเหมือนข้าวโพดไม่ ได้ อืมภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ
ส่วนผมรับหน้าที่ในการทำข้าวจี่พลิกไปพลิกมา ได้ที่ก็เอาออกมาทาไข่
จน ตอนนี้เริ่มมีสาวๆในหมู่บ้านที่เติบโตและเป็นวัยไล่เลี่ยและคุ้นเคยกับเจ้า ตัวเล็กเริ่มมาสนุกสนานกับพวกเราบ้างแล้วเมื่อนายม่อนเห็นดังนั้นจึงขอตัวไป อาบน้ำ ชั่วพริบตาเดียวไม่รู้ว่าด้วยความรีบหรือด้วยความหนาว ครู่เดียวนายม่อนก็หล่อเฟี้ยวเกินหน้าเกินตาผมออกมาเป็นที่เรียบร้อย หนวดเคราที่ขึ้นรำไรเมื่อตะกี้หายไปกลายเป็นหนุ่มใสสไตล์เกาหลีในชั่วพริบ ตา เอากับมันซิ
ตอนนี้นายม่อนกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมท่ามกลาง สาวๆที่รายล้อมเพราะผมรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากน้องปุ๋มว่า เพราะติ๊บเป็นลูกคนเดียวไม่มีเพื่อนเล่นจึงต้องไปหาเพื่อนเล่นนอกบ้านและ สาวๆพวกนี้ก็คือหลานสาวของคุณตาที่เพิ่งสียไปไม่นานนี่เอง ที่ติ๊บชอบไปเล่นด้วยเสมอๆแต่ปุ๋มไม่ค่อยสนิทกับน้องๆพวกนี้เท่าไหร่เพราะ ตอนเด็กๆปุ๋มยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังอยู่หลังตลาดโน่นอยู่เลย
ตอน นี้จากวงข้าวหลามข้าวจี่เล็กๆ ของเราสี่คนกลายเป็นวงหมูกระทะกับสี่สาวเข้ามาแจม น้องๆนำถ่านและหม้อย่างหมูกระทะมาย่างกันซะข้างเตาไฟอย่างเอร็ดอร่อยเลยที เดียว
ความสนุกไม่เท่านั้นน่ะซิ พี่ชายของน้องปุ๋มคนสวยเดินลอดรั้วมาจากข้างบ้านพร้อมไหที่ตอนแรกผมเข้าใจ ว่าเป็นไหปลาร้า เพราะลักษณะเหมือนกันเด๊ะ แต่มันไม่มีกลิ่นเหม็นเลยแฮะ
“ขอแลกเหล้าโท กับข้าวหลามจักกระบอกได้บ่อ อ้ายอยากกินโดนแล้วข้าวมหลามฮ้อนๆ”ป้าหัวเราะกับท่าทีของพี่ชายน้องปุ๋มก่อนรับเหล้าโทที่ว่ามา
ก่อนจะยื่นข้าวหลามให้สองสามกระบอกพร้อมข้าวจี่ร้อนๆ “ขอบคุณหลายๆคับ” พี่ชายน้องปุ๋มตอบสั้นๆ ก่อนมุดรั้วกลับไปก่อนจะได้รับคำอธิบายว่าที่บ้านของน้องปุ๋มคืนนี้ก็มีเฮฮา ปาร์ตี้ในหมู่ญาติๆตัวเองเหมือนกัน ตนร่วมงานพักนึงก็เดินออกมาหาติ๊บเพราะไม่ชอบเสียงดัง
ตอนนี้ทุกคนกำลังอิ่มอร่อยกันเต็มที่ ก่อนเจ้าตัวเล็กจะยกไหที่เรียกว่า ไหเหล้าโท ออกมาก่อนสบสายตาวิ๊งค์ๆกับเพื่อนซี้อย่างมีเลศนัย
เหล้าโท เป็นเหล้าที่ชาวบ้านหมักด้วยวิธีแบบบ้านใช้ข้าวเหนียวหมักกับหัวเชื้อ หมักแล้วก็ต้มอีกนิดหน่อยก็จะได้เหล้าโทน้ำแรกออกมา จะให้รสชาติหวานละมุนแต่มีกลิ่นเหล้าหอมนิดแต่เจ้าตัวคงลืมบอกผมว่าปริมาณ แอลกอฮอล์ในเหล้าโท รสชาติหวานละมุนลิ้นไหนี้มันไม่ได้น้อยไปกว่าบรั่นดีหรือวิสกี้เลยนะ
น้อง ปุ๋มบอกผมเพิ่มว่าเหล้าชนิดนี้จะหากินได้เมื่อมีงานสำคัญๆหรือเทศกาลสำคัญ เท่านั้นน่ะ ไม่ค่อยมีใครทำกันเพราะมันผิดกฎหมายแต่จะได้รับการยกเว้นในช่วงทำบุญ ประเพณี เหมือนกับการเล่นไพ่ในงานศพของชาวบ้านแถวนี้นั่นเอง
เหล้า รสชาติหวานละมุนในไห ข้าวหลามรสหวาน และข้าวจี่หอมกรุ่น ถูกนายเพียวและผมจัดการไปจนตอนนี้ผมเริ่มอาการมึนๆและดูท่ามันจะหนักขึ้น ทุกทีจนลืมตาแทบจะไม่ขึ้น
แต่ยังพอตั้งสติได้และเห็นเจ้าตัวเล็กและ น้องปุ๋มและเด็กๆสาวรุ่นพวกนี้หัวเราะกันคิกคักราวกับส่งสัญญาณรู้กันว่าภาพ ที่เห็นตอนนี้คือ ตลกฉากใหญ่
TBC…
// ฮ่วย.. เหล้าโท ทำเหมือนแบบที่บ้านผมเลย แต่ผมชอบกินแบบที่มันยังเป็นข้าวอยู่นะ(คือหลังจากการหมักได้ประมาณ 3 วันก็เอามากินเลย) มันได้รสชาติที่อร่อยกว่า แบบว่าหวานเชียว แต่ระวังนะกินเยอะ มันยิ่งเมาหนักกว่าเหล้าแบบอื่นๆ ด้วย 