เสื้อกาวน์เก่าๆ กับเราสองคน(Dr.Mike) จากนี้ จนนิรันดร์ [+อวสาน+] P.218
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสื้อกาวน์เก่าๆ กับเราสองคน(Dr.Mike) จากนี้ จนนิรันดร์ [+อวสาน+] P.218  (อ่าน 2031197 ครั้ง)

dr.mike

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาทักทายรอบค่ำหลังจากทำอาหารงอนง้อลุงเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว

ดีใจนะคับที่ยังมีคนติดตามและให้กำลังใจติ๊บอยู่

ไงมีความสุขกับมื้อเย็นทุกคนละกันคับ

ปล.รักกันเบาๆไม่ไหวแล้วละ  ลุงแกทำสถิติน้ำหนักเพิ่มพรวดเอาๆทุกวันๆ

 :pigha2: ตอนนี้ผมเลยเรียกลุงแกว่า คิงคอง ไปเรียบร้อยละ  :pigha2:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
 :laugh:

...ก็เล่นทำอาหาร ง้องอน กันเรื่อยๆ น้ำหนักก็เลยพุ่งพรวดเลยสิ
...โถๆๆ น่าเห็นใจหมอไม้ จะปฎิเสธก็ไม่ได้ ทีหลังอย่างอนบ่อยสิ
...ยังติดตามให้กำลังใจน้องหมอติ๊บ น้องหมอไม้ อยู่เสมอๆจ้า
:L2:

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
เฮียไม้ อนุมัติฉายา "คิงคอง" ที่พี่ติ๊บเรียกหรือยัง

ระวังนะหากเฮียแกไม่รับ อะไรจะเกิดขึ้น..(อะไรล่ะ?)

พรุ่งนี้เจอกันตอน 138 ปีใหม่กับความทรงจำครั้งเก่า

อิเห็ด(อิดิต)
วันนี้(11/1/2010)คนเม้นท์เยอะดีจริงๆ กด +1 ให้ทุกคนจ้าาาา  :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2011 23:02:27 โดย hackz »

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3

nemesis

  • บุคคลทั่วไป

SoYiLovE

  • บุคคลทั่วไป
อูยยยย หวานกลบดวงดาวบนท้องฟ้ากันเลยอ่ะ

น่ารักกันจัง  :man1: :กอด1:

กด + ให้ทั้งหมอไม้กะน้อง hackz พร้อมรออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ pjaejin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หวัดดีพี่ไม้ น้องติ๊บ และ แฮ็กกี้สุดหล่อ

ยังคงความหวามสม่ำเสมอเนาะพี่ไม้

อ๊ากกกกกกก มาไม่ทันน้องติ๊บอ่ะ  :monkeysad:
ตัวเองนอนยังงงงงง

พี่ถามได้มั้ยว่าน้องติ๊บจะไปเรียนเมื่อไหร่/ที่ไหนเอ่ย

เปนกำลังใจให้เสมอจ้า

Sabaijai

  • บุคคลทั่วไป
หมอติ๊บจะโกอินเตอร์แล้วเหรอ..แวะมา Sydney บ้างนะค่ะ เดี๋ยวพาไปกินไอติมเจ้าอร่อย

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
ตอนที่ 138 ปีใหม่กับความทรงจำครั้งเก่า

รุ่งเช้าผมตื่นมาตอนเช้าด้วยการปลุกของเจ้าตัวเล็กท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บจนผมต้องเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมผ้าห่มผืนเล็ก

“ตื่นมาอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวได้แล้วเดี๋ยวจะให้พาไปวัดหน่อย  อยากไปทำบุญให้ย่าอะ”

ไม่รู้ว่าผมจะถือว่านี่เป็นประโยคบอกเล่า   คำขอร้องอ้อนวอน  หรือมันคือคำสั่งดี

เพราะผมไม่มีโอกาสปฏิเสธได้เลย   แม้ใจอยากจะเดินกลับเข้าไปนอนห่มผ้าคลุมโปงเสียมากกว่า

 

เช้า นั้นผมก็เลยต้องอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสุภาพ  เดินถือขับใบใหญ่พร้อมหิ้วปิ่นโตอาหารเดินตามเจ้าตัวเล็กและป้ามาพร้อมกับชาว บ้านคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลว่าการเดินไปวัดจะทำให้เราได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับเพื่อนบ้าง มากกว่าที่เราขับรถไปที่วัด  และการที่เราเอารถไปวัดเวลากลับออกมาก็จะมีดินมีทรายจากวัดติดล้อรถเรามา มากกว่าการเดินไปที่วัด เป็นการขโมยโดยมิได้เจตนาอีกด้วย  เวลาถึงงานสงกรานต์ทีไรเลยต้องมีการขนทรายเข้าวัดนั่นไง

 

ได้ รับคำอธิบายแบบไม่ต้องมีการร้องขอแบบนี้แล้วจะทำไงได้อีกละครับนอกจากเดิน หอบขันน้ำและปิ่นโตเดินตามต้อยๆ และระหว่างทางผมก็ได้พบอีกหนึ่งความน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าตัวเล็กเมื่อเจ้า ตัวเล็กยังไม่มีการหลงลืมสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นมาเมื่อครั้งก่อน  ผมยังเห็นเจ้าตัวเล็กยกมือไหว้ทักทายกับผู้คนที่ผ่านไปพบเจออยู่ทุกคน  จนถึงวัดเจ้าตัวเล็กก็ไปช่วยป้าและชาวบ้านในการจัดแจงภัตตาหารพระ และไหว้ทักทายผู้คนที่มาวัดอย่างคนสนิทสนมชิดเชื้อกันแทบทุกคนแม้ว่าคนที่มา วัดวันนี้บางคนจะแต่งตัวดูมีฐานะหรือมาในชุดพร้อมจะออกไปไร่ไปสวนแต่เจ้าตัว เล็กก็ไม่มีอาการมือไม้แข็งกระด้างแต่ประการใด   แต่กลับไหว้ทักทายทุกคนอย่างคนโอนอ่อน นอบน้อม  และนี่ทำให้ผมได้ยินกับสำเนียงคุ้นหูที่ได้ยินคนพูดถึงเจ้าตัวเล็กบ่อยๆเวลา ที่กลับมาบ้านทุกครั้ง….

“เป็นตาแพงเนาะ” ……

 

สายๆของวันสุดท้ายของปี 2548

ผม มีโอกาสได้พักผ่อนและช่วยเจ้าตัวเล็กทำความสะอาดบ้านเล็กๆน้อยๆในวันหยุดพัก ผ่อนของเราก่อนที่ผมจะนอนดูทีวีภายในบ้านที่อากาศหนาวเย็น  ป้าออกไปสวนแตงกวาที่อยู่หลังบ้าน

“ติ๊บ  อยู่บ้านหรือเปล่า” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากรั้วข้างบ้านผมและเจ้าตัวเล็กที่กำลังนอนดูทีวี ด้วยกันลุกพรวดพราดมายังหน้าบ้าน

“อ้าวพี่ไม้ หวัดดีคะ  ติ๊บหวัดดี” เสียงคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี  น้องปุ๋มนั่นเองนึกว่าใคร

“อ้าวไปไงมาไงอะแก  จู่ๆก็มุดรั้วมาเนี่ยอะ” เสียงเจ้าตัวเล็กเอ่ยตอบกลับไป

“ก็ไม่ไงหรอกพอดีฉันเพิ่งกลับมาถึงบ้านลงรถทัวร์หน้าตลาดเมื่อเช้าเอง  พอดีเห็นแม่บอกว่าแกกลับมาชั้นก็เลยแวะมาทักทาย  อะนี่ผลไม้จากสวนบ้านชั้น” ปุ๋มยื่นตะกร้าผลไม้หลายอย่างที่ผลอาจดูไม่สวยหรือใหญ่เป้งแบบที่วางขายใน ตลาดเพราะปลูกแบบตามมีตามเกิด

แต่สิ่งที่งดงามกว่าคือน้ำใจของคำว่าเพื่อนที่ผมมองว่ามันงดงามเสมอจริงๆ

“ว่าแต่นี่ชั้นมาขัดจังหวะแกทำอะไรหรือเปล่าวะ” น้องปุ๋มพูดพลางใช้ภาษามือสื่อถึงการปฏิบัติภารกิจรักซะอย่างงั้นเล่นเอาผม เขินและเจ้าตัวเล็กก็หัวเราะร่าไปเลยทีเดียว

“ไอ้บ้า  นอนดูทีวีกันอยู่จ๊ะ ไม่ได้ทำไรเลย” เจ้าตัวเล็กตอบเขินๆ

“อ้าว ก็ไม่รู้เนาะ เห็นเดินออกมาหัวฟูกันทั้งคู่เลยก็เลยนึกว่า…” น้องปุ๋มแซวและล้อเล่นกับเพื่อนรักอย่างสนิทสนมและมันก็ทำให้ผมอดหัวเราะไป ด้วยไม่ได้

“แล้วนี่กลับมากันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” น้องปุ๋มเอ่ยถามต่อ

“ก็กลับมาถึงเย็นวันก่อนอะ  เมื่อวานก็ได้ไปวัดทำบุญแล้วก็นอนพักวันนึงละ  วันนี้ก็ไม่มีไรทำเลยพากันนอนดูทีวีอยู่นี่แหละไม่ได้ไปไหน”

“วันนี้แกว่างใช่มั้ย  พี่ไม้ว่างมั้ยค่ะ” ปุ๋มหันมาถามผมพร้อมทำตาบ้องแบ๊วตาโต

“ว่างดิ  ทำไมเหรอ  จะชวนไปไหน”

“ไปท่าอุเทน เพื่อนเขากลับมาหลายคนเลย  คืนนี้มีนัดเค้าท์ดาวน์กันริมโขงแกไปเป็นเพื่อนชั้นนะ  ไปรถชั้นก็ได้  นะนะนะนะ  ห้ามปฏิเสธ”

เจ้าตัวเล็กหันมามองผมชั่วครู่เดียวสันชาตญาณก็บอกผมแล้วว่าการหันมามองสบตาผมครั้งนี้คือคำสั่ง  จะทำไรได้นอกจากยอม  เฮ้ออออออออออออ

 

วันนี้ เป็นวันสิ้นปี เพื่อนๆของเจ้าตัวเล็กที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในตัวอำเภอที่เรียกว่า อำเภอท่าอุเทน เพราะเจ้าตัวเล็กมาเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอที่อยู่ไกลบ้านถึง 16 กิโลเมตรโดยการโหนรถเมล์ไปเช้าเย็นกลับสามปีในชั้นมัธยมปลาย จึงทำให้ชีวิตช่วงวัยรุ่นของเจ้าตัวเล็กมีเพื่อนๆที่บ้านอาศัยอยู่ในเมือง เสียมากกว่า  ถ้าไม่นับรวมน้องปุ๋มคนสวยที่บ้านรั้วติดกันนั่นนะ

 

สายๆ ของวันหยุดช่วงสิ้นปีเจ้าตัวเล็กและน้องปุ๋มพาผมมายืนดูตลาดสดที่มีทั้งคน ไทยและคนจากฝั่งลาวเพื่อนบ้านของเรามาขายของสดๆกันในตอนเช้าจนแน่นถนนเลียบ ฝั่งโขงของตัวอำเภอนี้ไปสุดลูกหูลูกตาเพราะมีตั้งแต่เสื้อผ้า  ข้าวของเครื่องใช้ กระเป๋ารองเท้า  ผักผลไม้เนื้อสัตว์ ไปจนถึงสมุนไพรแปลกๆ  ต้นไม้ดอกไม้จากปาที่สวยงามแปลกตาและบางชนิดก็เป็นต้นไม้ที่ผมไม่คิดว่าจะ สามารถนำข้ามฝั่งมาขายได้ แต่ที่นี่ก็มีให้เห็นและโอนอ่อนผ่อนปรนกันแบบบ้านพี่เมืองน้อง

 

นอก จากนี้ทัศนียภาพที่ผมมองเห็นแม่น้ำโขงช่วงที่กว้างที่สุดตลอดเส้นทางที่ผ่าน ประเทศไทยก็คงเป็นที่นครพนมนี่แหละเพราะมันกว้างกว่าแถบจังหวัดอื่นๆที่ผมไป ดูมาแล้วแทบทั้งสิ้น  ตอนนี้ยังไม่เข้าหน้าแล้ง  แต่สันดอนทรายกลางลำน้ำโขงเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วทำให้เรือจากฝั่งลาวต้องขับ เรืออ้อมสันดอนทรายไปไกลทีเดียวกว่าจะวกกลับลงมาจอดยังท่าเทียบเรือที่เป็น ตลาดฝั่งไทยได้  ทำให้ผมตื่นเต้นและแปลกตากับภาพที่เห็นไม่น้อย  นอกจากนี้ผมยังเรียนรู้อีกอย่างว่าภาษาวัฒนธรรม  จารีตประเพณีของคนทั้งสองฝั่งโขงนี้ไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย  เพราะผมยังเห็นเจ้าตัวเล็กและน้องปุ๋มพูดจาต่อรองซื้อข้าวของจากฝั่งลาวกัน อย่างคล่องแคล่วกันเลยทีเดียว 

 

เจ้าตัวเล็กและน้องปุ๋มบอกกับผมว่ามาเดินตลาดลาวแห่งนี้ ( ชาวบ้านเขาเรียกว่าตลาดลาว )

เพื่อตั้งใจจะซื้อของไปฝากแม่เพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่จะใช้จัดงานของเด็กๆวันนี้

และ เป็นแม่ที่เด็กๆในรุ่นนับถือเพราะทุกคนสามารถมาฝากท้องและนอนหลับที่บ้าน หลังนี้ได้อย่างสะดวกสบายและแม่จะดูแลเด็กๆอย่างดีในช่วงที่มีกิจกรรมต่างๆ  โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็ก

 

น้องปุ๋มเล่าให้ผมฟังว่า แม่ของเพื่อนคนนี้จะเอ็นดูเจ้าตัวเล็กเป็นพิเศษเพราะว่าติ๊บ เป็นเด็กเรียบร้อยอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาไพเราะ  แต่ในขณะเดียวกันก็ตลกขบขันและออดอ้อนแม่เป็นระยะๆ แม่ของเพื่อนคนนี้จึงเอ็นดูติ๊บมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ และนอกจากนี้เจ้าตัวเล็กยังมาช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวและเป็นลูกแม่ค้าที่เป็น นางกวักของร้านได้เป็นอย่างดีเพราะติ๊บจะพูดจาเรียกลูกค้าเก่งมากกกก
 

หลัง จากได้ของที่ต้องการแล้วเราก็เดินกลับรถเพื่อที่จะขับไปบ้านเพื่อนที่อยู่ ถัดจากตลาดลาวแห่งนี้ไม่ไกลนัก  แต่ยังไม่ทันจะถึงรถเจ้าตัวเล็กกับน้องปุ๋มก็เจอเข้ากับคนรู้จักอีกแล้ว

เฮ้อ  รู้จักคนเยอะจริงๆสองเพื่อนซี้คู่นี้

 

แม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้ง   ที่ผมดูท่าทียังไงก็ไม่น่าจะสนิทสนมกับสองว่าที่คุณหมอนี้ได้จนมากระจ่างเอาเมื่อน้องปุ๋มเล่าให้ผมฟังอีกว่า

“ตอนที่เรียนมัธยมปลาย  พวกหนูจะเลิกเรียนกันตอนสี่โมงเย็น แต่ จะกลับบ้านในรถเมล์เที่ยวสุดท้ายคือตอนประมาณห้าโมงครึ่ง(รถเที่ยวสุดท้าย หมดไวมากเพราะที่นี่รถเมล์มีชั่วโมงละคัน) และระหว่างที่รอรถเมล์ชั่วโมงครึ่งนี้  พวกเพื่อนๆคนอื่นๆก็จะนั่งกินขนม กินลูกชิ้นปิ้ง กินน้ำอัดลมจากร้านป้าคนนี้เป็นประจำ  แต่เจ้าตัวเล็กมีเงินมาโรงเรียนเพียงพอแค่สำหรับค่าข้าว และค่ารถในแต่ละวันเท่านั้นจึงไม่ค่อยมีโอกาสมานั่งร่วมวงกับเพื่อนๆคนอื่น เท่าไหร่นัก  จึงไปช่วยแม่ค้าคนนี้ขายน้ำขายขนม  เพราะความสนิทคุ้นเคยที่ต้องเจอกันทุกเย็น  จนนานวันเข้าติ๊บก็กลายป็นลูกรักของเจ๊ขายลูกชิ้นปิ้งอีกคนเพราะความมีน้ำใจ และความขยัน ในตอนเย็นที่เด็กออกมาจากโรงเรียนหมดแล้วเจ๊ร้านขาย ลูกชิ้นปิ้งจะให้เงินเป็นค่าจ้างติ๊บอยู่บ่อยครั้ง  แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยรับค่าตอบแทนนั้นเลย  เจ๊ร้านขายลูกชิ้นจึงให้ติ๊บกินลูกชิ้น ขนมและน้ำอัดลมฟรีๆ หลังจากที่ขายเสร็จในแต่ละวัน”

 

เมื่อน้องปุ๋มเล่าจบ ผมที่รักเจ้าตัวเล็กอยู่ท่วมท้นหัวใจแล้ว  กลับยิ่งเอ็นดูเจ้าตัวเล็กมากขึ้นไปอีกเมื่อได้รับรู้เรื่องราวต่างๆของเจ้า ตัวเล็กผ่านปากของเพื่อนสนิทอย่างน้องปุ๋ม และแน่นอนคืนนี้ผมมีโอกาสได้เจอเพื่อนเก่าๆของเจ้าตัวเล็กอาจจะได้รับรู้ ข้อมูลเพิ่มเติมอีกเยอะเลยทีเดียว
 

ชั่วไม่กี่อึดใจผมก็นำรถมาจอดในลานวัดที่มีพระธาตุหินอ่อน

รูป ร่างลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนมแต่ขนาดเล็กกว่ามาก  เจ้าตัวเล็กและน้องปุ๋มพาผมเข้าไปไหว้พระประธานในวัดครู่เดียวก็พาผมเดิน ทะลุออกมาทางด้านข้างวัด  พบกับบ้านไม้สองชั้นแบบโบราณที่หน้าบ้านมีร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ และขายขนมครก ตั้งอยู่หน้าบ้าน

และตอนนี้มีลูกค้านั่งอยู่แน่นร้านเพราะเป็นวันที่มีตลาดนัดผู้คนเยอะแยะ

 

เจ้าของร้านเป็นหญิงหน้าตาใจดีวัยกลางคน กำลังทำก๋วยเตี๋ยวอย่างขะมักเขม้นพร้อมกับลูกสาวที่ช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ไกล

“รับสมัครคนงานช่วยมั้ยคับ” เจ้าตัวเล็กออกอาการออดอ้อนไปตั้งแต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปในร้านดี

“ต๊ายยย  ลูกชายชั้นมา” หญิงวัยกลางคนอุทาน ก่อนวางมือจากตะแกรงลวกก๋วยเตี๋ยวออกมากอดรับขวัญพอเป็นพิธี  ติ๊บและปุ๋มสองเพื่อนซี้ไหว้ทักทายแม่ก่อนแนะนำผมให้แม่และเพื่อนๆที่นั่ง อยู่ในบ้านได้รู้จักก่อนจะสวัสดีปีใหม่แม่ด้วยผลไม้ที่ไปตระเวรซื้อกันใน ตลาดลาวเมื่อครู่

 

ตอนนี้ในบ้านมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันนั่ง อยู่ราวสี่ห้าคน และบอกว่าเพื่อนๆคนอื่นๆก็ออกไปเดินช๊อปปิ้งในตลาดลาวเหมือนกับพวกเราสามคน  และตอนนี้ผมก็ได้เรียนรู้ว่าเด็กๆที่จบจากโรงเรียนในตัวอำเภอรุ่นราวคราว เดียวกับติ๊บนี้ เป็นเด็กที่มีโอกาสได้เรียนต่อในสถาบันที่มีชื่อเสียงกันแทบทุกคน  อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กกลุ่มนี้คือเด็กห้องคิงส์

( สมัยผมเรียกเด็กห้องคิงส์ หมายถึง ห้องของเด็กเก่งที่มีหัวกะทิอยู่กันทั้งห้อง จะเป็นพวกเรียนดี เกรดดีๆกันจะอยู่ห้องที่ลงท้ายด้วย /1 เช่น ม.4/1  ม.5/1 ม.6/1 เป็นต้น )

 

อย่าง เช่นเจ้าตัวเล็กตอนที่เรียนม.ปลาย ก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง  เพราะน้องคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับเจ้า ตัวเล็กแต่เป็นสาขากายภาพบำบัด ส่วนคนอื่นๆก็มีเรียน เภสัช บัญชี วิศวะ กันตามความถนัดของแต่ละคนและที่ผมอดแปลกใจไม่ได้คือทุกคนมักจะเป็นเด็กทุน โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของติ๊บที่เป็นนักพูดเหมือนกันเมื่อตอนเรียนมัธยมก็เป็น เด็กทุนและจะกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนเดิมที่ตัวเองจบไปในไม่ช้า

 

มา ถึงตอนนี้ผมก็เริ่มสนิทสนมและกล้าพูดกล้าคุยกับพวกเด็กๆบ้างแล้ว เพราะบางคนก็เริ่มจะหนักข้อขึ้นด้วยการเริ่มแซวผมกับเจ้าตัวเล็กจนหน้า แดงอยู่บ่อยๆ

“พี่ไม้ค่ะ ถ้าวันนี้พี่ไม้เจอคนคนนึงพี่ไม้จะหึงจะหวงมั้ยค่ะ ถ้าหนูจะพาแฟนเก่าติ๊บมาร่วมงานนี้ด้วย”

“หือ  ติ๊บมีแฟนเก่าด้วยเหรอ” ผมถามด้วยความอยากรู้พลางหันไปทางน้องปุ๋มก่อนปุ๋มจะผงกหัวรับและหัวเราะหึๆ

ชั่วครู่เดียวเด็กๆก็ปรบมือกันเกรียวกราวต้อนรับคนที่บอกว่าเป็นแฟนเก่า หมอติ๊บ

ผมตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กเองก็ยิ้มเขินจนตาหยี และคนผู้มาใหม่ก็จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาคมคายใช้ได้เลยทีเดียว

ก่อนที่ลมหึงตะตีหน้าผมก็ได้รับคำเฉลยว่า ตอนเรียนนั้นเพื่อนของติ๊บคนนี้ชอบล้อ แกล้ง บอกคนอื่นๆว่าเป็นแฟนกับติ๊บ  จนเพื่อนๆล้อเล่นกันเป็นเรื่องปกติไปซะเลยและเพื่อนของติ๊บคนนั้นก็บอกว่า เลิกกับติ๊บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  เพราะการกลับมาบ้านของตนคราวนี้คือพาแฟนมาเปิดตัวกับพ่อแม่และคืนนี้จะพาแฟน มาร่วมเค้าท์ดาวน์กับเพื่อนๆด้วย

 

ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่อยู่ ร่วมกันคงทำให้เจ้าตัวเล็กหวนคิดถึงอดีตและร่วมวงสนทนากับเพื่อนๆอย่างออกรส ออกชาติ  ผมจึงเดินเลี่ยงมาดื่มโอเลี้ยงอยู่นอกบ้านที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนสนิทของติ๊บคนหนึ่ง ที่ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้รู้จักและพูดคุยกันในตอนนี้

 

เพื่อนของ ติ๊บคนนี้สูงโปร่งออกจะผอม ผิวคล้ำ และดูมีอายุไปกว่าติ๊บเยอะแล้วอาจจะเพราะเคร่งเครียดกับการเรียนมาก เลยกระมัง  น้องคนนี้เล่าให้ผมฟังว่า

 

“เมื่อตอนที่เรียนมัธยมปลาย ติ๊บมาเป็นเพื่อนใหม่สมาชิกใหม่ของห้องเพราะย้ายมาจากโรงเรียนประจำตำบล  แต่ที่ทำให้ผมขำออกมาคือ  น้องคนนี้เล่าว่าวันที่สอบเข้าโรงเรียนแห่งนี้เพื่อทำการวัดพื้นฐานของเด็ก แต่ละคน  เพื่อทำการจัดเรียงลำดับเด็กตามพื้นฐานและความรู้ความสามารถว่าใครจะอยู่ ห้องไหน  พวกตนซึ่งไม่มีใครอ่านหนังสือเตรียมตัวมาสอบกันเลยและเจอข้อสอบที่เรียกว่า ยากเอาเสียมากๆ ขนาดตนเองซึ่งเคยได้ 4.00 มาแล้วเมื่อตอนอยู่ ม.ต้น ก็ไม่สามารถทำข้อสอบได้  แต่ปุ๋มบอกว่าเพื่อนของตนคนนี้เก่งมาก  ปุ๋มจึงลอกข้อสอบไปจากติ๊บ  และไปกระจายให้เพื่อนๆในกลุ่มเดียวกัน   ผลออกมาสุดท้ายเพื่อนๆที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้อยู่ห้องคิงส์กันหมดเลยเพราะลอก ข้อสอบจากเจ้าตัวเล็กแท้ๆ”

 

“ส่วนตอนที่เรียนด้วยกันน้องคนนี้ก็บอกว่าไม่เคยพบเคยเจอคนที่มีความสามารถ รอบด้านแบบติ๊บมาก่อน  อย่างตนชอบคณิตศาสตร์ก็จะเรียนได้ดีแค่เฉพาะวิชานี้  กิจกรรมอย่างอื่นก็จะไม่ทำแล้ว  แต่พี่ไม้เชื่อมั้ยเวลาที่มีการสอบแข่งขันระดับจังหวัดอาจารย์ทุกวิชาจะวิ่ง ตรงมายังติ๊บกันทุกคน ไม่เพียงแค่วิชาการเท่านั้น  กีฬาติ๊บเองก็สามารถเล่นได้และเล่นได้ดีทุกอย่าง”

“พี่ไม้เคยเห็นนักกีฬาคนไหนใส่ชุดเชียร์หลีดเดอร์ ลงแข่งกีฬามั้ย” น้องคนนั้นเอ่ยถามผมติดตลก

“ไม่เคยคับ ชุดเชียร์หลีดเดอร์มันใช้ลงแข่งอะไรได้ด้วยเหรอ”

“เพื่อนผมคนนี้เคยทำมาแล้วจำได้ว่าวันนั้นเป็นงานกีฬาสี  ทุกคนประหลาดใจมาก เมื่อติ๊บตกลงปลงใจเป็นเชียร์หลีดเดอร์ให้กับคณะสีของตน  เมื่อโชว์เสร็จเจ้าตัวก็วิ่งไปแข่งปิงปองต่อโดยที่ยังใส่ชุดเชียร์หลีดเดอร์ ไม่ทันได้เปลี่ยน  และมันก็เก่งมากจนถึงขั้นเอาชนะพี่ที่เป็นนักกีฬาเขตได้  มันยังบ้าดีเดือดได้อีกนะพี่พอแข่งปิงปองเสร็จยังดีที่มันเปลี่ยนชุดมาแข่ง บาสเกตบอล  วอลเลย์บอล  เปตอง และอีกหลายกีฬา  แข่งเสร็จก็มาแต่งตัวโชว์หลีดรอบตัดสินในช่วงบ่าย ตอนนั้นพวกผมทุกคนงงกันหมดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับติ๊บ   แต่พอวันถัดมาที่เสร็จสิ้นการแข่งขันเสร็จสิ้นกิจกรรมมันก็กลับมาเรียบร้อย สู่สถานะเดิม”

 

“แต่ผมนับถือน้ำใจติ๊บเขานะ  ผมว่าผมจนแล้วนะพี่แต่ผมยังพอมีเงินไปเที่ยวไปเรียนพิเศษบ้าง แต่ กับติ๊บนี่ไม่เคยเลยใครจะเชื่อว่าวันนึงคนที่ไม่เคยไปเรียนพิเศษ  หรือแม้กระทั่งมาติวกับอาจารย์ในช่วงเสาร์ อาทิตย์ วันดีคืนดีจะสอบติดแพทย์ได้แบบเหนือความคาดหมายของทุกคนแต่ผมก็ต้องขอบคุณติ๊บเขานะ”

 

“พี่รู้อะไรมั้ยที่ผมสอบทุน สควค. (ทุนส่งเสริมครูผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษ ) และกำลังจะกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนเดิมใกล้ๆบ้านของผมแบบนี้ได้  ต้องขอบคุณที่ครั้งนึงติ๊บมันสละสิทธิ์ทุนนี้ผมที่เป็นตัวสำรองก็เลยได้ทุน นี้ไป  เลยทำให้ผมรักและชื่นชมเพื่อนคนนี้มากขึ้นไปอีก”

 

“อะไรที่ทำให้น้องคิดว่าติ๊บคนนี้เป็นที่รักของเพื่อนๆได้แบบนี้” ผมตัดสินใจถามเพื่อนสนิทของติ๊บราวกับสัมภาษณ์ออกรายการโทรทัศน์  แต่ก็นะถ้าเรารักใครซักคนเราก็ต้องอยากรู้เรื่องของเขาให้มากที่สุดจริงมั้ย ครับ

“ถ้าให้ผมตอบคือผมคิดว่าติ๊บเป็นคนยิ้มง่ายเข้ากับคนอื่นง่าย  มีน้ำใจ  และที่ให้คำจำกัดความของติ๊บได้เข้าที่ที่สุดไม่ว่าจะในฐานะไหนก็คือ  ผมว่าติ๊บเป็นคนน่ารัก   มันน่ารักโดยสันดานอะพี่”

เออ  เอากับน้องเขาซิ  นี่คือชมเพื่อนแล้วใช่มั้ยนิ ประโยคนี้

 

“พี่อย่าตกใจนะ  คือมันน่ารักโดยที่ไม่ต้องปรุงแต่งหรือปรับอะไรเลยพี่ดูเวลามันอยู่กับแม่ ที่ขายก๋วยเตี๋ยวซิ  มันก็อยู่บนบทบาทของลูกที่น่ารัก  ช่วยงานเขาแบบนี้ใครจะไม่รัก  หรือพี่ดูตอนที่มันอยู่กับเพื่อนๆซิ  มันก็เป็นเพื่อนที่น่ารัก  แต่ที่ผมชอบติ๊บคือผมไม่เคยได้ยินคำหยาบหรือไม่สุภาพออกจากปากมันเลย  มันไม่เคยขึ้นมึง  กู หรือด่าเพื่อนคนอื่นเลย  คำหยาบที่สุดที่ผมเคยได้ยินจากปากมันคือคำว่า  ไอ้บ้า” เออ อันนี้ผมเห็นด้วยแฮะเท่าที่อยู่ด้วยกันมาสามปีนี่แหละคำหยาบที่สุดที่ผมเคย ได้ยินจากปากเจ้าตัวเล็กจริงๆ

 

“และพี่อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวนะ  เวลามันอยู่กับพี่ผมก็เชื่อว่ามันเป็นแฟนที่น่ารักของพี่ด้วยจริงมั้ย” เออ  อันนี้จริงไม่เถียงเลยซักคำ

 

“ผมรักและสนิทกับติ๊บมันมาก  มาวันนี้ภาพติ๊บคนเก่าที่หมองๆซึมถูกลบหายไปหมดวันนี้ติ๊บมันดูสดใส มีสง่าราศี และมีความสุขกว่าเมื่อก่อนเยอะผมฝากพี่ดูแลเพื่อนผมคนนี้ให้ดีที่สุดเลยนะ”

 

หลังจากเรียนรู้เจ้าตัวเล็กผ่านปากของเพื่อนสนิทเจ้าตัวเล็กแล้ว  ก็ทำให้ผมมั่นใจมากว่าผมเลือกคนไม่ผิดแล้วจริงๆ

 

พลบ ค่ำหลังจากที่ช่วยแม่ที่เป็นเจ้าของบ้านเก็บร้านก๋วยเตี๋ยว  และร้านขนมครกของแกเรียบร้อยแล้ว  เด็กๆก็เริ่มทยอยกันมามากขึ้นบางส่วนก็เรี่ยไรเงินออกไปซื้อของมาเตรียม สำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้ที่ตลาด  ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เก็บและจัดเตรียมสถานที่

 

ราวๆ สองทุ่มเด็กๆก็มาพร้อมหน้ากันราวยี่สิบคนไม่เกินนี้  ตอนนี้ทุกคนเริ่มอร่อยกับอาหารที่ช่วยกันลงมือทำ จนได้ที่จึงมีบางส่วนเริ่มด้วยการดื่ม บางแล้ว เด็กๆที่ไม่ได้เจอกันนานจึงเริ่มคุยจอแจกันแล้วเป็นที่สนุกสนานเฮฮา แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินเท่าไหร่นักเพราะทั้งเจ้าตัวเล็ก และน้องปุ๋มตลอดจนเพื่อนคนอื่นๆหันมาหยอกล้อและแซวผมกับเจ้าตัวเล็กเป็น ระยะๆ

 

เที่ยงคืนและเริ่มการนับถอยหลัง

5

4

3

2

1

 

สวัสดีปีใหม่ 2549

 

ผม นั่งมองเจ้าตัวเล็กที่สนุกสนานร่าเริงไปกับเพื่อนๆ  ความสุขในวัยเยาว์ได้หวนมาอีกครั้งเมื่อเพื่อนฝูงกลับมารวมตัวกัน  และตอนนี้ผมก็ไม่ได้เมาหรือเข้าข้างตัวเองแต่อย่างใดผมรู้สึกว่า ติ๊บ ดูเด็กที่สุดในบรรดาเพื่อนฝูงของตัวเองแล้ว อาจจะเป็นเพราะการใช้สมองอยู่บ่อยๆนั่นแหละมั้งจึงทำให้ดูเด็กอยู่เสมอๆ

 

ผมมีความสุขจาการเห็นคนที่ผมรักมีความสุข  มันสุขสุดๆแล้วตอนนี้  เวลานี้

TBC…

// น่าจะตั้งตอนนี้เป็นชื่อว่า “เมียเทวดา” จะเหมาะดีกว่าไหม คนอาร๊ายยย เพอร์เฟ็คแมน(เมีย)ขนาดนี้ :-[ อ่านแล้วขนลุกไปตามๆ กัน อิจฉาอย่างแรงเลยนะ บุญของเฮียไม้จริงๆ ที่ได้พี่ติ๊บมาเป็นแฟน ตาร้อนวุ้ย... และชอบคำนี้อ่ะ “มันน่ารักโดยสันดานอะพี่” ใช่พี่ติ๊บน่ารักเป็นสันดาน แต่สันดานในที่นี้หมายถึงสันดานที่ดี คิดดี ทำดี ประพฤติดีต่างหาก (ได้เวลาแซวคืนตามระเบียบ :laugh:)

gtower

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

aim

  • บุคคลทั่วไป
ต่อมอิจฉาแตกแล้วเรา ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ
กด + ให้แล้วนะจ๊ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะทุกคน

Sabaijai

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
"เมียเทวดา" เข้าท่าดีเหมือนกันนะ hackz :jul3:
คนเค้าน่ารัก เพราะมันอยู่ในสายเลือดอ่ะป่าว

แอบซุ่ม

  • บุคคลทั่วไป
555..เข้ามาขำกะคำว่าเมียเทวดา ดื่มน้ำอยู่ถึงกะพุ่งเชียว คือมันทั้งจั๊กจี้ทั้งขำทั้งมึนบอกไม่ถูก :a5:

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...เห็นด้วยอย่างยิ่ง คนจะดี ดีโดยสันดาน ไม่ต้องเสแสร้ง
...โชคดีจริงๆๆหมอไม้ งานนี้หมอไม้ไปเพื่อสืบความลับ ความน่ารัก ของหมอติ๊บโดยเฉพาะเลยมั้ง
:laugh:

SoYiLovE

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังที่มีโอกาสได้มารู้จักคนดีๆ น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างแก่เด็กรุ่นใหม่ๆ อย่างหมอติ๊บ

อ่านแล้วมีความสุข เหมาะสมแล้วที่หมอติ๊บได้สิ่งดีๆในชีวิตตอบแทนกลับมา (อย่างเช่นหมอไม้ เป็นต้น ใช่มะ)

หมดติ๊บน่ารักมั๊กม๊ากกกกกกก

จะบอกอีกอย่าง ชอบจังเลยเวลาอ่านตอนที่หมอติ๊บกลับบ้าน วิธีชิวิตต่างจังหวัดช่างเป็นเสน่ห์และอบอวลไปด้วยความสุขอ่ะ

อ่านแล้วรักหมอติ๊บและรักเมืองไทยจัง อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Pra2

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคำนี้เหมือนกันเลยค่ะ "น่ารักโดยสันดาน" เหมาะกับพี่ติ๊บจริงๆ  o13

เพราะการที่พี่ติ๊บทำตัวน่ารักอย่างงี้มาตลอด

ก็เลยทำให้พี่ติ๊บพบเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต

พี่ติ๊บนี่ช่างเป็นที่รักของทุกคนเลยจริงๆ  น่านับถือมากเลยค่ะ :กอด1:

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
หมอติ๊บ นี่เรียกได้ว่า " เหนือมนุษย์ " แล้วนั่น  โอ้ คนอะไรทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน  o13

ถ้าเป็นจอมยุทธ์นี่ เก่งทั้ง บู๊และบุ๋น เลยนะ  o13

อยากเห็นหมอติ๊บใส่ชุดลีดเดอร์ ไปตีปิงปองจริงๆ คงน่ารักน่าดู  :o8:

ขนาดเป็นแฟนคลับอ่านแล้วยังปลื้มหมอติ๊บมั่กๆเลย 

แล้วงี้หมอไม้จะระดับไหนล่ะนั่น  (งานนี้ทั้งรัก ทั้งหลง หมดใจเลยชิมิค๊า) :z2:


 :กอด1: :L2: 2คุณหมอ & น้อง hackz


hipolymer

  • บุคคลทั่วไป
พี่ติ๊บน่ารักจัง จะขยันให้ได้ซักครึ่งของพี่ติ๊บนะฮะ พี่ไม้ค่อดดดดโชคดี ได้แฟนดีอิหลี อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยพี่ติ๊บพี่ไม้รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมไอมา2อาทิตย์แล้วยังไม่หายเลย ร๊ากกพี่ติ๊บนะ :กอด1: พี่ไม้ไม่สนใจหรอก อิจฉาคนได้แฟนน่ารัก

ออฟไลน์ Bee_YJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มไม่หุบเลย มีความสุขไปด้วย

หมอติ๊บน่ารักมากๆ เพื่อนๆหมอติ๊บก็น่ารัก

หมอไม้โชคดีที่ได้เจอและรักหมอติ๊บ

และหมอติ๊บก็โชคดีที่ได้เจอและรักหมอไม้

อยากเห็นรูปหมอติ๊บบ้างนะค่ะ เพราะเข้ามาไม่ทัน

ขอหน่อยนะค่ะ เห็นแก่แฟนคลับหมอไม้ หมอติ๊บและนายแฮ็ค ตาดำๆ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
มัวแต่ยุ่ง ๆ เข้ามาดู อ้าว ลงสองตอนแล้ว
ธรรมชาติที่สวยงาม ความสดใสและไมตรีจิตของคนในพื้นที่
มีเสน่ห์มาก อ่านแล้วทำให้มีความสุขไปด้วยเลย
อ่านตอนล่าสุด ทำให้นึกถึงคำพูดหมอติ๊บเลย  ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาอย่างเดียว
เข้าใจแล้ว  ก็ เล่นเหมาซะขนาดน้าน :laugh:
เราก็โชคดีด้วยเหมือนกัน ที่ได้มาเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ ที่นับวันจะหาไม่ค่อยเจอแล้ว
 :กอด1: หมอติ๊บ หมอไม้และนายแฮ็ค ด้วยความคิดถึง


dr.mike

  • บุคคลทั่วไป
 :L1:หมอไม้สุดหล่อมาละคับ    :L1:

แวะมาทักทายชาวเล้าในวันหยุดเพราะไม่ค่อยสบาย  ไอทั้งวันเลย

เลยลงตอนต่อไปล่วงหน้าให้นายแฮคในเฟสบุคหลายตอนไปแล้วนะ

ยังไงเป็นกำลังใจให้นักโสของเราด้วยนะคับ

สู้ๆ  เผื่อจะมีคนแถวนี้เห็นใจ  เอิ๊กสืๆ :a5:

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...ป่วยเหรอหมอไม้ เดี๋ยวก็หาย มีพยาบาลดี ทำอาหารเลิศรส ให้รับประทาน จนตอนนี้ได้ฉายาว่า..คิงคอง แล้วนี่ :laugh:

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
ตอนที่ 139 ทำบุญ ( แต่ผมจะได้บุญมั้ยเนี่ยยย )

ปีใหม่ผ่านพ้นจนดึกดื่นเด็กๆจึงเริ่มล่ำลาและแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน

ผม เจ้าตัวเล็ก และน้องปุ๋มคนสวยขับรถอกมาจากตัวอำเภอมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของเรากันในตอน ดึก  แวะส่งน้องปุ๋มเข้าบ้านก่อนจะวนรถไปจอดหน้าบ้านของเรา

ฟังดูดีแฮะประโยคนี้ บ้านของเรา

 

ดึก แล้วป่านนี้ป้าคงนอนหลับไปนานแล้ว  แต่ยังเปิดไฟส่องสว่างคงกลัวว่าคนที่ไม่คุ้นที่จะเดินชนนั่นชนนี่   ตอนนี้เพื่อนบ้านก็นั่งสังสรรค์ฉลองปีใหม่รอบกองไฟอยู่แทบจะเกือบทุกบ้าน เพราะนี่ก็เป็นเวลาที่หลายๆคนตื่นเช้ามานึ่งข้าวเหนียวหุงหาอาหารกันแล้ว

 

ผม กับเจ้าตัวเล็กเข้าไปนอนได้ซักพักผมก็ต้องสะดุ้งตื่นในตอนเช้าตรู่หลังจาก ได้พักสายตาไปไม่กี่ชั่วโมง   เสียงโขลกทำกับข้าวดังมาจากครัวหลังบ้านปลุกให้ผมได้ตื่นจากความหลับไหล เอื้อมมือไปสวมกอดคนรักหากแต่เจอเพียงกองผ้าห่ม  เจ้าตัวเล็กคงออกไปช่วยป้าทำกับข้าวแล้วเป็นแน่  เราเป็นเขย จะตื่นสายให้เขาว่าเอาไม่ได้  ( คิดไปขนาดนั้นเชียวแฮะเรา )

 

หลัง จากเสียงระฆังดังเหง่งหง่างมาจากวัด  ป้าและเจ้าตัวเล็กจัดการเตรียมอาหารถวายพระ ข้าวต้มผัดไส้กล้วยสำหรับตักบาตร ไปจนสำรับหมากพลู เรียบร้อยแล้ว

ป้าเดินเข้าห้องแต่งตัวออกมาด้วยชุดไหมสีน้ำเงินที่ติ๊บซื้อมาฝากเมื่อคราวก่อน

อันที่จริงผมว่าป้าของติ๊บเป็นคนสวยทีเดียวแหละ ผิวพรรณแกก็จัดว่าดีขนาดทำงานหนัก

อยู่แต่ในไร่ในสวนจนไม่มีเวลาได้แต่งเนื้อแต่งตัวแบบนี้เท่าไหร่  เมื่อแกอยู่ในชุดไหมแบบนี้จึงดูดีแปลกตาไปมาก

เจ้าตัวเล็กออกมาจากห้องด้วยเสื้อไหมแขนสั้นสีขาวงาช้างพอดีตัว  น่ารักยังกะละอ่อนเหนือ

ส่วน ผมก็อยู่ในชุดสุภาพทำหน้าที่พลขับ พาป้าและติ๊บไปส่งยังวัดเพราะวันนี้เจ้าตัวเล็กตั้งใจจะถวายสังฆทานด้วยจึง ให้ป้าจัดเตรียมของไว้ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ของจึงเยอะมากจึงใช้รถขนของไปสะดวกกว่าที่เราสามคนจะหอบพะรุงพะรัง

 

ตอน นั้นผมยังขับมิสเตอร์แจ๊ส สีแดงเป็นเพื่อนคู่ใจ  ไม่ได้หรูหราหรือโก้เสียมากมายเมื่ออยู่ในชุมชนเมือง แต่ในสังคมชนบทแบบนี้มีรถผมเพียงคันเดียวที่เข้ามาจอดในวัดและขนของถวาย สังฆทานมาเต็มหลังรถ  ตลอดจนอาหารคาวหวาน และข้าวของสำหรับงานบุญวันนี้อีกหลายอย่างจึงเป็นที่แตกตื่นและสนใจสำหรับ ชาวบ้านละแวกนี้

 

ที่นี่ทำให้ผมเรียนรู้และศรัทธาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง 

เพราะมันไม่ใช่พุทธพาณิชย์แบบที่ผมเห็นจนชินตาในกรุงเทพ

พิธีกรรมต่างๆถูกตัดออกไปจนเหลือไว้แค่คำว่าสะดวก  ตู้บริจาคที่ดูรกหูรกตาจนไม่รู้จะทำบุญบริจาคเริ่มจากตรงไหน 

 

แต่ที่นี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น

เมื่อ ชาวบ้านมาถึงวัดก็จำนำภัตตาหารหรือปิ่นโต  มาจัดเป็นสำรับหนึ่ง  แม้ว่าหนึ่งครอบครัวมีกับข้าวมาเป็นไข่เจียวอย่างเดียว   แต่เวลานี้มีพระสงฆ์ในวัดสี่รูป  ไข่เจียวจานนั้นก็จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเท่าๆกัน  แม้ว่าจะมีเพื่อนบ้านคนอื่นนำไข่เจียวมาถวายพระเหมือนกันก็ตาม

 

ผม แอบกระซิบถามเจ้าตัวเล็กถึงเหตุผลว่าทำไมเราไม่เอาไข่เจียวของคนนี้ใส่ ภัตตาหารในส่วนของพระรูปนี้  แล้วเอาไข่เจียวของบ้านอื่นใส่ให้พระรูปอื่นก็ได้ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า  เพื่อให้ผู้ที่นำไข่เจียวมาถวายได้ทำบุญกับพระแต่ละรูปโดยเท่าเทียมกัน   และพระทุกรูปก็ได้ฉันท์อาหารเหมือนกันไม่มีของอร่อยให้เจ้าอาวาส  และของเหลือบาตรให้เณร

ไม่ว่าเจ้าอาวาสหรือเณรก็ได้ฉันท์ทุกอย่างเท่ากัน  เหมือนกันทุกอย่าง ทุกจาน

หลังจากได้รับคำตอบให้กระจ่างความสงสัยแล้ว   ป้าก็สั่งให้เจ้าตัวเล็กทำบุญด้วยข้าวพันก้อน

ข้าวพันก้อน  คือการนำขนมหรือข้าวต้ม หรือข้าวเหนียวทำเป็นคำเล็กๆ อุทิศบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรนายเวร  วิญญาณเร่ร่อน สัมพเวสี

 

จากนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วพระก็เริ่มสวดมนต์ไปซักระยะ

ชาวบ้านจึงเดินออกไปตั้งแถวเป็นวงกลมรอบศาลาวัดเพื่อเตรียมการตักบาตรด้วยขนม หรือข้าวต้ม  ขนมเทียน ตามแต่ที่แต่ละครอบครัวสะดวก

 

จาก นั้นก็เข้ามาในศาลาสวดอุทิศบุญส่วนกุศลแก่บุพการี และผู้มีพระคุณ ตลอดจนตัวเองก่อนจะกรวดน้ำ  และพระฉันท์อาหาร ในระหว่างพระฉันท์อาหารก็มีผู้เฒ่าผู้แก่ที่มาจำศีลนุ่งขาวห่มขาวที่วัดสวด มนต์อย่างต่อเนื่อง  จนพระฉันท์เสร็จเรียบร้อยก็สวดมนต์ให้พร  ญาติโยมรับศีลรับพรเสร็จพระสงฆ์จึงเดินออกมาแจกจ่ายขนมที่ได้รับจากการบิณฑบาตเมื่อเช้าออกแจกจ่ายญาติโยม  ส่วนข้าวปลาอาหารที่เหลือก็ให้ชาวบ้านนั่งล้อมวงแลกเปลี่ยนเรื่องราวพูดคุย กันระหว่างสนทนาและกินข้าวก้นบาตรที่เชื่อว่าจะได้บุญและทำให้มีร่างกายแข็งแรง

 

ผมไม่ได้อคติกับวัดในกรุงเทพนะ

แต่บรรยากาศการทำบุญแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกอิ่มบุญมากกว่าเดินถือเงินเข้าวัดในกรุงเทพที่มีตู้รับบริจาค

เมื่อจะถวายถวายสังฆทานก็หยอดเหรียญและรับพรจากพระผ่านเทปหรือแผ่นซีดีที่จะดังขึ้นเมื่อเราหยอดเหรียญถวายสังฆทาน

เมื่อ จะถวายอาหารเช้าหรือเพลก็เดินถือเงินเข้าวัดไปจ่ายเงินกับทางวัดแล้วชุดโต๊ะ จีนพระก็จะถูกจัดออกมาตามกำลังการบริจาคของเรา   รายรอบวัดมีตู้รับบริจาคมากกว่าร้อยตู้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้เงิน  ผิดกับที่นี่ที่มันเรียกกำลังจากศรัทธาได้อย่างลิบลับ คุณคิดอย่างผมมั้ย

 

หลัง จากชาวบ้านทานอาหารเช้าข้าวก้นบาตรกันเรียบร้อยแล้ว  ก็จะมีการเรี่ยไรเงินบริจาคโดยใส่ลงในบาตรพระตามกำลังศรัทธา  ห้าบาทสิบบาท  ไม่มีจำกัดเหมือนตู้บางวัด( รับเฉพาะเหรียญสิบเท่านั้น   แล้วเงินเหรียญห้าเหรียญบาทของชาวบ้านไม่มีคุณค่าพอจะทำบุญหรืออย่างไร )

พร้อม กับที่พระก็เริ่มประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแบบชาวบ้าน  ( อันนี้ก็ไม่ต้องหยอดเหรียญรับน้ำมนต์เหมือนใน กทม ) หลังจากเสร็จจากพิธีสรงตรงนี้แล้วชาวบ้านก็จะร่วมกันพัฒนาวัดทั้งขุดลอกท่อ ระบายน้ำ  ตัดแต่งกิ่งไม้รอบวัด   จนช่วงสายๆก็แยกย้ายกันกลับตามความสะดวกของแต่ละคน

 

ผมเห็น เจ้าตัวเล็กนั่งสนทนาอยู่กับผู้เฒ่าในหมู่บ้านอย่างนอบน้อมก่อนจะรับพร   โดยการผูกข้อไม้ข้อมือเป็นศิริมงคลในช่วงปีใหม่ ก่อนจะลากลับออกมาพร้อมกับป้าที่ยิ้มแย้มให้กับผู้คนที่ผ่านมาทักทาย  ถ้าให้ผมเดาผมคิดว่าฐานะของป้าตอนนี้ก็คงพอมีอยู่มีกินจากความสำเร็จระยะ แรกๆของเจ้าตัวเล็กแม้จะไม่ร่ำรวยอย่างคนอื่นๆในหมู่บ้าน แต่ก็คงไม่ขัดสนเหมือนก่อน

 

เพราะป้าเองก็มีสีหน้าอิ่มเอิบต่างจากเมื่อคราวที่ผมมาที่นี่ครั้งแรกอยู่มากทีเดียว 

แม้ตอนนี้ครอบครัวนี้จะยังไม่ร่ำรวยจนเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้าน

แต่ไม่นานหรอกความกตัญญูของเด็กหนึ่งคนจะเปลี่ยนแปลงฐานะและความเป็นอยู่ของป้าและติ๊บได้อีกมากมายเลยทีเดียว  ผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ

TBC…

// ผู้เป็นแม่หรือผู้ที่เป็นอุปการคุณของท่านพี่ติ๊บ สิ่งแรกที่ผมจะบอกได้ในตอนนี้คือ อิ่มเอม ที่ไม่ใช่จากการอิ่มอาหาร แต่เป็นการอิ่มเอมออกมาจากหัวจิตหัวใจ ไปทางไหน ที่ใด ทำอะไร ทุกคนย่อมมีการให้สรรเสริญและยกย่อง เพราะผลมาจากการที่เราทำของตัวเราเอง เราทำดีก็ได้ดีไป ทำไม่ดีต้องโดนตำหนิ ติฉินนินทากันไป อย่างพี่ติ๊บนี้ชาตินี้ทำบุญและทำความดีไว้เท่าไหร่ ชาติหน้าย่อมส่งผลมากกว่าชาตินี้เป็นแน่แท้ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมภูมิใจและดีใจแทนเฮียไม้และคุณป้าของพี่ติ๊บจริงๆ โชคดีและมีบุญวาสนามาก ที่ได้มีพี่ติ๊บเป็นลูก(เมีย)คนนี้ yes!

dr.mike

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: หมอติ๊บนะคับแวะมาทักทายอีกรอบ  :o8:

ขวยเขินกับคำชมของน้องแฮค  แต่อย่าลืมว่าคนเราไม่ได้มีแค่มุมเดียว

อย่าตัดสินพี่หรือคนอื่นจากมุมมองที่แฮคได้เรียนรู้  ได้ฟัง  หรือได้พบเห็น

แต่แฮคต้องเรียนรู้ที่จะมองคนในทุกด้านมนทุกแง่ ในทุกมม

เหมือนตัวอย่างง่ายๆพี่อาจเป็นคนดีในบทนิยายของพี่ไม้

แต่ในขณะเดียวกันพี่อาจเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวได้เหมือนกัน  ( จริงม่ะโย่ง )

แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ทุกคนยังรัก  ยังชื่นชม  และยังเอ็นดูในตัวหมอบ้านนอกคนนี้นะคับ

รักทุกคนเช่นกัน



แอบฝากประชาสัมพันธ์เล็กน้อย

คืนนี้ใครอยู่อ่อนนุชเจอกับหมอติ๊บ  และหมอไม้ได้  ที่ข้างวัดยางอ่อนนุช

งานคอนเสิร์ตเสียงอิสาน

( พอดีป้ามาเยี่ยมจากนครพนมแล้วเห็นแกอยากดูมากเลยจะพาป้าไปดู  เผลอตาไม้อาจไปหน้าเวทีกะเขาแหงม ๆ)

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคับพี่ติ๊บ ใช่เน๊าะ คนเราต้องมองหลายๆ มุม

มุมที่เราเห็นอาจจะยังไม่ใช่ทั้งหมดของคนๆ นั้น เราต้องมองให้เห็นของทุกมุมของคนนั้น

ก็คงจะจริง พี่ติ๊บคงร้าย(กาจ) กับเฮียไม้อย่างแน่(ชิมิ)

-----

อ้ายติ๊บ สิไปมั่วหน้าฮ้านซำบ้ออ้าย หมอลำเสียงอีสานเหรอ อยากเห็นแม่ใหญ่จื้น ยายแหลม ยายปอยฝ้าย 555+

โหย เสียดาย ผมไม่ได้อยู่บางกอก

ยังไงถ้าไป ก็ถ่ายรูปอัพขึ้นเฟสบุคให้ดูหน่อยเด้อ

ก็ว่ากันไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด